ถวั่ ฝักยาว พันธ์นุ า่ น 1
ถ่ัวฝักยาว : พนั ธนุ์ า่ น 1 ชอื่ วทิ ยาศาสตร์: Vigna unguiculata spp. sesquipedalis ชื่อสามญั : Yard long bean, ถัว่ ฝักยาว ประวตั ิ เป็นพันธ์ุท่ีได้จากการนำถ่ัวฝักยาวพันธ์ุพ้ืนเมืองของจังหวัดหนองคาย ซึ่งมีลักษณะฝักยาว สีเขียวเข้ม ผลผลิตปานกลางมาผสมข้ามกับถ่ัวฝักยาวพันธ์ุ พืน้ เมอื งของจงั หวดั พิจิตร ซึ่งมีลกั ษณะฝกั สัน้ สเี ขยี ว ผลผลติ สูง และผสมขา้ ม กับถ่ัวพุ่ม ซ่ึงมีฝักสีม่วง แล้วคัดเลือกจนได้สายพันธ์ุบริสุทธ์ิ เป็นถ่ัวฝักยาวพันธ์ุ น่าน 1 ท่ีให้ผลผลิตสงู กว่าพนั ธุ์การค้าเฉลี่ย 27.9 เปอรเ์ ซ็นต์ คณุ ภาพของฝกั ด ี ฝักเรียบ เน้ือแน่น รวมระยะเวลาการปรับปรุงพันธุ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534-2546 เป็นเวลา 13 ปี ลักษณะประจำพนั ธุ์ เรมิ่ ออกดอกประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์หลังจากเมลด็ งอก 43 วัน จำนวนผลผลติ ฝกั 48 ฝกั ต่อต้น ขนาดฝักกวา้ ง 0.98 เซนติเมตร ยาว 50.8 เซนติเมตร ความหวาน 5.4 oBricks เร่ิมเก็บเก่ียวหลังจากเมล็ดงอกประมาณ 55 วัน ให้ผลผลิตเฉล่ีย 3,290 กิโลกรัมต่อไร่ เม่ือปลูกในฤดูแล้ง ลกั ษณะเดน่ 1. ฝักเหมาะสำหรบั รบั ประทานเป็นผกั สด ฝักสีมว่ งแดง หรอื Red-Purple Group 59 A โดยใชแ้ ผน่ เทยี บสขี อง The Royal Horticulture Society 2. รสชาตหิ วานมนั กรอบ ลกั ษณะฝกั เรยี บ เนอื้ แนน่ ฝกั ตรงเหมาะสำหรบั บรโิ ภคสดความยาวเฉลยี่ 50 เซนตเิ มตร 3. ใหผ้ ลผลิตเฉลยี่ 3,290 กิโลกรมั ต่อไร ่ สูงกวา่ พันธุ์เปรียบเทียบ 27.9 เปอร์เซน็ ต์ และใหผ้ ลผลติ สูงเมอ่ื ปลูกปลาย ฝนตน้ หนาว (กนั ยายน-พฤศจิกายน) พื้นท่แี นะนำ พ้ืนท่ีแนะนำได้แก่ ภาคเหนือตอนบน เช่น จังหวัดน่าน และภาค เหนอื ตอนล่างเชน่ จงั หวัดพจิ ติ ร ขอ้ จำกัด ไม่ควรปลูกในฤดูฝน (มิถุนายน-สิงหาคม) จะทำให้ผลผลิตลดลง เพราะเกิดจากอาการเฝอื ใบ เวลาทีแ่ นะนำพันธุ์ กรมวชิ าการเกษตร แนะนำพนั ธ ์ุ เม่อื วนั ท ี่ 9 ตลุ าคม พ.ศ. 2549 พืชสวนพนั ธดุ์ ี เลม่ 3 43 พันธ์ุแนะนำ
ถว่ั ฝักยาว พันธุพ์ ิจิตร 2
ถ่วั ฝกั ยาว : พนั ธุพ์ ิจิตร 2 ช่อื วิทยาศาสตร์ : Vigna unguiculata ssp. sesquipedalis ช่อื สามัญ : Yard long bean, ถัว่ ฝักยาว ประวตั ิ ถ่ัวฝักยาวพันธ์ุพิจิตร 2 เป็นถ่ัวฝักยาวสำหรับบริโภคภายในประเทศและส่งออกในรูปฝักสด คัดได้จากการผสมข้าม ระหว่างถัว่ ฝกั ยาวพนั ธ์ุ YB 7 กับพันธุ์ YB 12 โดยทำการปรบั ปรุงพรั ธุ์ตามข้นั ตอนของกรมวิชาการเกษตรตัง้ แตป่ พี .ศ. 2540- 2545 ได้พันธ์ทุ ีม่ ีคุณสมบัติตามตอ้ งการ เปน็ เวลา 6 ป ี ลกั ษณะประจำพนั ธุ์ ลักษณะลำต้นเป็นสัน 6 เหล่ียม ดอกมีขนาด 1.50x30.1 เซนติเมตร ปลายฝักมน สีเหลืองอมเขียว ฝักมีขนาด 0.6x0.45 เซนติเมตร ผิวเรียบ เมล็ดสีน้ำตาลแดง เป็นรูปไต ขนาด 0.56x1.19x4.03 มลิ ลิเมตร น้ำหนักเมลด็ 100 เมลด็ หนกั 20.7 กรมั ออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ภายใน 35 วนั และเร่ิมเกบ็ เก่ยี ว 46 วันหลงั จากเมล็ดงอก ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว 38 วัน จำนวนฝัก 49 ฝักต่อต้น น้ำหนักฝัก 11.5 กรมั ความหนาเนอื้ 2.2 มลิ ลเิ มตร ลกั ษณะเด่น 1. ผลผลิตเฉลี่ย 2,617 กิโลกรัมต่อไร่สูงกว่าพันธุ์อ่ืนๆ ท่ี เกษตรกรนิยมปลูก 2. มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ได้แก ่ ใยอาหารร้อยละ 4.85 และมฤี ทธ์ขิ องสารต้านอนุมูลอสิ ระ (Antioxidant) เทียบเท่ากับ สาร Trolox 1.183 มลิ ลิกรมั ตอ่ ฝักสด 1 กโิ ลกรมั วนั ท่รี บั รองพนั ธุ์ กรมวิชาการเกษตร แนะนำพันธ ์ุ เม่ือวันท ่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ.2546 พืชสวนพันธุด์ ี เล่ม 3 45 พันธุ์แนะนำ
ถวั่ ฝกั ยาว พนั ธพ์ุ ิจติ ร 84-3
ถัว่ ฝักยาว : พนั ธพุ์ จิ ิตร 84-3 ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Vigna unguiculata ssp. sesquipedalis ช่ือสามญั : Yard long bean, ถั่วฝกั ยาว ประวัติ ถวั่ ฝักยาวสายพนั ธ์ ุ (พิจติ ร 2xYB 15) -1-32-138-25-21 เปน็ ถั่วฝักยาว สำหรับบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ คัดได้จากการผสมข้าม ระหว่างถ่ัวฝักยาวพันธ์ุพิจิตร 2 ซ่ึงเป็นพันธ์ุแนะนำของกรมวิชาการเกษตร มี ลกั ษณะเดน่ คือ ผลผลติ และขนาดฝักสมำ่ เสมอ ผวิ ฝกั เรียบ ปลายฝกั มน มอี ายุการ วางตลาดนาน และปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมของประเทศไทยกับพันธ ์ุ YB 15 เป็นพันธ์ุจากจังหวัดเชียงใหม ่ ซ่ึงนำมาปลูกในแปลงรวบรวมและศึกษาพันธ์ุ ถ่ัวฝักยาวท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรในป ี 2540 มีลักษณะเด่นคือ ฝัก สดสีเขียว เน้ือหนา และผิวฝักย่น ถ่ัวฝักยาวสายพันธ์ุ (พิจิตร 2xYB 15) -1-32- 138-25-21 ปี 2545-2547 และป ี 2550 ผสมพันธ์ุและคัดเลือกสายพันธ ์ุ ณ ศูนย์วิจัยและพฒั นาการเกษตรพจิ ิตร ปี 2553 ทดสอบสายพันธ์ุในแหลง่ ปลูกตา่ งๆ 4 แหล่ง ได้แก ่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการ เกษตรอุตรดิตถ ์ แปลงเกษตรกรจังหวัดพิจิตร และแปลงเกษตรกรจังหวัดอุตรดิตถ ์ รวมระยะเวลาการปรบั ปรงุ พันธ์ุต้ังแต่ป ี พ.ศ. 2545-2553 เป็นเวลา 9 ปี ลกั ษณะประจำพนั ธ์ุ เร่ิมออกดอกประมาณ 50% หลังจากเมลด็ งอก 34 วัน ฝกั สดสี เขียว หรือ Yellow Green Group 144 A โดยใชแ้ ผน่ เทียบสขี อง The Royal Horticulture Society ปลายฝกั มนขนาดฝกั กวา้ ง 0.98 เซนตเิ มตร ยาว 45.3 เซนตเิ มตร เริม่ เกบ็ เกยี่ วหลงั จากเมล็ดงอกประมาณ 43 วนั ให้ ผลเฉลย่ี 3,861 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ลกั ษณะเดน่ 1. มคี วามหนาเนือ้ ฝกั 3.02 มิลลิเมตร มากกวา่ พนั ธพ์ุ จิ ติ ร 2 รอ้ ยละ 25.8 2. อายุเก็บเกีย่ ว 43 วัน เกบ็ เกี่ยวเร็วกว่าพนั ธพ์ุ ิจติ ร 2-3 วัน 3. ผลผลติ 3,861 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร ่ มากกว่าพนั ธ์พุ ิจิตร 2 ร้อยละ 6.3 พน้ื ทีแ่ นะนำ เขตภาคเหนอื ตอนลา่ ง จงั หวดั พจิ ติ ร และจงั หวัดอุตรดติ ถ์ วันที่รบั รองพนั ธุ์ กรมวิชาการเกษตร แนะนำพันธ ์ุ เมื่อวันท่ี 22 มกราคม 2556 และเป็นพันธ์ุพืชข้ึนทะเบียนเลขท ่ี 030/2556 เม่อื วันที ่ 3 มิถนุ ายน 2556 พชื สวนพนั ธ์ุดี เลม่ 3 47 พันธ์ุแนะนำ
กล่มุ พชื สมนุ ไพรและ เครือ่ งเทศ
ขมิ้นชัน พันธุ์ตรงั 1
ขม้นิ ชัน : พนั ธ์ตุ รงั 1 ชอื่ วทิ ยาศาสตร์: Curcuma longa L. ชอ่ื สามญั : Turmeric/Curcuma, ขมนิ้ ชนั ประวตั ิ ป ี พ.ศ. 2541-2549 ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ได้นำหัวขม้ินชันจาก ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร จำนวน 6 สายต้น ที่ผ่านการคัดเลือกว่าเป็นสาย พันธ์ุดีมาปลูกในแปลงทดลอง และได้รวบรวมหัวพันธ์ุขมิ้นชัน (ชาวบ้าน เรยี ก ขมนิ้ ทอง) จากบ้านเขาตำหนอน ตำบลถ้ำทองหลาง อำเภอทับปดุ จังหวัดพังงา และในเขตพ้ืนที่ใกล้เคียงอีก 5 สายต้น นำมาปลูกและคัด เลือก โดยมีหลกั เกณฑก์ ารคัดเลือกว่าต้องมสี ารสำคญั เคอรค์ ูมินอยดส์ งู กว่า 8 เปอร์เซ็นต์ มีนำ้ มนั หอมระเหยสงู กวา่ 7 เปอร์เซน็ ต์ และให้ผลผลติ ไม่ต่ำกวา่ 2 ตันต่อไร ่ ซึ่งขม้นิ ชันพนั ธุต์ รัง 1 หรือ ขมิน้ ชนั สายต้น T11 ได้ผ่านหลักเกณฑ์การคัดเลือก คือ ให้สารสำคัญเคอร์คูมินอยด์เฉล่ีย 10.62 เปอร์เซ็นต ์ น้ำมันหอมระเหยเฉล่ีย 7.99 เปอร์เซน็ ต์ เน้ือในเหงา้ มสี เี หลืองสม้ รวมระยะเวลาการปรับปรุงพนั ธุต์ ง้ั แต่ปี พ.ศ. 2541-2550 เปน็ เวลา 10 ป ี ลักษณะประจำพนั ธุ์ มีลำต้นอยู่ใต้ดินและมีแขนงออกเป็นแง่ง ขนาดหัวแม ่ 3.9x5.4 เซนติเมตร น้ำหนัก 29.58 กรัม ขนาดแง่ง 2.06x8.57 เซนตเิ มตร นำ้ หนกั 16.50 กรัม สเี น้อื ในเหง้าสีเหลอื งส้ม ลำตน้ สูง 0.55-1.0 เมตร เกบ็ เกี่ยวเม่ืออายุ 8-11 เดือน ให้นำ้ หนักสดเฉลยี่ 2.23 ตนั ต่อไร่ จดั เปน็ พืชที่มศี ักยภาพทางการตลาดทงั้ การบริโภคสดโดยเฉพาะในการพัฒนาผลิตภัณฑเ์ พอื่ ใชเ้ ปน็ ยาสมนุ ไพร อาหารเสริม เคร่ืองสำอางและอาหารสัตว์ ลกั ษณะเด่น 1. ให้ผลผลติ หวั สดในภาคใตป้ ระมาณ 2.23 ตันตอ่ ไร่ 2. มีสาระสำคัญเคอร์คูมินอยด์เฉล่ีย 10.62 เปอร์เซ็นต ์ สูงกว่า มาตรฐานยาสมนุ ไพรไทย 112.4 เปอร์เซ็นตแ์ ละสงู กว่ามาตรฐานการซอ้ื ขาย 32.75 เปอรเ์ ซน็ ต ์ มนี ้ำมันหอมระเหยเฉลยี่ 7.99 เปอรเ์ ซน็ ต ์ สงู กว่ามาตรฐานยาสมนุ ไพร ไทย 33.17 เปอรเ์ ซน็ ต ์ และสงู กวา่ มาตรฐานการซอ้ื ขาย 14.4 เปอรเ์ ซน็ ต ์ และม ี ar- turmerone 47% (เกบ็ เกยี่ วขมน้ิ ชันทอ่ี ายุ 11 เดอื น) 3. เน้ือในเหง้ามีสีเหลืองส้ม หรือ Orange Group 28 B โดยใช้แผ่น เทยี บสขี อง The Royal Horticulture Society พน้ื ท่แี นะนำ ปลูกได้ท่ัวไปในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27-33 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ เฉลยี่ 81 เปอรเ์ ซ็นต์ ปริมาณนำ้ ฝนเฉล่ีย 1,800-2,000 มลิ ลิเมตรตอ่ ปี ขอ้ จำกัด ไม่ควรใชห้ วั พนั ธทุ์ ่ีมาจากแหล่งทเี่ ปน็ โรคโคนเน่า วันท่รี ับรองพันธ์ุ กรมวิชาการเกษตร แนะนำพนั ธ์ุ เมือ่ วนั ท่ ี 27 สิงหาคม 2551 และเป็นพันธ์ุพชื ขึน้ ทะเบยี นเลขท ี่ 021/2552 เมื่อ วนั ท ่ี 11 มนี าคม พ.ศ. 2552 พืชสวนพนั ธดุ์ ี เล่ม 3 51 พันธ์ุแนะนำ
ขมน้ิ ชัน พนั ธ์ตุ รัง 84-2
ขม้ินชัน : พนั ธต์ุ รงั 84-2 ชือ่ วทิ ยาศาสตร:์ Curcuma longa L. ชอื่ สามญั : Turmeric/Curcuma, ขมิ้นชัน ประวัติ ป ี พ.ศ. 2541-2549 ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ได้นำหัวขม้ินชันจากศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร จำนวน 6 สายต้น ท่ีผ่านการคัดเลือกว่าเป็นสายพันธ์ุดีมาปลูกในแปลงทดลอง และได้รวบรวมหัว พนั ธุข์ มน้ิ ชันจากอำเภอร่อนพบิ ลู จงั หวดั นครศรีธรรมราช และในเขตพื้นท่ใี กล้เคยี งอีก 5 สายต้น นำ มาปลูกและคัดเลือก โดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือกว่าต้องมีสารสำคัญเคอร์คูมินอยด์สูงกว่า 8 เปอร์เซ็นต ์ มีน้ำมันหอมระเหยสูงกว่า 7 เปอร์เซ็นต ์ และให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 2 ตันต่อไร ่ ซ่ึงขม้ินชัน พนั ธ์ุตรัง 84-2 หรอื ขมิ้นชนั สายต้น T 16 ได้ผา่ นหลกั เกณฑ์การคดั เลือก คอื ใหส้ ารสำคญั เคอรค์ มู ิ นอยด์เฉล่ีย 11.04 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันหอมระเหยเฉล่ีย 7.78 เปอร์เซ็นต์ เน้ือในเหง้ามีสีส้มแกมแดง รวมระยะเวลาการปรบั ปรุงพันธ์ตุ งั้ แตป่ ี พ.ศ. 2541-2550 เปน็ เวลา 10 ปี ลักษณะประจำพันธุ์ มีลำตน้ อยู่ใตด้ ิน ส่วนที่ตดิ กับโคนกาบใบเรยี กหัว (Tuber) และมแี ขนงออก ไปเปน็ แงง่ เรียก Rhizome ขนาดหัวแม่ 4.5 x 7.6 เซนตเิ มตร นำ้ หนกั 57.14 กรมั ขนาดแง่ง 1.91x5.89 เซนติเมตร น้ำหนัก 15 กรัม สีเน้ือในเหง้า สีส้มแกมแดง ลำต้นสงู 90-110 เซนตเิ มตร เกบ็ เกยี่ วเมือ่ อายุ 11 เดอื น ใหน้ ำ้ หนักสดเฉลย่ี 2.59 ตนั ตอ่ ไร่ จดั เป็นพชื ขมนิ้ ชันที่เหมาะสำหรับการบริโภค ลกั ษณะเดน่ 1. ให้ผลผลิตหวั สดในภาคใตป้ ระมาณ 2.59 ตนั ต่อไร่ 2. มีสาระสำคัญเคอร์คูมินอยด์เฉล่ีย 11.04 เปอร์เซ็นต ์ ซ่ึงสูงกว่า มาตรฐานยาสมุนไพรไทย 120.80 เปอร์เซ็นต ์ มีน้ำมันหอมระเหยเฉล่ีย 7.78 เปอรเ์ ซน็ ต ์ ซงึ่ สงู กวา่ มาตรฐานยาสมนุ ไพรไทย 29.67 เปอรเ์ ซน็ ต ์ ม ี ar-tumerone 47.6 เปอรเ์ ซน็ ต ์ และ α- turmerone 23.38 เปอร์เซ็นต์ (เก็บเกี่ยวเม่ือขมิ้นชันอายุ 11 เดือนหลังปลูก) 3. เนือ้ ในหัวมีสสี ้มแกมแดง หรอื Orange Group 28 B โดยใช้แผ่นเทียบ สีของ The Royal Horticulture Society พน้ื ทแี่ นะนำ ปลูกได้ดีในพ้ืนที่ภาคใต ้ หรือปลูกได้ท่ัวไปในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำด ี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27-33 องศา เซลเซยี ส ความช้นื สัมพทั ธ์ เฉลยี่ 81 เปอร์เซน็ ต ์ ปริมาณน้ำฝนเฉล่ยี 1,800 -2,000 มลิ ลิเมตรตอ่ ป ี ขอ้ จำกดั ไม่ควรใชส้ ่วนขยายพันธ์ุ (หัวและแง่ง) ทม่ี ีจากแหลง่ ทเ่ี ป็นโรคเห่ยี วหรือโรคโคนเน่า วนั ที่รับรองพนั ธุ์ กรมวิชาการเกษตร แนะนำพันธุ์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 และเป็นพันธ์ุพืชข้ึนทะเบียนเลขท่ี 022/ 2552 เมือ่ วันท ี่ 11 มนี าคม พ.ศ. 2552 พืชสวนพันธ์ดุ ี เลม่ 3 53 พันธแ์ุ นะนำ
พืชสวนพันธใ์ุ หม ่ ที่อยรู่ ะหวา่ งการนำเสนอเปน็ พันธแ์ุ นะนำ
กลุม่ ไมผ้ ล
ทเุ รียนลูกผสม สายพันธุ์ 11-341-1
ทุเรียนลกู ผสม : สายพนั ธ ์ุ 11-341-1 ช่ือวิทยาศาสตร์: Durio zibethinus Murray ชอ่ื สามญั : Durian, ทุเรียน ประวตั ิ ทุเรียนลูกผสมสายพันธ์ุ 11-341-1 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างแม่พันธ์ุก้าน ยาวกับพ่อพันธ์ุหมอนทอง มีคุณภาพดีตามมาตรฐานคุณภาพทุเรียนของประเทศไทย พ.ศ. 2541 อายุเก็บเก่ียวปานกลาง และอยู่ระหว่างการเสนอเป็นพันธ์ุแนะนำ ทุเรียนพันธ์ุจันทบุร ี 84-4 ได้ดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธ์ุท่ีศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุร ี โดยเร่มิ ดำเนนิ การรวบรวมพนั ธ์ุ ศึกษาลกั ษณะประจำพนั ธต์ุ ่างๆ คัดเลอื กพอ่ -แมพ่ นั ธ์เุ พอ่ื ทำการผสมข้ามพันธุ์ทุเรียนเพื่อผลิตทุเรียนลูกผสมและคัดเลือกทุเรียนลูกผสมตามข้ันตอน การปรับปรุงพนั ธ์ตุ งั้ แตป่ ี 2531-2544 ต่อมาไดม้ ีการประเมนิ และคดั เลอื กทุเรียนลกู ผสม ช่ัวท ี่ 1 ระหว่างป ี 2545-2553 ได้ลูกผสมดีเด่นที่มีคุณสมบัติอายุเก็บเก่ียวส้ัน ปานกลาง เป็นสายพันธุต์ น้ ฤดูจำนวน 3 สายพนั ธุ์ คือ ลูกผสมสายพันธุ์ 11-341-1 สายพนั ธ ุ์ 12-21- 1 และ สายพนั ธ ์ุ 11-241-9 รวมระยะเวลาการวจิ ยั 23 ป ี ลกั ษณะประจำพันธุ์ ลำต้นทรงพมุ่ รปู ฉตั ร พุ่มโปร่ง กิ่งแขนงห่าง เจรญิ เตบิ โตดี ลำตน้ สงู ประมาณ 10 เมตร ใบมขี นาดยาวและใหญ ่ ทรง ผลยาวร ี ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรยี บ กวา้ ง 4.72 เซนติเมตร ยาว 15.40 เซนตเิ มตร ชอ่ ดอกเปน็ แบบชอ่ เชิงหลัน่ ดอก สมบรู ณเ์ พศ กลีบดอกสีขาวอมเหลือง มี 5 กลีบ ผลมขี นาดปานกลาง รูปทรงกลมรแี ปน้ นำ้ หนกั ผล 2.00-2.93 กิโลกรมั กา้ น ผลยาว 6.56 เซนติเมตร ทรงผลค่อนข้างกลม พูไม่นูนชัดเจน ร่องพูไม่ลึก หนามเล็กถ ่ี และส้ัน ขอบหนามท้ังสองข้างโค้งเข้า ตรง เนือ้ ไมห่ นามสี เี หลืองสวยสม่ำเสมอ รสชาตดิ ี หวานมัน กลนิ่ อ่อน เนือ้ คงสภาพได้นาน ไมเ่ ละถงึ แมป้ ลิงหลดุ แลว้ 2-3 วนั เมอ่ื ตน้ ทเุ รียนอายปุ ระมาณ 15 ป ี จะมีความแขง็ แรงและสมบูรณ ์ เปอรเ์ ซ็นตก์ ารติดผลเฉล่ยี หลังดอกบานได ้ 4 สปั ดาห์ 2.80- 16.30 เปอร์เซ็นต์ อายุการเก็บเก่ียวปานกลาง 112-116 วันหลังดอกบาน ผลผลิต 26.68-54.19 กิโลกรัมต่อต้น หรือเฉล่ีย 54.19 กโิ ลกรัมตอ่ ตน้ (เฉลีย่ 5 ป)ี ลกั ษณะเดน่ 1. อายุเกบ็ เกี่ยวปานกลางตงั้ แต่ 112-116 วนั หลงั ดอกบาน หรอื เฉล่ยี 114 วัน (เฉลีย่ 5 ปี) ซึ่งยาวกว่าพนั ธุช์ ะน ี 7.55 เปอร์เซน็ ต์ แตส่ ้ันกวา่ พนั ธุ์หมอน ทอง 5 เปอร์เซ็นต์ โดยดอกบานช่วงปลายเดือนมกราคม และเก็บเก่ียวได้ช่วงต้น เดอื นพฤษภาคม 2. เปอรเ์ ซน็ ตก์ ารตดิ ผลเมอื่ 4 สปั ดาหห์ ลงั ดอกบาน คอื 2.80 – 16.30 เปอรเ์ ซน็ ต ์ หรอื เฉลย่ี 9.55 เปอรเ์ ซน็ ต ์ (เฉลยี่ 5 ป)ี 3. ลักษณะภายนอกมีพูสมบูรณ์ ทรงผลกลมรีแป้น ก้านผลยาว 6.56 เซนติเมตร น้ำหนักผล 2.36 กิโลกรัม ความหนาเปลือก 1.34 เซนติเมตร เน้ือหนา 1.11 เซนติเมตร เปอร์เซ็นต์เมล็ดลีบ 28.76 เปอร์เซ็นต ์ เน้ือสีเหลืองเข้ม หรือ Yellow Orange Group 13B โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society รสชาติด ี หวานมัน เนอ้ื เหนยี วมาก ละเอยี ด กล่ินออ่ น พืน้ ทแ่ี นะนำ เขตปลกู ทุเรียนภาคตะวันออก เช่น จังหวัดจนั ทบรุ ี ตราด ระยอง หรอื ภาคอื่นๆ ทีม่ ีสภาพภมู ิอากาศใกลเ้ คยี งกบั ภาคตะวนั ออก ข้อจำกัด ใหร้ ะวังโรครากเนา่ ในทุเรียน วนั ท่รี บั รองพนั ธุ์พชื ขึ้นทะเบยี น กรมวชิ าการเกษตรรับรองเปน็ พันธพุ์ ชื ขนึ้ ทะเบยี นเลขที่ 012/2556 เม่ือวนั ที่ 14 พฤษภาคม 2556 พชื สวนพนั ธด์ุ ี เล่ม 3 59 พันธ์ใุ หม่
ทเุ รียนลกู ผสม สายพันธ์ุ 12-21-1
ทเุ รียนลูกผสม : สายพนั ธ์ุ 12-21-1 ชือ่ วทิ ยาศาสตร์: Durio zibethinus Murray ชือ่ สามญั : Durian, ทุเรียน ประวัติ ทุเรียนลูกผสมสายพันธ์ุ 12-21-1 เกิดจากการผสมพันธ์ุระหว่างแม่พันธ์ุก้านยาวกับ พอ่ พันธผุ์ สมเปิด มคี ณุ ภาพดีตามมาตรฐานคุณภาพทุเรียนของประเทศไทย พ.ศ. 2541 อายุ เก็บเก่ยี วสั้น และอย่รู ะหวา่ งการเสนอเปน็ พนั ธ์แุ นะนำ ทุเรยี นพันธจ์ุ ันทบุรี 84-5 ไดด้ ำเนินการ วิจัยและปรับปรุงพันธ์ุท่ีศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี โดยเร่ิมดำเนินการรวบรวมพันธ ์ุ ศึกษา ลักษณะประจำพันธ์ุต่างๆ คัดเลือกพ่อ-แม่พันธ์ุเพ่ือทำการผสมข้ามพันธ์ุทุเรียนเพ่ือผลิตทุเรียน ลูกผสมและคัดเลือกทุเรียนลูกผสมตามข้ันตอนการปรับปรุงพันธ์ุต้ังแต่ป ี 2531-2544 ต่อมา ได้มกี ารประเมินและคดั เลือกทุเรยี นลกู ผสมช่วั ท ่ี 1 ระหว่างป ี 2545-2553 ได้ลูกผสมดเี ด่นทมี่ ี คุณสมบัตอิ ายเุ ก็บเกยี่ วส้ัน ปานกลาง เป็นสายพันธตุ์ น้ ฤดจู ำนวน 3 สายพนั ธ ์ุ คอื ลูกผสมสาย พนั ธ์ุ 11-341-1 สายพนั ธ ์ุ 12-21-1 และ สายพันธ์ ุ 11-241-9 รวมระยะเว ลา การวิจยั 23 ปี ลักษณะประจำพันธ์ุ ลำตน้ ทรงพุม่ รูปฉัตร พ่มุ โปรง่ ก่ิงแขนงห่าง เจรญิ เติบโตด ี ลำตน้ สงู ประมาณ 10 เมตร ใบมีขนาดยาวและใหญ ่ ทรง ยาวร ี ปลายใบเรียวแหลม ขอบใบเรยี บ กว้าง 4.4 เซนติเมตร ยาว 12.83 เซนติเมตร ชอ่ ดอกเป็นแบบชอ่ เชงิ หลน่ั ดอกสมบูรณ์ เพศ กลีบดอกสขี าวอมเหลอื ง มี 5 กลีบ ทรงผลกลมร ี น้ำหนักผล 3.15-3.93 กโิ ลกรัม กา้ นผลยาว 5.33 เซนตเิ มตร พูสเี น้ือ เหลืองเข้ม รสชาติดี หวานมันมาก เน้ือละเอียดเหนียวปานกลาง กล่ินปลานกลาง เม่ือต้นทุเรียนอายุประมาณ 15 ปี จะมี ความแข็งแรงและสมบูรณ์ เปอร์เซ็นต์การติดผลเฉล่ียหลังดอกบานได้ 4 สัปดาห์ ประมาณ 1.32-6.45 เปอร์เซ็นต์ อายุการ เก็บเกี่ยวปานกลาง อยู่ระหวา่ ง 100-109 วัน หลังดอกบาน ผลผลิต 40.98-45.68 กิโลกรมั ต่อตน้ หรอื เฉลยี่ 45.68 กโิ ลกรัม ตอ่ ตน้ (เฉลย่ี 7 ปี) ลักษณะเดน่ 1. อายุเก็บเก่ียวส้ัน 100-109 วัน หลังดอกบาน หรือเฉลี่ย 104 วัน (เฉลี่ย 5 ป)ี ซ่งึ ยาวกว่าพันธ์กุ ระดมุ ทอง 8.33 เปอรเ์ ซน็ ต ์ โดยดอกบานชว่ งปลาย เดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวได้ช่วงตน้ เดอื นพฤษภาคม 2. เปอร์เซ็นต์การติดผลเม่ือ 4 สัปดาห์หลังดอกบาน คือ 1.32-6.45 เปอร์เซน็ ต ์ หรอื เฉลีย่ อยู่ที่ 3.89 เปอร์เซ็นต์ (เฉลย่ี 5 ปี) 3. ลักษณะภายนอกมีพูสมบูรณ ์ ทรงผลกลมร ี ก้านผลยาว 5.33 เซนติเมตร นำ้ หนกั ผล 3.42 กโิ ลกรมั ความหนาเปลอื ก 1.66 เซนติเมตร เนอื้ หนา 1.20 เซนติเมตร เปอร์เซ็นต์เมล็ดลีบ 28.07 เปอร์เซ็นต ์ เนื้อสีเหลืองเข้ม หรือ Yellow Orange Group 15D โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society รสชาติด ี หวานมันมาก เน้ือ ละเอียด เหนียวปานกลาง กลนิ่ ปานกลาง พืน้ ท่แี นะนำ เขตปลูกทเุ รยี นภาคตะวนั ออก เช่น จังหวดั จันทบรุ ี ตราด ระยอง หรอื ภาคอื่นๆ ท่ีมสี ภาพภมู อิ ากาศใกลเ้ คยี งกบั ภาคตะวนั ออก ขอ้ จำกดั ให้ระวังโรครากเน่าในทุเรียน วันทรี่ ับรองพันธุพ์ ชื ขึน้ ทะเบียน กรมวิชาการเกษตรรับรองเป็นพันธ์ุพชื ขนึ้ ทะเบยี นเลขท่ี 013/2556 เมอื่ วนั ที่ 14 พฤษภาคม 2556 พืชสวนพนั ธดุ์ ี เล่ม 3 61 พนั ธใ์ุ หม่
ทเุ รียนลูกผสม สายพันธุ์ 11-241-9
ทุเรยี นลกู ผสม : สายพนั ธุ์ 11-241-9 ชอ่ื วทิ ยาศาสตร:์ Durio zibethinus Murray ช่อื สามัญ: Durian, ทเุ รียน ประวตั ิ ทุเรียนลูกผสมสายพันธ ์ุ 11-241-9 เกิดจากการผสมพันธ์ุระหว่างแม่พันธ์ุก้านยาวกับพ่อ พันธ์ุหมอนทอง มีคุณภาพดีตามมาตรฐานคุณภาพทุเรียนของประเทศไทย พ.ศ. 2541 อายุเก็บ เก่ียวปานกลาง และอยู่ระหว่างการเสนอเป็นพันธุ์แนะนำ ทุเรียนพันธุ์จันทบุร ี 84-6 ได้ดำเนินการ วิจัยและปรับปรุงพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุร ี โดยเร่ิมดำเนินการรวบรวมพันธุ์ ศึกษาลักษณะ ประจำพันธ์ุต่างๆ คัดเลือกพ่อ-แม่พันธ์ุเพ่ือทำการผสมข้ามพันธ์ุทุเรียนเพ่ือผลิตทุเรียนลูกผสมและ คัดเลือกทุเรียนลูกผสมตามข้ันตอนการปรับปรุงพันธ์ุต้ังแต่ป ี 2531-2544 ต่อมาได้มีการประเมิน และคัดเลือกทุเรียนลูกผสมชั่วท ่ี 1 ระหว่างป ี 2545-2553 ได้ลูกผสมดีเด่นที่มีคุณสมบัติอายุเก็บ เก่ียวสัน้ ปานกลาง เป็นสายพนั ธ์ตุ น้ ฤดูจำนวน 3 สายพันธุ ์ คือ ลูกผสมสายพันธ์ุ 11-341-1 สาย พนั ธ ุ์ 12-21-1 และ สายพันธุ ์ 11-241-9 รวมระยะเวลาการวจิ ยั 23 ป ี ลักษณะประจำพนั ธ์ุ ลำตน้ ทรงพุ่มรปู กรวย พุ่มทึบ มกี ิ่งแตกถี่ ก่งิ แผ่ออกเกอื บขนานกับดนิ ลำตน้ สงู ประมาณ 15 เมตร ใบมีขนาดยาวและ ใหญ่ ทรงผลยาวรี ปลายใบเรยี วแหลม ขอบใบเรยี บ กว้าง 4.81 เซนตเิ มตร ยาว 15.17 เซนตเิ มตร ช่อดอกเปน็ แบบชอ่ เชงิ หลนั่ ดอกสมบูรณเ์ พศ กลีบดอกสขี าวอมเหลือง มี 5 กลีบ ผลขนาดปานกลาง ทรงผลคอ่ นขา้ งกลมรปู ไขห่ รือทรงกระบอก นำ้ หนกั ผล 2.54-3.67 กิโลกรัม ก้านผลยาว 7.48-10.49 เซนตเิ มตร พไู ม่นนู เด่นชดั ร่องพูไม่ลกึ หนามใหญส่ ้นั ห่างฐานกวา้ ง หนามรูป ทรงกระโจมคือขอบหนาท้ังสองข้างโค้งเข้า เนื้อไม่ค่อยหนามาก สีเน้ือเหลือง รสชาติดี หวานมัน เนื้อละเอียดเหนียว กล่ิน ปานกลาง เม่ือต้นทุเรียนอายุประมาณ 15 ปี จะมีความแข็งแรงและสมบูรณ ์ เปอร์เซ็นต์การติดผลเฉล่ียหลังดอกบานได ้ 4 สัปดาห ์ ประมาณ 5.31-11.22 เปอร์เซ็นต ์ อายุการเก็บเก่ียวปานกลาง 112-118 วัน หลังดอกบาน ผลผลิตเฉล่ีย 33.69 กโิ ลกรมั ตอ่ ตน้ (เฉล่ยี 7 ปี) ลกั ษณะเดน่ 1. อายุเก็บเก่ยี วปานกลาง 112-118 วนั หลงั ดอกบาน หรอื เฉลี่ย 115 วนั (เฉลย่ี 5 ปี) โดยดอกบานช่วงปลาย เดอื นมกราคม และเกบ็ เกี่ยวไดช้ ว่ งตน้ เดอื นพฤษภาคม 2. เปอรเ์ ซน็ ตก์ ารตดิ ผลเมอื่ 4 สปั ดาหห์ ลงั ดอกบาน คอื 5.31-11.22 เปอรเ์ ซน็ ต ์ หรอื เฉลยี่ 8.27 เปอรเ์ ซน็ ต ์ (เฉลย่ี 5 ป)ี 3. ลกั ษณะภายนอกมพี สู มบรู ณ ์ ทรงผลกลมร ี ก้านผลยาว 7.63 เซนติเมตร น้ำหนักผล 2.90 กโิ ลกรัม ความหนา เปลือก 1.73 เซนตเิ มตร เน้อื หนา 1.45 เซนติเมตร เปอร์เซ็นต์เมลด็ ลีบ 21.63 เปอร์เซน็ ต ์ เน้ือสีเหลอื ง หรอื Yellow Group 10B โดยใชแ้ ผน่ เทียบสขี อง The Royal Horticulture Society รสชาติด ี หวานมนั มาก เนอื้ ละเอยี ด เหนียว กลิน่ ปานกลาง พน้ื ทีแ่ นะนำ เขตปลูกทุเรียนภาคตะวันออก เชน่ จงั หวดั จันทบุร ี ตราด ระยอง หรือ ภาคอืน่ ๆ ที่มีสภาพภูมอิ ากาศใกล้เคียงกบั ภาคตะวันออก ขอ้ จำกัด ใหร้ ะวังโรครากเน่าในทุเรียน วนั ท่รี ับรองพันธพ์ุ ืชขนึ้ ทะเบียน กรมวชิ าการเกษตรรบั รองเปน็ พนั ธพุ์ ชื ข้ึนทะเบยี นเลขที ่ 014/2556 เม่อื วันท่ี 14 พฤษภาคม 2556 พืชสวนพนั ธุด์ ี เล่ม 3 63 พนั ธใุ์ หม่
มะนาว พันธุ์ M33
มะนาว : พนั ธุ ์ M33 ช่ือวิทยาศาสตร:์ Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle ชอ่ื สามญั : lemon, มะนาว ประวัติ มะนาวพันธ์ุ M33 เป็นมะนาวลูกผสมจากการผสมข้ามพันธ์ุระหว่างพันธ์ุ แป้นรำไพเป็นแม่กับมะนาวพันธ์ุน้ำหอมเป็นพ่อ ท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร พิจิตร ปี 2535-2538 ดำเนนิ การรวบรวมพนั ธ์ุ การศกึ ษาลักษณะประจำพันธุ์ตา่ งๆ จำนวน 10 พนั ธ์ุ ในปี 2539-2540 คัดเลือกพ่อ-แม่พนั ธ ุ์ และผสมขา้ มพนั ธ์ุมะนาว จำนวน 3 คผู่ สม คอื พนั ธ์ุแป้นรำไพกบั พันธ์นุ ำ้ หอม พันธุ์แปน้ รำไพกับพนั ธห์ุ นงั คนั ธลุ ี และพันธุ์ตาฮิติกับพันธุ์แป้นรำไพ และในป ี 2541-2543 คัดเลือกมะนาวลูกผสม ซึ่งเปน็ มะนาวลกู ผสมระหวา่ งพนั ธแุ์ ปน้ รำไพกบั พนั ธนุ์ ำ้ หอม และในป ี 2549-2553 ไดพ้ นั ธม์ุ ะนาวทม่ี คี วามทนทานตอ่ โรคแคงเกอร ์ มีการเจรญิ เติบโตด ี ผลผลิตสงู และมี คุณภาพดี คอื สายพันธุ ์ M33 และได้เสนอขอเป็นพันธุแ์ นะนำ มะนาวพนั ธพุ์ ิจิตร 1 ลักษณะประจำพนั ธุ์ ลักษณะการเจริญเตบิ โตลำตน้ แผอ่ อก มหี นามบนกิง่ ความยาวหนาม 0.66 เซนติเมตร ใบรปู ไข ่ ใบมีสีเขยี วเขม้ กา้ น ใบยาว 1.3 เซนตเิ มตร ขนาดของปลกี ใบ (กวา้ งxยาว) 0.3x0.9 เซนตเิ มตร การตดิ ผลเป็นกลุ่ม ทรงผลแปน้ ขนาดผล (กวา้ งx ยาว) 5.0x4.7 เซนติเมตร สีผิวเปลือกสีเขียว ความหนาของเปลือก 2.4 มิลลิเมตร สีของเน้ือผลเขียว-เหลือง จำนวนกลีบผล 11.1 กลีบต่อผล มีกลิ่นหอม สีของน้ำมะนาวสีขาว อายุการเก็บเก่ียว 4-5 เดือน ปริมาณน้ำค้ัน 20.5 มิลลิลิตรต่อผล ความ เปน็ กรด 8.8 เปอรเ์ ซน็ ต ์ ลกั ษณะเด่น 1. มะนาวสายพันธ ุ์ M33 ทนทานต่อโรคแคงเกอร์ดีกว่ามะนาวพันธ์ุแป้นรำไพ (พันธ์ุการค้า) สายพันธ ์ุ M33 พบ อาการของโรคแคงเกอรท์ ใี่ บ 17.15 เปอร์เซน็ ต ์ สว่ นพันธุ์แป้นรำไพพบอาการของโรคทใี่ บ 78.3 เปอรเ์ ซ็นต ์ 2. เจริญเตบิ โตเรว็ เม่อื อายุ 4 ป ี สายพันธ์ ุ M33 มีความสูงต้นเฉลี่ย 219 เซนติเมตร พันธ์ุแปน้ รำไพมีความสงู เฉล่ยี 121 เซนตเิ มตร 3. ให้ผลผลิตสูงกว่า พนั ธ์ุแปน้ รำไพร้อยละ 663 ผลผลิตเฉลย่ี 3 ป ี สายพันธ ์ุ M33 ใหผ้ ลผลิตเฉลีย่ 794 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ พันธ์ุแป้นรำไพให้ผลผลติ เฉล่ีย 104 กิโลกรัมตอ่ ไร่ 4. คุณภาพผลผลิต 4.1 นำ้ หนกั ผล มะนาว สายพนั ธ ุ์ M33 มนี ำ้ หนกั ผล 67.2 กรมั ตอ่ ผล สงู กวา่ มะนาวพนั ธแุ์ ปน้ รำไพรอ้ ยละ 35.5 4.2 ปริมาณน้ำค้ัน มะนาวสายพันธ ์ุ M33 มีปริมาณน้ำค้ัน 20.5 มิลลิลิตรต่อผล สูงกว่ามะนาวพันธ์ุแป้นรำไพ ร้อยละ 17.1 พ้ืนท่แี นะนำ ปลูกไดท้ ว่ั ไปในพ้นื ที่มีแหลง่ น้ำสมบูรณ์และไม่ขาดแคลนในชว่ งฤดูแล้ง ขอ้ จำกดั ไมค่ วรปลูกในพืน้ ทีข่ าดแคลนแหลง่ นำ้ วนั ทีร่ ับรองพันธ์พุ ืชขนึ้ ทะเบียน กรมวชิ าการเกษตรรับรองเปน็ พันธ์พุ ืชขึ้นทะเบยี นเลขท่ ี 241/2548 เมือ่ วันท ี่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 พืชสวนพันธดุ์ ี เล่ม 3 65 พนั ธุใ์ หม่
กลุ่ม ไม้ดอกไมป้ ระดับ
วา่ นสที่ ศิ พันธดุ์ อยช้าง 02
วา่ นสีท่ ิศ : พนั ธุ์ดอยช้าง 02 ช่ือวทิ ยาศาสตร:์ Hippeastrum johnsonii Bury ช่ือสามญั : Barbados Lily, ว่านสท่ี ศิ ประวตั ิ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรท่ีสูงเชียงรายได้รวบรวมพันธ์ุว่านส่ีทิศ จากประเทศเนเธอร์แลนด ์ ในปี 2529-2537 จำนวน 7 พันธุ์ นำมาปรับปรุง พันธุ์โดยการผสมเปิด และนำเมล็ดที่ได้มาเพาะเพ่ือปลูกคัดเลือกในปี 2535- 2536 ป ี 2537 คดั เลือกสายพนั ธ์ทุ ด่ี อกมลี กั ษณะสเี ด่นๆ แบง่ เปน็ 2 กล่มุ คอื กลุ่มดอกสีแดง และกลมุ่ ดอกสขี าว จำนวน 10 พนั ธุ์ แล้วใชห้ วั ปลกู ขยายพันธุ์ ตอ่ ไป ป ี 2538-2545 เปรียบเทียบพันธุก์ ลมุ่ ดอกสแี ดงมี 6 พนั ธ ์ุ (วาว ี 01-06) และกล่มุ ดอกสขี าวมี 4 พนั ธุ์ (ดอกช้าง 01-04) คัดเลือกได้สายพันธเ์ุ ดน่ 4 พนั ธ์ุ คอื วา่ นสท่ี ิศพันธวุ์ าว ี 05 วาว ี 06 ดอยชา้ ง 02 และดอยชา้ ง 04 ป ี พ.ศ. 2546-2551 ปลกู รักษาพันธกุ รรมพนั ธุท์ ี่คัดเลอื กได ้ 4 พนั ธุ ์ ป ี 2552-2553 นำว่านสี่ทิศทง้ั 4 พนั ธ ์ุ ปลกู เปรยี บเทยี บกบั พันธกุ์ ารค้า คือ พนั ธุ ์ Red Lion ซง่ึ เป็นที่นยิ มในขณะน้ัน ใชเ้ ป็นเกณฑ์ในการคดั เลอื กลกั ษณะเดน่ ศึกษา ลักษณะทางกายภาพของว่านสท่ี ศิ แต่ละพันธุ ์ สามารถคดั เลือกสายพันธ์ุดีเด่นได ้ 4 พนั ธุ์ คอื ว่านสท่ี ิศสายพันธวุ์ าว ี 05 วาวี 06 ดอยช้าง 02 และดอยช้าง 04 ป ี 2553-2554 ขยายหัวพันธุ์เพ่ือเตรียมให้กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการไม้ดอก และจัดทำ เอกสารเผยแพรก่ ารปลูกวา่ นสี่ทศิ หรือเปน็ ฐานพันธุกรรมใชป้ รับปรุงพันธ์ตุ อ่ ไป รวมระยะเวลาการวิจยั 25 ป ี สำหรับว่านสี่ทศิ พันธุ์ดอยช้าง 02 ไดน้ ำเสนอขอเปน็ พนั ธ์แุ นะนำ ว่านส่ีทศิ พันธว์ุ าวี 84-1 ลักษณะประจำพนั ธ์ุ เปน็ ไม้ดอกประเภทหัว ระบบรากยอ่ ย เปน็ หัวใต้ดนิ แบบ tunicate bulb ยาว 10 เซนตเิ มตร สีขาว ใบเป็นใบเดียว เรียงตัวแบบสลับ รูปแถบ ขอบใบเรียบ ฐานใบมนป้าน แผน่ ใบหนา ปลายใบแหลม ใบอวบนำ้ สีเขยี วอ่อน ขนาด (กว้างxยาว) 4.5x30 เซนตเิ มตร จำนวน 4-5 ใบ ช่อดอกเป็นชอ่ ซร่ี ม่ มี 2-4 ก้านชอ่ ดอก ดอกสมบรู ณ์เพศรูปแตร ขนาด (กวา้ งxยาว) 15x16 เซนติเมตร ความยาวก้านดอก 4 มิลลเิ มตร ขนาดกลีบดอก กวา้ งxยาว 6x10 เซนติเมตร สกี ลีบดอกมสี ขี าวและมเี สน้ สีแดงที่ กลีบดอก จำนวนดอก 4 ดอกต่อชอ่ ความยาวกา้ นชอ่ ดอก 30 เซนติเมตร ขนาดดอกปานกลาง การเรยี งกลีบดอกสลับ 2 ชัน้ จำนวนใบขณะออกดอก 3-4 ใบ ช่วงเวลาดอกบานเดือนกมุ ภาพนั ธ์ถงึ เดอื นเมษายน ระยะการออกดอก 60 วัน ลักษณะเด่น 1. กลบี ดอกสขี าว กลีบดอกชั้นนอก 3 กลบี ชัน้ ใน 3 กลีบ วางซอ้ นเปน็ รปู วงกลม ดอกมขี นาด 15x16 เซนติเมตร 2. กลบี ดอกมีเสน้ สีแดง 2 กลมุ่ เรยี งตามความยาวของกลีบดอกจากโคนถึงปลาย 3. ออกดอกเป็นช่อ จำนวน 4 ดอกตอ่ ช่อ บานทลี ะค่ ู จำนวนวนั แทงช่อดอกหลงั ปลกู 21 วัน 4. อายุการปักแจกัน 8 วัน พ้นื ที่แนะนำ ปลูกได้ทวั่ ไปในดินทมี่ ีความสมบรู ณ์ ระบายนำ้ ด ี ข้อจำกดั หัวพนั ธุท์ จี่ ะนำมาปลกู ตอ้ งผา่ นความเยน็ โดยเกบ็ ที่อณุ ภมู ิ 6-13 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 6 สปั ดาห ์ เพ่ือกระตุน้ การ ออกดอก วันทร่ี ับรองพนั ธ์ุพืชขึน้ ทะเบียน กรมวชิ าการเกษตรรับรองเป็นพันธ์พุ ชื ขึ้นทะเบยี นเลขท่ ี 031/2556 เม่ือวนั ท ่ี 4 มถิ ุนายน 2556 พชื สวนพันธดุ์ ี เล่ม 3 69 พันธ์ใุ หม่
วา่ นสที่ ศิ พันธดุ์ อยช้าง 04
ว่านสี่ทศิ : พนั ธดุ์ อยชา้ ง 04 ชือ่ วิทยาศาสตร์: Hippeastrum johnsonii Bury ชอ่ื สามญั : Barbados Lily, วา่ นส่ที ศิ ประวัติ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงรายได้รวบรวมพันธ์ุว่านส่ีทิศ จากประเทศเนเธอรแ์ ลนด ์ ในปี 2529-2537 จำนวน 7 พนั ธ์ุ นำมาปรบั ปรุง พันธุ์โดยการผสมเปิด และนำเมล็ดที่ได้มาเพาะเพ่ือปลูกคัดเลือกในป ี 2535- 2536 ปี 2537 คัดเลอื กสายพนั ธ์ทุ ่ีดอกมีลกั ษณะสีเด่นๆ แบ่งเปน็ 2 กลุ่ม คอื กลุ่มดอกสีแดง และกลุ่มดอกสขี าว จำนวน 10 พันธ ุ์ แลว้ ใชห้ ัวปลูกขยายพันธ์ุ ตอ่ ไป ปี 2538-2545 เปรยี บเทยี บพนั ธุ์กลุ่มดอกสแี ดงม ี 6 พนั ธ ์ุ (วาวี 01-06) และกลมุ่ ดอกสขี าวมี 4 พันธุ์ (ดอกชา้ ง 01-04) คัดเลือกได้สายพนั ธ์ุเดน่ 4 พนั ธ ุ์ คอื วา่ นส่ีทิศพันธวุ์ าว ี 05 วาวี 06 ดอยชา้ ง 02 และดอยชา้ ง 04 ปี พ.ศ. 2546-2551 ปลกู รกั ษาพันธุกรรมพนั ธ์ทุ ค่ี ดั เลือกได้ 4 พนั ธุ ์ ปี 2552-2553 นำว่านสี่ทศิ ทงั้ 4 พันธ์ุ ปลูกเปรียบเทียบกับพนั ธก์ุ ารค้า คือ พันธ ์ุ Red Lion ซง่ึ เปน็ ท่ีนยิ มในขณะนน้ั ใช้เป็นเกณฑใ์ นการคดั เลือกลักษณะเด่น ศึกษา ลักษณะทางกายภาพของว่านส่ีทศิ แต่ละพันธ์ ุ สามารถคัดเลอื กสายพนั ธ์ุดีเดน่ ได้ 4 พันธุ ์ คอื วา่ นส่ที ิศสายพนั ธว์ุ าวี 05 วาวี 06 ดอยช้าง 02 และดอยช้าง 04 ป ี 2553-2554 ขยายหัวพันธ์ุเพื่อเตรียมให้กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการไม้ดอก และจัดทำ เอกสารเผยแพร่การปลกู วา่ นสที่ ิศ หรือเปน็ ฐานพนั ธุกรรมใช้ปรับปรงุ พนั ธุ์ตอ่ ไป รวมระยะเวลาการวิจัย 25 ป ี สำหรบั ว่านส่ีทศิ พนั ธดุ์ อยชา้ ง 04 ได้นำเสนอขอเปน็ พันธ์แุ นะนำ วา่ นส่ที ศิ พนั ธุ์วาว ี 84-2 ลักษณะประจำพนั ธุ์ เปน็ ไมด้ อกประเภทหวั ระบบรากยอ่ ย เปน็ หัวใต้ดนิ แบบ tunicate bulb กวา้ ง 10 เซนติเมตร ยาว 6 เซนตเิ มตร สี ขาว ใบเป็นใบเดยี ว เรียงตัวแบบสลับ รปู แถบ ขอบใบเรียบ ฐานใบมนป้าน แผ่นใบหนา ปลายใบแหลม ใบอวบน้ำ สีเขยี วออ่ น ขนาด (กว้างxยาว) 4x21 เซนติเมตร จำนวน 4 ใบ ช่อดอกเป็นช่อซ่ีร่มมี 2-4 ก้านช่อดอก ดอกสมบูรณ์เพศรูปแตร ขนาด (กวา้ งxยาว) 13x13 เซนตเิ มตร ความยาวกา้ นดอก 5 มลิ ลเิ มตร ขนาดกลีบดอก (กวา้ งxยาว) 5x12 เซนตเิ มตร สีกลบี ดอกมีสี ขาวประชมพูขอบกลีบสีแดง จำนวนดอก 4 ดอกต่อช่อ ความยาวก้านช่อดอก 24 เซนติเมตร ขนาดดอกปานกลาง การเรียง กลบี ดอกสลบั 2 ชนั้ จำนวนใบขณะออกดอก 4 ใบ ชว่ งเวลาดอกบานเดอื นกมุ ภาพนั ธถ์ งึ เดอื นเมษายน ระยะการออกดอก 60 วนั ลกั ษณะเดน่ 1. กลบี ดอกสขี าว กลีบดอกชั้นนอก 3 กลีบ ชนั้ ใน 3 กลบี วางซอ้ นเป็นรูปวงกลม ดอกมขี นาด 15x16 เซนติเมตร 2. ขอบกลีบดอกสีชมพูแดง มีเส้นสีชมพูแดงเรียงตามความยาวของกลีบดอก และมีจุดประสีชมพูแดงกระจายท่ัว กลีบ ยกเว้นโคนกลีบ 3. ออกดอกเปน็ ช่อ จำนวน 4 ดอกตอ่ ช่อ บานทีละค ู่ จำนวนวันแทงช่อดอกหลงั ปลูก 29 วัน 4. อายกุ ารปกั แจกนั 7 วนั พ้ืนทีแ่ นะนำ ปลกู ได้ทว่ั ไปในดินทมี่ ีความสมบูรณ ์ ระบายนำ้ ดี ข้อจำกดั หัวพนั ธ์ุท่ีจะนำมาปลกู ต้องผา่ นความเยน็ โดยเก็บที่อณุ ภูม ิ 6-13 องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 6 สปั ดาห ์ เพ่ือกระตุ้นการ ออกดอก วนั ทร่ี ับรองพันธ์พุ ชื ขึน้ ทะเบยี น กรมวิชาการเกษตรรับรองเป็นพนั ธพ์ุ ชื ขึน้ ทะเบยี นเลขท่ ี 032/2556 เม่ือวนั ที่ 4 มิถุนายน 2556 พชื สวนพันธด์ุ ี เลม่ 3 71 พันธ์ใุ หม่
วา่ นสท่ี ศิ พันธุ์วาวี 05
วา่ นสีท่ ิศ : พนั ธ์วุ าว ี 05 ช่ือวิทยาศาสตร:์ Hippeastrum johnsonii Bury ชอื่ สามัญ: Barbados Lily, วา่ นสท่ี ิศ ประวัติ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรท่ีสูงเชียงรายได้รวบรวมพันธ์ุว่านส่ีทิศ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2529-2537 จำนวน 7 พนั ธ์ ุ นำมาปรับปรุงพันธ์ุ โดยการผสมเปิด และนำเมล็ดทไี่ ดม้ าเพาะเพือ่ ปลูกคดั เลอื กในปี 2535-2536 ปี 2537 คัดเลือกสายพันธท์ุ ่ดี อกมีลักษณะสีเดน่ ๆ แบง่ เป็น 2 กลมุ่ คือ กลุ่มดอกสี แดง และกลุ่มดอกสีขาว จำนวน 10 พันธุ ์ แล้วใช้หัวปลูกขยายพันธ์ุต่อไป ป ี 2538-2545 เปรียบเทยี บพันธุ์กลุม่ ดอกสแี ดงมี 6 พนั ธ ์ุ (วาวี 01-06) และกลุม่ ดอกสขี าวม ี 4 พนั ธุ ์ (ดอยช้าง 01-04) คัดเลอื ก ไดส้ ายพันธ์ุเด่น 4 พนั ธ ์ุ คอื วา่ นส่ีทศิ พันธุว์ าว ี 05 วาวี 06 ดอยช้าง 02 และดอยชา้ ง 04 ปี พ.ศ. 2546-2551 ปลกู รักษาพันธุ กรรมพนั ธท์ุ ่ีคดั เลือกได ้ 4 พนั ธ ์ุ ป ี 2552-2553 นำวา่ นสีท่ ิศท้ัง 4 พันธ ์ุ ปลกู เปรยี บเทียบกับพันธุ์การคา้ คอื พันธุ์ Red Lion ซง่ึ เปน็ ทนี่ ยิ มในขณะนั้น ใช้เปน็ เกณฑใ์ นการคัดเลอื กลกั ษณะเดน่ ศึกษาลกั ษณะทางกายภาพของวา่ นสี่ทิศแตล่ ะพนั ธ ุ์ สามารถคดั เลอื กสายพนั ธ์ดุ ีเดน่ ได ้ 4 พนั ธุ์ คอื ว่านสีท่ ศิ สายพันธว์ุ าวี 05 วาวี 06 ดอยช้าง 02 และดอยชา้ ง 04 ป ี 2553-2554 ขยายหัว พนั ธเ์ุ พือ่ เตรียมใหก้ ลมุ่ เกษตรกรและผปู้ ระกอบการไม้ดอก และจดั ทำเอกสารเผยแพรก่ ารปลกู วา่ นสที่ ศิ หรอื เปน็ ฐานพนั ธุกรรม ใช้ปรบั ปรุงพันธุต์ อ่ ไป รวมระยะเวลาการวจิ ัย 25 ป ี สำหรับว่านส่ีทศิ พันธุว์ าว ี 05 ได้นำเสนอขอเป็นพนั ธ์ุแนะนำ ว่านสีท่ ศิ พนั ธุ์ วาว ี 84-3 ลกั ษณะประจำพนั ธ์ุ เป็นไม้ดอกประเภทหัว ระบบรากย่อย เป็นหัวใต้ดินแบบ tunicate bulb กว้าง 11 เซนติเมตร ยาว 8 เซนติเมตร สีขาว ใบเป็นใบเดียว เรียงตัวแบบสลบั รปู แถบ ขอบใบเรยี บ ฐานใบมนป้าน แผ่นใบหนา ปลายใบแหลม ใบอวบน้ำ สีเขียวอ่อน ขนาด (กวา้ งxยาว) 3x36 เซนติเมตร จำนวน 4 ใบ ชอ่ ดอกเปน็ ช่อซร่ี ม่ ม ี 2-4 ก้านชอ่ ดอก ดอกสมบรู ณ์เพศรูปแตร ขนาด (กว้างxยาว) 15x13 เซนติเมตร ความยาวกา้ นดอก 3.5 มิลลเิ มตร ขนาดกลีบดอก (กวา้ งxยาว) 6x12 เซนติเมตร สีกลีบ ดอกมีสีแดงสดมีแฉกสีขาวที่กลางกลีบ จำนวนดอก 4 ดอกต่อช่อ ความยาวก้านช่อดอก 30 เซนติเมตร ขนาดดอกปานกลาง การเรียงกลีบดอกสลับ 2 ช้ัน จำนวนใบขณะออกดอก 3-4 ใบ ช่วงเวลาดอกบานเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ระยะการ ออกดอก 60 วนั ลักษณะเด่น 1. กลีบดอกสแี ดงสด ปลายแหลม กลีบดอกชน้ั นอก 3 กลีบ ช้นั ใน 3 กลบี วางสลบั เป็น 2 ช้นั โคนกลบี ดอกสเี ขียว เป็นทางยาวสีขาวถงึ กลางกลบี ดอกมีขนาด 15x14 เซนติเมตร 2. ออกดอกเปน็ ช่อ จำนวน 4 ดอกตอ่ ช่อ บานทีละค ู่ จำนวนวนั แทงช่อดอกหลังปลกู 28 วัน 3. อายกุ ารปกั แจกนั 8 วัน พน้ื ท่แี นะนำ ปลกู ไดท้ ั่วไปในดินที่มีความสมบูรณ์ ระบายน้ำดี ข้อจำกดั หวั พนั ธ์ุทจ่ี ะนำมาปลูกตอ้ งผ่านความเย็น โดยเกบ็ ที่อณุ ภมู ิ 6-13 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 6 สปั ดาห ์ เพื่อกระตุน้ การ ออกดอก วันท่ีรับรองพนั ธพุ์ ชื ขึน้ ทะเบยี น กรมวิชาการเกษตรรับรองเปน็ พันธ์ุพชื ข้ึนทะเบียนเลขท่ี 033/2556 เมอื่ วนั ท่ ี 4 มถิ นุ ายน 2556 พืชสวนพนั ธ์ดุ ี เลม่ 3 73 พันธ์ุใหม่
วา่ นสท่ี ศิ พันธุ์วาวี 06
ว่านส่ีทศิ : พนั ธว์ุ าว ี 06 ชือ่ วิทยาศาสตร์: Hippeastrum johnsonii Bury ชอ่ื สามัญ: Barbados Lily, วา่ นสท่ี ิศ ประวตั ิ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรท่ีสูงเชียงรายได้รวบรวมพันธ์ุว่านส่ีทิศ จากประเทศเนเธอรแ์ ลนด ์ ในป ี 2529-2537 จำนวน 7 พนั ธ์ุ นำมาปรับปรงุ พนั ธุ์ โดยการผสมเปิด และนำเมล็ดท่ีไดม้ าเพาะเพอ่ื ปลูกคดั เลือกในป ี 2535-2536 ป ี 2537 คัดเลือกสายพันธุ์ท่ีดอกมีลกั ษณะสีเด่นๆ แบง่ เป็น 2 กลุ่ม คอื กลมุ่ ดอกสี แดง และกลุ่มดอกสีขาว จำนวน 10 พันธ ุ์ แล้วใช้หัวปลูกขยายพันธ์ุต่อไป ปี 2538-2545 เปรียบเทียบพันธ์ุกลุ่มดอกสแี ดงมี 6 พันธุ ์ (วาว ี 01-06) และกลมุ่ ดอกสขี าวม ี 4 พนั ธ ุ์ (ดอกชา้ ง 01-04) คดั เลอื ก ไดส้ ายพันธุเ์ ด่น 4 พันธ ุ์ คือ วา่ นสีท่ ิศพันธ์วุ าวี 05 วาวี 06 ดอยชา้ ง 02 และดอยช้าง 04 ป ี พ.ศ. 2546-2551 ปลกู รกั ษาพันธุ กรรมพนั ธ์ทุ ีค่ ดั เลอื กได ้ 4 พันธ ์ุ ป ี 2552-2553 นำว่านสที่ ศิ ท้ัง 4 พันธ ์ุ ปลูกเปรียบเทยี บกับพันธ์ุการคา้ คอื พนั ธุ ์ Red Lion ซึ่ง เปน็ ทน่ี ิยมในขณะนนั้ ใช้เป็นเกณฑ์ในการคดั เลอื กลักษณะเดน่ ศึกษาลกั ษณะทางกายภาพของว่านสีท่ ศิ แตล่ ะพันธ์ุ สามารถคดั เลอื กสายพันธุด์ ีเด่นได้ 4 พนั ธ ์ุ คือ ว่านสท่ี ศิ สายพันธวุ์ าว ี 05 วาว ี 06 ดอยช้าง 02 และดอยช้าง 04 ป ี 2553-2554 ขยายหัว พนั ธเ์ุ พื่อเตรยี มให้กลุม่ เกษตรกรและผู้ประกอบการไม้ดอก และจัดทำเอกสารเผยแพรก่ ารปลกู วา่ นส่ที ิศ หรือเป็นฐานพันธกุ รรม ใช้ปรับปรุงพันธุ์ต่อไป รวมระยะเวลาการวิจัย 25 ป ี สำหรับว่านส่ีทิศพันธ์ุวาวี 06 ได้นำเสนอขอเป็นพันธุ์แนะนำ ว่านสี่ทิศ พนั ธ์วุ าว ี 84-4 ลักษณะประจำพนั ธุ์ เปน็ ไม้ดอกประเภทหัว ระบบรากยอ่ ย เป็นหวั ใตด้ ินแบบ tunicate bulb กวา้ ง 8 เซนติเมตร ยาว 6 เซนติเมตร สี ขาว ใบเปน็ ใบเดยี ว เรยี งตวั แบบสลบั รูปแถบ ขอบใบเรยี บ ฐานใบมนปา้ น แผ่นใบหนา ปลายใบแหลม ใบอวบนำ้ สีเขยี วอ่อน ขนาด (กว้างxยาว) 3x39 เซนติเมตร จำนวน 4 ใบ ช่อดอกเป็นช่อซ่ีร่มมี 2-4 ก้านช่อดอก ดอกสมบูรณ์เพศรูปแตร ขนาด (กว้างxยาว) 18x14 เซนตเิ มตร ความยาวก้านดอก 6 มลิ ลิเมตร ขนาดกลบี ดอก (กว้างxยาว) 6-7x12 เซนติเมตร สีกลีบดอกมสี ี แดงมีลายคล้ายร่างแหตรงกลางของกลีบมีแฉกสีขาว จำนวนดอก 4 ดอกต่อช่อ ความยาวก้านช่อดอก 20 เซนติเมตร ขนาด ดอกปานกลาง การเรยี งกลีบดอกสลับ 2 ชั้น จำนวนใบขณะออกดอก 4 ใบ ช่วงเวลาดอกบานเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ถงึ เดือนเมษายน ระยะการออกดอก 60 วัน ลกั ษณะเดน่ 1. กลบี ดอกสแี ดงมลี ายคลา้ ยร่างแห กลีบดอกชนั้ นอก 3 กลีบ ชัน้ ใน 3 กลบี วางซอ้ นสลับเป็น 2 ชัน้ โคนกลีบสี เขียวเปน็ ทางยาวสีขาวถึงกลางกลีบ ดอกมีขนาด 14x13 เซนตเิ มตร 2. ออกดอกเปน็ ชอ่ จำนวน 4 ดอกต่อชอ่ บานทลี ะคู่ 3. อายกุ ารปักแจกัน 7 วนั พ้ืนท่ีแนะนำ ปลูกไดท้ ว่ั ไปในดนิ ทมี่ ีความสมบูรณ์ ระบายน้ำด ี ข้อจำกัด หัวพันธทุ์ ่จี ะนำมาปลูกตอ้ งผ่านความเยน็ โดยเกบ็ ทอ่ี ณุ ภมู ิ 6-13 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 6 สปั ดาห ์ เพ่ือกระต้นุ การ ออกดอก วนั ท่รี บั รองพนั ธพ์ุ ชื ขนึ้ ทะเบียน กรมวชิ าการเกษตรรับรองเป็นพันธพุ์ ืชข้นึ ทะเบยี นเลขท่ ี 034/2556 เมอ่ื วนั ที่ 4 มิถนุ ายน 2556 พชื สวนพนั ธุด์ ี เล่ม 3 75 พนั ธ์ใุ หม่
หนา้ ววั พันธุ์ห้างฉัตร 024
หน้าววั : พนั ธ์ุหา้ งฉตั ร 024 ชือ่ วทิ ยาศาสตร:์ Anthurium andraeanum Hort. ช่อื สามัญ: Anthurium, หนา้ วัว ประวตั ิ หน้าวัวพันธุ์ห้างฉัตร 024 หรือ หน้าวัวพันธ์ุลำปาง 84-1 สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพ แวดลอ้ มไดด้ ี อยู่ระหว่างการเสนอเป็นพันธแ์ุ นะนำ ไดด้ ำเนนิ การวิจยั และปรับปรุงพันธทุ์ ่ีศนู ยว์ ิจัย และพัฒนาการเกษตรลำปาง เกิดจากการผสมพันธ์ุแบบผสมเปิดระหว่างแม่พันธ์ุผกามาศและพ่อ พันธุ์ที่ไม่ทราบแน่ชัด เพ่ือให้ได้พันธ์ุหน้าวัวตัดดอกรูปหัวใจพันธ์ุใหม่ คัดเลือกต้นพันธ์ุ ท่ีปลูกจาก เมล็ด และพันธุ์ที่มีความคงตัวของคุณภาพดอกในรอบ 1 ป ี และเปรียบเทียบพันธุ์ลูกผสมกับพ่อ- แม่พันธ์แุ ละพันธุใ์ กล้เคยี ง ตามขนั้ ตอนการปรับปรงุ พันธรุ์ ะหวา่ งป ี 2539-2554 สามารถคัดเลอื ก ไดห้ น้าวัวลูกผสมดเี ด่นตามหลักเกณฑ์ได้จำนวน 5 พันธ์ุ คือ หนา้ ววั พนั ธ์ุห้างฉัตร 024 028 034 049 และ 132 รวมระยะเวลาการวจิ ยั 15 ปี ลักษณะประจำพนั ธุ์ ขนาดตน้ 36-60 เซนตเิ มตร แผน่ ใบยาว 21-30 เซนตเิ มตร กวา้ ง 16-20 เซนตเิ มตร ใบรปู ร่างหอกแกมไข่ สเี ขยี วออ่ น ก้านใบไม่ปรากฏสีม่วงแดงหรือปรากฏน้อยมาก หูใบโค้งเข้าหากันแต่ไม่สัมผัสกัน ใบเป็นคล่ืน เส้นกลางใบนูน ปลายใบรูป แหลม ก้านช่อดอกยาว 46-55 เซนติเมตร จานรองดอกยาว 10.1-15 เซนติเมตร กว้าง 15 เซนติเมตร หูจานรองดอกเป็นหู พนม ปลายจานรองดอกรูปทรงมนต่ิงแหลม ความสมมาตรของจานรองดอกปานกลาง สีจานรองดอกมีสีเดียว สีบนจานรอง ดอก Orange-Red Group 30A และสีหลักด้านล่าง Orange-Red Group 32A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society ความยาวของปลดี อกมากกว่า 120 เปอรเ์ ซ็นต ์ ขนาดของปลดี อกน้อยกวา่ 0.8 เซนติเมตร ไม่ปรากฏ การม้วนงอของปล ี แกนปลดี อกโคง้ งอมาก ปลีดอกกอ่ นผสมเกสรมีสเี หลอื ง หลงั ผสมมสี ขี าว ลกั ษณะเดน่ 1. จานรองดอกสีส้มเข้ม หรือ Orange-Red Group 30A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society จานรองดอกหนา ขนาด 8.5x12.9 เซนติเมตร 2. จำนวนดอก 6 ดอกต่อต้นตอ่ ป ี 3. อายกุ ารปักแจกัน 12 วนั 4. ความยาวกา้ นดอก 48.4 เซนตเิ มตร 5. ปลสี ขี าวเหลอื ง พ้นื ทแ่ี นะนำ ปลูกได้ท่ัวไปแต่ควรมีความเข้มแสงช่วง 1,000-15,000 lux โดยช่วงท่ีดีท่ีสุดคือ 10,000 lux อุณหภูมิท่ีเหมาะสม สำหรบั การปลูกหน้าวัวอยู่ระหว่าง 14-13 องศาเซลเซยี ส ความช้ืนสัมพทั ธค์ วรอย่รู ะหวา่ ง 70-80 เปอร์เซ็นต์ ขอ้ จำกดั 1. ไม่แตกกอ ทำให้การขยายพันธ์ุในช่วงแรกต้องใช้วิธีการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อ แต่เม่ืออายุมากขึ้นสามารถใช้วิธีตัดยอด ชำได ้ 2. ปลูกในสภาพโรงเรือนทม่ี อี ณุ ภูมิ 14-30 องศาเซลเซยี ส ความชน้ื สมั พทั ธ์ 70-80 เปอร์เซน็ ต์ และวสั ดุปลกู ถ่ายเท อากาศด ี ไม่ชอบแดดจัดและลมโกรก ต้องการความช้ืนสูง ต้องการแสง 20-30 เปอร์เซ็นต์ กอ่ นปลกู หนา้ ววั ตอ้ งทำโรงเรอื นที่ คลมุ หลงั คาดว้ ย ตาขา่ ยพรางแสง ขนาด 70 เปอร์เซน็ ต ์ 2 ชน้ั วนั ท่รี บั รองพันธ์พุ ืชข้ึนทะเบียน ยื่นคำขอเม่อื วนั ท่ ี 8 กรกฎาคม 2556 ขณะนี้อยู่ระหวา่ งการจดั ทำประกาศโฆษณา พชื สวนพันธ์ุด ี เล่ม 3 77 พนั ธุ์ใหม่
หนา้ ววั พันธุ์ห้างฉัตร 028
หนา้ ววั : พันธุห์ ้างฉัตร 028 ช่อื วทิ ยาศาสตร:์ Anthurium andraeanum Hort. ชอ่ื สามญั : Anthurium, หน้าววั ประวัติ หนา้ ววั พนั ธ์ุห้างฉัตร 028 หรือ หน้าววั พนั ธ์ุลำปาง 84-2 ชว่ งฤดหู นาวหจู านรอง ดอกมีสีเขียว และในช่วงฤดูร้อนความยาวจานรองดอกจะมากข้ึน อยู่ระหว่างการเสนอเป็น พันธ์ุแนะนำ ได้ดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธ์ุท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง เกิดจากการผสมพันธ์ุแบบผสมเปิดระหว่างแม่พันธุ์ผกามาศและพ่อพันธุ์ท่ีไม่ทราบแน่ชัด เพอ่ื ใหไ้ ด้พันธห์ุ นา้ วัวตัดดอกรปู หัวใจพันธใ์ุ หม่ คดั เลอื กตน้ พนั ธทุ์ ีป่ ลูกจากเมล็ดและพนั ธุ์ทม่ี ี ความคงตัวของคุณภาพดอกในรอบ 1 ป ี และเปรียบเทียบพันธ์ุลูกผสมกับพ่อ-แม่พันธ์ุและ พันธุใ์ กลเ้ คยี ง ตามขนั้ ตอนการปรบั ปรุงพันธุ์ระหว่างป ี 2539-2554 สามารถคัดเลือกได้หน้า ววั ลกู ผสมดีเด่นตามหลักเกณฑ์ ไดจ้ ำนวน 5 พันธ์ ุ คอื หนา้ วัวพันธ์ุห้างฉตั ร 024 028 034 049 และ 132 รวมระยะเวลาการวจิ ัย 15 ปี ลกั ษณะประจำพันธ์ุ ขนาดต้น 36-60 เซนติเมตร แผน่ ใบยาว 31-40 เซนตเิ มตร และกวา้ ง 16-20 เซนติเมตร ใบรปู รา่ งหอกแกมไข่ สขี อง ใบอ่อนแดงปนน้ำตาล กา้ นใบนูนปรากฏสมี ่วงแดง หูใบสมั ผัสกัน เสน้ กลางใบนนู ปลายใบเรียวแหลมแคบ กา้ นช่อดอกยาว 36- 45 เซนติเมตร จานรองดอกยาวมากกว่า 20 เซนติเมตร กวา้ ง 15 เซนตเิ มตร หจู านรองดอกซ้อนทับกนั ปลายจานรองดอก เรียวแหลมแคบ ความสมมาตรของจานรองดอกปานกลาง สีจานรองดอกมีสีเดียว สีบนจานรองดอก White Group 155B และสหี ลักด้านล่าง White Group 155B โดยใชแ้ ผน่ เทยี บสีของ The Royal Horticulture Society ความยาวของปลีดอก ปานกลางประมาณ 76-100 เปอร์เซ็นต์ ขนาดของปลดี อกเลก็ น้อยกว่า 0.8 เซนตเิ มตร ไม่ปรากฏการม้วนงอของปลี แกนปลี ดอกโคง้ งอลงมาก ปลีดอกก่อนผสมเกสรมีสีแดงมว่ ง หลังผสมมีสีขาว ลักษณะเดน่ 1. จานรองดอกสขี าว White Group 155B โดยใชแ้ ผน่ เทยี บสีของ The Royal Horticulture Society จานรอง ดอกหนา ขนาด 13.6x15.6 เซนตเิ มตร 2. จำนวนดอก 7 ดอกต่อตน้ ตอ่ ป ี 3. อายกุ ารปกั แจกัน 13 วัน 4. ความยาวกา้ นดอก 48.4 เซนตเิ มตร 5. ปลีสชี มพเู ขยี ว พ้นื ทีแ่ นะนำ ปลูกได้ท่ัวไปแต่ควรมีความเข้มแสงช่วง 1,000-15,000 lux โดยช่วงท่ีดีท่ีสุดคือ 10,000 lux อุณหภูมิท่ีเหมาะสม สำหรบั การปลกู หน้าววั อยูร่ ะหว่าง 14-13 องศาเซลเซยี ส ความช้นื สมั พัทธค์ วรอย่รู ะหว่าง 70-80 เปอร์เซน็ ต์ ข้อจำกัด 1. ไม่แตกกอ ทำให้การขยายพันธ์ุในช่วงแรกต้องใช้วิธีการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือ แต่เม่ืออายุมากขึ้นสามารถใช้วิธีตัด ยอดชำได้ 2. ปลกู ในสภาพโรงเรอื นทม่ี อี ณุ ภูม ิ 14-30 องศาเซลเซยี ส ความชน้ื สมั พทั ธ ์ 70-80 เปอรเ์ ซ็นต์ และวสั ดุปลูกถ่ายเท อากาศด ี ไม่ชอบแดดจัดและลมโกรก ต้องการความช้ืนสูง ต้องการแสง 20-30 เปอร์เซ็นต์ กอ่ นปลกู หนา้ ววั ตอ้ งทำโรงเรอื นที่ คลมุ หลงั คาดว้ ยตาขา่ ยพรางแสง ขนาด 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2 ชั้น วันทีร่ บั รองพนั ธพ์ุ ืชขึ้นทะเบียน ยื่นคำขอเมอื่ วนั ท่ี 8 กรกฎาคม 2556 ขณะน้ีอย่รู ะหว่างการจดั ทำประกาศโฆษณา พืชสวนพันธดุ์ ี เลม่ 3 79 พันธ์ุใหม่
หนา้ ววั พันธุ์ห้างฉัตร 034
หน้าวัว : พันธุห์ ้างฉตั ร 034 ชือ่ วิทยาศาสตร:์ Anthurium andraeanum Hort. ช่อื สามญั : Anthurium, หนา้ ววั ประวตั ิ หนา้ วัวพันธ์ุหา้ งฉตั ร 034 หรือ หน้าวัวพนั ธุล์ ำปาง 84-3 อยรู่ ะหว่างการเสนอเปน็ พันธุ์แนะนำ ได้ดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธ์ุท่ีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง เกิดจากการผสมพันธ์ุแบบผสมเปิดระหว่างแม่พันธ์ุ Fantasia และพ่อพันธ์ุท่ีไม่ทราบแน่ชัด เพอื่ ให้ไดพ้ ันธุ์หนา้ ววั ตดั ดอกรูปหวั ใจพันธ์ุใหม ่ คดั เลอื กตน้ พนั ธท์ุ ีป่ ลูกจากเมล็ด และพันธ์ทุ ่ี มีความคงตวั ของคุณภาพดอกในรอบ 1 ปี และเปรียบเทยี บพนั ธ์ุลูกผสมกับพ่อ-แมพ่ ันธแ์ุ ละ พนั ธุใ์ กล้เคียง ตามข้ันตอนการปรับปรงุ พนั ธรุ์ ะหว่างปี 2539-2554 สามารถคัดเลอื กได้หน้า วัวลูกผสมดีเดน่ ไดจ้ ำนวน 5 พันธ ์ุ คือ หน้าวัวพนั ธห์ุ ้างฉตั ร 024 028 034 049 และ 132 รวมระยะเวลาการวจิ ัย 15 ปี ลกั ษณะประจำพันธ์ุ ขนาดต้น 36-60 เซนตเิ มตร แผน่ ใบยาวมากกว่า 40 เซนตเิ มตร และกวา้ งมากกวา่ 20 เซนตเิ มตร ใบรปู ร่างหอกแกม ไข่ สเี ขยี วปนน้ำตาล ก้านใบปรากฏสีมว่ งแดงเขม้ หูใบซ้อนทับกัน เส้นกลางใบนูน ปลายใบรปู แหลมกว้าง ก้านช่อดอกยาวมาก กว่า 55 เซนติเมตร จานรองดอกยาวมากกว่า 20 เซนตเิ มตร กว้าง 15 เซนติเมตร หจู านรองดอกเปน็ หพู นม ปลายจานรอง ดอกรูปทรงมนติ่งแหลม ความสมมาตรของจานรองดอกมาก สีจานรองดอกมีสเี ดียว สีบนจานรองดอก Red Group 46B และ สหี ลกั ด้านลา่ ง Red Group 46D โดยใชแ้ ผ่นเทยี บสขี อง The Royal Horticulture Society ความยาวของปลีดอกมากกว่า 120 เปอร์เซ็นต ์ ขนาดของปลีดอกปานกลาง 0.8-1.6 เซนติเมตร ไม่ปรากฏการม้วนงอของปลี แกนปลดี อกโค้งงอลงมาก ปลี ดอกก่อนผสมเกสรมีสสี ้ม หลงั ผสมมีสีขาว ลักษณะเดน่ 1. จานรองดอกสีแดง หรือ Red Group 46B โดยใช้แผน่ เทยี บสีของ The Royal Horticulture Society จานรอง ดอกหนา ขนาด 12.9x14.4 เซนตเิ มตร 2. จำนวนดอก 6 ดอกตอ่ ตน้ ต่อปี 3. อายุการปักแจกัน 14 วนั 4. ความยาวก้านดอก 41.9 เซนติเมตร 5. ปลีสขี าวเหลือง พ้ืนทแี่ นะนำ ปลูกได้ท่ัวไปแต่ควรมีความเข้มแสงช่วง 1,000-15,000 lux โดยช่วงท่ีดีท่ีสุดคือ 10,000 lux อุณหภูมิท่ีเหมาะสม สำหรบั การปลูกหนา้ ววั อยู่ระหว่าง 14-13 องศาเซลเซียส ความช้นื สมั พทั ธค์ วรอยรู่ ะหว่าง 70-80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ขอ้ จำกดั 1. ไม่แตกกอ ทำให้การขยายพันธุ์ในช่วงแรกต้องใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ แต่เมื่ออายุมากขึ้นสามารถใช้วิธีตัด ยอดชำได ้ 2. ปลกู ในสภาพโรงเรอื นทมี่ อี ณุ ภมู ิ 14-30 องศาเซลเซียส ความช้ืนสมั พัทธ ์ 70-80 เปอรเ์ ซน็ ต ์ และวสั ดปุ ลูกถ่ายเท อากาศดี ไม่ชอบแดดจัดและลมโกรก ต้องการความช้ืนสูง ต้องการแสง 20-30 เปอร์เซ็นต์ ก่อนปลูกหน้าวัวต้องทำโรงเรือนท่ี คลมุ หลงั คาด้วยตาข่ายพรางแสง ขนาด 70 เปอร์เซน็ ต์ 2 ชั้น วันท่รี ับรองพนั ธุพ์ ชื ขึ้นทะเบียน ยนื่ คำขอเมอ่ื วนั ท ่ี 8 กรกฎาคม 2556 ขณะน้อี ยรู่ ะหวา่ งการจัดทำประกาศโฆษณา พชื สวนพนั ธ์ุด ี เล่ม 3 81 พนั ธใุ์ หม่
หนา้ ววั พันธุ์ห้างฉัตร 049
หน้าววั : พนั ธุ์ห้างฉัตร 049 ชอ่ื วิทยาศาสตร์: Anthurium andraeanum Hort. ช่ือสามัญ: Anthurium, หน้าวัว ประวตั ิ หน้าวัวพันธุ์ห้างฉัตร 049 หรือ หน้าวัวพันธ์ุลำปาง 84-4 สามารถขยายพันธ์ุโดยการเพาะ เลยี้ งเนือ้ เยือ่ ได้เรว็ มีการเจริญเตบิ โตของลำตน้ ใบ และมคี ุณภาพของดอกดีกว่าพนั ธตุ์ า่ งประเทศ อยู่ ระหว่างการเสนอเป็นพันธุ์แนะนำ ได้ดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการ เกษตรลำปาง เกิดจากการผสมพันธ์ุแบบผสมเปิดระหว่างแม่พันธ์ุ Midori และพ่อพันธ์ุท่ีไม่ทราบ แน่ชัด เพื่อให้ได้พันธ์ุหน้าวัวตัดดอกรูปหัวใจพันธ์ุใหม่ คัดเลือกต้นพันธ์ุท่ีปลูกจากเมล็ด และพันธ์ุท่ีมี ความคงตัวของคุณภาพดอกในรอบ 1 ป ี และเปรียบเทียบพันธ์ุลูกผสมกับพ่อ-แม่พันธ์ุและพันธ์ุใกล้ เคียง ตามข้ันตอนการปรับปรุงพันธ์ุระหว่างป ี 2539-2554 สามารถคัดเลือกได้หน้าวัวลูกผสมดีเด่น ตามหลกั เกณฑ์ ไดจ้ ำนวน 5 พันธุ ์ คือ หนา้ ววั พันธ์ุห้างฉัตร 024 028 034 049 และ 132 รวมระยะ เวลาการวจิ ยั 15 ป ี ลกั ษณะประจำพันธ์ุ ขนาดต้น 36-60 เซนติเมตร แผน่ ใบยาว 21-30 เซนติเมตร และกวา้ ง 16-20 เซนตเิ มตร ใบรูปร่างหอกแกมไข ่ สีเขยี ว ออ่ น กา้ นใบไมป่ รากฏสมี ว่ งแดงหรือปรากฏนอ้ ยมาก หูใบโค้งเข้าหากันแตไ่ มส่ มั ผัสกัน เส้นกลางใบนนู ปลายใบรูปแหลมกวา้ ง ก้านช่อดอกยาว 46-55 เซนติเมตร จานรองดอกยาวและกว้างมาก มีรูปทรงใบหอกแกมไข ่ หจู านรองดอกซอ้ นทบั กนั ปลาย จานรองดอกรปู ทรงแหลม ความสมมาตรของจานรองดอกมาก สจี านรองดอกมสี เี ดยี ว สีบนจานรองดอก Green Group 141D และสีหลกั ด้านลา่ ง Green Group 141D โดยใชแ้ ผ่นเทยี บสขี อง The Royal Horticulture Society ความยาวของปลดี อก มาก ขนาดของปลดี อกเลก็ ไมป่ รากฏการมว้ นงอของปล ี แกนปลดี อกโคง้ งอลงมาก ปลดี อกกอ่ นผสมเกสรมสี อี นื่ ๆ หลงั ผสมมสี ขี าว ลกั ษณะเด่น 1. จานรองดอกสีเขียวเขม้ หรือ Green Group 141D โดยใช้แผ่นเทียบสขี อง The Royal Horticulture Society จานรองดอกหนา ขนาด 12.2x14.5 เซนติเมตร 2. จำนวนดอก 8 ดอกต่อต้นตอ่ ปี 3. อายกุ ารปกั แจกนั 14 วนั 4. ความยาวก้านดอก 48.9 เซนตเิ มตร 5. ปลีสขี าวเขยี ว พื้นทแ่ี นะนำ ปลูกได้ท่ัวไป แต่ควรมีความเข้มแสงต้ังแต่ 1,000-15,000 lux โดยท่ีระดับความเข้มท่ีเหมาะสมอยู่ในช่วงประมาณ 10,000 lux อุณหภูมิท่ีเหมาะสมสำหรับการปลูกหน้าวัวอยู่ระหว่าง 14-13 องศาเซลเซียส ความช้ืนสัมพัทธ์ควรอยู่ระหว่าง 70-80 เปอร์เซน็ ต ์ ขอ้ จำกัด 1. ไม่แตกกอ ทำให้การขยายพันธุ์ในช่วงแรกต้องใช้วิธีการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือ แต่เมื่ออายุมากขึ้นสามารถใช้วิธีตัด ยอดชำได ้ 2. ปลกู ในสภาพโรงเรือนท่มี ีอณุ ภูม ิ 14-30 องศาเซลเซียส ความชน้ื สมั พัทธ ์ 70-80 เปอร์เซน็ ต ์ และวสั ดุปลูกถ่ายเท อากาศด ี ไม่ชอบแดดจัดและลมโกรก ต้องการความช้ืนสูง ต้องการแสง 20-30 เปอร์เซ็นต์ กอ่ นปลกู หนา้ ววั ตอ้ งทำโรงเรอื นที่ คลมุ หลงั คาดว้ ยตาขา่ ยพรางแสง ขนาด 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2 ชนั้ วันทร่ี ับรองพนั ธ์ุพืชข้ึนทะเบยี น ย่ืนคำขอเม่ือวันที่ 8 กรกฎาคม 2556 ขณะนีอ้ ยรู่ ะหว่างการจัดทำประกาศโฆษณา พชื สวนพนั ธดุ์ ี เล่ม 3 83 พันธุใ์ หม่
หนา้ ววั พันธุ์ห้างฉัตร 132
หน้าวัว : พันธ์หุ า้ งฉตั ร 132 ช่ือวิทยาศาสตร์: Anthurium andraeanum Hort. ชือ่ สามญั : Anthurium, หนา้ ววั ประวัติ หน้าวัวพันธ์ุห้างฉัตร 132 หรือ หน้าวัวพันธ์ุลำปาง 84-5 อยู่ระหว่างการเสนอเป็นพันธุ์ แนะนำ ได้ดำเนนิ การวิจยั และปรับปรุงพันธทุ์ ่ศี ูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลำปาง เกิดจากการผสม พันธ์ุแบบผสมเปิดระหว่างแม่พันธ ์ุ Fantasia และพ่อพันธ์ุท่ีไม่ทราบแน่ชัด เพ่ือให้ได้พันธ์ุหน้าวัวตัด ดอกรูปหัวใจพันธ์ุใหม่ คัดเลือกต้นพันธ์ุท่ีปลูกจากเมล็ด และพันธ์ุท่ีมีความคงตัวของคุณภาพดอกใน รอบ 1 ปี และเปรียบเทียบพันธ์ุลูกผสมกับพ่อ-แม่พันธ์ุและพันธ์ุใกล้เคียง ตามข้ันตอนการปรับปรุง พันธุ์ระหว่างปี 2539-2554 สามารถคัดเลือกได้หน้าวัวลูกผสมดีเด่นตามหลักเกณฑ์ ได้จำนวน 5 พันธ์ ุ คือ หน้าวัวพนั ธห์ุ า้ งฉัตร 024 028 034 049 และ 132 รวมระยะเวลาการวิจัย 15 ปี ลักษณะประจำพนั ธ์ุ ขนาดตน้ 36-60 เซนติเมตร แผน่ ใบยาว 21-30 เซนตเิ มตร และกวา้ ง 16-20 เซนตเิ มตร ใบรูปรา่ งหอกแกมไข ่ ใบ ออ่ นมสี ีเขียวปนน้ำตาล กา้ นใบปรากฏสีม่วงแดงน้อย หใู บโคง้ เขา้ หากนั แต่ไม่สมั ผสั กนั ใบเป็นคลื่น เส้นกลางใบนูน ปลายใบรปู แหลมกว้าง ก้านช่อดอกยาวมาก จานรองดอกยาวและกว้างมาก มีหูจานรองดอกปรากฏโค้งเข้าหากันแต่ไม่สัมผัสกัน ปลาย จานรองดอกรูปทรงมนติ่งแหลม ความสมมาตรของจานรองดอกปานกลาง สีจานรองดอกมีสีเดียว สีบนจานรองดอก Red Group 45C สหี ลักดา้ นล่าง Red Group 45D โดยใชแ้ ผน่ เทียบสีของ The Royal Horticulture Society ความยาวของปลี ดอกยาวมาก ขนาดของปลีดอกขนาดเล็ก ไม่ปรากฏการม้วนงอของปลี แกนปลีดอกโค้งงอลงมาก ปลีดอกก่อนผสมเกสรมีสี เหลอื ง หลงั ผสมมสี ีอ่นื ๆ ลกั ษณะเด่น 1. จานรองดอกสีชมพเู ข้ม Red Group 45C โดยใช้แผน่ เทยี บสีของ The Royal Horticulture Society จานรอง ดอกหนา ขนาด 9.3x10.5 เซนติเมตร 2. จำนวนดอก 7 ดอกตอ่ ต้นต่อปี 3. อายกุ ารปักแจกนั 13 วนั 4. ความยาวกน่ ดอก 38.6 เซนติเมตร 5. ปลีสีขาวเหลอื ง พ้นื ท่แี นะนำ ปลูกได้ท่ัวไป แต่ควรมีความเข้มแสงต้ังแต่ 1,000-15,000 lux โดยท่ีระดับความเข้มท่ีเหมาะสมอยู่ในช่วงประมาณ 10,000 lux อุณหภูมิท่ีเหมาะสมสำหรับการปลูกหน้าวัวอยู่ระหว่าง 14-13 องศาเซลเซียส ความช้ืนสัมพัทธ์ควรอยู่ระหว่าง 70-80 เปอร์เซ็นต ์ ขอ้ จำกดั 1. ไม่แตกกอ ทำให้การขยายพันธ์ุในช่วงแรกต้องใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อ แต่เมื่ออายุมากข้ึนสามารถใช้วิธีตัด ยอดชำได ้ 2. ปลูกในสภาพโรงเรอื นทม่ี อี ณุ ภมู ิ 14-30 องศาเซลเซียส ความชน้ื สัมพทั ธ ์ 70-80 เปอรเ์ ซน็ ต์ และวัสดุปลกู ถ่ายเท อากาศด ี ไม่ชอบแดดจัดและลมโกรก ต้องการความช้ืนสูง ต้องการแสง 20-30 เปอร์เซ็นต์ กอ่ นปลกู หนา้ ววั ตอ้ งทำโรงเรอื นที่ คลมุ หลงั คาดว้ ยตาขา่ ยพรางแสง ขนาด 70 เปอรเ์ ซน็ ต ์ 2 ชั้น วันทีร่ บั รองพันธ์ุพืชขน้ึ ทะเบียน ย่นื คำขอเมื่อวันที ่ 8 กรกฎาคม 2556 ขณะนอ้ี ยูร่ ะหวา่ งการจัดทำประกาศโฆษณา พชื สวนพันธ์ุดี เล่ม 3 85 พันธุใ์ หม่
กลุ่ม พืชผกั
พรกิ พันธ์จุ นิ ดา พจ.054
พรกิ : พนั ธุจ์ ินดา พจ.054 ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Capsicum annuum Linn. ชอ่ื สามญั : chilli, พริก ประวตั ิ การปรับปรุงพันธ์ุพริกจินดา เริ่มดำเนินการที่ศูนย์วิจัยพืชสวน ศรีสะเกษ ระหว่างป ี 2544-2553 ตามข้ันตอนการปรับปรุงพันธ ุ์ โดย รวบรวมและคดั เลอื กพนั ธพุ์ รกิ 55 สายพนั ธ ์ุ จากแปลงเกษตรกรภาคเหนอื ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลูกคัดเลือกพันธ์ุแบบสายพันธ์ุ บริสุทธ ิ์ ได้สายพันธุ์คัดท่ีมีลักษณะดีเด่น 18 สายพันธ ์ุ ป ี 2548-2553 เปรยี บเทยี บพนั ธแุ์ ละทดสอบพันธ ์ุ สามารถคัดเลือกได้สายพันธ์ุดีเด่น 1 สายพันธุ์ คือ พริกพันธ์ุพริกจินดา พจ.054 ท่ีจะเสนอเป็นพันธ์ุแนะนำ พริกจนิ ดา ศก. 84 ลักษณะประจำพันธ์ุ ลำต้นทรงพุ่มมีสีเขียว ความสูงของต้น 58.2 เซนติเมตร ความกว้างทรงพุ่ม 72.4x75.6 เซนติเมตร จำนวนก่ิงแขนง 10.7 เซนติเมตร ใบเปน็ รูปสามเหลี่ยม ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกสีขาว ผลจะชี้ตัง้ ขึ้น ขนาดผล (กวา้ งxยาว) 0.9x6.3 เซนติเมตร ความยาวก้านผล 3.8 เซนติเมตร สีผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม หรือ Green Group143A โดยใช้แผ่นเทียบสีของ The Royal Horticulture Society สผี ลแกม่ ีสแี ดงเข้ม หรอื Red 46A โดยใช้แผน่ เทียบสีของ The Royal Horticulture Society (RHS) รูปร่างส่วนบนผลมน รูปร่างส่วนปลายผลแหลม ลักษณะผิวผลย่นปานกลาง น้ำหนักผล 2.46 กรัม จำนวนผลต่อต้น 170.81 จำนวนเมล็ดต่อผล 54.8 อายุการออกดอก 35-40 วันหลังปลูก อายุการเก็บเกี่ยว 90-120 วันหลังปลูก ผลผลิต 3,178.93 กโิ ลกรัมตอ่ ไร ่ ลักษณะเด่น 1. ให้ผลผลิตเฉล่ีย 3,178.93 กิโลกรัมต่อไร ่ สูงกว่า พนั ธข์ุ องเกษตรกร 2.58 เทา่ 2. ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ผลแก่มีสีแดงสด ผิวย่นเล็ก นอ้ ย พื้นทแ่ี นะนำ จงั หวัดศรสี ะเกษ ข้อจำกดั ไม่ทนต่อนำ้ ทว่ มขัง ในฤดฝู นระวังโรคแอนแทรกโนส วันทร่ี บั รองพันธพุ์ ชื ข้นึ ทะเบียน กรมวิชาการเกษตรรับรองเป็นพันธ์ุพืชข้ึนทะเบียนเลข ท่ ี 044/2556 เมอื่ วนั ท่ี 29 กรกฎาคม 2556 พชื สวนพันธ์ุดี เลม่ 3 89 พนั ธใุ์ หม่
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114