วสั ดอุ ุปกรณใ์ น ชวี ติ ประจาํ วนั
คํานาํ 1 รายงานเล่นนเี ปนสว่ นหนงึ ของ รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี ว22103โดยเนอื หาภายในเล่นนี มี วสั ดทุ ีมใี นชวี ติ ประจาํ วนั เชน่ ไม้ พลาสติก และอืนๆ ซงึ ผจู้ ดั ทําหวงั วา่ รายงานนจี ะเปนประ โยชนต์ ่อผทู้ ีศึกษาไดไ้ มม่ ากก็นอ้ ย หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใดผจู้ ดั ทํา ต้องขออภัยมา ณ ทีนดี ว้ ย ด.ญ.อัมพวลั ย์ อัมพนั ธ์ วนั อาทิตย์ ที28 ก.ค2562
สารบญั 2 เรอื ง หนา้ เกรนิ นาํ . 3 4 ไม.้ 7 โลหะ 10 พลาสติก 13 ยาง
3 วสั ดอุ ุปกรณใ์ น ชวี ติ ประจาํ วนั สงิ ของเครอื งใชต้ ่างๆสรา้ งขนึ จากวสั ดุ หลายประเภท วสั ดแุ ต่ละประเภทมสี มบตั ิ และลักษณะทีแตกต่างกัน การเลือกใช้ วสั ดทุ ีถกู ต้องและเหมาะสมจงึ มคี วาม สาํ คัญต่อการออกแบบและสรา้ ง สงิ ของ เครอื งใชว้ สั ดทุ ีนาํ มาทําสงิ ของเครอื งใชท้ ี เราพบเจอในชวี ติ ประจาํ วนั เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง มลี ักษณะและสมบตั ิที แตกต่างกัน ดงั นี
ไม้ (Wood) 4 ไม้ คือ วสั ดธุ รรมชาติทีไดม้ าจากลําต้น ของไมซ้ งึ สว่ นใหญเ่ ปนยนื ต้น ไมม้ คี วาม แขง็ แรง ทนทาน ต้านทานไฟฟาไมเ่ ปน สนมิ มรี ปู รา่ งคงตัว ผวิ เรยี บ มกี ลินและ ลวดลาย ถ้าไดร้ บั ความชนื เปนเวลานาน อาจบวมผดิ รปู และผไุ ด้ ไมแ้ บง่ ออกเปน 2 ประเภท คือ 1.ไมจ้ รงิ หรอื ไมธ้ รรมชาติ(Natural wood or solid wood) 2.ไมป้ ระกอบ(Processed wood)
5 ไมจ้ รงิ หรอื ไมธ้ รรมชาติ(Natural wood or solid wood) ไมจ้ รงิ หรอื ไมธ้ รรมชาติ คือไมท้ ีไดม้ า จากลําต้นของไมโ้ ดยตรง แบง่ ออกเปน 2 ประเภท คือ 1.ไมเ้ นอื แขง็ (hardwood) 2.ไมเ้ นอื อ่อน(softwood)
6 ไมป้ ระกอบ(Processed wood) ไมป้ ระกอบ คือ ไมท ไ่ี ดมาจากการนับช้ินสว นของไมมาตอ รวมกนั ดว ยกระบวนการตางๆ ไมป ระกอบมีหลายประเภท เชน ไมอัด ไมป ารต ิเคลิ บอรด
7 โลหะ(metals) โลหะ คือ วสั ดทุ ีไดจ้ ากการถลงุ สนิ แรต่ ่างๆ โลหะทีนาํ มาใชง้ านสว่ นใหญจ่ ะผา่ นปรบั ปรงุ สมบตั ิใหด้ ขี นึ ก่อนนาํ มาใชง้ าน โลหะเปนนาํ ความรอ้ นและไฟฟา มคี วาม แขง็ แรงสงู มคี วามคงทนถาวรไมเ่ สอื มสลาย เปนวตั ถทุ ึบแสงทนทานต่อการกัดกรอ่ น โลหะแบง่ ออกได้เปน 2 ประเภท 1.โลหะกล่มุ เหล็ก(ferrous metals) 2.โลหะนอกกล่มุ เหล็ก(non-ferrous metals)
8 โลหะกล่มุ เหล็ก(ferrous metals) โลหะกล่มุ เหล็ก คอื โลหะทมี เี หลก็ เปนสว่ น ประกอบหลกั แบง่ ออกเปนเหลก็ กลา้ steel และเหลก็ หลอ่ castironซงึ มธี าตคุ ารบ์ อน ผสมอยใู่ นปรมิ าณทตี า่ งกนั ตงั แต่ 0.1% ไป จนถงึ 4.0% คารบ์ อนทผี สมลงในเหลก็ มผี ล ตอ่ ความแขง็ และเปราะของเหลก็ โดยทวั ไป โลหะกลมุ่ เหลก็ จะเกดิ สนมิ และมสี มบตั ดิ ดู ตดิ กบั แมเ่ หลก็ ได้
9 โลหะนอกกล่มุ เหล็ก(non- ferrous metals) โลหะนอกกล่มุ เหล็ก คือ โลหะทีไมม่ ี เหล็กเปนสว่ นประกอบ ดังนนั โลหะ ประเภทนีจะไมเ่ กิดสนมิ และไมด่ ดู ติด กับแมเ่ หล็กเชน่ อะลมู เิ นียม ทองแดง สงั กะสี ทองเหลือง
10 พลาสติก(plastice) พลาสติก คือ วสั ดสุ งั เคราะห์ ทีมนยุ ษ์สรา้ งขนึ สว่ นใหญเ่ ปน ผลผลิตทีได้จากการกลันนาํ มนั ดิบ ปจจุบนั พลาสติกนาํ มาใชส้ รา้ ง สงิ ของเครอื งใชม้ ากมายและมบี ท บทาอยา่ งยงิ ต่อการดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั พลาสติกแบง่ ออกได้เปน 2 ประเภท 1.เทอรโ์ มพลาสติก(thermop lastics) 2.เทอรโ์ มเซตติงพลาสติก(thermosetting pllastic)
11 เทอรโ์ มพลาสติก(thermoplastics) เทอรโ์ มพลาสติก จะอ่อนตัวและ หลอมเหลวเมอื ได้รบั ความรอ้ นและจะ แขง็ ตัวเมอื ทําให้เยน็ ลง พลาสติกทีแขง็ ตัวแล้วสามารถนาํ มาหลอมซาํ ได้ด้วย ความรอ้ น
12 เทอรโ์ มเซตติง พลาสติก(thermosetting pllastic) เทอรโ์ มเซตติงพลาสติก เปนพลาสติก ทีมสี มบตั ิพเิ ศษ คือทนทานต่อการ เปลียนแปลงอุณหภมู แิ ละทนปฏิกิรยิ า เคมไี ด้ดี
13 ยาง(rubbe) ยาง คือ วสั ดทุ ีมคี วามยดื หยุน่ สงู ถกู นาํ ไปแปรรูปเพอื ใชป้ ระโยชนใ์ น การสรา้ งสงิ ของเครอื งใชห้ ลายชนดิ สามารถแบง่ ออกเปน 2 ประเภท คือ 1.ยางธรรมชาติ(natural rubber) 2.ยางสงั เคราะห์(synthetic rubber)
14 ยางธรรมชาติ(natural rubber) ยางธรรมชาติ คือ ผลผลิตที ได้จากต้นยาง เมอื ยางอยูใ่ นสภาวะ อุณหภมู ติ ําจนแขง็ กระด้าง เมอื ยางอยู่ ในสภาวะอุณหภมู สิ งู อ่อนนมิ มคี วามยดื หยุน่ สงู ทนต่อการสกึ หรอ แต่ไมท่ นต่อ ตัวทําลายพวกนาํ มนั ปโตเลียม
15 ยางสงั เคราะห์(synthetic rubber) ยางสงั เคราะห์ คือ ยางทีได้จากการ สงั เคราะห์ทางเคมเี พอื เลียนแบบ ยางธรรมชาติ ขอ้ ดี คือ สามารถ ปรบั ปรุงสมบตั ิต่างๆได้
อ้างอิง 16 https://www.krui3.com/ content/materials-in- daily-life/
จดั ทําโดย ด.ญ.อัมพวลั ย์ อัมพนั ธ์ ชนั ม. 2/2 เลขที37 เสนอ คณุ ครู ภัทราวรรณ อุทธสงิ ห์ โรงเรยี นโพธไิ ทรพทิ ยาคาร สาํ นกั งานเขตพนื ทีการศึกษา มธั ยมศึกษาอุบลราชธานี เขต 29
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: