Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มันแกว

Description: มันแกว

Search

Read the Text Version

ªèÍ× ÊÒÁÑÞ : Yam Bean , Jicama ªèÍ× Ç·Ô ÂÒÈÒÊμÏ : Pachyrhizus erosus ªè×ÍÍè¹× æ ઋ¹ Á¹Ñ àÀÒ(ÍÊÕ Ò¹) ËÇÑ ¶ÑÇè (ÀÒ¤ãμŒ) ËÑÇá»Ð¡ÑÇÐ(ÀÒ¤ãμŒ) à¤Ã×Íà¢Ò¢¹ ¶ÑèÇËÇÑ ¶ÇèÑ º§Œ Áѹá¡ÇÅÒÇ(ÀÒ¤à˹×Í) ªÒÇä·Å×Íé àÃÕ¡Áѹá¡ÇÇÒ‹ “ÁФÐμØŽÁ” หัวมันแกวที่เรารับประทานนั้น เป็นได้ทั้งผักและผลไม้ชนิดที่ใกล้เคียงกัน มีชื่อทางวิทยาศาตร์ ว่า Pachyrhizus tuberosus ซึ่งแตกต่างจาก Pachyrhizus erosus เล็กน้อยตรงที่มีใบย่อยใหญ่กว่า ดอกสีขาว หัวมีขนาดใหญ่กว่า ฝักใหญ่กว่า และมีเมล็ดแบนใหญ่ มันแกวที่ปลูกมากในประเทศไทยที่พบมี 2 ชนิด ใหญ่ๆ คือพันธุ์หัวใหญ่ กับ พันธุ์หัวเล็กไม่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน นอกจากเรียกตามชื่อท้องที่ที่ปลูก เช่น มันแกวเพชรบุรีบ้างมันแกวลพบุรีบ้าง มันแกวบ้านหมอบ้าง ทางแถบสระบุรีเรียกพันธุ์ “ลักยิ้ม” เพราะเมล็ดมีรอยบุ๋ม ทางจังหวัดมหาสารคามมีพันธุ์งาช้าง แหล่งปลูก ปลูกมากที่สุดในภาคกลาง จังหวัดที่ปลูกมากได้แก่ สระบุรี ลพบุรี ชลบุรี สมุทรสาคร รองลงไป ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่ปลูกมากได้แก่ มหาสารคาม หนองคาย ขอนแก่น ภาคเหนือปลูกไม่มากนัก ที่จังหวัดนครสวรรค์ ลำปาง เชียงราย ส่วนภาคใต้ปลูกมันแกวน้อยกว่าภาคอื่นๆ มีปลูกมากในจังหวัดสุราษฎร์ธาน ฤดูปลูก มันแกวชอบอากาศค่อนข้างร้อน มีฝนปานกลางในสภาพอากาศที่หนาว ระยะการเจริญ เติบโตจะยาวนานในการผลิตหัวต้องการวันสั้น ระยะการเจริญเติบโตจะยาวนานในการผลิตหัวต้องการ วันสั้น ถ้าปลูกในฤดูที่มีวันยาวที่ได้รับแสงแดด 14-15 ชั่วโมง การเจริญเติบโตดี แต่ไม่ผลิตหัวควรปลูก ในระยะต้นฝนถึงปลายฤดูฝน เพื่อเก็บหัวในฤดูแล้ง ถ้าปลูกฤดูแล้ง หลังจากฝนหมดแล้ว จะมีหัวในเวลา ไม่นานนัก เช่น ปลูกเดือนพฤศจิกายน จะเก็บหัวได้ในราวเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ แต่จะได้หัวเล็ก ดังนั้น เพื่อให้ได้มันแกวหัวโตควรปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน

การเตรียมที่ปลูก มันแกวชอบดินร่วนทรายที่มีการระบายน้ำดีมีการเตรยมดินดี ไม่ชอบดินเหนียว ไม่ชอบน้ำขัง ชอบดินร่วนทราย การเตรียมดินก็เหมือนกับการปลูกพืชไร่อื่นๆ มีการไถพรวนเพื่อให้ดินร่วนโปร่ง เก็บวัชพืชออกให้หมด และยกร่องเพื่อปลูกมันแกวบนสันร่อง วิธีปลูก ปลูกด้วยเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ มีบางครั้งปลูกโดยใช้หัวเพื่อรักษาลักษณะที่ดีไว้ ปลูกหลุมละ 2 เมล็ด ในบางประเทศปลกู โดยใชร้ ะยะระหวา่ งแถว 60-75 ซม. ระยะระหว่างหลุม 30-40 ซม. อนิ เดยี และฟิลิปปินส์ ใช้ระยะระหว่างต้น 10 ซม. ระหว่างแถว 15-20 ซม. มีรายงานจากผลการทดลองแนะนำให้ใช้ระยะระหว่าง แถว 80-100 ซม. ระหวา่ งต้นแตกต่างกนั ไปชนดิ หวั เล็กต้นห่างกนั 10-20 ซม. ชนดิ หัวใหญห่ า่ งกัน 30-50ซม. ถ้าไม่ยกร่อง ระยะระหว่างแถวแคบกว่านี้เล็กน้อย เนื้อที่ปลูก 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 8 กก.หรือ ประมาณครึ่งถัง การพรวนดิน ถ้าปลูกฤดูฝน ควรพรวนดินพร้อมกับกำจัดวัชพืชไม่ให้วัชพืชขึ้นมาปกคลุมต้นมันแกว ปกติต้องกำจัดวัชพืช 2-3 ครั้ง การเด็ดยอด การปลูกมันแกวในฤดูฝนนั้น จำเป็นต้องเด็ดยอดและดอกถ้าไม่เด็ด มันแกวจะเจริญเติบโตทางตัน ใบ ดอก ฝัก ทำให้มัหัวเล็ก การเด็ดยอดและดอกจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ - ถ้าปลูกต้นฤดูฝนในราวเดือนมิถุนายน ทำการเด็ดยอด 3 ครั้ง ครั้งแรกอายุ 2 เดือนขณะที่เถายาว ประมาณ 1-1.5 เมตร ครั้งที่สอง อายุประมาณ 3 เดือน และครั้งที่สามยุประมาณ 4 เดือน หรือจะเด็ดเพียง 2 ครั้ง เมื่ออายุ 2 กับ 4 เดือนก็ได้ - ถ้าปลูกปลายฝน เด็ดยอดครั้งเดียวก็พอ - แต่ถ้าปลูกหลังฤดูฝน ไม่ต้องทำการเด็ดยอดเลย การปลูกมันแกวเพื่อเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ ไม่ต้องทำการเด็ดยอดและดอก ปล่อยให้เจริญเติบโตตาม ปกติ เพื่อให้ได้เมล็ดมาก และเมล็ดมีคุณภาพดี ในทางปฏิบัติ เกษตรกรจะเด็ดยอดโดยการใช้ไม้คล้าย ไม้เรียว หวดให้ยอดขาด หรือหักไม่ให้ยอดเจริญเติบโตต่อไป การใส่ปุ๋ย ส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมัก ใส่ได้เรื่อยๆ ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของ ดินใส่ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต หลุมละ 1 ช้อนแกง ใส่พร้อมการหยอดเมล็ดพันธุ์และหว่านปุ๋ยเคมีสูตร 12-24- 12 หรือ 15-15-15 อีก 20-30 กก./ไร่ เมื่อต้นมันแกวเริ่มเลื้อย

โรคและแมลง ไม่ค่อยมีโรคที่รบกวนต้นมันแกวมากนัก ส่วนแมลงจะมีเพลี้ยอ่อนดูดกินน้ำเลี้ยง แต่พบไม่มาก การเก็บเกี่ยวและเก็บรักษาหลังเก็บเกี่ยว มันแกวที่ปลูกฤดูฝนจะแก่เมื่ออายุประมาณ 5-8 เดือน แต่ถ้าจะเก็บเมล็ดต้องใช้เวลาประมาณ 10 เดือน ให้สังเกตดูใบมันแกว เมื่อใบเปลี่ยนสีเหลืองแสดงว่าเริ่มเก็บหัวได้แล้ว มันแกวชนิดหัวเล็กปลูกหลัง ฤดฝู น เก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 3 เดือน ถ้าปลูกน้อย เกบ็ โดยการขดุ ดว้ ยจอบถา้ ปลกู มากอาจใชไ้ ถพลิกหัวมันแกว ขึ้นมา เมื่อเก็บหัวมาแล้วล้างน้ำให้สะอาด แล้วส่งตลาดหรือเก็บรักษาไว้ต่อไปผลผลิตในพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะได้หัวมันแกวสดประมาณ 3-5 ตัน การเก็บรักษามันแกวทดี่ วี ธิ ีหนง่ึ คอื ถา้ ราคายงั ไม่ดี ยังไม่ขดุ ขน้ึ จากดิน วิธีนจ้ี ะสามารถทิ้งหวั มนั แกว ไวใ้ นดนิ ไดอ้ กี ประมาณ 2-3 เดอื น โดยไมใ่ หน้ ำ้ หวั จะไมเ่ สยี หายเพยี งแตแ่ หง้ ไปบา้ งและจะมรี สหวานมากขน้ึ ถ้าขุดขึ้นมาแล้วควรเก็บรักษาหัวมันแกวไว้ในที่ร่ม อุณหภูมิระหว่าง 12-16 องศาเซลเซียส มีไม่ปูรองพื้น และมีหลังคากันฝน จะเก็บได้นาน 1-2 เดือน การปลูกมันแกวยักษ์ หรือมันแกวหัวโต 1. ประมาณเดือนพฤษภาคม เกษตรกรควรเตรียมดินหลังจากไถดะโดยพลิกหน้าดินตากแดด ประมาณ 1 สัปดาห์จากนั้นใช้ผานหน้า 3 ไถแปรปรับหน้าดินไถยกร่องเป็นลักษณะรูปสามเหลี่ยม ฐานกว้าง 1.2 เมตร (ต้องใส่ปุ๋ยมูลสัตว์แห้งตั้งแต่ช่วงแรกของการเตรียมดินด้วย) 2. นำเมล็ดพันธุ์มันแกวหยอดบนสันสามเหลี่ยมหลุมละ 2 เมล็ด ห่างกันหลุมละ 1 คืบ (15 เซนติเมตร) ปล่อยทิ้งไว้เพื่อรอฝน ถ้าฝนตกลงมา ประมาณครึ่งเดือน ต้นมันแกวจะเริ่มงอก 3. ตรวจดูแต่ละหลุม แล้วถอนต้นมันแกวที่ไม่แข็งแรงออก ให้เหลือหลุมละ 1 ต้น 4. หลังจากมันแกวโตขึ้น ต้นอายุ 1เดือน ให้ตัดยอดเหนือข้อที่ 1 ออกไม่นานมันแกวจะแตกออก เป็นหลายยอด และอีก 1 เดือนให้ตัดยอดเหนือข้อที่ 2 และจะต้องตัดยอดทุกเดือน เดือนละครั้ง อีก ประมาณ 6-7 ครั้ง เพื่อไม่ให้เถามันแกวเลื้อย ตัดให้เป็นพุ่มทรงเตี้ยๆ เพื่อให้ต้นสมบูรณ์ ช่วงลงหัวนี้ ถ้ามีดอกและฝักอยู่บนต้น จะทำให้หัวไม่โต เนื่องจากอาหารส่วนหนึ่งต้องส่งไปเลี้ยงดอกและฝักนั่นเอง 5. หลังจากนั้น ต้นมันแกวจะเริ่มออกดอก ให้ตัดยอดมันแกวอีก 2 ครั้ง หากไม่ตัด ปล่อยให้ออก ช่อดอกแล้วหัวมันแกวจะเล็กและฝ่อ 6. ช่วงที่ปลูกมันแกวได้ 3 เดือน ต้องใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ประมาณ 20-30 กิโลกรัม/ไร่ เพื่อบำรุงต้น และใบหลังจากมันแกวเริ่มลงหัว ต้องใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-16 อีก 20-30 กิโลกรัม/ไร่ โดยการใส่ปุ๋ยครั้งหลัง นี้ ใช้เวลาห่างจากใส่ครั้งแรก 1 เดือน 7. ประมาณเดือนธันวาคม จะขุดมันแกวออกมาขายได้และขุดได้นานถึงเดือนเมษายน ขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเทคนิคที่เกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติได้ เพียงแค่มีพื้นที่ ปลูก และสภาพดินจะต้องเป็นดินดำและร่วนซุย รวมทั้งการใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมักจึงจะทำให้ผลผลิต ที่ได้มีคุณภาพดี และหัวโต

การเตรียมดิน เตรียมดินให้ร่วนซุยมากที่สุด ใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยอินทรีย์ หว่านก่อนปลูก - ดัดแปลงร่องทางเดินข้างสันลูกฟูกให้ร่องลาดเทจากสูงไปต่ำ สำหรับปล่อยน้ำ ผสมสารสกัดสมุนไพร ให้น้ำเข้าไปขังในร่องทางเดินได้นาน 2-3 สัปดาห์ เพื่อรักษาดินแปลงปลูกไม่ให้ แห้งเกินไป ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 1-1.2 เมตร - ติดตั้งระบบสปริงเกอร์ให้สูงกว่ายอดเถามันแกว 30-50 ซม. สำหรับให้น้ำ, น้ำสารอาหาร หรือ สารสกัดสมุนไพรเป็นการเพิ่มคุรภาพหัวมันแกว และประหยัดทั้งเวลาและแรงงานอีกด้วย - ให้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่เจือจางแล้วสัปดาห์ละครั้ง - ให้ปุ๋ยคอกแห้ง เพื่อบำรุงผิว เดือนละครั้ง หรือใส่ได้เรื่อยๆ หลังจากเริ่มลงหัวลงแล้ว วิธีปลูก 1. ระยะต้นเล็ก การให้ปุ๋ยทางใบ - ให้น้ำในอัตรา น้ำ 100 ลิตร ผสมปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือ สารสกัดสมุนไพร ทุกสัปดาห์ ฉีดพ่นให้เปียก โชกทั้งใต้ใบและบนใบ ฉีดลงถึงพื้นพอให้หน้าดินชื้น ทำในช่วงเช้ามืด การให้ปุ๋ยทางราก - ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1-2 กก./ไร่ ทุก 15-20 วัน - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 2 วัน หรือตามสภาพอากาศ หมายเหตุ - เริ่มให้เมื่ออายุต้นได้ 1 เดือน หลังปลูก หรือมีใบแตกใหม่ 2-3 ใบ - ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมักใส่ได้เรื่อยๆ 2. ระยะลงหัว-เก็บเกี่ยว การให้ปุ๋ยทางใบ - ให้น้ำในอัตรา น้ำ 100 ลิตรผสมปุ๋ยเกล็ด สูตร 5-10-40 อัตรา 400 กรัม ผสมธาตุอาหารรอง/ ธาตุอาหารเสริม 100 ซีซี.+สังกะสีคีเลต 50 กรัม+แคลเซียมโบรอน 100 ซีซี.+สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 15-20 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุกสัปดาห์ การให้ปุ๋ยทางราก - ให้ปุ๋ยเกล็ดสูตร 5-10-40 (1-2 กก)./ไร่ 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน ด้วยการละลายน้ำใส่ถังสะพายฉีด โคนต้น หรือใช้ปุ๋ย 15-15-15 ประมาณ 20-3. กก./ไร่ หว่านให้กระจายรอบต้น แล้วรดน้ำตาม - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 2 วัน หรือตามสภาพอากาศ หมายเหตุถ้าหาปุ๋ยเกล็ดสูตร 5-10-40 ไม่ได้ แนะนำให้ใช้ปุ๋ย 8-24-24 จำนวน 2 กิโลกรัมผสมกับปุ๋ย 0-0-60 จำนวน 1 กิโลกรัม ผสมให้เข้ากัน (อัตรา 2:1) จะมีค่าใกล้เคียงกับปุ๋ยเกล็ด 5-10-40 ในปริมาณ 3 กิโลกรัม และนำไปใช้ได้ตามอัตราที่แนะนำ

การปลูกมันแกวแซมในสวนยางพารา เกษตรกรรายย่อยที่มีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ กลัวว่าเมื่อปลูกยางแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาตั้ง 6-7 ปี จึงจะ ได้รับผลผลิตในระหว่างเวลาที่ยางยังไม่ให้ผลผลิต จะไม่มีดินที่จะปลูกพืชไร่หรือปลูกพืชระยะสั้นที่เป็น รายได้หลักของครอบครัว การปลูกมันแกวเป็นพืชแซมในระหว่างแถวยาง มีวิธีการดังนี้ มันแกว ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินก็เช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่อื่นๆ ไถพรวนแล้วเก็บวัชพืชออกให้หมด และควรทำร่องเพื่อปลูกมันแกวบนสันร่อง ระยะปลูก ใน 1 ร่อง ปลูกแถวคู่ระยะห่าง 20 ซม. ระยะระหว่างแถว 80-100 ซม. วิธีปลูก ปลูกด้วยเมล็ดหลุมละ 2 เมล็ด ในฤดูฝนควรพรวนดินกำจัดวัชพืชไม่ให้ปกคลุมต้นมันแกว การเด็ดยอดหรือตัดยอดการปลูกในฤดูฝนจำเป็นต้องเด็ดยอดและดอก ถ้าไม่เด็ด มันแกวจะเจริญเติบโต ทางต้น ใบ ดอก และติดฝัก ทำให้มีหัวเล็ก ถ้าปลูกต้นฤดูฝน (เดือนมิถุนายน) จะต้องเด็ดประมาณ 3 ครั้ง • ครั้งที่ 1 เมื่อปลูกได้ 2 เดือน • ครั้งที่ 2 เมื่อปลูกได้ 3 เดือน • ครั้งที่ 3 เมื่อปลูกได้ 4 เดือน แต่ถ้าปลูกปลายฤดูฝนเด็ดยอดครั้งเดียวก็พอ การใส่ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมัก ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ ละแห่ง แต่ใส่ได้เรื่อยๆ จะมีการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หลุมละ 1 ช้อนแกง ใส่พร้อมการหยอดเมล็ด พันธุ์ และหว่านปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 15-15-15 อีก 20-30 กก./ไร่ เมื่อต้นมันแกวเริ่มเลื้อยมันแกว ที่ปลูกในฤดูฝน จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนที่ 6-8 โดยให้สังเกตดูว่าใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก็แสดงว่า เริ่มเก็บหัวได้แล้ว คุณค่าอาหาร มันแกว 100 กรัม ให้พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย น้ำ 90.5 กรัม โปรตีน 0.9 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 16 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.03 มิลลิกรัม ไนอะซิน 3.0 มิลลิกรัม และวิตามินซี 9 มิลลิกรัม รสหวานของมันแกวนั้นมาจาก น้ำตาลโอลิโกฟรุคโตส ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถเผาผลาญได้ ดังนั้น มันแกวจึงเหมาะเป็นอาหาร สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ส่วนที่ใช้เป็นประโยชน์ของมันแกว หัวของมันแกว (รากแก้ว) เป็นส่วนที่ใช้รับประทานมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อน เนื้อภายในมีสีขาว เมื่อเคี้ยวรู้สึกกรอบรสหวานเล็กน้อย โดยทั่วไปจะรับประมาณสดๆ ไม่แนะนำให้จิ้มกับพริกเกลือ และสามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวานอีกด้วย หัวเล็กๆ หรือเศษของหัวใช้เลี้ยงสัตว์ ใบ นำมาสับให้ละเอียด ตากให้แห้งนำไปรองก้นหลุมปลูกพืชผักต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงที่ทำลายส่วน พืชผักที่อยู่ในดิน การทำสารฆ่าแมลงจากเมล็ดมันแกว ในเมลด็ แก่ของมนั แกวนนั้ จะมีสารท่เี ปน็ พิษตอ่ แมลง ซ่งึ เป็นพิษทางการสัมผสั และกระเพาะอาหาร มีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงศัตรูพืช ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช วิธีทำ : ใช้เมล็ดมันแกว จำนวน 0.5 กิโลกรัม บดให้ละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าขาวบางแช่ในน้ำ 5 ปี๊บ แช่ทิ้งไว้นาน 1-2 วัน จากนั้นจึงกรองเอาแต่น้ำ ใช้ฉีดพ่นในแปลงพืชผัก ผลไม้ เมื่อจะใช้ต้องผสมน้ำอีก 5 เท่าตัว

การปลูกมันแกวแซมในสวนยางพารา เกษตรกรรายย่อยที่มีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ กลัวว่าเมื่อปลูกยางแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาตั้ง 6-7 ปี จึงจะ ได้รับผลผลิตในระหว่างเวลาที่ยางยังไม่ให้ผลผลิต จะไม่มีดินที่จะปลูกพืชไร่หรือปลูกพืชระยะสั้นที่เป็น รายได้หลักของครอบครัว การปลูกมันแกวเป็นพืชแซมในระหว่างแถวยาง มีวิธีการดังนี้ มันแกว ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินก็เช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่อื่นๆ ไถพรวนแล้วเก็บวัชพืชออกให้หมด และควรทำร่องเพื่อปลูกมันแกวบนสันร่อง ระยะปลูก ใน 1 ร่อง ปลูกแถวคู่ระยะห่าง 20 ซม. ระยะระหว่างแถว 80-100 ซม. วิธีปลูก ปลูกด้วยเมล็ดหลุมละ 2 เมล็ด ในฤดูฝนควรพรวนดินกำจัดวัชพืชไม่ให้ปกคลุมต้นมันแกว การเด็ดยอดหรือตัดยอดการปลูกในฤดูฝนจำเป็นต้องเด็ดยอดและดอก ถ้าไม่เด็ด มันแกวจะเจริญเติบโต ทางต้น ใบ ดอก และติดฝัก ทำให้มีหัวเล็ก ถ้าปลูกต้นฤดูฝน (เดือนมิถุนายน) จะต้องเด็ดประมาณ 3 ครั้ง • ครั้งที่ 1 เมื่อปลูกได้ 2 เดือน • ครั้งที่ 2 เมื่อปลูกได้ 3 เดือน • ครั้งที่ 3 เมื่อปลูกได้ 4 เดือน แต่ถ้าปลูกปลายฤดูฝนเด็ดยอดครั้งเดียวก็พอ การใส่ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมัก ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ ละแห่ง แต่ใส่ได้เรื่อยๆ จะมีการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หลุมละ 1 ช้อนแกง ใส่พร้อมการหยอดเมล็ด พันธุ์ และหว่านปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 15-15-15 อีก 20-30 กก./ไร่ เมื่อต้นมันแกวเริ่มเลื้อยมันแกว ที่ปลูกในฤดูฝน จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนที่ 6-8 โดยให้สังเกตดูว่าใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก็แสดงว่า เริ่มเก็บหัวได้แล้ว คุณค่าอาหาร มันแกว 100 กรัม ให้พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย น้ำ 90.5 กรัม โปรตีน 0.9 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 16 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.03 มิลลิกรัม ไนอะซิน 3.0 มิลลิกรัม และวิตามินซี 9 มิลลิกรัม รสหวานของมันแกวนั้นมาจาก น้ำตาลโอลิโกฟรุคโตส ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถเผาผลาญได้ ดังนั้น มันแกวจึงเหมาะเป็นอาหาร สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ส่วนที่ใช้เป็นประโยชน์ของมันแกว หัวของมันแกว (รากแก้ว) เป็นส่วนที่ใช้รับประทานมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อน เนื้อภายในมีสีขาว เมื่อเคี้ยวรู้สึกกรอบรสหวานเล็กน้อย โดยทั่วไปจะรับประมาณสดๆ ไม่แนะนำให้จิ้มกับพริกเกลือ และสามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวานอีกด้วย หัวเล็กๆ หรือเศษของหัวใช้เลี้ยงสัตว์ ใบ นำมาสับให้ละเอียด ตากให้แห้งนำไปรองก้นหลุมปลูกพืชผักต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงที่ทำลายส่วน พืชผักที่อยู่ในดิน การทำสารฆ่าแมลงจากเมล็ดมันแกว ในเมลด็ แก่ของมนั แกวนนั้ จะมีสารท่เี ปน็ พิษตอ่ แมลง ซ่งึ เป็นพิษทางการสัมผสั และกระเพาะอาหาร มีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงศัตรูพืช ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช วิธีทำ : ใช้เมล็ดมันแกว จำนวน 0.5 กิโลกรัม บดให้ละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าขาวบางแช่ในน้ำ 5 ปี๊บ แช่ทิ้งไว้นาน 1-2 วัน จากนั้นจึงกรองเอาแต่น้ำ ใช้ฉีดพ่นในแปลงพืชผัก ผลไม้ เมื่อจะใช้ต้องผสมน้ำอีก 5 เท่าตัว

การปลูกมันแกวแซมในสวนยางพารา เกษตรกรรายย่อยที่มีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ กลัวว่าเมื่อปลูกยางแล้ว ต้องใช้ระยะเวลาตั้ง 6-7 ปี จึงจะ ได้รับผลผลิตในระหว่างเวลาที่ยางยังไม่ให้ผลผลิต จะไม่มีดินที่จะปลูกพืชไร่หรือปลูกพืชระยะสั้นที่เป็น รายได้หลักของครอบครัว การปลูกมันแกวเป็นพืชแซมในระหว่างแถวยาง มีวิธีการดังนี้ มันแกว ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินก็เช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่อื่นๆ ไถพรวนแล้วเก็บวัชพืชออกให้หมด และควรทำร่องเพื่อปลูกมันแกวบนสันร่อง ระยะปลูก ใน 1 ร่อง ปลูกแถวคู่ระยะห่าง 20 ซม. ระยะระหว่างแถว 80-100 ซม. วิธีปลูก ปลูกด้วยเมล็ดหลุมละ 2 เมล็ด ในฤดูฝนควรพรวนดินกำจัดวัชพืชไม่ให้ปกคลุมต้นมันแกว การเด็ดยอดหรือตัดยอดการปลูกในฤดูฝนจำเป็นต้องเด็ดยอดและดอก ถ้าไม่เด็ด มันแกวจะเจริญเติบโต ทางต้น ใบ ดอก และติดฝัก ทำให้มีหัวเล็ก ถ้าปลูกต้นฤดูฝน (เดือนมิถุนายน) จะต้องเด็ดประมาณ 3 ครั้ง • ครั้งที่ 1 เมื่อปลูกได้ 2 เดือน • ครั้งที่ 2 เมื่อปลูกได้ 3 เดือน • ครั้งที่ 3 เมื่อปลูกได้ 4 เดือน แต่ถ้าปลูกปลายฤดูฝนเด็ดยอดครั้งเดียวก็พอ การใส่ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกแห้งและปุ๋ยหมัก ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ ละแห่ง แต่ใส่ได้เรื่อยๆ จะมีการใช้ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หลุมละ 1 ช้อนแกง ใส่พร้อมการหยอดเมล็ด พันธุ์ และหว่านปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 15-15-15 อีก 20-30 กก./ไร่ เมื่อต้นมันแกวเริ่มเลื้อยมันแกว ที่ปลูกในฤดูฝน จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนที่ 6-8 โดยให้สังเกตดูว่าใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก็แสดงว่า เริ่มเก็บหัวได้แล้ว คุณค่าอาหาร มันแกว 100 กรัม ให้พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย น้ำ 90.5 กรัม โปรตีน 0.9 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 16 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.03 มิลลิกรัม ไนอะซิน 3.0 มิลลิกรัม และวิตามินซี 9 มิลลิกรัม รสหวานของมันแกวนั้นมาจาก น้ำตาลโอลิโกฟรุคโตส ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถเผาผลาญได้ ดังนั้น มันแกวจึงเหมาะเป็นอาหาร สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ส่วนที่ใช้เป็นประโยชน์ของมันแกว หัวของมันแกว (รากแก้ว) เป็นส่วนที่ใช้รับประทานมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อน เนื้อภายในมีสีขาว เมื่อเคี้ยวรู้สึกกรอบรสหวานเล็กน้อย โดยทั่วไปจะรับประมาณสดๆ ไม่แนะนำให้จิ้มกับพริกเกลือ และสามารถนำไปประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวานอีกด้วย หัวเล็กๆ หรือเศษของหัวใช้เลี้ยงสัตว์ ใบ นำมาสับให้ละเอียด ตากให้แห้งนำไปรองก้นหลุมปลูกพืชผักต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงที่ทำลายส่วน พืชผักที่อยู่ในดิน การทำสารฆ่าแมลงจากเมล็ดมันแกว ในเมลด็ แก่ของมนั แกวนนั้ จะมีสารท่เี ปน็ พิษตอ่ แมลง ซ่งึ เป็นพิษทางการสัมผสั และกระเพาะอาหาร มีประสิทธิภาพในการฆ่าแมลงศัตรูพืช ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช วิธีทำ : ใช้เมล็ดมันแกว จำนวน 0.5 กิโลกรัม บดให้ละเอียด แล้วห่อด้วยผ้าขาวบางแช่ในน้ำ 5 ปี๊บ แช่ทิ้งไว้นาน 1-2 วัน จากนั้นจึงกรองเอาแต่น้ำ ใช้ฉีดพ่นในแปลงพืชผัก ผลไม้ เมื่อจะใช้ต้องผสมน้ำอีก 5 เท่าตัว

------------------------------เรียบเรยี ง------------------------------ กลมุ่ สื่อส่งเสรมิ การเกษตร กรมสง่ เสริมการเกษตร ------------------------------ภาพ------------------------------ พงษ์ศักดิ์ แก้วศรี สถานีวจิ ยั ลำตะคอง กอ้ งเกยี รติ สขุ เกษม ฝ่ายโสตทศั นปู กรณ์ กรมสง่ เสริมการเกษตร -------------------จัดทำเปน็ หนงั สืออิเล็กทรอนกิ ส์------------------- ศนู ยว์ ทิ ยบริการเพ่อื สง่ เสรมิ การเกษตร สำนกั พัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร โทร. 0-2579-5517 E-Mail: [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook