เหง้ามันสําปะหลังเป็นวัสดุเหลือทิ้งในไร่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีการนําไปใช้ประโยชน์และมักจะ เผาทิ้ง ปัญหาหลักของการนําเหง้ามันมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพ่ือผลิตไฟฟ้าคือ มีส่ิงปนเป้ือนมาก เช่น กรวด หิน ดิน ทราย จึงต้องมีการจัดการเบื้องต้นก่อน คุณสมบัติของเหง้ามันสําปะหลังและเปลือกนอกมีโครงข่ายของ ซิลิกา้ ใหค้ วามแข็งแรงและทนต่อการเผาไหม้และติดไฟได้ยาก การนําเหง้ามัน มาเป็นเช้ือเพลิงจึงจําเป็นต้อง ทําการย่อยเหง้ามันให้มีขนาดเล็กประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ก่อนป้อนเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้ จึงทําให้ ต้นทนุ ในการแปรรูปคอ่ นขา้ งสงู ใบ/ยอดอ้อยและฟางข้าวมี นํ้าหนักเบาส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูง สําหรับปัญหาหลักคือการเก็บรวบรวม ใบและยอดอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิง โดย ใช้รถอัดก้อน (Baler) ลงไปเก็บในไร่ อ้อย ทําให้ตออ้อยที่จะปลูกในฤดูกาลถัดไปถูกรถทับได้รับความหาย ขณะเดียวกันก็ไม่มีเทคโนโลยีหม้อไอ น้ํา (Boiler) ท่เี หมาะสมรองรับ คมู่ ือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 43
บทท่ี 3 การศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของการลงทนุ โครงการผลติ พลงั งานชวี มวล การพิจารณาและตัดสินใจในการหาสถานที่ตั้งโรงงานไฟฟ้าชีวมวลที่เหมาะสม ต้องพิจารณาถึงแหล่ง ชีวมวล ปริมาณชีวมวลท่ีจะนํามาใช้เป็นเชื้อเพลิงและต้นทุนการผลิตซ่ึงได้แก่ ต้นทุนการรวบรวม ต้นทุนการ แปรรปู และต้นทุนการขนส่ง (ภายในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร) ทั้งน้ีเพ่ือลดปัญหา อุปสรรคที่อาจจะเกิดข้ึน และส่งผลกระทบต่อการดําเนินการของโรงไฟฟ้าได้ ซ่ึงในภาคต่างๆ ของประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าชีวภาพและ มีความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพแตกต่างกัน ดังนี้ ภาคตะวันออกถือเป็นภาคท่ีมีกําลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวล มากสุดมีความต้องการแกลบและชีวมวลอ่ืนๆประมาณวันละ 3,000 ตันซ่ึงมากกว่าท่ีผลิตได้หลายเท่าตัวจึง ต้องทําการจัดหาชีวมวลจากภาคใกล้เคียงอ่ืนๆเช่น ภาคอีสานตอนบนตอนล่างภาคกลางและภาคตะวันตก ซึ่งการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่มากกว่า 90% มาจากโรงงานน้ําตาลนอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆเช่นโรงปูนซิ เมนตฟ์ ารม์ เลีย้ งไก่และโรงเผาอิฐร่วมบรโิ ภคดว้ ยทําให้มีโรงไฟฟ้าแกลบในเขตนีน้ อ้ ยมาก ภาคเหนือตอนล่างมีโรงไฟฟ้าแกลบและชานอ้อยเท่าๆกันแต่ใน ภาคเหนือตอนบนมีโรงไฟฟ้าชีวมวล น้อยมากท้ังๆท่ีมูลค่าของชีวมวลค่อนข้างถูกสาเหตุเพราะมีผู้บริโภคน้อยรายและอีกประการหนึ่งคืออยู่ห่าง จากผบู้ ริโภครายใหญ่ในเขตภาคกลางและตะวนั ออกมาก จงึ ไมค่ มุ้ ตอ่ คา่ ขนสง่ ภาคใต้ตอนบนเป็นเขตท่ีมีชีวมวลเหลือใช้จากโรงงานปาล์มน้ํามันและเศษไม้ยางพาราเป็นจํานวนมาก แต่มีโรงไฟฟ้าใช้เศษวัสดุเหลือใช้ปาล์มนํ้ามันเป็นเชื้อเพลิง เพียง 1 โรงเท่าน้ันเพราะมีผู้ผลิตรายใหญ่ซื้อเศษไม้ยางพารา มาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อส่งออกทําให้มีการแข่งขันด้าน ราคากันมากในเขตนี้โรงไฟฟ้าเศษไม้ จึงมีโอกาสน้อยมากท่ี จะเข้ามาร่วมแข่งขันด้วย ภาคใต้ตอนล่างมีโรงไฟฟ้าเศษไม้ ยางพาราเพียงแห่งเดียวตั้งอยู่ท่ีจังหวัดยะลาถือเป็นตัวแทน โรงไฟฟ้าเศษไม้ในภาคใต้ท้ังหมดอย่างไรก็ตามสัดส่วน ผู้บริโภคเศษไม้มากสุดไม่ใช่โรงไฟฟ้าแต่เป็นโรงงาน อุตสาหกรรมที่ใช้ความร้อนในกระบวนการผลิต เช่นโรงงานผลิตถุงมือยางและโรงงานแปรรูปสัตว์นํ้าส่วน ใหญต่ งั้ อย่ใู นอาํ เภอหาดใหญ่จงั หวัดสงขลา คู่มอื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หน้า 44
3.1 ปจั จยั ทีต่ อ้ งคํานงึ ถึงและแนวทางที่เหมาะสมสําหรับนกั ลงทุน5 การดําเนินโครงการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากชีวมวลผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาข้อจํากัด และปัญหา-อปุ สรรค และกําหนดแนวทางแก้ปญั หาทช่ี ัดเจนเพอื่ ใหเ้ กดิ ความสาํ เรจ็ จากการลงทุนดังน้ี 1. ประเด็นจากสภาพหรือคุณสมบตั ิของชวี มวล 1.) ปริมาณวัตถุดิบไม่สม่ําเสมอตลอดปี เน่ืองจากผลผลิตเป็นฤดูกาลอาทิ ชานอ้อย เนื่องจากมีการหีบอ้อยปีละ 4 เดือน โรงงานส่วนใหญ่จะเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพ ไม่สูงมากและเดินเคร่ืองเพียง 4 เดือน เนื่องจากโรงงานนํ้าตาลที่ผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อยขนาดใหญ่และมี ประสิทธิภาพสูงจะมีมูลค่าการลงทุนสูง ทําให้ต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อเน่ืองตลอดทั้งปี เพ่ือให้เกิดความ คุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตามปริมาณชานอ้อยจะมีเพียงพอสําหรับการผลิตไฟฟ้าในช่วงของการหีบอ้อย เท่านั้น ดังนั้นหากผู้ประกอบการโรงงานนํ้าตาลจะเดินเคร่ืองโรงไฟฟ้าตลอดท้ังปี ผู้ประกอบการจะมีภาระ ในการจดั หาเช้อื เพลงิ เพม่ิ เติม ประกอบกับปัจจบุ นั ราคาเชอ้ื เพลิงชีวมวลเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง จึงไม่จูงใจให้ผู้ ประกอบกจิ การโรงงานนาํ้ ตาลลงทุนในเทคโนโลยผี ลิตไฟฟ้าที่มปี ระสิทธิภาพสูง 2.) คุณสมบตั ทิ ี่ทาํ ใหเ้ ปน็ ตน้ ทุนด้านตา่ งๆ • ฤทธิ์กัดกร่อนได้แก่ ซังข้าวโพด เน่ืองจากซังข้าวโพดมีส่วนผสมของโพแทสเซียมได ออกไซด์ ซ่ึงมีฤทธ์ิกัดกร่อนอย่างรุนแรง วัสดุที่ใช้ทําอุปกรณ์ในระบบผลิตไฟฟ้าจึงมีความ จําเป็นต้องทนต่อการกัดกร่อนได้ดีทําให้ต้นทุนด้านเทคโนโลยีการเผาไหม้สูงกว่าชีวมวล ประเภทอื่นๆนอกจากน้ีซังข้าวโพดยังมีน้ําหนักเบาทําให้การสับย่อยทําได้ยาก ต้องใช้เครื่อง ตซี งั ขา้ วโพดท่ีมีราคาสูง ทําให้ตน้ ทุนการย่อยขนาดซงั ข้าวโพดตอ่ นํ้าหนักสงู กวา่ ชีวมวลอ่ืนๆ • มีความชื้นและสารประกอบอัลคาไลน์สูงได้แก่ ทะลายปาล์ม เป็นวัสดุเหลือทิ้งใน โรงงานสกัดนํ้ามันปาล์ม เช่นเดียวกับ กะลาปาล์มและใยปาล์ม แต่โรงงานสกัดปาล์มน้ํามัน ส่วนใหญ่ไม่ได้นําทะลายปาล์มมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เน่ืองจากปัญหาเร่ืองความช้ืนที่ค่อนข้างสูง มีที่ขนาดใหญแ่ ละการสับย่อยขนาดให้เล็กลงทําได้ยากเพราะมีไฟเบอร์ท่ีเหนียว การกองเก็บ ทับไว้นานๆ ไฟเบอร์จะมีความเหนียวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอัลคาไลน์สูง เม่ือเผาไหม้จะทําให้ท่อน้ําในหม้อนํ้ามียางเหนียวเกาะติดได้ง่าย ดังนั้นการนําทะลายปาล์ม มาเป็นเชือ้ เพลงิ จงึ ตอ้ งมีแปรรปู และออกแบบเตาเผาพิเศษสาํ หรับทะลายปาล์มทําให้ต้นทุน ด้านเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากทะลายปาล์มสูงทะลายปาล์มเปล่าที่กองเก็บไว้นานจะ เกิดความร้อนและติดไฟไดเ้ อง • มีส่ิงปนเปื้อนมากได้แก่ เหง้ามันสําปะหลัง เป็นวัสดุเหลือท้ิงในไร่ และมีส่ิงปนเป้ือนมาก เช่น กรวด หิน ดิน ทราย ทําให้ต้องมีการจัดการเบื้องต้นก่อนส่งผลให้ต้นทุนการผลิต 5ทมี่ า หนงั สือ“เทคโนโลยกี ารผลิตพลงั งานจากเชือ้ เพลิงชีวมวลและกา๊ ซชีวภาพ”, มูลนธิ ิพลงั งานเพ่อื สิ่งแวดลอ้ ม. หนา้ 45 ค่มู อื การพัฒนาและการลงทุนผลติ พลงั งานจากชวี มวล
ไฟฟ้าจากเหง้ามันสําปะหลังสูงเกษตรส่วนใหญ่ไม่มีการนําไปใช้ประโยชน์และมักจะเผาทิ้ง ปัญหาหลักของการนําเหง้ามันมาใช้เป็นเช้ือเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าคือคุณสมบัติของเหง้ามันเอง เน่ืองจากเปลือกนอกมีโครงข่ายของซีลิก้าให้ความแข็งแรงและทนต่อการเผาไหม้และติดไฟ ได้ยาก การนําเหง้ามันมาเป็นเช้ือเพลิงจึงจําเป็นต้องทําการย่อยเหง้ามันให้มีขนาดเล็ก ประมาณ 3 - 5 มิลลิเมตร ก่อนป้อนเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้ ซ่ึงต้นทุนในการแปรรูป ค่อนขา้ งสูง • นํ้าหนักเบาได้แก่ ใบ/ยอดอ้อย และฟางข้าว มีนํ้าหนักเบาส่งผลให้ต้นทุนการขนส่ง สงู สําหรับปญั หาหลกั ของใบและยอดอ้อยคือการเกบ็ รวบรวม ปัจจุบันมีโรงนํ้าตาลบางแห่ง ได้ทดลองนําใบและยอดอ้อยมาใช้เป็นเช้ือเพลิงโดยใช้รถอัดก้อน (Baler) ลงไปเก็บในไร่อ้อย หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยแล้ว ปัญหาที่พบคือรถอัดก้อน ไปเหยียบทับ “ตออ้อย” ทําให้ ตออ้อยได้รับความเสียหาย ซ่ึงจะมีผลต่ออ้อยในฤดูกาลถัดไป ขณะเดียวกันไม่มีเทคโนโลยี หม้อไอนํา้ (Boiler) ท่ีเหมาะสมรองรบั • ต้องการการจัดการพิเศษได้แก่ เศษไม้จากสวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ต้นทุนเช้ือเพลิงสูงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตัดรีดก่ิงและรวบรวมสูง อย่างไรก็ตาม การตัดรีดกิ่งจะทําให้ไม้ที่ได้จากสวนป่ามีคุณภาพสูงขึ้น ซ่ึงทําให้ ออป. มีรายได้จากการขาย ไมเ้ พิม่ ขน้ึ แนวทางทเี่ หมาะสม การแก้ไขปัญหาที่มาจากคุณสมบัติของชีวมวล ได้แก่ ปริมาณวัตถุดิบไม่สมํ่าเสมอตลอดปี เน่ืองจาก ผลผลติ เป็นฤดกู าล มฤี ทธก์ิ ัดกร่อน มีความชน้ื สูง มีสารประกอบอัลคาไลนส์ ูง มีส่ิงปนเป้ือนมาก และนํ้าหนัก เบาจาํ เปน็ ต้องอาศัยการจัดการแกไ้ ขปญั หาให้ตรงจุดดงั นี้ • ปริมาณวัตถุดิบไม่สมํ่าเสมอตลอดปี เน่ืองจากผลผลิตเป็นฤดูกาลได้แก่ กากอ้อย จําเป็นต้องมีการสร้างโกดัง หรือระบบเก็บวัตถุดิบท่ีมีคุณภาพ รวมไปถึงการเลือกเทคโนโลยี ท่ีใช้เช้ือเพลิงมากกว่า 1 ชนิด ท่ีให้ผลผลิตในช่วงต่างกันเพ่ือให้สามารถบริหารจัดการ เช้ือเพลงิ ในการผลติ ไฟฟ้าได้ตลอดทงั้ ปี • คุณสมบัติมีฤทธ์ิกัดกร่อน มีความช้ืนและสารประกอบอัลคาไลน์สูงได้แก่ ซังข้าวโพด และทะลายปาลม์ สง่ ผลใหต้ ้นทนุ ทางดา้ นเทคโนโลยสี ูงข้นึ • คุณสมบัติมีส่ิงปนเป้ือนมากได้แก่ เหง้ามันสําปะหลัง ทําให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดการสิ่ง ปนเปื้อนและการย่อยก่อนป้อนเช้ือเพลิงเข้าห้องเผาไหม้ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น เชน่ เดยี วกับ ซงั ข้าวโพดและทะลายปาลม์ คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลติ พลังงานจากชวี มวล หน้า 46
เพ่ือป้องกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างโรงไฟฟ้าและชุมชนท่ีสําคัญคือให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้าง โรงไฟฟา้ ดว้ ย แนวทางท่เี หมาะสม ก่อนดําเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผู้ลงทุนควรประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้เก่ียวกับเทคโนโลยีท่ี ใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่ผู้ลงทุนเลือกใช้และเทคโนโลยีการกําจัดมลภาวะเพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น รวมถึงการเชิญ ตัวแทนชาวบ้าน ผู้นําชุมชน และผู้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เดินทางศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าแบบเดียวกับท่ี ผู้ลงทุนจะดําเนินการกอ่ สรา้ ง เพื่อให้เห็นตัวอยา่ งของโรงไฟฟา้ ทีไ่ มก่ ่อให้เกดิ มลภาวะด้านฝุน่ ตอ่ ชมุ ชน ซึ่งจะ ชว่ ยใหช้ ุมชนมีความเข้าใจและมั่นใจว่าจะไม่ไดร้ บั ผลกระทบดา้ นสิง่ แวดล้อมจากโรงไฟฟา้ ท่จี ะสร้างข้นึ นอกจากนี้ผู้ลงทุนควรให้ความสําคัญกับชุมชน โดยการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ แสดงความคิดเห็น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสอบถามข้อข้องใจต่างๆ ระหว่างผู้ลงทุนและชุมชน โดยแนวทางที่เหมาะสมที่ได้จากการประเมินผลในรายงานฉบับนี้พบว่าขั้นตอนการลงพ้ืนท่ีเพ่ือทําความ เข้าใจกบั ชมุ ชน มีดังนี้ • จัดเวทีประชุมเพ่ือรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นท่ี และให้ประชาชนแสดงความเห็น เกี่ยวกบั ผลกระทบต่างๆ ทีอ่ าจเกิดขึ้นจากโรงไฟฟา้ • จัดให้มีการศึกษาและดูงานจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ชีวมวลชนิดต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงซ่ึงมีเทคโนโลยีที่ สามารถป้องกันปัญหามลภาวะด้านฝุ่นต่อชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพ่ิมความมั่นใจ ให้กับประชาชนว่าผู้ลงทุนจะรักษาสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้ดีดังตัวอย่างท่ีประชาชนได้พบเห็น ผลที่ได้รับจากการศึกษาดูงานจะทําให้ผู้ลงทุนทราบว่า ประชาชนในพ้ืนท่ีเห็นชอบกับการสร้าง โรงไฟฟ้าของผู้ลงทุนหรือไม่ และผู้ลงทุนควรให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีป้องกันผลกระทบ ทีอ่ าจจะเกดิ ขึน้ เพ่ือให้ชมุ ชนยอมรบั และไมม่ ีกระแสต่อต้าน ก่อนท่ีจะเรม่ิ ก่อสรา้ งโรงไฟฟา้ • ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผู้ลงทุนควรให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ชุมชน เพ่ือเป็นการ เชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าผู้ลงทุนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับท่ีต้ังของ โรงไฟฟ้า การให้ความช่วยเหลอื แก่โรงเรียนที่อยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้า เช่น สร้างสนามเด็กเล่น หรือ ให้เคร่ืองมืออุปกรณ์ที่จําเป็นแก่การเรียนการสอน หรืออาจมีส่วนร่วมในงานบุญโอกาสต่างๆ เช่น ทอดกฐิน เป็นต้น รวมถึงการช่วยเหลือในเร่ืองต่างๆ เม่ือมีการร้องขอมาจากหน่วยงานของ ภาครฐั เช่น องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล (อบต.) • ควรจัดให้มีตัวแทนจากโรงไฟฟ้าเข้าร่วมประชุมตามวาระการประชุมของ อบต. เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง เพ่ือแลกเปล่ียนความคิดเห็นระหว่างชาวบ้าน ผู้นําชุมชน และตัวแทนของ โรงไฟฟ้า และเพ่ือให้ทางโรงไฟฟ้าได้ข้อมูลท่ีจะเป็นประโยชน์ในการสร้างโรงไฟฟ้าให้เป็นมิตร กบั ชมุ ชนอย่างแท้จริง คมู่ ือการพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หนา้ 48
• จัดหาวิธีการเพื่อให้ประชาชนในพ้ืนที่เข้าร่วมลงทุนที่เหมาะสม เพ่ือแสดงถึงการเข้ามามีส่วน ร่วม / ความเป็นเจา้ ของ 3.2 ข้นั ตอนการพจิ ารณาโครงการผลิตพลงั งานจากชีวมวล ขั้นตอนการพิจารณาโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวล จะต้องศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ทางด้านเทคนิค การเงิน และผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ดังนั้นจะต้องรวบรวมข้อมูล เพ่ือนํามาศึกษาและ วเิ คราะห์ความเป็นไปได้ทาง ดา้ นต่างๆ เหลา่ นี้ ดังนี้ 1) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ควรพิจารณา รายละเอยี ด ดังนี้ • รายละเอียดโครงการอาทิ การพิจารณาการคัดเลือกสถานท่ีตั้งโครงการทั่วไปควรอยู่ใกล้แหล่งชีว มวลและจุดเชื่อมโยงเข้าระบบไฟฟ้าหรือสถานีย่อยไฟฟ้าของกฟผ.สถานท่ีต้ังควรห่างจากชุมชนเพื่อลด ผลกระทบระหว่างการก่อสรา้ งและดาํ เนนิ การ ขนาดพื้นทท่ี ี่ตอ้ งการ และการจัดผังพนื้ ทโ่ี ครงการ • ปริมาณชีวมวลเนื่องด้วยปริมาณเชื้อเพลิงท่ีใช้มีความสําคัญย่ิงในการผลิตไฟฟ้าและไอนํ้า ดังน้ัน ก่อนการเร่ิมดําเนินโครงการจําเป็นต้องศึกษาปริมาณเชื้อเพลิงอย่างละเอียด ว่ามีปริมาณชีวมวลใน พ้ืนที่เพียงพอตลอดระยะเวลาดําเนินโครงการ รวมถึงราคาและค่าขนส่งของ ชีวมวลท่ีส่งมาจาก แหล่งต่างๆโดยควรพิจารณาความเสี่ยงด้านราคาของชีวมวล เนื่องจากชีวมวลเป็นผลผลิตทาง การเกษตรชนิดหน่ึง ราคาจะเปล่ียนแปลงตามอุปสงค์-อุปทานและฤดูกาลผลผลิตทําให้ขาดความ สม่ําเสมอตลอดท้ังปี ทางแก้ไขคือการสํารองชีวมวลไว้จํานวนหนึ่งช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเพ่ือนํามาใช้ ในช่วงนอกฤดูเก็บเก่ียวหรือหาชีวมวลอ่ืนๆเข้ามาเสริมหรือทดแทนเชื้อเพลิงหลัก รวมถึงการทํา สญั ญากันระหวา่ งนกั ลงทนุ กับเจา้ ของเช้ือเพลิงชีวมวลเพอ่ื ชว่ ยในการจดั หาเชอ้ื เพลิง ตารางที่ 3-1 อตั ราการบริโภคชวี มวลในการผลิตไฟฟา้ ขนาด 1 เมกะวัตต์ ลําดับท่ี ประเภทชวี มวล ตนั /ป/ี เมกะวัตต์ 1 แกลบ 9,600 2 ลําต้นขา้ วโพด 13,200 3 ชานอ้อย 17,600 4 เศษไม้ยางพารา (สด) 19,700 5 ฟางขา้ ว 10,500 6 เหงา้ มันสาํ ปะหลงั (สด) 23,600 7 ซงั ข้าวโพด 13,500 หมายเหตุ : คิดคา่ ประสิทธิภาพโรงไฟฟา้ ท่ี 20% • เทคโนโลยีการผลิต ประกอบด้วยการพิจารณาเทคโนโลยี กําลังการผลิตท่ีเหมาะสม ระบบการผลิต ไฟฟ้า ระบบการผลิตไอนํ้า การใช้เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ข้อกําหนด คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 49
เบื้องต้นของอุปกรณ์ ของแต่ละชนิดของชีวมวลที่จะใช้เป็นเช้ือเพลิง จนถึงระบบส่งไฟฟ้าถึงจุด เชอื่ มโยงเข้าระบบไฟฟา้ ของกฟผ. • การศึกษาทางด้านแหล่งนํ้าเนื่องจากมีความจําเป็นต้องใช้น้ําในระบบการผลิต ทั้งในรูปแบบนํ้า ป้อน หรือน้ําหล่อเย็น ซ่ึงจะต้องศึกษาว่ามีแหล่งนํ้าในโครงการ เช่น แหล่งนํ้าผิวดิน จากแม่น้ํา ลํา ธาร คลอง หรือแหล่งน้ําใต้ดิน ว่ามีปริมาณที่เพียงพอในการผลิต เก็บข้อมูลและวิเคราะห์คุณภาพ น้ํา แผนเบ้ืองต้นการส่งนํ้าดิบ ตลอดจนวิธีการที่จะ ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพน้ําดิบจากแหล่ง เหล่าน้ีเพื่อใช้ในการผลิตปริมาณนํ้าท่ีต้องใช้ต่อวัน ประมาณ 120 ลบ.เมตร ต่อการผลิตไฟฟ้า 1 เมกกะวตั ต์ • การกําจดั น้าํ เสียท่ีเกิดขึ้น จะตอ้ งถูกบําบัดโดยกรรมวิธีทเ่ี หมาะสม และหาแนวทางการระบายนาํ้ เสียออกจากโรงไฟฟ้า • การกําจัดขเ้ี ถ้า วธิ ีการเคลอ่ื นย้าย เก็บ และกําจัดจากบรเิ วณโครงการ โดยไม่มผี ลกระทบต่อ สิ่งแวดลอ้ ม โดยเฉพาะขี้เถา้ แกลบจะมีปริมาณรอ้ ยละ 16 โดยน้ําหนัก • มลสารท่ีปลอ่ ยออก โรงไฟฟ้าถอื เปน็ โรงงานชนดิ หนง่ึ (ประเภท 3) มลสารจากโรงไฟฟา้ ชีวมวล ส่วนใหญป่ ระกอบด้วย ฝนุ่ ละออง และไนโตรเจนออกไซด์ จะตอ้ งถกู ควบคมุ ให้อย่ใู นเกณฑ์ มาตรฐาน (หมายเหตุ กระทรวงอตุ สาหกรรมประกาศขอ้ กําหนดค่าปรมิ าณของสารเจือปนใน อากาศทร่ี ะบายออกจากโรงงานพ.ศ.2549 เพ่อื ใช้บงั คบั สาํ หรบั ประเภทโรงงานใดๆท่เี ป็น แหลง่ กาํ เนดิ สารเจือปนในอากาศท่ีไมไ่ ดก้ าํ หนดค่าการระบายปริมาณสารเจือปนในอากาศไวเ้ ปน็ การเฉพาะรายละเอยี ดแสดงในภาคผนวก ค) • การวางแผนดําเนินการโครงการ ประกอบด้วยการประเมินราคาโครงการเบื้องต้น ค่าใช้จ่ายใน การ- ดําเนินการและบํารุงรักษา แผนดําเนินการโครงการเบ้ืองต้น เริ่มจากการศึกษา หาแหล่ง เงินทุน ออกแบบ และข้อกําหนด จัดหาเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ ระยะเวลาก่อสร้าง จนกระท่ัง กาํ หนดการจ่ายไฟเขา้ ระบบ 2) การพิจารณาด้านการเงนิ และจัดหาแหลง่ เงนิ ทนุ คือ การคํานวณหาผลการตอบแทนการลงทุนของโครงการว่าอยู่ในระดับดี หรือไม่ เปรียบเทียบ กับการลงทุนทางด้านอ่ืน โดยการประเมินรายได้จากการผลิต ไฟฟ้าที่ขายให้แก่กฟผ. และลูกค้าอื่น รวมรายได้อ่ืนท่ีเกิดจากโครงการ(ถ้ามี) และ ราคาของโครงการรวมค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ ซึ่งท่ัวไปรวมการวิเคราะห์การ เปล่ียนแปลงของรายได้และราคาว่าจะมีการเปล่ียนไปมากน้อยเพียงใดต่อผลการ ตอบแทนการลงทุน ถ้าอัตราผลตอบแทนออกมาเป็นท่ีน่าพอใจ และควรศึกษา แหล่งเงินสําหรับการดําเนินการโครงการ อาทิ เงินทุนของผู้ประกอบการ การสนับสนุนจากภาครัฐ ดอกเบื้ย เงินกู้ แหล่งเงนิ ทุนจากนกั ลงทนุ ทงั้ ในประเทสและต่างประเทศ เป็นตน้ คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 50
3) การทําความเข้าใจกับชมุ ชน ผปู้ ระกอบการควรทาํ การศกึ ษาผลกระทบต่อชมุ ชนจากการสร้างโรงไฟฟ้า และแผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้าง ความเขา้ ใจทถี่ กู ต้องและสร้างความยอมรับแก่ประชาชนท่วั ไป ขั้นตอนนีเ้ ปน็ ขั้นตอนทส่ี ําคญั ทจ่ี ะตอ้ ง ดําเนนิ การให้เร็วที่สุด ดังจะเหน็ ตัวอย่างจากบางโครงการ ทไี่ ด้ดําเนนิ การขออนญุ าตจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ และกอ่ สรา้ งโครงการไปบ้างแล้ว แต่ได้รบั การต่อต้านจากชุมชน จนโครงการต้องล้มเลิกในทส่ี ดุ 4) การออกแบบโรงไฟฟ้า การออกแบบและกําหนดขนาดของอุปกรณ์เบื้องต้นเพื่อนําไปใช้ในการ จัดทําข้อกําหนดทางวิชาการ และจัดทํารายละเอียดเทคนิคและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ ใช้ในโรงไฟฟ้าเพื่อนําไปใช้ในการสอบราคาหาผู้รับเหมา โดยในการคัดเลือก ผู้รับเหมาออกแบบและก่อสร้าง (Turn Key Contractor) ควรคัดเลือกผู้ท่ีมี ประสบการณ์ด้านโรงไฟฟ้าชีวมวลโดยตรง เพ่ือลดความเสี่ยงของการดําเนิน โครงการ โดยเทคโนโลยจี ะแบง่ ได้ดังน้ีคอื - โรงไฟฟา้ แบบใชห้ มอ้ ไอนา้ํ (Boiler) ซง่ึ โรงไฟฟ้าชนดิ นจ้ี ะเหมาะกบั กําลังการผลิตระดับกลางถึง ระดับสูงโดยจะมอี ุปกรณืหลกั คอื Boiler, Steam Tubineและ Generator - โรงไฟฟ้าแบบไม่ใช้หม้อไอนํ้า เช่นเทคโนโลยี Gasification หลือPyrolysis ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้ เหมาะสําหรับโรงไฟฟ้าขนาดเล็กเพราะไม่ต้องใช้แหล่งน้ําขนาดใหญ่ และทําให้มีต้นทุนอุปกรณ์ และการกอ่ สร้างลดลง 5) การติดตอ่ ขออนุญาตจากหน่วยงานตา่ ง ๆ เพ่ือขออนุญาตทั้ง ก่อสร้างโรงไฟฟ้า การใช้ท่ีดิน และขออนุญาตจําหน่ายไฟฟ้า ซึ่งจะมีหลาย กระบวนการท่ีเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต่างๆ หลายแห่ง รวมไปถึงข้อกฎหมาย และกฎระเบียบอื่นๆ ดงั แสดงในบทท่ี 5 6) การดําเนนิ การก่อสร้างโรงไฟฟา้ ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้ 6.1) การเปิดประมูลหรือสอบราคาในขั้นตอนการเปิดประมูลหรือสอบราคาเพื่อว่าจ้างผู้รับเหมามา ดําเนนิ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าท่เี หมาะสมและราคายุติธรรม 6.2) ดําเนนิ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบ่งได้ 2 ขั้นตอนคอื 1)ขั้นตอนก่อสรา้ งโรงไฟฟ้า 2)ขั้นตอนการเชือ่ มต่อโรงไฟฟ้ากบั สายส่ง 7) การเริ่มใชง้ านและการบริหารโรงไฟฟา้ คู่มอื การพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 51
การบริหารโรงไฟฟ้าหลังจากเริ่มดําเนินการ เป็นส่วนท่ีมีความสําคัญมากส่วนหนึ่งของกิจกรรมท้ังหมด เนื่องจากจะมีผลตอ่ ความสามารถในการจาํ หน่ายไฟฟา้ ของโรงไฟฟ้า และจะส่งผลตอ่ ต้นทนุ ในการดําเนินการ โดยที่ผู้ประกอบการจะต้องคํานึงถึงการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ แผนซ่อมบํารุงประจําปี แผนการจัดซื้อ วัตถดุ บิ ระหว่างการดาํ เนินการ แผนการจ่ายไฟฟ้าในช่วง Peak หรอื Off Peak เปน็ ต้น 8) อืน่ ๆ นอกเหนือจากนนั้ การดําเนินโครงการยังมีการศึกษาวิเคราะห์ท่ัวไป อาทิ การศึกษาทางด้านส่ิงแวดล้อม เบ้ืองต้น ด้านเศรษฐกิจและสังคม ทางด้านนโยบายของรัฐ ซ่ึงอาจจะมีผลกระทบต่อการผลิตปริมาณชีวมวล และรายได้ของโครงการ และในกรณีท่ีโครงการมีกําลังการผลิตไฟฟ้าต้ังแต่ 10 เมกะวัตต์ขึ้นไป จะต้องมี การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อม(EIA) ซ่ึงผู้ประกอบการจะต้องดําเนินการตามแนวทางของสํานักนโยบายและ แผนส่ิงแวดล้อมกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและส่ิงแวดล้อมแห่งชาติหรือหากขนาดของโรงไฟฟ้าใหญ่ กว่า 6 เมกะวัตต์ผู้ประกอบการจะต้องศึกษากระบวนการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบพ้ืนท่ีโรงไฟฟ้า ตาม ประกาศของ สํานักงานคณะกรรมการกํากบั กิจการพลังงาน 3.3 การวเิ คราะห์ผลการตอบแทนการลงทุน การวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ท้ังนี้เพื่อศึกษาคัดเลือกแนวทางการพัฒนาโครงการที่มีความ เหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ โดยประเมินหาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ซ่ึงได้แก่มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV) อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return :EIRR) อัตราส่วน ผลประโยชน์ต่อต้นทุน (Benefit Cost Ratio, B/C) และต้นทุนพลังงานไฟฟ้า (Average Incremental Costs : AIC) เพื่อนําผลการศึกษาเหล่านี้พิจารณาร่วมกับผลการศึกษาด้านวิศวกรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม เพอื่ จัดทาํ แบบพัฒนาโครงการต่อไป ในการวิเคราะหด์ า้ นเศรษฐกิจของโครงการเพ่ือประเมินผลตอบแทนต่อ การลงทุน จะดูค่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ ดูค่าอัตราส่วนของผลประโยชน์ต่อต้นทุน อัตราผลตอบแทนทาง เศรษฐกิจ ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า จากนั้นจะมาวิเคราะห์ต้นทุนโครงการ (Project Costs) และวิเคราะห์ ผลประโยชน์ของโครงการ (Project Benefits) กล่าวคือ การวิเคราะห์ต้นทุนของโครงการ ซ่ึงประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน และบํารุงรักษา การวิเคราะห์ผลประโยชน์โครงการ ประกอบด้วย ผลประโยชน์ด้านไฟฟ้า ผลประโยชน์ด้าน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้นจึงนํามาวิเคราะห์ความเหมาะสมด้านการเงิน ท้ังน้ีเพื่อหาต้นทุน และผลตอบแทนทางการเงิน เพ่ือใช้พิจารณาในการวางแผนและตัดสินใจลงทุน ซ่ึงต้องคํานึงถึงเงินเฟ้อ เงิน อุดหนุนราคาไฟฟ้า (Adder) เพ่ือใช้ประเมินค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ของโครงการด้วย ผลประโยชน์ของ โครงการทางการเงินเป็นรายได้หลักจากการขายไฟฟ้า จะทําโดยใช้หลักเกณฑ์และราคาท่ีกําหนดตาม ระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าสําหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หรือผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) แล้วแต่ ขนาดการผลิตไฟฟ้าของโครงการ ภายหลังการประเมินการดําเนินการโครงการทางด้านวิศวกรรมแล้ว และ ได้ผลการวิเคราะห์งบประมาณที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมด วิเคราะห์ผลตอบแทนด้านการเงิน วิเคราะห์ถึง ค่มู ือการพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หน้า 52
ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ และรายได้จากการขายไฟฟ้า ผลประโยชน์ทางด้านสังคม ก็จะนํามาสู่การตัดสินใจ ของการลงทุนโครงการตอ่ ไป การวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรายได้และรายจ่ายว่า รายได้สูง กว่ารายจ่ายหรือไม่ หากรายได้สูงกว่ารายจ่าย แสดงว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่า และหากมีอัตราตอบแทนใน ระดับสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของการนําเงินลงทุนนั้นไปลงทุนอย่างอื่น หรือสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ก็จะ หมายความว่า การลงทุนนั้นให้ผลตอบแทนในอัตราที่จูงใจตัวช้ีวัดในประเด็นท่ีกล่าวข้างต้นท่ีใช้กันท่ัวไปมี ดงั นี้ 1) มลู คา่ ปัจจบุ ันสทุ ธิ (Net Present Value, NPV) มูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการคือมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดของโครงการ ซ่ึงสามารถคํานวณได้ จากการทําส่วนลดกระแสผลตอบแทนสุทธิตลอดอายุโครงการให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน ซึ่งการวิเคราะห์มูลค่า ปัจจุบันสุทธิคือหากค่ามูลค่าปัจจุบันสุทธิ ≥0 แสดงว่าเป็นโครงการที่สมควรจะดําเนินการเนื่องจากมี ผลตอบแทนเมื่อเปรียบเทียบ ณ ปัจจุบันมากกว่าค่าใช้จ่ายแต่ในทางตรงกันข้ามหากมูลค่าปัจจุบันสุทธิมีค่า น้อยกว่าศูนย์แสดงว่าเป็นโครงการท่ีไม่น่าจะลงทุนเนื่องจากมีผลตอบแทนเม่ือเปรียบเทียบ ณ ปัจจุบันน้อย กว่าค่าใชจ้ า่ ย 2) อตั ราผลตอบแทนของโครงการ (Internal Rate of Return, IRR) อัตราผลตอบแทนของโครงการคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทําให้ค่า NPV มีค่าเท่ากับศูนย์ดังน้ันอัตรา ผลตอบแทนของโครงการจึงได้แก่อัตราดอกเบี้ยหรือ i ที่ทําให้ NPV=0 ซ่ึงหากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ณ สถานการณ์ปัจจุบันสูงกว่าค่าอัตราผลตอบแทนของโครงการที่คํานวณได้ก็ไม่สมควรท่ีจะลงทุนโครงการ ดังกล่าวในทางตรงกันข้ามหากอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ ณ สถานการณ์ปัจจุบันย่ิงตํ่ากว่าค่าอัตราผลตอบแทน ของโครงการท่ีคาํ นวณไดม้ ากเทา่ ไรแสดงเปน็ โครงการที่ให้ผลตอบแทนมากขึน้ ตามลาํ ดบั 3) ผลประโยชน์ต่อเงินลงทุน (Benefit-Cost Ratio, B/C) ผลประโยชน์ต่อเงินลงทุนคืออัตราส่วนระหว่างมูลค่าปัจจุบันของกระแสผลตอบแทนหรือมูลค่า ผลตอบแทนของโครงการเทียบกับมูลค่าปัจจุบันของกระแสต้นทุนหรือต้นทุนรวมของโครงการซ่ึงรวมทั้ง ค่า อุปกรณ์ เคร่ืองจักร ค่าที่ดิน ค่าติดตั้ง ค่าดําเนินการ ค่าซ่อมบํารุงรักษา ค่าการบําบัดนํ้าเสีย ถ้าอัตราส่วนท่ี ได้มากกว่า 1 แสดงวา่ ควรตดั สินใจเลอื กโครงการนนั้ แต่ถ้าอัตราสว่ นทไี่ ดน้ อ้ ยกว่า 1 แสดงว่าโครงการน้ันไม่ น่าสนใจลงทนุ แต่ถา้ เท่ากับ 1 แสดงวา่ โครงการคุ้มทนุ 4) ต้นทนุ พลังงานตอ่ หน่วย (Cost of Energy) การพิจารณาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ที่สําคัญอีกตัวช้ีวัดหนึ่ง คือ การวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วย ในการผลิตไฟฟ้าซ่ึงวิเคราะห์จากต้นทุนการผลิตตลอดอายุโครงการ สําหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ต้นทุนเร่ิมต้นในการติดตั้งเคร่ืองจักรผลิตไฟฟ้ารวมทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนรายปีตลอดอายุโครงการที่ทํา การผลิตไฟฟ้าแล้วคํานวณหาค่าใช้จ่ายต่อปีที่เท่ากัน (Equivalent annual costs, EAC) ซ่ึงได้คํานึงถึงการ คมู่ ือการพฒั นาและการลงทุนผลติ พลงั งานจากชวี มวล หน้า 53
ปรับค่าของเวลา และการเลือกค่าเสียโอกาสของทุนที่เหมาะสมเข้าไว้ด้วยแล้วและคํานวณหาต้นทุนต่อ หน่วยโดยหารดว้ ยปริมาณไฟฟ้าทีผ่ ลติ ไดต้ ่อปี ผลการวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยสามารถใช้ประโยชน์ในการพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาไฟฟ้าท่ีการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับซื้อ ซ่ึงจะเป็นเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกขนาดโรงไฟฟ้า และมีการ วเิ คราะห์ผลกรณีท่ีปจั จัยดา้ นอตั ราดอกเบี้ยเปล่ียนแปลง (Sensitivity Analysis) 5) ระยะเวลาการลงทนุ (Pay Back Period) คือ ระยะเวลาท่ีรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินการสามารถนําไปชําระเงินท่ีใช้ลงทุนในการ พัฒนาโครงการได้ครบถ้วน โดยส่วนใหญ่ใช้นับเป็นจํานวนปี โครงการท่ีมีระยะเวลาคืนทุนส้ันจะเป็น โครงการท่ีดีกว่าโครงการที่มีระยะคืนทุนยาว โดยทฤษฎีระยะเวลาคืนทุนจะต้องไม่นานกว่าอายุการใช้งาน ของโครงการ แตใ่ นภาคปฏบิ ตั ริ ะยะเวลาคืนทุนของโครงการขนาดใหญ่จะยอมรับกันที่ 7-10 ปี 6) งบกระแสเงนิ สด (Cash Flow) เป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและรายได้ท่ีเกิดขึ้นในแต่ละปีในช่วงอายุที่โครงการยัง ก่อให้เกิดรายได้ว่า รายได้ท่ีได้รับจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนในปีนั้นๆ หรือไม่ ทั้งน้ี เพื่อให้นักลงทุนจะ ได้ตระหนักและหาทางแก้ไขล่วงหน้าเพื่อมิให้เกิดสถานการณ์เงินขาดมือในช่วงใดช่วงหนึ่ง ซ่ึงจะส่งผลให้ โครงการสะดุด ซ่งึ ในกรณีการกเู้ งิน สถาบันการเงนิ จะใหค้ วามสําคญั กบั งบกระแสเงนิ สดมาก 7) ปจั จัยสาํ คัญท่มี ีผลต่อการวเิ คราะหค์ วามเหมาะสมการลงทนุ ที่ถูกต้อง มีดงั นี้ รายจ่าย (Cost)ประกอบดว้ ย ต้นทนุ การลงทนุ และคา่ ใชจ้ ่ายในการดําเนนิ การ o ต้นทุน ได้แก่ เงินท่ีใช้ลงทุนในการพัฒนาโครงการ เช่น การซื้อท่ีดิน เครื่องจักรอุปกรณ์ ตา่ งๆ ฯลฯ ตลอดจนคา่ ติดต้ังดําเนนิ การทดสอบ o ค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าดําเนินการในการเดินเคร่ืองหลังจากการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าซ่อมแซม ดอกเบ้ียเงินกู้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภาษี ฯลฯ แต่ละ เทคโนโลยีจะมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและขนาด และ มาตรการสง่ เสรมิ การลงทุนของรัฐ o ประโยชนห์ รือรายรับ (Benefit)รายรบั ทีไ่ ดร้ บั จากโครงการ แยกออกเปน็ 2 รปู แบบ คือ ประโยชน์โดยตรงทางการเงิน อันได้แก่ รายได้จากการขายพลังงานในกรณีที่ขายให้แก่ ภายนอก หรือการลดค่าใช้จ่ายพลังงานท่ีใช้อยู่เดิม การขายวัสดุท่ีเหลือจากการผลิต พลังงานรายได้จาก CDM กับประโยชน์ทางอ้อมที่มิใช่เป็นเม็ดเงินโดยตรงแต่สามารถ ประเมินเป็นรูปเงินได้ เช่น การลดการกําจัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งในการ ประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ จะใช้ประโยชน์ที่เกิดจากทั้งทางตรงและ ทางอ้อม ผู้ประกอบการจะต้องหาข้อมูลให้ถูกต้องและถี่ถ้วนถึงราคาพลังงานที่จะขาย ได้หรือสามารถทดแทนได้ตลอดจนมาตรการสนับสนุนของรัฐที่มีผลต่อรายรับในด้าน คูม่ อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 54
ราคาของพลังงานที่ขาย เช่น adder ระยะเวลาที่ให้การสนับสนุน เพื่อนาํ มาใช้ประเมิน ผลตอบแทนโครงการ o ข้อเสนอแนะข้อมูลข้างต้นเป็นการให้ความรู้พ้ืนฐานเบื้องต้นแก่ผู้ประกอบการ เพ่ือความเข้าใจและ นําไปใช้ประกอบการพิจารณาประเมินผลเบ้ืองต้น แต่แนะนําว่าหากจะได้ผลอย่างสมบูรณ์ที่ให้ความเชื่อมั่น อยา่ งแทจ้ รงิ แก่ผปู้ ระกอบการและสถาบันการเงิน ควรให้ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นการเงนิ เป็นผู้ดาํ เนินการวิเคราะห์ 3.4 การศึกษาความเป็นไปไดใ้ นการประเมนิ สถานท่ีต้ังโรงไฟฟ้าชีวมวล6 สําหรับแนวทางที่ใช้ในการพิจารณาในการหาสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าท่ีเหมาะสม ซ่ึงได้พิจารณาถึงแหล่ง ชีวมวล ปริมาณชีวมวลที่จะนํามาใช้เป็นเช้ือเพลิง และต้นทุนการผลิตซึ่งได้แก่ ต้นทุนการรวบรวม ต้นทุน การแปรรูป และต้นทุนการขนส่ง(ภายในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร) ดังรูป ซ่ึงจะแสดงถึงข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ใน การประเมินหาสถานท่ีต้ังโรงไฟฟ้า ซึ่งตัวแปรต่างๆ ที่ใช้ได้แก่ ค่าพลังงานชีวมวล (Biomass I, II, III) แต่ละ ชนิดในพ้ืนท่ี (GJ/y) ซ่ึงในตัวอย่างเบื้องต้นจะกําหนดขนาดโรงไฟฟ้าไว้ท่ี 6MWe (756,000 GJ) เพ่ือหาชีว มวลท่ีเหมาะสม ท้ังด้านปริมาณและค่าพลังงานของชีวมวลในพ้ืนท่ี นอกจากน้ันได้พิจารณาถึงต้นทุนการ ผลิตของชีวมวลแต่ละชนิด (C1, C2) ในพื้นที่ รวมทั้งระยะทางจากแหล่งชีวมวลถึงจุดที่ต้ังโรงไฟฟ้า เพื่อหา สถานทตี่ ้งั โรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ําที่สดุ (Minimizing Total Cost) รปู แสดงข้นั ตอนในการประเมนิ หาสถานที่ตงั้ โรงไฟฟ้าชีวมวล 6ที่มา รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเช้ือเพลิงชีวมวลเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน(ระดับมห ภาค), สาํ นกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน, มูลนธิ พิ ลงั งานเพือ่ ส่งิ แวดลอ้ ม, ธนั วาคม 2551 คมู่ อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หนา้ 55
3.5 ตัวอย่างกรณีศึกษา: การประเมนิ หาแหล่งท่ตี ้ังโรงไฟฟา้ ชวี มวลในพื้นทภี่ าคตะวนั ออก 4 จังหวดั ไดแ้ ก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชงิ เทรา และจันทบุร7ี 3.5.1สาํ รวจโรงไฟฟา้ ชวี มวลในพ้นื ทเ่ี ป้าหมาย จากข้อมูลโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคตะวันออก พบว่ามี โรงไฟฟ้าชีวมวลอยู่ 5 แห่ง ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วและอีก 2 แห่ง รอจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ โดยมีกําลังการผลิตติดต้ังรวม 168.7 MW ซึ่ง โรงไฟฟ้าชีวมวลส่วนใหญ่ต้ังอยู่ในพื้นท่ี จ.ฉะเชิงเทราและปราจีนบุรี โดยเชื้อเพลิงชีวมวลหลักท่ีใช้ได้แก่ แกลบ เปลือกไม้ เศษไม้/เศษยูคา ลปิ ตสั ไมช้ น้ิ สบั และซังข้าวโพด(รอขายไฟขา้ ระบบ) ตารางที่ 3-2 รายชอ่ื โรงไฟฟ้าในพ้ืนทเ่ี ป้าหมาย ลําดบั ชอื่ เช้ือเพลงิ สถานท่ตี ้ัง วันเรมิ่ ตน้ จา่ ยไฟฟ้า ขนาดกําลัง ปริมาณพลงั ไฟฟ้า โรงไฟฟ้า เขา้ ระบบ (COD) การผลิต สูงสุดทจ่ี ะจ่ายเขา้ (MW) ระบบ (MW) 1 บ. บีพเี ค เพาเวอร์ ซัพ แกลบและ อ.บางปะกง ขายไฟฟา้ เข้าระบบ 10.400 8.000 พลาย จก. เศษไม้ จ.ฉะเชิงเทรา แลว้ 2 บ. แอ๊ดวานซ์อะโกร เปลือกไม,้ อ.ศรมี หาโพธ์ิ ขายไฟฟา้ เขา้ ระบบ 75.000 50.000 จก.(มหาชน) (1) เศษไม้และ จ.ปราจีนบรุ ี แล้ว นํา้ มนั ยางน้าํ 3 บ. แอ๊ดวานซ์อะโกร น้ํามันยางดาํ อ.ศรมี หาโพธ์ิ ขายไฟฟ้าเขา้ ระบบ 32.900 25.000 จก.(มหาชน) (2) จ.ปราจนี บรุ ี แลว้ 4 บ. บีดับบลวิ เพาเวอร์ แกลบเศษไม้ อ.บางสมัคร ขายไฟฟา้ เขา้ ระบบ 3.000 1.800 ซพั พลาย จก. ยูคาลิปตสั จ.ฉะเชิงเทรา แล้ว 5 บ.ไทยเพาเวอร์ ซัพ แกลบและ อ.พนมสารคาม ขายไฟฟา้ เขา้ ระบบ 47.400 41.000 พลาย จก. (1) เศษไม้ จ.ฉะเชิงเทรา แล้ว 6 บ.ไฟฟ้าชีวมวล จก. แกลบ, ไมย้ ู อ.ศรมี หาโพธ์ิ รอขายไฟเข้าระบบ (165.000) (90.000) คาลิปตสั จ.ปราจนี บุรี และช้นิ ไม้สับ 7 บจก. สหโคเจน คลนี ซงั ขา้ วโพด อ.กบนิ ทร์บุรี รอขายไฟเข้าระบบ (9.900) (8.000) จ.ปราจนี บุรี รวม (โรงไฟฟ้าที่จา่ ยไฟฟ้าเขา้ ระบบแลว้ ) 168.7 125.8 หมายเหตุ ขอ้ มลู ณ. วนั ท่ี 20 สิงหาคม 2551 7 ทีม่ า รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเช้ือเพลิงชีวมวลเพ่ือใช้เป็นพลังงานทดแทน(ระดับมห ภาค), สํานกั งานนโยบายและแผนพลังงาน, มลู นิธพิ ลังงานเพ่อื ส่ิงแวดล้อม, ธนั วาคม 2551 ค่มู อื การพฒั นาและการลงทุนผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 56
3.5.2 ศักยภาพชวี มวลทเ่ี กิดขน้ึ ในพน้ื ที่เป้าหมาย สํารวจพืชชีวมวลในพื้นท่ีเป้าหมาย 4 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี พบชวี มวลและฤดูกาลผลผลิตในพื้นทด่ี ังกลา่ วแสดงดังตารางที่ 3-6 นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงการกระจายตัวของพืชชีวมวลในพ้ืนที่เป้าหมาย อันได้แก่ ผลผลิตพืชชีวมวล และปริมาณชีวมวลท่ีเกิดขึ้นในพื้นท่ีเป้าหมาย (ดังตารางที่ 3-7 และตารางท่ี 3-8) ซ่ึงในกรณีศึกษานี้จะ พิจารณาเฉพาะชวี มวลทมี่ ีศกั ยภาพในการนํามาผลิตไฟฟา้ เท่าน้ัน จากตารางที่ 3-8 ปริมาณชีวมวลท่ีเกิดข้ึนในภาคตะวันออก พบว่าการใช้ประโยชน์จากแกลบ ถูกใช้ เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซ่ึงส่วนใหญ่นั้นมักจะนําไปใช้เป็นเช้ือเพลิงในกระบวนการของ โรงสีเอง รวมทั้งขายไปเป็นเช้ือเพลิงในโรงไฟฟา้ ชวี มวล คิดเปน็ สัดสว่ นรอ้ ยละ 70-80 ตารางท่ี 3-3 ฤดกู าลผลผลิตเชื้อเพลงิ ชวี มวล ปีปฏทิ ิน ภาคตะวันออก ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ข้าวนาปี ขา้ วนาปรงั อ้อยโรงงาน ขา้ วโพดเลี้ยง มันสําปะหลัง ปาลม์ นํ้ามัน ไม้ยางพารา ตารางที่ 3-4 ผลผลติ พชื ชีวมวลในพืน้ ท่เี ป้าหมาย 4 จังหวัดในภาคตะวันออก ผลผลิต ผลผลิต ผลผลิต ผลผลิต ผลผลิต พน้ื ที่ตัดโค่น จงั หวัด ขา้ ว ขา้ วโพด มนั สาํ ปะหลงั ออ้ ยโรงงาน ปาล์มนาํ้ มนั ยางพารา (ตัน) (ตัน) (ตัน) (ตัน) (ตัน) (ไร่) ฉะเชงิ เทรา 697,385 11,480 1,138,104 480,919 4,876 265 ปราจีนบุรี 358,566 14,406 560,054 51,548 - - จนั ทบรุ ี 15,541 21,166 950,121 183,528 4,967 3,935.05 สระแก้ว 236,714 160,632 1,356,761 974,657 1,008 - รวม 1,308,206 207,684 4,005,040 1,690,652 10,851 4,200.05 คูม่ ือการพฒั นาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 57
ตารางท่ี 3-5 ปรมิ าณชวี มวลที่เกดิ ข้ึนในพน้ื ที่เป้าหมาย 4 จังหวดั ในภาคตะวนั ออก แกลบ ฟางข้าว ตน้ และใบ ซงั เหง้ามัน ยอดและ ชานอ้อย จังหวัด ข้าวโพด ข้าวโพด สําปะหลัง ใบอ้อย (ตัน) (ตัน) (ตนั ) (ตัน) (ตนั ) (ตัน) (ตนั ) ฉะเชงิ เทรา 140,872 343,811 10,217 2,686 101,291 108,207 135,138 ปราจีนบรุ ี 72,430 176,773 12,821 3,371 49,845 11,598 14,485 จันทบรุ ี 3,139 7,662 18,838 4,953 84,561 41,294 51,571 สระแกว้ 47,816 116,700 142,962 37,588 120,752 219,298 273,879 รวม 264,257 644,946 184,838 48,598 356,449 380,397 475,073 ในสว่ นของฟางข้าวการใช้ประโยชน์เพ่ือเป็นเช้ือเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวลยังไม่มี ส่วนใหญ่จะใช้ในภาค การเกษตรได้แก่ ใช้เพื่อเลี้ยงสัตว์(วัว) เพาะเห็ดฟาง ทําปุ๋ย ส่วนท่ีเหลือจะปล่อยทิ้งไว้ในไร่นา บางรายมีการ เผาท้ิง การใช้ประโยชน์ของซังข้าวโพดหลักๆอยู่ในภาคอุตสาหกรรม เช่นใช้เป็นเช้ือเพลิงสําหรับโรงไฟฟ้าชีว มวล และใช้เป็นเช้ือเพลิงสําหรับหม้อไอนํ้าอุตสาหกรรม นอกจากน้ียังมีการใช้ประโยชน์เพื่อเป็นวัตถุดิบใน การผลิตแอลกอฮอล์ อาหารสัตว์ และใช้ประโยชน์ในครัวเรือนเพื่อเป็นเช้ือเพลิงหุงต้ม ส่วนที่เหลือทาง การเกษตรจะปล่อยใหย้ ่อยสลายเปน็ ปุ๋ยในบางรายอาจมีการเผาทงิ้ ในส่วนของลําต้น ยอดและใบข้าวโพดสัดส่วนการนําไปใช้ประโยชน์พบว่าร้อยละ 100มีการใช้เป็น ปุ๋ย นอกจากน้ีส่วนของจังหวัดสระแก้ว พบว่าร้อยละ 24 มีการนําไปใช้ในส่วนอ่ืนๆ เช่น ใช้เป็นอาหารสัตว์ และเผาทิ้ง ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกนํามาใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน เน่ืองจากยากต่อการจัดเก็บและรวบรวมมาใช้ ประโยชน์ให้ได้ในปริมาณมาก ดังน้ันการใช้ประโยชน์จากชีวมวลที่ได้จากข้าวโพดล้ียงสัตว์ ซึ่งเป็นวัสดุเหลือ ใช้ทางการเกษตรจากขา้ วโพดจะมเี ฉพาะสว่ นของซงั ขา้ วโพด ในส่วนของลําต้นรวมทั้งยอดและใบจะถูกท้ิงไว้ ในไร่ เพ่อื ทาํ การไถก่ ลบ หรอื ถกู เผาทิง้ ในบางพ้นื ท่ี ในส่วนของเหง้ามันสําปะหลังยังไม่พบการนําไปใช้ประโยชน์ จะเหลือใช้เกือบร้อยละ 100 ซึ่งส่วนที่ เหลือนี้จะถูกนําไปทาํ ปุย๋ โดยการไถกลบ หรอื เผาท้งิ ยกเว้นทจี่ งั หวัดสระแก้วพบวา่ 6% มกี ารให้กับโรงไฟฟ้า ของบริษทั แอดวานซ์อะโกร สําหรับชานอ้อยได้ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานท่ีจําเป็นสําหรับกระบวนการผลิตน้ําตาลเกือบ 100% ของปริมาณที่เกิดข้ึนทั้งหมด ทําให้ปริมาณที่เหลือนํามาใช้ประโยชน์ได้มีน้อยมาก ส่วนโรงงานที่มีเหลือ ใช้จะขายให้กับโรงผลิตกระดาษและปาติเคิลบอร์ด หรือโรงงานผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย จึงทําให้ชีวมวลชนิดนี้ ถกู ใชห้ มด ในส่วนของยอดและใบอ้อยนั้นไม่พบว่ามีการนําชีวมวลน้ีไปใช้ประโยชน์ในด้านเช้ือเพลิงหรือมีการซ้ือ ขาย ส่วนใหญ่จะถูกเผาทิ้งก่อนตัด ปัจจุบันมีโรงงานนํ้าตาลบางแห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทดลอง นําไปเปน็ เชือ้ เพลิงชีวมวล สําหรบั ในพนื้ ที่ภาคตะวนั ออกยังไม่มกี ารซือ้ ขาย ค่มู อื การพัฒนาและการลงทุนผลติ พลงั งานจากชวี มวล หน้า 58
ตารางท่ี 3-6 ศักยภาพพลงั งานชวี มวลในพนื้ ที่เป้าหมาย (Unit : GJ) จังหวัด แกลบ ฟางขา้ ว ตน้ และใบ ซัง เหงา้ มัน ยอดและใบ ชานอ้อย ข้าวโพด ข้าวโพด สาํ ปะหลัง อ้อย ฉะเชิงเทรา 1,904,589 4,239,190 100,433 39,995 556,088 995,967 ปราจีนบุรี 979,254 2,179,611 126,030 50,194 273,649 1,675,044 106,754 จันทบรุ ี 42,439 94,472 185,178 73,750 464,240 179,537 380,078 สระแกว้ 646,472 1,438,911 1,405,316 559,685 662,928 639,231 2,018,488 รวม 3,572,755 7,952,184 1,816,316 723,624 1,956,905 3,394,733 3,501,288 5,888,546 ตารางท่ี 3-7 ศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลในพื้นทีเ่ ป้าหมาย (Unit : MWe) ตน้ และใบ ซัง เหงา้ มัน ยอดและ จงั หวัด แกลบ ฟางข้าว ขา้ วโพด ข้าวโพด สําปะหลัง ใบอ้อย ชานอ้อย รวม ฉะเชิงเทรา 15.12 33.64 0.80 0.32 4.41 13.29 7.90 75.49 ปราจีนบรุ ี จนั ทบรุ ี 7.77 17.30 1.00 0.40 2.17 1.42 0.85 30.91 สระแกว้ รวม 0.34 0.75 1.47 0.59 3.68 5.07 3.02 14.92 5.13 11.42 11.15 4.44 5.26 26.94 16.02 80.37 28.36 63.11 14.42 5.74 15.53 46.73 27.79 201.68 เม่ือพิจารณาถึงศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ารวมจากชีวมวลในพื้นท่ีเป้าหมาย พบว่ามีประมาณ 201.68 MWeในปี 2550 อย่างไรก็ตามชีวมวลบางประเภทในพื้นท่ีได้ถูกนํามาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลหลักในการ ผลิตไฟฟ้าแลว้ อาทิ แกลบ ชานอ้อย ซงั ขา้ วโพด เปน็ ตน้ 3.5.3 ต้นทนุ การผลติ ของชวี มวลแต่ละชนิดในพน้ื ที่เปา้ หมาย สําหรับต้นทุนการผลิตในพ้ืนที่เป้าหมาย จะใช้ราคาชีวมวลและต้นทุนการจัดการท่ีได้จากการสํารวจ ในพ้ืนที่ภาคตะวันออกจากการคํานวณต้นทุนการผลิตและค่าความร้อนของชีวมวลแต่ละประเภท พบว่าค่า ความร้อนของใบ/ยอดอ้อยมีค่าสูงสุด รองลงมาได้แก่ ซังข้าวโพด ฟางข้าว และเหง้ามันสําปะหลังตามลําดับ และเมื่อพิจารณาถึงต้นทุนพลังงานต่อค่าความร้อน พบว่า ซังข้าวโพดมีต้นทุนพลังงานที่ถูกที่สุด รองลงมา ได้แก่ ใบ/ยอดอ้อย ลําต้นข้าวโพด ฟางข้าว ลําต้นข้าวโพดและเหง้ามันสําปะหลัง ขณะท่ีต้นทุนพลังงานของ แกลบ สูงสุด ตารางที่ 3-8 ราคาชวี มวลในพืน้ ทเี่ ป้าหมาย ตน้ ทนุ การ ต้นทนุ รวม ต้นทุนพลังงาน แปรรปู (บาท/ตนั ) (บาท/GJ) ลาํ ดบั ชีวมวล ค่าความรอ้ นตา่ํ ความช้ืน ราคาชวี มวล1 ต้นทนุ คา่ 3 (บาท/ตนั ) (เมกะจลู /กก.) (%) (บาท/ตัน) ขนส่ง (บาท/ตัน) 1 แกลบ 13.52 12 1000 150 - 250 - 1150-1250 85 - 104 2 ฟางขา้ ว 12.23 10 350 150 - 250 100 600-700 49 - 57 คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 59
ลาํ ดบั ชีวมวล คา่ ความรอ้ นตาํ่ ความชืน้ ราคาชวี มวล1 ต้นทนุ ค่า3 ตน้ ทนุ การ ต้นทนุ รวม ต้นทุนพลังงาน (เมกะจลู /กก.) (%) (บาท/ตัน) ขนส่ง แปรรปู (บาท/ตนั ) (บาท/GJ) (บาท/ตนั ) (บาท/ตัน) 3 เหงา้ มัน 10.84 30 300 150 - 250 200 650-750 60 - 69 สําปะหลัง 4 ซังขา้ วโพด 14.89 12 300 150 - 250 - 450-550 30 - 37 5 ลาํ ตน้ 9.83 42 250 150 - 250 100 400-500 50 - 60 ข้าวโพด 38.76 6 ใบ/ยอดออ้ ย 15.48 9.2 5002 - 100 600 หมายเหตุ 1) ราคาชวี มวล1 จากการสาํ รวจชีวมวลในพ้นื ทีภ่ าคตะวนั ออก ณ เดอื น กันยายน 2551 2) ราคาชีวมวล: ใบ/ยอดอ้อย เป็นราคารับซื้อหน้าโรงไฟฟ้าซึ่งได้รวมต้นทุนค่าขนส่งไว้ด้วย อ้างอิงข้อมูลโรงไฟฟ้า ด่านชา้ ง 3) ตน้ ทุนคา่ ขนส่งคิดในรัศมไี ม่เกนิ 100 กิโลเมตร ปัจจัยในการเลือกเชื้อเพลิงชีวมวลได้แก่ ต้นทุนด้านพลังงาน (บาท/GJ) และศักยภาพชีวมวลท่ีเกิดขึ้น ในพ้ืนท่ี ดังนั้นเช้ือเพลิงที่เหมาะสมท้ังทางด้านต้นทุนพลังงาน (บาท/GJ) และศักยภาพชีวมวลท่ีคงเหลือใน พ้ืนท่ี ได้แก่ ยอด/ใบอ้อย ฟางข้าว ลําต้นข้าวโพดและเหง้ามันสําปะหลัง ซ่ึงสถานท่ีตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ เหมาะสมคอื จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.สระแกว้ เน่ืองจากอยใู่ กลแ้ หลง่ เช้ือเพลิง 3.5.4 สรปุ การประเมินสถานท่ตี งั้ โรงไฟฟา้ ชีวมวลที่เหมาะสม จากการวิเคราะห์หาสถานท่ีตัง้ โรงไฟฟา้ ทีเ่ หมาะสมโดยคาํ นงึ ถงึ ต้นทุนดา้ นพลงั งาน (บาท/GJ) และ ศักยภาพชวี มวลทเี่ กิดข้ึนในพน้ื ที่ รวมถงึ ตน้ ทุนค่าขนสง่ ในพนื้ ทเ่ี ปา้ หมายได้แก่ ฉะเชงิ เทรา ปราจีนบรุ ี สระแกว้ และจันทบุรี พบวา่ สถานทต่ี ้ังโรงไฟฟา้ ชีวมวลท่ีเหมาะสมคอื ในพ้ืนท่ี จ.ฉะเชิงเทรา และสระแกว้ โดยใช้ ยอด/ใบออ้ ย ฟางขา้ ว ลาํ ต้นข้าวโพดและเหงา้ มนั สาํ ปะหลังเป็นเช้ือเพลิง ซ่งึ ผลการวเิ คราะห์ขา้ งต้น ทาํ ใหผ้ พู้ ฒั นาโรงไฟฟา้ (Developer) ไดท้ ราบเบ้ืองต้นวา่ ในพ้นื ท่ีเป้าหมายมเี ชอ้ื เพลิงประเภทใดบา้ ง และควรต้ังโรงไฟฟา้ ชวี มวลในพื้นทจี่ ังหวดั ใด 3.6 การประเมนิ ตน้ ทุนของการผลติ ไฟฟ้าจากชีวมวล8 เป็นการประเมินราคาต้นทุนต่อหน่วยของการดําเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเบ้ืองต้น เพ่ือให้ ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกขนาดโรงไฟฟ้าท่ีเหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จะมีราคา ต้นทุนตอ่ หน่วยทตี่ ํา่ กวา่ โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ดังตาราง 8ศูนยบ์ ริการวชิ าการดา้ นพลังงานทดแทน กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เว็บไซต์ http://www.alternative.in.th คมู่ อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 60
ตาราง 3-9 การประเมินตน้ ทนุ ของการผลติ ไฟฟ้าจากชวี มวล กาํ ลังผลติ ติดต้ัง MW ขนาด500 kW ขนาด9 MW ดอกเบ้ียเงนิ กู้ % 9.00 12.00 9.00 12.00 Plant Factor % 75.00% 75.00% 75.00% 75.00% อายุการผลิตไฟฟา้ Year 25 25 25 25 คา่ Capital Recovery Factor - 0.101806 0.127500 0.101806 0.127500 ค่าความร้อนของชวี มวล kCal/kg 3,500.0 3,500.0 3,500.0 3,500.0 คา่ ความรอ้ นทีไ่ ด้ต่อตนั ชีวมวล kWht/ตนั 4,069.8 4,069.8 4,069.8 4,069.8 Thermal Plant Efficiency % 20.00% 20.00% 23.00% 23.00% พลังงานไฟฟา้ ทผี่ ลติ ได้จากชวี มวล kWh/ตัน 814.0 814.0 936.0 936.0 ปริมาณชีวมวลทีใ่ ชใ้ นการผลติ ไฟฟ้า ตนั /ปี 4,036 4,036 63,170 63,170 ค่าดูแลรกั ษาระบบ* Bath/yr. 796,875 796,875 11,475,000 11,475,000 ค่าเชื้อเพลิงทีใ่ ชผ้ ลติ ไฟฟ้าต่อปี** Bath/yr. 4,035,857 4,035,857 63,169,938 63,169,938 ค่าพลังงานไฟฟา้ ทผ่ี ลิตไดท้ ้งั หมด kWh/yr. 3,285,000 3,285,000 59,130,000 59,130,000 ค่าพลังงานไฟฟ้าท่ีผลติ ได้สุทธ*ิ ** kWh/yr. 2,956,500 2,956,500 53,217,000 53,217,000 ราคาของระบบทั้งหมด Bath/kW 63,750 63,750 51,000 51,000 กรณที ่ี 1 ได้รบั เงินช่วยเหลอื 0.0% เงินลงทุนของโครงการ Bath 31,875,000 31,875,000 459,000,000 459,000,000 เงนิ ลงทนุ ตอ่ ปี Bath/yr. 3,245,074 4,064,062 46,729,069 58,522,486 ตน้ ทุนการผลติ ไฟฟา้ ตอ่ หน่วย* Bath/kWh 2.73 3.01 2.28 2.50 กรณที ี่ 2 ได้รับเงนิ ชว่ ยเหลอื 30% เงนิ ลงทนุ ของโครงการ Bath 22,312,500 22,312,500 321,300,000 321,300,000 เงนิ ลงทุนตอ่ ปี Bath/yr. 2,271,552 2,844,843 32,710,348 40,965,740 ตน้ ทุนการผลติ ไฟฟ้าต่อหนว่ ย* Bath/kWh 2.40 2.60 2.02 2.17 * คดิ ค่าบํารุงรกั ษาและค่าพลงั งานคงท่ีใช้ค่าO&M = 2.50% ของเงินลงทุน *** ใชไ้ ฟฟ้าภายใน 10% ** ราคาชีวมวล/แกลบ =1,000 บาท/ตนั ตารางท่ี 3-10แรงดันไอนํ้า และต้นทุนค่าก่อสรา้ งของโรงไฟฟา้ แต่ละชนดิ โรงไฟฟา้ แรงดันไอน้ํา (bar) ต้นทุนคา่ ก่อสร้าง (ล้านบาท/เมกะวตั ต์) โรงไฟฟา้ เชื้อเพลิงแกลบ 40 50-70 โรงไฟฟา้ เชอื้ เพลงิ แกลบ 65 62 โรงไฟฟา้ เชือ้ เพลงิ เศษไมย้ างพารา 62 70 โรงไฟฟ้าเชือ้ เพลิงชานออ้ ย 70 33-40 โรงไฟฟ้าเชอ้ื เพลิงทะลายปาลม์ เปลา่ 40 60-90 คู่มอื การพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หน้า 61
โรงไฟฟ้าเศษไม้ยางพารามีอยู่แห่งเดียวท่ีใช้ความดันไอน้ําสูงถึง 62 บาร์ และต้องมีระบบย่อยเศษไม้ ก่อนเข้าหมอ้ ไอนํ้าทาํ ให้มตี น้ ทนุ คา่ ก่อสร้างเพิ่มขน้ึ เป็น 70 ลา้ นบาท/เมกะวัตต์ โรงไฟฟา้ ชานอ้อยต้ังอยู่ในบริเวณเดยี วกบั โรงน้าํ ตาลซ่งึ จะผลิตไฟฟา้ และไอน้าํ ในฤดูหีบอ้อย และผลิต ไฟฟ้าอย่างเดียวนอกฤดูหีบอ้อย มีต้นทุนค่าก่อสร้างค่อนข้างถูกกว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลท่ัวไป เพราะ ใช้ เครือ่ งจกั รและอปุ กรณ์บางอย่างรว่ มกับโรงงานนา้ํ ตาล มีตน้ ทนุ ค่ากอ่ สร้างประมาณ 33-40 ล้านบาท/ เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าทะลายปาล์มเปล่ามีต้นทุนค่าก่อสร้างสูงกว่าโรงไฟฟ้าใช้เช้ือเพลิงอื่นๆ เพราะต้องออกแบบ ห้องเผาไหม้มีอุณหภูมิไม่เกิน 800 องศาเซลเซียส เพราะถ้าสูงกว่าน้ีข้ีเถ้าทะลายปาล์มเปล่า อาจจะ หลอมละลายติดผนังและท่อนํ้าในหม้อไอนํ้า สร้างปัญหาในการผลิตไฟฟ้าได้ นอกจากน้ีต้องมีระบบ ยอ่ ยทะลายปาลม์ เปลา่ กอ่ นเข้าหมอ้ ไอ ค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หนา้ 62
บทท่ี 4 การสนับสนุนจากภาครฐั ประเทศไทยได้ให้ความสําคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทนจากชีวมวล เนื่องจากพลังงานจากชีวมวล น้ันสอดคล้องกับองค์ประกอบต่างๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัตถุดิบซ่ึงประเทศไทยมีชีวมวลจาก เกษตรกรรมจํานวนมาก นอกจากน้ีประเทศยังพ่ึงพิงการนําเข้านํ้ามันดิบจากต่างประเทศในระดับสูง และ การพัฒนาพลังงานทดแทนจากชีวมวลจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้กับคนในภาค เกษตรกรรมและพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และมุ่งหวังให้การพัฒนาโครงการ ชีวมวลจะสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของชุมชนได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนโยบายของ ภาครัฐท่ีชัดเจนและมีการส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจังและเป็นประเทศแรกๆของ เอเชียที่มีนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนได้แก่มาตรการแก้ไขหรือปรับปรุงระเบียบให้สอดคล้องกับ พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการกําหนดระเบียบเฉพาะสําหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มีความชัดเจนและ เป็นไปตามมาตรฐานสากลเรื่อยมา และมาตรการสนับสนุนทางด้านการเงินเพ่ือส่งเสริมให้มีการใช้พลังงาน หมุนเวียนมากข้ึน โดยลักษณะของมาตรการจูงใจจะอยู่ในระดับท่ีเหมาะสมเอ้ือต่อการพัฒนาและเป็นธรรม ต่อประชาชนทุกภาคส่วน แนวทางและมาตรการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศไทยด้าน การส่งเสรมิ ชีวมวลของประเทศไทย ดงั นี้ คู่มือการพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลงั งานจากชวี มวล หนา้ 63
4.1 มาตรการส่วนเพม่ิ ราคารบั ซอื้ ไฟฟ้าจากพลังงานหมนุ เวียน (Adder Cost) มาตรการส่วนเพิ่มราคารับซ้ือไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Adder Cost) เป็นการให้เงินสนับสนุน การผลิตต่อหน่วยการผลิตเป็นการกําหนดราคารับซ้ือในอัตราพิเศษหรือเฉพาะสําหรับไฟฟ้าท่ีมาจาก พลังงานหมุนเวียน เพ่ือสะท้อนต้นทุนการผลิตจากพลังงานหมุนเวียน ภายในระยะเวลารับซื้อไฟฟ้าท่ีชัดเจน และแน่นอนเป็นมาตรการสนับสนุนที่นิยมใช้กันแพร่หลายมาก ที่สุดในปัจจุบัน เพ่ือให้มีผู้ผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานหมนุ เวียนมากขึ้นและเป็นการจงู ใจให้เกิดการผลิตไฟฟ้าหลากหลายประเภทพลงั งาน ดังน้ี ตารางที่ 4-1 มาตรการส่วนเพิ่มราคารบั ซือ้ ไฟฟ้าจากพลงั งานหมนุ เวยี น (Adder) เชอื้ เพลิง สว่ นเพม่ิ ส่วนเพิ่ม สว่ นเพ่มิ พเิ ศษใน ระยะเวลา (บาท/kwh) พเิ ศษ 3 จว.ภาคใต้ สนับสนุน (บาท/kWh)1 (บาท/kWh)2 (ป)ี ชวี มวล 0.50 1.00 1.00 7 - กาํ ลังผลติ ติดต้งั <= 1 MW 0.30 1.00 1.00 7 - กาํ ลงั ผลติ ติดต้งั >1 MW ก๊าซชีวภาพ (ทกุ ประเภทแหล่งผลติ ) - กาํ ลงั ผลิตติดตง้ั <= 1 MW 0.50 1.00 1.00 7 - กําลงั ผลติ ตดิ ตง้ั >1 MW 0.30 1.00 1.00 7 ขยะ - ระบบหมักหรอื หลมุ ฝังกลบขยะ 2.50 1.00 1.00 7 - พลงั งานความร้อน(Thermal Process) 3.50 1.00 1.00 7 พลังงานลม 4.50 1.50 1.50 10 - กาํ ลังผลติ ตดิ ตั้ง <= 50 kW - กําลงั ผลิตติดต้งั > 50 kW 3.50 1.50 1.50 10 6.50/8.003 1.50 1.50 10 พลงั งานแสงอาทิตย์ พลังน้ําขนาดเลก็ - กําลงั ผลติ ติดตั้ง 50kW -<200 kW 0.80 1.00 1.00 7 - กาํ ลงั การผลติ ตดิ ตั้ง <50 kW 1.50 1.00 1.00 7 หมายเหตุ 1. สาํ หรบั ผู้ผลติ ไฟฟา้ พลังงานหมนุ เวยี นในพ้นื ท่ีมกี ารผลิตไฟฟ้าจากนา้ํ มันดีเซล 2. กพช. เห็นชอบให้เพิ่มพื้นท่ีอีก 4 อําเภอคือ อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และอ.นาทวี จังหวัดสงขลา เมอื่ 25 พ.ย. 53 3. ผู้ท่ีย่ืนขอเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ท่ีได้รับหนังสือตอบรับแล้วก่อนวันท่ี 28 มิ.ย.53 จะได้ Adder 8 บาท และผ้ทู ่ีได้รบั หนังสอื ตอบรับหลงั วนั ที่ 28 มิ.ย. 53 จะได้ Adder 6.50 บาท คมู่ ือการพฒั นาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล หนา้ 64
4.2 โครงการเงนิ หมุนเวยี นเพื่อสง่ เสรมิ การใช้พลงั งานทดแทน โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือการอนุรักษ์ พลังงานและพลังงานทดแทนข้ึนมาเพื่อเป็นแหล่ง เงินทุนในการดําเนินการอนุรักษ์พลังงานและ พลงั งานทดแทนให้แกโ่ รงงาน อาคาร และบรษิ ัทจดั การพลงั งาน โดยผ่านทางสถาบันการเงิน ท้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนรวมทั้งสร้าง ความม่ันใจและความคุ้นเคยให้กับสถาบันการเงินที่เสนอตัวเข้าร่วมโครงการในการปล่อยสินเช่ือในโครงการ ดังกล่าวในการปลอ่ ยสนิ เช่ือโดยใชเ้ งินกองทุนฯ ให้แก่ โรงงานอาคารและบรษิ ทั จัดการพลังงานแล้วกองทุนฯ ยังต้องการให้เน้นการมีส่วนร่วมในการสมทบเงินจากสถาบันการเงินเพ่ิมมากขึ้นด้วยโดยตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึง ณ ปจั จบุ ันไดม้ ีการดําเนินการเสร็จส้นิ ไปแลว้ และอยู่ระหวา่ งดําเนนิ การท้งั หมด จํานวน 6 ครง้ั ดังนี้ 1) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะท่ี 1 ปี พ.ศ.2546-2549 จาํ นวน2,000 ล้านบาท เพอ่ื การอนุรกั ษพ์ ลงั งาน 2) โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงินระยะท่ี 2 ปี พ.ศ.2549-2552 จาํ นวน2,000 ลา้ นบาทเพอ่ื การอนุรกั ษ์พลงั งาน 3) โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยสถาบันการเงิน ระยะท่ี 1 จํานวน 1,000 ล้านบาทเพือ่ ส่งเสริมการใช้พลงั งานทดแทน 4) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงินระยะที่ 3 จํานวน1,000 ล้าน บาทเพ่ือการอนุรักษ์พลงั งาน 6) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 เพิ่มเติม จํานวน 942.5 ลา้ นบาทเพอ่ื การอนุรกั ษ์พลังงานและพลังงานทดแทน 7) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยสถาบันการเงินระยะท่ี 4 จํานวน 400 ล้าน บาทเพอ่ื การอนุรกั ษ์พลังงานและพลงั งานทดแทน ลกั ษณะโครงการ/ หลกั เกณฑ์ และเงือ่ นไข กําหนดให้สถาบันการเงินนําเงินท่ี พพ.จัดสรรให้ไปเป็นเงินกู้ผ่านต่อให้โรงงาน/อาคารควบคุมหรือ โรงงาน/อาคารทั่วไปตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและ พลงั งานทดแทน โดยมหี ลกั เกณฑแ์ ละเงอื่ นไขดงั นี้ วงเงินโครงการ 1. โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ระยะท่ี 1 จาํ นวน 1,000 ล้านบาท 2. โครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือการอนุรักษ์พลังงาน ระยะท่ี 3 จํานวน 1,000 ล้านบาท ค่มู อื การพัฒนาและการลงทุนผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 65
อายุเงนิ กู้ ไม่เกิน 7 ปี ชอ่ งทางปล่อยกู้ ผา่ นสถาบันการเงินทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการโดยต้องรับผิดชอบเงนิ ทีป่ ลอ่ ยก้ทู ั้งหมด ผู้มีสทิ ธ์ิกู้ เป็นอาคารควบคุมและโรงงานควบคุมตาม พรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ประสงค์จะลงทุนในด้านการประหยัดพลังงานหรือโรงงาน/อาคาร ทั่วไป ตลอดจนบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) นําไปลงทุนเพ่ือการอนุรักษ์ พลงั งาน วงเงินกู้ ไมเ่ กนิ 50 ล้านบาทตอ่ โครงการ อัตราดอกเบยี้ ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 4 ต่อปี (ระหว่างสถาบันการเงนิ กับผกู้ ู)้ โครงการท่ีมีสิทธิ์ขอรับ โครงการอนุรักษ์พลังงานหรือเพ่มิ ประสิทธิภาพการใชพ้ ลังงาน การสนบั สนนุ ตอ้ งเปน็ ส่งเสริมการอนุรกั ษ์พลงั งาน พ.ศ. 2535 มาตรา 7 และมาตรา 17 ϭϬ รูปแสดงวิธีปฏิบตั ใิ นการขอรับเงนิ กู้โครงการเงนิ ทุนหมุนเวยี นเพ่ือการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานและพลงั งาน ทดแทน คมู่ ือการพัฒนาและการลงทุนผลติ พลงั งานจากชวี มวล หน้า 66
สถาบันการเงินจะเป็นผู้อนุมัติเงินกู้เพ่ือโครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนตามแนว หลักเกณฑ์และเงอ่ื นไขของสถาบันการเงินนั้นๆ นอกเหนือจากหลักเกณฑเ์ งอ่ื นไขขา้ งต้นนี้โดยดอกเบ้ยี วงเงนิ กู้และระยะเวลาการกู้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาและข้อตกลงระหว่างผู้กู้กับสถาบันการเงินข้ันตอนการขอรับ การสนับสนุน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามมายัง ศูนย์อํานวยการโครงการเงินหมุนเวียนเพ่ือการ อนุรักษ์พลังงานกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานหมายเลขโทรศัพท์ 02-226-3850-1, 02-225-3106 โทรสาร 02-226-3851เว็บไซต์ http://www.dede.go.th 4.3 โครงการสง่ เสรมิ การลงทุนดา้ นอนุรกั ษพ์ ลงั งานและพลงั งานทดแทน (ESCO FUND) เป็นโครงการท่ีกองทุนเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้นํา วงเงินจํานวน 500 ล้านบาท จัดตั้ง “กองทุนร่วมทุนพลังงาน หรือ ESCO Capital Fund” ผ่านการจัดการของผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) 2 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม (มพส. หรือ E for E) และมูลนิธิอนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย (มอพท.) โดย ปัจจุบัน Fund Manage ทั้ง 2 แห่ง เข้าร่วมลงทุนแล้ว จํานวน 26โครงการ คิดเป็นเงินสนับสนุนจํานวน 407 ล้านบาท และก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท ในรอบ 2 ปีท่ีผ่านมา และในระยะต่อไป คณะกรรมการกองทุนเพ่ือส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้อนุมัติวงเงินต่อเนื่องอีก 500 ล้านบาทสําหรับรอบ การลงทุนในปี 2553-2555เพ่ือส่งเสริมการลงทุนด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพ ทางเทคนิคแต่ยังขาดปัจจัยการลงทุนและช่วยผู้ประกอบการหรือผู้ลงทุนให้ได้ประโยชน์จากการขาย คาร์บอนเครดิตโดยมีรูปแบบการจะส่งเสริมในหลายลักษณะ อาทิเช่น ร่วมลงทุนในโครงการ , ร่วมลงทุนใน บริษัทจัดการพลังงาน, ร่วมลงทุนในการพัฒนาและซื้อขายคาร์บอนเครดิต, การเช่าซ้ืออุปกรณ์, การอํานวย เครดิตให้สินเชอ่ื และการใหค้ วามชว่ ยเหลือทางด้านเทคนิค ผู้มีสิทธิยื่นข้อเสนอได้แก่ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือ บริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company - ESCO) ท่ีมีโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนวัตถุประสงค์ เพื่อจะลดปริมาณการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหรือต้องการปรับเปลี่ยนการใช้เช้ือเพลิง มาเป็นพลงั งานทดแทน ลักษณะการสง่ เสริมการลงทนุ 1. การเข้าร่วมทุนในโครงการ(Equity Investment)โครงการส่งเสริมการลงทุนฯจะเข้าร่วมลงทุนใน โครงการท่ีก่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานหรือพลังงานทดแทนเท่านั้น เพ่ือก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงานท้ังน้ี จะต้องมีการแบ่งผลประหยัดพลังงาน (Shared Saving) ตามสัดส่วนเงินลงทุนที่ได้รับการส่งเสริม ระยะเวลาในการส่งเสริมประมาณ 5-7 ปีผู้ท่ีได้รับการส่งเสริมทําการคืนเงินลงทุนแก่โครงการภายใน ระยะเวลาทส่ี ง่ เสรมิ ค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 67
2. การเข้าร่วมทุนกับบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO Venture Capital)การเข้าร่วมทุนกับบริษัทจัด การพลังงานโดยช่วยให้บริษัทท่ีได้รับพิจารณาร่วมทุนน้ันมีทุนในการประกอบการโดยโครงการจะได้รับ ผลตอบแทนข้ึนอยู่กับผลประกอบการของบริษัททั้งน้ีโครงการจะร่วมหุ้นไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนจด ทะเบียนและมสี ่วนในการควบคมุ ดูแลการบริหารจัดการของบริษทั 3. การช่วยใหโ้ ครงการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน/พลังงานทดแทนได้รบั ผลประโยชนจ์ ากการขาย CDM 4. โครงการส่งเสริมการลงทุนฯจะดําเนินการจัดทําแบบประเมินเบื้องต้นของโครงการ หรือ Project Idea Note (PIN) ซึ่งจะทําให้ผู้ประกอบการสามารถเห็นภาพรวมของโครงการที่จะพัฒนาให้เกิดการซื้อขาย หรือได้รับประโยชน์จาก Carbon Credit หรือ เป็นตัวกลางในการรับซ้ือ Carbon Credit จากโครงการ อนรุ กั ษ์พลงั งาน/พลงั งานทดแทนท่มี ขี นาดเลก็ และรวบรวม (Bundle Up) เพ่อื นาํ ไปขายในมูลค่าทีส่ งู ข้ึน 5. การเช่าซอ้ื อุปกรณป์ ระหยดั พลงั งาน/พลังงานทดแทน (Equipment Leasing) 6. โครงการส่งเสริมการลงทุนฯจะทําการซ้ืออุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ให้กับผู้ประกอบการก่อนและทําสัญญาเช่าซ้ือระยะยาวระหว่างผู้ประกอบการกับโครงการโดย ผู้ประกอบการจะต้องทําการผ่อนชําระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นรายงวดงวดละเท่า ๆ กันตลอดอายุ สัญญาเช่าซื้อ การสนับสนุนในการเช่าซ้ืออุปกรณ์ได้ 100% ของราคาอุปกรณ์น้ัน แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลาการผ่อนชาํ ระคนื 3-5 ปีโดยคิดอตั ราดอกเบีย้ ต่าํ 7. การอํานวยเครดิตให้สินเชื่อ (Credit Guarantee Facility) โครงการส่งเสริมการลงทุนฯจะ ดําเนินการจัดหาสถาบันหรือองค์กรท่ีให้การสนับสนุนในเรื่อง Credit Guarantee เพื่อให้โครงการลงทุน ได้รับการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ทั้งน้ีโครงการอาจจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าธรรมเนียม รบั ประกันสินเชอ่ื ทงั้ หมดหรอื บางส่วนโดยคิดคา่ ธรรมเนยี มต่ําในการส่งเสรมิ ในด้านนี้ 8. การช่วยเหลือทางเทคนิค (Technical Assistance) โครงการส่งเสริมการลงทุนฯจะให้ความ ช่วยเหลือทางด้านเทคนิคในการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานแก่ผู้ประกอบการหรือ หน่วยงานองค์การต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับผู้ประกอบการโดยกองทุนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคตั้งแต่เร่ิมต้นจนสิ้นสุด ระยะเวลาโครงการโดยคดิ ค่าธรรมเนยี มตํ่าในการส่งเสริมหรือ อาจมีการแบง่ ผลการประหยดั พลงั งาน คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 68
รูปแสดงการบริหารงานโครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนรุ กั ษพ์ ลงั งานและพลังงานทดแทน สามารถสอบถามรายละเอยี ดเพิ่มเติมได้ท่ี 1. มูลนิธพิ ลังงานเพ่ือส่ิงแวดลอ้ ม (Energy for Environment Foundation) 487/1 อาคารศรีอยธุ ยา ช้ัน 14 ถนนศรีอยุธยา ราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทรศพั ท์ 02-6426424 -5 โทรสาร 02-642-6426 หรอื สอบถามรายละเอยี ดเพม่ิ เติมได้ทีอ่ เี มลe์ [email protected] 2. มลู นิธอิ นุรกั ษพ์ ลงั งานแห่งประเทศไทย (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน – อาคาร 9 ช้ัน 2) เลขที่ 17 ถนนพระราม 1 เชิงสะพานกษัตรยิ ์ศกึ แขวงรองเมอื ง เขตปทมุ วัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์: 0-2621-8530, 0-2621-8531-9 ต่อ 501, 502โทรสาร: 0-2621-8502-3 4.4 กลไกลการพัฒนาที่สะอาด (CDM) หนา้ 69 กลไกการพัฒนาที่สะอาด Clean Development Mechanism (CDM) เป็นกลไกที่จะสนับสนุนการพัฒนาโครงการที่ช่วยลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกและสามารถนําปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้จาก โครงการ ไปขายให้กับประเทศที่พัฒนา (Developed Countries) เพ่ือ ค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล
ตอบสนองข้อผูกพันในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่ได้ตกลงในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ซ่ึงมีผลบังคับใช้เม่ือวันท่ี 16 กุมภาพันธ์ 2548 อันเน่ืองมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมดํารงชีวิตของประชากรโลกในปัจจุบัน ทั้งจาก ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม เป็นปัญหาร่วมกันของนานาชาติแนวทางหน่ึงใน การร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวคือการให้สัตยาบัณต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง สภาพภมู อิ ากาศ (United Nation Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) กลไกการพัฒนาท่ีสะอาดเป็นเครื่องมือเพ่ือส่งเสริมการลงทุนเพ่ือการพัฒนาอย่างย่ังยืนและเกิดการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศท่ีกําลังพัฒนา อย่างเช่น ประเทศไทยและถือเป็นช่องทางหน่ึงในการสร้าง รายได้ให้แก่ผู้ประกอบการพลังงานทดแทน เช่น โครงการผลิตพลังงานชีวมวล ท่ีเป็นวัสดุเหลือใช้ท้ิงทาง การเกษตร การผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะและนํ้า เสียเพ่ือนํามาเป็นพลังงาน รวมไปถึงโครงการ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้รับ ผลประโยชน์ในรูปแบบของการขายคาร์บอน เครดิตหรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกท่ีลดได้ และ เป็นท่ีต้องการของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่ง มีพันธกรณีต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ ได้ ตามขอ้ ตกลงตามพธิ ีสารเกียวโต กลไกการพัฒนาที่สะอาดเปรียบเสมือน แรงจูงใจให้ประเทศกําลังพัฒนาหันมาใช้เทคโนโลยีสะอาดเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ บรรยากาศลดน้อยลงแรงจูงใจจากการดําเนินโครงการกลไกการพัฒนาท่ีสะอาด คือ คาร์บอนเครดิต หรือ CER ท่ีผู้ดําเนินโครงการจะได้รับโดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากประเทศท่ีมีพันธกรณีในการลดก๊าซ เรือนกระจกนอกจากน้ีประเทศเจ้าของโครงการก็จะเกิดการพัฒนาอย่างย่ังยืน (Sustainable Development) ท้ังในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศในด้านส่ิงแวดล้อมมีการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ระดับชุมชนในพ้ืนที่โครงการลดปริมาณของเสียท่ีเกิดข้ึนโดยการนํามาใช้เป็นเช้ือเพลิงพลังงานลดการใช้ ทรัพยากรเช้ือเพลิงท่ีไม่สามารถทดแทนได้ ด้านเศรษฐกิจก่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน เกษตรกรสามารถ นําวัสดุเหลือใช้ เช่น แกลบ เศษไม้ไปขายเพื่อเป็นวัตถุดิบในการดําเนินโครงการ CDM ลดการนําเข้า เชื้อเพลิงพลังงานจากต่างประเทศ ด้านสังคมประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนโดยเฉพาะด้านสุขภาพอนามัย จากคุณภาพส่ิงแวดล้อมท่ีดีขึ้นมีบทบาทในเวทีโลกในการแก้ไขปัญหาระดับนานาชาติโดยประโยชน์ต่างๆท่ี ประเทศไทยจะได้รบั จากการดําเนินโครงการ CDM สามารถสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ คู่มอื การพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 70
1. รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ CDM เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการคืนทุนได้ รวดเร็วข้ึนจากการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนการอนุรักษ์พลังงาน นอกเหนือจากการสนับสนุน ของภาครฐั ภายในประเทศ 2. เกดิ รายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศจากการดาํ เนินกจิ กรรมการลดกา๊ ซเรือนกระจก 3. ประเทศไทยมอี ัตราการลดการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกลดลงจากการดําเนนิ โครงการ CDM 4. การตรวจสอบ (Monitoring) ปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงการ CDM ช่วย ให้ประเทศไทยมีตัวเลขการดําเนนิ งานเพือ่ ลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศไทย 5. เกิดการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานที่ดีกว่ามาตรฐานท่ีกําหนด ภายในประเทศ สรา้ งสงิ่ แวดล้อมและคุณภาพชวี ิตที่ดีให้กบั ชุมชนรอบพ้นื ท่ีโครงการ สําหรับเกณฑ์การพิจารณาการดําเนินโครงการภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาดในปัจจุบันน้ันประเทศ ไทย ได้มีการจัดทําหลักเกณฑ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนสําหรับโครงการ CDM ขึ้นซึ่งประกอบด้วยมิติการ พัฒนาอย่างยั่งยืน 4 ด้านได้แก่ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้านสังคมด้านการพัฒนาและ/หรือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและด้านเศรษฐกิจโดยโครงการที่คณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือน กระจกจะพิจารณาให้การรับรองได้แก่ 1. โครงการด้านพลังงาน ได้แก่การผลิตพลังงานและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน เช่นโครงการพลังงานทดแทนการใช้น้ํามันเชื้อเพลิง โครงการแปลงกากของอุตสาหกรรมเป็นพลังงาน โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบทําความเย็นและโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงานใน อาคาร เป็นตน้ 2. โครงการด้านส่ิงแวดล้อม เช่น โครงการแปลงขยะเป็นพลังงานโครงการแปลงนํ้าเสียเป็นพลังงาน เป็นตน้ 3. โครงการด้านคมนาคมขนส่ง เช่นโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพในการคมนาคมขนส่งและการใช้ พลงั งาน 4. โครงการด้านอุตสาหกรรม เช่นโครงการท่ีสามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน กระบวนการอตุ สาหกรรม การขอพฒั นาโครงการ CDM การดาํ เนินโครงการภายใตก้ ลไกการพัฒนาทีส่ ะอาด ประกอบดว้ ย 7 ขน้ั ตอน ดงั นี้ 1. การออกแบบโครงการ (Project Design) ผดู้ าํ เนินโครงการจะตอ้ งออกแบบลกั ษณะของโครงการ และจัดทําเอกสารประกอบโครงการ (Project Design Document: PDD) โดยมกี ารกาํ หนดขอบเขตของ โครงการ วิธีการคาํ นวณการลดกา๊ ซเรอื นกระจก วธิ กี ารในการติดตามผลการลดก๊าซเรือนกระจก การ วเิ คราะหผ์ ลกระทบตอ่ สิ่งแวดล้อม เปน็ ต้น คูม่ อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หน้า 71
2. การตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ (Validation) ผู้ดาํ เนนิ โครงการจะตอ้ งวา่ จา้ งหนว่ ยงาน กลางทไ่ี ดร้ ับมอบหมายในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีแทนคณะกรรมการบริหารฯ หรอื ทเี่ รียกว่า Designated Operational Entity (DOE) ในการตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ ว่าเป็นไปตามข้อกําหนดต่างๆ หรอื ไม่ ซง่ึ รวมถึงการไดร้ ับความเห็นชอบในการดําเนินโครงการจากประเทศเจา้ บา้ นดว้ ย 3. การขนึ้ ทะเบยี นโครงการ (Registration) เมอ่ื DOE ไดท้ าํ การตรวจสอบเอกสารประกอบโครงการ และลงความเห็นว่าผา่ นข้อกําหนดตา่ งๆ ครบถ้วน จะส่งรายงานไปยังคณะกรรมการบรหิ ารกลไกการพฒั นา ท่สี ะอาด (EB) เพือ่ ขอขึ้นทะเบียนโครงการ 4. การติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Monitoring) เมือ่ โครงการไดร้ บั การขึน้ ทะเบยี นเปน็ โครงการ CDM แล้ว ผดู้ าํ เนนิ โครงการจึงดําเนนิ โครงการตามที่เสนอไวใ้ นเอกสารประกอบโครงการ และทาํ การติดตามการลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจก ตามทไ่ี ด้เสนอไว้เชน่ กนั 5. การยนื ยันการลดก๊าซเรือนกระจก (Verification) ผู้ดําเนนิ โครงการจะต้องวา่ จ้างหน่วยงาน DOE ให้ ทําการตรวจสอบและยืนยันการตดิ ตามการลดก๊าซเรือนกระจก หมายเหตุ DNA หมายถงึ หน่วยงานกลางทีท่ ําหน้าท่ีประสานการดาํ เนนิ งานตามกลไกการพัฒนาทสี่ ะอาด DOE หมายถึง หนว่ ยงานปฏบิ ัตกิ ารทไ่ี ดร้ บั หมอบหมายในการตรวจสอบ (Designated Operational Entities) CDM EB หมายถึง คณะกรรมการบริหารกลไกการพฒั นาท่สี ะอาด (Executive Board of CDM) คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หน้า 72
รูปแสดงขน้ั ตอนขอรบั การสนบั สนนุ จากสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทนุ (BOI) ค่มู ือการพัฒนาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 74
บทที่ 5 ขนั้ ตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ ขั้นตอนการติดต่อเพื่อขอใบอนุญาตจําหน่ายไฟฟ้า เพ่ือจําหน่ายพัฒนาพลังงานทดแทน มีหลาย กระบวนการท่ีเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการต่างๆ หลายแห่ง รวมไปถึงข้อกฎหมาย และกฎระเบียบอ่ืนๆ ซึ่งล้วนแต่มีข้ันตอนการปฏิบัติท่ีแตกต่างกัน ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดท่ีเป็นหน่วยงานหลักในการ ประสานงาน หรือสามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ได้ ซึ่งในการพัฒนาโครงการ พลังงานทดแทนต่างๆนั้น นักลงทุนควรได้รับทราบข้ันตอนการขออนุญาต และการเตรียมเอกสารเพ่ือ ประกอบในการย่ืนขอ รวมถึงข้ันตอนการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเด็นเหล่าน้ีถือเป็น ความสําคัญอย่างย่ิงที่จะต้องเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการและประชาชนโดยทั่วไป ได้รับทราบและเข้าใจใน กระบวนการสําหรบั ข้ันตอนการขออนญุ าตต่างๆ โดยทวั่ กนั 1 หมายหตุ 1) ระยะเวลารวมการย่ืนของอนมุ ัติสูงสุดไมเ่ กิน 435 วนั 2) ระยะเวลารวมการย่ืนขอจนกระทง่ั อนมุ ตั ติ ํา่ สุดไมเ่ กิน 255 วัน (ไม่นับรวมระยะเวลาในขนั้ ตอนที่ 2) 3) การติดตอ่ ประสานงานหนว่ ยงานราชการมี 7 หนว่ ยงานต้องได้รับใบอนุญาต 10 ใบรวมเวลาตง้ั แตเ่ ริ่ม ยื่นเอกสารจนไดร้ บั เงนิ คา่ ไฟฟา้ ในงวดแรก รปู แสดงขั้นตอนการขอใบอนญุ าตตา่ งๆ ค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 75
ตารางที่ 5-1รายละเอยี ดข้นั ตอนการจดั ทาํ โครงการสรา้ งโรงไฟฟ้าพลงั งานทดแทน รายการ หน่วยงานที่รับผดิ ชอบ ชือ่ คาํ ขอ/คํารอ้ ง/เอกสาร วัน หมายเหตุ 1. การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ผู้ประกอบการ - - 2. การออกแบบโครงสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างและ ผู้ประกอบการ - - ออกแบบแผนผงั การติดตั้งเครื่องจกั ร และประเมิน ราคาวัสดุ 3. การขอจดทะเบียนนิตบิ คุ ล กรมพัฒนาธรุ กิจการคา้ - คําขอจดทะเบยี นบริษทั 1 โดยสามารถยืน่ แบบคําขอผา่ น - ผู้ประกอบการยืน่ แบบคําขอ “จดทะเบยี นบริษทั กระทรวงพาณชิ ย์ จาํ กัด (บอจ.1) www.dbd.go.th/register/login.phtml จาํ กัด” กับกรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า(DEB) - รายการจดทะเบยี นจดั ตั้ง - กรมธุรกจิ การคา้ อนมุ ัติ “จดทะเบยี นบรษิ ัทจาํ กดั ” 4. การขออนญุ าตต้งั โรงงาน (รง.4) -อุตสาหกรรมจงั หวดั คาํ ขอรบั ใบอนญุ าตประกอบ - แก้ไขตามบันทกึ ขอ้ ตกลงความร่วมมอื 4.1 กรณยี น่ื แบบคาํ ขอต้ังโรงงานต่ออตุ สาหกรรม -กรมโรงงาน กจิ การพลงั งาน (รง.3) 90 ระหว่างคณะกรรมการกาํ กับกิจการพลังงาน จังหวัด (อก.) อุตสาหกรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่อื ง แนว - ย่ืนเอกสารกบั อุตสาหกรรมจังหวดั กระทรวงอตุ สาหกรรม ทางการใหอ้ นุญาตตง้ั โรงงานและการอื่นเพอ่ื - อตุ สาหกรรมจังหวัดขอความเห็น อบต. และ ประกอบกิจการพลงั งาน - โรงงานทว่ั ไปที่ต้ังใหม่โดยมีการผลิตไฟฟา้ เพื่อ ตรวจสอบพ้นื ท่ี และจัดทํารายงานการ ตรวจสอบภายใน 30 วัน ใชใ้ นกระบวนการผลติ ของตนเอง หรอื เพือ่ ใช้ - อุตสาหกรรมจังหวดั ปดิ ประกาศตามมาตร 30 ในกระบวนการผลิตและสว่ นที่เหลือใช้ 15 วัน จําหนา่ ย ใหย้ ่นื คาํ ขออนญุ าตประกอบกจิ การ - สง่ เรือ่ งให้ กกพ. พจิ ารณา โรงงานตอ่ สาํ นักงานอตุ สาหกรรมจังหวดั หรอื คมู่ ือการพฒั นาและการลงทนุ ผลิตพลงั งานจากชวี มวล หน้า 76
รายการ หน่วยงานท่ีรบั ผดิ ชอบ ชอื่ คาํ ขอ/คาํ ร้อง/เอกสาร วัน หมายเหตุ - คณะกรรมการกํากบั กิจการพลังงานส่งเรอื่ ง กรมโรงงานอตุ สาหกรรม การอนุญาตใหร้ ะบุ เพอื่ ขอความเห็นจากกรมโรงงาน ประเภทหรือลําดับท่ี 88 ลงในใบอนญุ าต - คณะกรรมการกํากบั กิจการพลงั งานพิจารณา และเม่อื มกี ารอนุญาตแลว้ ใหแ้ จง้ ใบอนุญาต คณะกรรมการกาํ กับกิจการพลงั งานทราบ 90 - ในกรณีท่ตี อ้ งการขยายโรงงานและเพิม่ 4.2 ในกรณีทยี่ น่ื คาํ ขอท่ี สกพ. -สาํ นกั กํากับกิจการ - ยน่ื เอกสารต่อ สกพ. พลังงาน ประเภทการผลิต ใหย้ ่ืนเร่ืองต่อสาํ นกั งาน - สกพ. ขอความเหน็ ประกอบการพิจารณา อุตสาหกรรมจังหวดั หรือกรมโรงงาน อตุ สาหกรรม และเม่อื มกี ารอนญุ าตแล้ว ให้ อนุญาตโรงงานจาก อก. และ อก. เสนอ แจง้ คณะกรรมการกาํ กับกิจการพลงั งาน ทราบ ความเห็นกลบั กกพ. 60 วนั ติดตอ่ ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เลขท่ี 75/6 ถ.พระรามท่ี 6 เขตราชเทวี - สกพ. จัดทาํ ความเหน็ เสนอตอ่ กกพ. และ กรงุ เทพฯ 10400 โทร. 0-2202-4000 โทรสาร. 0-2245- กกพ. มคี ําวนิ ิฉยั พิจารณาการอนญุ าตตง้ั 8000http://www.diw.go.th โรงงานภายใน 20 วนั นบั จากได้รับความเหน็ จาก อก. - สกพ. แจ้งผลภายใน 10 วันนบั ตัง้ แต่วันมีมติ - กรณี ตา่ งจังหวดั ติดต่อ สํานักงาน อตุ สาหกรรมจังหวดั 5. การขออนญุ าตใชพ้ น้ื ที่กอ่ สร้าง 5.1 กรณขี ออนญุ าตต่อองค์การปกครองสว่ นท้องถิน่ องค์การปริหารสว่ น คาํ ขออนญุ าตกอ่ สร้าง 45 ติดต่อท่ี องคก์ ารปกครองส่วนท้องถ่นิ ในพืน้ ที่ คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 77
รายการ หน่วยงานท่รี บั ผดิ ชอบ ชือ่ คําขอ/คํารอ้ ง/เอกสาร วัน หมายเหตุ - ผปู้ ระกอบการยืน่ แบบคาํ ขอ “อนญุ าต ตาํ บลกระทรวงหาด อาคาร (ข.1) ที่จะกอ่ สรา้ งโรงงาน กอ่ สร้าง/ดดั แปลงอาคาร”ตอ่ อบต. ไทย - อบต. ตรวจสอบเอกสารและออกหนังสอื แจง้ การอนมุ ัติ - อบต. อนมุ ตั ิ “อนุญาตก่อสร้าง/ดัดแปลง อาคาร” 5.2 กรณพี ้ืนทอี่ ยู่ในการนคิ มอตุ สาหกรรม (กนอ.) การนิคมอุตสาหกรรม คาํ ขอรับใบรับรองการ 45 การนคิ มอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย 618 - ผู้ประกอบการยนื่ แบบคําขอการขออนญุ าต ก่อสร้างอาคาร ดัดแปลง ถนนนคิ มมกั กะสนั แขวงมกั กะสนั เขตราชเทวี ก่อสรา้ งจาก กทม. อาทกิ ารแจง้ ช่อื ผู้ควบคมุ อาคาร หรือเคลอ่ื นย้าย กรงุ เทพ 10400 งานกบั วันเรมิ่ ตน้ และวนั สิ้นสดุ การดาํ เนนิ การ อาคาร (แบบ กทม.4) โทรศัพท์ : 0-2253-0561 โทรสาร : 0-2253- - ผ้ปู ระกอบการขอใบรับรองการก่อสร้างอาคาร 4086 ดดั แปลงอาคาร หรอื เคลื่อนย้ายอาคาร http://www.ieat.go.th กทม. อนมุ ัติ “อนญุ าตก่อสรา้ ง/ดัดแปลง อาคาร” 6-7 การขอจาํ หนา่ ยไฟฟ้าและสญั ญาซือ้ ขายไฟฟา้ -กฟน. กฟภ .กฟผ. คําขอจําหน่ายไฟฟา้ และ 10 ติดตอ่ กฟผ. - ผู้ประกอบการย่ืนแบบคําขอจําหนา่ ยไฟฟ้า การเชอื่ มโยงระบบไฟฟา้ 5 เลขที่ 53 หมู่ 2 ถ.จรญั สนทิ วงศ์ ตาํ บลบาง และการเชื่อมโยงระบบไฟฟา้ ณ ทที่ าํ การ กรวย อําเภอบางกรวย นนทบุรี 11130 โทร 0- สํานักงานเขตของ กฟน.หรอื ทีท่ ําการ 2436-0000 สํานักงานจงั หวัดของ กฟภ สามารถดาวน์โหลดเอกสารไดท้ ี่ คมู่ อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 78
รายการ หนว่ ยงานที่รบั ผิดชอบ ชือ่ คาํ ขอ/คาํ ร้อง/เอกสาร วนั หมายเหตุ - การไฟฟ้าฝา่ ยจําหนา่ ยพิจารณาเอกสารรับซอ้ื http://www.ppa.egat.co.th/Sppx/a4.html ไฟฟ้าและแจง้ ผล พรอ้ มทงั้ รายละเอยี ด ติดต่อ การไฟฟา้ สว่ นภมู ภิ าค (สํานักงานใหญ่) คา่ ใชจ้ ่ายเป็นลายลักษณอ์ ักษรภายใน 45 วนั แผนกวางแผนแหล่งผลติ ไฟฟา้ นับจากวันที่การไฟฟ้า ฝ่ายจําหน่ายได้รับ โทร 0-2590-9733 ข้อมลู ประกอบการพิจารณาครบถ้วน - แผนก SPP โทร 0-2590-9743 - ผูป้ ระกอบการตอ้ งชาํ ระค่าใชจ้ ่ายและทาํ - แผนก VSPP โทร 0-2590-9753 สัญญาและซ้อื ขายไฟฟ้ากับการไฟฟา้ ภายใน - แผนกสัญญาซ้อื ขายไฟฟ้า โทร 0-2590- 60 วนั นับตั้งวนั ไดร้ บั แจ้งผล 9763 สามารถดาวนโ์ หลดเอกสารไดท้ ี่ http://www.pea.co.th/vspp/vspp.html ก่อสร้างโรงงานและตดิ ต้งั เครอ่ื งจักร 8 ใบอนญุ าตผลิตพลงั งานควบคมุ -กรมพัฒนาพลงั งาน คาํ ขอรบั ใบอนุญาตผลติ 60 ขนาดตั้งแต่ 200-1000 kVA ให้ พพ.พจิ ารณา - ผ้ปู ระกอบการย่นื คาํ ขอ “ใบอนญุ าตใหผ้ ลติ ทดแทนและอนรุ ักษ์ พลังงานควบคุม (พค.1) แตใ่ นกรณีที่ขนาดมากกว่า 1000 kVAสกพ. พลงั งานควบคมุ ” แก่ พพ.หรือ สกพ. พลงั งาน กระทรวง เป็นผตู้ รวจสอบและส่งให้ พพ.เปน็ ผูเ้ ห็นชอบ - พพ. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอปุ กรณ์ปอ้ งกนั พลังงาน สามารถ ดาวนโ์ หลดเอกสารได้ที่ - พพ. อนมุ ัตใิ บอนญุ าตให้ผลติ พลังงานควบคุม -สาํ นักกาํ กับกจิ การ http://www.dede.go.th ติดตอ่ ขอรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ที่ พลงั งาน กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนรุ กั ษ์ พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลงั งานเลขที่ 17 ค่มู ือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล หน้า 79
รายการ หนว่ ยงานที่รับผิดชอบ ชื่อคําขอ/คําร้อง/เอกสาร วัน หมายเหตุ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330Tel. 0-2223-0021-9 ตอ่ 1411 9-10 ใบอนญุ าตประกอบกจิ การไฟฟา้ -สํานกั กาํ กบั กจิ การ ใบอนญุ าตประกอบกจิ การ 75 ตดิ ตอ่ ขอรายละเอียดเพม่ิ เตมิ ที่ - ผ้ปู ระกอบการเตรียมเอกสารประกอบแยก พลังงาน ไฟฟา้ ประกอบด้วย 319 อาคารจัตรุ ัสจามจรุ ี ช้ัน 19 ถนนพญาไท ประเภทตามใบอนญุ าต 1. ใบอนญุ าตผลติ ไฟฟ้า แขวงปทมุ วนั เขตปทมุ วนั กรุงเทพฯ 10330 - สกพ. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของเอกสาร (สกพ01-1) โทรศัพท์ : 0 2207 3599 , - สกพ. เสนอความเห็นแก่ กกพ. พิจารณาเอกสาร 2. ใบอนุญาตระบบส่งไฟฟ้า โทรสาร : 0 2207 3502 , 0 2207 3508 - กกพ. พจิ ารณาออกใบอนุญาต “ใบประกอบ สามารถ ดาวน์โหลดเอกสารไดท้ ่ี (สกพ01-2) http://www2.erc.or.th/Form1.html กิจการไฟฟา้ ” 3. ใบอนญุ าตระบบ - สกพ. แจง้ ชําระคา่ ธรรมเนยี มพรอ้ มออกใบอนญุ าต จําหน่ายไฟฟ้า(สกพ01- แก่ผปู้ ระกอบการ 3) 4. ใบอนุญาตจําหนา่ ยไฟฟา้ (สกพ01-4) 5. ใบอนุญาตควบคุมระบบ ไฟฟ้า(สกพ01-5) 11-12 การไฟฟ้าตรวจสอบระบบพรอ้ มออกผลการ - 45 - รบั รองการตรวจคณุ ภาพไฟฟ้า เม่อื ทาํ สัญญาและตดิ ต้ังระบบแลว้ เสรจ็ ใหผ้ ้ผู ลิตไฟฟา้ แจง้ ความประสงคจ์ ะจา่ ยไฟฟ้าเขา้ ระบบ การไฟฟ้าจะ คมู่ ือการพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หน้า 80
รายการ หนว่ ยงานทร่ี บั ผิดชอบ ช่อื คําขอ/คาํ รอ้ ง/เอกสาร วัน หมายเหตุ เขา้ ไปตรวจสอบภายใน 15 วัน - การไฟฟา้ ฝา่ ยจําหน่ายจะตรวจสอบการเชอ่ื มโยงระบบ ไฟฟ้า และอุปกรณ์ท่ตี ดิ ตั้งว่าเปน็ ไปตามมาตรฐานท่ี กําหนดใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน 15วันยกเว้นกรณที ่ผี ผู้ ลิต ไฟฟ้าเปน็ ผใู้ ชไ้ ฟรายใหม่ใหก้ ารไฟฟ้าฝา่ ยจําหนา่ ย ดําเนินการตามระเบียบปฏบิ ตั ิของการไฟฟ้าฝา่ ย จําหน่ายภายใน 30 วนั - การไฟฟา้ แจ้งวนั เรมิ่ รับซอ้ื ไฟฟา้ เชิงพานิชย์ (COD) 13-14 รบั เงินคา่ ขายกระแสไฟฟา้ - หมายเหตุ : โครงการทีก่ ระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและ -สาํ นกั นโยบายและ รายงานการศึกษา 180 (กรณีท่ีสรา้ งโรงไฟฟา้ มขี นาดเกิน 10 MW) สิ่งแวดลอ้ มกําหนดตอ้ งจดั ทํารายงานผลกระทบดา้ น แผนฯกระทรวง ผลกระทบต่อส่งิ แวดล้อม - สง่ิ แวดล้อม (EIA,IEE) ทรพั ยากรธรรมชาติ 365 และสงิ่ แวดลอ้ ม หมายเหตุ: ระยะเวลาไม่รวมขนั้ ตอนการรับฟังความคดิ เห็นจากประชาชน และจะนับตั้งแต่ไดร้ ับเอกสารครบถว้ น คู่มือการพัฒนาและการลงทุนผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 81
การประเมินผลกระทบตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม (EIA) EIA หรือ Environmental Impact Assessment เป็นการศึกษาเพ่ือคาดการณ์ผลกระทบท้ังใน ทางบวกและทางลบจากการพัฒนาโครงการหรือกิจการที่สําคัญ เพื่อกําหนดมาตรการป้องกันและแก้ไข ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใช้ในการประกอบการตัดสินใจพัฒนาโครงการหรือกิจการ ผลการศึกษาจัดทําเป็น เอกสาร เรียกว่า \"รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม\"ซึ่งการดําเนินโครงการด้านโรงไฟฟ้าพลังความ ร้อนท่ีมีขนาดผลติ ไฟฟ้ามากกว่า 10 MW จะตอ้ งจดั ทํารายงานผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มเชน่ กนั ขน้ั ตอนการทาํ รายงาน EIA 1. ผู้ประกอบการจะต้องทราบก่อนว่าโครงการนั้นจะต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิง่ แวดลอ้ มหรือไม่ 2. วา่ จา้ งที่ปรกึ ษาทข่ี น้ึ ทะเบยี นเปน็ นติ บิ คุ คลผู้มสี ิทธิทํารายงานฯ 3. ผู้ประกอบการส่งรายงานให้สํานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดย สผ. และคณะกรรมการผู้ชํานาญการจะใช้เวลาการพิจารณารายงานฯ ตามขั้นตอนที่กําหนดไม่เกิน 75 วัน แต่หากคณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติม ท่ีปรึกษาจะต้องใช้เวลาในการปรับแก้ และจัดส่งให้ สผ. และคณะกรรมการฯ พจิ ารณา ซึง่ จะใชเ้ วลาไมเ่ กิน 30 วัน คมู่ อื การพัฒนาและการลงทุนผลติ พลังงานจากชวี มวล หน้า 82
ภาคผนวก ก ข้อมูล ผผู้ ลติ / จําหนา่ ยเคร่อื งจกั ร / อปุ กรณ์ ดา้ นพลังงานชีวมวล ลําดั รายชอื่ ท่ีติดต่อ โทรศัพท์ แฟกซ์ ตดิ ตอ่ Website ธรุ กิจ บ 1 หมอ้ ไอนาํ้ หจก. ม.ธนศกั ด์ิ เอ็นจิ 153/13 ถ.สมเด็จพระปิน่ เกล้า 02-433-9126-8, 02-882-5282 คณุ ธนศักด์ิ จริ วัฒนส์ ถิตย์ 02-424-3919-20 เนยี ร่ิง แขวงอรณุ อมั รินทร์ เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพฯ 2 หม้อไอนํา้ หจก. จงวัฒนาโลหะกิจ 715/10 ซ.วัดจนั ทรใ์ น ถ.สาธุประดิษฐ์ 02-294-2038, 02-6838692 คณุ วิชัย จงรตั นเมธีกลุ 02-2945679 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรงุ เทพฯ 3 หม้อไอน้ํา บ. บางกอกอินดัสเตรียล 368 หมู่ 6 ถ.สุขุมวทิ อ.สําโรง 02-398-0143, 02-749-1969 คณุ นันทวพี ร วิโมกข์ www.vpe.co.th บอยเลอร์ จก. จ.สมุทรปราการ 02-361-5357-61 เจรญิ 4 หม้อไอน้ํา บ. แบบคอคฮันซ่า จํากัด 309 หมู่ 6 เขตอตุ สาหกรรมสุรนารี 044-212-511, 044-212-522 คณุ บุญธรรม แผป่ ระดิษฐ์ ถ.นครราชสมี า-โชคชัย 044-334924-6 ต.หนองระเวียง อ.เมอื งจ.นครราชสมี า 5 หมอ้ ไอนาํ้ หจก. แสงชัยการชา่ ง 73/37 ซ.จอมทอง 15 ถ.จอมทอง 02-468-0256, คุณยุทธพล วงศ์จงใจ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 02-878-0051 หาญ 6 หมอ้ ไอน้าํ บ. ไทยเค. บอยเลอร์ จํากดั 134 หมู่ 6 ซอยเพชรเกษม 91 02-420-8046-9 02-8110143 คณุ นฤมล สุวรรณประทีป www.thaikboiler.com ถ.เพชรเกษม ต.สวนหลวง อ.กระทุ่ม แบน จ.สมทุ รสาคร 7 หมอ้ ไอน้ํา บ. เกตาเบค จํากดั 609 หมู่ 17 นคิ มอตุ สาหกรรมบางพลี 02-705-1400 www.getabecboiler.c 02-655-5790 02-6555791 Mr. M.K. Balaji om บางเสาธง อ.บางพลีจ.สมทุ รปราการ หน้า 83 8 หมอ้ ไอน้ํา บ.เทอรแ์ มกซ์ จํากดั ช้นั 4 อาคารนายเลิศ เลขที่ 2/4 คมู่ อื การพฒั นาและการลงทุนผลิตพลังงานจากชวี มวล
ลาํ ดั รายชอ่ื ทีต่ ิดต่อ โทรศัพท์ แฟกซ์ ตดิ ต่อ Website ธรุ กิจ www.egat.com บ www.bpe-boiler.com www.italthai.co.th ถ.วทิ ยุ เขตปทุมวันกรงุ เทพฯ www.ipttech.net 9 ที่ปรึกษาออกแบบ การไฟฟา้ ฝ่ายผลิตแห่ง หอ้ ง 310 ช้นั 3 อาคาร ท.101 เลขที่ 53 02-436-3681 02-424-9361 www.sumitomocorp. co.jp โรงไฟฟา้ ประเทศไทย ถ.จรัลสนิทวงศ์ อ.บางกรวยจ.นนทบุรี www.ewe.net www.tmd.co.th 10 ที่ปรึกษาออกแบบ บ. บ้านโปง่ เอน็ จเิ นียร่ิง 21/1 หมู่ 1 ถ.หวั โพธิ-์ บา้ นสงิ ห์ ต.หวั 032-349-514-5 032-349398 คุณชูชัย เจริญงาม โรงไฟฟ้า จาํ กัด โพธ์ิ อ.บางแพจ.ราชบรุ ี 11 ที่ปรกึ ษาออกแบบ บ. อติ ัลไทยอตุ สาหกรรม 203 ถ.เพชรบุรีตดั ใหม่ แขวงบางกะปิ 02-319-1031-40 02-3182654 คณุ เกรียงไกร ธรี นันท์ โรงไฟฟ้า จํากัด เขตหว้ ยขวาง กรงุ เทพฯ 12 ทป่ี รึกษาออกแบบ บ. อนิ ดัสเตรียล พาวเวอร์ ตกึ บบี ี ชัน้ 17 ห้อง 1703 ถนนสุขุมวิท 02-287-3327 02-2873327 คุณไพโรจน์ ลีนะวัต โรงไฟฟ้า เทคโนโลยี(ประเทศไทย) 21 แขวงคลองเตย เขตทวัวัฒนา จํากัด กรงุ เทพฯ 13 ทป่ี รึกษาออกแบบ บ.สุมโิ ตโมไทย อินเตอร์ ชน้ั 20 อาคารเอ็มไทย เลขท่ี 87 ถ.วิทยุ 02-654-0002 02-6540065 คณุ ภูมชิ ัย ศกั ดศ์ิ รี โรงไฟฟ้า เนช่ันแนล จก. เขตปทมุ วนั กรุงเทพฯ 14 ที่ปรกึ ษาออกแบบ บ.อิเลคโทรวตั ต์ อีโคโน ชั้น 22 อาคารวานิช เลขท่ี 1126/2 ถ. 02-657-1000 02-6503445- Dr. Alexander Skaria โรงไฟฟ้า จาํ กดั เพชรบุรีตดั ใหม่ ราชเทวี กรงุ เทพฯ 6 15 ทป่ี รึกษาออกแบบ บ.ไทยเมเดนชา จํากัด ช้ัน 11 อาคารทเี อสที ถ.วิภาวดรี งั สติ 02-273-8954 02-2738966 คณุ บุญเลิศ ศิริกุล โรงไฟฟ้า เขตจตจุ ักร กรุงเทพฯ ท่มี า กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน (พพ.) ค่มู อื การพัฒนาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 84
ภาคผนวก ข ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรอ่ื ง ขอ้ กําหนดค่าปริมาณของสารเจอื ปนในอากาศท่รี ะบายออกจากโรงงาน พ.ศ.2549 ท่ีมา: http://www2.diw.go.th/PIC/download/air/A11.pdf คมู่ ือการพฒั นาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 85
ค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 86
ค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 87
ค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 88
ค่มู อื การพฒั นาและการลงทนุ ผลติ พลังงานจากชวี มวล หนา้ 89
เอกสารอา้ งองิ 1. เทคโนโลยีการแปลงสภาพชวี มวล, รศ.ดร.นคร ทิพยาวงศ์, สถาบนั เทคโนโลยีไทย-ญป่ี นุ่ , มกราคม 2553 2. คู่มือการลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ,โครงการจัดทําข้อมูลด้านการลงทุนในกิจการพลังงาน หมุนเวียนชีวมวลและก๊าซชีวภาพ, สํานักนโยบายและยุทธศาสตร์, สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน, กระทรวง พลังงาน, กนั ยายน 2552 3. แนวทางการบริหารความเส่ียงการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานชีวมวล, มูลนิธิพลังงานเพ่ือ สงิ่ แวดลอ้ ม, พฤศจิกายน 2552 4. โครงการส่งเสริมเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทนให้เกิดศักยภาพในภาคอุตสาหกรรม, กรมพัฒนาพลังงาน ทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน,บริษัทเอเบิลคอนซลั แตนท์จํากัดบริษัทเอทีที คอนซัลแตนท์ จํากัด,ธันวาคม2551 5. รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาแนวทางบริหารจัดการเช้ือเพลิงชีวมวลเพ่ือใช้เป็นพลังงานทดแทน (ระดบั มหภาค), สํานกั งานนโยบายและแผนพลังงาน, มลู นธิ ิพลังงานเพ่ือสง่ิ แวดลอ้ ม, ธันวาคม 2551 6. ชีวมวล, แผนทแี่ สดงแหลง่ ชวี มวลและท่ีต้งั โรงไฟฟ้าชีวมวล, มูลนธิ ิพลังงานเพือ่ สง่ิ แวดลอ้ ม, พฤศจิกายน2549 7. Lessons Learned ปัญหาและจุดเรียนรู้ท่ีได้จากโครงการผลิตพลังงานจากชีวมวลในประเทศไทย, มูลนิธิ พลังงานเพ่อื ส่ิงแวดล้อม 8. สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทนุ , เวบ็ ไซต์ www.boi.go.th 9. องค์การบรหิ ารจดั การก๊าซเรือนกระจก (องคก์ ารมหาชน), เวบ็ ไซต์ www.tgo.or.th 10. กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลังงาน, เว็บไซตw์ ww.dede.go.th 11. มลู นิธพิ ลงั งานเพื่อส่ิงแวดล้อม, เว็บไซต์www.efe.or.th 12. กรมโรงงานอุตสาหกรรม, เว็บไซต์ www2.diw.go.th/PIC/download/air/A11.pdf 13. วารสารอนิ ทาเนยี ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 4พ.ศ.2552 14. CogenerationPresentation from the “Energy Efficiency Guide for Industry in Asia”www.energyefficiency.asia.org 15. ศูนยบ์ รกิ ารวชิ าการด้านพลงั งานทดแทน กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน, เวบ็ ไซต์ http://www.alternative.in.th คมู่ ือการพฒั นาและการลงทุนผลิตพลงั งานจากชวี มวล หนา้ 90
ผสู้ นใจสามารถขอข้อมูลและรายละเอียดเพมิ่ เตมิ ไดท้ ี่ ศูนยบ์ ริการวชิ าการดา้ นพลังงานทดแทนโทรศัพท์ : 0-2223-7474 หรือ กลุ่มชวี มวล สํานกั วจิ ัย ค้นควา้ พลงั งาน กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 17 ถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ : 0-2223-0021-9 เวบ็ ไซต์ www.dede.go.th จัดทาํ เอกสาร โดย บรษิ ทั เอเบลิ คอนซลั แตนท์ จํากดั 888/29-32 ถนนนวลจนั ทร์ แขวงนวลจนั ทร์ เขตบงึ กมุ่ กรุงเทพฯ 10230 โทรศพั ท์ 0-2184-2728-33 โทรสาร 0-2184-2734 พิมพค์ ร้งั ท่ี 1 มกราคม 2554
Search