Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิริยบารมี หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

วิริยบารมี หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Description: วิริยบารมี หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก

Search

Read the Text Version

ดูก่อนแม่เทพธิดา ท่านได้เห็นผลของความพยายาม ประจกั ษแ์ กต่ าทา่ นแล้วไมใ่ ช่หรือว่า คนที่มากบั เรอื ไดจ้ มน้�ำตาย หายไปในมหาสมทุ รหมด เหลอื เราเพยี งคนเดยี วเทา่ นนั้ ทพี่ ยายาม ว่ายอยู่ จึงรอดตายไดเ้ ห็นหนา้ แม่เทพธิดาอยู่บดั นี้ ดกู อ่ นแมเ่ ทพธดิ า เราจกั ตอ้ งพยายามท�ำความเพยี รอยา่ งที่ ลูกผชู้ ายควรท�ำไปจนสดุ ก�ำลงั เพื่อข้ามใหถ้ งึ ฝั่งจนได้” นางมณเี มขลา ไดฟ้ งั ถอ้ ยค�ำของพระมหาชนก ก็เกดิ ความ เล่อื มใส กล่าวสรรเสริญวา่ “ท้องมหาสมุทรทั้งลึกทั้งกว้างใหญ่ไพศาล แต่ท่านก็ พยายามจะว่ายขา้ มไปให้ถงึ ฝง่ั สมเป็นลกู ผูช้ าย ขอท่านจงไปถงึ สถานท่สี มควรปรารถนาเถดิ ” ครน้ั แลว้ นางมณเี มขลากอ็ มุ้ พระมหาชนกเหาะไปในอากาศ พาไปวางไว้ในสวนมะม่วงเมืองมิถลิ า เม่ือไปถึง พระเจ้าโปลชนกสวรรคตไปแล้ว ๗ วัน เหล่า อ�ำมาตยป์ รึกษากันเพื่อจะหาคนมาครองราชสมบตั แิ ทน 47

ด้วยเหตุท่ีพระเจ้าโปลชนกมีพระราชธิดาเพียงองค์เดียว ไม่มีพระราชโอรสที่จะสืบต่อครองราชสมบัติ หมู่อ�ำมาตย์จึงได้ เสี่ยงบุษยราชรถเพ่ือหาคนมีบุญมาครองมิถิลานคร บุษยราชรถ กว็ ิ่งไปหยดุ อยตู่ รงหน้าพระมหาชนกทีป่ ระทับในสวนหลวง บรรดาอ�ำมาตยจ์ งึ เชญิ พระมหาชนกเขา้ สเู่ มอื งหลวง ทดลอง ปญั ญาดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ จนเปน็ ท่ีพอใจ พระมหาชนกไดแ้ สดง พระปรชี าสามารถ ให้ผคู้ นไดเ้ ห็นประจกั ษ์ เกดิ ศรทั ธาในตัวพระองค์ จึงไดเ้ ป็นพระมหากษตั ริย์ ครองมิถลิ านคร ปกครองพสกนกิ ร ใหไ้ ดร้ บั ความรม่ เย็น เป็นสขุ สบื ต่อมา พระองค์ทรงสร้างโรงทาน ๖ แห่ง ทรงบริจาคมหาทาน เป็นประจ�ำ โปรดให้เชิญพระราชมารดา และพราหมณ์ปุโรหิต ผู้เคยเลี้ยงดูพระองค์มาจากจัมปากนคร ทรงอุปถัมภ์บ�ำรุงท่าน ทงั้ สองใหส้ ุขกายสขุ ใจตลอดมา น่ีแหละลกู ลดา ตวั อยา่ งของทา่ นทีบ่ �ำเพญ็ ความเพียรหรอื ทีเ่ รียกกันว่า “วริ ยิ บารมี” แมช้ วี ติ ก็ตอ้ งยอมสละ คนทท่ี �ำความ เพียรอยา่ งย่งิ ยวดจะไมย่ อมตายง่าย ๆ 48

อยา่ งพระมหาชนกถงึ แมว้ า่ จะมองไมเ่ หน็ ฝัง่ กย็ งั พยายามวา่ ยนำ�้ ตลอดเวลาตราบเทา่ ท่ี ยังมกี �ำลังเรี่ยวแรงอยู่ ไมย่ อมงอมอื งอเทา้ รอความตาย จนในทส่ี ุดก็ไดร้ ับผลของความเพยี รท่ตี นเองได้กระท�ำไว้ ลกู ลดากเ็ หมอื นกนั ลกู จะทอ้ ถอยตอ่ ชะตาชวี ติ ไมไ่ ด้ จะตอ้ ง มคี วามเขม้ แขง็ เราเกดิ เปน็ คนจะตอ้ งใชค้ วามรอบคอบ ใชป้ ญั ญา ท่มี ีอยู่น�ำมาพฒั นาชวี ติ ของเราให้ได้ ต้องพยายามท�ำความเพียร ด้วยการศึกษาเลา่ เรียนหนังสอื ใหม้ ากเขา้ ไว้ เพือ่ ผลส�ำเรจ็ ในชวี ติ ภายภาคหน้าของลกู เอง สดุ ทา้ ยนี้ แม่ขอใหล้ ูกลดาไดพ้ จิ ารณาน�ำหลักธรรมในเรื่อง ของพระมหาชนกไปเทยี บเคยี งใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนก์ บั ตวั เอง เพอ่ื ความสุขความเจริญของตวั ลกู ลดาเอง รักลกู ลดามากท่ีสุดในโลก แม่ 49

ประเทศไทย ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ กราบเท้าคุณแมท่ ีเ่ คารพรักอยา่ งสูง ลูกลดาได้รับจดหมายของคุณแม่แล้วค่ะ จดหมายของ คุณแม่ฉบับน้ีมีความหมายส�ำหรับหนูมาก เพราะเมื่อหนูได้อ่าน แลว้ ท�ำใหห้ นูมีพลงั ที่จะต่อสกู้ บั ชะตาชวี ติ ยิ่งข้ึน ความเพียรพยายาม เกิดเป็นคน ไมไ่ ด้พดู ให้คนเพอ้ ฝนั ตอ้ งอดทน แบบลม ๆ แล้ง ๆ เพียรทำ� ความดนี ะ หรอื หาถอ้ ยค�ำที่ สละสลวยมาพรรณนากัน สาธคุ ่ะ แต่เป็นเครอ่ื งยนื ยนั ได้ว่า อยา่ งนอ้ ยกม็ ีพระมหาชนก ท่านหน่ึงทีใ่ ช้ไดผ้ ลส�ำเรจ็ และยากทใี่ ครจะท�ำอย่างนนั้ ได้ดว้ ย นา่ คดิ วา่ ถา้ คนเราท�ำอยา่ งจรงิ จงั ไมว่ า่ ท�ำอะไรกต็ อ้ งส�ำเรจ็ แนน่ อน หนูได้อ่านเรื่องวิริยบารมีของพระมหาชนกบ�ำเพ็ญความ เพยี รอยา่ งสดุ ชวี ติ ดว้ ยการวา่ ยนำ�้ อยกู่ ลางทะเลหลวง แมจ้ ะมอง ไม่เห็นฝงั่ กต็ าม น่ีถา้ เปน็ คนอน่ื กค็ งตายไปพรอ้ มกบั พอ่ ค้า ๗๐๐ คนนั้นแลว้ 50

หนคู ดิ วา่ ถา้ ใครไดอ้ า่ นเรอื่ งพระมหาชนกทสี่ รา้ งวริ ยิ บารมี แลว้ คงจะมคี วามมงุ่ มนั่ มกี �ำลงั ใจทจี่ ะตอ่ สชู้ วี ติ อกี มากเลยทเี ดยี ว คนเราถ้าไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่เกิดขึ้น มุ่งมั่น พากเพยี รท�ำหน้าทกี่ ารงานจนสุดชีวิตแลว้ กจ็ ะประสบผลส�ำเรจ็ เหมอื นพระมหาชนก ในกรณีของพระมหาชนก ใครจะคิดบ้างว่า ผู้ท่ีเกิดเป็น ลูกหลานกษัตริย์ซึ่งน่าจะอยู่ดีมีสุข หรือเกิดเป็นชาวบ้านไม่ว่า รวยหรอื จน ตา่ งกต็ อ้ งประสบกบั ชะตาชวี ติ ไปตามกฎของสจั ธรรม คตธิ รรมในเรอ่ื งของพระมหาชนก ทคี่ ณุ แมส่ นใจอา่ นคน้ ควา้ แล้วน�ำมาปฏิบัติ พร้อมกับถ่ายทอดให้หนูท�ำตามด้วย ก็คงจะ น�ำประโยชนม์ าใหค้ ณุ แมต่ ้ังตวั ได้ และหนกู ็คงต้งั หนา้ ต้ังตาเรยี น หนังสอื เพ่อื ใหค้ ณุ แมส่ มความปรารถนาในที่สดุ คุณแม่ขา หนูจะยึดหลักความเพียรในเรื่อง “วิริยบารมี” ไปปฏบิ ัตใิ หเ้ กิดผลกบั ชวี ิตของหนใู หไ้ ด้ หนูจะจ�ำใสใ่ จไวเ้ สมอวา่ ทกุ ส่ิงในโลกน้ี ไม่มีอะไรจะเกินปญั ญาของคนได้ สุดท้ายน้ี หนูขอให้คุณแม่จงมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี เพ่ือตอ่ สกู้ ับงานคะ่ รกั คณุ แม่มากที่สดุ ในโลก ลูกลดา 51

ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. ในเรอื่ ง “วริ ยิ บารม”ี เป็นการสร้างบารมขี องใคร มีความเป็นมาอย่างไร ? ๒. ๓. ถา้ คนทั่วไปจะน�ำเอา ทา่ นคดิ วา่ ถา้ คนเราน�ำ “วิรยิ บารมี” ไปประพฤติ “วริ ิยบารม”ี ไปประพฤติ ปฏิบัตจิ ะเกดิ ผลดี ปฏบิ ัตกิ นั ทกุ คนจะส่งผล ต่อประเทศชาติอย่างไร ? อยา่ งไร ? 52

บ๕ทท่ี หลกั ธรรม ทอี่ ดุ หนุน วิริยบารมี ฉนั ทะ วิมงั สา วิริยะ จิตตะ ประเทศนิวซแี ลนด์ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ถึงลดาลกู รักของแม่ ลกู ลดา ลกู ไดเ้ ขยี นจดหมายมาบอกแมว่ า่ จดหมายฉบบั หลงั ทแ่ี มเ่ ขยี นถงึ เรอ่ื งคนทที่ �ำความเพยี ร คนทท่ี �ำ “วริ ยิ บารม”ี อยา่ งท่ี จะหาคนท�ำอยา่ งนน้ี นั้ แสนยาก ลกู ลดาบอกวา่ อา่ นแลว้ ซาบซงึ้ ใน การต่อสูช้ วี ติ ของ “พระมหาชนก” แลว้ ยังบอกอกี ว่าจะพยายาม น�ำส่ิงท่ีดี มีคุณค่า ส่ิงได้ผลเหล่านั้นไปลงมือปฏิบัติให้เกิดผล กบั ตัวเองอีก 53

ท�ำอยา่ งนนั้ ถกู ต้องแลว้ ลูกลดา เพราะค�ำสอนกค็ อื ค�ำสอน ถ้าเราไม่เอาไปปฏิบัติเอง ก็ไม่เกิดผลกับตัวเราเลย แถมยังจะ สูญหายไปเปลา่ ๆ ตัวอย่างท่ียกมา ก็เป็นผลของคนท่ีท�ำความดีจนได้รับผล ส�ำเรจ็ เขาท�ำใหเ้ กดิ ขน้ึ กับตัวเขา ส่วนตัวเราเพยี งไดย้ ินได้ฟังแต่ สง่ิ ท่ีดี ๆ เทา่ นน้ั แต่ยงั ไมเ่ กดิ ผลกับตัวเรา ถา้ เราตอ้ งการส่งิ ที่คนเคยท�ำ สาธขุ อให้ แลว้ ได้ผลอย่างนั้นบา้ ง สอบผา่ น เรากต็ อ้ งลงมือท�ำเอง ดว้ ยเถิด คนอน่ื หรือตวั แมเ่ อง ก็ได้แตบ่ อกใหร้ เู้ ทา่ น้นั สว่ นลกู ลดาจะไดผ้ ล กต็ ้องลงมอื ปฏบิ ตั เิ อง แมไ่ ดบ้ อกถงึ “วริ ยิ บารม”ี พรอ้ มทงั้ เลา่ เรอื่ ง“พระมหาชนก” ประกอบให้ลูกลดาได้รู้ไปส่วนหน่ึงแล้ว จดหมายฉบับนี้ แม่จึง มุ่งไปถึงหลักธรรมที่จะช่วยสนับสนุนให้การประกอบความเพียร ไดร้ บั ผลส�ำเรจ็ มากขนึ้ ถา้ ขาดหลกั ธรรมขอ้ น้ี ความส�ำเรจ็ กค็ งจะ เกิดได้ยาก การกระท�ำทุกอย่างนั้น ต้องอาศัยหลักธรรม ท่ีเรียกว่า “อทิ ธบิ าท” คุณเครอื่ งใหไ้ ด้รับความส�ำเรจ็ มี ๔ อย่าง คือ ๑. ฉนั ทะ ความพอใจ ๒. วริ ยิ ะ ความเพียร 54

๓. จิตตะ ความคดิ ๔. วิมงั สา ความไตรต่ รอง ๑. ฉันทะ ความพอใจทจ่ี ะท�ำการงานที่ตนเองต้งั ใจไวร้ ักที่ จะท�ำงาน รักงานที่ตนเองท�ำอยู่ เป็นธรรมท่ีท�ำให้ตนเองพอใจ ตัวเองชอบใจ ท�ำใจใหย้ อมรับเป็นอนั ดับแรก ใชป้ ญั ญาพจิ ารณา ถงึ ผลทจี่ ะได้ เมื่อรู้ว่าส่ิงท่ีท�ำจะให้ผลกับตัวเรา ก็ต้องปลูกฉันทะลงไป พรอ้ มกบั บ�ำรงุ ใหเ้ จรญิ งอกงามเปน็ ล�ำดบั เปน็ ลกั ษณะทเ่ี ตม็ ใจท�ำ พอใจในความตอ้ งการทจ่ี ะท�ำงาน ใฝใ่ จรกั จะท�ำในสงิ่ นน้ั อยเู่ สมอ และมีใจปรารถนาจะท�ำให้ไดผ้ ลมากข้ึน เราจะสังเกตด้วยตัวของเราเองก็ได้ ส่ิงใดท่ีเราชอบ เราก็ จะท�ำด้วยความเต็มใจ อยากจะท�ำและจะขืนท�ำให้ได้ เพราะส่ิง เหลา่ นั้นเราพอใจนน่ั เอง เชน่ ลกู ลดาอยากสอบ ไดค้ ะแนนดี ๆ กม็ ีความพอใจท่ีจะ ดูหนังสือ ไม่ว่าอยู่ ท่ีบ้านหรือท่โี รงเรียน ไม่ยอมเล่น ไม่ยอมไปไหน จะดูหนังสืออย่างเดียว น่เี ปน็ ลักษณะของความพอใจ 55

๒. วิริยะ ความเพียรประกอบในงานที่ท�ำ การที่เราจะท�ำ สงิ่ ใดสกั อย่างหน่งึ นอกจากจะชอบในส่ิงน้ันแลว้ ยงั ไมพ่ อ จะตอ้ งมคี วามเพียร เข้าไปก�ำกบั ในขณะทที่ �ำดว้ ย ท�ำใจใหจ้ ดจอ่ ตอ่ ส่ิงทีท่ �ำ ไมใ่ หห้ ายไปทางไหน เปน็ ลักษณะต้ังใจท�ำ ขยนั หม่นั เพยี รประกอบสง่ิ นั้น ดว้ ยความพยายาม เขม้ แขง็ อดทน เอาธุระ ไม่ทอ้ ถอย ๓. จติ ตะ ความคดิ เอาใจจดจอ่ ไมท่ อดทง้ิ สง่ จติ ใจใหอ้ ยกู่ บั ส่ิงท่ีท�ำ เม่ือท�ำงานสิ่งใดก็พยายามท�ำความเข้าใจ เป็นลักษณะ ต้งั ใจท�ำ ต้งั จิตรับรใู้ นส่ิงที่ท�ำ ท�ำด้วยความคดิ น�ำจติ ฝกั ใฝ่ ไม่ปลอ่ ยใจ ใหฟ้ ุ้งซา่ น เลอ่ื นลอยหายไป เช่น เมอ่ื เราดหู นังสอื ตาก็อยู่กบั หนังสอื แตใ่ จกลับคิดไป เรอื่ งอนื่ ไมร่ ขู้ อ้ ความในหนงั สอื จติ จดจอ่ กค็ อื ตาอยกู่ บั ตวั หนงั สอื แล้วจติ กอ็ ย่กู ับหนังสือดว้ ย การอ่านหนงั สือจงึ จะรูเ้ ร่ือง 56

๔. วิมังสา ความไตร่ตรองใช้ปัญญาพิจารณาถึงเหตุและ ผลท่จี ะได้จากสิ่งทต่ี นเองปรารถนา หมนั่ ใชป้ ญั ญาพินจิ พิจารณา ใคร่ครวญหาเหตผุ ล ค้นคดิ วธิ ีปรับปรุงให้ดีขนึ้ การท�ำสิง่ ใด จะตอ้ งมปี ัญญา เปน็ เครอ่ื ง ประกอบ ด้วยเสมอ ไมว่ ่าจะเป็นวิชา ความร้ทู ี่ได้เรียนมา จะต้องน�ำออกมาใช้ รู้จักงาน รู้จักขอบเขตของงาน รู้จักผลได้ผลเสีย หาวิธี ท�ำงานโดยใช้แรงน้อยท่ีสุด แต่ใช้ปัญญาให้มาก นี่แหละเป็น ลักษณะของคนที่ใช้ปัญญา ในการด�ำเนินชีวิตของคน จึงจ�ำเป็นต้องใช้ปัญญาความ รอบรู้โดยอาศัยการเรียน หรือประสบการณ์น�ำมาผสมผสานให้ มปี ัญญาขึ้นในตวั เอง คนทีจ่ ะพบ ความส�ำเรจ็ นั้น ทา่ นว่าตอ้ งมี ปัญญาในตวั 57

และทางทีจ่ ะน�ำปญั ญามาสูต่ วั เรามี ๓ ประการดว้ ยกนั คือ เข้าใจไหมคะ นักเรียน ๑. สตุ มยปญั ญา ปัญญาที่ไดด้ ว้ ยการฟัง เช่น ลูกลดาเรียน หนังสือในห้องเรียน ฟังคุณครูอธิบาย ฟังคุณครูสอน ฟังคุณครู แนะน�ำ หรือพูดคุยแลกเปล่ียนความรู้กัน ฟังการบรรยายทาง วชิ าการ เม่อื ไดฟ้ งั ส่งิ ทจ่ี ะเกิดปญั ญา ปัญญากเ็ ข้ามาสะสม เป็น ปัญญาของเราในทส่ี ุด 58

๒. จินตามยปัญญา ปัญญาที่ได้ด้วยการคิด ความคิดที่ กลั่นกรองดีแล้วในทางธรรม จะใช้หลกั โยนโิ สมนสกิ าร พจิ ารณา หาเหตุผลในทางท่ดี ีท่ีชอบมาปฏบิ ตั ิดว้ ยตวั เรา 59

๓. ภาวนามยปัญญา ปญั ญาท่ไี ด้ด้วยการอบรมจิต อบรม การกระท�ำ ค�ำทพี่ ดู จติ ทค่ี ดิ ใหป้ รากฏเหน็ จรงิ ถกู ตอ้ ง การอบรม เสมอ ๆ จะท�ำให้จิตมีสมาธมิ ากขน้ึ มีสติอยูก่ บั ตวั มากขน้ึ หลกั ธรรมเหล่าน้ี เป็นส่ิงที่ท�ำคนใหม้ คี วามเพียร ท�ำคนที่มี ความเพียรได้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี นเองต้ังไว้ และน�ำพาผล ที่ดีมาสูผ่ ู้ที่มคี วามเพยี ร 60

ลูกลดาก็เหมือนกัน ลูกลดาจะเรียนหนังสือให้ได้รับผล ส�ำเรจ็ ก็ต้องมอี ิทธบิ าทธรรมทจี่ ะท�ำให้ประสบความส�ำเร็จได้ แมท่ �ำงานทปี่ ระเทศนวิ ซแี ลนดใ์ กลจ้ ะครบปแี ลว้ และลกู ลดา ก็ใกล้จะจบประถมศึกษาปีท่ี ๔ แลว้ แสดงวา่ ทงั้ แม่ และลกู ลดา ได้ท�ำความเพยี รได้ระดบั หน่ึงเหมือนกัน แต่จดุ มงุ่ หมายต่างกัน แม่ท�ำงานเพอ่ื สร้างฐานะ ความเป็นอยู่ของแม่ และลกู ลดาให้ดขี ้ึน ส่วนลูกลดา ท�ำความเพียรดว้ ย การเรยี นหนงั สือ เพือ่ ความรู้ และผลส�ำเรจ็ ของชวี ติ ตนเอง ลูกลดาอย่าท้อถอยนะลกู ต้งั ใจเรยี นใหด้ ีท�ำตวั ใหเ้ ปน็ ทร่ี ัก ของคุณครูทุกคน ช่วยเหลอื กจิ กรรมเพื่อน�ำชอ่ื เสียงมาสู่โรงเรียน และตัวเราเอง มีน้ำ� ใจกบั คนทวั่ ไป และต้องรักษาสขุ ภาพใหด้ ขี ้นึ ซ้ือของรับประทานท่ีมีประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าด้อื กบั คุณยายนะลกู สดุ ทา้ ยน้ี แมข่ อใหล้ กู ลดาจงมคี วามสขุ ความเจรญิ ทงั้ ความ เปน็ อยู่และการเรียน รกั ลกู ลดามากท่สี ุดในโลก แม่ 61

ประเทศไทย ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ กราบเทา้ คณุ แม่ท่ีเคารพอยา่ งสงู ลูกลดาได้รับและอ่านจดหมายของคุณแม่ฉบับสุดท้าย แลว้ คะ่ คณุ แมไ่ ดบ้ อกถงึ หลกั ธรรมทอ่ี ดุ หนนุ วริ ยิ บารมใี หป้ ระสบ ความส�ำเรจ็ ซง่ึ นบั วา่ มปี ระโยชนแ์ กห่ นมู าก เพราะไดร้ ถู้ งึ หลกั ธรรม ทนี่ �ำพาส่งิ ที่คนเราท�ำให้บรรลุจดุ ม่งุ หมายไดน้ นั้ คืออะไร ? เพราะบางคร้ัง คนท่ีท�ำงานประสบผลส�ำเร็จ หรือเรียน หนังสือได้รับความส�ำเร็จ แล้วบอกว่าไม่ได้มีธรรมอะไรเลย ซึ่ง ความจริง ถ้าการท�ำสิ่งท่ีตนเองมุ่งหวังให้เสร็จส้ินลงได้นี่แหละ เป็นการน�ำ “อิทธิบาท ๔” ไปใช้อย่างไม่รู้ตัวเลย ถึงแม้ว่าจะรู้ หลักธรรมหรือไม่ก็ตาม อิทธิบาทธรรม นับว่าให้ผลแก่คนที่มี ความขยันหม่ันเพียรเป็นอย่างมาก หลักธรรมเหล่าน้ีใช้กัน มาอย่างไม่รู้ตัว เม่ือใครท�ำงานจนได้รับผลน้ัน แสดงว่าได้ใช้ อิทธบิ าท ๔ แล้ว 62

จดหมายของคุณแมม่ ปี ระโยชนม์ าก หนูเกบ็ ไว้ทุกฉบบั เลย เมื่อมีเวลาว่าง หนูกน็ �ำข้ึนมาอา่ นซ�ำ้ โดยไมร่ ้สู กึ เบือ่ หนูอยู่ทางโน้นมีความสุขดีคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง หนูไป โรงเรียนเป็นประจ�ำไม่เคยขาดเรียน หนูให้ความเคารพคุณครู ทุกคน และหนูก็ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนเสมอ โดยเฉพาะ การตอบปัญหาธรรมะตามสถานที่ต่าง ๆ ท่ีเขาเชญิ มา หนูก็จะได้ เปน็ ตวั แทนของโรงเรยี น หนูจึงต้องเรียนวิชาธรรมะเสริมในเวลาก่อนเข้าเรียนตอน เชา้ ตอนพักกลางวนั และหลงั โรงเรียนเลิกในตอนเยน็ อีก แตห่ นู กไ็ ดห้ ลกั ธรรมทคี่ ณุ แมเ่ ขยี นมาในเรอ่ื ง “วริ ยิ บารม”ี อยมู่ าก และ น�ำไปใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนไ์ ด้เสมอ หนจู ะเปน็ เดก็ ดขี องทกุ ๆ คน จะไมท่ �ำใหค้ ณุ แมต่ อ้ งหนกั ใจ หนคู อยการกลบั ของคณุ แมพ่ รอ้ มกบั ความส�ำเรจ็ ทไี่ ดม้ าดว้ ยความ เพยี รของตวั เอง สดุ ท้ายนี้ หนขู อใหค้ ุณแมม่ ีสขุ ภาพแข็งแรง และมคี วามสุข กบั การท�ำงานคะ่ รกั คุณแม่มากที่สดุ ในโลก ลกู ลดา 63

ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. อทิ ธบิ าท ๔ มีความจ�ำเปน็ ในการท�ำความเพียร มากนอ้ ยเพยี งใด ? ๒. ๓. ท่านคิดวา่ พระมหาชนก ปญั ญาจะเกดิ ขึ้น ใช้หลักธรรมในอทิ ธิบาท กบั ตัวเราไดด้ ้วย หรอื ไม่ ? วิธใี ดบ้าง ? 64

ภาคผนวก วิริยบารมี หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ พระมหาเฉลยี ว กติ ตฺ ปิ าโล น.ธ.เอก, ป.ธ.๓, พธ.บ. แตง่ ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ช้ันที่ ๑ ในการประกวดประจำ� พ.ศ. ๒๕๔๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พมิ พ์พระราชทาน เน่ืองในงานพระราชพธิ ีวสิ าขบูชา พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๑



(สำ�เนา) ที่ รถ ๐๐๐๔/๓๒๐๙ ราชบัณฑติ ยสภา ในพระบรมมหาราชวงั กท ๑๐๒๐๐ ๑๖ มนี าคม ๒๕๔๑ เรอ่ื ง รายงานผลการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนา แกเ่ ด็ก เพ่อื รับพระราชทานรางวัล เรยี น ราชเลขาธกิ าร ส่งิ ท่ีส่งมาด้วย ๑. สำ�เนาแจ้งความราชบัณฑิตยสถาน เร่ืองประกวด แต่งหนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ ๑ ชุด ๒. สำ�เนาต้นฉบับที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก ๓ ส�ำ นวน สำ�นวนละ ๒ ชดุ รวม ๖ ชดุ ดว้ ยราชบณั ฑติ ยสถานไดด้ �ำ เนนิ การประกวดแตง่ หนงั สอื สอน พระพุทธศาสนาแก่เด็กประจำ�ปี ๒๕๔๑ เพ่ือรับพระราชทานรางวัล จากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ในหวั ข้อเรือ่ ง “วิริยบารม”ี ซ่งึ เปน็ บารมีหน่ึงในทศบารมี เสร็จเรียบร้อยแลว้ จงึ ขอเสนอรายงานดงั นี้ ในปีนมี้ ีผู้แตง่ ส่งเข้าประกวดรวม ๑๐ ราย ราชบัณฑิตยสถาน ไดม้ อบหมายให้พระธรรมกติ ตวิ งศ์ (ทองดี สรุ เตโช) ราชบัณฑิต ตรวจ พจิ ารณาทางดา้ นหลกั ธรรม และ ศ. ดร.ศกั ดศ์ิ รี แยม้ นดั ดา ราชบณั ฑติ ตรวจพจิ ารณาทางด้านวรรณกรรม ซ่ึงเมอื่ ตรวจแล้วคณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า สำ�นวนที่สมควรได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้รับพระ ราชทานรางวัลมี ๓ ส�ำ นวน คอื

รางวลั ที่ ๑ ได้แก่ สำ�นวนที่ ๖ พระมหาเฉลียว กิตฺติปาโล เปน็ ผูแ้ ต่ง รางวัลท่ี ๒ ไดแ้ ก่ ส�ำ นวนที่ ๗ พระพจนารถ ปภาโส เปน็ ผแู้ ตง่ รางวลั ท่ี ๓ ได้แก่ สำ�นวนท่ี ๕ นางฉันทนา อุตสาหลักษณ์ เปน็ ผู้แต่ง จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดพจิ ารณาน�ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ า ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทและขอรับพระบรมราชวินิจฉัย ทั้งน้ี ควรมิควรประการใดแล้วแตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ ขอแสดงความนบั ถอื (ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล) นายกราชบณั ฑิตยสถาน กองศลิ ปกรรม โทร. ๒๒๑๑๑๔๐, ๒๒๑๔๘๒๒, ๒๒๒๐๑๘๙, ๒๒๒๖๑๕๙ โทรสาร. ๒๒๑๖๗๒๖

(สำ�เนา) ท่ี รล ๐๐๐๓/๓๔๘๒ สำ�นกั ราชเลขาธกิ าร พระบรมมหาราชวัง กทม. ๑๐๒๐๐ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ เรอ่ื ง การประกวดแต่งหนงั สือสอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ เพอ่ื รับพระราชทานรางวลั เรยี น นายกราชบณั ฑิตยสถาน อ้างถึง หนงั สือท่ี รถ ๐๐๐๔/๓๒๐๙ ลงวันที่ ๑๖ มนี าคม ๒๕๔๑ ตามทที่ า่ นไดม้ หี นงั สอื ขอใหน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ า ว่า ราชบัณฑิตยสถานได้ดำ�เนินการประกวดแต่งหนังสือสอนพระ- พุทธศาสนาแก่เดก็ ประจำ�ปี ๒๕๔๑ ในหัวขอ้ “วริ ิยบารม”ี ซ่ึงเปน็ บารมหี นงึ่ ในทศบารมี เพอ่ื รบั พระราชทานรางวลั จากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยในปีน้ี มีผู้แต่งเข้าประกวด รวม ๑๐ ราย ราชบัณฑิตยสถานได้มอบหมายให้พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ราชบัณฑิต ตรวจพิจารณาด้านหลักธรรม และ ศาสตราจารย์ศักด์ิศรี แย้มนัดดา ราชบัณฑิต ตรวจพิจารณา ทางด้านวรรณกรรม ซึง่ เมื่อตรวจแล้วคณะกรรมการฯ มคี วามเหน็ วา่ สำ�นวนท่ีสมควรได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้รับพระราชทานรางวัล มี ๓ สำ�นวน คอื รางวัลท่ี ๑ ได้แก่ สำ�นวนที่ ๖ พระมหาเฉลียว กิตฺติปาโล เปน็ ผู้แต่ง

รางวัลท่ี ๒ ไดแ้ ก่ ส�ำ นวนที่ ๗ พระพจนารถ ปภาโส เปน็ ผแู้ ตง่ รางวลั ที่ ๓ ได้แก่ สำ�นวนท่ี ๕ นางฉันทนา อุตสาหลักษณ์ เป็นผู้แต่ง ความแจง้ อยูแ่ ลว้ นน้ั ไดน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ าทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท แลว้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานรางวลั แกส่ �ำ นวน ตาม ความเหน็ ทค่ี ณะกรรมการ ฯ เสนอ ทง้ั ๓ ส�ำ นวน จงึ เรยี นมาเพอ่ื ทราบ ขอแสดงความนับถือ (หมอ่ มหลวงพรี ะพงศ์ เกษมศร)ี ราชเลขาธกิ าร กองการในพระองค์ โทร. ๒๒๕๓๔๕๗-๖๒ ตอ่ ๓๓๐๓ โทรสาร ๒๒๔๓๒๕๙

พระมหาเฉลยี ว กิตตฺ ปิ าโล น.ธ.เอก, ป.ธ.๓, พธ.บ. ผู้แตง่

วิรยิ บารมี หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแก่เดก็ ISBN : 978-616-91977-2-0 แตง่ โดย พระมหาเฉลยี ว กิตตฺ ปิ าโล น.ธ.เอก, ป.ธ.๓, พธ.บ. ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ช้นั ที่ ๑ ในการประกวดหนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ พิมพ์ครัง้ ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๑ พิมพ์ครงั้ ที่ ๒ (ปรบั ปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๗ จ�ำ นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จดั พิมพ์โดย ส�ำ นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี สวนจติ รลดา พระราชวงั ดสุ ติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รูปเลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี สุกญั ญา บุญทัน และ เทดิ เกียรติ ปลูกปานย้อย พมิ พ์ท่ี หจก. แอลซพี ี ฐติ ิพรการพมิ พ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอุทศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐