Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือชีวิต

Description: คู่มือชีวิต

Search

Read the Text Version

Re#3 �����������.indd 1 11/15/13 3:50:36 PM

คู่มือชีวติ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ISBN พิมพ์คร้ังท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ จำนวน ๓๐,๐๐๐ เล่ม ท่ปี รกึ ษา สมเดจ็ พระวันรตั พระเทพปรยิ ตั ิวมิ ล กองบรรณาธกิ าร พระศากยวงศว์ ิสุทธ์ิ รต.สุเชาวน์ พลอยชุม บรรณาธิการสร้างสรรค์และวาดภาพ ธรี โพธภิ ิกขุ (อาจารย์ธีระพันธ์ุ ลอไพบูลย)์ ผู้จัดพมิ พ ์ รฐั บาลในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช พิมพโ์ ดยเสด็จพระราชกศุ ลในการพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก พมิ พ์ที่ บรษิ ทั ศริ ิวัฒนาอนิ เตอร์พรน้ิ ท์ จำกัด (มหาชน) Re#3 �����������.indd 2-3

คำนำ นับแต่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆ ราช สกลสังฆปริณายก สิ้นพระชนเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ และเชิญพระศพมาประดิษฐาน ณ ตำหนักเพ็ชรรัตน เมือ่ วนั ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ได้มพี ทุ ธศาสนิกชนและสาธุชน มาถวายความเคารพพระศพเป็นจำนวนมาก ทั้งกลางวันและกลาง คนื ตอ่ เนอ่ื งมาตงั้ แตบ่ ดั นนั้ จนบดั นี้ แสดงถงึ พระบารมีธรรมของเจา้ พระคุณสมเด็จฯ ที่ปกครองไปยังพุทธศาสนิกชนและสาธุชนทุก หมู่เหล่าและแสดงถึงความเคารพนับถือท่ีพุทธศาสนิกชนและ สาธุชนทุกหมู่เหล่ามีต่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯ อันเป็นแรงบันดาลใจ ให้บุคคลเหล่านั้น ไมว่ ่าจะอยูใ่ กลไ้ กลเพียงไรตง้ั ใจเดนิ ทางมาถวาย ความเคารพพระศพ อย่างเนืองแน่นต่อเน่ือง ด้วยความสำนึกใน พระเมตตาธรรมและความกรณุ าคุณของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและสาธุชนผู้มาถวายความเคารพ พระศพได้มสี ิ่งอนุสรณ์ อนั เนอื่ งด้วยเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไวเ้ ปน็ ท่ี ระลึกและปล้ืมปิติ ทางวัดบวรนิเวศวิหารจึงได้จัดพิมพ์พระนิพนธ์ ของเจ้าพระคุณสมเด็จ พร้อมด้วยพระรูปน้อมถวายพระกุศลและ แจกเป็นปฏิการแก่ทุกท่าน ดังที่ปรากฏอยู่ในมือของท่านท้ังหลาย บัดน ้ี วดั บวรนเิ วศวิหาร ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ 11/15/13 3:50:39 PM

พระประวัต ิ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (สวุ ัฑฒนมหาเถระ เจริญ คชวัตร) สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก (สวุ ฑั ฒนมหาเถระ) มพี ระนามเดมิ วา่ เจรญิ นามสกลุ คชวตั ร ทรงมพี ระชาตภิ มู ิ ณ จงั หวดั กาญจนบรุ ี เมอื่ วนั ท่ี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ทรงบรรพชาเปน็ สามเณรเม่ือพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ณ วัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี แล้วเข้ามาอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จนพระชนมายุ ครบอุปสมบท และทรงอุปสมบท ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิร ญาณวงศ์ ทรงเปน็ พระอุปชั ฌาย์ ไดป้ ระทบั อยู่ศึกษา ณ วดั บวรนิเวศวหิ าร ตลอดมาจนกระทงั่ สอบไดเ้ ปน็ เปรยี ญธรรม ๙ ประโยค เมอื่ พ.ศ. ๒๔๘๔ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงดำรงสมณศักดิ์มาโดย ลำดับดังน้ี ทรงเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระราชาคณะช้ันราช และ พระราชาคณะช้ันเทพ ในราชทินนามท่ี พระโศภนคณาภรณ์ ทรงเป็น พระราชาคณะช้ันธรรมท่ี พระธรรมวราภรณ์ ทรงเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้า คณะรองท่ี พระสาสนโสภณ ทรงเป็นสมเด็จพระราชาคณะท่ี สมเด็จพระ ญาณสังวร และทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ในราชทินนามท่ี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นผู้ใคร่ในการศึกษา ทรงมีพระอัธยาศัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาตั้งแต่ทรงเป็นพระเปรียญ โดยเฉพาะใน ดา้ นภาษา ทรงศึกษาภาษาตา่ ง ๆ เชน่ องั กฤษ ฝรงั่ เศส เยอรมนั จนี และ สนั สกฤต จนสามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี กระทงั่ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ พระอปุ ชั ฌายท์ รงเหน็ วา่ จะเพลนิ ในการศกึ ษามากไป วนั หน่ึงทรงเตือนวา่ ควรทำกรรมฐานเสยี บา้ ง เป็นเหตุ Re#3 �����������.indd 4-5

ให้พระองค์ทรงเร่ิมทำกรรมฐานมาแต่บัดน้ัน และทำตลอดมาอย่างต่อเน่ือง จงึ ทรงเป็นพระมหาเถระทีท่ รงภมู ธิ รรมทง้ั ด้านปรยิ ัตแิ ละดา้ นปฏิบตั ิ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงศึกษาหาความรู้สมัยใหม่ อยู่เสมอ เป็นเหตุให้ทรงมีทศั นะกว้างขวาง ทนั ต่อเหตกุ ารณบ์ ้านเมือง ซ่ึง เป็นประโยชน์ต่อการส่ังสอนและเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และ ทรงนิพนธ์หนังสือทางพระพุทธศาสนาได้อย่างสมสมัย เหมาะแก่บุคคลและ สถานการณ์ในยุคปัจจุบัน และทรงสั่งสอนพระพุทธศาสนาทั้งแก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศ ในดา้ นการศกึ ษา ไดท้ รงมีพระดำรทิ างการศกึ ษาทก่ี วา้ งไกล ทรง มีส่วนร่วมในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทย คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยมาแต่ต้น ทรงริเร่ิมให้มีสำนักฝึกอบรม พระธรรมทูตไปต่างประเทศข้ึนเป็นคร้ังแรก เพื่อฝึกอบรมพระธรรมทูตไทยที่ จะไปปฏบิ ัตศิ าสนกจิ ในตา่ งประเทศ ทรงเป็นพระมหาเถระไทยรูปแรก ท่ีได้ดำเนินงานพระธรรมทูตใน ต่างประเทศอย่างเปน็ รปู ธรรม โดยเริ่มจากทรงเป็นประธานกรรมการอำนวย การสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นรูปแรก เสด็จไปเป็น ประธานสงฆใ์ นพิธีเปดิ วัดไทยแห่งแรกในทวปี ยุโรป คอื วดั พุทธปทปี ณ กรงุ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ทรงนำพระพุทธศาสนาเถรวาทไปสู่ทวีป ออสเตรเลยี เป็นคร้งั แรก โดยการสรา้ งวดั พุทธรงั ษีขน้ึ ณ นครซดิ นยี ์ ทรง ให้กำเนิดคณะสงฆ์เถรวาทขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ทรงช่วยฟ้ืนฟูพระพุทธ ศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล โดยเสดจ็ ไปให้การบรรพชาแกศ่ ากยกุลบตุ ร ในประเทศเนปาลเป็นครั้งแรก ทำให้ประเพณีการบวชฟ้ืนตัวขึ้นอีกคร้ังหน่ึง ในเนปาลยุคปัจจุบัน ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม สหรฐั อเมรกิ า ทรงเจรญิ ศาสนไมตรกี บั องคด์ าไลลามะ กระทง่ั เปน็ ทที่ รงคนุ้ เคย และไดว้ สิ าสะกนั หลายครงั้ และทรงเปน็ พระประมขุ แหง่ ศาสนจกั รพระองคแ์ รก ท่ีได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการใน ประวตั ิศาสตรจ์ ีน 11/15/13 3:50:39 PM

เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นนักวิชาการและนัก วเิ คราะห์ธรรมตามหลักการของพระพุทธศาสนา ทเี่ รยี กว่า ธมั มวจิ ยะ เพือ่ แสดงให้เห็นว่า พุทธธรรมนั้นสามารถประยุกต์ใช้กับกิจกรรมของชีวิตได้ทุก ระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงสุด ทรงมีผลงานด้านพระนิพนธ์ ท้ังท่ีเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษจำนวนกว่า ๑๐๐ เรื่องประกอบด้วย พระนิพนธ์แสดงคำสอนทางพระพุทธศาสนาทั้งระดับต้น ระดับกลาง และ ระดับสงู รวมถงึ ความเรียงเชงิ ศาสนคดีอกี จำนวนมาก ซึง่ ล้วนมคี ุณค่าควร แก่การศึกษา สถาบันการศึกษาของชาติหลายแห่งตระหนักถึงพระปรีชา สามารถและคุณค่าแห่งงานพระนิพนธ์ ตลอดถึงพระกรณียกิจท่ีทรงปฏิบัติ จึงได้ทูลถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เป็นการเทิดพระเกียรติหลาย สาขา นอกจากพระกรณียกิจตามหน้าที่ตำแหน่งแล้ว ยังได้ทรงปฏิบัติ หน้าท่ีพิเศษ อันมีความสำคัญยิ่งอีกหลายวาระ กล่าวคือ ทรงเป็นพระ อภิบาลในพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เมื่อคร้ัง ทรงพระผนวช เม่ือพ.ศ. ๒๔๙๙ พร้อมทั้งทรงถวายความรู้ในพระธรรม วินัย ตลอดระยะเวลาแห่งการทรงพระผนวช ทรงเป็นพระราชกรรมวาจา จารย์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎ ราชกุมาร เม่อื คร้ังทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ไม่เพียงแค่สร้างศาสนธรรม คอื คำสอนมอบไวเ้ ป็นมรดกธรรมแก่พุทธศาสนิกชนและแกโ่ ลกเทา่ นนั้ แต่ยัง ได้ทรงสร้างวัตถุธรรมอันนำสุขประโยชน์สู่ประชาชนทั่วไป มอบไว้เป็นมรดก ของแผน่ ดนิ เปน็ จำนวนมาก อาทิ วดั ญาณสงั วราราม ชลบรุ ี วดั รชั ดาภเิ ษก กาญจนบุรี วัดวังพุไทร เพชรบุรี วัดล้านนาญาณสังวราราม เชียงใหม่ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เชียงราย โรงพยาบาล สมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต กาญจนบุรี ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ในโรงพยาบาลและโรงเรยี นในถน่ิ ธรุ กันดาร ๑๙ แหง่ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราช พระองค์ท่ี ๑๙ ท่าม่วง กาญจนบุรี ตึกวชิรญาณวงศ์ Re#3 �����������.indd 6-7

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตึกวชิรญาณ-สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ ตึก ภปร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงเรียนสมเด็จพระปิย มหาราชรมณยี เขต กาญจนบรุ ี และวดั ไทยในต่างประเทศอีกหลายแหง่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงดำรงตำแหน่งหนา้ ทีส่ ำคญั ทางการคณะสงฆ์ในด้านต่าง ๆ มาเป็นลำดับ เป็นเหตุให้ทรงปฏิบัติพระ กรณียกิจเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนา ประเทศชาติ และประชาชน เป็น เอนกประการ นับได้ว่าทรงเป็นพระมหาเถระท่ีทรงเพียบพร้อมด้วยอัตต สมบัตแิ ละปรหิตปฏิบัติ และทรงเป็นครุฐานยี บคุ คลของชาติ ท้งั ในด้านพทุ ธ จกั รและอาณาจักร เจ้าพระคุณสมเดจ็ พระญาณสังวร ทรงเป็นทเ่ี คารพสกั การะตลอด ไปถึงพุทธศาสนิกชนในนานาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาร์ จึงได้ทูลถวายตำแหน่ง อภิธชมหารัฐคุรุ อันเป็น สมณศกั ด์ิสูงสดุ แหง่ คณะสงฆเ์ มยี นมาร์ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๔ และทีป่ ระชุม ผู้นำสูงสุดแห่งพุทธศาสนาโลก เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ทูลถวายตำแหน่ง “ผนู้ ำสงู สุดแห่งพระพุทธศาสนาโลก” ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ พระสุขภาพของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณ สงั วร ถดถอยลง เนอื่ งจากทรงเจรญิ พระชนมายุมากข้นึ ไม่อำนวยใหท้ รง ปฏิบัติพระศาสนกิจต่างๆ ได้โดยสะดวก จึงเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ ตึกวชิรญาณ-สามคั คีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กระทง่ั ถงึ วนั ที่ ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ คณะแพทยไ์ ดแ้ ถลงการณ์ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ ปรณิ ายก สนิ้ พระชนมเ์ มอื่ เวลา ๑๙.๓๐ น. สริ พิ ระชนมายไุ ด้ ๑๐๐ พรรษา กบั ๒๑ วัน 11/15/13 3:50:39 PM

Re#3 �����������.indd 8-1

เราทกุ คนเดยี๋ วน้ีเกดิ มามศี าสนา ทนี่ ับถอื ศาสนา สืบกันมาเหมือนอย่างมีบิดามารดา คนท่ีมีมารยาท ย่อมไม่ลบหลู่ดูหม่ินท่ีนับถือของใครๆ ไม่ดูหม่ินวัตถุที่ เคารพในศาสนาน้ันๆ ไม่กล่าวหาศาสนาหรือวัตถุท่ี เคารพของใครว่าไม่ดี คิดดูเถิด หลักมรรยาทอันดีของคนธรรมดา สามัญน่ีเองเป็นดังนี้ คนยิ่งสูงกว่าคนธรรมดาสามัญ กค็ วรจะย่ิงมมี รรยาทละเอียดมากข้ึน แตถ่ ้าเสียมารยาท ไปเสียแล้ว ก็ตกต่ำไปยง่ิ กว่าคนธรรมดาสามญั เสียอีก. 1 11/15/13 3:50:39 PM

มาร แปลว่า ผฆู้ า่ ผู้ทำลายลา้ ง มารข้างนอก คือผู้มุ่งทำลายล้างข้างนอก มารข้างในคือกิเลสในใจ ของตนเอง เป็นต้นว่าความรักความชังความหลง ซ่ึง บังใจเราไม่ให้เกิดปัญญาในเหตุผล เมื่อชนะมารในใจ ของตนได้แล้ว มารขา้ งนอกกท็ ำอะไรไมไ่ ด้. 2 Re#3 �����������.indd 2-3

พระพุทธเจ้าได้ทรงชนะ คือทรงชนะพระหฤทัย ของพระองค์แล้วด้วยพระบารมีคือความดีท่ีทรงสร้างมา จนบริบูรณ์ ใครมีเรื่องจะต้องผจญใจ ก็ให้ระลึกถึง พระพุทธเจ้าผู้ทรงพิชิตมารดังกล่าวน้ีเถิดจะสามารถชนะ ใจตนเอง และจะเอาชนะเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ได้ แต่ขอให้ ระลึกถึงด้วยความต้ังใจจริงจนเกิดความสงบ แล้วจัก เหน็ หนทางชนะขน้ึ เองอย่างน่าอศั จรรย์. 3 11/15/13 3:50:40 PM

คติธรรมดาท่ีไม่มีใครซ่ึงเกิดมาในโลกนี้จะหนีไปให้ พ้นได้ก็คือ ความแก่ ความตาย แต่คนโดยมากพากัน ประมาทเหมอื นอยา่ งวา่ ไมแ่ กไ่ มต่ าย นา่ ทจ่ี ะรบี ทำความดี แตก่ ไ็ มท่ ำ กลบั ไปทำความชั่ว กอ่ ความเดือดร้อนใหแ้ ก่ กันและกัน ต่างต้องเผชิญทุกข์เพราะกรรมที่ต่างก่อให้ แก่กนั อกี ด้วย ฉะนั้น ก็น่าจะนึกถงึ ความแก่ ความตาย กันบา้ ง เพือ่ จะไดล้ ดความมวั เมาและทำความด.ี 4 Re#3 �����������.indd 4-5

หนา้ ทขี่ องคนเราทีจ่ ะพงึ ปฏบิ ัตติ อ่ ชีวติ รา่ งกายคือ บริหารรักษาให้ปราศจากโรค ให้มีสมรรถภาพและรีบ ประกอบประโยชน์ให้เป็นชีวิตดี ชีวิตที่อุดม ไม่ให้เป็น ชีวิตชั่ว ชีวิตเปล่าประโยชน์ (โมฆชีวิต) และในขณะ เดยี วกนั กใ็ หก้ ำหนดร้คู ตธิ รรมดาของชีวิต เพื่อความไม่ ประมาท พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้ทำลายร่างกาย ถ้าจะ เกิดความอยาก ความโกรธ ความเกลียด ในอันท่ีจะ ทำลายชีวิตร่างกาย ก็ให้ทำลายความอยาก ความโรธ ความเกลียดนนั้ แหละเสยี . 5 11/15/13 3:50:41 PM

อันความรกั หรอื ทร่ี กั เมอ่ื ผู้ใดมีรอ้ ยหนง่ึ ผู้น้นั ก็ มที กุ ขร์ อ้ ยหนงึ่ รกั เกา้ สบิ แปดสบิ เจด็ สบิ หกสบิ หา้ สบิ เปน็ ตน้ จำนวนทกุ ขก์ ม็ เี ทา่ นนั้ ถงึ แมม้ รี กั เพยี งอยา่ งหนง่ึ ก็มีทุกข์อย่างหนึ่ง ตอ่ เมอื่ ไม่มรี ัก จงึ จะไม่มีทกุ ข์ ผู้หมด ทุกขน์ ั้น พระพุทธเจา้ ตรสั เรียกวา่ “เป็นผู้ไม่มโี ศก ไม่มี ธุลใี จ ไม่มีคบั แค้น.” 6 Re#3 �����������.indd 6-7

พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนให้เกิดสติข้ึนว่า ความ ทุกข์นี้มีเพราะความรัก มีรักมากก็เป็นทุกข์มาก มีรัก น้อยก็เป็นทุกข์น้อย จนถึงไม่มีรักเลย จึงไม่ต้องเป็น ทุกขเ์ ลย. แตต่ ามวิสัยโลกจะตอ้ งมคี วามรกั มีบุคคลและส่งิ ทรี่ ัก ในเรอื่ งนี้ พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั สอนใหม้ สี ตคิ วบคมุ ใจ มใิ หค้ วามรกั มีอำนาจเหนอื สติ แต่ให้สตมิ ีอำนาจควบคุม ความรักให้ดำเนินในทางท่ีถูก และให้มีความรู้เท่าทันว่า จะต้องพลัดพรากรักสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึง คราวเชน่ น้นั จกั ไดร้ ะงบั ใจลงได.้ 7 11/15/13 3:50:42 PM

ชีวิตในชาติหนึ่งๆ กับทั้งสุขทุกข์ต่างๆ เกิดข้ึน เพราะกรรมท่ีแต่ละตัวตนทำไว้ ฉะนั้น ตนเองจึงเป็น ผู้สร้างชาติคือความเกิดและความสุขทุกข์ของตนแก่ตน หรือผสู้ รา้ งกค็ อื ตนเอง แตม่ ิไดไ้ ปสร้างใครอ่นื เพราะใคร อ่ืนนั้นๆ ต่างก็เป็นผู้สร้างตนเองด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่มี ใครเป็นผู้สร้างให้ใคร และเม่ือผู้สร้างคือตนสร้างให้เกิด กเ็ ป็นผู้สรา้ งใหต้ ายดว้ ย ทำไมผู้สร้างคือตนเองจึงสร้างชีวิตที่เป็นทุกข์เช่น นเี้ ลา่ ปัญหาน้ีตอบว่า สร้างขนึ้ เพราะความโง่ ไม่ฉลาด คือไม่รู้ว่าการสร้างน้ีก็คือสร้างทุกข์ขึ้น ถ้าเป็นผู้รู้ฉลาด เต็มที่ กจ็ ะไม่สรา้ งสิ่งที่เกิดมาต้องตาย. 8 Re#3 �����������.indd 8-9

การคบหาสมาคมกันระหว่างบุคลน้ัน ท่านสอน ให้เลือกคบ คือให้คบแต่บัณฑิตอันหมายถึงคนดี ไม่ให้ คบคนพาลอันหมายถึงคนไม่ดี เพราะเมื่อคบกัน ก็ หมายถึงว่าจะต้องมีวิสาสะคือความคุ้นเคยไว้วางใจกัน ถา้ ไปไว้วางใจในคนไม่ดกี จ็ ะเกดิ อันตราย จงึ ไดต้ รสั เตอื น ไวว้ ่าภัยเกิดจากวิสาสะ ไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลอ่ืน แม้ตนเองจะไว้ใจ ตนเองเสมอไปได้หรือ ถ้ายังมีกิเลส คือ โลภ โกรธ หลงอยู่ จะไว้ใจท่มี ีกิเลสดังกล่าวน้หี าได้ไม่ ฉะนัน้ เมือ่ ไม่ควรจะไว้ใจตนเองได้เสมอไปแล้ว จะไว้ใจผู้อ่ืนโดยไม่ เลอื กไมพ่ จิ ารณาไดอ้ ยา่ งไร. 9 11/15/13 3:50:43 PM

อั น มู ล เ ห ตุ ที่ ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ตึ ง เ ค รี ย ด ข้ึ น น้ั น โดยตรงที่สุดก็คือตัณหาความทะยานอยากในจิตใจของ บุคคล หรือกลา่ วอีกอยา่ งหน่ึงไดแ้ ก่ โลภะ โทสะ โมหะ กิเลสเหล่าน้ีเป็นไฟเผาโลกอยู่ทุกกาลสมัย และเป็นนาย ที่บงการมนุษย์ให้เบียดเบียนทำลายล้างกันและกัน แม้ บคุ คลจะมีอำนาจครอบงำผู้อ่นื ได้มากมาย แตก่ ต็ อ้ งเปน็ ทาสของตัณหา จึงได้ขวนขวายเพ่ือหักล้างผู้อ่ืนลงไปให้ ย่อยยับ โดยที่ไม่พยายามหักตัณหาในใจของตนเองลง ไปเลย เม่อื เปน็ เช่นนี้ ความสงบก็เกิดขน้ึ ไดโ้ ดยยาก ยงิ่ แก้ด้วยวิธีเพ่ิมตัณหาให้แก่ตนและหักล้างผู้อ่ืนให้จำยอม ก็ยิ่งเพ่ิมความไม่สงบ เพราะไม่มีใครท่ีจะยินยอมแก่กัน ต้องพากันพยายามป้องกันตน หรือคิดหักล้างเป็นการ ตอบแทนกนั อยู่ตลอดไป. 10 Re#3 �����������.indd 10-11

ทางพระพทุ ธศาสนาสอนให้ทกุ ๆ คนพิจารณาให้ ทราบหลักกรรมเนืองๆ เพ่ือเป็นผู้ไม่ประมาทพยายาม ละกรรมชั่ว ประกอบแต่กรรมดี เพราะทุกๆ คน สามารถละกรรมท่ีชั่ว ประกอบแต่กรรมที่ดีได้ การท่ียัง ปฏิบัติดังกล่าวไม่ได้ ก็เพราะยังประมาท มิได้พิจารณา ให้รู้ตระหนักในหลักกรรม และไม่เช่ือกรรม ไม่เชื่อผล ของกรรม ไม่เช่อื ความที่สตั วม์ ีกรรมเป็นของตนเอง ตอ่ เมอ่ื เปน็ ผไู้ มป่ ระมาท และมศี รทั ธาความเชอ่ื ดงั กลา่ ว จึง จะละกรรมช่ัว ทำกรรมดีได้ตามสมควร. 11 11/15/13 3:50:43 PM

ทางท่ีถูก ควรจะเอาชนะอุปสรรคในทางที่ชอบ และพยายามรักษาส่งเสริมความดีของตน คิดให้เห็นว่า เราทำความดกี ็เพอื่ ความดี มใิ ช่เพือ่ ใหใ้ ครชม ใครจะชม หรือติ เราก็ไม่ควรรับหรือปฏิเสธ ควรเอามาคิด สอบสวนตัวเราเองดู เพ่ือแก้ไขตัวเราเองให้ดีขึ้น แต่ไม่ รับมาเป็นเครื่องหลอกตัวเองว่าวิเศษเพราะเขาชมหรือ เลวทรามเพราะเขาติ เขาจะว่าอยา่ งไรก็ช่างเขา เราจะดี หรอื ไมด่ กี ็อยทู่ ีก่ ารกระทำของเราเอง. 12 Re#3 �����������.indd 12-13

โดยมาก อุปสรรคตา่ งๆ เป็นเรื่องหยมุ หยิมเล็ก นอ้ ย ไมม่ สี าระ แตม่ กั จะรบั เขา้ ยดึ ถอื เปน็ อารมณก์ วนใจ ใหเ้ ดอื ดรอ้ นไปเอง จนถงึ ใหท้ อดทง้ิ ความดี ถา้ เปน็ อยา่ งน้ี ก็ไม่ใช่เป็นความฉลาด แต่เป็นความเขลาของเราเอง และทางพุทธศาสนาเรียกว่าเปน็ ผแู้ พ้ สว่ นการชนะนนั้ กม็ ไิ ดป้ ระสงคใ์ หช้ นะในทางกอ่ เวร แต่มงุ่ ให้เอาชนะตนเอง คอื ชนะจติ ใจที่ใฝช่ ั่วของตน และ เอาชนะเหตุการณ์แวดล้อมที่มาเป็นอุปสรรคแห่งความดี เพื่อท่ีจะรักษาและเพิ่มพูนความดีของตนเองให้ดีย่ิงๆ ขน้ึ . 13 11/15/13 3:50:44 PM

การพัฒนา ซึ่งมีความหมายถึงการสร้างเสริม ปรบั ปรุงให้ดเี จรญิ ขน้ึ เปน็ กจิ ที่ควรทำ เพราะบ้านเมอื ง จะเกิดความเจริญก็ด้วยการพัฒนาในส่วนต่างๆ ท่ียัง ด้อยความเจริญอยู่ แต่ก็ต้องพัฒนาคนด้วย ในการ พัฒนาคน ก็จำต้องพัฒนาให้ถึงจิตใจ ถ้าคนมีจิตใจไม่ เจริญ ก็ยากท่จี ะพัฒนาสว่ นอื่นๆ ใหเ้ กดิ ผลสำเร็จได้. 14 Re#3 �����������.indd 14-15

ธรรมะเป็นเคร่ืองอบรมจิตใจให้มีมนุษยธรรม รู้จักเคารพในสิทธิแห่งมนุษยชนท่ัวไป ให้ประกอบด้วย เมตตาธรรมตลอดถึงในสัตว์เดรัจฉาน และให้มีหิริ (ความละอายใจตอ่ ความชว่ั ) โอตตปั ปะ (ความเกรงกลวั ต่อความชั่ว) ท้ังให้รูจ้ กั รกั ษาจิตใจ รจู้ กั ทำความสงบใจ ใหแ้ ก่จติ ใจ รจู้ ักทำใจให้เปน็ สมาธิ นอกจากนี้ ธรรมะยังเป็นเคร่ืองอบรมปัญญาคือ รู้จักบาปบุญคุณโทษ ให้รู้จักตนเอง ไม่หลงตน ลืมตน เพราะมัวเมาไปในโลกียสมบัติต่างๆ ตลอดถึงให้มีความ รยู้ ่ิงขึ้นไปกว่านัน้ . 15 11/15/13 3:50:45 PM

หลักพัฒนาคนของพระพุทธเจ้าคือธรรมะเหล่าน้ี เป็นเคร่ืองพัฒนาคนให้เป็นอริยบุคคลหรืออารยชนคือ คนเจริญ คิดดงู า่ ยๆ คนทีไ่ มม่ สี มบตั ิผู้ดี ไม่มีหิริโอตตัปปะ มจี ติ ใจที่ทราม จะเปน็ คนเจริญไดอ้ ยา่ งไร. 16 Re#3 �����������.indd 16-17

มงคลคือเหตุให้ถึงความเจริญนั้นมี ๒ อย่าง คือ มงคลภายนอกอย่างหน่ึง มงคลภายในอย่างหน่ึง มงคลภายนอกนั้น ได้แก่ ส่ิงที่ตามองเห็น เร่ืองท่ีหู ไดย้ นิ และสงิ่ ตา่ งๆ ทปี่ ระสบทางจมกู ทางลนิ้ ทางกาย ตลอดจนถึงที่ปรากฏแก่ใจ ซึ่งสมมติกันถือกันว่าเป็น มงคล คอื เหตุทใี่ หถ้ งึ ความเจรญิ ส่วนมงคลภายในน้ัน ทางพระพุทธศาสนามุ่งถึง ความประพฤตดิ ี ประพฤตชิ อบ ของตนเอง ที่เปน็ สว่ น เหตอุ นั จะใหเ้ กิดผล คือ ความสุข ความเจริญ. 17 11/15/13 3:50:46 PM

คนพาลน้ัน อาจจะเป็นคนพาลภายในคือตนเอง ก็ได้ กล่าวคือตนเองนนั้ แหละ เม่อื ทำผดิ พดู ผดิ คดิ ผดิ ก็ชื่อว่าเปน็ พาลเหมือนกัน เมือ่ เปน็ เชน่ น้ีกใ็ ห้พิจารณาดู ตน ให้เป็นอัตตัญญูคือผู้รู้ตนว่าเป็นอย่างไร ตนทำผิด พูดผดิ คิดผิดหรือไม่ ถ้าปรากฏว่าตนเป็นดังนัน้ ก็พึงรู้ วา่ ตนนน้ั แหละเปน็ พาล เม่ือเป็นเช่นนี้ ก็ต้องสละการทำผิด พูดผิด คิด ผิดนั้นเสีย ไม่คบเอาไว้ เม่ือเช่นน้ีก็ชื่อว่าไม่คบตนเองที่ เป็นคนพาล คอื สละความเปน็ พาลของตนเสีย นี่ก็ชือ่ ว่า ไมค่ บคนพาลประการหนง่ึ ด้วย. 18 Re#3 �����������.indd 18-19

ผู้ชนะนั้น มักเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ได้ แต่โดย ทแ่ี ท้เปน็ ผู้เสยี คือ เสียไมตรีจิตของอีกฝ่ายหน่ึงไปหมด สิ้น หรือจะเรียกว่าได้ก็คือได้เวร เพราะผู้แพ้ก็จะผูกใจ เพ่ือจะเอาชนะต่อไป จึงเป็นอันว่าไม่ได้ความสุขด้วยกัน ทัง้ สองฝ่าย ส่วนผู้ที่ละได้ท้ังแพ้ท้ังชนะจึงจะได้ความสงบสุข ท้ังน้ีด้วยการไม่ก่อเรื่องที่จะต้องเกิดมีแพ้มีชนะกันขึ้น แต่เม่ือจะต้องให้มีเร่ืองให้แพ้ฝ่ายหนึ่งชนะฝ่ายหนึ่ง ก็ ควรต้องมีใจหนักแน่นพอที่จะเผชิญผลได้ทุกอย่าง และ สามารถท่ีจะเห็นความจริงว่าแพ้เป็นพระชนะเป็นมาร ทั้งนก้ี จ็ ะต้องชนะตนเองคอื ชนะใจตนเองด้วย. 19 11/15/13 3:50:47 PM

การทำอะไรทุกๆ อย่างที่อำนวยประโยชน์ก็จะ ตอ้ งมีการเสยี สละบ้าง ไม่มากก็น้อย ดงั เชน่ จะทำทานก็ ต้องเสียสละทรัพย์ ทั้งน้ีก็เพราะเห็นว่าบุญข้อน้ีมีค่าสูง กว่าทรัพย์ท่ีสละไป การทำประโยชน์อื่นๆ ทุกอย่างก็ เปน็ เช่นเดียวกนั . 20 Re#3 �����������.indd 20-21

การรักษาเกียรติเป็นการรักษาธรรมอย่างหน่ึง จะก้าวหน้าหรือถอยหลังด้วยเกียรติหรือเพ่ือเกียรติ ก็ เป็นส่ิงที่พึงสรรเสริญเท่ากัน ดังเร่ืองราชสีห์ถอยหลังให้ แกส่ กุ รตวั เปอื้ นคถู (อจุ จาระ) ไมย่ อมตอ่ สดู้ ว้ ย ในนทิ าน สภุ าษติ . 21 11/15/13 3:50:47 PM

ความเคารพในธรรมคือหน้าท่ีท่ีรู้อยู่แล้ว เป็น หลักสำคัญอันหนึ่งซึ่งทำให้ผู้ใหญ่เป็นท่ีเคารพของผู้น้อย ได้โดยท่ัวไป อีกอย่างหน่ึง ธรรมคือคุณความดี ตรงกันข้าม กับอธรรมคือความช่ัว ซึ่งโดยมากก็รู้กันอยู่ ฉะนั้นเม่ือ เคารพในความรู้ หมายความว่าเมื่อรู้ว่าไม่ดีก็ตั้งใจเว้น เม่ือรู้ว่าดีก็ต้ังใจทำ ดังน้ี เรียกว่าเคารพในธรรมท่ีรู้ โดยตรง ซ่งึ ทำใหค้ นเปน็ คน (เป็นมนุษย์โดยธรรม). 22 Re#3 �����������.indd 22-23

มีคนไม่ใช่น้อยท่ีเรียนรู้มากมาย อะไรดีอะไรช่ัวรู้ ทงั้ นั้น แต่ไมท่ ำดี หรอื ทำก็ทำสิ่งไมด่ ี เรียกว่าใช้ความรู้ น้ันช่วยตัวเองไม่ได้ ก็เพราะขาดความเคารพในธรรมท่ีรู้ คอื ไม่ปฎิบัติให้สมควรแก่ความรนู้ ั่นเอง. 23 11/15/13 3:50:48 PM

ผู้ประพฤติทุจริต แม้จะพูดว่ารักตนก็ไม่ชื่อว่ารัก ตน เพราะตนเองทำความทุกข์ให้แก่ตน เหมือนอย่าง คนเกลยี ดกันทำใหแ้ ก่กนั ส่วนผู้ประพฤตสิ ุจริต แมจ้ ะไม่ พดู ว่ารกั ตนก็ชือ่ ว่ารักตน เพราะตนเองทำความสขุ ใหแ้ ก่ ตน เหมอื นอย่างคนท่ชี อบกนั ทำใหแ้ กก่ นั อีกอย่างหน่ึง คนที่ประพฤติทุจริต แม้จะมีพล เสนารกั ษา ก็ไมช่ ือ่ วา่ รกั ษาตน เพราะเปน็ การรักษาชั้น นอกไม่ใช่ชั้นใน สว่ นผู้ประพฤตสิ ุจรติ แม้จะไมม่ พี ลเสนา รักษา ก็ช่ือว่ารักษาตน เพราะเป็นการรักษาชั้นใน แม้ จะไม่มกี ารรักษาชัน้ นอก. 24 Re#3 �����������.indd 24-25

วิธีปฏิบัติถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะน้ัน ให้ต้ังใจ ระลกึ ถึงพระพทุ ธคณุ ขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง หรอื ระลึกถึงโดยสรปุ ว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้จริง ทรงบริสุทธ์ิจริง ทรงมี พระกรุณาจริง พระพุทธเจ้าก็จะปรากฏข้ึนในพระคุณ ความหว้าเหว่หวาดกลัวทุกอย่างจะหมดส้ินไปจากจิตใจ หรือถ้ามีความหม่นหมองอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะหาย ไปสิ้น จะหายความอดั อัน้ ตนั ใจ จะเห็นทางออกอยา่ งดี ท่ีสุด น้เี ปน็ พุทธานภุ าพทีม่ จี รงิ ข้อสำคัญ ให้ตั้งใจถึงพระองค์ให้เป็นสรณะของ ตนใหจ้ ริง พระองคก์ จ็ ะมาเปน็ สรณะไดจ้ ริง. 25 11/15/13 3:50:49 PM

ทกุ คนในโลกต่างต้องถ้อยทีต้องพ่ึงพาอาศัยกันใน ทางใดทางหน่ึงทั้งน้ัน จึงควรปฏิบัติตนในทางที่จะชื่อว่า รักษาไว้ท้ังตนท้ังผู้อื่น คือด้วยวิธีท่ีแต่ละคนตั้งใจปฏิบัติ กรณียะคือกิจของตน ควรทำตามหน้าท่ีเป็นต้นให้ดี และดว้ ยความมนี ำ้ ใจทีอ่ ดทน ไมค่ ดิ เบยี ดเบยี นใคร มีจติ เมตตา มีเอ็นดูอนุเคราะห์ เมื่อตั้งใจปฏิบัติกรณียะ กอปรด้วยมีน้ำใจดังกล่าว ก็ช่ือว่ารักษาทั้งตนทั้งผู้อ่ืน เปน็ ผู้รกั ษาไว้ได้ทง้ั หมด. 26 Re#3 �����������.indd 26-27

พระพุทธศาสนาสอนให้คนเข้าใจในกรรมน้ัน ไม่ ได้สอนให้คนกลัวกรรม เป็นทาสของกรรม หรืออยู่ใต้ อำนาจกรรม แต่สอนให้ร้จู กั กรรม ใหค้ วบคุมกรรมของ ตนในปัจจุบัน กรรมคือการอะไรทุกอย่างที่คนทำอยู่ทุก วันทุกเวลา ประกอบดว้ ยเจตนาคือความจริงใจ. 27 11/15/13 3:50:50 PM

คนมีอำนาจเหนือกรรม อาจควบคุมกรรมของ ตนได้ แต่ทั้งน้ีต้องไม่ลืมว่าจะต้องควบคุมจิตเจตนาของ ตนไดด้ ้วย โดยตั้งมั่นแนว่ แนอ่ ยใู่ นธรรม เชน่ เมตตา สติ ปัญญา สัจจาธิษฐาน เปน็ ตน้ อนั เป็นส่วนจติ และศลี อันหมายถึงตั้งเจตนา เว้นการท่ีควรเว้น ทำการท่ีควร ทำ ในขอบเขตอนั ควร. 28 Re#3 �����������.indd 28-29

ผทู้ ท่ี ำกรรมดอี ยมู่ ากเสมอๆ จึงไมต่ ้องกลวั กรรม ชั่วในอดีต หากจะมี กศุ ลของตนกจ็ ะชูช่วยให้มีความสขุ ความเจริญสืบต่อไป และถ้าได้แผ่เมตตาจิตอยู่ต่อเน่ือง ก็จะระงับคู่เวรอดีตได้อีกด้วย ระงับได้ตลอดจนถึง ปัจจบุ ัน. 29 11/15/13 3:50:50 PM

พระพุทธเจ้าได้ทรงวางหลักไว้ว่า ไม่ควรทำช่ัว ท้งั ปวง ทำความดใี หถ้ ึงพรอ้ ม ทำจติ ของตนใหผ้ ่องแผ้ว ผู้ท่สี ามารถรกั ษาจิตของตนได้ ย่อมสามารถท่ีจะ ปฏิบัติพระโอวาทนี้ได้ เม่ือเป็นเช่นน้ีก็ได้อานิสงส์ ๒ อย่าง คือ ปิดทางอดีตกรรมท่ีไม่ดีหากจะมี เปิดทาง ปัจจุบันกรรมที่ดี ในเร่ืองเช่นนี้ ใจจึงเป็นใหญ่เป็น หัวหน้า ใจนน่ั เองน้อมไปโอนไป อดีตกรรมใดๆ ท่ีจะส่ง ผลให้โดยอาศัยใจ ไม่มีอำนาจโดยลำพังตนเองเลย แต่ อาจมีอำนาจครอบงำใจที่อ่อนแอ หากใจมีกำลงั แล้ว ใจ ย่อมชนะกรรมทเี่ กีย่ วแก่ใจทุกอยา่ ง. 30 Re#3 �����������.indd 30-31

พื้นแผ่นดิน แม่น้ำ ภูเขา ท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ คนเรามีปัญญาถมทำให้เป็นถนน ขุดให้เป็นแม่น้ำ ลำคลอง ทำสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ สร้างทำนบก้ันน้ำ ขุดอุโมงค์ทะเลภูเขา เรียกว่าใช้กรรมปัจจุบันปรับปรุง ธรรมชาติ ฉันใด ความทุกข์ของชีวิตเพราะกรรมเก่าก็ฉันนั้น เสมือนความขรุขระของแผ่นดินตามธรรมชาติ คนเรา สามารถประกอบกรรมปัจจุบันปรับปรุง สกัดก้ันกรรม เกา่ เหมือนอยา่ งสรา้ งทำนบกน้ั น้ำเป็นตน้ เพราะคนเรา มีปัญญา. 31 11/15/13 3:50:51 PM

ความเช่ือกรรม ถ้าเชื่อให้ถูกทาง ก็จะแก้ความ เช่ือโชคลางต่างๆ ได้เป็นอันมาก และสำหรับคนเรามี ปัญญาสร้างกรรมใหม่ๆ ขึ้นได้ดีๆ มีพระธรรมของ พระพุทธเจ้าปฏิบัติรักษาอยู่ ก็เป็นผู้มีสรณะกำจัดทุกข์ ภยั ตา่ งๆ ได้เป็นอย่างดี. 32 Re#3 �����������.indd 32-33

เมตตา ความมีจิตเย็นสนิทด้วยความปรารถนา สุขแก่ผู้อื่นสัตว์อ่ืน เป็นความรักที่เย็นสนิทไม่ใช่ร้อนรน เหมือนอย่างมารดาบิดารักบุตรธิดา ถ้าได้อบรมเมตตา ใหม้ ีประจำจติ ใจ ก็จะเปน็ อาหารใจทวี่ ิเศษ เพราะเมอ่ื ใจ ได้บริโภคเมตตาอยู่เสมอ จะเป็นจิตใจที่ระงับโทสะ พยาบาท มคี วามสุขเยน็ ทำใหร้ า่ งกายมีความสุขเยน็ ไป ด้วย ไดใ้ นคำวา่ ทำใจให้สบาย รา่ งกายกส็ บาย แม้จะ ขาดวตั ถุไปมากหรือนอ้ ย ก็ไม่เป็นทุกข.์ 33 11/15/13 3:50:52 PM

พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้ทุกคนมีศีลและมีจิตใจ งาม เพราะจะมีความสุขและอยู่ด้วยกันเป็นสุขจริงๆ ทกุ ๆ คนตอ้ งการสขุ ดว้ ยกันทั้งนน้ั ไม่มใี ครปฏเิ สธ แต่ ทำไมไม่เดินในทางของความสุข ไปเดินในทางของความ ทุกข์ แลว้ กร็ ำ่ รอ้ งว่าไม่มีความสขุ ความที่เป็นเช่นนี้กล่าวได้ว่า เพราะใจของตนยัง มืดมิด จึงเดินเข้าไปหากองไฟ ด้วยอาการที่ร่าเริงเบิก บาน เหมอื นแมลงเมา่ บินเข้าหากองไฟ พระพุทธเจ้าได้ ทรงแสดงธรรมเปน็ ดวงประทีป สอ่ งให้มองเห็นทางที่ถูก ต้อง สำหรับคนทีม่ จี ักษุ จกั ได้มองเห็น และเดนิ ถูกทาง. 34 Re#3 �����������.indd 34-35

สง่ิ ทท่ี ำให้จติ ใจคนมดื นน้ั กค็ อื ราคะ โทสะ โมหะ หรอื โลภ โกรธ หลง ทำจติ ใจใหเ้ รา่ รอ้ นอยใู่ นกาม (สงิ่ ที่ ใคร่ปรารถนาพอใจทั้งหลาย) ด้วยความหวัง ทำให้ ประพฤติผิดศีลหรอื คลองธรรมท่ีชอบ โอสถที่จะแกค้ วาม มีใจมืดมิดของคนได้ ก็คือธรรมเท่านั้น พระพุทธเจ้าได้ ทรงพยายามให้คนบริโภคธรรมด้วยวิธีต่างๆ แต่คนมัก จะไมบ่ รโิ ภคยาธรรม เพราะเหน็ วา่ ข่มเฝอ่ื นไม่อรอ่ ย. 35 11/15/13 3:50:53 PM

ภาวะทางใจที่เกิดข้ึนทุกๆอย่าง เก่ียวกับวิธีคิด หรือทางท่ีคิดเป็นสำคัญ คือสุดแต่จะใช้ความคิดไปใน ทางไหน หรือดังคำที่พูดกันว่า สุดแต่จะมองในแง่ไหน ในแง่ดีหรือในแง่ร้าย พฤติการณ์ต่างๆที่เกิดข้ึนแก่ ตนเองและแก่ผ้อู ่นื ยอ่ มมองไปได้หลายแง่ ทางพระพุทธศาสนากล่าวไดว้ า่ สอนให้มองในแง่ ของความจริงเป็นอย่างไร ผิดถูกช่ัวดี มีโทษ มีคุณ อย่างไรตามทเี่ ปน็ จรงิ เม่อื พบความจริงแล้ว ก็ถึงวาระ ว่าจะใช้ความคิดอยา่ งไร จงึ จะเป็นประโยชน์ข้ึนมา. 36 Re#3 �����������.indd 36-37

คนทุกคน ถ้ารู้ภาวะของตนและรับเอาบาปบุญ มาถือตามควรแกภ่ าวะ เช่นว่ารบั ศีล ๕ มาเท่าน้นั หรอื รับศีลข้อใดข้อหน่ึงเป็นเวลาสักเท่าไหร่ก็ตาม ก็ถือเพียง น้ันว่าเป็นบุญหรือบาปของตน นอกนั้นไม่ต้องคำนึงถึง เพราะมิได้รับมาถือ ก็จะไม่เดือดร้อนเพราะไปคิดถึงบุญ บาปในเรือ่ งมากมาย ท่ตี นมิได้รบั มาถอื ไว้. 37 11/15/13 3:50:53 PM

อันคนท่ีทำงานเป็นคุณให้เกิดประโยชน์น้ัน ย่อม จะต้องประสบถ้อยคำถากถาง หรือการขัดขวางน้อย หรือมาก ผู้มีใจอ่อนแอ ก็จะเกิดความย่อท้อไม่อยากท่ี จะทำดีตอ่ ไป แตผ่ ู้ท่ีมีกำลงั ใจ ยอ่ มจะไม่ทอ้ ถอย ยงิ่ ถกู ค่อนแคะ ก็ยิ่งจะเกิดกำลังใจมากข้ึน คำค่อนแคะกลาย เป็นพาหนะท่ีมีเดชะแห่งการทำความดี แม้พระพุทธเจ้า กย็ งั ถกู คนทรี่ ษิ ยามงุ่ รา้ ย จา้ งคนใหต้ ามดา่ วา่ ในบางครง้ั . 38 Re#3 �����������.indd 38-39

ถ้าเปน็ เรือ่ งจรงิ เมอื่ ถึงเวลาท่ีควรติกต็ อ้ งติ เมอ่ื ถงึ เวลาท่ีควรชมกต็ อ้ งชม แตถ่ า้ เป็นเรื่องไมจ่ รงิ ก็ไม่ควร พดู แท้ และแมเ้ ป็นเรื่องจรงิ หากไม่ถงึ เวลาท่คี วรติหรอื ชม ก็อยา่ ไปตหิ รือชม น่งิ เสียดีกวา่ ฉะน้นั ความมีกาลัญญุตาในทนี่ ้นั ๆ จึงเป็นหลกั สำคญั คือ เวลาทีค่ วรนิ่งกน็ ่งิ เวลาที่ควรพดู กพ็ ูด หรอื เวลาที่ควรอุเบกขาก็วางอุเบกขา เวลาที่ไม่ควรอุเบกขา กพ็ ูดออกไป สดุ แตว่ า่ เวลาไหนควรจะตหิ รอื ชม. 39 11/15/13 3:50:54 PM

คนทำดีไม่น้อย เป็นทุกข์เพราะการทำดีของตน ที่ไม่กล้าท่ีจะทำดีก็มี แต่คนท่ีทำดีท่ียังเป็นทุกข์ดังกล่าว กเ็ พราะยังทำไมถ่ ึงความดีแห่งจติ ใจของตนเอง จิตใจจึง ยังมีความยินดียินร้ายไปตามอารมณ์ท่ีมีมากระทบจาก คนท้ังหลาย หากได้เล็งเห็นว่าเร่ืองของคนท้ังหลายน้ัน เป็นเรื่องของโลก ถ้าตนเองมีจิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ก็ ไม่ต้องเป็นทกุ ขเ์ พราะเรอ่ื งของคนอ่นื การปฏิบัติทำจิตใจของตนให้ม่ันคงดังน้ี เป็นการ สรา้ งความดีใหแ้ ก่จติ ใจ เป็นตัวความดที เี่ ป็นแกน่ แท้ของ ความดีทั้งหลาย ซ่ึงจะป้องกันความทุกข์ กระทบ กระเทือนใจไดท้ กุ อย่าง. 40 Re#3 �����������.indd 40-41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook