Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิธีการใช้ฐานการเรียนรู้

วิธีการใช้ฐานการเรียนรู้

Published by Thamuang District Public Library, 2021-03-23 07:08:35

Description: ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอท่าม่วง จัดให้สถานศึกษามีศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภายในสถานศึกษา

Search

Read the Text Version

วธิ กี ารใช้ฐานการเรียนรู้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอท่ามว่ ง Website ศูนยก์ ารเรียนร้ฯู ห้องสมุดประชาชนอาเภอทา่ มว่ ง ม.1 อ.ทา่ มว่ ง จ.กาญจนบุรี 71110

วิธกี ารใช้ฐานการเรียนรู้ “บ่อปลาทับทมิ ” วิทยากรประจาแหล่งเรียนรู้ นายประสาท แสงสกุล (ลุงเปีย๊ ก) เบอรโ์ ทรศพั ท์ 086-7987730 ครปู ระจาฐานการเรยี นรู้ นางสาวปยิ ฉัตร สารองทรพั ย์ ครู กศน.ตาบลเขานอ้ ย เบอรโ์ ทรศัพท์ 086-1619903 นกั เรยี นแกนนาประจาฐานการเรียนรู้ นายธันวา ทา่ ฉลาด เบอร์โทรศัพท์ 095-1905185 ข้นั นา วทิ ยากรกล่าวทกั ทายผเู้ ข้าศึกษาฐานการเรียนรบู้ อ่ ปลาทับทิม และแนะนาตนเอง แนะนาช่ือฐานการเรียนรู้ วทิ ยากรอธบิ ายความเป็นมาในการเลยี้ งปลาทบั ทมิ ปจั จบุ ันปลาทบั ทิมเปน็ ปลาเศรษฐกจิ ทน่ี ่าลงทุนอีกตัวหนึ่ง ซ่งึ ปลาทับทมิ นนั้ มีลกั ษณะเดน่ คือ เนอ้ื แนน่ สีสนั สดใสและยังเปน็ ที่ต้องการของตลาดอยา่ งมากอยู่ตลอดเวลา ลกั ษณะเด่นของปลาทับทมิ เจริญเติบโตเร็ว มีเนอื้ แนน่ รสชาติอร่อย เปน็ ปลาท่ปี ราศจากกล่ินคาว มคี วามอดทนสูง สามารถเลี้ยงในบ่อดิน หรอื กระชงั ท่มี ีความหนาแนน่ ได้ดี เปน็ ปลาที่ทนต่อโรคแล้ว จงึ นามาทดลองเล้ยี งในบ่อดินบริเวณบ้านซ่งึ เปน็ บ่อพักน้าทิง้ อปุ กรณ์ท่ใี ชใ้ นการเลีย้ งปลาทับทิม 1. บ่อดิน 2. แผ่นพลาสตกิ ลองพ้ืนบอ่ 3. ป๋ยุ คอก/ปยุ๋ หมัก 4. ลกู ปลาทับทมิ 5. อาหารปลา ขนั้ ตอนการเลีย้ งปลาทับทิม เตรียมบ่อเล้ียงปลาขนาดประมาณ 400 ตร.ม. ลองพ้ืนดว้ ยแผ่นพลาสติก ลองกน้ บอ่ โดย ใสป่ ยุ๋ คอกเพ่ือเพ่มิ สารอาหารธรรมชาติ และความอดุ มสมบูรณ์ ต่อจากนน้ั สบู น้าใส่บอ่ ท้งิ ไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพ่ือใหเ้ กิดอาหาร ธรรมชาตกิ อ่ นจะปลอ่ ยปลา ใหต้ กั น้าในบ่อมาใส่ถุงบรรจลุ กู ปลา แล้วนาไปแชไ่ ว้ในบอ่ นา้ ก่อนปลอ่ ยเพื่อใหล้ กู ปลาปรบั อุณหภมู กิ ่อนลงในบอ่ ป้องการการน็อคนา้ ควรปลอ่ ยลกู ปลาในช่วงเช้าเพราะอากาศและอุณหภูมติ ่า และเม่อื จับปลา ขายแลว้ ในแต่ละรนุ่ จะมีการปรับปรุงบ่อ โดยกาจัดวัชพืชออกใหห้ มด เช่น ผักตบชวา จอก บัว และหญ้าต่างๆ เพราะวัชพืชเหล่านี้จะปกคลุมผิวน้าเป็นอุปสรรค์ต่อการหมุนเวยี นของอากาศ ซ้ายังจะเป็นที่หลบซ่อนอยู่อาศัยของ ศัตรูที่เป็นอันตรายตอ่ ปลา และเป็นการจากัดเนอ้ื ท่ีซ่งึ ปลาต้องใช้อยู่อาศัยอีกด้วยก่อนปล่อยปลาลงเลี้ยง ต้องกาจดั ศัตรูของปลาให้หมดเสียก่อน ได้แก่ พวกปลากินเนื้อ เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาบู่ และปลาดุก ถ้ามีสัตว์ จาพวกเต่า กบ เขยี ด งู ก็ควรกาจดั ใหพ้ ้นบรเิ วณบ่อ การใหอ้ าหารชนดิ เมด็ ทเ่ี หมาะสมกบั ช่วงวยั ของปลา และเน้น อาหารมที ี่มีโปรตีนสูง 30-32% ทุกวนั ๆ ละ 1 ครั้ง ตอนเชา้ ประมาณ 4 เดือน จะเรมิ่ มนี ้าหนกั และขนาดสามารถจับ ขายได้

ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ 1. ใชพ้ ืน้ ทบ่ี อ่ พกั น้าทิ้งเลี้ยงปลา 2. ช่วยรักษาส่ิงแวดลอ้ มลดพ้นื ที่เกดิ ลกู นา้ ยงุ 3. ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์

วิธใี ช้ฐานการเรียนรู้ “การทาน้าส้มควันไม้” วทิ ยากรประจาแหล่งเรียนรู้ นายประสาท แสงสกุล (ลุงเปย๊ี ก) เบอรโ์ ทรศพั ท์ 086-7987730 ครปู ระจาฐานการเรยี นรู้ นางสาวปยิ ฉัตร สารองทรัพย์ ครู กศน.ตาบลเขานอ้ ย เบอร์โทรศพั ท์ 086-1619903 นกั เรียนแกนนาประจาฐานการเรยี นรู้ นายธนั วา ท่าฉลาด เบอรโ์ ทรศัพท์ 095-1905185 ขัน้ นา วทิ ยากรกล่าวทักทายผ้เู ข้าศึกษาฐานการเรยี นรู้นา้ สม้ ควนั ไม้ และแนะนาตนเอง แนะนาชอ่ื ฐานการเรียนรู้ วิทยากรอธิบายความหมายและความสาคัญของการทาน้าส้มควนั ไม้ การคิดค้นต่อยอดถือเป็นหนทางสู่การพัฒนาสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ที่มีประโยชน์มากมาย ไม่เว้นแม้แต่“การเผา ถ่าน” ทีม่ ีการทามายาวนาน จากเดมิ ที่มเี พยี งการเปลี่ยน “ไม้” กลายเป็น“ถา่ น” แลว้ ปจั จบุ นั กย็ งั มกี ารศกึ ษาการใช้ ประโยชน์จากถา่ นไมอ้ ย่างจรงิ จงั กระท่ังคน้ พบการแปรรูป “ควนั ไม้” จากกระบวนเผาถ่านที่สร้างมลพษิ ให้กลายเป็น “น้าสม้ ควันไม้” ทม่ี ากคุณคา่ ด้วย ในปัจจุบันน้าส้มควันไม้หรือน้าส้มไม้หรือท่ีมีคาภาษาอังกฤษว่า wood vinegar ได้มีการนามาใช้ประโยชน์ กนั คอ่ นข้างแพร่หลาย เนื่องจากเปน็ สารเหลวอินทรยี ์ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเผาถ่านและสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ทั้งในครัวเรือน ภาคการเกษตร ปศุสัตว์ หรือในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยเฉพาะการใช้ในภาค การเกษตรทช่ี ่วยลดการใชส้ ารเคมที ่สี ง่ ผลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม สนับสนนุ การทาเกษตรอินทรีย์ วสั ดุทีใ่ ช้ในงานการทานา้ ส้มควันไม้ 1. ถัง 200 ลิตร (แกลลอนน้ามัน) 2. ทอ่ พีวีซี ขนาด 6 นิ้ว 3. กระใบบัว 1 ใบ 4. ไม้ไผ่ สาหรบั คายนั ท่อพีวีซี 2 ทอ่ น 5. ขวดพลาสติก/กระป๋องพลาสติก 3 ใบ 6. ถังสาหรบั เก็บนา้ ส้มควนั ไม้ 1 ถัง 7. กอ๊ กนา้ /วาล์ว เปิด-ปิดนา้ 3 ตวั 8. แผ่นเหลก็ อลูมิเนยี มสาหรับปดิ หน้าเตา 1 แผน่

ขัน้ ตอนการทาน้าสม้ ควนั ไม้ การทานา้ สม้ ควันไม้ นา้ ส้มควันไมเ้ ปน็ ผลพลอยได้จากการเผาถ่าน ซงึ่ กระบวนการเผาถา่ นประกอบด้วย 4 ขน้ั ตอนหลัก ได้แก่ 1.) ขั้นตอนไล่ความชื้น เมื่อเร่ิมจุดไฟหน้าเตาเป็นช่วงไล่ความชื้น อุณหภูมิจะสูงข้ึนเร่ือยๆ เมื่ออุณหภูมิปาก ปล่องประมาณ 50-60 องศาเซลเซียส และภายในเตาประมาณ 150 องศาเซลเซียส ควันเร่ิมมีกลิ่นเหม็น และเมื่อ อณุ หภมู ิท่ีปากปล่องจะสงู ข้นึ ไปอีกประมาณ 70-75 องศาเซลเซียส และอณุ หภูมิภายในเตาประมาณ 200-250 องศา เซลเซียส ควันมีกลิ่นเหม็นฉุน ในช่วงนี้เป็นการไล่ความช้ืนออกจากเน้ือไม้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงนับจากเมอื่ ไฟ หนา้ เตาติดแล้ว 2.) ข้ันตอนเปล่ยี นไม้เปน็ ถา่ น เม่อื ปล่อยใหไ้ ฟหน้าเตาตดิ ไปเรื่อยๆ อุณหภมู ปิ ากปลอ่ งจะสงู เพ่ิมขึน้ ประมาณ 80-85 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายในเตาประมาณ 300-400 องศาเซลเซียส ควันจะรวมตัวกันหนาแน่น พุ่งข้ึนมีสี ขาวขนุ่ และมกี ล่นิ เหมน็ ฉนุ อยา่ งรุนแรงหรือท่ีเรยี กว่า “ควันบา้ ” ช่วงน้ไี มเ้ ริม่ กลายเปน็ ถ่านหรอื เกดิ ปฏิกิริยาคายความ รอ้ น ซึ่งอุณหภมู ิในเตาจะสงู ข้ึนเรอื่ ยๆ สามารถลดเชอื้ เพลิงหนา้ เตาหรือไมต่ อ้ งเติมฟนื หนา้ เตาได้ หากใช้กระเบอ้ื งแผ่น เรียบสีขาวอังบนปากปล่องควันแลว้ สังเกตดูหยดนา้ ที่เกาะจะมีสีเหลอื งปนน้าตาล ถือวา่ เปน็ ชว่ งท่ีเร่ิมเกบ็ นา้ สม้ ควันไม้ ได้ โดยนาท่อไมไ้ ผ่ (ทอ่ ทะลุปล้องยาวประมาณ 3-5 เมตร) หรอื วัสดุทนกรด นาไปวางเหนอื ปากปลอ่ งเพื่อดกั เก็บควัน ซ่ึงเม่ือควันถูกความเย็นก็จะเกิดการควบแน่นรวมกันเป็นหยดนา้ ท้ังน้ีการเก็บน้าส้มควันไม้จะนับระยะเวลาการเก็บ จากทเี่ ร่ิมตน้ เก็บออกไปประมาณ 4 ชว่ั โมง หรืออณุ หภมู ปิ ากปลอ่ งประมาณ 80-150 องศาเซลเซียส อุณหภมู 4ิ ในเตา ประมาณ 300-450 องศาเซลเซยี ส หรือสงั เกตสคี วันท่ีปากปลอ่ งเรมิ่ เปลีย่ นเปน็ สนี า้ เงนิ กใ็ หห้ ยุดเกบ็ น้าส้มควนั ไมไ้ ด้ 3.) ขนั้ ตอนทาใหถ้ ่านบริสุทธ์ิ โดยเปดิ หนา้ เตาให้อากาศไหลเข้าไปไดเ้ พ่ือเพม่ิ ความร้อนสาหรับเผาไลน่ า้ มันดิน ให้ออกไปจากถ่าน น้ามันดินในถ่านหากไม่ถูกกาจัดออกไปแล้วนาถ่านไปใช้ก็จะได้ถ่านที่มีคุณภาพต่า และเมื่อนาไป ประกอบอาหารปงิ้ ย่าง น้ามันดินท่ีค้างอยใู่ นถา่ นเมอ่ื ถกู เผาไหมด้ ว้ ยอุณหภมู สิ ูงกวา่ 425 องศาเซลเซยี สแล้วจะเกิดเป็น สารประกอบใหม่ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งท่ีเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อุณหภูมิที่ปากปล่องในช่วงน้ีจะสูงข้ึนมากกว่า 150 องศาเซลเซยี ส ซึ่งไม่ควรเกบ็ นา้ ส้มควนั ไม้ในชว่ งน้ีดว้ ยเน่ืองจากมีสารประกอบทเ่ี ป็นโทษตอ่ การนาไปใช้ ในชว่ งนีเ้ ม่ือ สังเกตควันจะเปล่ยี นจากสนี า้ เงนิ เปน็ ควันใส ให้ทาการปิดหน้าเตารวมทงั้ ปากปล่องควัน 4.) ขน้ั ตอนทาให้ถ่านเยน็ เปน็ ช่วงทปี่ ลอ่ ยใหเ้ ตาเยน็ ลง ก่อนทจี่ ะนาถา่ นไม้ออกจากเตามาใช้งานซงึ่ ก่อนเปดิ เตาตอ้ งให้อุณหภูมใิ นเตาตา่ กวา่ 50 องศาเซลเซยี ส เพราะหากสงู กวา่ นั้นจะทาใหถ้ ่านลกุ ติดได้ ในท่ีน้อี าจจะทดลอง เอามอื แตะท่ปี ล่องควนั เม่อื ปล่องควนั เย็นตวั จนเอามอื สัมผัสไดแ้ สดงว่าสามารถเปดิ เตาได้ และการเปดิ เตาตอ้ งเปิดท่ี ปลอ่ งกอ่ นเพอื่ ระบายความรอ้ นและแกส๊ ทีย่ ังคงคา้ งอยูใ่ นเตาให้หมด หลังจากนนั้ จงึ เปิดหนา้ เตา ช่วงท่ี 1 ไลค่ วามชื้น หรือคายความรอ้ น เร่ิมจดุ เตา ช่วงท่ี 2 เม่ือไม้กลายเป็นถ่าน หรือปฏิกิริยาคลายความร้อน เมื่อเผาอีกระยะหนึ่ง ควันสีขาวจะเร่ิมเบาลง และเปล่ียนเป็นสีเทา ช่วงนี้ค่อย ๆ ลดการป้อนเช้ือเพลิงหนา้ เตาจนหยุด การป้อนเช้ือเพลิงและเริม่ เก็บนา้ ส้มควนั ไม้ จากนน้ั เม่อื ควันเปลี่ยนจากควนั สีเทาเป็นสนี า้ เงนิ จึงหยดุ เก็บน้าสม้ ควันไม้ ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั 1.นา้ สม้ ควันไม้มสี ารประกอบต่างๆ มากมาย เม่อื นาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร จะมีคุณสมบัติ เชน่ เป็นสารปรับปรงุ ดิน สารปอ้ งกนั กาจัดศัตรูพืช และสารเร่งการเติบโตของพืช นอกจากนี้ มกี ารนา นา้ สม้ ควนั ไมไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นอตุ สาหกรรม เช่น ใช้ผลติ สารดับกล่นิ ตัว ผลิตสารปรบั ผิวนุ่ม ใช้ผลติ ยารกั ษาโรคผิวหนงั ดบั กลิ่นในห้องนา้ เป็นต้น

วธิ ีใช้ฐานการเรยี นรู้ สมุนไพรฆ่าแมลง วิทยากรประจาแหล่งเรยี นรู้ นายประสาท แสงสกุล (ลุงเปยี๊ ก ) ครูประจาฐานการเรียนรู้ นางสาวปิยฉัตร สารองทรพั ย์ ครู กศน.ตาบลเขานอ้ ย นักเรียนแกนนาประจาฐานการเรียนรู้ นางสาวเกศรา วิถปี ระดษิ ฐ์ ขน้ั นา วิทยากรกลา่ วทักทายผเู้ ข้าศึกษาฐานการเรียนร้สู มนุ ไพรฆ่าแมลง และแนะนาตนเอง แนะนาช่ือฐานการ เรยี นรู้ วทิ ยากรอธบิ ายความหมายและความสาคญั ของสมุนไพรฆ่าแมลง ในปัจจบุ นั ยาฆ่าแมลงเป็นอนั ตรายตอ่ ชีวิตคนและสัตว์ และมีราคาสูงทาให้เกษตรกรส่วนใหญ่หันมา ใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถ่ินมาทาเป็นสมุนไพรฆ่าแมลง โดยภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถ่ินได้ทาการทดลองและศึกษา ค้นคว้าจนพบสูตรสมนุ ไพรฆา่ แมลงชนิดนี้ ซง่ึ ที่ไม่มผี ลกระทบตอ่ สงิ่ แวดล้อม และไม่เปน็ อนั ตรายตอ่ ผู้บรโิ ภค จงึ ไดท้ า การทดลองกบั พชื ผักท่ีอยใู่ นบรเิ วณบ้าน ปรากฏว่าบรเิ วณที่ทาการทดลองดังกล่าวพบว่ามีซากแมลงตาย ในบริเวณที่ ฉีดพ่นยา จึงแบ่งปันให้เพ่ือนบ้านได้นาไปทดลองใช้ แล้วได้ผลดี จึงมีการบอกต่อๆกันไปเรื่อยๆ จนมีผู้สนใจเข้ามาดู วิธีการทาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแหล่งเรยี นรู้ และมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาส่งเสริมและสนบั สนุน เชน่ เกษตรอาเภอ พฒั นาชุมชน ธนาคารสหกรณ์เพ่ือการเกษตร และกศน.อาเภอท่ามว่ ง เป็นตน้ วัสดุท่ีใช้ผสมเปน็ สมุนไพรฆา่ แมลง 1. น้าส้มควันไม้ 2. หนอนตายยาก 3.สบ่ดู า 4. สาบเสือ 5.หางไหล 6.ต้นดอกรัก (ใบ/ต้น) อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการผสมเป็นสมุนไพรฆ่าแมลง 1. ถัง 150 ลิตร 2. ถังฉีดพน่ ยาฆา่ แมลง 3. ไม้สาหรับคนสว่ นผสม

ขน้ั ตอนการทาสมนุ ไพรฆ่าแมลง 1. เตรยี มถงั 150 ลิตร จานวน 1 ถงั 2. หนั่ หนอนตายยาก จานวน 1 กโิ ลกรัม 3. สบดู่ า จานวน 1 กิโลกรมั 4. สาบเสือ จานวน 1 กโิ ลกรมั 5. ใบและต้นดอกรกั จานวน 1 กิโลกรมั 6. หางไหล จานวน 2 กโิ ลกรัม นาส่วนผสม 2-6 มาผสมเคลา้ รวมกนั ในถงั ๑๕๐ลิตรหมกั ดว้ ยน้าส้มควนั ไม้ โดยใช้อัตราส่วน 100 ลติ ร แลว้ ปิดฝาให้สนิท 7. หมกั ทิ้งไว้ 7 วัน จงึ นาออกมาใชไ้ ด้ วิธกี ารนาไปใช้ น้าหมกั 30cc ต่อนา้ เปล่า 20 ลิตร นามาผสมกันและนาไปใส่ถงั ฉดี พน่ ที่เตรยี มไว้ แล้วนาไปฉีดพน่ พืชผักทเ่ี รา ปลกู ไว้ ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1. เป็นการลดตน้ ทุนการผลิต 2. สืบสานภูมปิ ัญญาด้านสมนุ ไพร 3. ช่วยรักษาส่งิ แวดล้อม 4. ไม่เปน็ อันตรายกับผบู้ ริโภค 5. ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์

วิธีใช้ฐานการเรียนรู้ มหศั จรรย์งานสาน วิทยากรประจาฐานการเรยี นรู้ นางสาวกิมเลีย้ น นาคพดั เบอร์โทรศัพท์ 089-3750442 ครปู ระจาฐานการเรยี นรู้ นางสาวสายสนุ ยี ์ เพลงปาน เบอร์โทรศัพท์ 081-1970191 นักเรยี นแกนนาประจาฐานการเรยี นรู้ นางสาวเนาวรัช รักดี เบอร์โทรศพั ท์ 082-2402736 ขั้นนา วิทยากรกลา่ วทกั ทายผู้เข้าศึกษาฐานการเรียนร้มู หศั จรรย์งานสาน และแนะนาตนเอง แนะนาชื่อฐานการ เรยี นรู้ วทิ ยากรอธิบายความหมายและความสาคัญของงานสาน การจกั สาน เป็นงานหตั ถกรรมอยา่ งหนงึ่ และนบั เปน็ งานศลิ ปะประเภททศั นศิลปไ์ ด้ด้วย การจักสานเป็นการ นาวสั ดุขนาดเล็กและยาว มาขดั หรอื สาน กนั จนเป็นชิน้ งาน เชน่ กระเป๋า ตะกร้า หรือภาชนะอนื่ ๆ วสั ดทุ ่ีใช้ในงานสาน เส้นกระดาษหรอื เส้นPaper Band อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการสานเส้นกระดาษ กรรไกร กาว ลวด ขั้นตอนการสานกระเปา๋ 1. ตัดเสน้ กระดาษยาวกว่ากระเปา๋ แบบ 20-30 ซม. จานวนความกว้าง 11 เสน้ จานวนความยาว 23 เส้น 2. นาเส้นกระดาษทต่ี ดั ไวโ้ ดยนา 11 เส้นมาเรยี งไว้ (ความกวา้ งของกระเปา๋ ) 3. นาเส้นกระดาษทเ่ี หลอื 23 เส้น นามาสานท่ีละเส้น 4. เมือ่ นามาสานครบทง้ั 23 เสน้ แลว้ หลังจากนัน้ จัดเส้นกระดาษให้แน่น ไม่ให้มชี อ่ งวา่ ง 5. เมอื่ จัดเสน้ กระดาษแลว้ ใหน้ าเส้นกระดาษทุกด้านมาขัดกบั ลาย โดยขัดเว้นเสน้ 6. ข้นึ ลายขา้ งกระเปา๋ โดยการสานจะใช้ 3 เสน้ ในการสาน 1 รอบ 6.1 ดงึ เสน้ กระดาษท่ขี ัดไวม้ าสานกับ 3 เส้นที่ขึน้ ลาย 6.2 สานสลบั เสน้ 6.3 เมอ่ื ขัดเสน้ ที่ขัดไวก้ บั ลายแลว้ ใหส้ านเสน้ ถดั ไปเหมอื นเดิม 6.4 แล้วพับลงมาขัดกบั ลาย 7. เมอื่ สานเสร็จแล้ว ใหบ้ บี ตามขอบของกระเปา๋ เพื่อทาให้เป็นทรง

8. ใสห่ ูถือกระเป๋า ก็จะเป็นขั้นตอนสดุ ทา้ ย ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ 6. ช่วยลดปรมิ าณขยะในชุมชน 7. เปน็ การสรา้ งรายได้ ลดรายจา่ ย 8. ช่วยรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม 9. ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 10. สบื สานภมู ปิ ญั ญาดา้ นการจักสาน

วธิ ใี ช้ฐานการเรียนรู้ สารพันธุ์ผกั วทิ ยากรประจาแหล่งเรียนรู้ นางสาวพนาวรรณ บุญจนี ผอ. กศน. อาเภอทา่ ม่วง เบอรโ์ ทร 081-9812830 ครปู ระจาฐานการเรยี นรู้ 1. นายสหรตั น์ อนนั สุข เบอร์โทร 0871685858 2. นายสนุ ทร เลขนอก เบอร์โทร.0822939337 นักเรยี นแกนนาประจาฐานการเรียนรู้ นายชลัมพล ทพิ ยท์ งุ่ ทอง เบอร์โทร. 0640826927 ขัน้ นา วิทยากรกลา่ วทักทายผเู้ ข้าศึกษาฐานการเรียนรู้สารพันธผ์ ัก และแนะนาตนเอง แนะนาช่อื ฐานการเรียนรู้ วิทยากรอธิบายความหมายและความสาคัญของผักลงดนิ ชนดิ ของผักลงดิน ผักอายสุ ้ัน ได้แก่ ผกั บงุ้ ค่นื ชา่ ย กวางตงุ้ ต้นหอม ผกั อายยุ าว ได้แก่ ตะไคร้ อญั ชนั สาระแหน่ เตยหอม ย่ีหรา่ กระเพรา แมงลกั โหระพา พริก ฝักชฝี รง่ั มะเขือ ชะพลู หูเสือ ผักยนื ต้น ไดแ้ ก่ มะนาว ชะอม มลั เบอร์ร่ี มะละกอ ผกั ไชยา แค มะกรูด วิทยากรอธบิ ายความหมายและความสาคัญของผกั ค้าง ชนดิ ของผักคา้ ง ได้แก่ นา้ เต้า ฟัก บวบ ผกั ปลงั ถ่ัวฝกั ยาว วธิ กี ารปลูกผักคา้ ง คา้ งผกั ทาขนึ้ เพื่อให้พืชกลุ่มไมเ้ ล้อื ย เช่น น้าเต้า ฟัก บวบ ถ่วั ฝักยาว ไดเ้ กาะเล้อื ยเจริญเติบโตเป็นทีเ่ ป็นทาง ทีส่ าคญั ยงั มีสว่ นชว่ ยเรอ่ื งผลผลติ และคุณภาพของผลผลติ ในทางอ้อมอกี ด้วย ประโยชนข์ องการทาผักค้าง - ง่ายตอ่ การเกบ็ เก่ียว - เพ่มิ ผลผลิต - เพม่ิ คุณภาพของผลผลติ ทั้งรปู และความสม่าเสมอของสีผวิ - ดแู ลรักษาพืชปลกู ได้ง่าย เป็นระเบียบ ส่งผลใหง้ า่ ยต่อการจดั การ ซ่ึงเปน็ การปอ้ งกนั ความเสยี หายของผลิต ในขณะทางานแบบออ้ มๆ

วิทยากรอธิบายความหมายและความสาคัญของผักไฮโดรโปนิกส์ ชนิดของผกั ไฮโดรโปนิกส์ ได้แก่ ผักสลัดเรดโอ๊ค วิธีการปลกู ผกั ไฮโดรโปนกิ ส์ 1. การเตรยี มพ้ืนทีแ่ ละโต๊ะปลกู ประกอบโต๊ะปลูกและติดตง้ั ตามวธิ กี ารประกอบชุด ไฮโดรโปนิกส์ และนาโตะ๊ ปลกู มาวางในตาแหนง่ ท่ไี ด้รับแสงแดดอยา่ งนอ้ ย ๖ ชั่วโมง/วัน 2. การเพาะต้นกลา้ นาวสั ดุปลกู เช่น เพอร์ไลท์ เวอรม์ คิ ไู ลท์ ใสถ่ ว้ ยเพาะและ นาเมล็ดผักใส่ตรงกลางถว้ ย กลบเมลด็ และรดน้าให้เปียกและเกบ็ ไว้ในทป่ี ลอดภยั รดนา้ ทกุ วนั ประมาณ ๓-๕ วัน เมลด็ เรมิ่ งอก และเริ่มใหส้ ารละลายออ่ นๆ แทนน้า 3. การปลูกบนราง ขนาด ๑.๕ เมตร 3.1 ตัวอย่างเติมนา้ 10 ลิตร และเตมิ สารอาหาร A และ B อย่างละ100 ซซี ี หรอื 10 ซซี ี/ น้า 1 ลิตร 3.2 นาตน้ กล้าทแี่ ข็งแรง อายุประมาณ 2 สัปดาห์ ยา้ ยมาวางบนโต๊ะปลกู และเดินเครอื่ งปั๊มน้า 4. การเก็บเก่ยี ว เกบ็ เกีย่ วเมื่ออายุ 45 วัน

วิธใี ชฐ้ านการเรยี นรู้ การถนอมอาหาร ขน้ั นา วทิ ยากรกลา่ วทักทายผเู้ ข้าศกึ ษาฐานการเรียนรูก้ ารถนอมอาหาร และแนะนาตนเอง แนะนาช่ือฐานการ เรยี นรู้ วิทยากรอธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการถนอมอาหาร การถนอมอาหาร หมายถงึ วิธีการยดื อายอุ าหารเพอ่ื เก็บรักษาให้มคี ุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ ใกลเ้ คียง กับของเดมิ ไม่บดู เนา่ เสยี หายงา่ ย การถนอมอาหารเปน็ กระบวนการของการแปรรูป ควบคุม และการ ทาใหอ้ าหารสดไมแ่ ปรสภาพดว้ ยการทาลายของจุลินทรียด์ ้วย กรรมวิธีหลายอย่าง ไดแ้ ก่ การเลอื กใชอ้ าหารท่ีมีการ ปะปนของจุลนิ ทรยี ์นอ้ ย การป่ันหรอื กรองเพื่อการจัดจุลนิ ทรียใ์ นอาหาร การเก็บรกั ษาอาหารไวใ้ นภาชนะทม่ี ดิ ชิด และเป็นสญุ ญากาศ เชน่ การหมกั การดอง การทาน้าสมุนไพร การแปรรูปอาหาร ฯลฯ การทาไข่เค็มอัญมณี Herbal Salt Egg สูตร (Low Sodium)เป็นการถนอมอาหารของภูมิปัญญาชาวบ้าน ตาบลพังตรุ ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ทานาเป็นสว่ นมากและมีการเลยี้ งเป็ดรว่ มดว้ ย จึงมีไข่ในปริมาณมากทุกวันจงึ นาไข่มา แปรรปู เป็นไขเ่ ค็ม วัตถุดิบ 30 ฟอง 1. ไขเ่ ปด็ ใหม่ 1 กโิ ลกรมั 2. ดนิ สอพอง 400 กรมั 3. เกลือไอโอดนี + โพรแทสเซียม (อัตรส่วน 75:25) 4. สมุนไพรตามชอบ 200 กรมั 5. น้าเปลา่ อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทาไข่เค็มอญั มณี หม้อ กะละมงั สกอ๊ ตไบท์ ขนั้ ตอนการทาไขเ่ คม็ อญั มณี 1. ล้างไข่เปด็ ให้สะอาด ผึง่ ให้แห้ง 2. นาดินสอพองผสมเกลือตามสัดสว่ น คลกุ เคล้าให้ทวั่ ใสน่ ้าคอ่ ย ๆนวดจนแป้งกบั เกลือเขา้ กนั แบ่งเปน็ 30 กอ้ นเล็ก 3. นาไปพอกไข่จนมดิ ฟองไข่ 4. นาไขท่ พ่ี อกแล้วเก็บใส่ภาชนะที่มิดชิด

วธิ ีรบั ประทานไข่เค็มอัญมณี 7 วนั หลงั จากทีว่ นั พอก นาไปทอดเปน็ ไข่ดาวเค็มได้ 14 วันหลังจากวนั ท่ีพอก นาไปตม้ เป็นไขเ่ คม็ ได้ ประโยชน์ที่ไดร้ ับ 1. เปน็ ไข่เคม็ ที่มีโซเดียมตา่ สาหรบั ผู้ทีร่ กั สุขภาพ 2. ชว่ ยปอ้ งกนั มะเรง็ เต้านม 3. มโี ปรตีน วิตามนิ กรดอะมิโน 4. นาไปทาอาหารไดห้ ลากหลายเมนู เช่น ยาไขเ่ ค็ม ไขด่ าวเคม็ ปลาหมึกผดั ไขเ่ ค็ม เปน็ ต้น 5. เป็นการสร้างรายได้ ลดรายจา่ ย 6. ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook