สอ่ื การเรยี นการสอน เร่อื ง กศน.ตำบลกระทุ่มลม้ 104 หม7ู่ ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสำมพรำน จังหวดั นครปฐม
มำร้จู กั COVID-19 ไวรัสโคโรนาเปน็ ไวรัสในสัตว์ มีหลายสายพนั ธุ์ โดยปรกตไิ ม่ก่อโรคในคน แต่เม่ือกลายพนั ธุ์เปน็ สายพันธ์ใุ หม่ที่กอ่ โรคในมนษุ ย์ได้ (ซ่งึ มักเกดิ จากการ จัดการทผี่ ิด ธรรมชาตโิ ดยมนุษย)์ ในขณะที่มนุษย์ยงั ไม่ร้จู ักและไม่มีภูมิ ตา้ นทาน ก็จะเกดิ การ ระบาดของโรคในคน โรคโควดิ -19 (COVID-19, ย่อจาก Coronavirus disease 2019) เปน็ โรคติด เชือ้ ทางเดินหายใจทเ่ี กิดจากไวรสั โคโรนา ซง่ึ มชี อ่ื ทางการวา่ SARS-CoV-2 ทาใหเ้ กิด ไข้ ไอ และอาจมปี อดอักเสบ
เกดิ กำรแพร่ระบำดข้นึ เม่ือไหร่ เร่ิมพบผู้ป่วยคร้ังแรกเม่ือเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) ที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ภาคกลางของประเทศจีน ซ่ึงเป็น เมอื งใหญม่ ผี ูค้ น หนาแนน่ จึงเกดิ การระบาดใหญไ่ ด้รวดเร็ว การดูแลรักษา เป็นไปอย่างฉุกเฉิน มีคน ป่วยหนักและตายมากเกินท่ีควรจะเป็น จนประเทศจีนต้องปิดเมือง และปิดประเทศ ต่อมา ขณะน้ีประเทศจีน สามารถควบคุมได้ จนแทบจะไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ แต่โดย ธรรมชาติแล้ว จะยังมีผูท้ ีม่ เี ชอื้ อยู่
เขำ้ มำในประเทศไทยครั้งแรก ผู้ป่วยรายแรกท่ีรับการรักษาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เป็น คนจีนที่รับเช้ือจากการระบาดในประเทศจีน และได้เดินทางมา ประเทศไทย หลังจาก น้ัน มีผู้ป่วยอีกหลายรายที่มาจากประเทศอื่น ส่วน ผู้ป่วยทีต่ ิดเชอ้ื ในประเทศไทยราย แรก มีการรายงานเมื่อ 31 มกราคม 2563 แหล่งแพรเ่ ชอ้ื ไวรัส COVID-19 1.คาดว่าเริ่มจากสัตว์ป่าที่นามาขายในตลาดสดเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซ่ึงคน ไป สัมผสั และนามาเผยแพร่ต่อ โดยเริม่ จากไวรัสจากค้างคาวที่มีการผสมพนั ธ์ุ กับไวรสั อน่ื และกลายพนั ธุ์ 2.คนที่มเี ชอื้ แล้วแพรส่ ู่คนอน่ื ทางสง่ิ คดั หลง่ั จากทางเดินหายใจ
สถานการณ์COVID-19ในประเทศไทยและท่วั โลก
ศนู ย์บริหารสถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) 1. ดาเนนิ ตามขอ้ สัง่ การจากศนู ย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) 2. อานวยการในการแก้ไขสถานการณ์ฉกุ เฉิน สงั่ การ และประสานผู้ว่าราชการจงั หวดั และผู้วา่ ราชการกรงุ เทพมหานคร 3. อานวยการ และประสานงาน กับสว่ นราชการ รัฐวิสาหกจิ ในสังกดั กระทรวงมหาดไทยและจังหวัด เฝ้าระวังและ ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ภายในขอบเขตและอานาจหนา้ ที่ตามกฎหมาย 4. กากบั ดูแล ควบคมุ และติดตามการปฏบิ ตั งิ านของส่วนราชการ รัฐวิสาหกจิ ในสังกัด กระทรวงหมาดไทย และจังหวดั ในการเฝ้าระวัง และปอ้ งกันการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควดิ – 19) 5. บูรณาการขอ้ มูลและบริหารจัดการข้อมลู ทีไ่ ดร้ ับรายงานในความรบั ผดิ ชอบของกระทรวงหมาดไทย 6. ปฏิบัตหิ นา้ ทีอ่ นื่ ใดตามท่ีรฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมาย
ขัน้ ตอนจำกกำรรบั เช้ือถงึ กำรป่วย ประกอบดว้ ย การสัมผัสเชอ้ื โรค การรบั เช้ือ การติดเชื้อ และการปว่ ย ผู้สัมผสั เช้ือโรค (contact) หมายถงึ ผูท้ ่สี มั ผสั ใกลช้ ิดกบั ผูต้ ิดเช้ือ หรือ อาจจะสมั ผสั กบั เช้ือท่อี อกมากบั สารคดั หลงั่ จากระบบหายใจของผูป้ ่วย (นา้ ลาย เสมหะ นา้ มูก) แลว้ อาจจะนาเขา้ สู่ ร่างกายทางปาก จมูก ตา (อวยั วะทม่ี เี ย่อื เมอื กบุ) โดยไดอ้ ยู่ในชมุ ชนท่ีมผี ูป้ ่วยอยู่ดว้ ย โดยไม่ระมดั ระวงั เพยี งพอ หากมกี ารสมั ผสั ดงั กลา่ ว ก็อาจเกิดการติดเช้ือตามมา และ เป็นแหลง่ แพร่เช้อื ต่อไปได้
ข้ันตอนกำรเฝำ้ ระวังเมื่อสมั ผัสเช้ือโรค (contact) ผู้ท่ีต้องเฝ้าระวังในระยะน้ี ได้แก่ ผู้สัมผัสหรืออาจจะสัมผัสโรค โดยมี ประวัติอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลา 14 วันก่อนหน้านี้ (คือ ระยะฟักตัวที่ ยาวทสี่ ดุ ของโรค คือ ตดิ เชอ้ื แลว้ แต่ยงั ไม่มอี าการปว่ ย) ดงั ต่อไปน้ี 1.มีประวตั ิเดินทางไปยงั มาจาก หรอื อยู่อาศยั ในพนื้ ท่ีทม่ี ีรายงานการระบาด 2.เป็นผ้สู มั ผสั ใกลช้ ดิ กับผทู้ ี่มาจากพน้ื ที่ ทมี่ รี ายงานการระบาด 3.มปี ระวัติใกล้ชิดหรือสมั ผสั กับผทู้ เี่ ขา้ ข่าย หรอื ได้รับการตรวจยืนยนั วา่ ติดเช้อื
ผลจำกกำรสัมผสั กบั เชอื้ โรค ผู้ท่ีสัมผัสกับเชื้อโรคโควิด-19 หากได้รับเชื้อโรคมาอาจจะมีผลเป็น 1.พาหะของเช้ือ คือผู้ที่รับเชื้อโรคแต่ไม่เกิดการติดเช้ือ ซึ่งเช้ือมักจะติดมา ทางมอื 2.ผู้ตดิ เชือ้ คือ ผ้ทู ่ตี รวจพบเช้อื และมีปฏกิ ริ ิยา ต่อเชอ้ื ซ่ึงตรวจพบได้ทางการตรวจเลอื ด แบง่ เปน็ 2.1 ผูต้ ิดเชอ้ื ที่ไม่มอี าการ 2.2 ผู้ป่วย หรอื ผูต้ ดิ เชอ้ื ที่มอี าการ ซ่ึงอาจจะมีอาการนอ้ ยหรอื มาก
อำกำรปว่ ย โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีอาการ “ไข้ และ ไอ” เป็น พ้ืนฐาน ส่วนใหญ่เริ่มจาก ไอแห้งา ตามด้วย ไข้ ผู้ป่วยส่วนน้อยคือ ร้อยละ 5 มี น้ามูก เจ็บคอ หรือ จาม ไม่มีอาการเสียงแหบหรือเสียงหาย ร้อยละ 98.6 มีไข้ (ไข้อาจจะไมได้เริ่มในวันแรกของการป่วย) ร้อยละ 69.6 มีอาการอ่อนเพลียผิดปรกติ ร้อยละ 59.4 ไอแห้งา อัตรำตำยจำกกำรติดเชื้อไวรสั สำยพันธ์ุใหม่ ท่เี คยพบในประเทศไทย พ.ศ. 2545: โรค SARSร้อยละ 10 พ.ศ.2553: ไขห้ วัดใหญ่-2009 ร้อยละ 0.03-0.5 พ.ศ. 2557: โรค MERS รอ้ ยละ 30 พ.ศ. 2562-2563: โรค COVID-19 ร้อยละ 1-2
กำรดแู ลรักษำผตู้ ดิ เช้อื 1.1 การรกั ษาท่ัวไป: 1. พกั ผ่อนทันทที เี่ ริ่มป่วย และพักผอ่ นใหพ้ อ ให้ร่างกายอบอุน่ กินอาหาร และดืม่ น้าให้ เพยี งพอ รักษาตามอาการ เช่น ลดไข้ 2. ปรกึ ษาแพทย์ เพ่อื การดแู ลรักษา ถา้ เป็นผ้เู สีย่ งตอ่ การท่จี ะปว่ ย รนุ แรง เชน่ ผสู้ งู อายุ ผมู้ โี รคประจาตวั หรือมอี าการหนัก ยงั มขี ้อมูลเก่ียวกบั การตดิ เชอ้ื ในหญงิ มีครรภ์น้อยมาก ซ่ึงยังไมพ่ บวา่ มกี ารตดิ เชอ้ื จากแมส่ ู่ลูก หรือมีอาการที่ รุนแรงขึ้น แตค่ วรจะเฝา้ ระวงั 3. ผูป้ ว่ ยท่ีมีอาการน้อย สามารถรกั ษาตวั ท่บี ้าน ผ้ปู ่วยท่ีมอี าการหนกั ตอ้ งรับการรักษาใน โรงพยาบาล ในระยะทผ่ี ูต้ ิดเชื้อยงั ไม่มากเกินกาลังควบคมุ ดแู ล มีขอ้ กาหนดให้รับผู้ตดิ เชอ้ื ไวใ้ นสถานพยาบาลทัง้ หมด เพือ่ การดแู ลรกั ษาและป้องกนั การแพร่เชื้อ 1.2 เฉพาะโรค: เรม่ิ มยี าตา้ นไวรัสตอ่ ไวรสั ชนิดน้ีในข้นั ทดลองในวงกวา้ งแลว้
วธิ กี ำรดูแลตนเอง
ข้นั ตอนกำรเขำ้ รับวคั ซนี COVID-19
เกณฑพ์ จิ ำรณำรระดบั ควำมรนุ แรงCOVID-19
จดั ทำสื่อโดย นำงสำวชญำนชุ ชิ้นจ้นิ ครู กศน.ตำบลกระทุ่มลม้
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: