Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เตรียมสอบครูผู้ช่วย เล่มที่ 2

เตรียมสอบครูผู้ช่วย เล่มที่ 2

Published by philasart, 2020-07-19 11:20:13

Description: เตรียมสอบครูผู้ช่วย สพฐ. เล่มที่ 2 มาตรฐานวิชาชีพ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

Keywords: สอบครูผู้ช่วย,แนวข้อสอบ,เก็งข้อสอบ,สอบข้าราชการครู

Search

Read the Text Version

เตรยี มสอบ ครผู ูชว ย สพฐ. 2563 สรุปเนอื้ หาและแนวขอ สอบ มาตรฐานความรูแ ละประสบการณวิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัตงิ าน มาตรฐานการปฏิบัติตน พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 พระราชบญั ญัติการจดั การศึกษาสําหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 พระราชบัญญัตสิ ภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 พระราชบญั ญตั คิ ุมครองเดก็ พ.ศ. 2546 พระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. 2546 (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2553 (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2562 รฐั ธรรมนูญและกฎหมายท่เี กย่ี วขอ งกับการจดั การเรียนการสอน พระราชบญั ญตั กิ ารพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. 2562 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วา ดว ยการไวทรงผมของนกั เรียน พ.ศ. 2563 แนวขอ สอบ จํานวน 574 ขอ สรปุ เน้อื หาและแนวขอ สอบ ตรงประเดน็ ชดั เจน เขา ใจงาย 240 สรปุ เน้ือหาและดแรน.วไพขอศสาอลบ ตพริลงปารศะาเสดน็ตรช ัดเจน เขา ใจงา ย

คำนำ อยาเกยี จครา นการเรียนเรงอตุ สา ห มวี ิชาเหมือนมีทรพั ยอ ยนู ับแสน จะตกถิ่นฐานใดคงไมแคลน ถงึ คับแคน กพ็ อยังประทงั ตน อนั ความรูร กู ระจา งแตอยา งเดยี ว แตใหเชยี่ วชาญเถิดคงเกดิ ผล อาจจะชกั เชดิ ชูฟสู กนธ ถงึ คนจนพงศไ พรคงไดดี ฯ พระยาศรสี นุ ทรโวหาร(นอย อาจารยางกูร) การสอบครูผูชวยทีจ่ ะประสบความสำเร็จน้ัน จะตอ งอา นใหมาก รูใ หมาก รูลกึ รกู วาง อานหนังสือ อยางเขาใจ อานหนังสือตองใหจำ และก็ตองมีทักษะการวิเคราะหดวย ใหนำธรรมอิทธิบาท 4 และหัวใจ นักปราชญมาสูการปฏิบัติ ไมมีใครที่จะชวยเหลือการสอบของเราได นอกจากตัวของเราเอง ตนเปนที่พึง ของตนเอง เตรียมตัวเองใหดีทางดานรางกาย จิตใจ เมื่อมีความเคลียด กังวล ก็ใหรูจักผอนคลาย มีการทำ สมาธิ นนั ทนาการ ออกกำลงั กาย และเลน กฬี า ตามความเหมาะสมบา ง ตำราเตรียมสอบครูผูชวย ผูจัดทำไดทำดวยความตั้งใจ ไดสรุปเนื้อหาสาระสำคัญที่เปนปจจุบัน และมีแนวขอสอบเพื่อใหทานไดฝกความจำ และฝกคิดวิเคราะห ตำราเตรียมสอบครูผูชวยเลมน้ี ผูจัดทำ หวังวาคงจะมปี ระโยชนไมมากก็นอย สำหรับผูเ ตรียมตวั สอบครูผชู ว ย ขอขอบคุณทุกทานที่ใหความไววางใจ และไดใหการสนับสนุนตำราเตรียมสอบครูผูชวยเลมน้ี ขอเปน กำลังใจ และใหป ระสบความสำเร็จไดเปนครผู ูชวยตามความมุงมน่ั ปรารถนาทุกทาน ดวยความจริงใจ ดร.ไพศาล พิลาศาสตร

สารบญั บทท่ี 1 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 แกไขเพ่ิมเตมิ หนา (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 จำนวน 47 ขอ 1 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง ชาติ พ.ศ. 2542 แกไข เพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 2-9 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562 จำนวน 10 3 ขอ 11 เฉลยแนวขอสอบพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหงชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 12 แนวขอสอบพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 13-23 พ.ศ. 2547แกไ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 จำนวน 60 ขอ 24 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบัญญัติระเบยี บขา ราชการครูและบคุ ลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2547แกไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 25-28 2553 30 แนวขอ สอบพระราชบญั ญัติการจดั การศึกษาสำหรบั คนพิการ พ.ศ. 2551 จำนวน 28 ขอ เฉลยแนวขอสอบพระราชบัญญัตกิ ารจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 บทที่ 2 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติ สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 31 จำนวน 75 ขอ เฉลยแนวขอสอบพระราชบัญญัติ สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 32-45 2546 46-47 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติคมุ ครองเด็ก พ.ศ. 2546 จำนวน 45 ขอ 48-55 เฉลยแนวขอสอบพระราชบัญญตั คิ ุมครองเด็ก พ.ศ. 2546 56 บทที่ 3 57 แนวขอ สอบพระราชบญั ญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 58-63 2546 (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2553 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 จำนวน 32 ขอ

เฉลยแนวขอ สอบพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 64 พ.ศ. 2546 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562 65-69 แนวขอสอบรัฐธรรมนญู และกฎหมายทเ่ี กยี่ วของกบั การจัดการเรียนการสอน 70 จำนวน 20 ขอ 71-75 เฉลยแนวขอ สอบรฐั ธรรมนูญและกฎหมายท่เี กย่ี วของกับการจัดการเรยี น 76 การสอน แนวขอสอบพระราชบญั ญตั ิการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 จำนวน 25 ขอ เฉลยแนวขอ สอบพระราชบัญญัตกิ ารพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. 2562 บทที่ 4 แนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏิบตั งิ าน ชดุ ที่ 1 จำนวน 20 ขอ 77 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏิบัตงิ าน ชุดท่ี 1 แนวขอสอบมาตรฐานดานการปฏบิ ัตงิ าน ชดุ ที่ 2 จำนวน 14 ขอ 78-81 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานดานการปฏิบตั ิงาน ชุดที่ 2 82 แนวขอ สอบมาตรฐานดานการปฏบิ ตั ิงาน ชดุ ท่ี 3 จำนวน 10 ขอ 84 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานดานการปฏบิ ัติงาน ชดุ ที่ 3 85 แนวขอสอบมาตรฐานดานการปฏบิ ตั งิ าน ชุดที่ 4 จำนวน 15 ขอ 86-88 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ัตงิ าน ชุดที่ 4 89 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏิบัติตน ชุดท่ี 1 จำนวน 20 ขอ 90-91 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏิบัตติ น ชุดท่ี 1 92-93 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ตั ิตน ชดุ ที่ 2 จำนวน 20 ขอ 94-97 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานดานการปฏิบัติตน ชดุ ท่ี 2 98 แนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ัตติ น ชุดที่ 3 จำนวน 20 ขอ 99-103 เฉลยแนวขอสอบ มาตรฐานดา นการปฏิบัติตน ชุดที่ 3 104 แนวขอ สอบมาตรฐานความรูและประสบการณว ิชาชพี ครู ชุดที่ 1 จำนวน 20 ขอ 105-109 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณว ิชาชีพครู ชุดท่ี 1 110 แนวขอ สอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณว ิชาชีพครู ชดุ ท่ี 2 จำนวน 20 ขอ 111-114 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชีพครู ชุดท่ี 2 115 แนวขอ สอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณว ิชาชีพครู ชดุ ที่ 3 จำนวน 20 ขอ 116-119 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานความรูและประสบการณว ิชาชพี ครู ชดุ ท่ี 3 120 รวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชีพ ชุดที่ 1 จำนวน 20 ขอ 121-125 เฉลยรวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชพี ชุดที่ 1 126 รวมแนวขอสอบมาตรฐานวิชาชีพ ชดุ ท่ี 2 จำนวน 20 ขอ 127-130 เฉลยรวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชีพ ชุดที่ 2 131 132-136 137

รวมแนวขอสอบมาตรฐานวิชาชพี ชดุ ที่ 3 จำนวน 20 ขอ 138-141 เฉลยรวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชพี ชุดท่ี 3 142 บทที่ 4 143 ประกาศคณะกรรมการครุ สุ ภาเรอ่ื ง หลกั เกณฑแ ละวิธีการทดสอบและประเมนิ 144-149 สมรรถนะทางวชิ าชพี ครู พ.ศ. 2563 ขอ บงั คับครุ สุ ภาวา ดวยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 150-152 ประกาศคณะกรรมการครุ สุ ภาเรอื่ ง รายละเอยี ดของมาตรฐานความรแู ละ 153-157 ประสบการณว ชิ าชพี ครูตามขอบงั คับครุ ุสภา วา ดว ยมาตรฐานวิชาชพี (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562 ตารางรายละเอียดของมาตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชพี ครตู าม 158-161 ขอ บังคับครุ ุสภา วา ดว ยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2562 ขอ บงั คับคุรุสภาวา ดว ยมาตรฐานวิชาชพี (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2561 162-163 ขอ บังคับครุ สุ ภาวาดว ยมาตรฐานวชิ าชพี (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2561 164-165 ขอบังคับครุ สุ ภาวาดว ยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 166-172 ขอบงั คบั ครุ ุสภาวาดว ยใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2562 173-176 ขอ บังคบั ครุ ุสภาวาดวยใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี พ.ศ. 2559 177-187 ขอ บังคบั ครุ สุ ภาวาดว ยจรรยาบรรณของวชิ าชีพ พ.ศ. 2556 188-190 ขอบงั คับคุรุสภาวาดวยแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชพี 191-195 พ.ศ. 2550 ขอ บังคบั คุรสุ ภาวาดวยการจดทะเบียนเปนสมาชิกครุ ุสภา พ.ศ. 2553 196-197 ภาคผนวก 198 พระราชบัญญัติการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. 2562 199-210 ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วาดว ยการไวทรงผมของนักเรยี น พ.ศ. 2563 211-212 รฐั ธรรมนูท่เี กย่ี วขอ งกับการศึกษา 213-214 หลักเกณฑแ ละวิธกี ารสอบแขงขันเพ่อื บรรจุและแตง ตงั้ บคุ คลเขารบั ราชการเปน 215-222 ขาราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ตำแหนงครูผูชว ย หลกั สตู รการสอบแขงขันเพ่ือบรรจแุ ละแตงตั้งบุคคลเขารับราชการเปน 223-225 ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหนง ครูผชู ว ย ประวตั ผิ จู ดั ทำ 226

บทที่ 1 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติการศกึ ษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 แกไ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง ชาติ พ.ศ. 2542 แกไ ขเพมิ่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 แนวขอ สอบพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหงชาติ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2562 เฉลยแนวขอสอบพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหงชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562 แนวขอสอบพระราชบัญญัตริ ะเบียบขา ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 แกไ ขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบญั ญตั ิระเบียบขา ราชการครูและบคุ ลากรทาง การศกึ ษา พ.ศ. 2547 แกไขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 แนวขอสอบพระราชบญั ญตั ิการจัดการศึกษาสำหรับคนพกิ าร พ.ศ. 2551 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบญั ญัติการจดั การศึกษาสำหรับคนพกิ าร พ.ศ. 2551

แนวขอสอบ พระราชบญั ญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 แกไขเพม่ิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 ………………………………………………………………………………………………. 1. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง ชาติ พ.ศ. 2542 มีผลบงั คบั ใชต ้งั แตว ันทเี่ ทาไร ก. วันท่ี 19 สงิ หาคม 2542 ข. วันท่ี 20 สิงหาคม 2542 ค. วันท่ี 21 สงิ หาคม 2542 ง. วนั ท่ี 22 สงิ หาคม 2542 2. การตราพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง ชาติไดรบั คำแนะนำและยนิ ยอมจากกลมุ บคุ คลใด ก. รฐั สภา ข. วุฒิสภา ค. สภาผูแทนราษฎรไทย ง. สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา 3. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 ประกาศใชเม่อื วันที่เทาไร ก. วันท่ี 19 สิงหาคม 2542 ข. วันท่ี 20 สิงหาคม 2542 ค. วนั ท่ี 21 สงิ หาคม 2542 ง. วันท่ี 22 สงิ หาคม 2542 4. “การศึกษา” ตามพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 หมายความวา อะไร ก. กระบวนการเรียนรูเพื่อความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสตปิ ญ ญา ข. กระบวนการเรยี นรูเพื่อความเจรญิ งอกงามของบคุ คลใหมีคุณภาพชีวิต ค. กระบวนการเรยี นรเู พ่ือความเจรญิ งอกงามของบคุ คลใหเ กง ดี และมีความสขุ ง. กระบวนการเรียนรูเพื่อความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสงั คม 5. “การศึกษาขน้ั พื้นฐาน” ตามพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง ชาติ พ.ศ. 2542 หมายความวา อะไร ก. การศกึ ษาภาคบังคบั ข. การศกึ ษาในระบบ ค. การศึกษากอนระดบั อุดมศกึ ษา ง. การศกึ ษาเพื่อปวงชน 2

บทที่ 2 แนวขอสอบพระราชบญั ญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 เฉลยแนวขอสอบพระราชบญั ญตั ิ สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 แนวขอ สอบพระราชบัญญตั ิคมุ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 เฉลยแนวขอสอบพระราชบญั ญัติคุมครองเด็ก พ.ศ. 2546 แนวขอ สอบพระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2553 (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2562 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2553 (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562

แนวขอสอบ พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 -------------------------------------------------------------------------------------- 1. พระราชบญั ญัตสิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ประกาศใชเ ม่ือวนั ที่เทาไร ก. วันที่ 11 มิถุนายน 2546 ข. วันที่ 12 มิถุนายน 2546 ค. วันที่ 13 มิถนุ ายน 2546 ง. วนั ที่ 14 มถิ ุนายน 2546 2. พระราชบญั ญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มีผลบังคบั ใชเ มื่อวนั ท่ีเทาไร ก. วันที่ 11 มถิ ุนายน 2546 ข. วนั ท่ี 12 มถิ นุ ายน 2546 ค. วนั ที่ 13 มิถุนายน 2546 ง. วนั ที่ 14 มิถนุ ายน 2546 3. พระราชบัญญัติสภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 4 ขอใดไมใชค วามหมาย “วชิ าชีพ” ก. ทำหนาทหี่ ลกั ทางดานการเรียนการสอน ข. การสง เสรมิ การเรยี นรูข องผูเรยี นดวยวิธกี ารตาง ๆ ค. การรบั ผดิ ชอบการบริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพืน้ ฐาน และอุดมศึกษา ง. การสอน การนเิ ทศ และงานดา นวจิ ยั การศึกษา 4. พระราชบัญญตั สิ ภาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 4 ขอใดใชค วามหมาย “ผปู ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา” ก. ครู ผบู รหิ ารสถานศกึ ษา ผูบ ริหารการศึกษา ข. ผูบริหารสถานศึกษา ค. ผูบ รหิ ารการศึกษา ง. ครู 5. “ผูบริหารสถานศกึ ษา” หมายความวา บคุ คลซ่ึงปฏิบตั ิงานในตำแหนงผูบริหารสถานศกึ ษาภายใน เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาอนื่ ท่ีจดั การศึกษาระดับใด ก. จัดการศกึ ษาปฐมวัย ขัน้ พื้นฐาน และอดุ มศึกษาตำ่ กวาปริญญา ข. จัดการศึกษาปฐมวยั ค. จดั การศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ง. จัดการศึกษาต่ำกวาปรญิ ญา 32

บทท่ี 3 แนวขอ สอบพระราชบญั ญัติระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2553 (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2562 เฉลยแนวขอ สอบพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2553 (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562 แนวขอสอบรฐั ธรรมนูญและกฎหมายทีเ่ กีย่ วขอ งกบั การจดั การเรยี นการสอน เฉลยแนวขอ สอบรฐั ธรรมนูญและกฎหมายทเี่ กยี่ วขอ งกบั การจัดการเรียน การสอน แนวขอสอบพระราชบญั ญัติการพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2562 เฉลยแนวขอสอบพระราชบญั ญตั ิการพัฒนาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2562

แนวขอ สอบ พระราชบัญญัตริ ะเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2553 (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562 --------------------------------------------------------------------- 1. พระราชบัญญัติระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ.2546 มผี ลบงั คับใชตั้งแตว ันทเ่ี ทา ไร ก. วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2546 ข. วันท่ี 7 กรกฎาคม 2546 ค. วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2546 ง. วนั ที่ 9 กรกฎาคม 2546 2. การตราพระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 ไดร บั คำแนะนำและ ยินยอมจากกลุม บุคคลใด ก. สภาผแู ทนราษฎรไทย ข. วฒุ ิสภา ค. รฐั สภา ง. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 3. พระราชบญั ญตั ิระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. 2546 ประกาศใชเมื่อวนั ท่เี ทา ไร ก. วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2546 ข. วันท่ี 7 กรกฎาคม 2546 ค. วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2546 ง. วันท่ี 9 กรกฎาคม 2546 4. พระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. 2546 ใหไว ณ วันท่ีเทา ไร ก. วนั ท่ี 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ข. วันท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ค. วนั ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ง. วนั ท่ี 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 5. อำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพ่ือปฏิบัตติ ามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 เปนของใคร ก. คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ข. คณะกรรมการสภาการศกึ ษา ค. คณะรัฐมนตรี ง. รัฐมนตรีวา การกระทรวงศกึ ษาธิการ 58

บทที่ 4 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ัติงาน ชุดที่ 1 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ตั ิงาน ชุดท่ี 1 แนวขอ สอบมาตรฐานดานการปฏบิ ัติงาน ชดุ ที่ 2 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ตั ิงาน ชดุ ที่ 2 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏิบัตงิ าน ชุดท่ี 3 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานดานการปฏิบตั ิงาน ชุดท่ี 3 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ตั งิ าน ชุดที่ 4 เฉลยแนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ัติงาน ชดุ ท่ี 4 แนวขอ สอบมาตรฐานดา นการปฏบิ ัติตน ชดุ ที่ 1 เฉลยแนวขอ สอบ มาตรฐานดา นการปฏบิ ตั ิตน ชดุ ท่ี 1 แนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏิบตั ิตน ชดุ ท่ี 2 เฉลยแนวขอ สอบ มาตรฐานดา นการปฏิบัตติ น ชุดท่ี 2 แนวขอสอบมาตรฐานดา นการปฏิบตั ิตน ชุดท่ี 3 เฉลยแนวขอ สอบ มาตรฐานดา นการปฏิบตั ติ น ชุดท่ี 3 แนวขอสอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณว ชิ าชพี ครู ชุดท่ี 1 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชีพครู ชดุ ที่ 1 แนวขอสอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชีพครู ชุดท่ี 2 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานความรูและประสบการณว ิชาชีพครู ชุดที่ 2 แนวขอสอบมาตรฐานความรแู ละประสบการณวิชาชพี ครู ชดุ ที่ 3 เฉลยแนวขอสอบมาตรฐานความรูและประสบการณว ชิ าชพี ครู ชดุ ที่ 3 รวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชีพ ชดุ ท่ี 1 เฉลยรวมแนวขอสอบมาตรฐานวชิ าชพี ชุดที่ 1 รวมแนวขอ สอบมาตรฐานวิชาชพี ชุดท่ี 2 เฉลยรวมแนวขอ สอบมาตรฐานวชิ าชีพ ชุดที่ 2 รวมแนวขอ สอบมาตรฐานวชิ าชพี ชุดที่ 3 เฉลยรวมแนวขอสอบมาตรฐานวิชาชีพ ชุดที่ 3

แนวขอสอบ มาตรฐานดา นการปฏบิ ตั ิงาน ชดุ ที่ 1 ------------------------------------------------------------ 1. ครูผชู วยทา นใดมีมาตรการการปฏบิ ัติงานดานการปฏิบตั หิ นา ท่ีครู ขอใดกลาวถูกตอง ก. ครชู ยั มุงม่ันพฒั นาผูเรียนดวยความเอาใจใส ข. ครสู นุ ทร มงุ มน่ั พัฒนาผูเรียนดว ยความขยนั ค. ครูศกั ดิ มงุ มนั่ พัฒนาผเู รียน ดว ยจติ วญิ ญาณความเปน ครู ง. ครชู ำนาญ มงุ มนั่ พฒั นาผูเรยี น 2. “ประพฤตติ นเปนแบบอยางท่ีดี มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมคี วามเปน พลเมืองทเี่ ขมแข็ง” เปน มาตรฐานการปฏิบตั ิงานดานใด ก. การปฏบิ ตั หิ นา ท่ีครู ข. การจดั การเรยี นรู ค. ความสัมพนั ธกบั ผูป กครองและชมุ ชน ง. คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ 3. ครูผชู ว ยทา นใดมมี าตรฐานการปฏิบัตงิ านดานการปฏิบัตหิ นาทค่ี รู ขอใดกลา วถกู ตอง ก. ครูแกม ใส สง เสรมิ การเรียนรู และยอมรบั ความแตกตางของผเู รียนแตละบุคคล ข. ครูงามตา ปฏิบัติงานรว มกับผูอนื่ อยา งสรางสรรคและมสี ว นรวมในกิจกรรมการพัฒนาวิชาชีพ ค. ครูมะปราง สง เสริมการเรียนรู เอาใจใส และยอมรับความแตกตา งของผเู รียนแตละบุคคล ง. ครูขวัญสุดา สงเสริมการเรียนรู และประยุกตใ ชเ ทคโนโลยดี ิจทิ ลั ใหเกดิ ประโยชน 4. ครบู ัวชมพู สอนชน้ั ประถมศึกษาปที่ 6 สรา งแรงบันดาลใจผูเรียนใหเปน ผูใฝเรียนรูและผูสราง นวตั กรรม เปน มาตรฐานการปฏบิ ตั ิงานดา นใด ก. การปฏบิ ตั หิ นา ที่ครู ข. การจดั การเรียนรู ค. ความสมั พันธกับผปู กครองและชุมชน ง. จิตวทิ ยาสำหรับครู 5. ครูฟางขา ว ตำแหนง ครผู ูชว ย ใชเ วลาวนั เสาร อาทติ ย ศึกษาเรยี นตอระดบั ปรญิ ญาโททางการศึกษา เพอื่ พฒั นาตนเองใหมีความรอบรู ทนั สมัย และทนั ตอการเปล่ียนแปลง แสดงวาครูฟางขา วมมี าตรฐาน การปฏิบตั ิงาน ดา นใด ก. การปฏิบตั หิ นาที่ครู ข. การจดั การเรียนรู ค. ความสมั พันธก บั ผูปกครองและชมุ ชน ง. คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ 78

หน้า ๑๕ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ประกาศคณะกรรมการคุรสุ ภา เรอื่ ง หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวชิ าชีพครู พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยท่ีเป็นการสมควรให้มีการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ทางวิชาชีพครู ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขในการขอรับใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพครู เพ่ือเป็น ส่วนหนึ่งของกลไกและระบบการคัดกรองผู้ประกอบวิช าชีพครูให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของ ความเป็นครู และมีความรคู้ วามสามารถตามมาตรฐานวิชาชพี ครูทค่ี ุรสุ ภากาหนด อาศยั อานาจตามความในข้อ ๖ และข้อ ๗ แห่งขอ้ บงั คับครุ ุสภา ว่าดว้ ยใบอนญุ าตประกอบ วิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับมติคณะกรรมการคุรุสภา ในการประชุมครั้งท่ี ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันท่ี ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ และการประชุมครั้งท่ี ๒/๒๕๖3 เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ คณะกรรมการคุรสุ ภาจึงออกประกาศหลักเกณฑ์และวิธกี ารทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวชิ าชีพครู ไวด้ งั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ ทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวชิ าชีพครู พ.ศ. ๒๕๖๓” ขอ้ ๒ ประกาศนใี้ ห้ใช้บังคบั ต้ังแต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการคุรุสภา “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการอานวยการทดสอบและประเมิน สมรรถนะทางวิชาชพี ครูเพอ่ื ขอรบั ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครู “สมรรถนะทางวิชาชีพครู” หมายความว่า ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ การปฏิบัติงาน และการปฏิบัตติ น ตามมาตรฐานวิชาชพี ครูท่คี รุ สุ ภากาหนด “การทดสอบและประเมิน” หมายความวา่ การทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวิชาชพี ครู ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเง่อื นไขในการขอรบั ใบอนุญาตทีก่ าหนดในขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภา “หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี าร” หมายความว่า หลักเกณฑ์และวิธกี ารทดสอบและประเมนิ สมรรถนะ ทางวชิ าชพี ครตู ามท่ีคณะอนุกรรมการกาหนด “ผู้เข้าทดสอบและประเมิน” หมายความว่า ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ทางวชิ าชพี ครูเพ่อื ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพครตู ามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารทค่ี ณะอนุกรรมการกาหนด “ชาวไทย” หมายความวา่ บคุ คลท่มี สี ัญชาตไิ ทย “ชาวต่างประเทศ” หมายความว่า บุคคลที่ไม่มีสญั ชาตไิ ทย “ปริญญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่า” หมายความว่า คุณวุฒิปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอกทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือปริญญาอื่นที่มีคุณวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 144

หน้า ๑๖ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ที่คุรุสภารับรอง และปริญญาทางการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ผ่านการรับรอง หรือ เทียบคุณวุฒิจากหน่วยงานท่ีรับผิดชอบภายในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นคุณวุฒิในการขอรับใบอนุญาต ประกอบวชิ าชพี ครู “ปริญญาอ่ืน” หมายความว่า คุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาที่คุรุสภารับรอง โดยผ่านการรับรอง ความรู้ หรือการรับรองคุณวุฒิตามท่ีคุรุสภากาหนดเพ่ือใช้เป็นคุณวุฒิในการขอรับใบอนุญาตประกอบ วชิ าชีพครู “การรับรองความรู้” หมายความว่า การรับรองความรู้ของผู้ประสงค์ประกอบวิชาชีพครู ว่ามคี วามรูเ้ ทียบเคยี งได้กับมาตรฐานความรูว้ ิชาชีพครตู ามข้อบังคบั คุรสุ ภา “การรับรองคุณวุฒิ” หมายความว่า การรับรองคุณวฒุ ิการศึกษาไม่ตา่ กวา่ ปริญญา เพ่ือการ ประกอบวิชาชีพครู ตามประกาศคณะกรรมการครุ ุสภา ขอ้ ๔ ใหป้ ระธานกรรมการรักษาการตามประกาศน้ี และให้มอี านาจออกคาส่งั และประกาศ รวมทั้งให้มีอานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาอันเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศน้ี และแจ้งให้ คณะกรรมการทราบ สว่ นที่ ๑ คณะอนกุ รรมการ ขอ้ ๕ ให้มีคณะอนุกรรมการ ซึ่งเเต่งตั้งโดยคณะกรรมการ จานวนไม่เกิน ๑๕ คน ประกอบด้วย (๑) ประธานอนุกรรมการ ซ่ึงคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพเสนอชื่อจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทางการศึกษา (๒) อนุกรรมการ โดยตาแหน่ง ๓ คน ประกอบด้วย ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ ศึกษาศาสตร์แหง่ ประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ ปลัดกระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม (๓) อนุกรรมการ จานวนไม่เกิน ๑๐ คน ซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพเสนอชื่อจาก ผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา ซึ่งมีคุณวุฒิ และมีตาแหน่งทางวิชาการ ผลงานทางวิชาการ และ/หรือ ประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกัน ได้แก่ การจัดการศึกษา ในระดับปริญญาทางการศึกษา หรอื เทยี บเท่า การวัดและประเมนิ ผล การสร้างขอ้ สอบ การจัดทาคลัง ข้อสอบ การสร้างเคร่ืองมือประเมิน การบริหารจัดการทดสอบ และการประเมิน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผ้เู ชยี่ วชาญดา้ นกฎหมาย อย่างนอ้ ย ๑ คน (๔) เลขาธิการคุรุสภา หรือรองเลขาธกิ ารคุรุสภาที่เลขาธิการคุรุสภามอบหมาย เป็นอนกุ รรมการ และเลขานุการ 145

หน้า ๑๗ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๑๐๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา (๕) พนักงานเจ้าหน้าที่สานักงานเลขาธิการคุรุสภาที่เลขาธิการคุรุสภามอบหมายคนหนึ่ง เปน็ ผ้ชู ว่ ยเลขานกุ าร ให้คณะอนุกรรมการมีวาระการดารงตาแหน่ง ๒ ปี และเม่ือครบกาหนดวาระ ให้คณะกรรมการแต่งต้ังคณะอนุกรรมการชุดใหม่ภายใน ๖๐ วัน ท้ังน้ี ให้คณะอนุกรรมการชุดเดิม มอี านาจและหนา้ ทตี่ อ่ ไปจนกวา่ จะมกี ารแต่งตง้ั คณะอนกุ รรมการชุดใหม่ ข้อ ๖ คณะอนุกรรมการ มีอานาจและหน้าที่ ดังต่อไปน้ี (๑) กาหนดนโยบาย แนวทาง และรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและ ประเมินสมรรถนะทางวชิ าชีพครู (๒) อานวยการและดาเนินการตามนโยบาย แนวทาง และรายละเอียดของหลักเกณฑ์ และ วิธกี ารทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวชิ าชพี ครู (๓) กากับ ติดตาม และประเมินผลการดาเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ทางวิชาชีพครเู พ่ือการขอรับใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพครู และรายงานผลการดาเนนิ งานต่อคณะกรรมการ (๔) แตง่ ต้งั คณะทางานเพ่ือดาเนนิ การตามทีค่ ณะอนกุ รรมการมอบหมาย (๕) พิจารณาอนุญาต อนุมตั ิ เห็นชอบ หรือออกคาสัง่ หรอื ประกาศใด ๆ เพือ่ การปฏบิ ตั งิ าน ตามอานาจและหนา้ ทีข่ องคณะอนุกรรมการ (๖) ดาเนินการอ่นื ๆ ตามท่คี ณะกรรมการมอบหมาย สว่ นท่ี ๒ หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวชิ าชีพครู ขอ้ ๗ สมรรถนะทางวชิ าชพี ครู ประกอบด้วย (ก) ความรู้และประสบการณว์ ชิ าชพี ตามมาตรฐานวิชาชพี ครู ได้แก่ (๑) วิชาภาษาและเทคโนโลยดี ิจทิ ัล ประกอบด้วย ๑) การใช้ภาษาไทยเพอ่ื การส่ือสาร ๒) การใช้ภาษาอังกฤษเพอ่ื การส่ือสาร ๓) การใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั เพ่อื การศึกษา (๒) วิชาชพี ครู (๓) วิชาเอก ตามท่ีคณะอนุกรรมการกาหนด (ข) การปฏิบัตงิ านและการปฏิบตั ิตน ตามมาตรฐานวิชาชพี ครู ไดแ้ ก่ (๑) การจัดการเรียนรู้ (๒) ความสัมพันธก์ บั ผู้ปกครองและชุมชน (๓) การปฏบิ ัติหน้าท่ีครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ รายละเอียดของสมรรถนะทางวิชาชีพครู ให้เป็นไปตามขอ้ บังคับคุรสุ ภา 146

หน้า ๑๘ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๘ เกณฑ์การตัดสินการทดสอบและประเมินแต่ละวิชาต้องไม่ต่ากว่าร้อยละ ๖๐ รายละเอียดข้ันตอน วิธีการ และเคร่ืองมอื การทดสอบและประเมนิ ให้เป็นไปตามที่คณะอนุกรรมการ กาหนด โดยคานงึ ถึงข้อจากดั และความแตกตา่ งของผู้เข้าทดสอบและประเมนิ ข้อ ๙ คณะอนุกรรมการ อาจกาหนดให้เทียบเคียงผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะ ทางวชิ าชพี ครู ตามขอ้ ๗ (ก) (๑) และ (๓) จากหนว่ ยงานอ่นื ได้ ตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะอนกุ รรมการ กาหนดโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ ขอ้ ๑๐ คุณสมบตั ขิ องผ้เู ข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวชิ าชพี ตามขอ้ ๗ (ก) (ก) ผ้ศู ึกษาในหลักสูตรปริญญาทางการศกึ ษา หรือเทยี บเท่า ท่ีคุรุสภารับรอง (๑) ผู้มีคุณวฒุ ิปริญญาทางการศึกษา หรอื เทยี บเท่าทคี่ รุ ุสภารบั รอง หรอื (๒) ผู้อยู่ระหว่างศึกษาในหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า ที่คุรสุ ภารบั รอง ตามหลกั เกณฑ์คุณสมบัตทิ ี่คณะอนุกรรมการกาหนด (ข) ผ้มู ีคณุ วฒุ ิปริญญาอ่ืน ทคี่ รุ สุ ภารับรอง และมีคณุ สมบตั อิ ย่างใดอย่างหนงึ่ ดงั นี้ (๑) ผ่านการรบั รองความรูต้ ามมาตรฐานวชิ าชีพครทู คี่ ุรุสภากาหนด หรือ (๒) ผา่ นการรับรองคุณวฒุ ิการศกึ ษาเพ่อื การประกอบวิชาชพี ครู ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินในข้อ ๗ (ก) ต้องชาระค่าสมัครเป็นรายคร้ัง ตามอตั ราทกี่ าหนดทา้ ยประกาศน้ี ข้อ ๑๑ คุณสมบตั ิของผูเ้ ขา้ รับการทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวิชาชีพครู ตามขอ้ ๗ (ข) (๑) เป็นชาวไทย หรือชาวตา่ งประเทศ ท่ีอยู่ระหวา่ งศกึ ษาในหลกั สตู รปรญิ ญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า ท่คี ุรสุ ภารับรอง หรอื (๒) เปน็ ชาวไทย หรือชาวต่างประเทศ ท่ีมคี ุณวุฒิปรญิ ญาอ่นื ท่คี ุรสุ ภารบั รองตามขอ้ ๑๐ (ข) ขอ้ ๑๒ กาหนดการทดสอบและประเมินความรู้และประสบการณ์วิชาชีพตามข้อ ๗ (ก) ในแต่ละปี ใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศของคณะกรรมการ ท้ังนี้ ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินจะต้องลงทะเบียน บันทึกข้อมูล สมัครเข้ารับ การทดสอบและประเมนิ รวมทัง้ ปฏบิ ตั ิการอนื่ ๆ ตามระบบ วธิ ีการ ขนั้ ตอน และเง่อื นไขท่สี านกั งาน เลขาธกิ ารคุรสุ ภากาหนด ข้อ ๑๓ วิธีดาเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชพี ครู ตามขอ้ ๗ (ข) (๑) ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมิน ตามข้อ ๑๑ (๑) ให้มีผู้ประเมินซึ่งเป็นบุคลากร ของสถาบันการศึกษา และสถานศึกษา หรือหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ท้ังนี้ อาจมีบุคลากรอ่ืน เป็นผู้ประเมนิ ร่วมด้วย ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารท่ีคณะอนกุ รรมการกาหนด (๒) ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมิน ตามข้อ ๑๑ (๒) ให้มีผู้ประเมินซึ่งเป็นบุคลากร ของสถานศึกษาท่ีผู้รับการประเมินปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาน้ัน และบุคลากรอื่น ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการทีค่ ณะอนุกรรมการกาหนด 147

หน้า ๑๙ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๑๐๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๑๔ ให้ผู้ประเมินตามข้อ ๑๓ ดาเนินการประเมินตามรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเครื่องมือประเมินท่ีคณะอนุกรรมการกาหนด และรายงานผลการประเมินต่อเลขาธิการคุรุสภา ตามแนวทางท่ีสานักงานเลขาธกิ ารคุรุสภากาหนด ขอ้ ๑๕ ให้เลขาธิการคุรุสภาเสนอผลการประเมินตามข้อ ๑๔ ต่อคณะอนุกรรมการ เพ่ือพจิ ารณารับรองผลการประเมนิ ข้อ ๑๖ ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินท่ีเปน็ ชาวตา่ งประเทศ ให้ยกเว้นการทดสอบ และ ประเมนิ สมรรถนะทางวชิ าชพี ตามข้อ ๗ (ก) (๑) เฉพาะการใชภ้ าษาไทยเพื่อการสื่อสาร ขอ้ ๑๗ ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากต่างประเทศแล้ว ใหย้ กเว้นการทดสอบและประเมนิ สมรรถนะทางวิชาชีพ ตามขอ้ ๗ (ก) ข้อ ๑๘ ผู้ผ่านการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูต้องผ่านเกณฑ์การตัดสิน ตามข้อ ๗ (ก) และ (ข) ผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมิน ตามข้อ ๗ (ก) ในวิชาใด ๆ ให้ใช้ผลการทดสอบ และประเมินท่ีผ่านเกณฑ์ในวิชาน้ัน ๆ เพื่อขอรับใบอนุญาตได้ภายใน ๓ ปี นับต้ังแต่วันท่ีประกาศผล การทดสอบและประเมิน หากเกินกาหนด ถือว่าผลการทดสอบและประเมินน้ันสิ้นสุดลง ต้องเข้าทดสอบ และประเมนิ ใหม่ ผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินตามข้อ ๗ (ข) สามารถใช้ผลการทดสอบและ ประเมินประกอบการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนด ในขอ้ บงั คับคุรุสภาต่อไปได้ ขอ้ ๑๙ ให้คณะอนุกรรมการรับรองผลการทดสอบและประเมินตามข้อ ๗ แล้วเสนอ คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบและประกาศผลตามระบบทส่ี านกั งานเลขาธิการคุรุสภากาหนด ขอ้ ๒๐ ให้คณะอนุกรรมการอานวยการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ท่ีคณะกรรมการแต่งต้ังก่อนประกาศนี้บังคับ มีอานาจหน้าท่ีตามประกาศนี้ต่อไปจนครบวาระตาม คาส่ัง การใด ๆ ท่ีคณะอนุกรรมการดังกล่าวดาเนินการแล้วให้ถือเป็นการดาเนินการตามอานาจและหน้าที่ ของคณะอนกุ รรมการตามประกาศน้ี ประกาศ ณ วนั ที่ 30 มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖3 ณฏั ฐพล ทีปสวุ รรณ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ประธานกรรมการคุรุสภา 148

อัตราค่าสมัครเข้ารบั การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ตามประกาศฯ ขอ้ ๗ (ก) ------------------------------- ๑. ผ้ตู ้องการประกอบวชิ าชพี ครู ชาวไทย ๑.๑ วชิ าภาษาและเทคโนโลยีดิจทิ ลั (๑) การใชภ้ าษาไทยเพื่อการสอ่ื สาร ๓๐๐ บาท (๒) การใชภ้ าษาอังกฤษเพือ่ การสอ่ื สาร ๓๐๐ บาท (๓) การใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทลั เพื่อการศึกษา ๓๐๐ บาท ๑.๒ วชิ าชพี ครู ๓๐๐ บาท ๑.๓ วิชาเอก ๓๐๐ บาท ตอ่ วชิ า ๒. ผู้ต้องการประกอบวชิ าชีพครู ชาวต่างประเทศ ๕๐๐ บาท ๒.๑ วิชาภาษาและเทคโนโลยีดิจิทลั ๕๐๐ บาท (๑) การใชภ้ าษาอังกฤษเพื่อการสือ่ สาร ๕๐๐ บาท (๒) การใช้เทคโนโลยดี จิ ิทัลเพ่อื การศกึ ษา ๕๐๐ บาท ต่อวิชา ๒.๒ วิชาชพี ครู ๒.3 วชิ าเอก ๓. ค่าธรรมเนียมอนื่ ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกับการชาระเงนิ คา่ สมัคร (ถ้ามี) 149

เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๘ ง หน้า ๑๘ ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อบงั คบั ครุ ุสภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชพี (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕56 ในสว่ นของวชิ าชีพครูเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงและทศิ ทางการศกึ ษาของชาติ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๙ (๑) และ (๑๑) (ฉ) และมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติ สภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบกบั มตคิ ณะกรรมการคุรุสภา ในการประชมุ ครั้งท่ี 13/2561 เมื่อวนั ที่ 17 ธันวาคม ๒๕๖๑ ครุ ุสภาโดยไดร้ บั ความเห็นชอบจากรฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงศึกษาธิการ จงึ ออกข้อบังคับครุ สุ ภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชพี ไว้ ดังต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ขอ้ บงั คบั น้ีเรยี กว่า “ขอ้ บงั คับคุรุสภา วา่ ด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒” ขอ้ ๒ ข้อบงั คบั นใ้ี ห้ใช้บังคับตงั้ แตว่ ันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคาว่า “มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ” “มาตรฐานการปฏิบัติงาน” และ “มาตรฐานการปฏิบัติตน” ในข้อ ๔ แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย มาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕56 และใหใ้ ช้ความต่อไปน้แี ทน “มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายความว่า ข้อกาหนดเก่ียวกับความรู้ และประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมท้ังผู้ตอ้ งการประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา ต้องมเี พียงพอท่สี ามารถนาไปใชใ้ นการประกอบวิชาชพี ได้” “มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายความว่า ข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ หรือการแสดง พฤติกรรมการปฏิบัติงานและการพัฒนางาน ซ่ึงผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมท้ังผู้ต้องการ ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายการเรียนรู้ หรือการจัดการศกึ ษา รวมท้ังต้องฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มที ักษะ หรือความชานาญสงู ขน้ึ อยา่ งต่อเน่ือง” “มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายความว่า จรรยาบรรณของวิชาชีพที่กาหนดข้ึนเป็นแบบแผน ในการประพฤตปิ ฏิบัติตน ซ่ึงผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา รวมท้ังผู้ต้องการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องยึดถือปฏิบัตติ าม เพ่ือรักษาและส่งเสริมเกียรตคิ ณุ ช่ือเสียง และฐานะของผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ใหเ้ ป็นทีเ่ ช่ือถือศรัทธาแก่ผรู้ ับบรกิ ารและสงั คม อันจะนามาซ่งึ เกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งวชิ าชพี ” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕56 และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนี้แทน “ขอ้ ๖ ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเทา่ หรอื มคี ุณวฒุ ิอื่นท่ีคุรุสภารบั รอง โดยมมี าตรฐานความรู้และประสบการณว์ ชิ าชพี ดังตอ่ ไปนี้ (ก) มาตรฐานความรู้ ต้องมคี วามรอบร้แู ละเข้าใจในเรอ่ื ง ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) การเปลี่ยนแปลงบริบทของโลก สังคม และแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 150

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๘ ง หน้า ๑๙ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา (2) จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาการศึกษา และจิตวิทยาให้คาปรึกษา ในการวเิ คราะห์และพฒั นาผู้เรียนตามศักยภาพ (3) เน้ือหาวิชาที่สอน หลักสูตร ศาสตร์การสอน และเทคโนโลยีดิจิทัล ในการจัดการเรยี นรู้ (4) การวดั ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และการวจิ ัยเพ่ือแกป้ ัญหาและพัฒนาผูเ้ รยี น (5) การใช้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศกึ ษา (6) การออกแบบและการดาเนนิ การเก่ียวกบั งานประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา (ข) มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเปน็ เวลาไมน่ ้อยกวา่ หนงึ่ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติ การสอน ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขท่คี ณะกรรมการคุรสุ ภากาหนด ดังตอ่ ไปนี้ (1) การฝกึ ปฏิบตั ิวชิ าชีพระหวา่ งเรยี น (2) การปฏิบตั ิการสอนในสถานศกึ ษาในสาขาวชิ าเฉพาะ ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความในข้อ 10 แห่งข้อบังคับคุรสุ ภา ว่าด้วยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. 2556 และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “ข้อ 10 รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพให้เป็นไปตามที่ คณะกรรมการครุ ุสภากาหนด” ขอ้ ๖ ให้ยกเลิกความในข้อ 11 แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕56 และให้ใชค้ วามต่อไปน้แี ทน “ขอ้ 11 ผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู ต้องมมี าตรฐานการปฏบิ ัตงิ าน ดงั น้ี (ก) การปฏบิ ตั หิ นา้ ทค่ี รู (1) มงุ่ มัน่ พัฒนาผเู้ รยี น ดว้ ยจิตวิญญาณความเปน็ ครู (2) ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความเป็น พลเมอื งทเี่ ข้มแข็ง (3) ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ เอาใจใส่ และยอมรบั ความแตกตา่ งของผูเ้ รียนแตล่ ะบคุ คล (4) สร้างแรงบันดาลใจผ้เู รียนใหเ้ ป็นผ้ใู ฝเ่ รยี นรู้ และผู้สร้างนวัตกรรม (5) พัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ทนั สมยั และทนั ตอ่ การเปล่ยี นแปลง (ข) การจดั การเรียนรู้ (1) พัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา การจัดการเรยี นรู้ สื่อ การวัดและประเมินผล การเรยี นรู้ (2) บูรณาการความรู้และศาสตร์การสอนในการวางแผนและจัดการเรียนรู้ ท่ีสามารถพัฒนาผ้เู รียนใหม้ ีปญั ญารูค้ ิด และมคี วามเป็นนวตั กร 151

เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๘ ง หน้า ๒๐ ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา (3) ดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามศักยภาพ สามารถ รายงานผลการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียนได้อย่างเปน็ ระบบ (4) จัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน โดยตระหนักถงึ สขุ ภาวะของผูเ้ รียน (5) วิจัย สร้างนวัตกรรม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ ตอ่ การเรียนรู้ของผู้เรียน (6) ปฏิบัตงิ านรว่ มกับผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์และมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการพัฒนาวชิ าชพี (ค) ความสัมพนั ธก์ ับผูป้ กครองและชมุ ชน (๑) ร่วมมือกับผู้ปกครองในการพัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะ ทพ่ี ึงประสงค์ (๒) สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน เพ่ือสนับสนุนการเรียนรู้ ที่มคี ุณภาพของผูเ้ รียน (3) ศึกษา เข้าถึงบริบทของชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกันบนพ้ืนฐาน ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม (๔) ส่งเสริม อนรุ ักษว์ ฒั นธรรม และภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ข้อ 7 ข้อบังคับฉบับนี้ไม่กระทบสิทธิและหน้าที่ของผู้ได้รับและผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพครูที่ใช้มาตรฐานวิชาชีพตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 และ ทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2561 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 ประกาศ ณ วนั ท่ี 13 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖2 ธีระเกยี รติ เจรญิ เศรษฐศลิ ป์ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ประธานกรรมการคุรสุ ภา 152

ภาคผนวก

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๕ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา พระราชบญั ญตั ิ การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ ปที ่ี ๔ ในรัชกาลปจั จบุ นั สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยทีเ่ ปน็ การสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ สภานิติบัญญตั แิ หง่ ชาตทิ าหนา้ ทีร่ ัฐสภา ดงั ต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญตั นิ เ้ี รยี กว่า “พระราชบญั ญตั กิ ารพฒั นาเดก็ ปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๒” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัติน้ี “เด็กปฐมวัย” หมายความว่า เด็กซ่ึงมีอายุต่ากว่าหกปีบริบูรณ์ และให้หมายความรวมถึง เดก็ ซงึ่ ตอ้ งไดร้ ับการพฒั นากอ่ นเขา้ รบั การศกึ ษาในระดบั ประถมศึกษา “การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ” หมายความวา่ การดูแล การพัฒนา และการจัดการเรียนรสู้ าหรับ เด็กปฐมวัย หญิงตง้ั ครรภ์ หรือผู้ดูแลเด็กปฐมวยั “ผดู้ ูแลเด็กปฐมวยั ” หมายความวา่ บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรอื ผู้ซง่ึ เลี้ยงดเู ด็กปฐมวัย 199

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๖ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา “สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ” หมายความว่า ศูนย์เดก็ เลก็ ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ ศนู ยบ์ รกิ ารช่วยเหลอื ระยะแรกเริ่มของเด็กพิการหรือเด็กซ่ึงมีความต้องการพิเศษ สถานรับเล้ียงเด็ก และสถานสงเคราะห์ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กซ่ึงมีเด็กปฐมวัยอยู่ในความคุ้มครองดูแล หรือสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยท่ีเรียกชื่ออย่างอื่น รวมท้ังโรงเรียน ศูนย์การเรียน หน่วยงานการศกึ ษา หรือหน่วยงานอ่ืน ของรฐั หรอื เอกชน และสถาบันศาสนา ท่ีมวี ัตถปุ ระสงค์ในการจดั การศึกษาใหแ้ กเ่ ด็กปฐมวัย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเด็กปฐมวยั มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ หมวด ๑ บทท่ัวไป มาตรา ๕ การพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตามพระราชบัญญัตนิ ี้ มวี ัตถปุ ระสงค์ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ใหม้ ารดาไดร้ บั การดูแลในระหวา่ งตั้งครรภเ์ พอื่ ใหบ้ ตุ รทอ่ี ยูใ่ นครรภม์ ีสขุ ภาวะและพฒั นาการท่ดี ี (๒) ให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิดไม่ว่า ในทางใด (๓) ให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการท่ีดรี อบด้านทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาให้สมกับวัย เพื่อให้เกิดทักษะพื้นฐานในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สามารถเรียนรู้ อยา่ งสอดคล้องกับหลักการพัฒนาศักยภาพของแต่ละบคุ คลและความต้องการจาเป็นพิเศษ (๔) สร้างคุณลักษณะให้เด็กปฐมวัยมีอุปนิสัยใฝ่ดี มีคุณธรรม มีวินัย ใฝ่รู้ มีความคิด สรา้ งสรรค์ และสามารถซึมซับสุนทรียะและวฒั นธรรมที่หลากหลายได้ (๕) บ่มเพาะเจตคตขิ องเดก็ ปฐมวัยให้เคารพคุณค่าของบคุ คลอ่ืน มีจิตวิญญาณของการอยูร่ ่วมกัน ในสงั คมอยา่ งเสมอภาค และมจี ติ สานกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก (๖) ให้ผู้ดแู ลเด็กปฐมวัยได้รับความรู้ ทักษะ และเจตคติท่ีดีในการพฒั นาเด็กปฐมวยั มาตรา ๖ ให้หนว่ ยงานของรฐั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม ที่เก่ียวข้อง มภี ารกิจร่วมกนั ดาเนินการเพอ่ื ใหม้ ีการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย และดาเนินการให้เปน็ ไปตามมาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่ดีเก่ียวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามที่คณะกรรมการกาหนด รวมท้ังส่งเสริมให้ผู้ดูแล 200

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๗ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา เด็กปฐมวยั จัดให้เด็กปฐมวัยซ่ึงอยู่ในความดูแลไดร้ ับการพัฒนาตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติท่ีดเี กยี่ วกบั การพัฒนาเด็กปฐมวัยดังกล่าว มาตรา ๗ บิดา มารดา และผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้เด็กปฐมวัยซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับ การพฒั นาตามแนวปฏบิ ตั ทิ ่ีดีเกีย่ วกับการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย มาตรา ๘ การจัดการเรยี นรขู้ องสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยตอ้ งเป็นไปเพื่อเตรียมความพร้อม ของเดก็ ปฐมวยั แต่ต้องไม่เปน็ การจัดการเรยี นรทู้ ี่ม่งุ เน้นการสอบแขง่ ขนั ระหว่างเดก็ ปฐมวยั หมวด ๒ คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั มาตรา ๙ ใหม้ คี ณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเด็กปฐมวยั ประกอบด้วย (๑) นายกรฐั มนตรหี รือรองนายกรฐั มนตรซี ึ่งนายกรฐั มนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคง ของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตาบล แห่งประเทศไทย (๓) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวนแปดคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการศึกษา ด้านการศึกษาพิเศษ ด้านการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ และด้านสื่อสารมวลชน ด้านละหนึ่งคน และด้านการบริหารสถานพัฒนา เดก็ ปฐมวัยจานวนสองคน ซึ่งมาจากสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ภาครัฐหน่งึ คนและภาคเอกชนหนึง่ คน ให้เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้แต่งต้ังข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ี ของสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษาจานวนไมเ่ กินสองคนเปน็ ผู้ช่วยเลขานกุ าร มาตรา ๑๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๙ (๓) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องห้าม ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มีสัญชาติไทย (๒) มอี ายไุ ม่ต่ากวา่ สามสิบห้าปี 201

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๘ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา (๓) ไมเ่ ปน็ หรอื เคยเปน็ บคุ คลลม้ ละลายทุจริต (๔) ไมเ่ ป็นคนไรค้ วามสามารถหรือคนเสมือนไรค้ วามสามารถ (๕) ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิด ที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือผู้ดารงตาแหน่ง ท่ีรับผดิ ชอบในการบริหารพรรคการเมอื ง ทีป่ รกึ ษาพรรคการเมอื ง หรือเจ้าหนา้ ทพ่ี รรคการเมอื ง (๗) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงาน ของเอกชน เพราะทจุ รติ ตอ่ หน้าที่ มาตรา ๑๑ กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒติ ามมาตรา ๙ (๓) มีวาระการดารงตาแหน่งคราวละสป่ี ี และอาจได้รบั แตง่ ต้ังอกี ได้ แต่จะดารงตาแหนง่ ตดิ ตอ่ กนั เกินสองวาระไม่ได้ เมื่อครบกาหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้แต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงพ้นจากตาแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตาแหน่งเพ่ือปฏิบัติหน้ าที่ต่อไปจนกว่า กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิซง่ึ ไดร้ บั แตง่ ตัง้ ใหมเ่ ขา้ รับหนา้ ท่ี มาตรา ๑๒ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิตามมาตรา ๙ (๓) พน้ จากตาแหนง่ เม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติหรือมลี ักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๐ (๔) ขาดประชุมคณะกรรมการสามครั้งติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามหลักเกณฑ์ท่ี คณะกรรมการกาหนด (๕) นายกรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือ หยอ่ นความสามารถ มาตรา ๑๓ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒติ ามมาตรา ๙ (๓) พ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ดาเนินการแตง่ ต้งั กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิแทนตาแหนง่ ท่ีว่างภายในหกสบิ วันนบั แตว่ นั ทต่ี าแหน่งวา่ งลง และให้ผู้ซ่ึงได้รับแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งแทนอยู่ในตาแหน่งเท่ากับวาระท่ีเหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน เว้นแต่ วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นเหลือไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่แต่งต้ังกรรมการแทนก็ได้ โดยในระหว่าง ที่ยงั มไิ ด้มกี ารแต่งตงั้ กรรมการแทนตาแหนง่ ท่ีว่าง ให้คณะกรรมการประกอบดว้ ยกรรมการเทา่ ที่เหลอื อยู่ 202

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๙ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๔ คณะกรรมการมีหนา้ ทแ่ี ละอานาจ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) จัดทานโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยซ่ึงต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วย การศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ และให้ความเห็นชอบแผนพัฒนา เด็กปฐมวัย เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้หน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง กบั เดก็ ปฐมวยั ได้นาไปปฏิบตั ิ (๒) อนุมัติแผนงบประมาณและแผนการดาเนินงานประจาปแี บบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ทเี่ กี่ยวข้องกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย (๓) เสนอแนะและให้คาปรึกษาแกค่ ณะรัฐมนตรีในการพัฒนาเด็กปฐมวยั และการจัดการศึกษา ของเดก็ ปฐมวัยต้งั แต่ระดบั อนบุ าลจนถงึ ระดับประถมศึกษาใหเ้ ช่ือมโยงกบั พฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย (๔) เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่จาเป็นเพื่อดาเนินการตามนโยบายระดับชาติ ด้านการพฒั นาเด็กปฐมวยั และแผนพฒั นาเด็กปฐมวยั (๕) บูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ให้เป็นไปตามนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย (๖) กาหนดมาตรฐานและแนวปฏบิ ัติทดี่ ีเกี่ยวกบั การพัฒนาเด็กปฐมวัย (๗) กาหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกษาในระดับอนุบาลและระดับ ประถมศึกษา เพ่อื มใิ ห้มผี ลกระทบตอ่ พัฒนาการของเด็กปฐมวยั (๘) กาหนดสมรรถนะและตัวช้ีวัดการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย (๙) ติดตามและส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดาเนินการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของ เด็กปฐมวยั อย่างเปน็ ระบบ (๑๐) สง่ เสริมให้มกี ารศึกษาวิจยั และการสร้างนวัตกรรมที่เกยี่ วกบั การพัฒนาเด็กปฐมวยั (๑๑) ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและครูอาจารย์สามารถดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่าง มคี ุณภาพตามหลักการและปรัชญาของการพฒั นาเด็กปฐมวยั (๑๒) ประสานงานและใหข้ อ้ มลู แก่กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศกึ ษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพ่ือพิจารณาให้ความช่วยเหลือเด็กปฐมวัยซึ่งขาดแคลน ทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ใหส้ มกับวยั 203

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๐ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา (๑๓) ปฏิบัติหน้าท่ีอ่ืนตามท่ีพระราชบัญญัติน้ีหรือกฎหมายอื่นกาหนดให้เป็นหน้าที่หรืออานาจ ของคณะกรรมการ หรอื ตามทค่ี ณะรัฐมนตรีมอบหมาย มาตรา ๑๕ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหนงึ่ ของ จานวนกรรมการท้ังหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชมุ หรือไม่อาจปฏบิ ตั ิหนา้ ทไี่ ด้ ใหท้ ่ีประชมุ เลอื กกรรมการคนหนง่ึ เปน็ ประธานในท่ปี ระชมุ การวินจิ ฉยั ชีข้ าดของที่ประชุมใหถ้ ือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงใหม้ ีเสียงหนง่ึ ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากนั ให้ประธานในทปี่ ระชุมออกเสยี งเพ่มิ ขน้ึ อกี เสียงหน่งึ เปน็ เสียงชข้ี าด ให้มีการประชมุ คณะกรรมการอย่างนอ้ ยปีละสีค่ รง้ั มาตรา ๑๖ ในการปฏบิ ัติหน้าทตี่ ามพระราชบัญญตั ิน้ี คณะกรรมการมีอานาจแต่งตัง้ ทปี่ รกึ ษา และคณะอนุกรรมการ เพอ่ื ดาเนนิ การตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมายได้ การประชุมของคณะอนุกรรมการ ใหน้ าความในมาตรา ๑๕ มาใช้บงั คบั ดว้ ยโดยอนุโลม มาตรา ๑๗ ให้มีคณะอนุกรรมการบูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยซ่งึ คณะกรรมการแตง่ ตงั้ มีหนา้ ท่แี ละอานาจในการเสนอแนะและใหค้ วามเหน็ ตอ่ คณะกรรมการในเรือ่ ง ดงั ต่อไปน้ี (๑) จัดทาแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยทุ ธศาสตรช์ าติ และแผนการปฏิรูปประเทศ (๒) กาหนดแนวทางบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ิน ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย รวมท้งั การบรู ณาการ การจดั บริการในแต่ละช่วงรอยตอ่ ของเด็กปฐมวัย (๓) จัดทาแผนงบประมาณและแผนการดาเนนิ งานประจาปีแบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐ และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ที่เกย่ี วขอ้ งกับการพฒั นาเด็กปฐมวัย (๔) กาหนดแนวทางการติดตามผลการดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถิน่ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมท่เี กยี่ วขอ้ งกบั การพฒั นาเดก็ ปฐมวัย (๕) จดั ทามาตรฐานและแนวปฏบิ ตั ิทีด่ เี กี่ยวกบั การพฒั นาเด็กปฐมวัย (๖) จัดทาสมรรถนะและตวั ชวี้ ัดการพฒั นาเด็กปฐมวัย (๗) ปฏบิ ัติการอนื่ ใดที่เกย่ี วขอ้ งเพ่อื ให้บรรลวุ ตั ถุประสงคต์ ามที่คณะกรรมการมอบหมาย 204

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๑ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา องค์ประกอบ จานวน คณุ สมบตั ิ ลกั ษณะตอ้ งห้าม วาระการดารงตาแหนง่ และการพน้ จาก ตาแหนง่ ของคณะอนุกรรมการตามวรรคหนงึ่ ให้เป็นไปตามทีค่ ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๘ ให้สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาทาหน้าท่ีเป็นสานักงานเลขานุการของ คณะกรรมการ รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม งานวิชาการ การศึกษาข้อมูลและกิจการต่าง ๆ ท่เี กี่ยวกับงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ และมีหน้าท่ีและอานาจ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) รวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการจัดทานโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและ แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัย (๒) วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการเพื่อผลักดันและสนับสนุนการนานโยบายระดับชาติ ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนพิจารณาเสนอแนะ แนวทางและวิธีการแก้ไขปญั หาและอุปสรรคของการดาเนนิ การต่อคณะกรรมการ (๓) จัดทาและพัฒนากลไกและระบบการประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อสร้าง ประสิทธภิ าพการบริหารจัดการ ตลอดจนร่วมมือและประสานงานกบั หน่วยงานของรฐั องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยในการปฏิบัติงาน ตามพระราชบัญญตั ิน้แี ละกฎหมายอน่ื ทเี่ ก่ียวข้อง (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในระดับจังหวัดและระดับอาเภอเพื่อการพัฒนา เดก็ ปฐมวัย (๕) ให้คาแนะนาแก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม ซึ่งมีหนา้ ที่ดาเนินการตามภารกจิ ทีก่ าหนดไว้ในแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั (๖) เสนอแนะแนวทางการจัดสรรและแสวงหาทรัพยากรเพ่ือส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา เดก็ ปฐมวัยให้เปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพต่อคณะกรรมการ (๗) จัดใหม้ กี ารศึกษาวจิ ัยและการสร้างนวัตกรรมทีเ่ ก่ียวกบั การพฒั นาเด็กปฐมวัย (๘) สารวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเด็กปฐมวัยเพื่อจัดทาฐานข้อมูล รวมทั้งติดตามสถานการณ์ เกี่ยวกับเดก็ ปฐมวยั และเผยแพร่ขอ้ มูลและสถติ เิ กย่ี วกับเดก็ ปฐมวยั (๙) จัดทาการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานตามนโยบายระดบั ชาตดิ า้ นการพัฒนาเด็กปฐมวัยและ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินงาน เสนอต่อคณะกรรมการเพ่ือเสนอต่อ คณะรัฐมนตรเี พ่อื ทราบ อย่างน้อยปีละหนึ่งครัง้ 205

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๑๒ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา (๑๐) ปฏิบัตกิ ารอ่นื ตามทค่ี ณะกรรมการหรอื คณะอนกุ รรมการมอบหมาย เลขาธิการสภาการศึกษาอาจมอบหมายให้รองเลขาธิการสภาการศึกษาคนหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบ บงั คบั บัญชางานการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั แลว้ รายงานต่อเลขาธิการสภาการศกึ ษาได้ หมวด ๓ แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการเสนอแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบและประกาศให้ทราบเปน็ การทั่วไป ในกรณีท่ีสถานการณ์เปล่ียนแปลงไปในระหว่างท่ีแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยใช้บังคับ คณะกรรมการ อาจดาเนินการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นได้ โดยให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ โดยอนุโลม มาตรา ๒๐ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัยตามมาตรา ๑๙ ต้องกาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลา การใชบ้ งั คับแผน การบริหารและพัฒนาเด็กปฐมวยั วธิ ปี ฏิบตั ิ หน่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ ง รวมทัง้ ระยะเวลา ในการดาเนินการใหช้ ดั เจน และอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมแี นวทางการดาเนินการในเรือ่ ง ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) แผนงานและโครงการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการใช้ งบประมาณดา้ นการพัฒนาเด็กปฐมวัยอยา่ งเป็นระบบ (๒) การบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพอ่ื ขับเคลือ่ นการดาเนนิ การตามแผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย (๓) การส่งเสริมและสนับสนุนการดาเนินการของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้มีคณุ ภาพ ได้มาตรฐาน และมสี ภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกบั การพฒั นาเด็กปฐมวยั (๔) การส่งเสริมและสนบั สนนุ การจดั สภาพแวดล้อมในครอบครวั และชุมชนทีเ่ ออ้ื ตอ่ การพฒั นา เด็กปฐมวัย รวมทั้งให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิด ไม่วา่ ในทางใด (๕) การจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความสามารถ ศักยภาพ และคณุ ธรรม (๖) การจัดทาฐานขอ้ มลู เด็กปฐมวยั 206

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๓ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๒๑ เมอ่ื ได้มีการประกาศแผนพัฒนาเดก็ ปฐมวยั แล้ว ใหห้ น่วยงานของรัฐและองคก์ ร ปกครองส่วนท้องถ่ินซึ่งมีหน้าท่ีดาเนินการตามภารกิจที่กาหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย จัดทา แผนปฏบิ ัติการให้สอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั และปฏบิ ัติการใหเ้ ป็นไปตามแผนดงั กลา่ ว มาตรา ๒๒ ให้คณะกรรมการติดตามให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือภาคเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการ ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ปฏิบัติหรือดาเนินการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ในกรณีท่ีมีการไม่ปฏิบัติ หรือไม่ดาเนินการตามแผนดังกล่าว ให้คณะกรรมการแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือภาคเอกชน แล้วแต่กรณี แก้ไขหรือระงับยับยั้งการกระทาท่ีไม่เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ภายในเวลาที่คณะกรรมการกาหนด เมื่อพ้นกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว หากยังไม่มีการปฏิบัติหรือ ดาเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งผู้ซ่ึงมีอานาจกากับดูแลทราบพร้อมด้วย เหตุผล เพือ่ พจิ ารณาดาเนนิ การตามหน้าที่และอานาจตอ่ ไป หมวด ๔ การพฒั นาเด็กปฐมวัย มาตรา ๒๓ ในการผลิตครูหรือพัฒนาครูด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้สถาบันอุดมศึกษา จัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามหลักการและ ปรชั ญาของการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในการพัฒนาผู้ดูแลเด็กปฐมวัย ให้หน่วยงานที่ทาหน้าที่พัฒนาผู้ดูแลเด็กปฐมวัยจัดการเรียน การสอนเพอ่ื เสริมสรา้ งจิตวญิ ญาณของความเป็นผ้ดู ูแลเดก็ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ความรู้ ทักษะ และ ความสามารถในการดแู ลเดก็ ปฐมวยั ตามหลักการพฒั นาเด็กปฐมวยั มาตรา ๒๔ สถานพยาบาลของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน ที่มีหน้าท่ีให้บริการสาธารณสุขแก่หญิงต้ังครรภ์และเด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มีการให้บริการสุขภาพแก่ มารดาและบุตรอย่างทั่วถึง โดยให้บริการวางแผนครอบครัว การอนามัยเจริญพันธ์ุ การฝากครรภ์ การเตรียมความพร้อมการเป็นบิดามารดา ตลอดจนให้บริการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การส่งเสริม โภชนาการ การส่งเสริมพัฒนาการ และการส่งเสริมการให้นมมารดาแก่บุตรต้ังแต่แรกเกิดอย่างน้อย หกเดือน 207

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๑๔ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๒๕ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีมีหน้าที่จัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มี การอบรมเล้ียงดู เพิ่มพูนประสบการณ์ ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ และจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย อย่างท่ัวถึง รวมท้ังจัดให้มีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยที่เหมาะสมในช่วงรอยต่อต้ังแต่ก่อน ระดบั อนบุ าลจนถงึ ระดับประถมศกึ ษาอย่างตอ่ เนื่อง มาตรา ๒๖ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือภาคเอกชน ท่ีมีหน้าที่ใน การพัฒนาเด็กปฐมวัย ต้องจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัย รวมทั้ง ตดิ ตามดูแลเดก็ ปฐมวยั ให้ไดร้ ับสวสั ดกิ ารและบริการด้านการคุ้มครองสิทธิอยา่ งทัว่ ถงึ มาตรา ๒๗ นอกจากการดาเนินการตามมาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และภาคเอกชน ที่มีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุข จัดการศึกษา และจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัย ต้องดาเนินการ ดังต่อไปน้ี (๑) ให้ความรู้ ส่งเสริมทักษะ และสร้างเสริมเจตคติที่ดีแก่ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและบุคคลอ่ืน ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ในเรอ่ื งการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยอยา่ งทว่ั ถงึ (๒) จัดให้มีการคัดกรองท่ีเป็นระบบและได้มาตรฐานเพ่ือค้นหาเด็กปฐมวัยท่ีพิการหรือ มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญา หรือเด็กปฐมวัยท่ีไม่มีผู้ดูแลหรือ ด้อยโอกาส หรือเด็กปฐมวัยที่มคี วามตอ้ งการการพัฒนาเป็นพิเศษอย่างทันท่วงที และจัดใหเ้ ด็กปฐมวยั เหล่านี้เข้าถึงสิทธิและไดร้ ับโอกาสในการพัฒนาทีม่ ีคุณภาพเป็นพิเศษ ส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ และ บริการ รวมทั้งความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการพัฒนาและการศึกษาที่สอดคล้องเหมาะสมกับความจาเปน็ ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทค่ี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๒๘ เพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง สว่ นท้องถิ่น และภาคเอกชน อาจดาเนนิ การแบบบรู ณาการโดยจดั ให้มบี รกิ ารสาธารณสุข จัดการศกึ ษา หรือจัดสวสั ดกิ ารและใหบ้ รกิ ารด้านการค้มุ ครองสิทธแิ กเ่ ดก็ ปฐมวยั ในหน่วยงานเดียวกันได้ บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๙ ในวาระเร่ิมแรก ให้คณะกรรมการประกอบดว้ ย กรรมการตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) และให้เลขาธิการสภาการศกึ ษาเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการ 208

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๑๕ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา ตามพระราชบัญญัติน้ีไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๙ (๓) ทั้งนี้ ตอ้ งไมเ่ กนิ เก้าสิบวนั นบั แตว่ นั ที่พระราชบญั ญตั นิ ีใ้ ช้บังคับ มาตรา ๓๐ ในวาระเริ่มแรก ให้สานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่สานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ และหน่วยงานของรฐั ทีเ่ ก่ียวข้องตามความจาเป็น เพื่อปฏบิ ัติหนา้ ที่ตามพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา ๓๑ ในระหว่างที่คณะกรรมการยังมิได้มีการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ ตามมาตรา ๒๗ (๒) ให้นาบทบัญญัติเก่ียวกับการเข้าถึงสิทธิและได้รับโอกาสในการพัฒนาท่ีมคี ุณภาพ ส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ และบริการ รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นใดทางการพัฒนาและการศึกษา ทสี่ อดคลอ้ งเหมาะสมกับความจาเปน็ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการจดั การศึกษาสาหรับคนพกิ ารและกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มาใช้บังคับไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการ จะไดก้ าหนดหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรฐั มนตรี 209

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๖ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๔ ประกอบกับมาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษา (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่ดาเนินการให้เด็กเล็กได้รับ การดูแลและพัฒนาเพื่อการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย ดังนั้น สมควรให้เด็กเล็กซ่ึงเป็นเด็กปฐมวัยน้ันได้รับการคุ้มครองและดูแล มีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน ได้รับการศึกษา อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง ท่ัวถึง และเสมอภาค มีการส่งเสริมการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่ เด็กปฐมวัยในช่วงรอยต่อต้ังแต่ก่อนระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เติบโตขึ้น เป็นพลเมืองท่ีดีและมีคุณภาพ รวมทั้งเพ่ือให้เกิดการบูรณาการการทางานร่วมกันของทุกภาคส่วนให้เป็นเอกภาพ และมีประสิทธภิ าพ จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญัติน้ี 210

หน้า ๖ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานเุ บกษา ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการ ว่าดว้ ยการไวท้ รงผมของนกั เรียน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยท่เี ป็นการสมควรกาหนดขอ้ ปฏบิ ตั แิ ละขอ้ ห้ามปฏิบัตใิ นการไวท้ รงผมของนกั เรียนเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความชัดเจนในการดาเนินการของสถานศึกษา มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและการปฏิบัติตน ของนกั เรียนเป็นไปดว้ ยความถูกตอ้ ง รวมทง้ั เปน็ การคุม้ ครองศักดิ์ศรคี วามเปน็ มนษุ ย์ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธิการจงึ วางระเบียบไว้ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบนเี้ รียกวา่ “ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ าร ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรยี น พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบยี บนใี้ หใ้ ชบ้ ังคบั ตงั้ แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ในระเบยี บนี้ “นกั เรียน” หมายความว่า บคุ คลซ่งึ กาลังศกึ ษาอยใู่ นสถานศกึ ษา “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาในสังกัดหรือกากับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ทจี่ ัดการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน เวน้ แตก่ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั “หัวหน้าสถานศึกษา” หมายความว่า ผู้อานวยการ หรือหัวหน้าสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอ่ืน ทมี่ ีอานาจหนา้ ท่หี รอื วตั ถปุ ระสงค์ในการจดั การศึกษา ข้อ ๔ นักเรยี นตอ้ งปฏบิ ัตติ นเกี่ยวกับการไวท้ รงผม ดงั นี้ (๑) นักเรียนชายจะไว้ผมส้ันหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาว ไมเ่ ลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะใหเ้ ป็นไปตามความเหมาะสมและมคี วามเรยี บรอ้ ย (๒) นักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสม และรวบใหเ้ รียบร้อย ข้อ ๕ นักเรียนตอ้ งหา้ มปฏบิ ัติตน ดงั น้ี (๑) ดัดผม (๒) ย้อมสีผมใหผ้ ดิ ไปจากเดิม (๓) ไวห้ นวดหรือเครา (๔) การกระทาอื่นใดซ่ึงไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผม เปน็ รปู ทรงสัญลกั ษณห์ รอื เปน็ ลวดลาย ขอ้ ๖ ความในข้อ ๔ และข้อ ๕ มิให้นามาใช้บังคับแก่นักเรียนที่มีเหตุผลความจาเป็น ในการปฏิบตั ติ ามหลักศาสนาของตนหรือการดาเนนิ กจิ กรรมของสถานศกึ ษา ใหห้ ัวหนา้ สถานศกึ ษาเป็นผ้มู อี านาจพจิ ารณาอนญุ าต 211

หน้า ๗ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๐๓ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๗ ภายใต้บังคบั ข้อ ๔ ให้สถานศกึ ษาโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษา หรือคณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นวางระเบยี บเกยี่ วกับการไว้ทรงผมของนกั เรียนที่มีความเฉพาะเจาะจง ไดเ้ ท่าทไ่ี มข่ ัดหรือแย้งกบั ระเบียบน้ี การดาเนินการตามวรรคหน่ึงให้ยึดถือหลักความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพท่ีดี ของนักเรยี น และการมสี ว่ นรว่ มของนกั เรียน สถานศึกษา ผ้ปู กครอง และชมุ ชนทอ้ งถิ่น ข้อ ๘ ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการรักษาการให้เป็นไปตามระเบียบน้ี และให้มีอานาจ ตคี วามและวนิ ิจฉยั ปญั หาเก่ยี วกบั การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ไว้ ณ วนั ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖3 ณฏั ฐพล ทปี สวุ รรณ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ 212

ประวตั ผิ ูจดั ทำ ประวัตกิ ารศึกษา ประกาศนยี บตั รประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) กระทรวงศึกษาธกิ าร ครศุ าสตรบัณฑิต (ค.บ.) วทิ ยาศาสตรท ่ัวไป วิทยาลยั ครอู ุบลราชธานี ครุศาสตรมหาบณั ฑิต (ค.ม.) การบรหิ ารการศกึ ษา สถาบันราชภฏั อบุ ลราชธานี ครศุ าสตรดุษฎบี ัณฑิต (ค.ด.) การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ประวัติการทำงาน (อายุราชการ 40 ป 5 เดือน) เคยเปนครูสายผสู อน สงั กัด สปจ.อุบลราชธานี สปช. เคยเปน ผชู วยผอู ำนวยการโรงเรยี น สงั กัด สปจ.อบุ ลราชธานี สปช. เคยเปน รองผูอำนวยการโรงเรยี น สงั กดั สปจ.อบุ ลราชธานี สปช. เคยเปน ผอู ำนวยการโรงเรียน สงั กัด สพป.อุบลราชธานี เขต 1 สพฐ. เคยเปนกรรมการสอบสัมภาษณครผู ูชวย ระดับจังหวดั ระดบั เขตพืน้ ท่ี เคยเปน กรรมการประเมนิ ประวตั ผิ ลงานผสู มคั รสอบครูผชู ว ย ระดบั เขตพ้ืนท่ี เคยเปนกรรมการออกขอ สอบครูผชู วย ระดับเขตพ้ืนท่ี เคยเปน กรรมการผูทรงคุณวฒุ ิสอบนักศกึ ษาระดับปรญิ ญาเอก ฯลฯ ปจจุบนั ขา ราชการบำนาญ Admin www.krupaisan.com ผจู ดั ทำหนงั สือแนวขอ สอบครผู ชู ว ย สพฐ.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook