ส้มโอ ส้มโอเป็นไม้ผลเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย เน่อื งจากมรี สชาติดีและเป็นที่นยิ มบริโภคของคนท่ัวไป นอกจากนี้ยังส่งไปจำหน่าย ยังต่างประเทศ สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ปีละหลายสิบล้านบาท จะทำให้มีการ ขยายพนื้ ที่ปลูกส้มโอมากข้ึนทุกปี พน้ื ทป่ี ลกู สม้ โอเดมิ อยทู่ เ่ี ขตจงั หวดั ทางภาคตะวนั ตกเชน่ นนทบรุ ี นครปฐม เปน็ ตน้ ปจั จบุ นั พน้ื ทป่ี ลกู สม้ โอไดก้ ระจายอยใู่ นจงั หวดั ตา่ งๆ ทว่ั ประเทศ โดยมแี หล่ง ผลติ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ นครปฐม ตราด ชมุ พร สงขลา เป็นตน้ พนั ธ์ุ พันธุ์ส้มโอที่ปลูกอยู่ในประเทศไทยมีหลายพันธุ์ บางพันธุ์ก็มีลักษณะ ใกล้เคียงกัน แต่ปลูกคนละท้องที่จึงเรียกชื่อแตกต่างกันไป พันธุ์ส้มโอที่ปลูก เพื่อการค้าแบ่งออกได้ดังนี้ 1. พันธุ์การค้าหลัก ได้แก่ ขาวพวง ขาวทองดี ขาวน้ำผึ้ง เป็นต้น 2. พันธุ์การค้าเฉพาะแห่ง ได้แก่ ขาวแป้น ขาวหอม ขาวแตงกวา ท่าข่อย ขาวใหญ่ หอมหาดใหญ่ เจ้าเสวย กรุ่น ขาวแก้ว เป็นต้น
พันธุ์ขาวพวง ผลมีขนาดโตปานกลาง ทรงผลกลม ทรงสูงเล็กน้อย มีจุกสูง มีจีบที่จุก ด้านก้นผลเว้าเล็กนอ้ ย ผวิ เรียบ มีสเี ขยี วอมเหลือง ต่อมน้ำมันที่ผิวเปลือกค่อนข้างใหญ่อยู่ห่างกัน พอสมควร เปลือกหนาปานกลางผลหนึ่งมีกลีบ ผลประมาณ 12-14 กลีบ แยกออกจากกันได้ง่าย กุ้ง (เนื้อ) มีสีขาวอมเหลือง ค่อนข้างแข็งเบียดกันอยู่อย่างหลวมๆ มีน้ำมากแต่ไม่แฉะน้ำรสหวานอมเปรี้ยว มเี มลด็ ไมม่ าก เปน็ พนั ธท์ุ น่ี ยิ มใชใ้ นเทศกาลไหวพ้ ระจนั ทร์ เนอ่ื งจากมรี ปู ทรงผลสวย จึงสามารถส่งไปจำหน่ายต่างประเทศในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้ปีละเป็น จำนวนมาก พันธุ์ขาวทองดี หรือ ทองดี ผลมีขนาดโต ปานกลาง ทรงผลกลมแป้น ไม่มจี ุก ต้นขั้วผลมีจีบ เลก็ นอ้ ย กน้ ผลเรยี บถงึ เวา้ เลก็ นอ้ ย ผวิ เรยี บมสี เี ขยี วเข้ม ต่อมน้ำมันละเอียด อยู่ชิดกัน เปลือกค่อนข้างบาง ด้านในของเปลอื กมสี ีชมพเู รื่อๆ ผลหนึ่งมีกลีบผล ประมาณ 14-16 กลีบ ผนงั กลีบมสี ชี มพอู อ่ น กงุ้ มสี ชี มพเู บยี ดกนั แน่น นมิ่ ฉ่ำน้ำ รสหวานอมเปร้ียว เมล็ดมีขนาดเลก็ เป็นพันธ์ทุ นี่ ยิ มบรโิ ภคโดยทัว่ ไปและสง่ ไป จำหนา่ ยยังตา่ งประเทศ พนั ธ์ขุ าวขาวนำ้ ผง้ึ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทรงผลกลมสงู แตไ่ มม่ จี กุ เดน่ ชดั เหมอื นพนั ธข์ุ าวพวง ด้านก้นผลเรียบ ต่อมน้ำมันที่ผิวเปลือกมีขนาดใหญ ่ อยกู่ นั หา่ งๆ ผวิ เปลอื กมสี เี ขยี วเขม้ เปลอื กคอ่ นขา้ งหนา ผลหนึ่งมีกลีบผลประมาณ 11-12 กลีบ แยกออกจากกันง่าย กุ้งมีสีขาวอมเหลือง ขนาดกุ้งค่อนข้างใหญ่เบียดกันแน่น มีน้ำมากแต่ไม่แฉะ รสหวานอมเปรี้ยว สามารถแกะเนอื้ ออกมาได้งา่ ย เมล็ดมขี นาดใหญ่ แตม่ เี มลด็ ไมม่ ากนัก เปน็ ที่นยิ ม บริโภคโดยทว่ั ไป
สภาพดินฟา้ อากาศ สม้ โอสามารถปลกู ไดด้ ใี นดนิ เกอื บทกุ ชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ ดนิ เหนยี ว ดนิ ทราย ดนิ ปนทราย ทีร่ ะบายนำ้ ไดด้ ี นำ้ ไมท่ ว่ มขังแฉะ แตค่ ุณภาพผลผลิตแตกต่างกันไป พื้นที่ปลูกที่ทำให้ส้มโอเจริญงอกงามดี ผลดก และมีคุณภาพดี ควรปลูกในพื้นที่ ดนิ โปร่ง รว่ นซุย มอี นิ ทรียวตั ถุอยมู่ าก ระบายนำ้ ได้ดี ถ้าเป็นดนิ เหนยี วต้องยกร่อง เพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดี ควรมีระดับน้ำใต้ดินไม่น้อยกว่า 4 ฟุต น้ำไม่ขังแฉะ ดนิ มคี วามเปน็ กรด-ดา่ งประมาณ 5.5-6 นำ้ ตอ้ งไดส้ มำ่ เสมอ ปรมิ าณนำ้ ฝนเฉลย่ี ปลี ะ 1,500-2,000 มลิ ลเิ มตร และอณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสมเฉลย่ี ประมาณ 25-30 องศาเซลเซยี ส การขยายพนั ธุ์ ชาวสวนนิยมทำอยู่ในปัจจุบันคือ การตอน ซึ่งเป็นวิธีที่ชาวสวนส้มโอ มคี วามชำนาญมาก เนอ่ื งจากมขี อ้ ดหี ลายประการ เชน่ วธิ กี ารทำงา่ ย อปุ กรณห์ าไดง้ า่ ย ราคาถกู ออกรากเรว็ ตน้ ทไ่ี ดไ้ มก่ ลายพนั ธ์ุ ใหผ้ ลเรว็ ตน้ ไมส้ งู ทรงตน้ เปน็ พมุ่ สะดวก ในการเขา้ ไปดแู ลรักษา แตม่ ขี ้อเสยี คอื อายไุ มย่ ืน และอ่อนแอต่อโรค วธิ ีตอนกงิ่ 1. เมื่อเลือกได้กิ่งทส่ี มบูรณต์ ามตอ้ งการแล้ว จึงทำการควนั่ กิง่ การควัน่ นั้น ให้ควั่นที่ใต้ข้อของกิ่งเล็กน้อย เนื่องจากบริเวณข้อของกิ่งจะสะสมอาหารไว้มาก ทำใหก้ ารงอกของรากเรว็ และได้รากจำนวนมาก รอยควัน่ ด้านลา่ งห่างจากรอยควัน่ บนเทา่ กับความยาวของเส้มรอบวงของก่งิ 2. กรดี ท่ีเปลอื กระหว่างรอยควน่ั ท้งั สอง ลอกเปลอื กตรงรอยคว่ันออก สว่ น มากแล้วก่ิงทลี่ อกเปลือกออกไดง้ า่ ยจะงอกรากได้เรว็ กวา่ กงิ่ ทีล่ อกเปลือกออกยาก ใช้มีดขูดเยื่อเจริญซึ่งมีลักษณะเป็นเยื่อลื่นๆ ออกให้หมด เพื่อป้องกันไม่เยื่อเจริญ มาประสานกันต่อไดอ้ กี ซึง่ จะทำใหร้ ากไมง่ อก สังเกตได้โดยใชม้ อื จบั ดู ถา้ หายลนื่ แลว้ แสดงวา่ ขูดเยือ่ เจรญิ ออกหมดแล้ว
3. นำถุงขุยมะพร้าวที่เตรียมไว้มาผ่าตรงกลาง จากด้านที่มีเชือกมัด จนถึงก้นถุง 4. ใช้มือแหวกขุยมะพร้าวให้แยกออกเป็นร่อง นำไปหุ้มรอยควั่น 5. มัดด้วยเชือกฟางให้แน่นอย่าให้ถุงขุยมะพร้าวหมุนได้ การปฏิบัติบำรุงรักษากิ่งตอน หลังจากทำการตอนกิ่งเสร็จแล้ว ต้องคอยสังเกตตุ้มตอนมีมด หรือปลวก เข้าไปทำรังอาศัยอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้รีบทำการกำจัดโดยใช้ยาเคมีฉีดพ่นที่ตุ้มตอน หรือถ้าตุ้มตอนมีการชำรุดเนื่องจากมีสัตว์มาทำลาย ก็ให้ทำการซ่อมแซมใหม่ การตัดกิง่ ตอน ในสภาพปกตแิ ลว้ สม้ โอจะงอกรากหลงั จากทำการตอนประมาณ 1 เดอื น สว่ นการตดั กง่ิ ตอนนน้ั จะตดั เมอ่ื ไรใหส้ งั เกตจากการทง่ี อกออกมา โดยจะทำการตดั ได้ เมอ่ื รากทง่ี อกออกจากกง่ิ ตอนเปน็ สนี ำ้ ตาลแบะมรี ากสขี าวแตกออกมาอกี ทจี งึ จะตดั ได้ เพราะรากฝอยหรือรากสีขาวนั้นเป็นรากดูดอาหาร ควรตัดกิ่งตอนในตอนเย็น เพราะเป็นระยะทีใ่ บหยุดการคายนำ้ กงิ่ จะไม่เหีย่ วหรอื เฉาได้งา่ ย ควรตัดใบและกงิ่ ทม่ี มี ากเกนิ ไปทง้ิ บา้ ง เพอ่ื ปอ้ งกนั การระเหยของนำ้ แชก่ ง่ิ ตอนในนำ้ ใหท้ ว่ มตมุ้ ตอน สัก 1-2 ชวั่ โมง จึงนำไปชำตอ่ ไป ระยะปลูก เนอ่ื งจากตน้ สม้ โอทใ่ี ชป้ ลกู กนั สว่ นมากไดจ้ ากกง่ิ ตอน จงึ มที รงพมุ่ ไมก่ วา้ ง มากนัก ดงั นน้ั ถา้ ปลูกในสภาพท่ดี ินมีความอดุ มสมบูรณด์ กี ็อาจจะมีระยะระหว่าง ตน้ และระหวา่ งแถว ประมาณ 8x8 เมตร แตถ่ า้ ปลกู ในสภาพทด่ี นิ ไมส่ จู้ ะอดุ มสมบรู ณ ์ เทา่ ไรนกั หรอื ทท่ี ม่ี รี ะดบั นำ้ ใตด้ นิ สงู กอ็ าจจะปลกู ใหม้ รี ะยะระหวา่ งตน้ และระหวา่ ง แถวประมาณ 6x6 เมตร ดงั นน้ั ในพน้ื ท่ี 1 ไร่ จะสามารถปลกู สม้ โอไดป้ ระมาณ 25-40 ตน้
การปลูก การปลกู สม้ โอแบง่ ได้ 2 วธิ ี คอื 1. การปลกู สม้ โอในดนิ เหนียวซง่ึ มนี ำ้ ทว่ มถึง เชน่ ในสภาพพ้ืนทีข่ องเขต อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี จงั หวดั นครปฐม เป็นตน้ สภาพทว่ั ไปจะเปน็ ท ่ี ราบลุ่มริมฝ่ังแม่นำ้ ดินเหนียวจดั ระบายน้ำยาก มรี ะดับน้ำใหด้ นิ สงู ส่วนมากจะดดั แปลงมาจากท้องนา สวนผกั แล้วยกร่องให้เปน็ แปลงข้นึ ใหร้ ะดบั ดนิ สงู กวา่ พื้นท ่ี ราบทั่วไป เพื่อรากส้มโอกระจายได้ลึกกว่าปกติ ระหว่างแปลงดินจะมีทางน้ำ สามารถเก็บกักนำ้ ไวใ้ ช้ในฤดแู ลง้ และช่วยระบายน้ำออกในฤดูฝน ขนาดของแปลง ดินกว้างประมาณ 6 เมตร ร่องน้ำกว้างประมาณ 1.5 เมตร และที่ก้นร่องน้ำกว้าง ประมาณ 50-70 เซนเิ มตร และลกึ ประมาณ 1 เมตร สว่ นความยาวของแปลงดินไม ่ จำกัดแล้วแตค่ วามต้องการของเจา้ ของสวน 2. การปลกู สม้ โอในท่ดี อน ท่นี ้ำทว่ มไมถ่ ึง การปลูกสม้ โอในพนื้ ท่ีแบบน ้ี ไม่ต้องยกร่อง ควรปรับพื้นที่เรียบ ทำลายวัชพืชและไถกลบดินให้ลึกสัก 2 ครั้ง ถ้าเป็นดินเก่าที่ไม่สู้จะอุดมสมบูรณ์ก็ควรหว่านพืชตระกูลถั่วลง แล้วไถกลบเพื่อ เป็นการเพิ่มปุย๋ สดให้กบั ดนิ วธิ ปี ลูก ถา้ เปน็ การปลกู สม้ โอถา้ เปน็ การปลกู สม้ โอถา้ เปน็ การปลกู สม้ โอแบบยกรอ่ ง จะปลกู เปน็ แถวเดยี วใชร้ ะยะปลกู ระหวา่ งตน้ ประมาณ 6 เมตร โดยขดุ หลมุ ปลกู กลางแปลง ดนิ สว่ นการปลกู ในพน้ื ทด่ี อกจะปลกู แบบยกรอ่ ง จะปลกู เปน็ แถวเดยี วใชร้ ะยะปลกู ระหว่างต้นประมาณ 6 เมตร โดยขุดหลุมปลูกกลางแปลงดนิ ส่วนการปลกู ในพน้ื ท่ี ดอกจะปลกู ตามลกั ษณะของพน้ื ทโ่ี ดยใหม้ รี ะยะระหวา่ งตน้ และระหวา่ งแถวประมาณ 6x6 เมตร
หลมุ ปลกู ควรมขี นาดความกวา้ งประมาร 0.5 เมตร ขดุ หลมุ แยกดนิ บนและ ดินลา่ ง กองท่ีปากหลมุ แลว้ ตากดินทิ้งไว้ ประมาณ 1-2 เดือน เพือ่ ให้แสงแดดฆา่ เชื้อโรคเชื้อราต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในดิน ผสมดินปนกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักเศษใบไม้ หญา้ แหง้ และบางสว่ นของดนิ ชน้ั ลา่ ง แลว้ กลบลงไปในหลมุ จนเตม็ ปากหลมุ นำกง่ิ พนั ธส์ุ ม้ โอทเ่ี ตรยี มไวป้ ลกู ตรงกลางหลมุ โดยใหร้ ะดบั ของดนิ อยเู่ หนอื ตมุ้ กาบมะพรา้ ว กิ่งตอนเล็กน้อย หรือถ้าเป็นกิ่งตอนที่ชำแล้วให้ระดับของดินพอดีกับระดับที่ชำ แล้วใช้ไมห้ ลกั ปักใหถ้ ึงกน้ หลุมเพ่อื กันลมโยก รดน้ำใหช้ ่มุ หาวสั ดพุ รางแสงแดด เชน่ ทางมะพรา้ ว หรอื กง่ิ ไมท้ ม่ี ใี บใหญพ่ รางแสงแดดทางทศิ ตะวนั ออกและทศิ ตะวนั ตก การปฏิบตั ิดูแลรักษา 1. การใหน้ ำ้ ในระยะที่ปลูกส้มโอใหม่ๆ ต้องหมั่นให้น้ำสม่ำเสมอจนกว่าจะตั้งตัวได้ เมอ่ื สม้ โอเจรญิ เตบิ โตดแี ลว้ ใหน้ ำ้ เปน็ ครง้ั คราวเมอ่ื จำเปน็ 2. การใสป่ ยุ๋ สม้ โอควรใสท่ ง้ั ปยุ๋ เคมแี ละปยุ๋ คอกควบคกู่ นั ไปในระยะทส่ี ม้ โออายุ 1-3 ปี หรือยังไม่ให้ผล ให้ใส่ปุ๋ยคอกเก่าผสมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปุ๋ยเคมีใช้อัตรา 300-500 กรัมต่อต้นต่อครั้ง โดยใส่ 3-4 ครั้งต่อไป เมื่อส้มโอให้ผลแล้วเมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไป การใส่ปุ๋ยจะแตกต่างกันไปตามช่วงของการออกดอกติดผล กล่าวคือ หลังจากกี่เก็บเกี่ยวผลแล้วจะให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อให้ต้นส้มโอฟื้นตัวจาก การดอกผลเรว็ ขน้ึ เมอ่ื สม้ โอจะเรม่ิ ออกดอกใหมใ่ หเ้ ปลย่ี นมาใชส้ ตู ร 8-24-24 หรอื 12-24-12 เพื่อชว่ ยให้มกี ารสร้างดอกดขี ึ้น เมอ่ื ติดผลแลว้ ประมาณ 30 วนั ขณะที่ผลยงั เลก็ อยู่ ใหใ้ สป่ ุ๋ยสูตร 15-15-15 เพอื่ ช่วยใหก้ ารเจรญิ เติบโตของผลดขี ึน้ จนกระทงั่ ผลมีอาย ุ ได้ 5-6 เดอื น ใหใ้ สป่ ยุ๋ สตู ร 13-13-21 เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ ลมกี ารพฒั นาดา้ นคณุ ภาพของเนอ้ื ดีขน้ึ มคี วามหวานมากขน้ึ สว่ นอตั ราการใชค้ วรพจิ ารณาจากขนาดของทรงพมุ่ และจำนวนผลท่ีตดิ ในแตล่ ะปี โดยทว่ั ไปเมอ่ื ตน้ สม้ โออายไุ ด้ 6-7 ปี กจ็ ะโตเตม็ ท่ี การใสป่ ยุ๋ อาจจะใสค่ รง้ั ละประมาณ 1 กิโลกรมั สำหรับตน้ สม้ โอทีม่ กี ารติลผลมาก ควรใส่ปุย๋ ทางใบเสรมิ
เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ ลสม้ โอมคี ณุ ภาพดี หรอื ตน้ สม้ โอทม่ี สี ภาพโทรมมากๆ จากการทม่ี นี ำ้ ทว่ ม หรอื นำ้ เคม็ ควรใหป้ ยุ๋ ทางใบเสรมิ จะชว่ ยใหก้ ารพน้ื ตวั ของตน้ สม้ โอเรว็ ขน้ึ วธิ กี ารใสป่ ยุ๋ โรยบนพน้ื ดนิ ภายในบรเิ วณทรงพมุ่ แตร่ ะวงั อยา่ ใสป่ ยุ๋ ใหช้ ดิ กบั โคนตน้ เพราะปยุ๋ จะทำใหเ้ ปลอื กรอบโคนตน้ สม้ โอเนา่ และอาจทำใหส้ ม้ โอตายได้ 3. การตดั แตง่ กง่ิ ควรตดั แต่งกงิ่ ทีข่ ้นึ แขง่ กับลำตน้ ให้หมด รวมท้ังกิ่งทีไ่ มไ่ ด้ระเบยี บ และก่ิง ท่ีมโี รคแมลงทำลายออกท้งิ การตัดแตง่ ก่ิงควรทำดว้ ยความระมดั ระวงั อย่าให้กิ่งฉกี หลังจากตดั แตง่ ก่ิงควรใชย้ ากนั เช้อื ราหรือปูนกินหมากผสมนำ้ ทาตรงรอยแผลทตี่ ัด เพื่อกนั แผลเนา่ เนอ่ื งจากเชือ้ รา เศษก่ิงไมท้ ต่ี ัดทิ้งควรรวมไวเ้ ปน็ กอง แล้วนำไปเผา ทำลายนอกสวน 4. การกำจดั วชั พชื ในสวนสม้ โอทกุ แหง่ มกั จะมปี ญั หาจากวชั พชื ทข่ี น้ึ รบกวน ถา้ มจี ำนวนมาก กจ็ ะกอ่ ใหก้ เ็ กดิ ผลเสยี หาย เพราะนอกจากจะแยง่ นำ้ และอาหารแลว้ ยงั เปน็ แหลง่ สะสม โรคและแมลงอกี ด้วย จึงต้องคอยควบคมุ อย่าใหม้ วี ชั พืชมาก แต่การกำตดั หญา้ หรอื วชั พชื อน่ื ใหห้ มดไปเลยกไ็ มด่ ี ควรใหม้ เี หลอื อยบู่ า้ งชว่ ยยดึ ดนิ ไมใ่ หห้ นา้ ดนิ พงั ทลาย รวมทั้งชว่ ยป้องกนั การระเหยของน้ำไดอ้ ีกดว้ ย การกักนำ้ สม้ โอเพ่อื ช่วยในการออกดอก การกกั นำ้ สม้ โอเปน็ การปงั คบั นำ้ เพอ่ื ใหส้ ม้ โอออกดอกเรว็ ขน้ิ และสมำ่ เสมอ กันโดยการกัดน้ำหรือสูบน้ำออกจากร่องสวนให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 7-30 วัน ระหวา่ งน้ี สม้ โอจะเฉา ใบมลี กั ษณะหอ่ จงึ ปลอ่ ยนำ้ ใหเ้ ขา้ ไปใหม่ สม้ โอจะรบี ดดู นำ้ เข้าไปอยา่ งรวดเรว็ หลังจากนน้ั จะเริ่มแตกใบอ่อนพรอ้ มกบั มีข่อดอกออกมาด้วย นบั จากให้น้ำจนถงึ ออกดอกใช้เวลาประมาณ 15-60 วนั วิธีนส้ี ามารถทำให้ส้มโอ ออกดอกเร็วขึ้นตามต้องการได้ แตจ่ ะเป็นการทำให้ต้นสม้ โอโทรมเร็วกว่าที่ปลอ่ ย ใหส้ ้มโอทยอยออกดอกตามธรรมชาติ
การปอ้ งกนั น้ำเคม็ และนำ้ เสยี เนอ่ื งจากสวนสม้ โอสว่ นมากทอ่ี ยใู่ นภาคกลางมกั จะทำสวนกนั ดว้ ยการยกรอ่ ง เมือ่ ถงึ ฤดูแล้งมักจะประสบปัญหานำ้ เค็มเออ่ เข้าท่วมสวนอย่มู าก สวนสม้ โอจึงมกั จะไดร้ บั ความเสยี หายจากน้ำเค็มเป็นประจำจึงควรทำการปอ้ งกันน้ำเค็มและนำ้ เสีย ไม่ให้เขา้ ทำลายสม้ โอดงั นี้ 1. เมอ่ื เขา้ ฤดแู ลง้ ใหร้ บี กกั นำ้ จดื ไวแ้ ตเ่ นน่ิ ๆ กอ่ นทน่ี ำ้ เคม็ หรอื นำ้ เสยี จะเขา้ ถงึ แล้วสรา้ งทำนบคันดนิ รอบสวนเพอ่ื กันนำ้ เค็มเข้า และหม่นั ตรวจดนิ ทำนบกน้ั น้ำ และประตูระบายนำ้ (ลกู ทอ่ ) อยา่ ใหร้ ว่ั ซมึ ได้ 2. รดนำ้ ให้ส้มโออยา่ งประหยัดเทา่ ที่จำเป็น เพือ่ ใหม้ นี ้ำจดื ใช้อย่างพอเพยี ง ในช่วงท่ีนำ้ เค็มเข้าถึง 3. ขดุ ลอกท้องร่องหรือโกยเลนจากท้องร่องเพื่อนำมาคลุมผวิ ดินบนร่อง รวมทั้งหากาบมะพรา้ ว ใบกล้วย ฟางขา้ ว เศษไม้ หญ้าแห้ง มาคลมุ บริเวณโคนต้น เพอ่ื รักษาความชุ่มช้นื ในดินเป็นการลดปรมิ าณการใช้นำ้ ลง 4. เกบ็ จอกแหน เศษใบไม้ ผลมะพรา้ ว ที่ร่วงหล่นอยู่ในน้ำในท้องรอ่ งสวน ขน้ึ ไวบ้ นร่องให้หมด เพ่อื ปอ้ งกันน้ำในทอ้ งรอ่ งเนา่ เสีย 5. หมน่ั ตรวจนำ้ ในคคู ลองสง่ นำ้ บอ่ ยๆ หากมนี ำ้ จดื เขา้ เปน็ ครง้ั คราว ใหร้ บี สบู หรือปลอ่ ยนำ้ เขา้ สวน เพ่อื เกบ็ กัดน้ำไว้ 6. หม่นั ตรวจดูน้ำจดื ในบรเิ วณสวนทีเ่ กบ็ กักไวเ้ สมอ โดยการชมิ ดวู ่ามีรส กรอ่ ยหรือเคม็ หรอื มสี ีสรรผดิ จากปกตทิ เ่ี ป็นอยหู่ รือไม่ หากมแี สดงว่าคนั ดินกนั้ นำ้ หรือประตูระบายนำ้ รว่ั ซมึ ให้รบี ทำการซอ่ มแซมเสยี 7. หมนั่ ตรวจดอู าการของสม้ โอในสวนอยา่ งส่ำเสมอ หากมอี าการผดิ ปกติ เช่น ใบอ่อนเริ่มเหี่ยวเฉา ไหม้เกรียม เป็นอาการแรกเริ่มของส้มโอที่ถูกน้ำเค็ม หรือน้ำเสีย ให้รบี แก้ไขโดยหานำ้ จดื มารดให้ชมุ่ โชก เพอ่ื ลดปรมิ าณความเค็มหรอื นำ้ เสยี ใหเ้ จือจางลง
ผลผลิต สม้ โอจะเร่มิ ใหผ้ ลเม่อื ประมาณ 4 ปี ในฤดูปกตสิ ้มโอทีป่ ลูกในภาคกลาง จะเริม่ ออกดอกระหว่างเดอื นพฤศจกิ ายน จนถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะมกราคมถึง กุมภาพันธ์ จะออกดอกมากท่ีสดุ เรยี กวา่ สม้ ปี และจะมอี อกประปรายในเดือนอ่ืนๆ เรียกว่า ส้มทวาย ดอกที่ออกมานี้จะทนและติดเป็นผลแก่ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ซึ่งจะเป็นเดือนสิงหาคมและกันยายน จะเป็นฤดูที่ส้มแก่มากที่สุด แต่ส้มโอพันธุ ์ ขาวทองดจี ะแก่ชา้ กว่าพนั ธข์ุ าวพวงและขาวแปน้ เล็กน้อย คือจะแกเ่ กบ็ ไดร้ าวเดือน กันยายนถึงตลุ าคมเปน็ สว่ นมาก ในดา้ นความดกนัน้ พันธุ์ขาวพวงและขาวแปน้ จะ ดกมาก ต้องทำการปลิดผลทง้ิ ให้เหลอื อยพู่ อดกี บั ขนาดของตน้ การเก็บเกีย่ ว ผลส้มโอที่อยู่ไม่สูงมากนักควรใชก้ รรไกรตัดขว้ั ถ้าเป็นผลทีอ่ ย่สู งู ควรใชท้ ี่ เกบ็ เกี่ยวชนิดมีขอตดั ด้าม และมีเชือกกระตกุ พร้อมถุงรองรับ จะช่วยให้ผลไม่รว่ ง หล่นลงดิน วธิ ีการเก็บเกี่ยว โดยธรรมชาตสิ ม้ โอจะเกดิ ผลเปน็ ผลเดย่ี ว เปน็ พวง 21 ผล หรอื 3 ผลเทา่ นน้ั แต่อุปสรรคในการเก็บเกย่ี วคือขนาดน้ำหนกั ผล ในพนื้ ทลี่ ุม่ ตน้ อาจสงู 4-5 เมตร ซง่ึ พอจะดำเนนิ การเกบ็ เกย่ี วผลได้ แตต่ น้ ทป่ี ลกู ในทด่ี อนยอ่ มมขี นาดตน้ ใหญ่ จะม ี ปญั หาการเกบ็ เกย่ี วมากวธิ กี ารเกบ็ เกย่ี วผลสม้ โอในปจั จบุ นั ทำไดห้ ลายแบบดงั น้ี 1. ใชม้ ดี ตดั ในกรณที ผ่ี ลสม้ โออยรู่ ะดบั ตำ่ และมอื เออ้ื มถงึ บางครง้ั กจ็ ำเปน็ ต้องปนี ตน้ หรือใชบ้ นั ไดช่วยบ้าง หรอื ปนี ต้นขึ้นไปตดั ผลที่อยู่ในทรงพมุ่ ใกล้ลำตน้ เสร็จแลว้ โยนลงมาให้คนขา้ งล่างรบั หรือใส่ภาชนะแล้วหยอ่ นลงมา ในกรณที ผ่ี ลอยู่ ชายพุ่มสงู ๆ จำเป็นต้องใชบ้ ันไดปนี ช่วย การเก็บด้วยวธิ นี ีส้ ้มโอจะมใี บและขัว้ ติด มาแลดสู วยงาม แตไ่ มส่ ะดวกในการโยกย้ายบันได
2. ใชจ้ ำปาสอย จำปาคือ ไม้ไผโ่ ปร่ง เส้นผา่ ศูนย์กลาง 3 น้วิ ยาว 3-4 เมตร ปลายขา้ งหนึ่งผ่าออกเปน็ แฉกๆ แลว้ ใช้กะลามะพร้าวยัดลงไปในลำไม้ไผ่ตรงปลาย ดา้ นทผ่ี า่ เพอ่ื ใหไ้ มไ้ ผบ่ านออกสามารถรองรบั ผลสม้ โอได้ การเกบ็ ดว้ ยวธิ นี ส้ี ามารถ เกบ็ เกย่ี วผลสม้ โอทต่ี ดิ ผลตามชายพมุ่ สงู ๆ ไดส้ ะดวก แตผ่ ลทไ่ี ดจ้ ะไมม่ ขี ว้ั ตดิ มาดว้ ย และอาจเสยี หายเนอ่ื งจากคมของผวิ ไมไ้ ผบ่ าด ทำใหผ้ ลเปน็ แผลและมกี ารรว่ งหลน่ บา้ ง 3. ใชก้ รรไกรแบบตดั หรือหนบี (แบบอเี ต่ิง) ตัดแล้วมใี บและขัว้ ติดมาดว้ ย จะตัดไดต้ ่ำหรือสงู ข้นึ กับความยาวของดา้ ม กรรไกรแบบน้ีจะตดั ขั้วผลและหนีบผลติดอย ู่ กบั กรรไกร การใช้กรรไกรแบบน้ีตอ้ งปฏบิ ัต ิ อยา่ งน่มุ นวล ไม่เช่นนน้ั แล้วจะทำให้ส้มโอ หลดุ ออกจากปากหนีบแลว้ รว่ งส่พู น้ื ทำให ้ เกดิ ความเสียหาย 4. ใชข้ อตัดแบบเชอื กกระตกุ ตอ่ ดา้ ม ใชเ้ ก็บเมอื่ ผลอยใู่ นที่สูงๆ เป็นแบบ ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน วิธีการนี้ใช้คน 2 คน คนหนึ่งใช้ขอตัดขั้วผลส้มโอ อีกคนหนง่ึ คอยเอาสวิงรองรบั การเก็บเกีย่ วแบบนีจ้ ะไดผ้ ลส้มโอทมี่ ใี บและขว้ั ตดิ มาดว้ ยทำใหแ้ ลดสู วยงาม 5. ใช้เคร่ืองเกบ็ แบบ กวศ.1 เปน็ เครอ่ื งมือซง่ึ ประกอบด้วยกรรไกรหรือมีด ตดั ก่งิ มีถงุ รองรบั ผลส้มโอได้ครั้งละ 1 ผล หรอื 1 พวง โดยท่ีมีขวั้ และใบตดิ มากบั ผลดว้ ย ทำให้ไมร่ ่วงหลน่ บอบชำ้ หรอื มบี าดแผล ใดๆ มนี ้ำหนกั เบาและสะดวกในการตัดข้ัว คล่อง ตวั ในการทำงาน สามารถตดั ผลตามซอกมมุ ตา่ งๆ ของตน้ สม้ โอไดด้ ีใช้ผ้ปู ฏิบัตงิ านเพยี ง 1 คน
การปอ้ งกนั กำจัดศตั รูส้มโอ สม้ โอเปน็ พืชทมี่ ีโรคแมลงรบกวนมาก ชาวสวนจงึ ต้องให้ความสนใจใน การป้องกนั กำจัดโรคแมลงใหด้ ที ส่ี ุด แมลงศตั รูสม้ โอ 1. มวนเขยี ว ระบาดมากทส่ี ดุ ในตอนตน้ ฤดฝู น ทง้ั ตวั ออ่ นและตวั เตม็ วยั จะดดู กนิ นำ้ เลย้ี ง จากผลท่ยี งั อ่อนอยู่ ทำให้ผลส้มรว่ งหล่นกอ่ นกำหนด นอกจากนน้ั ยังเป็นทางทำให ้ เช้อื ราและแบคทเี รียระบาดท่วั ไปตามกิง่ และกานได้อีก การปอ้ งกันกำจัด 1. ใช้สวิงจับตัวแกม่ าทำลาย 2. ใชก้ ำมะถนั 2 กระปอ๋ ง ผสมขเี้ ล่ือยเฉล่ีย 3-4 ปีบ๊ กองไว้ในสวนแลว้ จดุ ไฟเปา่ ใหม้ คี วนั อยเู่ สมอจะช่วยปอ้ งกนั และไลม่ วนเขยี วได้ 2. หนอนชอนใบ หนอนผเี สือ้ ชนดิ นีจ้ ะทำลายเฉพาะใบอ่อน ทำให้ใบงอผิดรูปเดิม ใบที่ถูก ทำลายจากการเจาะจะมีรอยวกไปเวียนมา ผิวใบจะเป็นฝ้าขาวแห้ง และร่วงหล่น ส่วนในแกจ่ ะไม่ถูกทำลาย หนอนจะเลอื กกินส่วนผิวท่ีมีสีเขยี วของใบออ่ นทำใหใ้ บ หงกิ งอ เป็นฝ้าขาวแห้ง จะทำให้การเจริญเตบิ โตหยดุ ชะงกั บางครงั้ จะเกาะกง่ิ ออ่ น ของส้มดว้ ย นอกจากนีย้ ังเป็นทางทำให้เชอื้ ราและแบคทีเรียเขา้ ทำลายได้อกี
การปอ้ งกนั กำจดั 1. ใชม้ ือจับหนอนทำลายและตดั ใบทถี่ ูกหนอน ทำลายมาเผาไฟท้ิง ในกรณีทเี่ ปน็ สวนสม้ ขนาดเล็ก 2. ฉดี พ่นด้วยสารเคมี ฉดี พ่นในระยะท่ีสม้ แตก ใบออ่ นให้ทัว่ ถงึ ตลอดทั้งลำต้น จงึ จะไดผ้ ล 3. หนอนแกว้ สม้ เป็นหนอนผเี สื้อกลางวนั ชนดิ หนง่ึ ซง่ึ วางไข่ไวต้ ามใบออ่ นของส้ม หนอน จะกดั กนิ ใบอ่อนถงึ แกน ทำใหใ้ บรว่ งโดยเฉพาะต้นกล้าจะไดร้ ับความเสยี หายมาก นอกจากนี้หนอนยงั ทำลายพวกก่งิ ท่ีมีผลทำให้ผลรว่ งได้งา่ ย การป้องกนั กำจัด 1. ใช้มือจบั หนอนและดักแด้มาทำลายในเม่อื ยังไมร่ ะบาดมากนกั 2. ในสภาพธรรมชาตมิ ีแมลงวันก้นขนเปน็ ศตั รูธรรมชาติ ในระยะดักแด้ ดงั นั้นควรหลีกเล่ียงการพน่ สารเคมเี มือ่ ต้นส้มไมม่ ยี อดออ่ น และเมือ่ พบว่าดกั แด้ถกู ศัตรูธรรมชาติเขา้ ทำลาย 4. ดว้ งงวงกดั กนิ ใบ ตวั เต็มวัยของแมลงชนดิ นจ้ี ะกดั กนิ ใบทำใหใ้ บแหวง่ หรอื เปน็ รูพรนุ ถ้ามีมากจะกดั กินในจนเหลือแต่ก่งิ การปอ้ งกนั กำจดั 1. เขย่ากิ่งเพอ่ื ให้ด้วงล่วงลงมา แล้วนำไปทำลาย 2. ฉดี พ่นด้วยสารเคมใี นระยะท่สี ม้ โอแตกใบอ่อน 5. ผีเสอ้ื มวนหวาน เป็นผเี สื้อกลางคนื ท่ีทำให้เกิดผลเสียหายแก่ชาวสวนสม้ โอเป็นอยา่ งมากใน ปหี น่ึงๆ โดยการดดู กนิ นำ้ หวานของผลสม้ โอทเ่ี รม่ิ แกถ่ งึ แกจ่ ดั ผเี สอ้ื ชนดิ นจ้ี ะใชป้ าก แทงเขา้ ไปในผลส้มโอ ทำให้บริเวณที่แทงเน่า ต่อมาจะร่วงหล่นไปก่อนกำหนด แก่ส้มที่ได้รบั ความเสยี หายจากผเี สือ้ ชนดิ น้อี าจสงั เกตได้จากน้ำทไี่ หลออกมาจากรู ของผล
การปอ้ งกนั กำจดั 1. ใช้กบั ดักไฟฟ้าท่มี กี ำลังแรงเทียนสงู ล่อให้เข้ามาเล่นไฟ 2. ใชส้ วิงจบั ผีเสือ้ 3. การรมควันหรือใชย้ าพวกไลแ่ มลง 4. ใช้พวกเหย่ือพษิ ท่บี รรจุขวดหรือกระถางดนิ เผาแขวนไว้ทต่ี ้นผลไมก้ อ่ น ท่ผี ลไม้จะแกป่ ระมาณ 1 เดือน ต้องคอยเปลี่ยนเหยื่อพิษทุกสปั ดาห์ 5. ใชส้ ารเคมฉี ดี พน่ ในระยะทก่ี ำลงั เปน็ ตวั หนอนอยจู่ ะชว่ ยลดความเสยี หาย ลงไดบ้ ้าง 6. ทำกรงดัก โดยใชผ้ ลไม้สุกเปน็ เหย่ือลอ่ ใหผ้ ีเสื้อมวนหวานมาตดิ กรง 6. หนอนกินลกู ในระยะทเ่ี ปน็ หนอน จะชอนไชเขา้ ไปในผลออ่ น ทำใหเ้ หย่ี วเนา่ และรว่ งหลน่ การป้องกันกำจัด 1.นำสม้ ท่ถี กู ทำลายไปฝงั หรือเผา 2. ฉีดพน่ ด้วยสารเคมี ให้ทวั่ เพ่ือกำจดั หนอนทีฟ่ กั ออกจากไข่ใหมๆ่ เมื่อหนอนเจาะเข้าไปในผลสม้ แล้วการกำจดั จะไมไ่ ด้ผลเลย 7. หนอนมว้ นใบส้ม หนอนผีเส้อื ชนิดนี้จะวางไข่บนใบส้ม ตวั หนอนจะกัดกนิ ใบส้ม และม้วน ใบทำเปน็ รงั อาศยั อย่ซู ่ึงจะทำให้ส้มมีผลผลิตน้อยลง การปอ้ งกนั กำจดั 1.ใช้มอื จับหนอนและดักแด้อาศัยอย่ใู นใบที่มว้ นมาทำลาย 2. ฉดี พน่ ด้วยสารเคมี 8. หนอนเจาะกิง่ ส้ม หนอนจะเจาะเข้าไปอาศัยอยู่ตามกิ่งและลำต้นที่ปากรูจะเห็นเป็นขุยๆ บางครงั้ จะทำใหม้ ยี างไหลเย้ิมออกมา กิง่ ส้มทีถ่ กู เจาะจะแห้ง ต้นสม้ ไมเ่ จรญิ เติบโต
การป้องกนั กำจัด 1. ตรวจดตู ามกงิ่ และลำตน้ ส้ม ถา้ พบตัวหนอนและตวั แกใ่ ห้รบี ทำลาย 2. ในกรณขี องกิ่งสม้ เล็กทีถ่ ูกทำลายให้ตดั เผาไฟ 3. ฉดี พ่นดว้ ยสารเคมเี ข้าไปในรูทห่ี นอนเจาะแลว้ เอาดนิ เหนยี วอุดรูไว้ 9. เพล้ียอ่อนสีเขยี ว เพล้ยี อ่อนชนิดนีจ้ ะดูดกินนำ้ เล้ยี งจากใบและยอดอ่อน ซึ่งมีผลทำใหใ้ บน้นั หยกิ และงอ ตน้ แคระแกรน การเจรญิ เตบิ โตหยุดชะงัก เพลยี้ ออ่ นจะขบั สารออกมา จากรา่ งกายเปน็ นำ้ หวาน ซง่ึ เปน็ อาหารทเ่ี หมาะในการเจรญิ เตบิ โตของราดำทก่ี ง่ิ และ ใบอกี ดว้ ย การปอ้ งกนั กำจดั 1. ฉดี พน่ สารเคมี 2. ฉีดพ่นนำ้ ใหท้ ่วั ทรงพมุ่ ในระยะท่ีมกี ารระบาด 10. ไรแดงสม้ ตวั ออ่ นและตวั เตม็ วยั ของไรแดงสม้ ชนดิ นจ้ี ะดดู กนิ นำ้ เลย้ี งจากใบ ผลและกง่ิ ออ่ น ของตน้ ส้ม ซ่งึ จะทำให้บริเวณทถี่ ูกทำลายนั้น เหน็ เปน็ จดุ สอี อ่ นๆ ซงึ่ ตอ่ มาจะค่อยๆ ขยายตัวออกไปทวั่ จนมีสเี ทาหรือสีตะกว่ั ในกรณที ี่พบระบาดมากๆ ขยายตัวออก ไปและผลรว่ งหล่นได้ และอาจจะทำให้ผลท่ีถูกทำลายมีลกั ษณะแคระแกรนและ คุณภาพเสอ่ื มลง มกั ระบาดมากในฤดแู ล้ง การปอ้ งกนั กำจดั 1. พ่นด้วยกำมะถนั ผงละลายนำ้ อตั รา 4 ชอ้ นแกงตอ่ น้ำ 20 ลติ ร ควรพ่นใน เวลาเช้าเพื่อปอ้ งกันใบไหม้ 2. ฉดี ด้วยนำ้ ใหท้ ัว่ ทรงพมุ่ ในระยะทีม่ กี ารระบาด 11. เพลย้ี แป้งส้ม เพลีย้ แป้งส้มชนดิ น้ีจะดูดน้ำเล้ยี งจาก ก่งิ ใบ และผลสม้ ซ่งึ จะทำให้ผลสม้ รว่ งก่อนแก่ตามกำหนดและจะเปน็ ทางทำให้เกดิ ราดำคลุมทว่ั ไปตามกิง่ ของต้น
การปอ้ งกันกำจัด 1. ฉดี พ่นดว้ ยยาจำพวกไวท์ออย ผสมกับมาลาไธออน 2. กำจัดมดซึง่ เปน็ พาหะของเพลยี้ แป้ง 12. เพลย้ี ไฟสม้ เพลย้ี ไฟจะเจาะเข้าไปใบผวิ และดูดกินน้ำเลี้ยงของใบสม้ ผลทีย่ ังอ่อนเพลี้ย ไฟจะเจาะตรวสว่ นท่ีอยู่ใกล้กบั กลีบดอกเม่อื ผลโตขึ้นก็จะเจาะบริเวณใกล้เคยี งกบั ขั้ว ทำให้บริเวณที่ถูกเจาะนั้นมีรอยเป็นสะเก็ดสีเทา ส่วนใบที่ถูกทำลายนั้นก็จะ แคระแกรนและหงิกงอ นอกจากใบและผลแล้ว เพล้ียไฟยังทำลายกิ่งอ่อนและดอก อกี ดว้ ย การป้องกนั กำจดั 1. ฉดี พน่ นำ้ ใหท้ ่วั ทรงพมุ่ ในระยะทม่ี ีการระบาด 2. ฉีดพ่นดว้ ยสารเคมี ในระยะท่ีระบาดมากๆ ประมาณ 7-10 วัน ต่อคร้งั โรคของสม้ โอ 1. โรคยางไหล โรคน้เี กิดจากเช้อื รา อาการท่ีแสดงใหเ้ ห็นคอื มนี ำ้ เหลวสนี ำ้ ตาลไหลออก มา หรือเกาะตดิ ตามกงิ่ และลำตน้ มีแผลเล็กๆ อยตู่ รงสว่ นท่ยี างไหลออกมา เร่ิมแรก จะเห็นเป็นวงสีน้ำตาล ตอ่ มาจดุ นจี้ ะลามออกไปเปน็ แผลใหญ่ๆ มียางน้ำสนี ำ้ ตาล ไหลออกมามากมายหรอื รอบกง่ิ หรอื เกาะเหนยี วอยตู่ ามกง่ิ ลำตน้ ถา้ ตน้ ทโ่ี ตแลว้ เปน็ มากจะสังเกตเห็นวา่ ใบเริม่ เหลืองเลก็ และหลุดร่วงไป ต้นแสดงอาการทรุดโทรม ผลเลก็ ยอดแห้ง ในที่สดุ ก็จะตาย การป้องกันกำจดั 1. ถ้าพบอาการท่ีเป็นแผลและยางไหลออกมาให้รีบเฉอื นเปลือกไม้ส่วนท ่ี เป็นแผลออกให้หมด ทาแผลรวมทงั้ รดดนิ บรเิ วณโคนต้นด้วยสารเคมี 2. อย่าให้น้ำขงั หรือท่วมบริเวณต้นส้มโอเป็นเวลานานๆ ควรทำการระบาย นำ้ อย่าใหข้ งั หรือชนื้ แฉะ 3. ส้มทต่ี ายแลว้ หรอื ส่วนของสม้ ที่ตดั ท้งิ นำมารวมกนั เผาทำลาย
2. โรคโคนเนา่ และรากเนา่ โรคนี้เกิดจากเชอื้ ราชนิดเดยี วกนั กับโรคยางไหล มกั จะเกิดบริเวณโคนต้น ใกล้ผวิ ดิน เรม่ิ จากเปลอื กจะเป็นจดุ ๆ แลว้ เปลยี่ นเป็นสีนำ้ ตาล และเนา เปลอื กอ่อน หลดุ ออกมาไดง้ า่ ย ถา้ อากาศชน้ื ทง้ิ ไว้ 1-2 วนั จะเหน็ เสน้ ใยของราฟขู าวขน้ึ มาอาการ เนา่ จะลกุ ลามออกไป เปลอื กทเ่ี นา่ จะมยี างสนี ำ้ ตาลไหลออกมาเมอ่ื เนา่ รอบโคนตน้ ส้มจะตายอาการที่รากจะเป็นเช่นเดียวกับที่โคนต้น ในระยะนี้ใบจะเหลืองซีด รว่ งหล่น กงิ่ เร่ิมแหง้ และตายในทส่ี ดุ การป้องกนั กำจัด การปอ้ งกันกำจัดใหป้ ฏิบัติเชน่ เดียวกบั โรคยางไหล โรคโคนเน่า 3. โรคใบแกว้ โรคนี้อาจจะเกดิ จากการขาดธาตุอาหาร หรอื เชือ้ แบคทเี รยี อยา่ งใดอยา่ ง หนึ่ง จะพบมากหลงั จากทตี่ น้ ส้มโอใหผ้ ลไปแล้ว 2-3 ปี ส้มให้ผลดกมากเกนิ ไป อาการที่พบบนใบจะทำใหใ้ บเล็กลง ใบมีสีเหลือง ใบช้ี ปลายใบคอ่ นขา้ งเรียวแหลม โดยเฉพาะใบแกจ่ ะแสดงอาการเหลืองเปน็ จ้ำๆ กอ่ นท่สี ม้ จะปรากฏอาการของโรค ใบรนุ แรงนน้ั สม้ จะอยใู่ นลกั ษณะงามเตม็ ทอ่ี อกดอกมาก ถา้ อาการรนุ แรงผลจะรว่ ง มากผิดปกติ อาการอกี ชนิดหน่งึ คือ สม้ โอผลผลิตสูงโดยตลาดติดตอ่ กนั 2-3 ปี หลังจากนนั้ จะคอ่ ยๆ เร่มิ ทรดุ โทรมและแหง้ ตายไปในท่ีสุด
โรคใบแก้ว การป้องกันกำจัด 1. ฉีดพ่นสารเคมี เพื่อป้องกนั แมลงพาหะ ฉีดเมอ่ื ส้มเรมิ่ แตกใบใหม่ 2. อย่าปล่อยให้ต้นติดผลมากจนเกินควร ถ้าออกผลมาก ควรปลดิ ทงิ้ ให ้ เหลอื พอเหมาะกบั ขนาดของต้น 3. หลังเก็บผลแล้วควรตัดกง่ิ และบำรงุ ดินให้อยูใ่ นสภาพท่ีสมบูรณ์ โดยเฉพาะควรใช้ปยุ๋ อนิ ทรียใ์ หม้ าก เชน่ ปยุ๋ หมกั ปุ๋ยคอก ตามดว้ ยปุย๋ เคมี 4. การปลกู สม้ โอทดแทนหรอื เรม่ิ ทำสวนสม้ ใหมๆ่ ควรแนใ่ จวา่ ใชต้ น้ พนั ธทุ์ ี่ ปราศจากโรค 5. เมื่อพบว่าตน้ ใดเป็นโรคใบแก้ว ควรตัดก่ิงทเ่ี ป็นทงิ้ ถ้าเปน็ ทงั้ ตน้ ให้ขุด ไปเผาไฟทำลาย 4. โรคแคงเกอร์ โรคน้มี กั เกิดจากเชือ้ แบคทเี รยี มักเกิดในระยะทใี่ บอ่อนและผลที่ยงั ออ่ น แรกๆ จะเหน็ เปน็ จดุ ใสๆ ขนาดเลก็ ๆ เทา่ กบั หวั เขม็ หมดุ สขี าวหรอื สเี หลอื ง กระจาย อยทู่ ว่ั ไป ตอ่ มาจะขยายโตขน้ึ นนู ทง้ั ดา้ นบนและดา้ นลา่ งใบแผลจะกลายเปน็ สเี หลอื ง ภายในแผลมีลักษณะขรขุ ระ ถา้ เปน็ มากจะทำให้ใบร่วง บางครั้งอาจมียางไหลออก มาด้วย อาการทกี่ ่ิงจะเป็นแผลตกสะเก็ดทเี่ ปลอื ก ถา้ เป็นมากทำใหก้ ิง่ ตายได้
โรคแคงเกอร์ การปอ้ งกันกำจดั 1. ฉดี พน่ ดว้ ยสารเคมี เมอ่ื มหี นอนชอนใบระบาดเพราะหนอนทำใหใ้ บและ ก่ิงเปน็ แผล เชือ้ โรคระบาดเขา้ ไปได้ เนอื่ งจากหนอนชอนใบเปน็ พาหะ 2. กงิ่ ท่นี ำไปปลกู ใหม่ตอ้ งปราศจากโรค 3. ตัดกิง่ ทเ่ี ปน็ รุนแรงมากไปเผาทำลาย 4. ตดั แต่งกง่ิ ภายในทรงต้นให้โปรง่ 5. ฉีดพ่นสารเคมปี อ้ งกนั โรค 5. โรคแสค๊ป โรคนเ้ี กิดจากเช้ือราชนดิ หน่ึง เป็นได้ทกุ ระยะอาการจะเปน็ แผลนนู ๆ สีน้ำตาลทีใ่ บหรือทด่ี ้านใต้ของผลจะเป็นรอยบุ๋มแผลมกั จะติดกนั เปน็ กลุ่มๆ ทำให้ใบบดิ เบ้ียว บางทมี ียางไหลออกมา การป้องกนั กำจัด ตดั กิง่ และใบท่เี ปน็ โรค เผาไฟทำลาย 6. โรคราสชี มพู เกดิ จากเชื้อราชนดิ หนึ่งอาการเริ่มแรกจะปรากฏภายในเปลือกของกิ่ง จะเปน็ จดุ ชำ้ เลก็ ๆ สนี ำ้ ตาล ตอ่ มาแผลจะลกุ ลามถงึ กนั ทำใหก้ ง่ิ แหง้ ตาย จะเหน็ สชี มพู ของราตรงสว่ นทแ่ี หง้ คลา้ ยกบั เอาปนู แดงไปปา้ ยไว้ กง่ิ ทเ่ี ปน็ โรคจะมใี บเหย่ี วและรว่ ง
การป้องกันกำจัด 1.ตดั แตง่ กง่ิ ทรงพมุ่ ใหโ้ ปรง่ เพอ่ื ใหแ้ สงแดดสอ้ งไดท้ ว่ั ถงึ 2. ถา้ เปน็ มากๆ ใหต้ ดั กง่ิ ทเ่ี ปน็ โรคเผาไฟทำลาย 3. ฉดี พน่ ดว้ ยสารเคมี 7. โรคจดุ สนมิ เกดิ จากสาหรา่ ยชนดิ หนง่ึ อาการจะพบตามกง่ิ ใบ และผล ระบาดมากในฤดู ฝนจะเหน็ เปน็ จดุ กลมสเี ขยี วหรอื แดง คลา้ ยกำมะหยข่ี น้ึ อยบู่ นใบ ขนาดไมแ่ นน่ อน ถา้ เกดิ บนกง่ิ จะทำใหก้ ง่ิ แตก ใบทอ่ี ยบู่ นกง่ิ นน้ั จะเขยี วซดี กง่ิ แหง้ ตาย บนผลจะทำให ้ เนอ้ื เยอ่ื นนู ผดิ ปกติ ผวิ เปลอื กแตกออกตรงสว่ นทถ่ี กู ทำลาย การปอ้ งกนั กำจดั 1. ฉดี พน่ ดว้ ยสารเคมี 2. ตดั กง่ิ ใบ และผล ทเ่ี ปน็ โรคเผาไฟทำลาย 8. โรคราดำ เกดิ จากเชอ้ื ราชนดิ หนง่ึ มกั พบในสภาพทม่ี หี มอกลงจดั อากาศขน้ึ จะมเี ชอ้ื รา ขน้ึ ตามใบและผลเปน็ สดี ำ ถา้ เปน็ มากจะคลมุ ใบไมใ่ หไ้ ดร้ บั แสงแดด ตน้ สม้ จะไม ่ งามเทา่ ทค่ี วร ถา้ เปน็ ทผ่ี ลจะทำใหผ้ ลรว่ ง โดยเฉพาะผลออ่ น การปอ้ งกนั กำจดั 1. ฉดี พน่ นำ้ ใบและกง่ิ เพอ่ื ชะลา้ งเชอ้ื ราโดยตรง 2. ฉดี พน่ สารเคมปี อ้ งกนั เชอ้ื ราเปน็ ครง้ั คราว 3. ฉดี พน่ สารเคมปี อ้ งกนั กำจดั แมลงปากดดู ทม่ี าเกาะกนิ ใบและถา่ ยมลู มลู ทง้ิ ไว้ ซง่ึ เปน็ อาหารของเชอ้ื ราอยา่ งดี
เอกสารอา้ งองิ โกศล เจรญิ สม, 2521. แมลงศตั รผู ลไม้ ภาควชิ ากฏี วทิ ยา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน กรงุ เทพมหานคร 167 หนา้ โกศล เจริญสม และสุอาภา ดสิ ถาพร, 2533. ศตั รูธรรมชาตขิ องศัตรูไม้ผล และการอนรุ กั ษ์ กรมสง่ เสริมการเกษตร บางเขน กรุงเทพมหานคร 112 หนา้ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร, 2512. รายงานสำรวจและศกึ ษาสภาพการทำสวนสม้ โอ ในเขตตำบลสามพราน จงั หวดั นครปฐม เอกสารวิชาการท่ี 3 กรมส่งเสรมิ การเกษตร บางเขน กรุงเทพมหานคร 38 หนา้ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร, 2523. ข้อแนะนะในการปอ้ งกนั น้ำเคม็ และนำ้ เสยี ไม่ใหท้ ำ ลายสวนผลไม้ เอกสาคำแนะนำฝ่ายไม้ผล กองส่งเสริมพืชพนั ธุ์ กรมสง่ เสริมการเกษตร บางเขน กรงุ เทพมหานคร (เอกสารพมิ พโ์ รเนยี ว) กรมส่งเสรมิ การเกษตร, 2537. การปลกู สม้ โอ คู่มอื การอบรมโครงการปรับ โครงสรา้ งและระบบการผลติ การเกษตร กรมวิชาการเกษตร, 2541. สม้ โอ เอกสารวิชาการที่ 21 สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ขจรศกั ด์ิ ภวกลุ , 2522. โรคของส้ม เอกสารวชิ าการ กองวจิ ยั โรคพืช กรมวชิ าการเกษตร บางเขน 9 หน้า (พมิ พโ์ รเนียว) ชาญชัย บุญยงค,์ 2523. แมลงศัตรไู ม้ผลและการปอ้ งกนั กำจัด เอกสารวชิ าการกฏี และสตั ววทิ ยา กรมวิชาการเกษตร 36 หน้า
ทวีศักด์ิ ชยั เรอื งยศ และคณะ, 2526. ข้อมูลบางประการเกย่ี วกบั สม้ โอพันธ์ทุ ่าขอ่ ย เอกสารพมิ พเ์ ผยแพรม่ ลู นิธิพัฒนาเกษตรกรและชุมชน จังหวัดพจิ ิตร 11 หน้า (พิมพโ์ รเนียว) รวี เศรฐภักด,ี 2523. เอกสารประกอบคำบรรยายวิชา ไม้ผลทางอตุ สาหกรรม2 (ส้ม) ภาควชิ าพืชสวน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพมหานคร 108 หนา้ สมชาย สคุ นธสิงห์, 2520. การปลกู และสรา้ งสวนผลไม้ เอกสารคำแนะนำท่ี 51 กรมสง่ เสรมิ การเกษตร บางเขน กรุงเทพมหานคร 11 หนา้ สมชาย สคุ นธสิงห์ และคณะ, 2526. การปลูกส้มโอ เอกสารทางวชิ าการที่ 29 กรมส่งเสริมการเกษตร บางเขน กรุงเทพมหานคร 30 หน้า อำไพพรรณ พึง่ เจษฎา, 2520. การแยกเช้ือและการศกึ ษาทางโครงสร้างจลุ ภาคของ จุลนิ ทรยี จ์ ากสม้ ท่ีเป็นโรคกรนี นงิ่ วิทยานพิ นธป์ ระกอบการทำปรญิ ญา วทิ ยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน กรงุ เทพมหานคร Batchelor, L.D. 1948. The Citrus Industry. Vol ll University of Calofornia. 917 p. Oches, J.J 1961. Trapical and Subtrapical Vol. Ll The Macmillan Co. p.401-522 Reuther, W-1976. The Citrus Industry. Vol. L University of California Press Inc. 611 p.
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: