Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประโยชน์องค์ความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

ประโยชน์องค์ความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

Description: ประโยชน์องค์ความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

Search

Read the Text Version

รางจืด ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Thunbergia laurifolia Lindl. ชอ่ื วงศ์ : ACANTHACEAE

คำ�นำ� เอกสารเผยแพร่ เรอื่ ง ประโยชน์องคค์ วามรภู้ มู ปิ ัญญาสมนุ ไพรจากป่าชุมชน ได้จากการรวบรวมผลการศกึ ษาองค์ความรู้ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น กจิ กรรมพฒั นา วนศาสตร์ชมุ ชน เนือ้ หาภายในเล่มประกอบดว้ ยคำ�บอกเลา่ เกี่ยวกบั องค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถ่ินด้านสมุนไพรสำ�หรับสตรีหลังคลอดบุตร สมุนไพรใช้ต้มอาบ สมนุ ไพรใชต้ ม้ ดมื่ สมุนไพรแก้อาการฟกช�้ำ สมนุ ไพรลดอาการอกั เสบ ตลอดจน ผลผลิต ผลติ ภณั ฑ์ จากสมุนไพร เพื่อการส่งเสริมและพฒั นา ไดแ้ ก่ ทานาคา ผลิตภณั ฑจ์ ากกระแจะ การทำ�ยาสีฟันจากใบขอ่ ย และการใช้ประโยชนจ์ ากชะมวง คณะผ้จู ัดทำ�หวงั เป็นอย่างยง่ิ วา่ เอกสารเผยแพร่ฉบบั น้จี ะเปน็ ประโยชน์ สำ�หรบั ผ้สู นใจดา้ นการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย หรอื เพอื่ การพัฒนาต่อยอด สรรพคุณสมุนไพร สำ�หรับอำ�นวยประโยชนด์ ้านเศรษฐกิจของชมุ ชน หรอื การลด รายจ่ายภายในครัวเรือน หรือการขยายผลการปลูกพชื สมนุ ไพรในป่าชุมชนมาสู่ ครวั เรือน เพื่อเปน็ วตั ถุดบิ ดา้ นการพัฒนาวสิ าหกจิ ชมุ ชน เปน็ ตน้ สำ�นกั จัดการปา่ ชมุ ชน กรมป่าไม้

สารบัญ หัวขอ้ เร่ือง หนา้ องคค์ วามรภู้ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ดา้ นสมนุ ไพรกบั สตรหี ลงั คลอดบตุ ร ๕ สมนุ ไพรเพ่มิ น�้ำนม ๖ - ผกั โหมหนาม ๖ - หวั ปล ี ๗ - กุยช่าย ๘ - กระเพรา ๘ - ขงิ ๙ - ใบแมงลัก ๙ - พรกิ ไทย ๑๐ - มะละกอ ๑๐ - เมล็ดขนุน ๑๑ - ฟักทอง ๑๑ - ใบมะรมุ ๑๒ - ตำ�ลึง ๑๓ สมุนไพรใชต้ ม้ น�ำ้ อาบ ๑๕ - ใบย่านาง ๑๖ - ใบมะขามหรือแกน่ มะขาม ๑๖ - ใบหนาด ๑๗ - ใบสม้ ลม ๑๗ - ผลมะกรูด ๑๗

สารบัญ (ตอ่ ) หัวข้อเรอ่ื ง หน้า สมุนไพรใชต้ ้มดมื่ ๑๙ - ยา่ นางแดง ๒๐ - ตอ้ งแลง่ (นมน้อย) ๒๐ สมุนไพรแก้อาการฟกช้ำ� ๒๒ - รางจืด ๒๔ - ไพล ๒๔ - ขิง ๒๕ - โหระพา ๒๕ - เจตมลู เพลงิ ขาว ๒๖ - มะขามป้อม ๒๖ - จอก ๒๗ สมนุ ไพรลดอาการอักเสบ ๒๙ - ลลิ วั หรือพลบั พลึง ๒๙ - บอระเพ็ด ๓๐ - เครือเขาคลอน ๓๒ ผลผลิต ผลิตภณั ฑ์ จากสมุนไพร ๓๗ - กระแจะ (ทานาคา) ๓๘ - การทำ�ยาสฟี ันจากใบข่อย ๔๔ - การใช้ประโยชนจ์ ากชะมวง ๕๑

ใบแมงลัก ชือ่ วิทยาศาสตร์ : ocimum africanum Lour. ช่อื วงศ์ : LAMIACEAE ๔ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน

องคค์ วามรภู้ ูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ด้านสมนุ ไพรกับสตรีหลงั คลอดบุตร ระยะหลงั คลอด (Puerperium, Postpartum period, Puerperal period) หมายถึง ระยะเวลาต้ังแต่แรกคลอดไปจนถึง ๖-๘ สปั ดาหห์ ลังคลอด ซงึ่ เป็นช่วง ทม่ี กี ารปรบั ตวั ทง้ั ดา้ นกายวภิ าคและสรรี วทิ ยาของอวยั วะตา่ ง ๆ ทเ่ี ปลยี่ นไปเนอื่ งจาก การตั้งครรภ์และการคลอด รวมถึงภาวะจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนก่อน การต้ังครรภ์ นอกจากน้ยี ังรวมถึงการปรับตวั ด้านบทบาทของความเป็นมารดา และการคงบทบาทของภรรยาระยะหลังคลอด ระยะหลงั คลอดอาจเกิดไดท้ ัง้ ภาวะ ปกติและผิดปกติ ถา้ เปน็ ระยะหลงั คลอดในภาวะผิดปกตจิ ะหมายถงึ ภาวะทม่ี กี าร ตกเลอื ดหลังคลอด การตดิ เชอื้ หลงั คลอด ซ่ึงหมายถึงการติดเชอื้ ทรี่ ะบบสืบพันธ์ุ ระบบทางเดนิ ปัสสาวะ เต้านม และระบบไหลเวยี นเลอื ดโดยความผดิ ปกติจะเกดิ ขึน้ ๖-๘ สัปดาห์ แล้วอาจหายเปน็ ปกตภิ ายใน ๖-๘ สัปดาห์ หรือใชเ้ วลานานกวา่ น้ี ซงึ่ ภาวะดังกลา่ วทำ�ใหก้ ารปรับตวั ด้านกายวิภาคและสรีรของอวัยวะท่ีเกย่ี วขอ้ งกับ การคลอด และสภาพจติ ใจของมารดาหลงั คลอดไมก่ ลบั คนื สสู่ ภาพเหมอื นกอ่ นตงั้ ครรภ์ นอกจากนยี้ งั สง่ ผลกระทบถงึ การปรบั บทบาทความเปน็ มารดา และการคงไวซ้ งึ่ บทบาท ภรรยาดว้ ย ซงึ่ ตอ้ งไดร้ บั การฟน้ื ฟสู ภาพรา่ งกายและจติ ใจ ใหก้ ลบั สสู่ ภาพปกตโิ ดยเรว็ ทสี่ ดุ ซง่ึ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เดมิ ไดม้ คี วามแยบยลในการดแู ล และฟน้ื ฟรู า่ งกาย จติ ใจ ของสตรีหลังคลอดได้เป็นอย่างดีและเป็นข้อปฏิบัติท่ีมีเหตุผล แฝงการผสมผสาน ทสี่ อดคลอ้ งกบั แนวทางการแพทย์แผนปจั จบุ นั สมุนไพรที่ใช้กบั สตรีหลงั คลอดบตุ ร การใช้สมุนไพรกับสตรีหลังคลอดบุตรนั้น มีท้ังการใช้สมุนไพรสำ�หรับ เพมิ่ นำ้� นม การใชส้ มนุ ไพรสำ�หรบั ตม้ นำ�้ อาบ และการใชส้ มนุ ไพรสำ�หรบั ดม่ื เพอื่ รกั ษา อาการบาดเจบ็ ภายใน โดยมกี ารใชใ้ นลกั ษณะตา่ ง ๆ กนั ซงึ่ จะไดก้ ลา่ วถงึ รายละเอยี ด ดงั น้ี ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๕

สมุนไพรเพิ่มน�ำ้ นม สตรเี มอื่ คลอดแลว้ รา่ งกายกจ็ ะเสอื่ มลงอยา่ งมาก ดว้ ยเหตนุ เี้ องจงึ จะตอ้ ง มกี ารบำ�รงุ รา่ งกายใหด้ ี เอาใจใสต่ อ่ สขุ ภาพใหม้ ากในเรอ่ื งตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ อาหาร การพกั ผ่อน ตอ้ งปฏบิ ัตติ นเองใหด้ ีทสี่ ดุ เรอ่ื งของยาทจ่ี ะเอามาใช้ต้องระมดั ระวัง เรอ่ื งสขุ ภาพ การใชย้ าสมนุ ไพรเพอ่ื เพม่ิ นำ้� นมกบั ตวั เอง เพอ่ื ประโยชนข์ องลกู นอ้ ยที่ คลอดออกมานั้นมีความสำ�คัญเป็นอันมาก มีสมุนไพรหลายชนิดที่เอามาเพิ่ม น�้ำนมได้ดี ผักโหมหนาม Amaranthus Spinosus L. AMARANTHACEAE ช่ือวิทยาศาสตร ์ ชือ่ วงศ์ ผกั ชนดิ นเี้ ปน็ ผกั ทสี่ รา้ งนำ�้ นมใหเ้ พม่ิ มากขนึ้ ในสตู รหลงั คลอด ความจรงิ ผกั โหมหนาม นน้ั ขน้ึ เองอยโู่ ดยทวั่ ไป รมิ ถนนป่าละเมาะ รมิ คนู ำ้� ทอ้ งไรท่ อ้ งนาเกบ็ เอามาใชป้ ระโยชน์ ไดเ้ สมอ น่ีเปน็ สมนุ ไพร ทชี่ ว่ ยในการ สร้างนำ�้ นม วิธีการ ไปเอาผกั โหมหนาม มาสกั ๒ ต้น ลา้ งทำ�ความสะอาดให้ดี ตดั เปน็ ทอ่ น ให้ไดส้ กั ๔ ถ้วยตวง ใสน่ �ำ้ สะอาดพอทว่ ม แลว้ เอาขึน้ ตั้งไฟ ต้มเคยี่ วใหเ้ หลือนำ�้ ๑/๓ ปลอ่ ยเอาไวใ้ หเ้ ยน็ ดมื่ เปน็ ยาไดท้ นั ที ใชด้ ม่ื เชา้ กลางวนั และเยน็ ครง้ั ละ ๑ แกว้ อกี อยา่ งหนง่ึ อาจจะเอาผกั โหมหนามนมี้ าทำ�แกงเลยี งกไ็ ด้ โดยเดด็ เอาสว่ นยอด และใบ มาแกงเลยี งรบั ประทานเปน็ อาหารดว้ ยกด็ ี เอามาแกงจดื กไ็ ด้ เพราะผกั โหมหนามน้ี แกงจืดได้อร่อยด้วย เอามาแกงจืดใส่หมูน้�ำนมของมารดาจะย่ิงเพิ่มมากข้ึน ๖ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน

หัวปลี ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Musa spp. ชือ่ วงศ ์ MUSACEAE หัวปลีน้ันเป็นสมุนไพรเพ่ิมน�้ำนมอีกชนิดหนึ่ง รวมทั้งเป็นสมุนไพรอย่างหน่ึง เป็นผักอกี ด้วย ความจรงิ หัวปลนี ้กี ็เปน็ ดอกกล้วยนน่ั เอง เมอ่ื กลว้ ยออกเครอื แลว้ หวั ปลีจะคงอยู่ นำ�เอามาเป็นผกั รบั ประทานได้ วิธกี าร เอาหัวปลีมาปลอกจนเหลอื ขา้ งในเป็นสขี าว ออ่ นกรอบ เอามาผา่ แล้ว หั่นซอยเป็นชิ้นบาง ๆ แช่เอาไว้ในน�้ำมะนาวเพ่ือป้องกันไม่ให้เกิดความดำ�ไม่น่า รบั ประทาน เอาหัวปลี มาแกงเลยี ง ใสก่ ุ้งแห้ง กุ้งสด ใบแมงลัก ได้ตามทช่ี อบแลว้ นำ�มารบั ประทาน มารดาจะมีน้ำ� นมเพิม่ มากขนึ้ กวา่ ปกติ ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๗

กยุ ช่าย Allium tuberosum Rottler ex Spreng. ชอ่ื วิทยาศาสตร์ AMARYLLIDACEAE ชอ่ื วงศ์ ต้นกุยช่าย นี้ก็เช่นเดียวกัน เอามาปรุงอาหาร ให้มารดาท่ีคลอด รับประทานกันบ่อยๆ น�้ำนมจะเกดิ มมี ากย่ิงขึ้นกว่าปกตไิ ด้เช่นกัน วธิ กี าร เอามาปรงุ อาหารรบั ประทานไดเ้ ลย ไมว่ า่ จะเอามาผดั หมู ไก่ เนือ้ กไ็ ด้ ทั้งนน้ั ทำ�แกงจดื แกงเลียงเหมือนรับประทานเปน็ อาหารได้เลย มารดาจะมีนำ�้ นม เพิ่มมากขึ้น กระเพรา Ocimum tenuiflorum L. ชอ่ื วิทยาศาสตร์ LAMIACEAE ชื่อวงศ์ คณุ คา่ มธี าตุเหล็ก แคลเซยี ม ฟอสฟอรสั เสน้ ใยอาหารสงู ความรอ้ นจากใบกะเพรา ชว่ ยเพิ่มการไหลเวียนของเลอื ด ช่วยให้ มนี ำ้� นมมากขน้ึ ชว่ ยลดอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ในเดก็ ดว้ ย วิธกี าร นำ�ไปประกอบอาหารได้หลายอยา่ งทั้งแกงเลียง หรือแกงปา่ ๘ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ิปัญญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน

ขงิ Zingiber officinale Roscoe. ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ ZINGIBERACEAE ช่อื วงศ์ คุณค่า มีโปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอ บีหน่ึง บีสอง คาร์โบไฮเดรต ขิง ชว่ ยขบั ลม แกอ้ าเจยี น ชว่ ยยอ่ ยไขมนั ไดด้ ี ลดการบบี ตวั ของลำ�ไส้ บรรเทาอาการ ปวดทอ้ งเกรง็ ขบั เหงอ่ื เพม่ิ การไหลเวยี นเลอื ด ทำ�ใหน้ ำ�้ นมไหลไดด้ ี ลดอาการ อาเจียน และเช่ือว่าเม่ือคุณแม่กินเข้าไป สรรพคุณท่ีดีของขิงจะผ่านทางน�้ำนม ไปสลู่ กู ทำ�ใหล้ ูกไมป่ วดท้อง วิธีการ นำ�ไปยำ�ขิง ยำ�ปลาทูใส่ขิง ไก่ผัดขิง มันหรือถ่ัวเขียวต้มน�้ำขิง ไขห่ วาน น้�ำขงิ ตม้ อนุ่ ๆ โจ๊กใส่ขิง ใบแมงลัก ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Ocimum africanum Lour. ชื่อวงศ์ LAMIATAE คุณค่า มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี และวติ ามินซสี ูง วิธีการ ใส่แกงเลียง กินสด แกล้มกับขนมจีน หรอื ใส่แกงป่า ต่างๆ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๙

พริกไทย Piper nigrum L. ชือ่ วิทยาศาสตร์ PIPERACEAE ชือ่ วงศ์ คุณคา่ มนี �ำ้ มนั หอมระเหย โปรตนี สรรพคณุ มรี สรอ้ น ทำ�ใหน้ ำ�้ นมไหลไดด้ ี ขบั ลม ขับเหง่ือ วธิ กี าร ใส่ในแกงเลยี ง ใส่ในผัด มะละกอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya L. ชอ่ื วงศ ์ CARICACEAE คณุ คา่ มธี าตเุ หลก็ และแคลเซยี มสงู ฟอสฟอรสั วติ ามนิ เอ บี ซี และมเี อนไซม์ ทช่ี ว่ ยสร้างภูมิตา้ นทานใหแ้ กร่ า่ งกาย รวมถงึ มเี สน้ ใย อาหาร ในปรมิ าณมาก สรรพคุณ ชว่ ยขับน้ำ� นม บำ�รุงเลือด บำ�รงุ กระดูก สายตา ปอ้ งกนั โรคลักปิด ลักเปิด วิธกี าร กินสกุ เป็นผลไม้ หรอื ถา้ แบบดบิ มักจะนำ�มาใสแ่ กงสม้ ๑๐ | ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภมู ปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน

เมล็ดขนุน ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Artocarpus heterophyllus Lam. ชอ่ื วงศ์ MORACEAE คณุ ค่า มคี าร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมนั วติ ามนิ บีหน่งึ ฟอสฟอรัส เหล็ก สรรพคุณ ชว่ ยบำ�รงุ นำ้� นม ทำ�ให้นำ�้ นมมมี าก บำ�รงุ ประสาท วธิ กี าร เอาเมด็ ขนนุ ตม้ กนิ เปน็ ขนมทกุ วนั กนิ จนอม่ิ วนั ละ ๑ ครง้ั กนิ ๗-๑๐ วนั ฟักทอง ช่อื วิทยาศาสตร์ Cucurbita moschata Duchesne. CUCURBITACEAE ชอ่ื วงศ์ คณุ คา่ ฟักทองมสี ารอาหารสำ�คัญเพื่อ บำ�รงุ รา่ งกาย จำ�นวนมาก ทงั้ วติ ามินเอ บี ซี ฟอสฟอรัส บีตาแคโรทีน สรรพคุณ ชว่ ยขบั นำ้� นม ชว่ ยเสรมิ สรา้ งคอลลาเจน ใตผ้ วิ หนงั ทำ�ใหผ้ วิ พรรณ สดใส และอาจจะชว่ ยให้หนา้ ทอ้ งลายน้อยลง วิธกี าร ทำ�เป็นอาหารฟกั ทองผัดไข่ แกงเลียงฟัก ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน | ๑๑

ใบมะรุม ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. ชื่อวงศ์ MORINGACEAE คุณค่า ใบมะรุมมีวิตามินซีสูงกว่าส้ม ๗ เท่า มีแคลเซียม สูงกว่านม ๔ เท่า มีวิตามินเอสูงกว่า แครอท ๔ เท่า มีโพแทสเซียมสงู กว่ากลว้ ย ๓ เทา่ มโี ปรตนี สูง กว่านม ๒ เทา่ สรรพคณุ มะรมุ มสี ารอาหารทด่ี มี ากสำ�หรบั มารดา และทารก มะรมุ ถกู นำ�มา ใช้รักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึง ๑๐ ขวบ ในกรณีของเด็กแรกเกิด การให้มะรุมทำ�ได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน�้ำนมมารดาที่กินใบมะรุมอย่างสม�่ำเสมอ สารอาหารสำ�คัญจะผ่านสู่ทารกไดโ้ ดยงา่ ย อีกทง้ั ยงั เปน็ การเพม่ิ แคลเซยี มเข้าไป เสรมิ กระดกู มารดาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ใบและดอกของมะรมุ มสี รรพคณุ ในการขบั นำ�้ นม ซงึ่ ปจั จบุ นั มกี ารศึกษายืนยนั ฤทธิใ์ นการขบั น้�ำนมของมะรุมแล้ว วิธีการ นำ�ไปแกงส้มใบหรอื ดอกมะรุม ๑๒ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน

ตำ�ลงึ ชือ่ วิทยาศาสตร์ Coccinia grandis (L.) Voigt ชอ่ื วงศ์ CUCURBITACEAE คณุ คา่ มโี ปรตนี มวี ติ ามนิ เอ วติ ามนิ บหี นง่ึ วติ ามนิ บสี อง วติ ามนิ บสี าม วติ ามนิ ซี แคลเซยี ม เหลก็ เสน้ ใยอาหารในปริมาณมาก สรรพคุณ ช่วยบำ�รุงน�้ำนม ทำ�ให้น�้ำนมมีมาก บำ�รุงเลือด บำ�รุงกระดูก บำ�รุงสายตาบ�ำรุงผม บำ�รุงประสาท วธิ กี าร นำ�ไปแกงเลยี งตำ�ลงึ หรอื แกงกะทลิ กู ตำ�ลึง ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน | ๑๓

มะขาม ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Tamarindus Indica L. ช่อื วงศ์ : FABACEAE ๑๔ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ัญญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน

สมนุ ไพรใชต้ ้มน�ำ้ อาบ โดยทั่วไปการอาบน�้ำสำ�หรับหญิงหลังคลอดบุตรจะใช้น้�ำสมุนไพรใน การอาบ เพอื่ ปอ้ งกนั และบรรเทาอาการวงิ เวยี น ผดผน่ื คนั ระคายเคอื งรา่ งกาย ป้องกันผิวหนังอักเสบ ช่วยให้เบาเน้ือเบาตัว เลือดลมไหลเวียนดี ช่วยขับน�้ำ คาวปลา สมนุ ไพรทีใ่ ช้ในการอาบน้ำ� จะมีอยหู่ ลายชนิดแล้วแต่ถนิ่ ที่พอจะหาได้ หากหาสมุนไพร ได้ชนิดเดียวก็ใช้ต้มอาบได้เลย หรือหากมีสมุนไพรหลายชนิด ก็สามารถใช้ต้มรวมกันได้กจ็ ะยง่ิ ดี การใชส้ มุนไพรต้มอาบน้ี จะอาบน้ำ� สมนุ ไพร ตลอดระยะเวลาทอ่ี ยไู่ ฟ วนั ละ ๓-๔ ครง้ั โดยใชน้ ำ�้ อนุ่ มากกวา่ ระดบั อนุ่ ปกตอิ อก ร้อนนิด ๆ แต่ไม่ร้อนมาก ประมาณ ๓๕-๔๐ องศา สมุนไพรที่นิยมใช้ต้มอาบ มดี งั น้ี ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน | ๑๕

ใบย่านางแดง ชือ่ วิทยาศาสตร์ Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ช่อื วงศ์ FABACEAE สรรพคุณ ลำ�ต้น หรือรากใช้สำ�หรบั สตรีหลังการคลอดบุตรขณะอยไู่ ฟ จะช่วย ทำ�ให้ มดลกู เขา้ อเู่ รว็ ขึ้น ใบมะขามหรือแก่นมะขาม ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Tamarindus indica L. ชอ่ื วงศ์ FABACEAE สรรพคุณ แก่นมะขามมีส่วนช่วย เป็นยาชักมดลกู ให้เข้าอูเ่ รว็ ๑๖ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ิปัญญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน

ใบหนาด ช่ือวิทยาศาสตร์ Blumea balsamifera (L.) DC. ชื่อวงศ ์ ASTERACEAE สรรพคณุ ใบใชเ้ ปน็ ส่วนผสมใน ยาสมนุ ไพรอาบ เพอ่ื รกั ษาอาการ ผดิ เดอื นสำ�หรับสตรีหลังคลอด ใบส้มลม (เครอื สม้ ลม) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Aganonerion polymorphum Pierre ex Spire ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE สรรพคุณ แกต้ กขาวของสตรี ผลมะกรดู ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ช่ือวงศ์ RUTACEAE สรรพคณุ แกว้ ิงเวยี น ออ่ นเพลยี ไม่มีแรง ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ิปญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน | ๑๗

ยา่ นางแดง ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ชื่อวงศ์ : FABACEAE ๑๘ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมนุ ไพร จากป่าชมุ ชน

สมุนไพรใชต้ ม้ ด่มื ถ้าจะให้ดีน�้ำที่ใช้ด่ืมควรจะดื่มน้�ำสมุนไพรแทนน้�ำเปล่าปกติ เพื่อให้ มดลกู กระชบั ตวั เรว็ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ มดลกู เขา้ อเู่ รว็ ไมเ่ จบ็ ปวดเมอื่ ยรา่ งกาย สมานแผล ภายใน ยงั รวมไปถงึ ชว่ ยทำ�ใหผ้ วิ พรรณเปลง่ ปลง่ั สดใส ไมแ่ ก่ ไมเ่ ฒา่ ไมเ่ หย่ี วยน่ ไม่เป็นสิว ไม่เป็นฝ้า ไม่ตกกระ ดูมีน้�ำมีนวล ใช้ดื่มทั้งขณะอยู่ไฟและเลิกอยู่ไฟ กส็ ามารถดม่ื ตอ่ ไปเรอ่ื ย ๆ ยง่ิ ดมื่ มากยง่ิ ดี การใชก้ เ็ ชน่ เดยี วกบั การตม้ สมนุ ไพรอาบ กล่าวคือ หากมีสมุนไพรชนิดเดียวก็สามารถต้มดื่มเพียงชนิดเดียวได้เลย หรือ หากมีสมุนไพรหลายชนิดก็สามารถนำ�มาต้มรวมกันแล้วใช้ด่ืมก็ยิ่งดีเช่นกัน สมนุ ไพรขับเลือด ขับนำ�้ คาวปลา: “รากมะละกอตัวผู้ แก่นต้นมะขาม ต้นตังกอผี นำ�มาต้มรวมในหม้อเดียวกนั รินเอาน้ำ� กิน ช่วยขบั เลือด” และนอกจากน้ันยังมี สมุนไพรทมี่ ฤี ทธริ์ ้อนชว่ ยขบั เลอื ด ขบั ลม สมนุ ไพรที่นิยมใช้ตม้ ดื่มมดี ังน้ี ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๑๙

ย่านางแดง ชือ่ วิทยาศาสตร์ Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ส่วนที่นำ�ไปใช้ (ใช้ท้ังใบและเถา) ใบย่านางแดง และเถาท่ีแก่จัด น้�ำที่ได้จากการต้มย่านางแดง สรรพคุณ ช่วยใหม้ ดลกู เข้าอเู่ ร็วข้ึน ตอ้ งแล่ง(นมน้อย) Polyalthia evecta (Pierre) Finet &Gagnep. ชื่อวิทยาศาสตร์ ANNONACEAE ชอ่ื วงศ์ สรรพคุณ ราก: ต้มน้ำ� ดม่ื ขณะอยูไ่ ฟหลงั คลอดบตุ ร ๒๐ | ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน

ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๒๑

สมุนไพรแกอ้ าการฟกช้ำ� ๒๒ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน

สมนุ ไพรแกอ้ าการฟกช้�ำ แผลฟกชำ้� เปน็ การเปลย่ี นแปลงสผี วิ ของผวิ หนงั ซงึ่ รอยชำ้� นนั้ บง่ ชถี้ งึ การมี เลอื ดออก จากการทเ่ี สน้ เลอื ดใตผ้ วิ หนงั ไดร้ บั บาดเจบ็ แลว้ รวมตวั กนั บรเิ วณใกลผ้ วิ ดา้ นบน ทำ�ให้มองเห็นเป็นรอยสีคล�้ำดำ� และม่วง สาเหตุ มกั เกดิ ขน้ึ เมอ่ื คณุ เผลอไปชนกบั บางสง่ิ บางอยา่ งเขา้ อยา่ งแรง หรอื มขี องแขง็ หรอื ของมนี ำ้� หนกั มากระแทกโดนตวั ถา้ คณุ เปน็ คนทเ่ี กดิ รอยฟกชำ้� ไดง้ า่ ยโดยไมท่ ราบ สาเหตทุ ช่ี ดั เจน คุณอาจมีอาการของภาวะเลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ถ้าคณุ มเี ลือดกำ�เดาหรือเลือดออกตามเหงอื กบ่อยครั้ง คนทมี่ แี ขนและขาผอมบาง มีโอกาสทจ่ี ะเกดิ แผลฟกชำ้� ได้งา่ ย ลักษณะรอยฟกช�้ำมดี ังนี้ รอยฟกช้�ำมสี ีคล�ำ้ ดำ�และมว่ ง แล้วคอ่ ยๆ จางเป็นสเี หลือง รอยฟกช�ำ้ ถือเป็นการเปล่ียนแปลง สีผิวของผิวหนัง เกิดจากการมีเลือดออกจากเส้นเลือด ฝอยใตผ้ วิ หนงั ที่ไดร้ บั บาดเจ็บ โดยทวั่ ไปรอยฟกชำ้� นจี้ ะจางหายไปเองประมาณ ๒ สปั ดาห์ อาจมอี าการ ปวดบวมอกั เสบร่วมด้วย เจ็บหรือไม่เจบ็ กไ็ ด้ วิธีรักษาแผล ฟกช�ำ้ ท่ดี ที ีส่ ดุ คอื การรกั ษาทนั ทีท่ีเป็น ตอนทร่ี อยฟกชำ้� ยงั มสี ีแดงอยู่ โดยใชว้ ธิ ี ประคบเยน็ ทร่ี อยฟกชำ�้ ทนั ทีจะชว่ ยลดความเจบ็ ปวดและ ลดอาการบวมของรอยชำ้� นำ�ผา้ ไปจมุ่ นำ้� เยน็ แลว้ วางลงบนแผลทฟี่ กชำ้� ทกุ ๆ ๒-๓ นาที ทำ�เชน่ นตี้ อ่ เนอื่ งไป ประมาณ ๑๕ นาที ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภมู ปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๒๓

รางจดื ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Thunbergia laurifolia Lindl. ชอ่ื วงศ์ ACANTHACEAE ใบรางจืด ใช้ใบรางจืดสด ๑ กำ�มอื ล้างน้�ำให้ สะอาด แลว้ ตำ�ใหล้ ะเอยี ด ผสมการบรู ประมาณ ๑ หยบิ มอื คลกุ เคลา้ ใหท้ วั่ แลว้ หอ่ ดว้ ยผา้ ขาวบาง ทำ�เป็นลูกประคบ ก่อนนำ�มาใช้ควรนึ่งให้อุ่น ใชป้ ระคบบรเิ วณทฟ่ี กชำ�้ นานประมาณ ๑๐ นาที ทกุ วนั เชา้ และเย็นจนกวา่ จะหาย สมยั โบราณ จะใช้ลูกประคบที่น่งึ แลว้ จุ่มใน เหลา้ ขาวก่อน นำ�มาประคบ เพราะเหลา้ ขาวเปน็ ตวั นำ�ยา (หรอื กษัยยา) ช่วยทำ�ให้สมุนไพรซึมเข้าสู่ผิวหนัง ได้ดีและช่วยลบรอยฟกช�้ำไดเ้ ร็วข้นึ ไพล ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) ex A.Dietr. ช่ือวงศ์ Zingiberaceae หัวไพล ใช้ไพลประมาณ ๑ หัว ตำ�แล้ว ค้นั เอาเฉพาะน�้ำทาถูบริเวณทีม่ ีอาการ หรือนำ�มาทำ�เป็นลกู ประคบด้วยวธิ ีเดยี ว กบั ใบรางจดื เพ่อื ช่วยบรรเทาปวด และลดรอยฟกชำ�้ ไดเ้ ชน่ กนั ๒๔ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน

ขงิ ชอ่ื อนื่ ๆ : ขงิ เผอื ก (เชียงใหม)่ ขิงแดง ขิงแกลง (จนั ทบุร)ี ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale Roscoe วงศ์ : ZINGIBERACEAE สว่ นที่ใช้ : ต้น ใบ ดอก ผล ราก เหง้า เปลือกเหง้า นำ�้ มันระเหยใชเ้ ป็นยา สรรพคณุ : ลดการฟกชำ�้ จากการหกลม้ หรอื กระทบกระแทก โดยใช้เหง้าสด นำ�มาผสม กับเหง้า พอกหรือใช้น้�ำค้ันจากใบสด ๑ ถ้วย ตงั กยุ Angelica sinensin Diels.) ประมาณ ๑๐๐ กรมั บดเปน็ ผง ผสมกบั เหงา้ กนิ ตดิ ตอ่ กนั ประมาณ ๓ วนั โหระพา ชือ่ อ่ืน ๆ : ห่อกวยซวย ห่อวอซุ (กะเหรี่ยง-แมฮ่ อ่ งสอน) อิ่มคมิ ขาว (ฉาน-แมฮ่ ่องสอน) ช่ือวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L. วงศ์ : LAMIACEAE สว่ นทใี่ ช้ : ท้งั ต้น เมล็ด และราก สรรพคุณ : ลดการฟกช้�ำจากหกลม้ หรอื กระทบกระแทก งกู ัด วิธแี ละปริมาณทใี่ ช้ : ทัง้ ต้น – แหง้ ๖-๑๐ กรมั ต้มน้ำ� ดื่ม หรอื ใช้สดคน้ั เอาน�ำ้ ด่มื ใชภ้ ายนอก ตำ�พอก หรอื ต้มน�ำ้ ชะล้าง หรอื เผาเปน็ เถ้าบดเปน็ ผง ผสมทา ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ิปัญญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๒๕

เจตมูลเพลิงขาว ช่อื อ่ืน ๆ : ปา๋ ยฮวั ตาน (จนี กลาง),แปะฮวยตัง (แตจ้ ิว๋ ), ปิดปิดขาว (ภาคเหนอื ),ตัง้ ชูอ้ ว้ ย,ตอชวู า (กะเหรยี่ ง-แม่ฮอ่ งสอน) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Plumbago zeylanica Linn. วงศ์ : PLUMBAGINACEAE สว่ นทใี่ ช้ : ราก และใบ สรรพคุณ : ราก ใชเ้ ปน็ แก้ปวดข้อ วธิ ีการใช้ : นำ�มาตำ�พอกแกฟ้ กชำ�้ หรอื ฝบี วม ขอ้ หา้ มใช้ : สำ�หรบั หญงิ ทมี่ คี รรภห์ า้ มรบั ประทาน เป็นอันขาดเพราะจะมีสารบางอยา่ ง เหมอื น ๆ กบั เจตมูลเพลิงแดงซง่ึ จะทำ�ใหแ้ ท้งได้ แตฤ่ ทธ์ิ ของเจตมลู เพลงิ ขาวนจี้ ะออ่ นกวา่ มะขามป้อม ชือ่ อ่ืนๆ : สันยาส่า, ม่ังลู่ (กะเหร่ียง- แม่ฮ่องสอน) กำ�ทวด (ราชบุรี), กนั โตด (เขมร-จันทบรุ )ี อ่ิว, อำ�โมเหลก็ (จนี ) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L. วงศ์ : PHYLLANTHACEAE สว่ นทใี่ ช้ : เปลอื ก ลำ�ต้น ใบ ปมท่กี า้ น ผลราก สรรพคณุ : เปลอื กลำ�ตน้ ใชเ้ ปลอื กลำ�ตน้ แหง้ แลว้ นำ�มาบดใหเ้ ปน็ ผงละเอยี ด ใชโ้ รยแกบ้ าดแผล เลอื ดออก แผลฟกชำ�้ หรอื นำ�มาตม้ เอานำ�้ กนิ เปน็ ยาแกโ้ รคบดิ เป็นตน้ ๒๖ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน

จอก ชือ่ อน่ื ๆ : ผกั กอก (เชียงใหม่), กากอก (ภาคเหนือ) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Pistia stratiotes L วงศ์ : ARACEAE สว่ นทีใ่ ช้ : ใบ สรรพคุณ : ใบ นำ�ใบที่เจริญเติบโต เต็มที่และควรจะเก็บใบในหน้าร้อนถึงจะดี นำ�มาลา้ งให้สะอาด ตดั รากออกให้หมด พยายามอยา่ ใหร้ ากตดิ ไดย้ ง่ิ ดี นำ�มาตากแหง้ ซึ่งจะมีรสเค็ม เย็น และฉุนจะเป็นยา แกห้ ดั ผน่ื หรอื มนี ำ�้ เหลอื งแกบ้ อบชำ้� ใบสด ผสมกับน้�ำตาลกรวดดำ�อุ่นให้ร้อนใช้ พอกบริเวณท่ีได้รบั การกระทบกระเทอื น หรือฟกชำ้� ขอ้ ห้ามใช้ ๑. รากมพี ษิ เล็กน้อย เวลาทเ่ี รานำ�ใบมาต้มควรจะล้างใหส้ ะอาดและตดั รากออก ให้หมด ๒. สตรีที่ตง้ั ครรภห์ ้ามรับประทาน ๓. จอกเปน็ พรรณไมท้ ีด่ ูดสารมพี ิษไดด้ มี าก ฉะนนั้ ถา้ ขึ้นอยใู่ นทอ้ งนำ้� ทเ่ี ป็นพิษ หรอื ต้นมีรสขม อย่านำ�มารบั ประทาน ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน | ๒๗

เครอื เขาคลอน ช่ือวิทยาศาสตร์ : Dregea vollubilis (L.f.) Benth.ex Hook.f. ชอ่ื วงศ์ : APOCYNACEAE ๒๘ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ปิ ัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน

สมนุ ไพรลดอาการอักเสบ ลลิ วั หรอื พลบั พลึง ชื่ออนื่ ๆ : ลิลัว (ภาคเหนือ) พลบั พลงึ (ภาคกลาง) ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Crinum asiaticum L. var. asiaticum วงศ์ : AMARYLLIDACEAE ส่วนท่ีใช้ : ใบ สรรพคุณ : ชว่ ยแก้อาการปวดบวม ฟกช�ำ้ ดำ�เขียว อาการ เคลด็ ขดั ยอก ขอ้ เท้าพลกิ แพลงได้ วิธีการใช้ : นำ�ใบพลับพลึงนำ�มา อังไฟพอตายนึ่งหรอื ลนไฟอ่อนๆ จนให้ใบนมิ่ ออ่ นตัวลง แลว้ นำ�มา พันรอบบริเวณที่ฟกช�ำ้ ทำ�เชน่ นี้ ทุกวันเชา้ และเย็นจนกว่าจะหาย ช่วยลดอาการปวดบวมได้ ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภมู ปิ ัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน | ๒๙

บอระเพด็ ชอื่ สมนุ ไพร บอระเพ็ด ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Hook.f. & Thomson ชื่อวงศ์ MENISPERMACEAE ชอ่ื พืน้ เมือง บอระเพด็ (ท่วั ไป) เครอื เทาฮอ,จ่มุ จงิ ,จุง้ จะลิง (ภาคเหนือ) เจตมลู หนาม (หนองคาย) ตวั เจตมลู ยานเถาหวั ดว้ น (สระบรุ )ี หางหนู (สระบรุ )ี , อบุ ลราชธานี) จุง้ จาลงิ ตวั แม่ สรรพคณุ ราก แก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ตน้ แก้ไข้ แกไ้ ข้พษิ แกไ้ ขก้ าฬ แกไ้ ขเ้ หนอื บำ�รุงกำ�ลัง บำ�รุงธาตุ แก้อาการ แทรกซ้อน ขณะท่ีเป็นไข้ทรพิษ แก้ไข้เพื่อโลหิต แก้เลือดพิการ แก้ร้อนใน กระหายนำ�้ แกส้ ะอกึ แกพ้ ิษฝดี าษ ๓๐ | ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมปิ ญั ญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน

ใบ แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้จับสั่น ขับพยาธิ แก้ปวดฝี บำ�รุงธาตุ ยาลดความรอ้ น ทำ�ใหผ้ วิ พรรณผอ่ งใส หนา้ ตาสดชนื่ รกั ษาโรคผวิ หนงั ผดผน่ื คนั ตามร่างกาย ช่วยให้เสยี งไพเราะ แกโ้ ลหติ คง่ั ในสมอง เป็นยาอายวุ ัฒนะ ดอก ฆา่ พยาธใิ นทอ้ ง ในฟนั ในหู ผล แกเ้ สมหะเปน็ พิษ แก้ไข้พิษ แก้สะอกึ และสมฎุ ฐานกำ�เรบิ ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากป่าชุมชน | ๓๑

เครือเขาคลอน ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Dregea volubilis (L.f.) Benth.ex Hook.f. วงศ์ : APOCYNACEAE ช่อื อ่ืนๆ : กระทงุ หมาบา้ กระทงหมาบ้า คนั ชุนสุนัขบา้ (ภาคกลาง), เครอื เขาคลอน (อุบลราชธานี), เครือเขาหมู (ภาคเหนอื ),ผักง่วนหมู ต้นงว่ นหมู หวั เขาคอน (รอ้ ยเอด็ ), ผกั ฮว้ นหมู (เชียงใหม)่ , มวนหูกวาง (เพชรบรุ )ี , ฮ้วนหมู (ภาคเหนือ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เถา : เนอื้ แข็ง มยี างขาว ยาวได้ถึง ๑๐ ม. เถาออ่ น สเี ขยี ว เถาแกส่ นี ำ�้ ตาล ผวิ กงิ่ ตะปมุ่ ตะปำ่� และมชี อ่ งอากาศ ใบ : เด่ียว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือ เกือบกลม กวา้ ง ๕-๑๐ ซม. ยาว ๗.๕-๑๕ ซม. ปลายแหลม โคนเวา้ หรือป้าน ก้านใบยาวประมาณ ๔ ซม. ช่อดอก : แบบช่อกระจุก ออกตามง่ามใบหรือระหว่าง กา้ นใบ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางดอกประมาณ ๑ ซม. กลบี เลยี้ ง ๕ กลีบ กลีบดอก ๕ กลีบ สีเขียวอ่อนบิดเวียนกัน เสา้ เกสร ๕ กลีบ ฝกั : ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ยาว ๗.๕-๑๐ ซม. โคนปอ่ งแลว้ คอ่ ยๆ เรียวไปหาปลาย มคี รีบตามยาว ผิวมขี นสนี ้ำ� ตาลออ่ นนมุ่ คลา้ ยกำ�มะหย่ี ๓๒ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ัญญาสมนุ ไพร จากป่าชมุ ชน

เมลด็ : สนี ำ�้ ตาลอมเหลอื ง รปู ไขห่ รอื รกี วา้ ง โคง้ เวา้ ผวิ เรยี บ เปน็ มนั วาว ขอบบางเป็นครีบ มีพูข่ น สขี าวเปน็ มนั อย่างเส้นไหม การขยายพันธ์ุ : เปน็ พรรณไมท้ ม่ี กั ขน้ึ ตามบรเิ วณชายปา่ ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยวธิ ปี กั ชำ� การกระจายพนั ธ์ุ : อินเดยี จนถงึ จนี ตอนใต้ ไต้หวนั ภูมิภาคอนิ โดจีน มาเลเซยี และฟลิ ปิ ปินส์ ส่วนทใ่ี ช้ : ลำ�ต้น ใบ ผล ราก เถา สรรพคุณ : ลำ�ต้น แก้โรคตา แก้หวัด ทำ�ให้จาม พษิ งกู ดั ใบ แกแ้ ผลทถี่ กู นำ�้ รอ้ นลวก แกบ้ วม แกฝ้ ี วธิ ใี ชโ้ ดยการนำ� ใบสด มาตำ�ใหล้ ะเอยี ดแลว้ ใชท้ า ราก ทำ�ให้อาเจียน ขบั พิษร้อน กระทุง้ พษิ พษิ ฝี พิษไขห้ วั ไขก้ าฬ แกป้ สั สาวะพกิ าร แกพ้ ษิ นำ�้ ดกี ำ�เรบิ ชว่ ยใหน้ อนหลบั ผล เปน็ ยารกั ษาโรคใหส้ ัตว์ เถา เปน็ ยาเย็นขับปสั สาวะ ถิน่ ทีอ่ ยู่ : เครอื เขาคลอนเป็นพรรณไมท้ ม่ี ขี น้ึ ตามบรเิ วณปา่ ดิบ หรอื ปา่ ราบ ท่ัวไปในประเทศไทย ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๓๓

สมนุ ไพรเครือเขาคลอน (แคปซลู ) วตั ถุดบิ ๑. เครือเขาคลอน ๑ กิโลกรมั อุปกรณ์ ๑. กระจาด ๒. มดี ๓. กะละมงั ๔. เครื่องบดละเอียด ๕. เตาอบ/เครอื่ งอบ ๖. เครื่องบรรจแุ คปซลู ๗. แคปซลู ๓๐๐ เมด็ วิธที ำ� ๑.จดั หาเครอื เขาคลอนตามปา่ ชมุ ชน ใหเ้ ลอื กตน้ ทม่ี อี ายุ ประมาณ ๑๐ ปี ขนึ้ ไป ลำ�ตน้ ใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕ เซนตเิ มตรขนึ้ ไป ๒. นำ�มาล้างดินด้วยน้�ำให้สะอาด แล้วขูดเปลือกออกให้หมดแล้วทำ�ความสะอาด ๓๔ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน

๓. จากนั้นนำ�มาฝานให้เปน็ แผ่นบางๆ ๔. พึ่งลมใหแ้ ห้ง ประมาณ ๒ วัน / อบแห้งประมาณ ๖๐ นาที ให้แห้ง ๕. นำ�เครอื เขาคลอนท่ีแห้งมาทำ�การบดละเอียด ๖. จากนั้นนำ�มาบรรจใุ นแคปซูลท่เี ตรยี มไว้บรรจุใสภ่ าชนะ ตดิ ฉลากใหเ้ รยี บร้อย เปน็ อนั เสรจ็ สนิ้ สรรพคณุ ในการรกั ษา : รักษาอาการปวดขอ้ ปวดกระดูก วธิ ีการรบั ประทาน : รบั ประทาน ครงั้ ละ ๑-๒ แคปซูล วนั ละ ๓ มือ้ ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภูมปิ ัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน | ๓๕

ชะมวง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia cowa Roxb. ex Choisy ชื่อวงศ์ : CLUSIACEAE ๓๖ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน

ผลผลิต ผลติ ภัณฑ์ จากสมนุ ไพร ทานาคา ผลติ ภัณฑจ์ ากกระแจะ ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภมู ิปัญญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๓๗

กระแจะ (ทานาคา) ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson ชอื่ วงศ์ RUTACEAE ช่อื สามญั กระแจะ ชื่อพนื้ เมือง กระแจะ, ขะแจะ (ภาคเหนือ), ตุมตัง (ภาคกลาง) ลกั ษณะวสิ ยั ไม้ตน้ ขนาดเล็ก สูง ๓-๘ เมตร กิ่งก้านมีหนาม ลักษณะใบ ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบยอ่ ย ๔-๑๓ ใบ รปู วงรี แกมไขก่ ลบั กา้ นใบแผ่เป็นปกี ลักษณะดอก ดอกช่อ ออกทีซ่ อกใบ กลบี ดอกสีขาว ลักษณะผล ผลสด รูปทรงกลม สรรพคณุ ตำ�รายาไทยใช้ ใบ แกล้ มบา้ หมู ราก เปน็ ยาถา่ ย ผล เปน็ ยาบำ�รงุ แกน่ ดองเหลา้ กนิ แกก้ ษยั (การปว่ ยทเี่ กดิ จากหลายสาเหตุ ทำ�ใหร้ า่ งกายเสอื่ มโทรม ซูบผอม โลหิตจาง) โลหติ พกิ าร ดบั พิษรอ้ น ยาพนื้ บา้ นใช้ ต้น ตม้ น้ำ� ดม่ื ครงั้ ละ ครง่ึ แกว้ วนั ละ ๓ ครงั้ เชา้ กลางวนั เยน็ แกป้ วดตามขอ้ ปวดเมอื่ ย เสน้ ตงึ แกร้ อ้ นใน แกโ้ รคประดง (อาการโรคผวิ หนงั มผี น่ื คนั เปน็ เมด็ ขน้ึ คลา้ ยผด คนั มาก มกั มไี ขร้ ว่ มดว้ ย) เนอื้ ไมแ้ ละเปลอื ก มสี เี หลอื งออ่ นบดเปน็ ผงมกี ลนิ่ หอมออ่ นๆ ใชท้ าประทนิ ผวิ ทำ�ให้ผิวเนียนออกสเี หลือง ชาวพมา่ นยิ มใช้กันมากเรยี กวา่ \"ทานาคา” ๓๘ | ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมปิ ญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน

ภาพท่ี ๑ ลกั ษณะลำ�ตน้ และใบ ภาพที่ ๒ ดอก และผล ทานาคา ผลติ ภณั ฑจ์ ากกระแจะ สาวพม่าใช้ทานาคามานานกว่า ๒๐๐ ปี แทบทกุ บา้ นมกั มีทอ่ นไม้ทานาคา วางไว้คู่กับกระจกเสมอ เวลาใช้ก็นำ�เอาท่อนไม้ทานาคามาฝน กับแผ่นหิน เจือด้วยน�้ำเลก็ น้อย แล้วใชท้ าเรือนรา่ งโดยเฉพาะใบหน้า ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๓๙

ทานาคา มสี ารตอ่ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระอยสู่ งู มาก ทเ่ี ปลอื กของทานาคา มสี าร OPC เชน่ เดยี วกบั ท่ีพบในเปลือกสนฝร่ังเศส และที่เน้อื ในของ ทานาคามสี าร Curcuminoid ทีม่ กั พบ ในขมิ้นชันที่ประเทศไทย ท�ำให้ทานาคา มคี ณุ สมบตั คิ รบถว้ นทจ่ี ะตอ่ ตา้ นความเสอ่ื ม ของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วยคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และชว่ ย ลดผดผน่ื คนั ลดการเกดิ จดุ ดา่ งดำ� และฝา้ มฤี ทธลิ์ ดการสรา้ งเมด็ สเี มลานนิ และยงั ชว่ ยปอ้ งกนั การทำ�ลายผวิ จากรงั สยี วู ี ผงทานาคาที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติและนำ�มาบด เป็นผงใหล้ ะเอียด โดยจะมสี รรพคณุ ในการชะลอความชราของผวิ ไดด้ ใี นการ ต้านอนุมูลอิสระของทานาคา ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงตัวได้ดี ไม่สลายไป เม่ือโดนออกซเิ จน เหมอื น วติ ามินซี หรอื วิตามินอี วธิ กี ารใชท้ านาคา ๑. ฝนกับน้�ำสะอาดธรรมดา ไมต่ ้องอ่นุ ไม่ตอ้ งเยน็ ๒. ถา้ หนา้ เป็นสวิ อักเสบสามารถใชไ้ ดแ้ ตห่ ้ามขัดโดยเด็ดขาด ๓. ทานาคาเหมาะทจี่ ะขดั กบั คนทไี่ มม่ สี วิ แลว้ และไมว่ า่ จะผวิ แหง้ ผวิ มนั ผวิ ผสม ขดั ใหเ้ บามอื โดยการลบู เบาทผี่ วิ หนา้ หา้ มกดแรงลงบนนว้ิ ขณะขดั และขดั ประมาณ ๕ นาที แลว้ ทงิ้ ไวจ้ นแห้ง ๔๐ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ิปัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน

๔.ทำ�การลา้ งดว้ ยนำ้� ธรรมดา หา้ มลา้ งดว้ ยนำ้� อนุ่ โดยเดด็ ขาด โดยการเปดิ ฝกั บวั เบาๆ แลว้ ปลอ่ ยใหร้ าดลงบนผวิ หนา้ ไปประมาณ ๒-๓ นาที แลว้ จงึ ใชฝ้ า่ มอื ลบู เบาๆ เพื่อให้สะอาด ๕. จากน้ันนำ�น้�ำผ้ึงผสมน�้ำเปล่าธรรมดา ทาหน้าท้ิงไว้โดยนวดเล็กน้อย ท้ิงไว้ ประมาณ ๑๐ นาที จงึ ลา้ งออก ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมปิ ญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน | ๔๑

สรรพคณุ ในการประทินผวิ ๑. ปรับผวิ ขาวข้ึน อยา่ งเหน็ ไดช้ ัด ปลอดภัย เพราะเป็นสมุนไพร ๒. ลด ฝ้า กระ จดุ ดา่ งดำ� รกั ษารอยแผลเป็นต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ๓. รกั ษาผดผนื่ คัน ผวิ อกั เสบแดง อาการแพต้ ่างๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว สามารถใช้ ผสมน้�ำทาให้เด็กๆที่เป็นผน่ื ได้ ๔. ควบคมุ ความมัน ทำ�ให้สิวอกั เสบ แห้งเร็ว และยบุ ตวั และไม่ให้เกดิ สิวใหม่ ๕. ตอ่ ตา้ นรวิ้ รอยไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ลดรว้ิ รอยทมี่ อี ยใู่ หผ้ วิ คงความออ่ นเยาว์ ดว้ ยสารตา้ นอนุมลู อสิ ระประสิทธิภาพสงู ๖. ป้องกนั แสงแดดใหก้ บั ผิวไดอ้ ยา่ งดี โดยไมต่ อ้ งพ่งึ สารเคมี ๗. ระงับกลนิ่ ตามร่างกาย ๔๒ | ประโยชนอ์ งคค์ วามรู้ ภมู ิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชมุ ชน

ขอ้ มูลดา้ นเศรษฐกจิ การตลาด - เน้ือไมผ้ ง กโิ ลกรมั ละ ๔๐๐ บาท - ไมท้ านาคา (ทอ่ น) ทอ่ นละ ๙๐ บาท (ยาว ๑๐ ซม.) สำ�รวจเมือ่ เดอื นธนั วาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ณ อำ�เภอ แมส่ าย จงั หวัดเชียงราย ผลติ ภณั ฑแ์ ปรรูปจากทานาคา ประโยชน์องคค์ วามรู้ ภูมิปญั ญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน | ๔๓

การทำ�ยาสีฟันจากใบข่อย ชื่อทั่วไป : ข่อย ชื่อท้องถ่ิน : กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ), ข่อย (ทั่วไป), ซะโยเส่ (กะเหรี่ยง แมฮ่ อ่ งสอน), ตองขะแหน่ (กะเหรยี่ งกาญจนบรุ )ี , ขอ่ ย(รอ้ ยเอด็ ), สะนาย (เขมร) ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Streblus asper Lour. ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : เป็นไมต้ ้นขนาดเล็กถงึ ขนาดกลาง สงู ถงึ ๕-๑๐ เมตร เปลอื กสเี ทาอม เขยี ว เปลอื กในสขี าวหนา ผวิ เรยี บบาง มกั มขี นอยโู่ ดยทวั่ ไป มยี างขาวขน้ แตกกงิ่ กา้ นหนาแนน่ ใบ : เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับหรือรูปรี กว้าง ๒-๔ เซนติเมตร ยาว ๔-๘ เซนตเิ มตร โคนสอบแคบ ปลายแหลมและมตี ง่ิ แหลมสน้ั ผวิ ใบทง้ั ดา้ นบน และด้านล่างหนามาก สากคายเหมือนกระดาษทราย ขอบใบหยักฟนั เลือ่ ย กา้ นใบสนั้ มาก ยาว ๑-๓ มลิ ลเิ มตร หใู บรปู หอก ยาว ๒-๕ มลิ ลเิ มตร มขี นราบ หลุดร่วงงา่ ย เส้นใบทโี่ คนมี ๑ คู่ สนั้ ไม่มีตอ่ ม ๔๔ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภมู ปิ ญั ญาสมนุ ไพร จากปา่ ชุมชน

ดอก : ออกเปน็ ชอ่ ตามซอกใบ สเี ขยี วออ่ น มกี ลน่ิ หอม ดอกยอ่ ย มขี นาดเลก็ มาก ดอกแยกเพศ ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี อยตู่ า่ งตน้ กนั ชอ่ ดอกเพศผเู้ ปน็ กระจกุ กลม มี ๕-๑๕ ดอก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาว ๖-๑๐ มลิ ลเิ มตร กา้ นชอ่ ดอกยาว ๓-๑๕ มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย หรือเกลี้ยง มีใบประดับเล็ก ๆ ๑-๒ ใบ ที่โคนก้านใบ บางคร้ังพบมีอกี ๑ ใบ บนก้าน และมีใบประดับเล็กๆ อีก ๒-๓ ใบ ท่ปี ลายก้าน ดอกเพศผมู้ กี า้ นสนั้ กลนิ่ หอม มสี ว่ นตา่ ง ๆ จำ�นวน ๔ วงกลบี รวม ยาว ๑ มลิ ลเิ มตร มขี นเลก็ นอ้ ย เกสรเพศผสู้ ขี าว ดอกเพศเมยี ออกเดย่ี ว มกี า้ นยาว กลบี ดอกสเี ขยี ว ปนเหลือง มกี า้ นดอกเล็ก ยาว ๑-๔ มลิ ลเิ มตร มขี นเล็กน้อย ใบประดับมี ๒ ใบ รปู ไข่ ปลายแหลม ยาว ๑-๒ มิลลเิ มตร แนบไปกับวงกลบี รวม วงกลีบรวมยาว ๒ มิลลิเมตร รูปไข่แหลม มขี นเล็กน้อย กา้ นเกสรเพศเมียยาว ๑ มิลลเิ มตร และ ยาวขึน้ ถึง ๖-๑๒ มิลลเิ มตร เกลี้ยง ออกดอกช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ผล : รปู กลม หรอื รปู ไข่ ผลสด ขนาดประมาณ ๐.๘ เซนตเิ มตร มเี มลด็ เดยี ว ผลแกส่ ีเหลอื งหรือสม้ ฉำ่� นำ้� เมอ่ื แรกรวมอย่กู บั วงกลบี รวมที่ใหญข่ ึน้ ยาว ๕-๘ มลิ ลเิ มตร ตอ่ ไปเมอื่ แกจ่ ะโผลจ่ ากวงกลบี รวม และวงกลบี รวมจะงอพบั มกี ลบี เลยี้ ง สเี ขยี วหุ้ม ปลายผลมีกา้ นเกสรตัวเมียคลา้ ยเสน้ ด้ายติดอยู่ กา้ นผลยาว ๗-๒๗ มลิ ลเิ มตร เมลด็ กลม กวา้ ง ๔-๕ มลิ ลเิ มตร สขี าวแกมเทา นเิ วศวทิ ยาและการกระจายพันธุ์ พบในประเทศอินเดยี จนี ตอนใต้ จนถึงมาเลเซีย ในประเทศไทยพบขน้ึ ท่ัวไปตามที่ลุ่มและป่าละเมาะ ท่ีระดับความสูงใกล้น้�ำทะเลจนถึง 600 เมตร ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๔๕

การใชป้ ระโยชน์ ๑. ตำ�รายาไทย - ก่งิ สด ขนาดเล็กนำ�มาทุบใช้สฟี นั ทำ�ให้เหงอื กและฟันแขง็ แรง - เปลอื กตน้ รสเมาฝาดขม นำ�มาตม้ ใสเ่ กลอื ใหเ้ คม็ ใชร้ กั ษาโรครำ�มะนาด แกโ้ รคฟนั รกั ษาฟนั ใหแ้ ขง็ แรง แกป้ วดฟนั ดบั พษิ ในกระดกู ในเสน้ แกพ้ ยาธผิ วิ หนงั เรือ้ น มะเรง็ หุงเปน็ น�ำ้ มนั ทาหัวรดิ สดี วง ปรุงเป็นยาแกท้ ้องร่วง - เปลอื ก ใชม้ วนสบู รกั ษารดิ สดี วงจมกู เปลอื กตน้ ตม้ กบั นำ�้ ใชช้ ะลา้ งบาดแผล และโรคผวิ หนัง - ราก รสเมาฝาดขม ปรงุ เปน็ ยารกั ษาแผลเรอ้ื รงั แกโ้ รคคอตบี เปน็ สว่ นผสม ในยารักษากระดูก ปวดเส้นประสาทและปวดเอว ฆ่าพยาธิ - เปลือกราก รสเมาขมบำ�รุงหวั ใจ พบมสี ารบำ�รงุ หวั ใจ - ใบ รสเมาเฝื่อน น้�ำต้มแก้โรคบิด ใบข่อยค่ัวชงน�้ำดื่มก่อนมีประจำ�เดือน สำ�หรับสตรีท่ีมักมีอาการปวดท้องขณะมีประจำ�เดือน จะบรรเทาอาการปวด ประจำ�เดอื น ใบคว่ั กนิ แกโ้ รคไต ขบั นำ�้ นม แกบ้ ดิ ใชภ้ ายนอกแกโ้ รครดิ สดี วงทวาร ตำ�ผสมข้าวสารคั้นเอาน้�ำดื่มคร่ึงถ้วยชา ทำ�ให้อาเจียนถอนพิษยาเบื่อยาเมา หรืออาหารแสลง ชงกับน้�ำร้อนด่ืมระบายท้อง แก้ปวดท้องขณะมีประจำ�เดือน แกป้ วดเม่ือย บำ�รงุ ธาตุ ยาระบายออ่ นๆ ขับผายลม แก้ทอ้ งอืดเฟ้อ - ตน้ ตม้ ใสเ่ กลอื แกฟ้ นั ผุ กระพี้ รสเมาฝาดขม แกพ้ ยาธิ แกม้ ะเรง็ ฝนกบั นำ�้ ปนู ใสทาแกผ้ นื่ คนั เยอ่ื หมุ้ กระพี้ รสเมาฝาดเยน็ ขดู เอามาใชท้ ำ�ยาสบู แกร้ ดิ สดี วงจมกู ๔๖ | ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมปิ ัญญาสมุนไพร จากปา่ ชุมชน

- ผล รสเมาหวานร้อน บำ�รุงธาตุ แก้ลม แก้กระษัย ขับลมจุกเสียด เป็นยาอายวุ ฒั นะ - เมลด็ รสเมามนั รอ้ น เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ บำ�รงุ ธาตเุ จรญิ อาหาร ขบั ผายลม แกท้ ้องอดื เฟ้อ แกโ้ ลหติ และลม ขบั ลมในลำ�ไส้ ๒. ตำ�รายานครราชสมี า - ใบ แก้ท้องเสียโดยนำ�ใบ ๑ กำ�มือ ตำ�ให้แหลกผสมกับน�้ำประมาณ ครงึ่ แก้วดม่ื - เปลอื กตน้ แกร้ ำ�มะนาด โดยนำ�เปลอื กผสมกบั เกลอื ทะเลอยา่ งละเทา่ ๆ กนั ต้มให้เกลือละลาย อมเช้า-เย็น หลงั อาหารและกอ่ นนอน ๓. ตำ�ราเภสัชกรรมล้านนา - ใบ เปลอื ก ราก และเมลด็ รกั ษาอาการไอ ขบั เสมหะ แกเ้ จบ็ คอ รกั ษาเหงอื ก แกป้ วดฟัน ๔. ประเทศพม่า - เปลอื กต้น แกท้ อ้ งร่วง แกป้ วดฟนั ช่วยให้ฟนั แข็งแรง ต้มน้�ำกนิ แกไ้ ข้ แก้บดิ แก้ท้องเสียและแกม้ ะเรง็ เปน็ ยาอายุวฒั นะ ประโยชนอ์ งค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชมุ ชน | ๔๗

ยาสฟี นั จากใบข่อย วตั ถดุ บิ ๑. ใบขอ่ ยสด ๓ กิโลกรัม หมายเหตุ : วัตถุดิบท้งั หมดให้ช่ังน�้ำหนักกอ่ น ๒. ถา่ น ๑ กิโลกรัม แลว้ จงึ บดละเอยี ด ๓. การบูร ๑ ขีด ๔. พมิ เสน ๑ ขีด ๕. เกลือแกง ๑ ขีด ๖. สารสม้ ๑ ขดี ๗. เมลทอล ๑ ขีด ใบข่อย ๑. ลา้ งให้สะเดด็ น�้ำ ตากแดด ๒ แดด จับดใู หใ้ บขอ่ ยกรอบ ๒. นำ�ไปบดในครก แลว้ นำ�ผงใบขอ่ ยทไี่ ดใ้ สล่ งในเครอื่ งรอ่ น (รอ่ นทค่ี วามละเอยี ด ตะแกรง ๑๐๐) เพ่อื แยกเอาผงขอ่ ยที่ละเอียดออกมา ๔๘ | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมนุ ไพร จากปา่ ชมุ ชน