1. ถ่ายภาพในชั่วโมง golden hour การถ่ายภาพ landscape ที่จะช่วยใหภ้ าพของ เรามีความโดดเด่นและเฉิดฉายน้นั ตอ้ งอาศยั ช่วงเวลา ท่ีแสงน้นั ตกกระทบไดอ้ ยา่ งสวยงาม ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมที่สุด คือ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ ข้ึนและตกดิน (Golden hour) นนั่ เอง แลว้ ถา้ ยงิ่ เป็นช่วงหนา้ หนาวที่มีหมอกบางๆ ทาใหแ้ สงของ ดวงอาทิตยน์ ้นั ทาใหด้ ูซอฟตล์ ง แสงกจ็ ะนุ่มนวลมาก ข้ึน โทนของสีกซ็ อฟตล์ งดว้ ย การใชป้ ระโยชน์จาก แสงในช่วงเวลาน้ีน้นั จะคุม้ ค่ามากท่ีสุด เพราะแสงถูก ทาใหอ้ ่อนลงโดยธรรมชาติ เป็นภาพท่ีมองแลว้ สบาย ตาและใหค้ วามผอ่ นคลายมากๆ ถือวา่ เป็นอีกหน่ึงวธิ ี ในการถ่ายภาพท่ีจะช่วยดึงดูดสายของผชู้ มง่ายมากข้ึน
2. เรียนรู้ทจ่ี ะเลือกใช้อตั ราส่วนของภาพ ทาไมจึงตอ้ งเลือกอตั ราส่วนของภาพ การเลือกขนาดอตั ราส่วน ของภาพ เป็นการเลือกสรรสิ่งที่เราตอ้ งการนาเสนอใหผ้ ชู้ มน้นั เห็นจุดโฟกสั ของภาพไดอ้ ยา่ งชดั เจน โดยอาจจะใชก้ ารครอป สิ่งทีไม่ไดเ้ ก่ียวขอ้ งกบั องคป์ ระกอบของภาพออก หรือ เป็น ส่วนท่ีไม่น่าดึงดูด เพือ่ ยงั รักษาส่วนท่ีสาคญั ของภาพใหเ้ น้ือ เร่ืองไม่เสียไปหรือถูกบดบงั เพียงเพราะส่วนหน่ึงของภาพน้นั ไม่ไดเ้ ป็นไปในทิศทางที่เราตอ้ งการ การเลือกอตั ราส่วนของ ภาพน้นั จึงเป็นทางเลือกที่สาคญั ในการตดั สิ่งที่ไม่สาคญั ออก จากเฟรมและใหก้ ารโฟกสั อยทู่ ี่ส่วนที่สาคญั ที่สุดของภาพ น้นั เองครับ อยา่ งเช่น ถา้ หากเราตอ้ งการถ่ายรูปภูเขาที่ซอ้ นกนั เป็น layer แต่ในเฟรมของเราน้นั มีแสงของอาทิตยท์ ่ีสวา่ ง มากเกินไป จึงทาใหต้ อ้ งครอปส่วนของพระอาทิตยอ์ อก เพ่ือให้ เห็นแค่แสงที่นุ่มนวลท่ีลอดผา่ นหมอกเพยี งแค่น้นั
3. ไม่จาเป็ นทจ่ี ะต้องถ่ายภาพท้องฟ้าเสมอไป ถา้ พดู ถึงการถ่ายภาพแนวธรรมชาติน้นั หลายคนคง นึกถึงแค่ทอ้ งฟ้าภูเขาสวยๆ ที่ตอ้ งเดินเทา้ ข้ึนไปยงั จุดสูงสุดหรือจุดชมวิวต่างๆ ถา้ บางคร้ังสีของทอ้ งฟ้า ไม่เป็นใจ กไ็ ม่ควรใหป้ รากฎอยใู่ นเฟรม ซ่ึงจะทาให้ เป็นการลดทอนคุณภาพของภาพถา่ ยลง ตวั เลือกที่ดีที่ นอกเหนือจากการถา่ ยภาพติดทอ้ งฟ้า ภูเขา ซ่ึงอาจจะ ลองหดั ถา่ ยภาพน้าตก ตน้ ไม้ ท่ีทาใหเ้ ห็นอีกมุมหน่ึง ของธรรมชาติท่ีน่าสนใจ เช่น การถา่ ยภาพน้าตกท่ี จะตอ้ งใชท้ กั ษะการถา่ ยภาพแบบ long- exposure ซ่ึงจะทาใหส้ ายน้าน้นั ฟุ้งสวยงาม เป็นอีกแนวทางในการถา่ ยภาพธรรมชาติท่ีน่าสนใจ
4. เลือกจุดโฟกสั ของภาพให้เหมาะสม การเลือกจุดโฟกสั ของภาพถา่ ยน้นั จะทาใหก้ ารโฟกสั ของผชู้ มน้นั ทาไดง้ ่าย ใชต้ วั แบบที่มีความโดดเด่นใน ตวั ของมนั เอง ท่ีเราคิดวา่ สิ่งน้ีจะชูโรงใหภ้ าพของเรา น้นั โดดเด่นและมองเห็นไดง้ ่าย นอกจากน้ีจุดโฟกสั น้นั ยงั สามารถใชต้ วั แบบรองอ่ืนๆ เพ่อื ดึงความสนใจ ไปยงั จุดโฟกสั ไดเ้ ช่นกนั เช่น แสงและสีของพระ อาทิตยห์ รือแสงเงาที่สร้างความแปลกตาที่จะสามารถ ดึงความสนใจไปยงั ตวั แบบหลกั ไดเ้ ช่นกนั ซ่ึงถา้ หาก ขาดจุดโฟกสั ของภาพไปน้นั จะทาใหภ้ าพไม่ครบ องคป์ ระกอบ
5. ออกแบบเรื่องราวของภาพให้มี story ท่ี น่าสนใจ ภาพถ่าย landscape เปรียบเหมือนเร่ือง เล่าส้นั ๆ ท่ีมีตอนเร่ิมและตอนจบ ซ่ึงเหมือนกบั การถ่ายภาพที่มีท้งั ฉากหนา้ ฉากกลางและฉาก หลงั ซ่ึงเราเองตอ้ งจดั องคป์ ระกอบเหล่าน้ีให้ ลงตวั และเป็นไปในทิศทางเดียวกนั จะมี โอกาสนอ้ ยมากที่ทุกอยา่ งจะลงตวั โดยบงั เอิญ การควบคุมเร่ืองราวท่ีเกิดในภาพใหส้ มั พนั ธ์ กนั น้นั เป็นงานออกแบบที่ทาใหเ้ ห็นวา่ ช่างภาพน้นั ใส่ใจรายละเอียดต่อภาพถ่ายชิ้นน้ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: