แตค่ วรจะหวนนกึ ดกู อ่ นวา่ วสิ ยั พอ่ แม่ ครอู าจารย์ ญาตมิ ติ ร เหล่าน้ี ดูเหมอื นจะเป็นธรรมดาทต่ี ่างมงุ่ ประพฤตใิ ห้เป็นประโยชน์ แกก่ นั และกันอยเู่ สมอแลว้ เพราะเหตทุ ่เี ก่ยี วข้องกนั เชน่ นัน้ ถึงจะ ประพฤตลิ ะเลยเพกิ เฉยบกพรอ่ งไปบา้ ง กย็ งั ไมถ่ งึ กบั ขาดเยอ่ื ใยไมตรี เมอ่ื เราสามารถประพฤตปิ ระโยชนไ์ ดด้ แี กผ่ ทู้ เ่ี คยเกย่ี วขอ้ งกนั จงึ ไม่ น่าแปลกประหลาดอะไร สว่ นทส่ี ามารถประพฤตใิ หเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื ทว่ั ไป เปน็ สาธารณ์ได้เสมอเช่นนี้ นับว่าเป็นคนดีมาก เพราะไม่ใคร่เห็นผล ยากท่ีใคร ๆ จะประพฤตไิ ด้จริง การประพฤติใหเ้ ป็นประโยชน์ แก่คนอนื่ ทกุ ถว้ นหน้า ทอ่ี ย่างยอดเย่ียม คงไมม่ ีใครเกินย่ิงกว่า พระพทุ ธเจา้ ของเรา ทา่ นไมม่ กี ารเลอื กทีร่ ักผลักทีช่ ัง จะเปน็ ใครกต็ าม เมอ่ื มนี สิ ยั สมควรจะสง่ั สอนไดแ้ ลว้ พระองค์ เปน็ พยายามสง่ั สอนใหไ้ ดด้ ที ง้ั นน้ั จะล�ำ บากเดอื ดรอ้ นแกพ่ ระองคไ์ ด้ อยา่ งไรมิคำ�นงึ ถึง จนไดร้ บั ค�ำ สรรเสรญิ จากพทุ ธศาสนิกว่า “พระผเู้ ปน็ ทพ่ี ง่ึ มพี ระกรณุ ามาก บ�ำ เพญ็ บารมเี พอ่ื ประโยชน์ แกช่ นท้ังหลาย” ดังนี้ ส่วนลูก ควรจะเริ่มหัดประพฤติตัวเสียแต่เวลานี้ทีเดียว อยา่ นึกวา่ เปน็ เด็ก จะท�ำ ประโยชนแ์ กใ่ ครไม่ได้ เราเปน็ เดก็ เราก็ 49
ทำ�ตามก�ำ ลงั ท่เี ปน็ เด็ก เชน่ ชว่ ยคนเปน็ ลม ชว่ ยเกบ็ เศษแก้ว เศษ กระเบอ้ื งทต่ี กอยตู่ ามทางเดนิ ทง้ิ เสยี ในถงั ขยะ ชว่ ยคนแก่ ชว่ ยบอก ทางใหแ้ กค่ นท่ไี มร่ ู้จัก เป็นต้น อยา่ งนี้ พอ่ เช่อื ว่า ลูกคงพอทำ�ได้ หรือหัดทำ�ประโยชน์แก่พวกเพื่อนเด็กด้วยกัน เช่น คอย เตอื นเดก็ ทเ่ี กเรชอบขน้ึ ตน้ ไม้ ชอบขดี เขยี นตามบรเิ วณโรงเรยี น ตาม สถานท่ตี ่าง ๆ ช่วยเก็บกวาดท�ำ ความสะอาดแก่สถานท่ี ตามอย่าง ทค่ี ณะลกู เสือกำ�หนดวนั ท�ำ ประโยชน์ ฉะนนั้ หากอยู่ที่บา้ น ช่วยท�ำํ ความสะอาด กช็ ่วยลุงชว่ ยปา้ เขา ให้ลุงดีกวา่ รดนำ�้ พรวนดนิ ทำ�สวนครวั บา้ ง ช่วยกวาดบ้าน ถเู รอื นบา้ ง เหล่านเ้ี รยี กว่า เปน็ การท�ำ ประโยชน์ทง้ั นนั้ ดีเสียกว่าเที่ยวว่ิงเล่นส่งเสียงเกรียวกราวซุกชนอย่างอื่น เพราะการซกุ ซนมีแต่คนเขาเกลยี ด ไมใ่ หค้ ุณอะไรแกต่ ัวเลย อตั ถจรยิ า การประพฤตใิ หเ้ ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื ตามทพ่ี อ่ ไดช้ ี้แจงมานี้ ลกู เหน็ หรือยงั ว่าจะเป็นเหมือนเชอื กเหนยี่ วร้งั น้ำ�ใจ คนอน่ื เปราะที่ ๓ เพราะไมว่ ่าใคร ถา้ มีคนอน่ื เขามาชว่ ยเหลอื ทำ� กจิ ธุระอะไรให้ ยอ่ มอดที่จะขอบใจรู้สึกรกั นำ�้ ใจเออื้ เฟือ้ เขาไมไ่ ด้ ก็เมื่อเรามีสิ่งของก็เฉลี่ยออกเผื่อแผ่ ถ้อยคำ�ปราศรัยเราก็ 50
พูดแต่คำ�อ่อนหวานดูดดื่มน้ำ�ใจ มิหนำ�ซ้ำ�ยังช่วยด้วยกำ�ลังกายทำ� ประโยชน์ใหอ้ กี เช่นนี้ ใครบ้างจะไม่นิยมชมชอบรกั ใครน่ บั ถอื ถงึ ตวั เราเอง เมอ่ื มใี ครมาประพฤตดิ กี บั เราเชน่ น้ี เราจะใจแขง็ ไมร่ ู้สกึ ขอบคณุ เขา ไมน่ ยิ มชมชอบเขาเทยี วหรอื หากคนน้นั จะเคย โกรธเคอื งกันมาก็อดทจ่ี ะขอบใจในการเอ้ือเฟ้อื ของเขาไม่ได้ การทล่ี กู มีเพอ่ื นเล่นมาก ๆ นน้ั แหละ นึกดูใหด้ เี ถิด คงเป็น เพราะลูกประพฤติตัวอยู่ในหลักสังคหวัตถุบ้างแล้วนั่นเอง จงหัด ประพฤตใิ หด้ ยี ง่ิ ๆ ขน้ึ เถดิ พอ่ เชอ่ื อยา่ งมน่ั ใจวา่ นอ้ ยคนทจ่ี ะเกลยี ดชงั ลกู มีแต่จะรกั ใครเ่ อน็ ดูทวั่ ไป ขอจบเรอ่ื ง อตั ถจรยิ า การประพฤตเิ ปน็ ประโยชนแ์ ตเ่ พยี งน้ี อกี ไมก่ ว่ี นั ลกู กจ็ ะขน้ึ มาเยย่ี มบา้ นแลว้ การเลา่ เรยี น สขุ ทกุ ขข์ องลกู รอไว้ถามเมอื่ พบปะกนั ดกี ว่า สวัสดีลูกรัก วงศ์ ประเทืองธรรม 51
ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. ประพฤตอิ ย่างไร เรยี กว่า อตั ถจริยา ประพฤติประโยชน์ ? ๒. ๓. ทำ�ประโยชนด์ ว้ ย นกั เรยี นท่ชี ่วยเกบ็ เศษแกว้ คำ�พูดน้นั คือท�ำ ตามถนนทิ้งถังขยะ ช่อื ว่า ประพฤตปิ ระโยชนไ์ ดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ? เพราะเหตุไร ? ๔. คนทไี่ มเ่ กย่ี วข้องชว่ ยเหลอื ใคร ใครจะตกทุกขไ์ ด้ยากอย่างไรกช็ า่ ง กับอกี คนคอยช่วยเหลอื วิ่งเตน้ ท�ำ กิจธุระให้ตามกำ�ลงั ทงั้ ๒ คนนี้ เราจะชอบคนไหน เพราะเหตุ ไร ? 52
บท๖ที่ คสมวเาาสนมมัตมอตตี ตนา (ส�ำ เนาจดหมายฉบับท่ี ๖) วิจิตร ลกู รกั ตง้ั แตล่ กู กบั พวกเพอ่ื นกลบั มาแลว้ พอ่ รสู้ กึ เหงาไปบา้ ง เมอ่ื เวลาอยู่พรอ้ มกนั ทบี่ า้ น ช่วยให้รสู้ ึกครึกครื้นใจดอี ยู่ ลุงและป้าคง บน่ ว่าลูกผวิ คลำ�้ ไปกระมงั เพราะชอบเลน่ น�้ำ พายเรอื กลางแดด แต่ การถกู แสงแดดมาก ๆ เขานยิ มกนั วา่ ท�ำ ใหร้ า่ งกายแขง็ แรงดไี มใ่ ชห่ รอื พวกเพื่อนของลูก ทุกคนมีนิสัยดี สมกับที่ลุงเขาเคยบอก ไมม่ กี ารรมู้ าก คอยเอารดั เอาเปรยี บ ตา่ งคนตา่ งแสดงความสนทิ สนม 53
รกั ใคร่ เสมอตน้ เสมอปลาย ไมม่ กี ารหย่ิงจองหองถือตัวเลย จงคบ กันไว้เถิด ถึงเขาจะเปน็ ลกู ผูด้ ีมตี ระกูล กค็ งจะเป็นเพือ่ นที่ดขี องลูก ไดต้ ลอดไป ช่วยบอกแทนด้วยว่า พอ่ มคี วามคดิ ถึงอยู่เสมอทกุ คน พอ่ ไดเ้ ขยี นเรอ่ื งสงั คหวตั ถมุ าแลว้ ๓ ขอ้ คอื ทาน ปยิ วาจา อัตถจรยิ า ยงั คา้ งอยขู่ อ้ ท่ี ๔ สมานตั ตตา ความเป็นคนมตี นเสมอ ไม่ถือตัว เมื่อเวลาลูกและเพื่อนพักอยู่ที่บ้าน ก็ไม่มีโอกาสจะได้ พูดกนั ถงึ เรอ่ื งน้ี จงึ ต้องเขียนเล่ามาทางจดหมายอกี ตามเคย ความเปน็ คนมตี นเสมอ ไมถ่ อื ตวั ลกู คงเขา้ ใจส�ำ นวนไดย้ าก เพราะฉะน้นั พ่อจะอธิบายแตต่ ้นไปทีเดียว คำ�ว่า มีตนเสมอ นนั้ ไม่ใชห่ มายท�ำ ร่างกาย ให้มขี นาดสูงหรอื ตำ�่ เสมอเทา่ กบั คนอ่ืน หรอื เหน็ ผู้ใหญ่ ทำ�อะไรได้ ตนก็ท�ำ เชน่ นั้นบา้ ง เป็นคนตีเสมอ ยกฐานะข้นึ เทยี มทา่ น หรือพยายามใชเ้ งนิ ทองเสอ้ื ผา้ ใหด้ เี ทยี มหนา้ เพอ่ื นฝงู เหลา่ นเ้ี ปน็ ความประพฤตเิ ลวทราม ไมถ่ กู ลกั ษณะของค�ำ วา่ มตี นเสมอทัง้ นนั้ ประพฤติอย่างไรเรียกว่า มีตนเสมอ ท่านแยกเป็นความ ประพฤตไิ ว้ ๒ ชนดิ คอื 54
มตี นเสมอในบคุ คล ๑ มีตนเสมอในธรรม ๑ มีตนเสมอในบุคคล คือ ทา่ นผใู้ หญ่ มพี ่อแม่ พี่ ป้า น้า อา ครูบาอาจารย์ เป็นต้น สวสั ดีครบั /คะ่ เราเคยแสดง ความเคารพ นบั ถอื รักใคร่ มาแตเ่ ดิมอยา่ งไร กค็ งแสดงความเคารพ นับถืออยูอ่ ย่างเดิม ไมม่ ลี ดน้อยจืดจาง ไม่อวดหยิง่ ส่วนเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันเราจะต้องพยายามเสมอ กันใน :- ก. การศกึ ษาเลา่ เรยี น คอื ในชน้ั เดยี วกนั หรอื ในอายรุ นุ่ ราว คราวเดยี วกัน จะต้องตั้งใจเรยี น พยายามใหม้ ีความรู้เท่าเทยี มเขา จนได้ อยา่ ปล่อยให้วิชาอ่อนจนถึงตามหลังเพ่ือน ข. ความประพฤติ คือ กริ ิยามารยาทจะต้องใหเ้ รยี บรอ้ ย มสี มั มาคารวะ อย่าให้ซุ่มซ่าม เงอะงะ ต้องคอยสังเกตจดจำ�ตามท่ี 55
ครสู ง่ั สอน หรอื ผใู้ หญต่ กั เตอื น พยายามฝกึ ฝนหดั ประพฤตใิ หด้ เู ปน็ สง่าผา่ เผย องอาจ ค. นสิ ยั ใจคอ คอื หดั ใหเ้ ปน็ คนออ่ นโยน ไมใ่ ชอ่ อ่ นแอ และ แขง็ แรง ไม่ใช่แขง็ กระด้าง หรอื ดุรา้ ยเปน็ พาลเกเร ง. ความเห็น คือ หัดให้มีความคิดความเห็นคล้อยตาม หมคู่ ณะ อยา่ ดื้อดึงถอื รนั้ ไม่รู้จกั ผ่อนส้นั ผ่อนยาวแกใ่ คร ในขอ้ เหลา่ น้ี เราจะตอ้ งประพฤตใิ หเ้ ปน็ ไปสม�ำ่ เสมอ เทา่ เทยี ม กับเพ่ือนฝูง อย่าท�ำ ให้ลกั ล่นั ลมุ่ ๆ ดอน ๆ เชน่ เคยพดู จาทักทาย หยอกลอ้ กนั มาอย่างไร เคยเอ้อื เฟ้อื เผ่อื แผ่ รกั ใครส่ นทิ สนมกนั มา อยา่ งไร กค็ งประพฤตเิ ปน็ ปกตติ ามเคย ไมม่ นี �ำ้ ใจหยง่ิ ผยอง เพราะ เหน็ เพอ่ื นเลวกวา่ หรอื เรยี นในชน้ั ทต่ี �ำ่ กวา่ ดงั น้ี เรยี กวา่ มตี นเสมอ ในบคุ คล มตี นเสมอในธรรม คอื ขนบธรรมเนยี มประเพณี กฎขอ้ บงั คบั ของหมคู่ ณะมอี ยอู่ ยา่ งไร กค็ งยนิ ดปี ระพฤตติ าม ใหม้ คี วามรคู้ วามเหน็ และนสิ ยั ใจคอ นอ้ มไปตามหมคู่ ณะสม�ำ่ เสมอเทา่ เทยี มกนั ไมฝ่ า่ ฝนื ลว่ งละเมดิ หรอื หลีกเล่ียงไมป่ ระพฤติตาม เชน่ ในฤดเู ขา้ พรรษา ออกพรรษา วิสาขบชู า มาฆบูชา เป็นตน้ พุทธศาสนิกชนเขานิยมทำ�บุญกันอย่างไร ก็ควรนิยมร่วมกับเขา เพราะเป็นประเพณีทางพระศาสนา งานวนั ปใี หม่ วนั ชาติ ฉลองรฐั ธรรมนญู ประชาชนพลเมอื ง ต่างแสดงความรื่นเริงตกแต่งบ้านเรือนอย่างไร ก็ร่วมแสดงความ รื่นเริงตามนยิ มร่วมกนั ไป เพราะเปน็ รฐั นิยมประการหน่ึง 56
หอ้ งสมดุ ห้ามเสียงดงั กฎขอ้ บงั คบั ของโรงเรยี น ตลอดกฎหมายของบา้ นเมอื งมไี ว้ อย่างไร ต้องยินดีประพฤติตามข้อที่แนะนำ� ไม่ฝ่าฝืนล่วงละเมิด ในข้อหา้ ม รักษากฎขอ้ บังคบั ไวอ้ ย่างกวดขนั เพราะเป็นระเบยี บ แบบแผน เมอ่ื ประพฤตติ นอยตู่ ามธรรมเนยี มประเพณี เปน็ ตน้ เหลา่ น้ี ได้สมำ�่ เสมอตลอดไป ไมท่ �ำ หนา้ ไหว้หลังหลอก ต่อหนา้ ประพฤติ อย่างหนึ่ง ลับหลังกลับประพฤติไปอีกอย่างหนึ่ง ดังนี้ เรียกว่า มตี นเสมอในธรรม อนง่ึ เมอ่ื ประพฤตติ วั ไดเ้ รยี บรอ้ ยเสมอตน้ เสมอปลาย ทง้ั ใน บุคคล และธรรมดังกล่าวแล้ว ย่อมได้ชื่อว่า ไม่ถือตัว คือ เป็น ผู้โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ถือทิฏฐิมานะ ให้เป็นที่รังเกียจเกลียดชัง ของคนอ่นื หรือจะพดู ว่า มีตนเสมอ กับ ไมถ่ อื ตวั มคี วามหมาย อยา่ งเดยี วกันก็ไมผ่ ิด 57
ตามที่พ่อชี้แจงขยายเนื้อความเสียมากมายเช่นนี้ รู้สึกว่า อาจท�ำ ใหล้ กู เบอ่ื กเ็ ปน็ ได้ แตจ่ �ำ เปน็ เพราะเรอ่ื งสมานตั ตตานอ้ี อกจะ เขา้ ใจยากอยสู่ กั หนอ่ ย ถา้ ไม่เขา้ ใจชดั เจนแลว้ การประพฤติตามก็ หาผลดีไมไ่ ด้ พ่อจงึ ตอ้ งยอมเสยี เวลาเขียน ท้ังนก้ี ็เพื่อประโยชนแ์ ก่ ลกู นน่ั เอง เปน็ คนมตี นเสมอ ไม่ถอื ตัว สามารถเหนี่ยวรัง้ น้�ำ ใจคนอื่น ใหร้ กั ใครน่ บั ถอื ไดอ้ ยา่ งไร ความประพฤตสิ ม�ำ่ เสมอ เกย่ี วกบั บคุ คล ก็ตาม เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีข้อบังคับก็ตาม ที่ต่าง ประพฤติไดเ้ ทา่ เทยี มกัน ไม่ย่งิ หย่อนกวา่ กนั ยอ่ มชวนใหเ้ กดิ ความนบั ถอื วา่ เปน็ พวกพอ้ งเดยี วกนั น�ำ ความ สนิทสนมกลมเกลียวให้เกิดมีต่อกันและกันจึงช่ือว่ายึดเหน่ียวนำ้�ใจ คนอื่น ดังพอ่ จะขอยกเอาเรือ่ งของลกู มาเปรียบใหเ้ ห็นอีกว่า วันท่ี ลกู กบั เพอ่ื นรวม ๔ คน ลงเรอื เทย่ี วพายเลน่ ตา่ งคนตา่ งรสู้ กึ เบกิ บาน สนกุ สนานมากนน้ั 58
เพราะตา่ งกพ็ ายเรอื เปน็ วา่ ยน�ำ้ เกง่ ดว้ ยกนั มใิ ชห่ รอื นเ่ี พราะ ทุกคนสามารถเท่าเทียมกัน ไม่ต้องห่วงคนโน้นคนนี้ ช่วยกันพาย ได้เตม็ กำ�ลังทั้ง ๔ คน จึงได้ความสนกุ สนานเตม็ ที่ ฉันใด เราประพฤติตนให้เป็นคนเสมอเขา ไม่ถือตัว ย่อมไม่มีคน เกลยี ด มแี ตจ่ ะชอบพอรกั ใคร่ เพราะไมอ่ วดหยง่ิ ทะนงตวั ใหผ้ ดิ พวก ช่อื ว่าร้ังใจคนอืน่ ให้มาพะวงรกั ใครต่ ิดตอ่ กับตนได้ ก็ฉันน้นั ความสม่ำ�เสมอกัน ไม่ยิ่งไม่หย่อนกว่ากัน ของทุกกิจการ จดั วา่ เปน็ การรว่ มก�ำ ลงั งาน ใหส้ �ำ เรจ็ ผลเปน็ อยา่ งวเิ ศษทกุ อยา่ ง ทส่ี ดุ อาหารที่เรารับประทาน เช่น ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ก็ต้องปรุงให้มีรส เปรยี้ ว หวาน มัน เค็ม พอเหมาะถูกปาก จงึ จะได้รสอร่อย ถ้ารส อย่างไหนมากไปบ้าง น้อยไปบา้ ง ย่อมชวนให้หมดรส ซึ่งเป็นข้อเปรียบเทียบอีกอย่างว่า การหัดตัวให้เสมอกับ เพื่อนฝูงหมู่คณะ ย่อมจะได้รับความยกย่องนับถือจากหมู่คณะ 59
เพราะใคร ๆ กต็ อ้ งการคบกบั คนไมถ่ อื ตวั มอี ธั ยาศยั กวา้ งขวางเขา้ พวกเข้าหมู่ไดส้ นิทสนม สว่ นการยง่ิ หยอ่ นไมเ่ สมอกบั หมคู่ ณะ ยอ่ มเปน็ เหตทุ ะเลาะ วิวาท เกลยี ดชังกันได้งา่ ย เช่น เพือ่ นนักเรียนร่วมชนั้ ของลกู ทคี่ นุ้ เคยหยอกลอ้ อะไรกันได้ แต่พอเขาได้เป็นหัวหน้าช้ัน เลยถือตวั ไมย่ อมหยอกล้อเล่นเหมือน อย่างเคยดงั นี้ พวกเพ่ือนคงนกึ ชงั ทยี่ กตวั จนเกินไปเป็นแน่ และท่โี รงเรียนของลกู เคยมีนักเรยี นชอบท�ำ อุตรเิ ลน่ แผลง ใหผ้ ิดเพ่อื น เลยถกู รมุ ล้อและเยาะเย้ย จนเขา้ พวกไม่ไดก้ ็มมี ิใช่หรือ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าในงานวันชาติ ทุกบ้านเรือนต่างตกแต่ง ประดบั ประดาธงชาตสิ ะพรบึ พรอ้ ม แตม่ เี จา้ ของบา้ นหนง่ึ ถอื ทฏิ ฐ-ิ มานะดื้อดงึ ไม่ยอมตกแตง่ ประดับประดาอะไรเลย ถา้ ลกู ผา่ นไป พบเห็นจะนึกอย่างไรบ้าง พ่อทายว่าลูกต้องนึกเกลียดน้ำ�ใจ และ คงหาว่าไม่ใช่คนไทยเสียด้วยซ้ำ� นี่แสดงให้เห็นการยิ่งหย่อนที่ไม่ สมำ�่ เสมอกับหม่คู ณะ ยอ่ มไมช่ วนให้นยิ มนบั ถอื กันเลย 60
ตามที่พ่อได้อธิบายชี้แจงมานี้ ลูกจงใคร่ครวญเทียบเคียง ดูเถิด ยอ่ มจะเหน็ ได้ไมย่ ากนกั ว่า เม่ือใครมาประพฤติตัวไดด้ ีตาม ลกั ษณะสมานัตตตา ความเปน็ คนมตี นเสมอ ไมถ่ อื ตัวแลว้ จะเปน็ ที่รักใคร่ เอ็นดูของผู้ที่พบเห็นทั่วไป จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครเกลียด เพราะความประพฤติของเรา เป็นเหตุผูกรัดเหนี่ยวรั้งใจของผู้ที่ได้ คบคา้ เปน็ เพอ่ื นฝงู หรอื พบเหน็ ใหน้ ยิ มยนิ ดอี ยากรจู้ กั อยากคบหา สมาคมด้วย เหมือนเป็นเชือกสำ�หรับมัดเปราะที่ ๔ คนที่ถูกมัด น้ำ�ใจด้วยความประพฤติทั้ง ๔ อย่างตามหลักของสังคหวัตถุแล้ว จะไม่คลายความรักใคร่นับถือได้เลย เช่นเดียวกับผูกด้วยเชือก ๔ เปราะ ด้ินไมห่ ลดุ ฉะนน้ั สงั คหวตั ถุ ขอ้ ท่ี ๔ คอื สมานตั ตตา ความเปน็ คนมตี นเสมอ ไม่ถือตัว เป็นอันพ่อได้ชี้แจงมาพอสมควรแล้ว แต่อย่าเพิ่งคิดว่า หมดเรอ่ื งแลว้ พอ่ จะหยดุ เขยี นเพยี งน้ี ตง้ั ใจวา่ จะเขยี นรวมความให้ ลูกได้ทราบอกี ก่อน จึงจะพกั การเขยี น ขอใหร้ ออ่านในเวลาต่อไป สวสั ดลี กู รัก วงศ์ ประเทอื งธรรม 61
คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. นักเรียนตีเสมอกับครู ของตน เรยี กว่า มตี น เสมอ ถูกหรอื ไม่ เพราะเหตุไร ? ๒. ๓. ประพฤติอยา่ งไร เรียกวา่ มีตนเสมอ เหน็ เพ่อื นใชเ้ งนิ เก่ง เราอยาก ในการเรียน ? ใหเ้ สมอกับเขาจงึ หดั ใช้เงิน จนเก่งเหมอื นกนั ดงั น้ี จะถูกหรือผิดอย่างไร ? ๔. มีตนเสมอหรือไมถ่ อื ตวั ยดึ เหนีย่ วใจคนอื่น ใหร้ ักใคร่ได้ อย่างไร ? 62
บ๗ทที่ รวมความ (สำ�เนาจดหมายฉบับที่ ๗) วิจติ ร ลกู รกั จดหมายของพ่อทุกฉบับที่ส่งมาถึงลูกเม่ือรวมใจความแล้ว กพ็ ูดถึงคำ�สงั่ สอนของพระพุทธเจา้ ขอ้ วา่ สงั คหวตั ถุ คอื เร่ืองความ สมเคราะห์กัน ที่สามารถเหนี่ยวรั้งน้ำ�ใจคนให้รักใคร่ นิยมนับถือ คบหาเป็นเพ่อื นฝูงกนั สนทิ สนม 63
และในสงั คหวตั ถนุ น้ั มขี อ้ ทต่ี อ้ งประพฤตอิ ยา่ งไรบา้ ง พอ่ ได้ ช้ีแจงจนสิ้นเชิงแลว้ คิดว่าเมื่อลูกอา่ นตลอดคงจะเข้าใจไดด้ ี แตพ่ อ่ รสู้ กึ วา่ ยงั มขี อ้ ทล่ี กู ควรจะรอู้ ยอู่ กี สกั เลก็ นอ้ ย จงึ ท�ำ ให้ ต้องเขียนชี้แจงเพิ่มเติมมา เท่ากับเป็นการซ้อมความเข้าใจของลูก ไปในตัวดว้ ย ค�ำ ว่า สงั คหวัตถุ เรอื่ งความสมเคราะห์นน้ั เพยี งแต่เป็นชื่อ หวั ขอ้ สว่ นขอ้ ส�ำ คญั ทต่ี อ้ งประพฤตอิ ยา่ งไร จงึ เปน็ สงั คหวตั ถไุ ดน้ น้ั ท่านวางหลกั ความประพฤตไิ ว้ ๔ อยา่ งดว้ ยกนั ดังน้ี ๑. ทาน การสละใหป้ นั สิ่งของ ๆ ตน แกค่ นท่ีควรใหป้ ัน ๒. ปยิ วาจา เจรจาวาจาออ่ นหวาน ๓. อัตถจริยา ประพฤติให้เป็นประโยชน์แกผ่ ้อู ่นื ๔. สมานัตตตา ความเป็นคนมีตนเสมอไมถ่ ือตวั แต่ละอยา่ ง พอ่ ก็ไดแ้ ยกออกช้แี จงอย่างละเอยี ดตามลำ�ดับ ครบหมดแลว้ หากลกู ยังสงสัยอีกว่า การประพฤติตามหลักท้งั ๔ อย่างนั้น ทำ�ให้คนอื่นรักใคร่เอ็นดูได้จริงหรือไม่ พ่อต้องตอบว่า จรงิ อยา่ งแนน่ อนทเี ดยี ว เพราะพอ่ เองกไ็ ดป้ ระพฤตเิ หน็ ผลดจี รงิ มา แลว้ สว่ นลกู กข็ อใหล้ องหดั สงั เกตความประพฤตขิ องพวกเพอ่ื น ๆ หรอื คนอื่นก็ได้ว่า 64
ไม่สนด้วยหรอก คนไหนไม่ประพฤติ เราเป็นหวั หนา้ ตามลักษณะ สังคหวตั ถทุ ้งั ๔ อยา่ งนี้เลย หรือ ประพฤตบิ า้ งเล็ก ๆ น้อย ๆ เปน็ บางคร้ังบางคราว จะมใี ครชมเชยนบั ถอื บา้ งไหม จะมใี ครชอบคบเปน็ เพอ่ื นฝงู ไหม ไมช่ า้ คงเหน็ ไดว้ า่ จรงิ มกั จะมแี ตค่ นเกลยี ด ไมม่ ใี ครอยากคบหา เป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยด้วย ตัวอย่างเหล่านี้ ที่โรงเรียนของลูกคง พบบ่อยทเี ดียว เพราะมากคนดว้ ยกัน ถา้ ยงั สงสยั อยอู่ กี กจ็ งนกึ ยอ้ นขน้ึ ไป ถงึ พวกผใู้ หญท่ อ่ี ปุ ถมั ภ์ เลีย้ งดลู ูกหลานอยู่ทุกวนั นี้ ไม่ใช่เพราะท่านผใู้ หญเ่ หล่านัน้ ตา่ งมี นำ�้ ใจเต็มดว้ ยสงั คหวัตถดุ อกหรือ คดิ ดเู ถดิ ทา่ นสละใหป้ นั สง่ิ ของ ๆ ทา่ นแกล่ กู หลาน เปน็ คา่ ขนมคา่ อาหารบ้าง คา่ เครอ่ื งเล่าเรยี นเครอ่ื งแต่งตวั บา้ ง ยังอะไรต่อ อะไร อีกมากมาย จะพดู ปราศรัย ทา่ นก็พดู ด้วยค�ำ ออ่ นหวานนา่ ช่นื ใจ ถึงจะ ดดุ า่ บ้าง กไ็ มถ่ ึงกบั หมดรักหมดสงสาร คอยมุ่งแตส่ ิง่ ทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ก่ลูกหลานตลอดไป เช่น ให้ เรียนหนังสอื พาไปเทยี่ วให้ไดเ้ ห็นถน่ิ ฐานบ้านเมอื ง เหน็ การทำ�มา หากนิ ตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 65
ทา่ นเคยให้ เคยพดู ออ่ นหวาน เคยท�ำ ประโยชน์ มาอยา่ งไร ท่านกค็ งทำ�อยู่เช่นนน้ั เสมอตน้ เสมอปลาย เมอ่ื ลกู หลานมารสู้ กึ นกึ เหน็ ไดเ้ ชน่ น้ี จะไมป่ ระพฤตสิ งั คหวตั ถุ ตอบแทนสนองคณุ ทา่ นตามก�ำ ลงั บา้ งหรอื จะยอมใหค้ นเขาตราหนา้ วา่ อกตัญญูไม่รู้จกั บญุ คณุ ไดห้ รือ และอีกไมก่ ี่ปี พวกลกู หลานเหล่านี้ กจ็ ะเตบิ โตเปน็ ผู้ใหญ่ เปน็ พ่อแม่ พี่ ป้า นา้ อา ซง่ึ จะต้องประพฤตสิ ังคหวตั ถแุ กล่ ูกหลาน ของตนต่อไปอีก หมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันไปเหมือนเป็นมรดก ตกทอดกันมาตามลำ�ดับ ทง้ั น้ี กเ็ พราะตา่ งคนตา่ งมสี งั คหวตั ถตุ อบแทนกนั อยนู่ น่ั เอง จงึ ตา่ งรกั ใคร่ นบั ถอื กนั ตลอดมา ถา้ ตา่ งไมน่ ยิ มประพฤตติ ามสงั คห- วตั ถแุ ล้ว คงล�ำ บากเดือดรอ้ นอยา่ งย่ิงทีเดยี ว 66
การทพ่ี ระพทุ ธเจา้ เทศนส์ อนสงั คหวตั ถนุ ้ี เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ แกค่ นทั่วไป ไมเ่ ลือกว่าเด็ก หรอื ผ้ใู หญ่ ไม่เลือกวา่ เปน็ พอ่ แม่ พี่ นอ้ ง เพ่อื นฝงู กนั หรือไม่ พดู อยา่ งกวา้ ง ๆ พระองคต์ อ้ งการใหค้ นทง้ั โลกประพฤตติ าม หลกั สงั คหวตั ถเุ หมอื นกนั หมดทเี ดยี ว จะไดไ้ มข่ ม่ เหงรงั แกเบยี ดเบยี น กนั จะได้อดุ หนุนช่วยเหลือกันตามสตกิ �ำ ลัง จนถึงกับท่านเปรยี บสังคหวตั ถุวา่ เหมอื นหมุดสกัดกนั ลอ้ รถ ไมใ่ หห้ ลดุ ออกจากแกนเพลา ท�ำ ใหร้ ถวง่ิ ไปมาไดส้ ะดวกคลอ่ งแคลว่ เพราะตามธรรมดาคนขี่รถไปมาได้สะดวก กอ็ าศัยลอ้ ของ รถเปน็ ใหญ่ ถา้ ลอ้ หลดุ รถกแ็ ลน่ ไมไ่ ด้ สง่ิ ทก่ี นั ลอ้ ไมใ่ หห้ ลดุ จงึ เปน็ ของสำ�คญั เช่นเดียวกับหมู่คนท่ีจะรักใคร่นับถือช่วยเหลือกันและกัน อยู่เป็นสุขสบาย ไมท่ ะเลาะ รังแก ขม่ เหงกัน ก็เพราะตา่ งมนี ้ำ�ใจ 67
ต้ังอยูใ่ นสังคหวัตถทุ ้งั ๔ อย่าง ถ้าทกุ คนไม่ประพฤตติ ามสงั คหวตั ถุ เสียแล้ว จะอยู่ไม่เป็นสุขสบายเลย เหมือนรถล้อหลุดแล่นไม่ได้ นัน่ เอง อนง่ึ พอ่ ไดเ้ คยพดู มาแลว้ วา่ สงั คหวตั ถุ ๔ อยา่ งนน้ั เหมอื น เชือก หรือดา้ ย ๔ เปราะ สำ�หรับยดึ เหนี่ยวน�ำ้ ใจคนอ่ืน ให้รกั ใคร่ เอน็ ดู ใครประพฤตไิ ด้ดีครบ ๔ อยา่ ง นบั ว่าผูกได้แนน่ ท่สี ุด ถา้ ประพฤตไิ ดน้ อ้ ยลงมากผ็ กู ไดไ้ มส่ จู้ ะแนน่ ถา้ ไมป่ ระพฤติ กไ็ ม่มีอะไรผกู เลย ประพฤตไิ ดบ้ างครง้ั บางคราว กเ็ หมอื นเด๋ยี วผูก เดย๋ี วแก้ไมแ่ นน่ อน ควรประพฤติให้ได้ดที ้ัง ๔ อยา่ งตลอดไป จะ เทา่ กับผกู ให้แนน่ จนไม่ตอ้ งแกก้ นั เลย จึงจะดีทส่ี ดุ สิ่งของมดั ด้วยเชอื กสี่เส้น ยอ่ มแน่นแฟ้นฉันใด สงั คหวัตถุ ๔ ก็ยดึ ใจผู้คน ให้แนน่ แฟ้นกนั ไดฉ้ ันน้ัน 68
อกี ประการหนงึ่ เราอาจยืนยนั อวดอา้ งไดว้ ่า น่เี ราให้ พทุ ธศาสนา ไมไ่ ดส้ อนให้ คนมีน�ำ้ ใจ คบั แคบ เห็นแกต่ วั เลย เพราะสอนให้ เฉล่ียแบ่งปนั แกค่ นท่สี มควร ได้แก่ ทานข้อที่ ๑ ไมไ่ ด้สอนให้ ขอบคุณนะ พูดจาถ้อยคำ� หยาบคาย เพราะสอนให้ พดู ถ้อยคำ� ออ่ นหวาน ดดู ดม่ื น�ำ้ ใจผฟู้ งั ไดแ้ ก่ ปยิ วาจา ข้อที่ ๒ 69
ไมไ่ ด้สอน ดเู ครือ่ งใหเ้ ราหน่อยสิ ไดเ้ ลยเพอื่ น ไม่รูเ้ ป็นอะไร ให้ใจดำ� นง่ิ ดดู าย ไม่ช่วยเหลอื ทำ�ประโยชน์ เมพนี รำ�้ าใะจสเผออ่ื นแใผห่้ กลา้ ทำ�ส่ิงที่ เป็นคณุ ประโยชน์ ไดแ้ ก่ อตั ถจริยา ขอ้ ท่ี ๓ นายปวดขา ขอบคณุ มากเพื่อน ไมไ่ ด้สอน เราช่วยยกนะ ให้เยอ่ หยิ่ง หัวดอื้ ถอื รั้น มที ฏิ ฐมิ านะ ทะนงตวั เพราะสอน ให้มนี สิ ัย ไม่ถือตัว มีความเคารพ รกั ใครน่ บั ถอื เสมอต้น เสมอปลาย ไดแ้ ก่ สมานัตตตา ข้อท่ี ๔ 70
ซง่ึ รวมเรยี กว่า สงั คหวตั ถุ เรอื่ งความชว่ ยเหลือกนั เมอ่ื ทกุ คนต่างประพฤติสังคหวตั ถทุ วั่ ถึงกันแล้ว อย่าวา่ แต่ เฉพาะคน เฉพาะครอบครัว จะรักใคร่นับถืออยู่เป็นสุขสบายเลย ถึงคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งเมือง ทั้งประเทศ ทั้งโลก ก็ต้องอยู่เป็นสุข สบายตลอดไปเหมือนกัน เพราะฉะนน้ั ท่านจึงวา่ สงั คหวัตถทุ ง้ั ๔ อย่าง เป็นคุณ สำ�หรับยึดเหนี่ยวน้ำ�ใจผู้อื่น ให้รักใคร่นับถือ ช่วยเหลือกันอย่าง วเิ ศษแท้ ลูกจงหัดประพฤติตามสังคหวัตถุนี้ และชักชวนเพื่อนฝูง อน่ื ๆ ใหน้ ยิ มประพฤตติ ามทว่ั กนั เถดิ จะไดอ้ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ สวสั ดมี ชี ยั รกั ใคร่ นับถอื ชว่ ยเหลอื กัน เป็นสามัคคธี รรม พอ่ เหน็ ควรจะตอ้ งจบการเขยี นไวเ้ พยี งน้ี เพราะหมดเรอ่ื งท่ี ควรจะเขยี นใหล้ กู ได้รูไ้ ดเ้ ห็นแล้ว สวัสดีลูกรัก วงศ์ ประเทอื งธรรม 71
คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. พอ่ แม่ ชื่อว่าประพฤติ สังคหวตั ถแุ ก่ลูก มาแล้วอย่างไร ? ๒. ๓. พระพทุ ธเจา้ ตรสั ท่านเปรียบสังคหวัตถุ สงั คหวัตถไุ วส้ �ำ หรบั ให้ใครประพฤติบ้าง ? วา่ เหมือนอะไร ของรถ ? ๔. ถา้ จะมใี ครหาวา่ พทุ ธศาสนา ของเราสอนใหค้ นมีใจคบั แคบ เราจะมีขอ้ อ้างอยา่ งไรมา คัดค้านเขา ? 72
ภาคผนวก สังคหวัตถุ ๔ หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็ก พระจุลคณิศร (วาศน์ นิลประภา) แต่ง ได้รับพระราชทานรางวลั ช้ันที่ ๑ ในการประกวดประจำ�พุทธศักราช ๒๔๘๓ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ใหพ้ มิ พ์พระราชทาน เนอื่ งในงานพระราชพิธีวิศาขบชู า พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๓
(ส�ำ เนา) ที่ ๑/๒๔๘๓ สำ�นกั งานราชเลขานุการในพระองค์ ๑๗ เมษายน ๒๔๘๓ เรือ่ ง การประกวดแต่งหนงั สอื สอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ดก็ จาก ราชเลขานุการในพระองค์ ทูล นายกราชบณั ฑิตยสถาน ลายพระหตั ถท์ ่ี ๑๓/๒๔๘๓ ลงวนั ท่ี ๘ เดอื นน้ี วา่ การประกวด หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ ประจ�ำ ปี ๒๔๘๓ ราชบณั ฑติ ยสถาน ไดป้ ระกาศใหแ้ ตง่ ประกวดตามหวั ขอ้ ธรรมเรอ่ื ง “สงั คหวตั ถุ ๔” มผี แู้ ตง่ ส่งเข้าประกวด ๑๙ ราย ราชบณั ฑิตยสถานไดต้ ้งั ให้สมเดจ็ พระวนั รตั ภาคีสมาชิกแห่งราชบัณฑิตยสถาน สำ�นักธรรมศาสตร์และการเมือง ประเภทวชิ าศาสนา เปน็ กรรมการตรวจในทางหลกั ธรรม ซง่ึ เปน็ กรรมการ ตรวจชั้นต้น สมเด็จพระวันรัตตรวจคัดเลือกได้ฉะบับที่ถูกต้องตาม หลักธรรมซึ่งจัดว่าอยู่ในชั้นดีควรได้รับการพิจารณาต่อไป ๖ ฉะบับ ราชบณั ฑติ ยสถานไดส้ ง่ หนงั สอื ทง้ั ๖ ฉะบบั นน้ั ใหส้ �ำ นกั ศลิ ปกรรมตรวจ ในเชงิ วรรณคดอี กี ชน้ั หนง่ึ ส�ำ นกั ศลิ ปกรรมไดต้ รวจคดั เลอื กแลว้ เสนอ ความเห็นว่าฉะบับท่แี ต่งดีถึงขนาดควรได้รับพระราชทานรางวัลมีเพียง ฉะบับเดียว คือ ฉะบับหมายเลขที่ ๘ จึงให้เปิดชื่อผู้แต่ง ปรากฏว่า พระจลุ คณศิ ร (วาศน์ นิลประภา) วดั ราชบพธิ เป็นผูแ้ ต่ง ดังสำ�เนา
หนงั สือฉะบบั หมายเลขท่ี ๘ ซ่งึ ไดเ้ สนอไปน้นั ได้นำ�เสนอคณะผู้สำ�เร็จ ราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพิจารณา แล้ว มีบัญชาว่า เมื่อมีฉะบับเดียวที่ควรได้รับรางวัล ก็เป็นอันได้แก่ ฉะบับของพระจลุ คณิศร จึงทูลมาเพือ่ ทรงทราบ (ลงนาม) นริ ันดรชัย (ขนุ นริ นั ดรชยั )
(สำ�เนา) ที่ ๑๓/๒๔๘๓ ราชบณั ฑิตยสถาน ๘ เมษายน ๒๔๘๓ เรื่อง การประกวดแตง่ หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ ขอประทานกราบทลู พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อาทติ ยทพิ อาภา ประธานคณะผูส้ �ำ เรจ็ ราชการแทนพระองค์ เกล้ากระหม่อมขอประทานกราบทูลรายงานการประกวดแต่ง หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กเพื่อรับพระราชทานรางวัล และ พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธีวิศาขบูชา ประจำ�ปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ด่ังต่อไปนี้ การประกวดหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กประจำ�ปีน้ี ราชบัณฑิตยสถานได้ประกาศให้แต่งประกวดตามหัวข้อธรรมเรื่อง “สงั คหวตั ถุ ๔” มผี แู้ ตง่ สง่ เขา้ ประกวด ๑๙ ราย เปน็ พระภกิ ษุ ๘ ราย สามเณร ๒ ราย คฤหสั ถช์ าย ๙ ราย ราชบณั ฑติ ยสถานไดต้ ง้ั ใหส้ มเดจ็ พระวันรัต ภาคสี มาชกิ แหง่ ราชบัณฑติ ยสถาน ส�ำ นกั ธรรมศาสตรแ์ ละ การเมือง ประเภทวิชาศาสนา เป็นกรรมการตรวจในทางหลักธรรม ซง่ึ เปน็ การตรวจชน้ั ตน้ สมเดจ็ พระวนั รตั ตรวจคดั เลอื กไดฉ้ ะบบั ทถ่ี กู ตอ้ ง ตามหลกั ธรรม ซง่ึ จดั วา่ อยใู่ นชน้ั ดคี วรไดร้ บั การพจิ ารณาตอ่ ไป ๖ ฉะบบั คือฉะบบั หมายเลขที่ ๒-๓-๖-๘-๑๐ และ ๑๑
ราชบัณฑิตยสถานได้ส่งหนังสือทั้ง ๖ ฉะบับนั้น ให้สำ�นัก ศลิ ปกรรมตรวจในเชงิ วรรณคดอี กี ชน้ั หนง่ึ ส�ำ นกั ศลิ ปกรรมตรวจคดั เลอื ก หนงั สือทั้ง ๖ ฉะบับน้นั แล้ว เสนอความเหน็ ว่า ฉะบบั ที่แตง่ ดถี ึงระดบั ควรไดร้ บั พระราชทานรางวลั มเี พยี งฉะบบั เดยี วคอื ฉะบบั หมายเลขท่ี ๘ ความเห็นของสำ�นักศิลปกรรมนี้ ภาคีสมาชิกแห่งราชบัณฑิตยสถาน สว่ นขา้ งมากเหน็ พอ้ งดว้ ย จงึ ใหเ้ ปดิ ชอ่ื ผแู้ ตง่ ปรากฏวา่ พระจลุ คณศิ ร (วาศน์ นิลประภา) วัดราชบพิธ เป็นผู้แต่ง เกล้ากระหม่อมขอถวาย ส�ำ เนาหนังสอื ฉะบบั หมายเลขท่ี ๘ น้นั มาพรอ้ มกบั หนงั สอื นี้ ควรมคิ วรแลว้ แต่จะโปรด (ลงพระนาม) เกลา้ ฯ วรรณไวทยากร (พระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร) นายกราชบณั ฑติ ยสถาน
พระจลุ คณิศร (วาศน์ นลิ ประภา) วัดราชบพิธ
สังคหวตั ถุ ๔ หนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ด็ก ISBM : 978-616-91977-9-9 แต่งโดย พระจลุ คณศิ ร (วาศน์ นลิ ประภา) แต่ง ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ชัน้ ที่ ๑ ในการประกวดหนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแก่เด็กประจำ�ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ พิมพ์ครัง้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๘๓ พิมพค์ ร้ังท่ี ๒ (ปรบั ปรงุ ) พ.ศ. ๒๕๕๗ จำ�นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จดั พิมพโ์ ดย สำ�นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี สวนจติ รลดา พระราชวังดสุ ติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รูปเลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี เสาวณยี ์ เทย่ี งตรง และ อนันต์ กติ ติกนกกลุ พิมพ์ท่ี หจก. แอลซีพี ฐติ ิพรการพิมพ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ิศ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตท่งุ ครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐
Search