การพฒั นากิจกรรมการเลา่ นทิ านพนื ้ บ้านเพือ่ สบื สานวฒั นธรรมอสี านสาหรับนกั เรียนระดบั ปฐมวยั และประถมศกึ ษา ปีท่ี 3 รวมนทิ านพนื้ บ้านภาคอีสาน โดย ดร. ประสงค์ สายหงษ์ และคณะ จัดทาโดย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ไดร้ ับทนุ สนบั สนนุ จาก “โครงการหนง่ึ คณะหนง่ึ ศลิ ปวัฒนธรรม” มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2561
1 “โครงการหน่งึ คณะหนึ่งศลิ ปวฒั นธรรม” ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 การพฒั นากิจกรรมการเล่านทิ านพน้ื บ้านเพอื่ สบื สานวัฒนธรรมอสิ าน สาหรบั นักเรียนระดบั ปฐมวัยและ ประถมศึกษา ปี 3 หลกั การและเหตุผล จากการท่ีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคามได้จัดทากจิ กรรมกจิ กรรมสง่ เสริมการเลา่ นิทานพน้ื บ้านเพ่ือสืบสานวฒั นธรรมอสี านสาหรับนกั เรียนระดับปฐมวัยและประถมศึกษา และโครงการ การ พฒั นากจิ กรรมการเลา่ นิทานพืน้ บา้ นเพื่อสืบสานวฒั นธรรมอีสาน สาหรบั นักเรยี นระดับปฐมวัยและ ประถมศึกษา โดยได้รบั ทนุ สนับสนุนจากมหาวิทยาลยั มหาสารคาม ปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 และ2560 นัน้ ทางคณะกรรมการดาเนินงานไดจ้ ัดกิจกรรมทห่ี ลากหลายเพ่ือสง่ เสริมศลิ ปวฒั นอสี าน กล่าวคอื กิจกรรมการเลา่ นทิ านพน้ื บา้ นสาหรบั นักเรยี นระดบั ปฐมวยั และประถมศึกษา การอบรมการเล่านิทานสาหรบั ครแู ละ ผู้ปกครอง การอบรมการเลา่ นทิ านสาหรบั นิสติ คณะศึกษาศาสตร์ การเกบ็ รวมรวบนทิ านพื้นบา้ นตามสถานที่ ต่าง ๆ ในภาคอีสาน การเลา่ นิทานของนกั เล่านิทานพื้นบา้ น โครงการได้รบั ความสาเร็จและไดร้ บั การตอบรับ เป็นอยา่ งดี จากโรงเรยี นทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการสองแหง่ คือ โรงเรยี นเทศบาลโพธ์ศิ รี และโรงเรยี นเมอื งวาปปี ทุม และมขี ้อคน้ พบทส่ี าคัญว่า นักเรยี นทุกระดบั ในโรงเรียนต้องการนกั เลา่ นิทานท่ีมปี ระสบการณ์และความ ชานาญในการเล่านิทาน แต่โรงเรยี นส่วนใหญย่ ังไม่ให้ความสาคญั ในการเลา่ นิทาน และเม่ือมีกิจกรรมสง่ เสริม การเลา่ นิทานพน้ื บ้านเพือ่ สบื สานวัฒนธรรมอสี านสาหรบั นกั เรียนระดับปฐมวยั และประถมศึกษา จัด ณ โรงเรียนตา่ ง ๆ ทาให้นักเรยี นมคี วามสนใจ และต่นื เตน้ ไปกับประสบการณ์เขา้ รว่ มการฟังนทิ าน ครแู ละ ผู้ปกครองมคี วามตอ้ งการให้กิจกรรมนีม้ สี ว่ นสง่ เสริมการเรียนรขู้ องนักเรียน เพราะครูและผปู้ กครองส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเล่านิทานใหบ้ ุตรหลาน ฟงั ดังนั้นจงึ มีความจาเป็นอยา่ งเร่งดว่ นในการจัดกจิ กรรมทีส่ ามารถสบื สาน วฒั นธรรมอสี านด้วยกนั การเล่านทิ าน โครงการน้มี สี ่วนสง่ เสริมใหผ้ ปู้ กครองไดน้ านิทานพน้ื ตา่ ง ๆ ไปเล่าให้ นักเรียนฟงั ซึง่ เปน็ การเร่ิมต้นกจิ กรรมสานต่อวัฒนธรรมพ้ืนบา้ นอิสานในระดับครอบครวั โครงการน้มี คี วามเกย่ี วข้องการการสง่ เสรมิ การเล่านิทานพื้นบา้ นเพือ่ พฒั นานักเรยี นระดับปฐมวยั และประถมศึกษา นักเรยี นระดับปฐมวัยและประถมศึกษาเป็นวยั ทต่ี ้องการเลีย้ งดใู ห้ดีท่ีสุด บุคคลทีจ่ ะเลีย้ งดู เด็กระดับดงั กล่าวได้ดีทสี่ ดุ คือ ครอบครวั ครอบครัวในความหมายทางพันธ์ศุ าสตร์ ครอบครวั คอื กลุ่มของ บคุ คลท่ีสบื เช้อื สายมาจากบรรพบรุ ุษเดียวกัน มีความใกล้ชิดกนั และอาศัยในทีเ่ ดยี วกนั ครอบครวั จะพจิ ารณา ถึงความสัมพนั ธ์ทางสายเลือดเปน็ หลัก ในความเข้าใจในหลักการเลี้ยงดเู ด็กปฐมวัยและประถมศกึ ษาจะได้รับ การเลย้ี งดใู ห้ดีทสี่ ดุ จากบุคคลผู้ให้กาเนดิ แต่ในปัจจุบนั สภาพทางสงั คมเปล่ยี นไป บรบิ ทของความหมายของ ครอบครัวจงึ เปล่ยี นไปดว้ ย ครอบครวั ในยุคปจั จบุ นั ไม่ไดม้ ีความหมายทางพนั ธ์ุศาสตร์แต่อยา่ งเดยี ว ครอบครัว ยังมคี วามหมายหลากหลายและมีความหมายแตกต่างกันออกไป ถงึ แม้ว่าความหมายของครอบครวั จะ เปลยี่ นไป สงิ่ ที่สาคัญที่สุดของความวา่ ครอบครวั คือเลีย้ งดูและส่งเสริมเด็กปฐมวัยและประศึกษาให้มี
2 พฒั นาการและความสามารถเต็มศกั ยภาพ ดงั น้ันการเตรยี มความพร้อมของเด็กปฐมวัยและประถมศึกษาโดย การในครอบครวั มีส่วนร่วมจึงเป็นองคป์ ระกอบทีส่ าคญั การเลี้ยงดูและการส่งเสริมพฒั นาการเดก็ ปฐมวยั จงึ ตอ้ งจัดให้เหมาะสมแก่ครอบครัวของเดก็ การเล่านิทานมคี วามสาคัญในการเล้ียงดแู ละสง่ เสริมพัฒนาการ สาหรบั เด็กปฐมวยั นทิ านจะทาใหเ้ ดก็ ปฐมวัยมจี ินตนาการอันจะทาใหเ้ ขาสร้างความสามารถเฉพาะตัว นทิ าน ทาใหเ้ ด็กปฐมวยั มมี ติ สิ มั พนั ธ์ สามารถเชื่อมโยงเร่ืองราวตา่ ง ๆ ได้ดี ยง่ิ ไปกว่าน้ันนิทานยังชว่ ยปลูกฝงั คา่ นิยมที่ ดี วัฒนธรรมที่มีคุณค่า จรยิ ธรรมอนั ถูกตอ้ ง ความรู้ผดิ รู้ชอบ และสืบสานวัฒนธรรมของพ้นื ถ่นิ ตา่ ง ๆ ได้เปน็ อย่างดี ดงั นน้ั การท่เี ด็กได้รับการปลูกฝังทัศนคติทดี่ เี กีย่ วนิทานพนื้ บ้าน เด็กจะเติบโตพร้อมกับนาคณุ ค่าชอง วฒั นธรรมพน้ื ถนิ่ ท่ีดี ๆ น้นั ติดตัวไปดว้ ย ดงั น้ันจึงจาเปน็ ต้องมีการจัดการสง่ เสริมการใช้นทิ านพน้ื บา้ นเป็นการ สบื สานวัฒนธรรมของภาคอสิ าน และเพ่ือเปน็ การส่งเสรมิ ทางเลือกในการใชเ้ ป็นส่วนหนึ่งในการเลีย้ งดแู ละ เสรมิ สร้างพัฒนาการเดก็ ปฐมวัยและการเรียนรูข้ องเด็กประถมศึกษา นอกจากนั้นโครงการนีย้ ังเนน้ การฟนื้ ฟู อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมพื้นถนิ่ ผา่ นการใช้การเลา่ นิทานพ้ืนบ้านไปพรอ้ มกนั โครงการนีไ้ ด้เน้นในนสิ ิตได้ไปสัมภาษณ์ ศึกษาข้อมูล และรวบรวมนิทานพน้ื บ้าน จากครอบครัวท่เี ข้ารว่ มโครงการ การสง่ เสริมนสิ ิตในส่งิ เหลา่ นี้ จึงเป็น จดุ เรม่ิ ตน้ ที่จะแกป้ ัญหาเรือ่ งประเพณีการเลา่ นิทานและนักเลา่ นิทานพน้ื บ้านทน่ี บั วันจะมีจานวนลดน้อยลง การจดั โครงการน้ีจึ้งเปน็ การเสรมิ สร้างความเข้มแข็งใหก้ ับประเพณีการเลา่ นิทานพ้ืนบ้าน อันเปน็ การการ ถ่ายทอดภมู ปิ ญั ญาอันเป็นมรดกลา้ คา่ ให้แกเ่ ยาวชนต่อไป ดงั นั้นภาควชิ าหลกั สตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม จงึ มีเห็นให้จัดทา การพัฒนากิจกรรมการเล่านิทานพน้ื บา้ นเพื่อสบื สานวฒั นธรรมอสิ าน สาหรับนักเรยี นระดับปฐมวัยและ ประถมศกึ ษา ปที ่ี 3 โดยมเี ป้าหมายสาคัญคือนากิจกรรมการเล่านทิ านพน้ื บา้ นเขา้ ไปเป็นสว่ นหนงึ่ ของ กจิ กรรมประจาโรงเรียนทเ่ี ข้ารว่ มโครงการ นอกจากนีย้ งั เป็นการส่งเสริมใหน้ สิ ิตที่เข้าร่วมโครงการ และครู ผู้ปกครองไดเ้ รยี นรู้การใชน้ ทิ านพื้นบา้ นในการจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนสาหรบั นกั เรียน นิทานพนื้ บา้ นจะเป็น ส่วนหน่ึงในการเรียนการสอนเด็กระดบั ประถม แล้วนามาเล่าให้นักเรียนฟังอย่างต่อเน่ือง ทางคณะผู้ดาเนนิ โครงการฯ จะไดน้ านิทานพืน้ บา้ นท่สี นุก ให้ข้อคิด สจั ธรรม คณุ ธรรม คณุ ค่าทางวฒั นธรรม วถิ ีชีวิต และการ อยูร่ ่วมกนั ในสงั คมอย่างมีความสขุ แบบพอเพียง มาเล่าใหม่ในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ วดี ที ัศน์ วีดโี อคลปิ หนงั สือ ภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ในการใชเ้ พ่อื การเล้ียงดแู ละเสริมสร้างพัฒนาการเดก็ ปฐมวัย โครงการต่าง ๆ น้ีจะได้รบั การเผยแพร่ในเชงิ วิชาการตา่ ง ๆ เชน่ ในการประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติตอ่ ไป วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื อนรุ ักษ์และส่งเสริมวฒั นธรรมไทยโดยการจัดกจิ กรรมเล่านิทานพืน้ บา้ น กจิ กรรมเสิรมหลกั สตู ร สาหรบั นกั เรยี นระดับปฐมวยั และประถมศึกษา 2. เพอ่ื ให้พัฒนาให้โรงเรยี นท่ีเขา้ ร่วมโครงการมกี ารจดั กิจกรรมการเลา่ นิทานอย่างต่อเนื่อง 3. เพ่อื ให้นิสติ ทีเ่ ข้าร่วมโครงการสามารถนานทิ านพืน้ บ้านมาจัดการเรยี นการสอนเพ่ือส่งเสริมวัฒนธรรม อีสานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
3 “โครงการหนึ่งคณะหนงึ่ ศลิ ปวัฒนธรรม” ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 การพัฒนากิจกรรมการเล่านิทานพน้ื บา้ นเพ่อื สบื สานวัฒนธรรมอสิ าน สาหรับนกั เรยี นระดบั ปฐมวัยและประถมศกึ ษา กาหนดการ กจิ กรรมส่งเสริมการเล่านิทานพื้นบ้านเพือ่ สืบสานวัฒนธรรมอีสาน สาหรับนักเรียนระดับ ปฐมวัยและประถมศกึ ษา วัน เดอื น ปี กจิ กรรม สถานที่ 1 ตลุ าคม 2560 สารวจโรงเรยี น โรงเรียนทีเ่ ขา้ รว่ มโครงการ 9-20 ตลุ าคม รับสมัครนกั เรียน และผูป้ กครองร่วมโครงการฯ โรงเรยี นทเี่ ขา้ ร่วมโครงการ 2560 15 ตลุ าคม 2560 รับสมคั รนสิ ติ ทีเ่ ข้าร่วมโครงการฯ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 22 พฤศจกิ ายน การอบรมเทคนิคการเล่านิทานแสดง การเลา่ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั 2560 นิทาน และการนานิทานพ้นื บ้านมาปรับใช้ มหาสารคาม สาหรบั นิสิต 13 ธันวาคม นิสิตลงพนื้ ทจี่ ดั กจิ กรรมการเล่านทิ านพนื้ บ้าน โรงเรยี นอนุบาลมหาสารคาม 2560 -31 เพือ่ สง่ เสริมวฒั นธรรมอิสาน (จดั กิจกรรม 5 คร้ัง โรงเรยี นเมืองวาปปี ทุม มกราคม 2561 *วันและเวลากาหนดตามความสะดวกของ โรงเรยี นบ้านประทายโนนตมู โรงเรียน) โรงเรยี นบา้ นหนั เชยี งเหยี น โรงเรียนบ้านหนองหวา้ โนนทอง 25 มกราคม การอบรมเทคนิคการเลา่ นิทานแสดง การเลา่ โรงเรยี นบา้ นหนองหว้าโนนทอง 2561 นิทาน และการนานทิ านพื้นบ้านมาปรบั ใช้ สาหรับครู และผปู้ กครอง (การอบรม 1 วัน)
4
5
6
7
8
9
10 เคล็ดลบั ในการเรียนรูน้ ิทานภายในหนึ่งชั่วโมง การเรียนรนู้ ทิ านต้องการสมาธิ ที่สมบรู ณ์ในเวลาหนึง่ ช่วั โมง หากมีความมตี ัง้ ใจในการเรียนร้นู ทิ านก็เท่ากบั ว่าได้ทางานที่ยากทสี่ ุดแล้ว สาหรับการเร่มิ ต้นการเล่า นิทาน เมอ่ื ได้เลอื กนทิ านทีเ่ หมาะสมกบั วธิ กี ารเล่าของผเู้ ลา่ นิทานและสาหรับผูช้ มผู้ฟงั นิทานแลว้ ผเู้ ล่านิทาน ควรจะตอ้ งมคี วามกระตอื รือร้นเรยี นรแู้ ละศึกษานทิ านเรือ่ งน้ันๆ เพอ่ื ทสี่ ามารถนาไปเลา่ ใหผ้ ้อู ื่นฟงั กอ่ นอ่ืนผ้เู ลา่ นทิ านควรหาสถานท่ที ่ีเงียบสงบและปลอดจากการรบกวนใดๆ เปน็ เวลาหน่ึงชวั่ โมง เพ่อื ทปี่ ฏิบัติตามขน้ั ตอนการเรยี นร้แู ละศึกษานิทานดังต่อไปน้ี 1. อ่านนทิ านทเ่ี ลอื กนามาเล่า 2. อา่ นออกเสียง และต้งั ใจฟงั ภาษาท่ใี ชใ้ นนิทาน สงั เกตจงั หวะ ลีลา และนา้ เสียงในนทิ านให้ดี 3. อา่ นออกเสยี งนิทานอีกคร้ังหน่งึ พักเพ่ือเริ่มท่องจาตอนเร่ิมเรื่อง ตอนจบเรื่อง เพลง หรอื ประโยคที่ สาคัญ ทีป่ รากฎในนิทาน 4. ปดิ หนังสือ แล้วเร่ิมเล่านทิ าน เกร็ดการเรียนรกู้ ารเล่านิทาน - หลายคนเรยี นรูน้ ทิ านได้ดีเมื่อไดย้ ืน เดินไปมา หรือเคล่ือนไหวไปในขณะท่ีศกึ ษาและเรียนร้นู ทิ าน - ท่องจาประโยคแรกทจี่ ะเลา่ ให้ขน้ึ ใจ ประโยคแรกน้จี ะต้องกระชบั และสมบูรณ์แบบทส่ี ดุ เพราะ มันเป็นการเปิดประตูไปสดู่ นิ แดนแหง่ จนิ ตนการที่วิเศษท่สี ุด - ไม่จาเป็นต้องท่องจานิทานทั้งเรอื่ ง แต่พยายามจาโครงเรอ่ื งของนิทาน แลว้ เลา่ โดยใชภ้ าษาและ คาพดู ของผเู้ ล่า ถา้ ภาษาของผ้เู ลา่ แปรง่ หรอื ฟังแลว้ ไมร่ าบรืน่ ผูเ้ ล่าสามารถเปดิ หนังสือดูเพ่ือดวู ่า ผูร้ วบรวมใชภ้ าษาแบบใดและใช้หนังสือนนั้ เปน็ เครื่องชแี้ นะ - เล่านิทานให้ได้มากท่สี ดุ เทา่ ที่จะจาได้ เมื่อเกดิ การสดดุ เพราะภาษาไมร่ าบรืน่ ให้หยุดเพื่อ เทียบเคียงภาษาของผู้เลา่ กบั ภาษาในหนังสอื เมื่อเกดิ การเปล่ยี นแปลงตา่ ง ๆ ในนทิ านฉบับของผู้ เลา่ ให้จดบนั ทกึ สง่ิ ที่ต้องการเปลย่ี นไว้
11 จากน้นั เรมิ่ เลา่ นิทานสว่ นนน้ั อีกคร้ัง และทาเช่นนีใ้ นกรณีเดยี วกนั จนกระท้ังเล่านทิ านจบ - ทอ่ งจานิทาน (ภาษา โครงเร่ือง เป็นต้น) ในแบบท่ผี เู้ ล่าต้องการ สิ่งท่สี าคญั ท่องจาประโยคจบ ของนิทานใหข้ ้นึ ใจเพื่อใหเ้ กดิ ความม่ันใจว่า นทิ านจะจบลงอย่างสมบูรณ์และนา่ ประทบั ใจในทกุ ๆ ครง้ั ทเ่ี ลา่ 5. เล่านิทานทงั้ เรื่องอีกครั้งหนึ่ง 6. ตบไหล่ใหก้ าลงั ใจตนเองหลงั จากเสร็จจากการเล่า แลว้ พักผ่อน การฝกึ ซ้อมการเลา่ นทิ าน สง่ิ ที่สาคญั ในการเรียนร้แู ละการฝึกซ้อมเล่านทิ าน ผเู้ ล่าควรได้เล่านทิ านน้ัน ๆ ใหต้ นเองฟังหลาย ๆ รอบ ระหวา่ งท่เี ล่านิทานน้นั ถา้ ผเู้ ล่าจาเหตุการณ์หรือประโยคสาคัญ ๆ ไม่ได้ ผ้เู ล่าสามารถเปิดดหู นังสือเพื่อ เป็นการทบทวนและตรวจสอบความถูกต้องแมน่ ยาได้ การฝึกซ้อมการเล่านทิ านสามารถปฏบิ ตั ิในชว่ งเวลาใดก็ ได้ ตามความสะดวกของผ้เู ล่า เช่น ชว่ งเวลาขบั รถไปทางาน ช่วงออกกาลังกาย ช่างอาบน้า เป็นตน้ การซอ้ ม สามารถซ้อมเลา่ แบบออกเสียง หรือเลา่ ในใจ ขึน้ อยูก่ บั โอกาส เวลา และสถานท่ี การฝึกซอ้ มการเล่านิทานครง้ั สุดท้าย—ใชเ้ วลาครง่ึ ช่ัวโมง 1. เลา่ นทิ านออกเสียง ผเู้ ลา่ นิทานตอ้ งจินตนาการว่าการซ้อมการเล่านิทานนัน้ เสมือนการเล่านทิ านจรงิ ๆ กล่าวคอื ผเู้ ลา่ ต้องจินตนาการว่ากาลงั เล่านทิ านต่อหนา้ ผู้ฟงั ผู้ชม พร้อมดว้ ยจนิ ตนาการวา่ กาลงั สอ่ื สารกับ ผู้ฟงั ผูช้ มดว้ ยการเลา่ นทิ านอยู่ หลงั จากเกดิ ความมั่นใจมากขึ้น ผเู้ ลา่ สามารถฝกึ เล่าต่อหน้ากระจกเงา หากผู้เลา่ ตอ้ งการขดั เกลาภาษาในนทิ าน หรือพฒั นาการเลา่ นิทานใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขึน้ ในภายหลัง ผู้ เลา่ สามารถบนั ทึกแถบเสยี งหรือแถบภาพไว้ย่งิ เป็นการดี 2. เลา่ แล้ว เล่าอีก เพื่อมเี วลาในการขดั เกลาภาษา และแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ในการเล่า
12 3. ให้กาลงั ใจตนเองโดยการบอกวา่ เราเองทาได้เยี่ยมทส่ี ุด และพร้อมที่จะแสดงการเล่านิทานต่อชุมชน ดงั นัน้ การเล่านิทานตอ่ หนา้ ชุมชนจะเป็นเรอ่ื งที่ง่ายขนึ้ เพราะผเู้ ลา่ มผี ้ฟู ังผชู้ มคอยใหก้ าลังใจเราจริงๆ การแสดงการเล่านิทานตอ่ หนา้ ชุมชน นักเล่านิทานควรระลึกอยูเ่ สมอว่า การเล่านิทานมใิ ชเ่ ป็นการพดู เรือ่ ยเป่ือย แต่การเลา่ นิทานเป็นการ แสดงอยา่ งหน่ึง ดังนัน้ ในการแสดงการเล่านทิ านตอ่ หน้าชมุ ชนควรปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนต่อไปนี้ 1. หยดุ นง่ิ ดว้ ยความสงบ เงียบ และมสี มาธิ ก่อนท่จี ะเริ่มเล่านิทาน การหยดุ น่งิ น้ีเป็นการเตรียมผูช้ มให้ พรอ้ มทจ่ี ะรบั ฟังนิทาน ผชู้ มจะรู้วา่ การหยุดนิ่งของผ้เู ล่านี้จะทาใหผ้ ู้ฟังทราบวา่ พวกเขากาลงั จะได้เข้า สูก่ ารรับประสบการณอ์ นั พเิ ศษสดุ 2. การเริ่มประโยคแรกของการเลา่ นทิ าน ตอ้ งใส่ใจเปน็ พิเศษ เพราะว่าวนิ าทีแรกของนิทานเปน็ วินาที แหง่ ความมหัศจรรย์ การเริม่ ตน้ ของนิทานจงึ เหมือนกบั การเรม่ิ ก้าวข้ามสะพานจากโลกธรรมดาส่โู ลก แห่งความมหัศจรรย์ ฉะนนั้ ผู้เลา่ ตอ้ งแนใ่ จว่าผูเ้ ล่าได้มีเจตนาที่จะทาผู้ชมผู้ฟงั ก้าวเขา้ สโู่ ลกแหง่ ความ มหัศจรรย์นน้ั 3. ตลอดระยะเวลาการแสดงการเล่านิทาน ผู้เล่านทิ านจะต้องห่วงใย ใสใ่ จผชู้ มผฟู้ ังอยู่ตลอดเวลา ดงั นน้ั ผเู้ ล่าต้องระลึกว่า การแสดงการเล่านิทานคือการพูดเร่ืองท่ีมคี วามสาคญั ใหฟ้ ัง การแสดงการเลา่ นิทานผเู้ ลา่ ตอ้ งสบตากบั ผ้ชู มผ้ฟู งั และพยายามสังเกตปฏกิ ิรยิ าของผู้ฟงั แต่ละคนในฟังนิทานนน้ั ๆ การ ปฏบิ ตั ดิ งั กลา่ วจะง่ายขน้ึ เมื่อผ้เู ลา่ มคี วามชานาญในการเล่านิทาน และระลึกเสมอว่าในขณะที่ทาการ เล่านทิ าน ถ้าผเู้ ลา่ รูน้ ิทานและเข้าใจนิทานทเ่ี ล่าไดด้ เี ท่าไหร่ ผู้เลา่ ก็จะมีความรสู้ ึกผอ่ นคลายและ เข้าถงึ ผู้ฟังผ้ชู มได้งา่ ยข้ึนเท่าน้ัน 4. ผเู้ ล่านิทานตอ้ งรู้จักการควบคุมลีลาท่าทางการเล่าเป็นอยา่ งดี ลลี าทา่ ทางจะตอ้ งพอเหมาะพอดี และ สามารถสรา้ งปฏิกิรยิ าตอบสนองในหมผู่ ู้ฟงั ผูช้ ม ในการฝึกลีลาทา่ ทางน้ี ผเู้ ลา่ สามารถฝึกจาก ประสบการณ์การแสดงการเล่านทิ าน ต่อกลมุ่ ผู้ฟังตา่ ง ๆ ประสบการณน์ ัน้ จะชว่ ยใหผ้ ู้เลา่ เรียนรูใ้ น การหาสมดุลในการกาหนดลีลาทา่ ทาง เช่น รูว้ ่าเวลาควรหยดุ เลา่ (ระหวา่ งการเลา่ ) เวลาไหนควรเลา่ ช้า ๆ เวลาไหนควรเลา่ เรว็ ๆ หรือ เวลาไหนควรกระโดดเข้าหาผู้ชม 5. ผเู้ ลา่ นิทานตอ้ งแน่ใจวา่ ได้เลือกเฟน้ ใช้ภาษาที่สละสลวยในการเล่านทิ านแตล่ ะเรื่อง ผูเ้ ลา่ ควรใส่ใจ และใหเ้ วลาขัดเกลาถ้อยคาท่ีไพเราะ บทร้อง เพลง หรือคาต่าง ๆ ท่ีมคี วามหมายพเิ ศษหรือเฉพาะ ผู้ เลา่ ควรทาให้ผฟู้ งั เหน็ ถงึ ความตั้งอกตั้งใจและมคี วามสุขในการพูดประโยคตา่ ง ๆ ในการเล่านทิ าน เทา่ ๆ กันกบั ทผี่ ู้ฟังจะได้รับความสุขจากการฟังนทิ านนั้น ๆ 6. ผู้เล่าควรมีความมัน่ ใจในการเลา่ นทิ านโดยผ่านการแสดงออกทางภาษาทา่ ทางและกริ ิยา อาการต่างๆ และผูเ้ ล่าจะต้องมสี มาธติ ลอดเร่ืองในการเล่านิทาน เมื่อผู้เล่าอยู่บนเวที ใหร้ ะลึกเสมอว่า การเลา่ นทิ านเป็นการแสดงอยา่ งหนง่ึ ผู้เลา่ จะต้องเกบ็ อาการส่ันของเข่า แล้วกา้ วไปเลา่ นิทานด้วยความมัน่ อกมนั่ ใจ ใหค้ ิดวา่ ชว่ งเวลาแหง่ นทิ านเปน็ ของผเู้ ล่านทิ าน ดังน้ันผู้เลา่ จะตอ้ งดูแลผฟู้ งั โดยทาใหผ้ ้ฟู ัง เคลบิ เคลม้ิ ไปกบั นิทาน และผู้เล่าจะต้องนาผฟู้ ังล่องลอยเข้าส่หู ้วงเวหาแหง่ การแ สดงอย่าง แน่แน่ว และมัน่ คง
13 7. ผูเ้ ล่านทิ านมีหน้าท่ีดแู ลเอาใจใสผ่ ู้ฟงั นิทาน ผู้เลา่ เปรียนเสมือนพเี่ ลย้ี งของผู้ฟงั ตลอดรายการแสดงการ เลา่ นทิ าน ระลกึ อยเู่ สมอว่า นิทานเปน็ ของขวญั อนั ลา้ ค่าท่ีผู้เลา่ ได้มอบใหแ้ กผ่ ู้ฟัง ดงั น้ันผู้เล่าควรหยิบ ยืน่ ใหแ้ กผ่ ู้ฟังด้วยความนอบน้อม และควรคานงึ ถึงความรูส้ ึกและความต้องการของผู้ฟงั ด้วย 8. ระลกึ อยเู่ สมอวา่ ตอนจบของนทิ าน มคี วามสาคญั เท่ากบั ตอนเริม่ นทิ าน ดังน้นั ผเู้ ลา่ ต้องถถ่ี ว้ น รอบคอบ และมีความสมบรู ณ์ในการจบนทิ าน ในตอนจบของนิทานเปรียบเสมือนการทผี่ ู้เลา่ ไดน้ า ผูฟ้ งั ลงจากโลกแหง่ จินตนาการอย่างนุ่มนวล และจากนั้นก็ปลอ่ ยใหผ้ ู้ฟังออกจากมนต์สะกดของผเู้ ล่า 9. เมอ่ื เสรจ็ การแสดงการเล่านิทานเรื่องหนึ่ง ๆ ผู้เล่าควรสงบนิ่งสักครูห่ นึ่ง การสงบนิ่งเปน็ การเตรียมให้ ผ้ฟู ังกลับสโู่ ลกแหง่ ความเปน็ จรงิ จากนน้ั น้อมรับการปรบมือให้การชมเชยจากผู้ชมและสิ้นสดุ การ แสดง 10. โปรดสังเกตว่าผู้ฟังอาจจะแสดงปฏิกิรยิ าตอ่ การแสดงด้วยความช่นื ชม หรือไมช่ ่ืนชมก็ได้ในตอนท้าย ของการแสดง โปรดอยา่ เอาปฏกิ ิริยาที่ผู้ฟังไมช่ ืน่ ชมการแสดงมาตดั สนิ วา่ การแสดงของผู้เล่าลม้ เหลว เพราะวา่ ปฏกิ ริ ิยาของผฟู้ งั นิทานมหี ลายแบบ เชน่ บางคนอาจปรบมือ บางคนอาจส่งเสยี งแสดงความ ดีใจ หรอื บางคนอาจจะนง่ั เงยี บและใชค้ วามคดิ หลังการแสดงการเล่านิทาน 1. ผเู้ ลา่ ควรสังเกตปญั หาต่างๆ ทเี่ กดิ ข้ึนระหว่างการเลา่ นิทาน และควรบันทึกจุดทีไ่ ม่ราบรนื่ เพื่อนามา ปรับเปล่ียนใหด้ ีข้ึน 2. ผู้เล่าควรบนั ทึกส่งิ ทแี่ สดงถึงไหวพรบิ ทเ่ี กิดข้ึนโดยบงั เอิญระหว่างการเล่านทิ าน อาทิเชน่ ตวั อย่างทน่ี ่า นาไปใชจ้ ากการปฏสิ มั พันธข์ องผ้ฟู งั ที่ผู้เลา่ สามารถนาไปปรับเปลี่ยนใชใ้ นการเลา่ นทิ านนั้น ๆ ในครั้ง ต่อไป 3. การเล่านิทานเป็นรปู แบบของศิลปะทีผ่ ู้ฟงั มีส่วนร่วมสรา้ ง นทิ านและการเผยแพร่นิทานของผ้เู ลา่ จะ เปลี่ยนไปในทุกคร้ังทมี่ ีการเล่า ดังนน้ั การตอบสนองปฏิกริ ิยาตา่ งๆ ของผฟู้ ังจะชว่ ยทาใหน้ ิทานของผู้ เลา่ มคี วามสมบูรณ์ 4. ผเู้ ล่าควรเล่านทิ านเร่อื งหนงึ่ หลายๆ คร้งั เชน่ เลา่ นทิ านให้นักเรียนทุกชน้ั ในโรงเรยี นฟัง เลา่ ให้ลกู ของ เพือ่ นฟัง การเลา่ นน้ั ควรใช้นิทานเร่อื งเดิม การได้เล่านิทานเร่อื งหนงึ่ ๆ เพิ่มขน้ึ ในแตล่ ะคร้ังจะทาให้ การเล่านิทานเรื่องน้ัน ๆ มีความสมบรู ณแ์ บบขึ้นเรื่อย ๆ การเลา่ นทิ านเร่อื งเดิมให้กลุม่ เดมิ ฟงั ไมใ่ ช้ส่ิง
14 ทนี่ ่าเบือ่ เพราะถา้ การเล่านิทานเรื่องนน้ั สนุกสนาน ผฟู้ ังก็อยากฟังซา้ แล้วซา้ อีก หรอื ผู้ฟังอาจจะแสดง ท่าทางประกอบนทิ าน และในที่สดุ ผฟู้ งั ก็อยากจะเล่านิทานเร่ืองนนั้ ๆ อีกด้วย 5. เม่ือได้เลา่ นทิ านเร่ืองหน่ึง ๆ เกือบจะสมบูรณ์แบบ และประสบความสาเร็จในการเลา่ ผู้เล่าควร บนั ทกึ เสียงนิทานเร่อื งนน้ั ๆ หรอื จดบนั ทกึ เอาไว้ การปฏิบตั เิ ช่นนีม้ ีความสาคัญมาก เพราะสามารถ รวบรวมข้อมลู ทีส่ ่งั สมปฏกิ ิริยาของผู้ฟังจากการเลา่ นทิ านหลาย ๆ คร้ัง และเมื่อผูเ้ ล่าตอ้ งการศกึ ษา การเล่านิทานในคร้ังนั้น ๆ ผเู้ ล่าก็จะไดข้ ้อมูลคบถว้ น ถา้ ผู้เล่าไมป่ ฏิบตั ิตามข้นั ตอนนี้ ผ้เู ล่าอาจ สญู เสยี ข้อมูลของการเล่านทิ านในครงั้ นน้ั ๆ ถ้านานิทานมาเล่าใหม่อาจจะไมเ่ หมือนเดิม
15 รวมนทิ านพน้ื บา้ น สาหรับนักเรยี นระดบั อนบุ าลและประถมศกึ ษากิจกรรมสง่ เสริมการเล่านิทานพื้นบ้านเพื่อสบื สานวฒั นธรรมอสี าน สาหรับ นักเรยี นระดับปฐมวยั และประถมศึกษา
16 แกว้ หน่ามา้ มแี หมห่ ยงิ อยูพ่ ้นู ึงรปู ร่างหนา้ ตาคือมา้ คนเลยเอ่ินนางว่า นางแกว้ หน้ามา้ นางอาศัยอยูน่ อกเมอื งเฮด็ ไฮ่เฮ็ดนาคือคนท่ัวไปมื่อหนึ่งทา้ วปน่ิ ทองลูกซายของเจา้ เมืองได้เฮด็ พิธีปล่อยวา่ วหาขู่ บ่ว่าวา่ วสิไปตกอย่บู อน ได่ไผเ่ กบ็ ได้ ค่ันเป็นแหม่หยงิ สิได้เปน็ เมียแตค่ น่ั เป็นผเู้ ฒา่ เด็กน้อย ผูซ้ ายกะสิไดส้ ่งิ ของตอบแทน บดั ท้าวปิน่ ทองปล่อยว่าวไป วา่ วนน้ั กะลอยไปตกอยู่เฮือนนางแก้วหน้ามา้ นางเลยเก็บเอาไว้เสนาอามาตย์ตามมาเกบ็ ว่าว คืนวัง แต่นางบห่ ยอมคนื ให้ท้าวปิน่ ทองเลยพานางหลบเข้าเมืองแตบ่ ่หยอมอยเู่ ปน็ ผวั เมียคอื คนทวั่ ไปแล้วสูคน ในเมืองกะข้เี ดียดซังนาง หย่อนว่าหนา้ นางคือม้าบง่ าม มื้อต่อมาท้าวปนิ่ ทองวางแผนหลอกลอ่ ให้นางแก้วหน้ามา้ ออกไปนอกเมืองบซ่ นั่ กะให้ตายไปโลด แนว ให้นางไปเก็บยาในป่า แต่นางแกว้ หน้าม้ากะไปเอามาได้ แต่จงั ไดก่ ะซางกะหยังหยอกหาแนวทัว่ ทีปทวั่ แดน แต่ กะเฮด็ อีหยังนางบ่ได้ เจา้ เมืองเลยส่งท้าวป่นิ ทองไปอยู่เมืองอืน่ หย่อนใหห้ าขู่ครองอ่ืน ก่อนไปสั่งควมกับนาง แก้วหน้ามา้ ว่าใหน้ างเอาลกู ให้ได้ในหยา่ มทีท่ า้ วปิ่นทองบ่อยู่นางแกว้ หน้าม้าเลยไปดกั ถา่ บอนเส้นทางของทา้ ว ปนิ่ ทอง นางถอดหน้ามา้ ออกเปลี่ยนเปน็ แหม่หยงิ บกั งามหลาย จนท้าวปน่ิ ทองมาเหน็ แลว้ ตกหลุม่ ฮักนางไดอ้ ยู่ กินนากันโดนหลายมื่อ ก่อนสิหย่างต่อไปสู่เมอื งอ่ืน ในทส่ี ดุ ท้าวปน่ิ ทองกะไดล้ ูกสาวเจา้ เมอื งแห่งหนึง่ เปน็ เมียม่ือตอ่ มาท้าวปิ่นทองได้หย่างหลบเมืองจะ ของ แต่เกือบสิแพ้ให้กบั ยักษ์หย่ามทาง พอดนี างแก้วหนา้ มา้ ฮบั ฮไู้ ด้วา่ ทา้ วปิน่ ทองตกบอนนง่ั ลาบากเลยปลอม เปน็ ผู้ซายมาซ่อยตอ่ ส้จู นซนะแล้วเมอ้ื หลบเข้าเมอื งท้าวปน่ิ ทองแฮงข้ีเดยี ดซังพร้อมแถมกลา่ วหาวา่ นางทอ้ งบ่ห ยอมฮบั แล้วบห่ ยอมฟงั เรื่องราวเหตุผลทแ่ี ท้จงิ หยอ่ นบ่เซือวา่ เป็นไปได้ ม่อื ต่อมามยี ักษ์มาทา้ ต่อสู้ ท้าวปน่ิ ทองต่อสแู้ พย้ ักษ์หลบเข้าเมืองประกาศหาคนทเ่ี กง่ กลา้ ไปสู้กบั ยักษ์ นางแก้วหน้ามา้ เลยอาสาออกไปตอ่ สู้กบั ยักษ์จนได้ซัยซนะ ซาวมอื งเลยหยอมฮบั แลว้ ม้อื นางถอดหน้าม้าออก เปลย่ี นเป็นแหม่หยงิ บกั งามหลายท้าวปิ่นทองเลยฮบั นางเป็นมเหสอี ยคู่ รองเมืองนากันตอ่ ไป
17 กาพรา้ ผนี อ้ ย ทเ่ี มอื งแห่งหนงึ่ มีเด็กน้อยคนหน่งึ กาพรา้ พ่อและแม่ ไดเ้ ทย่ี วขอทานเขากนิ จนโตเป็นหนุ่มแล้วจึงออกจากเมือง มาทานาทาไร่ ณ ท่ีแหง่ หน่งึ เมือ่ ข้าวพชื งอกงามขนึ้ ได้มสี ตั วต์ ่างๆ มากนิ แม้จะไลอ่ ยา่ งไรก็ไม่ไหว เอาอะไรมา ทาเครือ่ งดักกย็ งั ขาดหมด จงึ ไปขอเอาสายไหม จากยา่ จาสวน (คนสวนของพระราชา) มาทาจึงจบั ไดช้ ้าง ชา้ ง เมอ่ื ถูกจบั ได้กลัวตายจึงรอ้ งขอชวี ิตและบอกวา่ จะใหข้ องวิเศษถอดงาขา้ งหนงึ่ ให้ ทา้ วกาพร้าผีน้อยจงึ ปล่อยไป แลว้ เอางาช้างมาไว้ทบ่ี า้ น ต่อมาท้าวกาพรา้ ดกั ได้เสือ เสอื ก็ยอมเป็นลูกน้อง โดยบอกว่าถ้ามเี รอ่ื งเดือดร้อนจะ มาชว่ ย ตอ่ มาจับไดอ้ ีเห็น อีเห็นกย็ อมเป็นลูกนอ้ ง เชน่ เดียวกนั กับเสือ ต่อมาจับพญาฮุ้ง (นกอินทรยี ์) พญาฮุ้งก็ ยอมเป็นลูกน้องอีก และตวั สุดทา้ ยจับได้คอื ผนี ้อยที่มาขโมยกนิ ปลาทไ่ี ซ ผนี ้อยกย็ อมเป็นลกู นอ้ ง เม่ือท้าว กาพรา้ ได้งาช้างมาแลว้ กเ็ อามาไวท้ บี่ า้ น ในงาชา้ งน้นั ไดม้ หี ญิงสาวคนหน่ึงชื่อสีดา อาศัยอยู่ นางได้ออกมา ทาอาหารไวร้ อท้าวกาพรา้ ต่อมาท้าวกาพรา้ จับนางไดจ้ ึงทุบงาชา้ งน้นั เพื่อจะไมใ่ หน้ างหลบเขา้ ไปอยอู่ ีก นาง จงึ อย่กู นิ เป็นสามีภรรยากนั ตัง้ แตน่ ั้นมา ความสวยงามของสดี า ไดย้ ินไปถงึ พระราชา เมื่อพระราชาเห็นแล้วก็ รักใคร่จึงจะยดึ เอาแต่ก็กลวั คนจะติเตยี น จึงท้าทา้ วกาพรา้ ทาการแข่งขันต่างๆ โดยถ้าท้าวกาพร้าแพ้จะยึดนาง สดี ามา แตถ่ า้ พระองค์แพ้จะยอมยกเมอื งให้ครึง่ หนึ่ง การแข่งขันนน้ั คือ ชนววั ชนไก่ แข่งเรอื แตป่ รากฏวา่ ท้าว กาพรา้ ชนะทุกคร้งั เพราะในการชนววั นนั้ เสอื แปลงเป็นววั มาชว่ ยทา้ วกาพรา้ ชนไกน่ ัน้ อีเหน็ แปลงเปน็ ไก่มา ช่วย กดั ไก่ของพระราชาตาย ในการแข่งขนั เรือนั้นพญาฮ้งุ มาเป็นเรือและได้ทาใหเ้ รือพระราชาลม่ แลว้ กนิ คน ทง้ั หมด เมื่อพระราชาตายแล้วไดร้ วมหัวกบั บา่ งลวั่ ตวั หนึ่ง โดยให้บา่ งล่วั รอ้ งเรยี กวญิ ญาณของนางสีดามา โดย ร้องครงั้ แรกนางก็ไมส่ บาย ครั้งที่สองสลบไป ครงั้ ท่สี ามจึงตายวิญญาณของนางจงึ มาอยกู่ ับพวกผีพระราชา ส่วนท้าวกาพรา้ ปรกึ ษากบั ผีน้อย ผนี ้อยบอกว่าอย่าเพิง่ เผา จะตามไปดูวิญญาณของนางอย่ทู ่ีใด เมื่อผีนอ้ ยตาม ไปทราบเรื่องท้ังหมดแลว้ จึงวางแผนจะจับบา่ งลว่ั ตวั น้นั จึงเขา้ ไปตสี นิทกบั บา่ งลว่ั แล้วสานข้อง (ทีใ่ ส่ปลา) ครั้ง แรกสานด้วยไม้ใผ่แลว้ ให้บ่างลั่วเขา้ ไปข้างใน แลว้ ให้ยนั ดปู รากฏว่าข้องแตก จึงสานด้วยลวด แล้วบอกให้บา่ ง ล่วั เข้าไปดแู ลว้ บอกใหย้ นั ดู ปรากฏว่าขอ้ งไม่แตกจงึ รบี หาฝามาปิดแลว้ รีบเอามาให้ท้าวกาพรา้ บงั คับให้บ่างล่วั รอ้ งเรียกเอาวญิ ญาณนางสีดากลับคนื มาไม่เช่นนัน้ จะฆ่าเสยี บา่ งล่ัวจึงรอ้ งเรียกเอาวิญญาณนางกลับมา โดย ร้องครงั้ แรกกเ็ คลื่อนไหว ครัง้ ท่สี องฟน้ื ข้นึ ครงั้ ทส่ี ามหายเป็นปกตทิ กุ อย่าง พอทกุ อยา่ งปกติแล้วทา้ วกาพร้าจึง
18 หลอกวา่ ขอดูไอท้ รี่ ้องเอาวิญญาณคนไดไ้ หม บา่ งลว่ั จึงแลบลน้ิ ออกมาใหด้ ู ทา้ วกาพรา้ จึงตัดลิน้ บ่างล่ัวนนั้ เสีย เพราะกลวั มนั จะร้องเอาวิญญาณไปอีก บา่ งลัว่ จงึ ร้องไมช่ ดั ตัง้ แต่นนั้ มา ส่วนท้าวกาพรา้ กับนางสีดา ไดป้ กครอง เมอื งแทนพระราชาที่ตายน้ัน
19 แมวบักคา นานมาแล้วมีแมวตัวหนงึ่ ช่ือว่าบกั คา ทุกๆวัน มันจะเฝ้ามองปลาแหง้ ท่ชี าวนาตากไว้ มันนกึ ไว้ว่า เมือ่ ไหร่ก็ตามท่ีชาวนาเผลอมันจะรีบขโมยปลาแหง้ ไปกนิ ทันที แต่วา่ บกั คาโชคไมค่ ่อยดนี ักเพราะจงั หวะที่ ชาวนาเผลอก็มีอินทรตี าคม บินโฉบมาคาบปลาแหง้ ทมี่ ันหมายตาไปต่อหน้าต่อตามนั ทนั ที บกั คาโกรธอินทรีตา คมมาก มนั จึงร้องตะโกนดงั ๆวา่ “เจ้าอินทรตี าคมหยดุ เด๋ียวน้ีนะ! เจ้าจะขโมยปลาแห้งที่ข้ารอคอยไปง่าย แบบนี้ไมไ่ ดน้ ะ! ปลาแห้งตวั นน้ั ตอ้ งเป็นของขา้ สิ” อนิ ทรีตาคมไดย้ นิ เสยี งบกั คาจึงตกใจมากพรอ้ มกบั ราพงึ ราพันกบั ตนเองว่า “โห! นี่เราบนิ มาตัง้ ไกลแล้ว เสียงแมวตวั นนั้ ยังตามมาเอาปลาแห้งคืนได้อีกหรือ” อนิ ทรีตาคมจึงตะโกนถามเมฆสีขาววา่ “เมฆสีขาว เมฆสีขาว ใครกนั นะทีแ่ ขง็ แกรง่ กว่าเมฆสีขาว?” เมฆสขี าวไดย้ ินดงั น้นั จงึ ตอบไปอย่างไม่รอชา้ ว่า “อ๋อ! กล็ มเจา้ พายุอย่างไรล่ะ พัดมาเรากก็ ระจัดกระจายเป็นก้อนเล็กกอ้ นนอ้ ยในพรบิ ตา” อนิ ทรตี าคมไดย้ ินดงั นัน้ รีบบินไปถามลมเจา้ พายุทนั ทีวา่ มีใครทแ่ี ขง็ แรงกว่าลมเจา้ พายุหรือไม่ “ลมเจ้าพายุ ลมเจา้ พายุ ใครกนั นะที่แขง็ แกร่งกว่าลมเจ้าพายุ” ลมเจ้าพายุไม่ลงั เลตอบอินทรีตาคมไปว่า “อ๋อ! ก็เจา้ เนนิ เขาลูกเลก็ ๆลกู น้ันอยา่ งไรล่ะ เราใชแ้ รงพดั เท่าไหร่ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย” อนิ ทรีตาคมสงสัยอีกว่าจะมีใครแขง็ แกร่งกว่าเนินเขาลูกเล็กลูกนัน้ หรือไม่ จึงรบี โฉบเข้าไปถามเนนิ เขา ลกู เล็กทนั ที “เนนิ เขาลูกเล็ก เนินเขาลกู เล็ก ใครกนั นะท่ีแข็งแกรง่ กว่าเจา้ ” เนินเขาลกู เล็กไดย้ นิ ดังนั้นกต็ อบอินทรตี าคมไปอยา่ งไมร่ รี อวา่ “อ๋อ! ก็เจ้าควายเขาแหลมตัวน้ันอย่างไรล่ะ เขามนั แหลมมากถูไถเนินดนิ ของเราไปจนแหว่งเกอื บจะ หมดลกู แล้ว”
20 อนิ ทรตี าคมจงึ ปร่ีไปถามควายเขาแหลมทันทวี ่า มใี ครทยี่ ังแข็งแกรง่ กวา่ ควายเขาแหลมอีกหรอื ไม่ “ควายเขาแหลม ควายเขาแหลม ใครกนั นะทแี่ ขง็ แกร่งกว่าควายเขาแหลม” ควายเขาแหลมไดย้ ินดงั นน้ั จึงตอบอนิ ทรตี าคมไปทันทีว่า “อ๋อ! ก็เจ้าเชือกหนังเหนยี วๆเส้นนี้อยา่ งไรล่ะ เหนียวมาก เราดงึ เท่าไหร่กไ็ มข่ าดซกั ที” อนิ ทรตี าคมจึงถามเชอื กหนงั เส้นนัน้ ทนั ทวี ่า ใครกันนะทแี่ ข็งแกรง่ กว่าเชอื กเส้นนี้ เชอื กไดย้ นิ อินทรีถามเชน่ นั้นจึงตอบไปอยา่ งเล่ียงไม่ไดว้ า่ “อ๋อ! กเ็ จ้าหนฟู นั คมตวั นน้ั อย่างไรละ่ ฟนั มนั คมและแขง็ แรงมาก กัดเราครูเ่ ดียวก็ขาดวน่ิ หมด” อินทรีตาคมไดย้ ินดังนั้นจึงเกิดความสงสัยว่ายังจะมีใครท่ีแข็งแกร่งและเก่งกวา่ เจา้ หนูฟันคมตวั น้อี ีก ไหมมนั ไม่รอช้าจึงเขา้ ไปถามเจ้าหนูฟันคมทันที “หนฟู ันคม หนูฟนั คม ใครกันนะที่แขง็ แกรง่ กว่าเจ้า? เราอยากร”ู้ หนูฟนั คมไดย้ ินดังน้ันจึงตอบไปว่า “อ๋อ! แขง็ แกร่งกวา่ เรากเ็ จา้ แมวบักคาตวั นัน้ อยา่ งไรล่ะ จ้องคอยจะเขมือบเราตลอดเวลาเลย! แข็งแรง มากว่ิงไลเ่ ราทั้งวัน” อนิ ทรตี าคมไดย้ นิ ดังน้นั จึงอุทานออกมาดังๆว่า “โห!!! เจ้าแมวบกั คาน่ีเกง่ จริงๆ เราคงต้องรบี เอาปลาแห้งตัวนไี้ ปคนื แมวบกั คาดีกว่า ก่อนทีม่ ันจะ โมโหไปมากกวา่ น้ี”
21 นกเค้าแมวกับอกี า โดนมาแล้วมีนกเค้าแมวตวั หนึ่งกาลังออกไปหาแนวกินในดง พอออกบินไปไดค้ ราวหนง่ึ แลว้ เห็น บรรยากาศที่แสนชน่ึ มน่ื นกเคา้ แมวกะเลยเว้าว่า \"อากาศม้ือนค้ี ือดีคักแน เป็นบรรยากาศเปน็ ตะออกไปหาแนว กนิ อีหล\"ี แต่พอไปฮอดโพรงไม้ใหญ่ นกเค้าแมวกะบินไปติดกับดกั ของนายพราน เฮด็ ใหน้ กเคา้ แมวบส่ ามารถติง ได้ นกเค้าเเมวกะเลยเอิน้ หาความซอยเหลือ\"ซอยข่อยแน่ๆ มไี ผได้ยนิ บ่ ซอยข่อยแน ข่อยตดิ อย่ใู นหน่ี\"ทันใดน้นั อกี าบินมาแตเ่ ทิงฟ้า บนิ ลงมาด้วยความเร็วสงู เพอื่ มาซอยนกเค้าแมว แล้วกะเวา้ วา่ \"ขอ่ ยมาซอยเจ้าแลว้ เจ้า นกเค้าแมวผูต้ ะเหลือโตน\" หลังจากน้นั อีกากะสามารถซอยนกเค้าแมวออกจากกบั ดัก นั้นได้ นกเค้าแมวกเ็ ลย เวา้ ว่า \"เจา้ เปน็ คอื แสงสวา่ งในชวี ติ ข่อย ขอ่ ยต้องขอขอบใจหลายๆ เปน็ การซอยเหลือคร้ังย่ิงใหญ่ ข่อยสบิ ่ลมื บญุ คมุ้ เจา้ เลย\" หลงั จากเหตุการณ์ในครั้งนัน้ นกเคา้ แมวก็ขอตดิ ตามอีกาไปทุกหมอ่ งทุกบ่อน เทงิ สองกะเลย เปน็ หมู่ฮกั หมู่แพงกัน คอยซอยเหลอื เก้ือกูลกันตลอดมา และทัง้ สองกะมีสีขาวคกึ นั ด้วยความฮกั หมู่หลา้ ย หลายของอกี า กะอาสาเฮด็ งานซอยนกเค้าแมวทกุ อยา่ งทุกแนว มือนึ่งนกเคา้ แมวคิดอยากสิกินไข่ไก่ของชาวนาทม่ี ีเฮือนอยู่บไ่ กล จากฮงั ของเทิงสอง นกเคา้ แมวเวา้ ว่า \"มอ้ื น้ี ขอ่ ยอยากกินไข่หล้ายหลาย\" พออีกาได้ยิน กะฟา้ วรับอาสาไปหาให้กินทันที กะเลยเว้าว่า \"นกเคา้ แมว เอย๋ เดยี๋ วขอ่ ยสิไปหาไขไ่ ก่ มาให้เจา้ กนิ \" แต่โชคบด่ อี ีกาถูกชาวบ้านตีจนชา้ เลือด เฮด็ ให้เลือดมีสีดา แตน่ กเค้า แมวกะบ่ไดซ้ อยเหลอื หม่ขู องจะ้ ของของเลย กะเพราะว่าความใจเสาะ นับตั้งแต่ม้อื น่ันเปน็ ต้นมาอีกากะเลยมี แตส่ ีคลา้ สเี ดยี วจากเหตุการณ์ในม้ือนน้ั เฮ็ดให้อีกากับนกเค้าแมวบใ่ ดเป็นหมู่ฮักกนั อีกต่อไป เฮ็ดอิหยงั ตรงข้าม กนั ทกุ ๆอยา่ ง ต่างคนต่างอยู่ ถ้านกเค้าแมวออกหากินยามกลางคืน สว่ นทางอกี านั้นกะออกหากินยามกลางเวน็ เฮด็ ให้ทั้งสองบ่มโี อกาสไดพ้ ้อหนา้ กนั ทางนกเคา้ แมวกะฮสู้ ึกผิดอยูต่ ลอดเวลา สาหรับความผดิ ที่มตี ่ออีกาทเ่ี ทยี นั้นเขาบม่ โี อกาสได้ซอยเหลือและบ่มีโอกาสได้เว้ากบั อีกา จนมาถึงม้ือน่งึ นกเคา้ แมวได้ยินเสียง \"ซอยขอ่ ยแนๆ ข่อยถูกทาลาย ซอยข่อยแนๆ\" เพราะนกเคา้ แมวไดย้ นิ กะฟ้าวบนิ ตามเสยี งนนั้ ไป เพื่อไปซอยเหลอื นกเคา้ แมว กะเลยไดพ้ ้อกับอีกาทก่ี าลังถูกนกโตน่ึง ทาลายจนมบี าดแผล พอนกเค้าแมวเหน็ ก็เลยบอกออกไปวา่ \"โอ้สหาย ของข่อย เด่ียวข่อยสิซอยเจ้าเอง\" นับตงั้ แต่มื้อน้ัน นกเคา้ แมวกะไดซ้ อยเหลอื และอีกาจนอาการดีขึน้ อีกากะ เลยเวา้ ว่า\"ขอ่ ยขอขอบคุณเจา้ หลายๆท่ีซอยเรือได้เทียน้ี นกเค้าแมวกะเลยเวา้ ว่า \"ขอ่ ยตา่ งหากท่ตี ้องเป็นฝ่าย
22 ขอบคุณเจ้าและข่อยต้องขอโทษเจา้ ที่ มือนัน้ ข่อยบ่กลา้ ไปซอยหมู่ฮักของข่อย จนเฮ็ดให้ขอ่ ยต้องเสยี หมู่ท่ีขอ่ ย ฮักทีส่ ดุ ไป การตอบแทนเจา้ ในม้ือน้เี ปน็ สง่ิ ท่ีข่อยเตม็ ใจเฮด็ อย่างคัก\"หลงั จากนั้นนกเค้าแมวกบั อีกากะะได้ กลบั มาเป็นหมู่กนั และไดซ้ อยเหลือกนั ตลอดไป
23 เจา้ หญิงแตงออ่ น เจา้ หญงิ แตงออ่ น เป็นธิดาของกษัตริยเ์ มอื งตะนูวดี มีพ่ีชายชอ่ื เจ้าชายสุดชฎา มอี สรู รา้ ยต้องการที่จะ ยึดเมอื ง และต้องการได้นางแตงอ่อน เปน็ มเหสี นางแตงอ่อนไม่ยนิ ยอมจึงถูกฆ่าตาย เจ้าชายสดุ ชฎาเสยี ใจมาก จงึ อ้มุ ศพนางแตงออ่ นหนีไปถึงหนา้ ผาในป่า และต้ังใจจะกระโดดหน้าผาฆ่าตวั ตายตามน้องสาว พระอินทร์จึง แปลงรา่ งลงมาขดั ขวางและเกลยี้ กลอ่ มใหเ้ จา้ ชายสุดชฎายอมรับอาหารท่ี ตนมอบให้เจา้ ชายสดุ ชฎาจึงป้อน อาหารให้ศพเจา้ หญงิ แตงอ่อน นางจึงฟื้นขน้ึ มาท้งั สองจงึ ซัดเซพเนจรไปอาศัยอยใู่ นกระท่อมเลก็ ๆ ซง่ึ ใต้ดนิ ที่ ปลูกกระท่อมนั้นมีถ้าพญาจระเขจ้ าศลี อยู่ นางแตงอ่อนเผลอเทนา้ ข้าวเดือดลงไปบนพน้ื ดิน พญาจระเขท้ ่จี า ศีลอยู่ ถูกน้าข้าวเดือดลวกจงึ ออกจากถา้ ขึ้นมาบนบึงนา้ เกลด็ จระเขจ้ ึงกระเดน็ ตกลงไปในหม้อขา้ ว เจ้าชาย สดุ ชฎาเสวยขา้ วปนเกลด็ จระเข้ลงไป ทาให้กลายเป็นจระเข้ จงึ บอกให้นางแตงอ่อนปักปิ่นลงบนศรี ษะตน เพื่อ จะได้เป็นทีส่ งั เกตและแยกออกวา่ จระเขต้ ัวไหนเป็นพี่ชายของนาง เจ้าชายไพรงามแห่งเมืองโกสอี อกประพาส ป่ามาพบนางแตงอ่อนก็หลงรักและรับนางไปเป็นชายา และพาจระเขเ้ จ้าสุดชฎาเข้าไปเลย้ี งในวงั ดว้ ย พวกนาง สนมของเจ้าไพรงามอิจฉาริษยานางแตงออ่ นจงึ ออกอบุ ายใหเ้ จ้าชายไพรงามออกไปคล้องช้างเผอื ก และ สบั เปล่ยี นโอรสของนางแตงอ่อนที่เพงิ่ ประสูติกับลกู จระเข้ ใส่ร้ายวา่ นางคบชกู้ ับจระเข้ เจ้าชายไพรงามโกรธ จึงขบั ไลน่ างแตงอ่อนและจระเขเ้ จ้าชายสดุ ชฎาออก จากเมือง พระอนิ ทร์จึงใหน้ างแตงอ่อนบาเพ็ญพรตเพื่อ ชว่ ยให้เจ้าชายสดุ ชฎากลับคนื ร่างเปน็ มนษุ ย์ ฝ่ายโอรส ของนางแตงออ่ นที่ถกู นาไปฝงั ไดน้ างไม้พฤกษาชว่ ยไว้ และตงั้ ชื่อว่า เกตทุ ิพย์บดี เมื่อเกตุทพิ ยบ์ ดีเจริญวยั จงึ กลบั เขา้ เมืองโกสแี ละบอกความจริงท้ังหมด นางสนมจึง ถกู เนรเทศ เจา้ ชายไพรงามและเกตุทิพย์บดีออกตามหานางแตงอ่อนและพยายามขอคนื ดีกบั นางแตงอ่อน แลว้ ท้งั สามก็กลบั มาใช้ชีวติ ด้วยกันอย่างมีความสุข
24 งเู ขียวนอ้ ยจอมขีเ้ กยี จ (The Lazy Green Snake) วนั หน่งึ งูเขยี วน้อยได้ออกมาลืมตาดโู ลกเป็นครง้ั แรก ในขณะท่ีงตู วั พๆ่ี กโ็ ตแล้วและออกไปหาอาหาร กนิ เองได้แต่เจ้างเู ขียวน้อยจอมข้ีเกยี จกไ็ ม่ยอมออกไปหาอาหารเลย ไมย่ อมแม้แต่จะขยับตัวไปไหนตงั้ แตเ่ กดิ มาอยูต่ รงไหนก็อยตู่ รงนั้น ข้เี กยี จมากจนไม่อยากจะทาอะไรเลยแม้แตอ่ ย่างเดยี ว มอี ยูว่ นั หน่ึงฝนตกลงมาอยา่ ง หนักและเจา้ งเู ขียวนอ้ ยจอมข้ีเกียจกห็ วิ มากเสียด้วย มองไปรอบๆ ตัวทต่ี วั เองนอนอยูก่ ็ไม่มีอะไรทจ่ี ะกนิ เป็น อาหารได้เลย แต่เจ้างเู ขียวน้อยกเ็ หลือบไปเห็นหางอวบๆ ของตัวเอง มองดแู ล้วชา่ งน่ากินนกั จึงเรม่ิ กัดกนิ หาง อวบๆ ของตวั เองแล้วตวั เจ้างูนอ้ ยกเ็ ริม่ ใหญข่ ึน้ ใหญ่ขึน้ วนั ตอ่ มาฝนกต็ กลงมาอกี และเจ้างเู ขียวจอมขี้เกียจก็ไม่อยากออกไปหาอาหารอีกเช่นเคย พอมองไป เห็นหางอวบๆ ทีเ่ หลือของตนเอง ก็ยังน่ากินอยู่ พร้อมกับพูดวา่ “โอโ้ ห หางอวบๆ ของเรานา่ กนิ จังเลย!” พอ พูดเสรจ็ กก็ ัดกินหางของตัวเองอกี เช่นเคย พอกนิ เสรจ็ กน็ อนอยูท่ ีเ่ ดิมแลว้ กห็ ลบั ไป ตอ่ มาวนั ทีส่ าม ฝนก็ตกลงมาอีกเชน่ เคย งเู ขียวจอมขเี้ กยี จก็ไม่อยากคลานออกไปหาอาหารอกี เช่นเคย เวลาหวิ ก็มองไปท่หี างตนเองอกี แล้วก็พดู พมึ พากับตนเองว่า “โอโ้ ห หางอวบๆ ของเราน่ากินจังเลย!” พอพดู เสรจ็ ก็กัดกินหางของตวั เองอีกเชน่ เคย พอกนิ เสร็จก็นอนอยทู่ ่เี ดมิ แล้วกห็ ลับไป ตอ่ มาวันทสี่ ี่ วันท่หี า้ และวนั ท่หี ก หลังจากกินหางของตนเองจนสน้ั กดุ หมดแล้วจงึ เรม่ิ กัดกนิ ตวั ของ ตนเองจนสุดทา้ ยจึงเหลอื แคส่ ่วนหัวเท่านัน้ วนั ทเ่ี จด็ งูเขยี วจอมขี้เกยี จหวิ จดั แต่ก็หาอาหารกนิ ไม่ได้เพราะความข้ีเกยี จเกินเยียวยาของตนจงึ อา้ ปากออกและก็กลนื กนิ หวั ส่วนที่เหลอื ของตนเองจนหมด!!!
25 นางผมหอม นานมาแลว้ ณ หมบู่ า้ นแห่งหน่ึงมหี ญิงสาวคนหนึ่ง นามว่า “นางเทวี” ในเวลาต่อมานางเทวไี ด้เดนิ ทางเข้าปา่ ไปหาของป่าและอาหาร ซง่ึ นางไดเ้ ข้าไปในบ้าลึกกว่าปกติ น้าทเ่ี ตรียมมาไดห้ มดลง นางกระหายน้า มาก ขณะท่ีเดนิ หาแหลง่ นา้ อยู่ บังเอญิ เหลือบไปเห็น น้าที่ขงั อยู่ในรอยเท้ากระทงิ จึงกม้ ลงดดู กินนา้ น้ัน กใ็ ห้ รสู้ ึกหอแห้งกระหาย ยิ่งขึ้น คือกนิ แล้วย่ิงไม่อิ่ม จากนัน้ นางกม็ องเห็นน้าทข่ี ังอยู่ในรอยเท้าชา้ งดใู สสะอาด ก้ม ลงด่มื กินน้านน้ั ก็ให้ รู้สกึ ชุม่ ฉ่าคอย่ิงนัก จงึ ด่ืมกนิ จนอิ่ม ความหวิ กระหายนนั้ ก็หายไป นางกลบั มาถึงบา้ น จากนัน้ ไม่นาน กต็ ง้ั ครรภ์ โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเดก็ ในท้อง เพียงแต่สงสัยว่าเด็ก คงเปน็ ลูกของพญาช้างหรือไม่กพ็ ญากระทิง ตอ่ มานางได้คลอดลูกเป็นเด็กหญิงแฝดสองคน คนพใ่ี ห้ชอื่ วา่ นาง ผมหอม เพราะผมของนางมีกล่นิ หอมตงั้ แต่แรกเกดิ คนน้อง ให้ชอื่ วา่ นางลนุ เพราะเป็นนอ้ ง นางผมหอม เป็น คนนิสยั ดี โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ อย่เู สมอ ผิดกบั นางลุน ซงึ่ เป็นคนขี้อิจฉา ใจรา้ ย ชอบรงั แกคน อืน่ รวมถึงชอบรงั แกและแกลง้ นางผมหอมอยเู่ สมอ นางท้งั สองกจ็ ะถูกลอ้ อยเู่ สมอว่า เป็นเดก็ ไมม่ ีพอ่ กระทั้ง โต เป็นสาว ก็ยงั ถูกล้ออยู่ ในทีส่ ดุ ทนไม่ไหว ทง้ั สองจึงตัดสนิ ใจไปถามความจริงกับแม่ นางเทวี เล่าความจริงให้ฟงั ว่าไดไ้ ปด่ืมน้าในรอยเทา้ โคและรอยเท้าช้างในกลางปา่ กลับมากต็ ้งั ครรภ์ พ่อของพวกเจา้ กค็ อื พญาชา้ ง และ พญากระทิง แตก่ ็ไมร่ วู้ ่าใครเป็นลกู กระทิง ใครเป็นลูกชา้ ง นางผมหอมและนางลนุ จึงขออนญุ าตมารดา ออก ตามหาบดิ าในป่า นางทงั้ สอง เดนิ ทางมาหลายวนั ในท่ีสุด ทั้งสองก็ต้องเผชิญหน้ากับ พญาชา้ งใหญเ่ ชือกหนึ่ง พญาช้าง เหน็ ท้งั สองเข้าคิดวา่ เปน็ พวกมนษุ ยท์ ่ีบุกรกุ เข้ามา จึงจะฆา่ เสีย นางผมหอมผู้เป็นพ่ี จงึ รอ้ งไหอ้ ้อนวอนขอชีวติ พญาชา้ งเกิดความสงสยั วา่ เหตใุ ดหญิงทงั้ สองจงึ เขา้ มาในป่าผดิ วสิ ยั หญงิ ย่ิงนัก นางผมหอมจงึ เลา่ ให้พญาชา้ งฟังวา่ “เราไมไ่ ด้ตัง้ ใจเข้ามาบุกรุกทาลายปา่ แตเ่ ราท้ังสองเขา้ มาเพือ่ ตามหาผู้ เปน็ พ่อ ซ่ึงแม่ของเราชื่อวา่ นางเทวี นางได้ด่ืมนา้ จากรอยเทา้ ช้าง และรอยเท้าโค ซง่ึ เราไมร่ ู้ว่าใครคอื ลูกของ ชา้ ง ใครคอื ลูกของโค” นางลุนกไ็ ดช้ ิงตอบไปวา่ “ขา้ น้แี หละเป็นลกู ของพญาชา้ ง สว่ นนางผมหอมเป็นลูกของพญาโค หากจะ ฆา่ ก็จงฆา่ นางผมหอมเถิด”
26 นางผมหอมพูดวา่ “ก่อนจะฆ่านาง ขอใหน้ างไดพ้ สิ จู นต์ ัวเองกอ่ น ถ้านางไม่ใช่ลกู ชา้ งจรงิ จะฆา่ กย็ อม” พญาชา้ งจงึ กลา่ ววา่ ยินยอมใหพ้ ิสูจน์ โดยหากใครปีนงวงข้ึนขี่คอได้ คนน้นั นนั้ แหละคือลูก วา่ แลว้ พญาชา้ งก็ ตั้งจิตอธิษฐานตามน้ัน แลว้ ยนื นง่ิ ๆ นางลุน ม่นั ใจนักวา่ ตัวเองเปน็ ลกู ชา้ ง จึงรีบปีนขน้ึ งวง หมายจะขนึ้ หลังชา้ งให้ได้ แต่พยายามอยา่ งไร ก็ ไม่ อาจจะปีนข้ึนได้ มีแต่ล่ืนตกลงมาดงั เดิม เพราะนางคือลูกของพญาโค พญาช้างจึงบอกให้พอก่อน นางผมหอม กลับปีนขึ้นได้อย่างง่ายดาย และน่ังอยู่บนคอช้างไดส้ าเร็จ สว่ นนางลุนเหน็ วา่ นางผมหอมปีนข้ึนได้อย่างง่ายดาย จงึ อยากลองดูใหม่ แม้พญาช้างหา้ มกไ็ ม่ฟงั ในที่สดุ พญาช้างจึงใช้เทา้ กระทบื นางลนุ จนตาย หลงั จากน้นั พญาชา้ งนานางผมหอมผ้เู ปน็ ลูกไปอย่ดู ว้ ย โดยสร้างปราสาทให้ เรียกว่าปราสาทนางผมหอม นางผมหอม อาศยั อยู่ในปา่ กับพญาชา้ งเป็นเวลาหลายปี นางรสู้ ึกเหงามาก จงึ ออกอุบายเพอ่ื ให้ไดช้ าย ผูเ้ ปน็ เนื้อคูต่ น ต่อมานางผมหอม เตรียมผอบแล้วนางถอนผมตวั เองออกมา 1 เสน้ บรรจงม้วนใส่ลงไปในผอบนนั้ นางไดต้ ้ังจิตอธษิ ฐานว่า “ผอบนี้ จงลอยน้าไป ขอกล่นิ หอมของเสน้ ผมอยา่ ได้จางหาย ขอใหช้ ายทเ่ี ปน็ เน้อื คู่ เท่านัน้ สามารถทจ่ี ะเก็บผอบน้ไี ด้ คนอ่ืน ๆ แม้พบหากไม่ใชเ่ น้อื ค่แู ล้วไซร้ ขอใหเ้ ก็บเอาไมไ่ ดเ้ ถิด หากชายทเ่ี ปน็ เน้อื คเู่ กบ็ ได้แล้วขอให้มีใจม่ันท่จี ะออกตามหาตวั เราจนไดพ้ บกนั เถิด” กป็ ล่อยลงแม่นา้ ผอบนนั้ ไดล้ อยไป เร่ือย ๆ จนไปถึงเมืองรัตนา เมอื งรัตนา มีกษัตริย์หนุม่ รปู งามคนหน่ึงปกครองตอ่ จากบิดาของตน นามวา่ พระเจ้ารตั นะ วนั น้นั พระองค์กบั เหลา่ บริวารเสด็จไปเล่นนา้ อยู่ท่าน้านัน้ พอดี เมื่อผอบน้นั ลอยมาถึง กลน่ิ หอมแหง่ ผมก็ขจรขจายไป ทัว่ บริเวณ ทงั้ พระราชาและเหล่าบรวิ ารตา่ งไดก้ ลน่ิ หอมประหลาดนั้นซึง่ แตกตา่ งจากกล่ินหอมท่ีเคยได้กลน่ิ เหลา่ บรวิ ารจึงว่ายนา้ เขา้ ไปเพอ่ื ทีจ่ ะเกบ็ เอา ผอบนนั้ แตก่ ็ไม่มีใครสามารถจะเก็บเอาได้ พระองค์จงึ ทรงใคร่ลอง ดว้ ยพระองค์เองบ้าง จงึ ว่ายน้าเข้า ไป และเกบ็ ได้อยา่ งงา่ ยดาย
27 พระเจา้ รัตนะ ทราบว่ากลนิ่ หอมต้องมาจากของในผอบนเ้ี ป็นแน่แท้ ข้นึ ฝ่ังมาเปดิ ผอบออกดู จงึ พบ เหน็ เพยี ง เสน้ ผมยาว ๆ สดี าขลบั เงางามเสน้ หนง่ึ เส้นผมย่ิงสง่ กร่นุ กล่ินหอมอบอวลไปท่ัว พระองคค์ ิดว่า เสน้ ผมน้ี คง เป็นผมของเทพธิดา ถึงไดห้ อมปานน้ี จงึ ได้ออกตามหานางผูน้ ั้น เพ่อื มาเป็นพระมเหสใี ห้จงได้ โดยได้ออก เดินทางไปเพียงผ้เู ดยี ว ในทส่ี ุดก็มาถึงบรเิ วณท่ีอย่ขู องนางผมหอม พระองค์สดู ได้กล่นิ กรุ่นหอมแรง ชดั ย่งิ ข้ึน จึงแน่พระทยั วา่ เจ้าของเสน้ ผมต้องอาศยั อยูบ่ ริเวณนี้ เมือ่ ทั้งสองพบกนั ท้ังคู่ก็เกดิ ความรักแรกพบทนั ที และอย่ดู ้วยกันตั้งแต่นั้นมา โดยมีข้อแมว้ ่า ห้ามพระ เจา้ รัตนะลงจากปราสาทโดยเดด็ ขาด เพราะกลัวพญาช้างจะทราบเร่ืองแล้วฆ่าเสีย แม้พระยาชา้ งจะได้กลน่ิ มนุษยค์ นอน่ื ที่ไมเ่ หมือนกล่นิ นางผมหอม ก็ไม่ได้ไถ่ถาม ได้แต่แบกความสงสยั ไว้และ คอยจบั จ้องดูอยภู่ ายนอก ทั้งคเู่ กรงวา่ หากพญาชา้ งจบั ได้จะเกิดอนั ตราย จึงวางแผนหนี เพ่อื จะกลับไปครองเมืองรัตนาดงั เดิม และในทสี่ ดุ กห็ นีออกมาได้ในวนั ท่ีพญาชา้ งพรอ้ มท้ังบรวิ ารทง้ั หมดออกหากินไกล ๆ ทัง้ สองไดล้ ่องเรือไป จนถงึ เมืองรตั นา ขณะทพ่ี ักแรมนน้ั ปรากฏว่าเสน้ ทางนัน้ มีนางผปี ่าเฝ้าอยแู่ ละเกิดความเสนห่ า ในพระเจา้ รัตนะ เม่ือนางผมหอมอาบนา้ จงึ ถูกนางผีพรายผลกั ตกน้าไป และนางผพี รายก็แปลงตนเองเป็นนางผมหอม แทน เมื่อถึงพระนครนางผีพรายกเ็ ขา้ อยใู่ นวังดว้ ยในช่วง ระยะ เวลาหน่งึ แตเ่ นอื่ งจากพฤติกรรมของนางผี พรายแปลง แตกต่างกันกบั นางผมหอมจริง เม่ือพระเจ้ารัตนะทราบความ จริง จึงหาทางกาจดั นางผีพรายและ ไปรบั นางผมหอมมาอยดู่ ้วย พระเจ้ารัตนะได้แต่งตั้งนางผมหอมเป็นพระอัครมเหสี และอยคู่ รองรกั กนั อยา่ งมีความสุข
28 กาเนดิ ทางช้างเผอื ก กาลคร้ังหนง่ึ นานมาแล้ว มีชาย 2 คนเปน็ เพ่ือนรักกันมาก คนหนึ่งมฐี านะรา่ รวย ช่อื สารวย ส่วนอีก หน่ึงคนมีฐานะยากจน ชอ่ื บุญมี วันหนึ่ง บุญมจี บั หมูได้ตัวหน่งึ ดว้ ยความทีบ่ ุญมียากจนและหวิ มาก เขาจึงนาหมมู าทาอาหาร หมจู ึง พูดว่า หมู : ทา่ นได้โปรดไว้ชวี ิตเราดว้ ยเถอะ อย่าเอาเราไปทาอาหารเลยนะ บญุ มี : แตข่ ้าหวิ มากแล้วก็ไมม่ ีเงนิ จะซ้ืออาหารกิน ถา้ ไม่เอาเจ้าไปทาอาหารแลว้ ขา้ จะเอาอะไรกิน หมู : ไดโ้ ปรดเถอะท่าน ถ้าท่านไว้ชีวิตขา้ ข้าจะทาให้ทา่ นมเี งนิ ทอง บุญมี : เจา้ จะทาใหข้ ้ามีเงินทองไดอ้ ย่างไร หมู : เราจะพาท่านขึ้นไปบนสวรรค์ ไปเอาเงินกับทองมา ทา่ นจะไดม้ เี งิน บญุ มี : เจ้าจะพาขา้ ไปจริงๆเหรอ หมู : จรงิ สิ เมอ่ื ได้ฟงั ดังนน้ั บญุ มจี ึงตัดสนิ ใจไมน่ าหมูมาทาอาหาร และไว้ชวี ิตหมูตามท่หี มูร้องขอ หมูจึงพาบญุ มี ขึ้นไปบนท้องฟ้าตามที่สัญญาไว้ พรอ้ มกบั บอกบญุ มี หมู : เราพาท่านมาแล้ว ทา่ นสามารถเกบ็ เอาเงินทองท่ีอย่บู นนล้ี งไปได้ บุญมี : เราขอบใจเจา้ มาก หมู : แต่เรามีข้อแมท้ ่ีต้องตกลงกนั นะ บุญมี : เรอ่ื งอะไรเหรอ หมู : เม่อื ถงึ เวลาทีท่ ่านได้ยินเสยี งขา้ เรียกท่านจากโลกมนษุ ย์ ก็ใหท้ ่านรีบกลบั ลงมาตามที่เราเรียกทนั ทีเลย นะ บญุ มี : แลว้ ถ้าขา้ ลงไปไม่ทนั ละ่ หมู : ทา่ นก็จะถูกสาปให้อย่เู ฝา้ ทนี่ ไ่ี ปตลอดกาล นะ่ สิ ไมม่ ีโอกาสไดใ้ ชเ้ งนิ ทองทเ่ี ก็บหรอกนะ บุญมี : ตกลง เราจะทาตามทท่ี ่านบอก
29 จากนั้นบญุ มกี ็รบี เก็บเงนิ เก็บทอง ท่ีอยู่บนสวรรค์ ใหม้ ากที่สุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้ สกั พกั หนึง่ เขาก็ไดย้ ิน เสียงเรยี กจากโลกมนุษย์ หมู : ทา่ นบญุ มี ลงมาไดแ้ ลว้ ถึงเวลากลบั แล้ว บญุ มี : ข้าจะลงไปเดี๋ยวน้แี หละ แล้วบญุ มีกก็ ลบั ลงมาโลกมนุษย์ ตามเสยี งเรยี กที่หมสู ั่งไว้ ตง้ั แตน่ ั้นเปน็ ต้นมา บญุ มกี ็ไมย่ ากจนอีกต่อไป มีฐานะรา่ รวยขึ้น และสุขสบายกว่าแต่ก่อน ความ รา่ รวยเขามคี นกลา่ วถงึ มากมาย และเป็นท่ีเล่ืองลอื จนกระทง่ั สารวยทราบขา่ ว เขาอยากมเี งนิ ทองมากมาย เหมอื นบุญมบี ้าง จงึ มาถามรายละเอยี ดความร่ารวยของบุญมี สารวย : บุญมี ขา้ ขอถามหนอ่ ยสิ ทาไมเจ้าถึงรา่ รวยมากขนึ้ ขนาดน้ี บญุ มี : พอดขี า้ จบั หมูได้ตัวหนงึ่ มันพาข้าไปเอาเงนิ ทองบนสวรรค์ ทาใหข้ า้ รา่ รวยแบน้แี หละ สารวย : ขา้ อยากมีเงินทองมากมายแบบเจ้าบา้ ง บญุ มี : เจา้ ก็มเี ยอะอยแู่ ล้วไม่ใช่เหรอ สารวย : แตข่ ้าอยากมีมากกวา่ นี้ เจา้ ให้หมูตัวน้นั พาข้าไปเอาเงนิ ทองหน่อยสิ บุญมี : เอาเถอะ ถา้ เจา้ อยากได้เงินทองอีก เดยี๋ วข้าให้หมพู าเจ้าไป สารวย : ขา้ ขอบใจเจ้ามากนะ หมจู งึ พาสารวยข้นึ ไปบนสวรรค์ หมู : ถา้ ท่านได้ยินเสยี งขา้ เรยี กจากโลกมนุษย์ ทา่ นจะต้องกลบั ลงมายงั โลกมนุษย์ทันทเี ลยนะ สารวย: ตกลง ขา้ จะรบี ลงไป หมู : อยา่ ลืมนะท่าน รบี ลงไปทันที สารวย: ข้าบอกวา่ จะลงไปกล็ งไปสิ หมูจึงกลับลงไปยังโลกมนษุ ย์ และปล่อยใหส้ ารวยเก็บเงินทองบนสวรรค์ สารวยหอบเงินหอบทองมากมาย เมอ่ื ถึงเวลาต้องกลับเขากไ็ ด้ยินเสียงเรยี ก หมู : ทา่ นสารวย ถงึ เวลากลบั แล้ว ลงมาไดแ้ ล้ว
30 แมจ้ ะได้ยินเสยี งเรยี ก แตด่ ้วยความโลภของเขา อยากได้เงินทองมากๆ เขาจึงไม่ยอมลงไป จึงถกู สาปให้เป็นคน เฝ้าบ่อเงินบ่อทอง จนกระทัง่ ทกุ วันน้ี เขาก็ยังน่งั เฝา้ บอ่ เงินบอ่ ทองอยู่บนฟา้ ไมม่ โี อกาสลงมาโลกมนุษย์เลย ทุกวันน้หี ากเรามองไปบนทอ้ งฟา้ ยามค่าคนื เราจะมองเหน็ ชายคนนั้นน่งั เฝ้าบอ่ เงนิ บ่อทองเปน็ ทาง ยาวสีขาวเหมอื นทางชา้ งเผือก
31 หมาจอกอยากกนิ กุ้ง วนั หนึ่งหมาจ้ิงจอกเดินไปถงึ หนองน้าท่เี ต็มไปด้วยก้งุ มากมาย จึงอยากกินกงุ้ มากแต่กงุ้ ก็คิดหาวิธเี อา ตวั รอดด้วยวธิ ีการต่างๆ ฝงู ก้งุ หลอกใหห้ มาจงิ้ จอกเดนิ ลงไปในนา้ ลึกๆ เพ่ือท่จี ะได้ลา้ งก้งุ ให้สะอาดเพราะฝูงกงุ้ มแี ต่โคลนตดิ อยู่ แต่จนแลว้ จนรอดหมาจิ้งจอกก็ไม่ไดก้ ินก้งุ สกั ที หลงั จากโดนฝงู กุ้งหลอกให้เดินลงไปกลางหนองน้า หมาจง้ิ จอกกโ็ มโหมากจึงเรียกประชุมบรรดาสตั ว์ ใหญ่น้อยในป่าเพ่ือใหม้ าช่วยกันจับกงุ้ ฝูงนใี้ หไ้ ด้ หมาจ้งิ จอกสั่งการให้งูเหลอื มนอนขวางกัน้ เปน็ เขื่อนในหนองน้า แลว้ จึงสง่ั ให้ช้างพลายตวั ใหญ่ช่วยกันออกแรงสบู นา้ ออกจากหนองจนแห้ง ส่วนนกอีแรง้ หมาจิ้งจอกก็สงั่ การให้บนิ วนรอบหนองน้าเพ่ือสงั เกตการณแ์ ละเฝา้ จบั ตาดูกุง้ ฝูงนน้ั ไม่ให้มีตวั ใด หนีออกจากหนองน้าได้ แตว่ า่ กม็ กี ุ้งเจ้าปญั ญาอยตู่ ัวหนึง่ ไดร้ อ้ งขอความชว่ ยเหลือจากนกอีแรง้ ให้ไปหาใบไม้ใบใหญ่ๆ มา แลว้ ก้งุ เจา้ ปญั ญาตวั นัน้ ก็ใชใ้ บใม้มามว้ นทาเป็นลาโพงขยายเสยี ง พร้อมกับตะโกนใส่ลาโพงดงั ๆ วา่ “ฝงู สตั ว์ใหญ่นอ้ ย ทั้งหลาย! ฟังทางน้ี! ตอนน้ี มีผเี จ้าป่าเจ้าเขากาลังมาทางนี้ ถ้าใครไมห่ นีกจ็ ะถูกลงโทษ!” หมาจ้ิงจอก งเู หลอื ม ช้างพลายและสตั วใ์ หญ่สตั วน์ ้อยไดย้ ินดังนัน้ แล้วก็รบี หนีไปอย่างไม่คดิ ชีวติ และสดุ ท้ายกุ้ง ทง้ั ฝงู กป็ ลอดภัยจากหมาจิ้งจอกอนั พาล
32 ทา้ วเจ็ดหวดเจด็ ไห ณ หมู่บ้านแหง่ หนึง่ มีครอบครวั หนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกนั สามคน มีพ่อ แม่ และลูกชาย ชือ่ ท้าวเจด็ หวด เจ็ดไห ซงึ่ ทา้ วเจ็ดหวดเจด็ ไหเปน็ คนกนิ จุมาก กินข้าวครัง้ ละเจด็ หวด กินปลาร้าครงั้ ละเจ็ดไห อยู่มาวันหนึ่งพ่อ กบั แม่ออกไปหาอาหารในปา่ ท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะไปไดน้ ึ่งข้าวไว้ให้ลกู ชายกนิ พอกลับมาถงึ บา้ น พบว่าลูกชาย กนิ ขา้ วจนหมดเกล้ยี ง พ่อกบั แม่จึงปรกึ ษาหาวธิ กี าจดั ลกู ชายออกจากบ้าน “แม่มงึ เอย้ ทาไมลกู เราถงึ กนิ จจุ ัง เลย เราจะทาอย่างไรกันดลี ่ะ” พอ่ กลา่ ว “น่ันสิพ่อมงึ ” แม่กล่าว “งน้ั พร่งุ นี้ฉนั จะพามันไปคล้องชา้ งในป่า ให้ ช้างเหยียบตาย” พ่อกล่าว “ตามเจา้ พ่อเถอะ” แม่กลา่ ว วนั รุ่งข้นึ พอ่ จึงชวนลูกไปคล้องช้างในป่า “เจ็ดหวดเจด็ ไห เจา้ จะไปคลอ้ งช้างกับพ่อไหม” พอ่ กลา่ ว “ไปจ๊ะพ่อ” ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไหกลา่ ว จากนั้นพ่อก็พาทา้ วเจ็ดหวดเจ็ดไหเขา้ ไปในปา่ ทนั ใดนัน้ เองก็เห็นช้างเดิน ผ่านมา “นัน่ ไงชา้ ง เจ้าไปคล้องชา้ งให้พอ่ หน่อยสิ” “ไดจ้ ะ๊ พ่อ” จากนัน้ พ่อจึงรีบวง่ิ กลับบ้านพลนั นกึ ในใจวา่ “เจ้าจะต้องตายดว้ ยเท้าชา้ งเป็นแน่” พอถงึ บ้านไดส้ ักพัก ก็เห็นท้าวเจด็ หวดเจด็ ไหข่ชี า้ งกลับมาบ้านได้สาเรจ็ พอ่ กบั แมต่ กใจมากท่ีเห็นทา้ วเจด็ หวดเจด็ ไหยงั มีชีวติ อยู่ จึงบอกให้ทา้ วเจ็ดหวดเจ็ดไหเอาชา้ งไปปล่อยในป่า ดังเดมิ พ่อกบั แม่จึงปรึกษากันถงึ วธิ ีทจ่ี ะกาจัดลูกในวนั ตอ่ มา โดยพ่อจะชวนท้าวเจ็ดหวดเจด็ ไหไปตัดต้นไม้ ด้วยกนั วนั รงุ่ ขึ้น “เจด็ หวดเจ็ดไหเจา้ จะไปตดั ต้นไม้ในป่ากบั พ่อไหม” “ไปจ๊ะพ่อ” จากนน้ั พ่อก็พาท้าวเจ็ด หวดเจ็ดไหเขา้ ไปในป่า แลว้ ไปเจอตน้ ไมใ้ หญ่ต้นหน่ึง จึงเร่ิมตดั แลว้ บอกใหท้ ้าวเจ็ดหวดเจ็ดไหไปยืนรับตน้ ไม้ “เจด็ หวดเจด็ ไหไปรอรับต้นไม้ใหพ้ ่อหนอ่ ย” “จ๊ะพ่อ” พอตัดต้นไมเ้ สร็จ ตน้ ไม้ลม้ ทบั ท้าวเจ็ดหวดเจ็ดไห พอ่ รบี ว่งิ กลบั บ้านพลนั คิดในใจวา่ “เจ้าจะตอ้ งตายเพราะต้นไม้ทับเป็นแน่” ทา้ วเจ็ดหวดเจ็ดไหรอ้ งโอดโอย ขอความ ชว่ ยเหลอื ทันใดนนั้ เทวดาก็ปรากฏตวั ขึ้น และชว่ ยเหลือท้าวเจ็ดหวดเจด็ ไหจนปลอดภัย ทา้ วเจด็ หวดเจ็ดไห จึงแบกตน้ ไม้กลบั ไปให้พ่อ และถามพ่อวา่ “พ่อจะใหเ้ อาต้นไม้ไปไวไ้ หนจ๊ะ” “เอาไปท้งิ ไว้ที่ท่าน้า” พ่อกลา่ ว ท้าวเจด็ หวดเจด็ ไหก็แบกต้นไมไ้ ปท้ิงไวท้ ี่ท่าน้า วนั หน่งึ มเี รือสาเภาบรรทกุ สนิ คา้ มาขาย ขอนไมน้ น้ั ไดข้ วางทางเรือสาเภาบรรทุกสนิ คา้ มาขาย พ่อค้า จงึ ประกาศหาคนมายกขอนไม้ออก ทา้ วเจด็ หวดเจด็ ไหไดย้ ินข่าว กอ็ าสายกตน้ ไมอ้ อกได้สาเร็จ พ่อค้าจึงให้
33 รางวัลแก่ทา้ วเจ็ดหวดเจ็ดไห เป็นเส้ือผา้ มากมาย ทา้ วเจ็ดหวดเจ็ดไหจึงหอบเส้ือผ้ากลบั บ้านไปให้พอ่ กบั แม่ พอ่ กับแมด่ ีใจมาก จึงยอมรบั ลูกและอยดู่ ว้ ยกันอยา่ งมคี วามสุข...
34 นทิ านนกกระจอก (ท้าววรกติ ร) นานมาแลว้ มีนกกระจอก 2 ตวั ทารงั อยู่บนอาศรมของฤาษี นกตัวเมียอยู่ในรงั ส่วนนกตวั ผูอ้ อกไปหา อาหาร นกตัวผู้: อะแฮม่ เมยี จา๋ เด๋ยี วพ่อไปหาอาหารก่อนนะจ๊ะจะเอาหนอนตวั โตๆมาฝาก นกตัวเมีย:เอาหนอนสดๆ สะอาดๆ นะจ๊ะพอ่ จ๋า นกตวั ผู้:ไดเ้ ลย พ่อจะเช็ดอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ดแี ลรงั ใหด้ ีแลว้ กัน บายๆ นกตวั เมยี :บายๆจะ๊ เมอื่ นกตัวผู้บนิ มาถึงบึงบวั ใหญแ่ หง่ หนงึ่ มีดอกบัวทเ่ี บง่ บานเตม็ ทีใ่ นหนองน้า พ่อนกกระจอกจึงบินลง กนิ เกสรดอกบวั อย่างสาราญใจ นกตวั ผู้:ทั้งหอม ท้งั หวาน เกสรดอกบัวอร่อยๆ และก็ยังมวี ิตามินให้รา่ งกายเผาผลาญไดด้ ี 555 อร่อยมากๆเลย อิ่มแล้วก็นอนกลิง้ ไปกล้ิงมาดีกว่า กลงิ้ ไป กลิง้ มา กลง้ิ มา กลงิ้ ไป พอ่ นกนอนกลิ้งไปกล้งิ มาจนตะวันตกดิน ทาให้ดอกบัวหบุ พอ่ นกกระจอกจงึ ตดิ อยใู่ นดอกบัว ไมส่ ามารถ ออกไปได้ นกตัวผู้:โธเ่ อ้ย! งานเข้าแล้วสิ ไม่นา่ กินจนลืมเวลาเลย แลว้ เราจะออกไปไดย้ งั ไง เมยี จา๋ ต้องดเุ ราแน่ๆเลย บนิ ยงั ไงก็ไปไม่ได้ พ่อนกจะบินออกจากดอกบวั แตบ่ ินยังไงก็บินออกไม่ได้จนถึงเวลามดื กวา่ ดอกบวั จะบานอกี คร้ังกเ็ ชา้ วนั รุ่งเช้า นกกระจอกกบ็ นิ ออกจากดอกบวั บินตรงไปยังรงั พอ่ นกกระจอกกลบั มายังรัง ก็ไดท้ ะเลาะกบั แมน่ กกระจอก นกตัวเมีย:พ่อทาไมกลบั มาปา่ นนี้ นี่มนั เชา้ แล้วนะ นกตัวผู้:ฉันติดอยูใ่ นดอกบัวนะแม!่ นกตัวเมีย:ฉนั ไมเ่ ช่ือ!พ่อหรอก พอ่ ไปไหนมาบอกมาเลยนะ นกตวั ผ้:ู ก็ฉนั ตดิ อยู่ในดอกบวั ไง ทาไมไม่เชื่อ นกตัวเมีย:ถ้าโกหกฉันขอใหพ้ ่อบาปตัวโตเทา่ ฤาษี
35 พอฤาษีบงั เอญิ มาไดย้ นิ ก็ทาใหฤ้ าษีโกรษเคอื งนกท้ังสอง จึงไลน่ กให้ไปอยู่ทอี่ ื่น นกท้ังสองจึงไปอาศัยอยู่ในปา่ เลา หลังจากทน่ี กท้งั สองไปอาศัยอยใู่ นป่าเลา กเ็ กดิ เหตุการณ์ไฟไหมป้ ่าอย่างรุนแรง นกตัวผ้:ู ทาไมโชคชะตาจึงทากบั เราท้ังสองได้ นกตวั เมยี :พอ่ จ๋า แม่กลวั จงั เลย ไฟใกล้เข้ามาแลว้ ทาไงดี นกทัง้ สองตกใจและกลัวมาก ไดแ้ ต่น่ังกอดปลอบใจกนั จนกระทั่งไฟจะมาถึง นกทั้งสองกไ็ ด้สาบานต่อ กนั นกตวั เมยี :พ่อจ๋า เราจะสัญญากันนะวา่ ถ้าไฟมาเราจะไม่บินหนอี อกจากรัง เราจะตายไปพร้อมๆกัน ถ้าผดิ สัญญาฉนั จะไม่พดู กบั ชายใดอีกเลย นกตวั ผู้:ไดจ้ ะ๊ เราจะไม่ทง้ิ กัน เราจะอยู่ดว้ ยกนั ไปจนตาย แตแ่ ลว้ เมื่อไฟลามมาถึง พ่อนกไดผ้ ิดสญั ญากับแมน่ กโดยการบนิ หนไี ป แตก่ ็ไม่สามารถรอดพ้นไฟอัน รุนแรงครั้งน้ีได้ จงึ ทาให้ทง้ั คู่ไดต้ ายอยใู่ นปา่ ชาตติ ่อมาพ่อนกกลับชาติไปเกิดเปน็ ทา้ ววรกิตโอรสเจ้าเมอื งแหง่ หนึ่ง สว่ นแม่นกไดก้ ลับชาติมาเกิด เป็นพระราชธิดา ณ เมืองกาสี มนี ามว่า ”จันทรจร” เน่อื งจากจันทรจร ไม่เคยเอย่ ปากพูดจากับชายใดเลยแมก้ ระทงั่ พอ่ บังเกดิ เกล้าของตวั เอง ทาใหร้ าช บิดาของนางประกาศไปทวั่ เมืองว่า หากมีชายใดสามารถทาใหน้ างจนั ทรจรเอย่ ปากพดู ได้จะยอมใหค้ นผนู้ ั้นขนึ้ ครองเมือง แต่ก็ยงั ไมม่ ีใครทาได้สาเร็จ ท้าววรกิจได้คดิ ถึงชาตปิ างก่อนจึงไปเรยี นถอดวชิ ากับฤาษีท่ีเมืองมรกต ทา้ ววรกิจ : ท่านฤาษขี า้ มาขอเรยี นวชิ าถอดดวงใจกบั ทา่ นไดห้ รือไม่ ฤาษี : เจ้าต้องมเี หตผุ ลที่เพยี งพอใหก้ บั ขา้ ก่อน ท้าววรกติ จงึ ได้เลา่ เรื่องท่ีเกดิ ขนึ้ ในอดีตชาตทิ งั้ หมดใหก้ ับฤาษีฟงั เมอ่ื ฤาษีไดฟ้ ังจงึ ตดั สินใจท่ีจะสอน
36 หลงั จากนัน้ ทา้ ววรกจิ จงึ ไปอาสากบั เจ้าเมอื งกาสีวา่ จะลองทาให้พระราชธดิ าเอย่ ปากพดู จงึ ได้ถอดดวงใจ ไว้กบั หมอน แล้วพดู เรื่องราวทีก่ ลา่ ววา่ ผหู้ ญงิ จะต้องแพ้ผู้ชายเสมอ จนกระทง่ั เล่ามาถงึ เรื่องราวนกกระจอกซ่งึ เปน็ เรือ่ งราวในอดตี ชาตขิ องทั้งคู่ ในตอนจบท้าววรกิจแสรง้ เล่าวา่ ทา้ ววรกจิ : ทา่ นทราบหรอื ไม่วา่ มีนกกระจอกสองผวั เมยี สาบานวา่ จะตายในกองไฟฟดว้ ยกนั แต่แล้วนกตัวเมยี กลบั ผดิ คาสญั ญาบนิ หนีไปก่อน เม่ือนางจนั ทรจรได้ฟังจึงรู้สึกโกรธเปน็ อย่างมากเพราะเรื่องราวท่ีทา้ ววรกิจเลา่ นั้นไมเ่ ปน็ ความจริงทา ให้หลดุ ปากออกมา นางจนั ทรจร : ไม่จรงิ ! นกตวั ผตู่ า่ งหากเลา่ ท่บี ินหนีออกมาก่อน เม่อื นางจันทรจรได้พูดกบั ผชู้ ายแลว้ ทาให้เจา้ เมืองกาสดี ีใจเปน็ อย่างมากจงึ ไดย้ กนางจนั ทรจรให้กับ ท้าววรกิจ และท้งั สองก็รักกนั และครองเมืองอยา่ งผาสขุ สบื มา
37 จ่ึงข่ึงดังแดง กาลครง้ั หน่งึ นานมาแล้ว มีนายพรานตนหน่ึงช่ือ \"จึ่งข่ึงดังแดง\" รูปรา่ งสงู ใหญล่ า่ สนั มีฝีมือในการล่า สตั ว์ วันหนง่ึ นายพรานผูน้ ี้ตามล่าควายเงินมาจากหลวงพระบาง พอมาถึงริมน้าโขง ควายเงินนอนแช่ นา้ อยู่ จึง่ ขง่ึ ดงั แดงจอบ(แอบ)หมอบและคลานเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะยิง “ฮึย่ !! วันนี้แหละต้องล่าควายเงินใหไ้ ด”้ วา่ แลว้ กย็ กคันธนเู ตรยี มยงิ ทันใดนน้ั ชาวบ้านแล่นเรอื ผ่านมา ควายเงนิ ตกใจตื่นเตลิดขน้ึ ไป บนภเู ขาลูกหนึง่ เรยี กวา่ \"ภคู วายเงนิ \" จึง่ ขึง่ ดังแดงเลยยงิ ไปถูกเขาอกี ลกู จนพังทลายไปซีกหน่ึง กลายเปน็ “ภผู าแบน่ ” จ่งึ ขง่ึ ดงั แดงโกรธคนท่ีแล่นเรือผ่านมาก “ในเม่ือลา่ ควายเงนิ ไม่ได้ เรอื ก็ต้อง แลน่ ผา่ นไม่ได้เหมือนกนั ” จึ่งขง่ึ ดังแดง จงึ ขนหนิ มาขวางก้ันลาโขงไม่ให้เดนิ เรือได้ สามเณรนอ้ ยเห็น จึ่งข่ึงดังแดงกนั้ แมน่ ้าโขง กลัวชาวบา้ นเดอื ดรอ้ น จึงออกอบุ ายใหย้ มื ไผ่มาหาบหนิ “จง่ึ ขึ่งดังแดงเอ๋ย ใชไ้ มไ่ ผ่หาบหนิ ดีกว่าไหม ท่านจะได้กนั้ แมน่ า้ เสรจ็ เรว็ ข้นึ ” เม่อื จึ่งขึง่ ดงั แดงใช้ไม้ไผ่หาบหินตามคาแนะนาของสามเณรน้อย ทนั ใดนนั้ เอง ไม้ไผท่ ี่สามเณร นอ้ ย ใหย้ มื ก็ได้แตกหกั บาดคอนอนตายคุดคู้ อยู่ทีร่ ิมโขง จงึ เป็นท่มี าของ “แกง่ คุดค”ู้ ปจั จบุ ัน
38 พญากง พญาพาน ยังมีพญากงเป็นเจ้าเมืองนครชัยศรี มีมเหสรี ปู งามท่ีกาลงั ตั้งครรภโ์ อรสองคห์ น่ึง โหรทานายว่าเป็นผมู้ ี บญุ มาเกดิ จะได้เป็นใหญ่ในภายภาคหนา้ แต่จะฆ่าผู้เป็นบิดาเสยี ขณะทโ่ี อรสคลอดบังเอิญหน้าผากไปกระทบ พาน เขา้ จนเปน็ แผลพญากงส่ังให้นาโอรสไปทิ้งตามยถากรรมแต่ยายหอมไดน้ าไปชบุ เลยี้ งตงั้ ชอ่ื ให้ว่าพาน พอโตมากไ็ ปฝากเรยี นที่วดั โคกยายหอมซ่งึ พานน้ันเปน็ เด็กฉลาดรกั เรียนจากนน้ั กถ็ ูกฝากเข้ารับราชการกับพระ ยาราชบุรี ท่เี มืองราชบรุ ีพระยาราชบุรีก็รับเป็นลกู บญุ ธรรมความทีพ่ านเปน็ คนเรยี บร้อยมคี วามฉลาดเฉลียวจึง ได้เป็นพญาพานไปตามระเบียบ ในสมยั นัน้ เมอื งราชบุรีเปน็ เมอื งขนึ้ ของเมืองนครชยั ศรี พญาพานชักชวนให้พระยาราชบุรแี ข็งข้อยก กองทัพไปปราบ ปรากฏวา่ พญากงผเู้ ปน็ พอ่ แท้ๆ ของพญาพานก็ถูกลูกในไสฝ้ นั ดว้ ยง้าวคอขาดตายในสนามรบ พญาพานจงึ เขา้ ยึดเมืองนครชัยศรี ในขณะที่เขา้ ไปหามเหสขี องพญากง นน้ั เทวดาได้แปลงกายเป็นแมวแมล่ ูกออ่ นใหน้ มนอนขวางประตู ร้องทักเอาไวก้ ่อน พญาพานจึงอธิฐานว่าหากมเหสีคนนเี้ ปน็ แม่ของตนจรงิ ก็ให้มีน้านมไหลออกมา ก็เปน็ เช่นนัน้ จรงิ ๆ พญาพานโกรธมาก ท่ียายหอมซ่ึงเลี้ยงดตู นมาไมเ่ คยบอกความจรงิ จงึ ฆ่ายายหอมเสยี แลว้ ก็มานงั่ สานึกผดิ ในภายหลงั ขี้ฆา่ ทง้ั พ่อแท้ๆและยายที่เล้ยี งดตู นมาจงึ สร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ซง่ึ ก็คือองคพ์ ระปฐมเจดีย์ เพอื่ เปน็ การล้างบาปมหันตข์ องตนน่ันเอง
39 ท้าวกา่ กาดา กาลครั้งหนงึ่ นานมาแลว้ มสี ามภี รรยาคู่หน่ึงแตง่ งานกันมาเปน็ เวลานานหลายปีแต่ยงั ไม่มีบตุ รสกั ที สามีเลยปรึกษากบั ภรรยาวา่ “น่ีแมน่ าง พ่เี หน็ วา่ เราก็อยดู่ ้วยกันเป็นเวลานานแล้วแตก่ ็ยังไมม่ บี ุตรสักที พเี่ องก็ อยากมบี ตุ รไวส้ ืบสกลุ แลว้ น้องล่ะ” ภรรยากต็ อบกลบั มาว่า “นอ้ งเองก็อยากมีบตุ รเช่นกัน เอาอยา่ งน้ีฉนั ว่าเรา ลองไปบนบานกบั สิง่ ศักดส์ิ ทิ ธิ์ไหม” ภรรยาแนะนา เมือ่ มีความเห็นตรงกันแลว้ ท้ังสองคนจึงไปขอบตุ รกบั ศาล เทพารักษ์ประจาหมู่บา้ น “ทา่ นเทพารักษ์ ตวั ขา้ กบั ภรรยาก็อยู่กนิ กันมานานแลว้ แตย่ ังไม่มีบตุ รสักที ขอท่าน ดลบันดาลใหม้ ีบุตรมาเกดิ กบั ข้าสองคนด้วยเถดิ สาธุ” หลังจากนน้ั ไม่นานภรรยาก็ตง้ั ครรภ์และคลอดบุตรออกมาเปน็ ผชุ้ าย แมว้ ่าจะมบี ุตรสมใจแตก่ ย็ ังมี เรื่องทุกข์ใจเพราะกุมารน้อยที่คลอดมาน้ันมผี ิวสีดาเหมือนกา จนชาวบ้านนาไปนินทา ภรรยาจึงทุกข์ใจเลย ชวนสามีไปปรึกษาโหร “พี่ ฉันว่าเราไปปรึกษาโหรดีไหมวา่ ทาไมลูกถงึ เกิดมาเปน็ เชน่ นี้” สามีคิดนิดหนึง่ แล้ว ตอบว่า “เออ ก็ดี เพราะโหรเขาจะรู้อนาคตได้ดี” แล้วทัง้ สองจึงไปให้โหรทานายอนาคต “ อืมๆ กุมารน้อยตวั ดานี้นา่ สงสาร เกิดมาในฤกษ์เป็นกาลกนิ ีแทๆ้ จะนาภัยพิบัติมาสพู่ ่อแม่ ขนื เลย้ี งตอ่ ไปจะทาให้ทกุ ขย์ ากถึง ขนาดพ่อแม่ต้องอายสุ ้นั ต้องตายจากกนั โดยทีเดยี ว” โหรได้ทานาย พระอนิ ทร์สอดสอ่ งลงมาเบ้อื งล่างเห็นกุมารน้อยถูกลอยแพตามกระแสน้าจงึ เกิดความสงสาร ได้ เมตตาใหล้ อยไปเกยตน้ื ใกล้อุทยานของพระราชา แลว้ ดลบันดาลให้ยา่ จาสวนมาพบเข้าแลว้ จงึ นาไปชบุ เลี้ยง พรอ้ มกับตง้ั ช่ือ “เจา้ เกิดมาตัวดา ดาเหมอื นกา ดาเหมือนถ่าน ให้ชือ่ วา่ ท้าวก่ากาดาก็แล้วกนั ” ท้าวก่ากาดาไดเ้ ติบโตมาจากการชุบเลยี้ งของย่าจาสวน ได้กลายมาเป็นชายหนุ่มขยันขันแขง็ ดูแล ตน้ ไม้ ดแู ลอุทยานของพระราชาเปน็ อยา่ งดี อยู่มาวันหน่ึงพระธดิ าทัง้ เจ็ดของพระราชาได้เสดจ็ มาชมสวน พร้อมกบั นางในวงั ทา้ วกา่ กาดาได้แอบดคู วามงามของเหลา่ พระธิดาทงั้ เจด็ และไดต้ กหลมุ รักพระธดิ านอ้ งนชุ คนสุดทอ้ งคนที่เจด็ ท่มี ชี อ่ื ว่า “นางลุน” อนั ตวั ท้าวกา่ กาดามีความสามารถคือ สามารถเป่าแคนได้อย่างไพเราะเพราะพริ้งมากว่าใครไดย้ นิ เปน็ อันว่าหลงใหลในเสยี งแคนของทา้ วกา่ กาดา ในทุกคนื ท้าวกา่ กาดาจะเป่าแคนเพ่ือให้เสียงแคนลอยไปในวัง เพ่ือให้นางลนุ สนใจ คร้นั เม่ือพระราชาไดย้ ินเสยี งแคนท่ไี พเราะก็ชนื่ ชอบและหลงใหลในเสียงแคน จึงรบั สงั่ คน
40 เฝ้าอทุ ยาน “ ให้ไปตามคนเป่าแคนมาเป่าถวายข้าเด๋ยี วนี้” ดงั นั้นท้าวกา่ กาดาจึงไดไ้ ปเป่าแคนกล่อมพระราชา ทกุ คนื นอกจากความสามารถในการเป่าแคนแล้ว ท้าวกา่ กาดายงั มฝี มี ือร้อยพวงมาลยั ดอกไม้สวยงามยิง่ นัก เขา้ จงึ ร้อยบรรยายความรกั ที่มีต่อนางลุน จงึ ให้ภรรยาคนเฝา้ สวนนาไปถวายนางลนุ ในวงั เม่อื นางไดร้ บั พวงมาลัยจึงเกิดความหลงใหลใครอ่ ยากเหน็ หน้าผู้รอ้ ยพวงมาลยั คืนหนึง่ ทา้ วก่ากาดาเป่าแคนถวายพระราชา จนพระราชาหลบั ไป จงึ ได้ไปแอบพบกบั นางลุน จนกระท่ังท้งั สองตกหลุมรักกนั ทา้ วกา่ กาดาได้ขอให้ย่าจาสวนไปขอนางลนุ ใหเ้ ป็นคู่ครองตัวเอง พระราชาไม่รงั เกียจแต่เรียกค่า สินสอดเป็นเงินทองจานวนมากมาย พร้อมกับรบั สงั่ วา่ “หากวา่ เจา้ สร้างสะพานเงินสะพานทองจากอุทยาน มาถึงวังของพระธดิ าได้ ขา้ จะยกนางให้เจ้า” ทา้ วก่ากาดามีบุญต้งั แต่เกิดพระอนิ ทรจ์ งึ ลงมาชว่ ยเนรมติ ใหก้ บั ทา้ วกา่ กาดาอีกครัง้ พร้อมเสกคาถาเนรมิตเงนิ ทองจานวนมากและสร้างสะพานเงินสะพานทองให้ พรอ้ มท้ัง เนรมิตให้ทา้ วกา่ กาดาไดเ้ ป็นหนมุ่ หลอ่ เหลา เม่ือสนิ สอดครบรวมทั้งสะพานเงินสะพานทองก็สร้างเสร็จ พระราชาจึงยกพระธดิ าใหก้ บั ท้าวกา่ กาดา ท้ังสองจงึ ได้แต่งงานกันและอยดู่ ้วยกันอย่างมีความสุข ทา้ วก่ากาดา ไดร้ ับย่าจาสวนและสืบหาพ่อแมท่ แ่ี ท้จริงของตนมาเล้ยี งดูในวงั เพ่ือตอบแทนบุญคุณทกุ คน ท้าวก่ากาดาจึงอยู่ กบั พระธดิ าและพ่อแม่อย่างมีความสุขสบื มา
41 ส่ีสหาย (The Four Friends) นานมาแล้วสส่ี หายเปน็ เพ่อื นกนั คนทหี่ น่งึ ชือ่ นายตาราซงึ่ ขณะท่ีมองขึน้ ไปบนท้องฟา้ ก็เห็นนกยกั ษต์ วั หนึ่งกาลงั คาบเจา้ หญงิ ผู้ทรงสิริโฉมงดงามมา ส่วนนายคันธนมู องเหน็ ดงั นนั้ กง็ า้ งธนพู รอ้ มยิงนกยกั ษ์ตกลงมา \"ตมู้ มมม\" ทาใหเ้ จ้าหญงิ ตกลงไปในน้า ทาใหน้ างสน้ิ ชวี ิต์ทนั ที สหายคนท่ีสามดานา้ เก่งจึงดาน้าลงไปงมหาเจา้ หญิงขนึ้ มา พอข้นึ มาจากนา้ ได้ แล้ว สหายคนสดุ ท้ายมีเวทย์มนตค์ าถาจงึ ชว่ ยชบุ ชวี ิตให้นางฟ้ืนขึ้นมา พอนางมชี ีวติ คนื มาแล้วสหายทง้ั ส่จี ึง ถกเถียงกันว่าใครเหมาะสมท่ีจะไดส้ มรสกับนาง ทุกคนก็อา้ งว่าตนไดม้ ีส่วนช่วยชวี ิตนางทัง้ นั้น นายตาราจึงพูดว่า \"ฉนั เปน็ คนชว่ ยเจา้ หญงิ คนแรกนะ ฉันต้องเหมาะสมสิ\" นายคนั ธนบู อกว่า \"ฉันเป็นคนยงิ นกยักษ์ทค่ี าบเจ้าหญิงนะ ฉนั ตอ้ งเป็นคนเหมาะสมสิ\" นายดานา้ จงึ แยง้ ขน้ึ ว่า \"ฉนั เป็นคนลงไปชว่ ยนางนะ ฉันสจิ งึ จะเหมาะสม\" นายเวทย์มนต์ จึงแยง้ อีกวา่ \"ฉันเปน็ คนชุบชวี ิตนางนะ ฉนั สเิ หมาะสมท่ีสุด\" ทกุ คนต่างถกเถยี งกนั ไปมาอย่างไมย่ อมกนั \"ต้องฉันสๆิ \" แต่กย็ ังไมส่ ามารถตัดสินได้วา่ ใครเหมาะสมทส่ี ดุ เพราะก็เหมาะสมกันทกุ คน เร่ืองนท้ี ราบไปถึง พระราชาพระราชบดิ าของนาง พระองค์ได้ฟงั เรอ่ื งทั้งหมดแลว้ จึงตัดสินสรปุ ให้ชายคนท่ีสามท่ไี ด้ดานา้ ลงไปงม หาตวั นางเพราะเป็นคนเดียวท่ีได้ถูกเนื้อต้องพระองค์ของนางเพียงคนเดียวและในทนี่ ้คี งจะดเู หมาะสมทสี่ ุดที่ จะได้สมรสกบั นาง
42 สรุ ิยคราส-จนั ทคราส กาลครัง้ หนง่ึ นานมาแล้วมพี ่ีน้องสองคน พี่ชายช่ือสุริยคราส นอ้ งชายช่อื จนั ทคราส เกิดในครอบครวั คนยากคนจนเขญ็ ใจ เปน็ กาพรา้ แม่ ภายหลังพอ่ ไปมีภรรยาใหม่ ก็ถกู ภรรยาใหม่กลนั่ แกลง้ รงั แกตา่ งๆ นานา จนในท่สี ดุ พนี่ ้องสุริยคราส-จันทคราส ทนไมไ่ หวจงึ ชักชวนกนั หนีออกจากบ้านบุกป่าฝา่ ดงไปเร่ือยๆ โดยมี เทวดาตา่ งๆ คอยคุ้มครอง เป็นอย่างดี พระอนิ ทร์และพระเวสสกุ รรม ตอ้ งการให้สรุ ิยคราส - จนั ทคราสมวี ชิ าความร้ตู ิดตวั จึงแปลงลงมาเปน็ งูกบั พังพอนต่อสู้กนั ใหพ้ ่ีน้องเหน็ งูแกล้งเปน็ สพู้ ังพอนไม่ได้ ถูกพังพอนกัดตาย จากน้นั พังพอนก็พดู วา่ “เราจะ ช่วยเขาเอง” พร้อมกบั ไปคาบเอาสมนุ ไพรชนดิ หน่ึงมารักษางจู นฟื้น แลว้ ตา่ งกห็ นหี ายไป สองพ่ีน้องเหน็ ดังนัน้ ก็รวู้ ่าสมุนไพรนัน้ เปน็ ยาวเิ ศษจงึ ถอนมาเกบ็ ไว้ ตอ่ มาทง้ั สองเดนิ ทางมาถงึ เมืองหนง่ึ ซึง่ มีลูกสาวพระราชาป่วยหนักถงึ แก่ความตายไปได้ ๓ วันแลว้ สุ รยิ คราสจึงบอกกบั พระราชาว่า “เราจะชว่ ยเขาเอง” แล้วใช้ยาวิเศษน้นั รกั ษาจนพระธดิ าฟืน้ คืนชีพ พระราชาก็ ยกลกู สาวตนให้สุริยคราส ตอ่ มาพระราชาถงึ แกค่ วามตายดว้ ยความชราภาพ สุริยคราสจึงได้ขึ้นครองเมืองสบื ต่อมา จากนัน้ มี นายสาเภาจากต่างเมืองมาเข้าเฝ้า และบอกให้ทราบวา่ ลกู สาวพระราชาในเมืองของตนได้ถงึ แก่ความตายจงึ ประกาศหาผทู้ ี่สามารถชุบชวี ติ นางใหฟ้ ื้น คร้ังน้ีสรุ ิยคราสใหจ้ ันทคราสเดนิ ทางไปรกั ษาเม่ือจนั ทคราสพบนาง น้ันจนั ทคราสก็พดู ว่า “เราจะชว่ ยเขาเอง” แลว้ ใชย้ าวิเศษรักษาจนนางฟ้นื คนื ชีพ กไ็ ด้แต่งงานกนั ภายหลงั จันทคราสก็ได้ครองเมืองนน้ั เช่นเดียวกัน วันหนึง่ จันทคราส คิดถึงพชี่ าย จึงชวนพระมเหสีและนางข้าหลวงของพระมเหสเี ดินทางด้วยเรือสาเภา ไปหาสุริยคราส แตร่ ะหว่างทางเกดิ พายุทาใหเ้ รือแตก จนั ทคราสพลัดกนั กบั กลุ่มของพระมเหสี จนั ทคราสจึงต้องออกตามหากล่มุ ของพระมเหสี ระหวา่ งทางจันทคราสได้พบกับยายคนหน่ึงท่ีกาลังน่งั ร้องให้กอดศพของลูกชายอยู่ จนั ทคราสจึงได้ เข้าไปช่วยพร้อมกบั พูดว่า “เราจะช่วยเขาเอง” แลว้ ใช้ยาวเิ ศษรักษาจนเด็กชายฟนื้ คนื ชพี จากนนั้ จนั ทคราสก็ ออกตามหาพระมเหสีต่อไป
43 จนั ทคราสเดินทางมาถึงเมืองหนึ่งจึงได้รูว้ ่าพระราชานจ้ี ับเอาพระมเหสตี วั เองไปเป็นชายา พรอ้ มทง้ั ฆา่ นาง ข้าหลวงของพระมเหสี จนั ทคราสจงึ ไปต่อสู้แย่งชิงนางคนื มาได้แล้วชว่ ยเหลอื นางข้าหลวงให้ฟน้ื ขึ้นมาอีกครง้ั โดยพูดว่า “เราจะชว่ ยเขาเอง” แลว้ ใช้ยาวิเศษรกั ษาจนนางฟนื้ คืนชีพ แลว้ จงึ พากนั เดินทางตอ่ มา จนพบกับสุ รยิ คราส พชี่ ายของตนเองหลงั จากนนั้ ทุกคนก็อยูร่ ่วมกนั อย่างมคี วามสขุ
44 ไกแ่ ก้วหอมฮู ณ เมอื งแหง่ หน่ึง ครั้งหนงึ่ ชาวเมืองได้พบรูขนาดใหญ่ ที่มกี ลิน่ หอมออกมาจากรู ทาให้เป็นทอ่ี ยากรู้ อยากเหน็ ของทุกคน ดงั น้นั พระราชาของเมืองนั้นจึงประกาศหาอาสาสมัครทจี่ ะลงไปในรูน้ัน เพือ่ จะดวู า่ มี อะไรอยู่ พระราชา : รู้อะไรน่ะ? ช่างมีกล่ินหอม ข้าอยากรจู้ ริง ๆ เลยวา่ มีอะไรอย่นู ั้น ข้าต้องประกาศหาผู้ท่จี ะ ลงไปในรนู ้นั ในขณะนนั้ มีหนุ่มน้อยคนหนี่ง ชอื่ ท้าวเทศจันทสมุทร อาศยั อยกู่ ับยา่ จาสวน ท้าวเทศจนั ทสมทุ รเหน็ วา่ ไม่มีใครอาสาสมัครลงไป จงึ รบั อาสา ท้าวเทศจันทสมุทร : ข้าขออาสาลงไปในรเู องพะยะคะ่ พระราชา : อืม เจา้ กม็ หี น่วยก้านดี ง้นั เจ้าลงไปดูให้ข้าหน่อยว่าในรูน้นั มอี ไร พระราชาจึงให้ทาอู่เหล็ก และทาโซเ่ หล็กแทนเชือก แลว้ ให้ท้าวเทศจนั ทสมุทรน่งั อยู่ในอู่น้ัน แล้ว หยอ่ นลงไปตามรจู นไปถงึ เมืองแหง่ หนง่ึ เม่ือลงไปถงึ น้ันไปลงตรงถ้าพอดี ขณะที่ท้าวเทศจันทสมุทรนง่ั กินหมากเดอ่ื อยู่ มีหมูตัวหนึ่งคาบแก้ว วเิ ศษมา ทา้ วเทศจนั ทสมุทร : เจ้าหมตู ัวนค้ี าบแกว้ อะไรมานะชา่ งงดงามเสียจรงิ ๆ ข้าอยากได้ ทา้ วเทศจันทสมุทรจึงโยนหมากเดอ่ื ให้หมกู นิ โยนออกห่างไปเรื่อย ๆ แล้วรีบขโมยแก้วของหมูตวั น้ัน หมู : โอว้ วว...นนั่ ผลหมากเดื่อขา้ อยากกิน... งม้ั ๆ อร่อยจังเลย ทา้ วเทศจนั ทสมุทร : ฮา่ ๆ ได้แกว้ มาแล้ว เมือ่ เดนิ ทางต่อไป พบชายคนหน่งึ ถอื น้าเต้าเหาะมา จงึ ขอเอาแก้วแลกกับน้าเตา้ ทา้ วจนั ทสมุทร : ท่าน ขา้ ขอแลกแก้วของขา้ กับน้าเตา้ ของท่านไดห้ รอื ไม่ ชายคนน้ัน : ไดส้ ิ งั้นเอามาแลกกนั แก้วใบน้ีชา่ งงดงามเสียจรงิ
45 เมอ่ื ทา้ วเทศจันทสมุทรไดน้ ้าเตา้ แล้ว กเ็ ดินต่อไป แต่แลว้ แกว้ ก็เหาะกลับมาอยู่กับทา้ วเทศจนั ทร์สมทุ ร เหมอื นเดมิ ทา้ วเทศจนั ทสมุทร : ฮอื ... ทาไมแก้วท่ีข้าแลกกับชายคนน้ัน ถงึ กลับมาที่เดิมล่ะ แตม่ นั ก็ดแี ฮะ ไดท้ ั้ง แก้วและน้าเต้า ฮ่า ๆ ท้าวเทศจนั ทสมุทรเดินทางต่อไป ก็ได้พบคนถอื ขวาน ถอื ดาบ ถือขดหนัง เหาะมาเชน่ เดียวกัน และ ท้าวเทศจนั ทสมุทรก็ขอแลกเอาเหมือนครงั้ ก่อน ท้าวเทศจันทสมุทร : ท่านมาจากท่ีใดเลา่ ชายคนน้นั : ข้ามาจากเมืองอันแสนไกลโพ้น และขา้ กาลงั จะเดนิ ทางกลับไปเมอื งของขา้ ทา้ วเทศจันทสมุทร : แต่เอ๊ะ...ในมอื ของทา่ นได้ถือสงิ่ ใดไว้ ชายคนนนั้ : ขวาน ดาบ และขดหนัง อาวุธประจาตัวข้าเอง ท้าวเทศจนั ทสมุทร : ข้าอยากได้ อาวุธเหมือนท่านจังเลย ชายคนนนั้ : ถ้าทา่ นอยากไดต้ ้องมสี ิ่งของมาแลก ทา้ วเทศจันทสมุทร : งัน้ ขา้ ขอแลกแก้วกับอาวธุ ของทา่ น จากน้ัน เมือ่ ท้าวเทศจันทสมุทรได้ ขวาน ดาบ และขดหนงั ไมน่ านแกว้ ท่ีไดแ้ ลกไปก็กลบั มา เหมอื นเดมิ ดังน้นั ทา้ วเทศจันทรสมุทรจึงมีของดี 5 อย่าง คือ แกว้ นา้ เต้า ขวาน ดาบ ขดหนัง แลว้ เดินทางไป อาศัยอยู่กบั ยา่ จาสวน เมอ่ื ท้าวเทศจนั ทสมุทรร้วู า่ กลิ่นหอมน่ันคือใคร จงึ ขอร้องให้ย่าจาสวนไปสขู่ อให้ แต่ยา่ จาสวนวา่ ทา้ ว เทศจันทสมุทรไม่หล่อไมเ่ หลา จงึ พาไปแต่งตัวใหม่ แลว้ จงึ ไปส่ขู อให้ เมื่อนางผมหอมเห็นทา้ วเทศจันทสมทุ ร กเ็ กิดรักใครก่ นั แต่พระราชาพอ่ ของนางไมย่ อม เพราะมีลกู เจา้ พระยามหากษตั ริย์มาสขู่ อหลายคนแล้ว นางบอกวา่ ถ้าอยากได้ ให้มารบเอา ท้าวเทศจนั ทสมุทร : เข้ามาเลย ศึกครง้ั นี้ขา้ ตอ้ งชนะ ลกู เจา้ พระยามหากษัตรยิ ์ : ไมม่ ีทางข้าไม่ยอม นางต้องเป็นของข้าแตเ่ พียงผเู้ ดียว
46 และแล้วท้าวเทศจันทสมุทรก็ได้รบชนะลกู เจา้ พระยามหากษตั รยิ ์ ทาใหต้ นไดอ้ ยู่กับนางผมหอม เรอื่ ยมา อยมู่ านานกค็ ดิ อยากกลับไปเยยี่ มบา้ น จึงพานางผมหอมมาทีเ่ ก่า พอข้ึนไปผ้านางผมหอมผนื หนง่ึ ตก ลงไปในรู นางผมหอม : แย่แลว้ ผา้ ของข้าปลิวตกลงไปในรูนั้นแลว้ ท้าวเทศจันทสมุทร : ไมเ่ ปน็ ไรเดี๋ยวขา้ ลงไปเอาผ้าใหเ้ จ้าเอง นางผมหอม : ท่านรบี ขนึ้ มานะ ขา้ จะรอท่านอยบู่ นนี้ แล้วท้าวเทศจนั ทสมทุ รกล็ งไปในรูนน้ั เช่นเดิม ขณะเดยี วกันนน้ั คนที่อยู่ข้าบนกด็ ึงนางไปถวาย พระราชา แต่พระราชากไ็ มส่ ามารถเข้าใกล้นางได้ ส่วนท้าวเทศจันทสมุทรก็เดินทางตอ่ ไปเพ่ือหาทางข้ึน จนวันหน่งึ ได้พบนกกระจอกหนึ่งตัว ทพ่ี ระ อินทรแ์ ปลงรา่ งลงมา ใหท้ ้าวเทศจันทสมุทรขข่ี ึ้นไป นกกระจอก : นี่ทา่ น ท่านต้องการจะไปท่ีใด ท้าวเทศจนั ทสมุทร : ขา้ กาลังหาทางข้ึนไปบนนน้ั แตข่ ้าหาทางไมเ่ จอ นกกระจอก : ง้ันท่านจงขน้ึ มาบนหลงั ข้า ขา้ จะพาท่านไปส่งเอง พอบินซักพกั นกกระจอกกน็ าทา้ วเทศจนั ทสมุทรปลอ่ ยไว้นอกเมืองใกลแ้ ม่น้า ขณะนั้นกม็ ีพอ่ คา้ นายสาเภามาพบเข้า ท้าวเทศจันทสมุทรจึงขออาศัยไปด้วย ท้าวเทศจันทสมุทร : ขา้ กาลังตอ้ งการความชว่ ยเหลือ ทา่ นกาลังล่องเรือไปทใี่ ด พอ่ ค้า : ขา้ กาลงั ล่องเรือไปขา้ งหนา้ เพ่ือไปคา้ ขาย ท้าวเทศจนั ทสมุทร : ข้าขออาศยั เรือท่านไปด้วยได้ไหม พ่อค้า : ทา่ นจะไปที่ใด ทา้ วเทศจันทสมุทร : ข้าจะเดินทางไปหายา่ ของขา้ ทางข้างหนา้ โน่น พอ่ ค้า : ได้ ๆ เชิญทา่ นขน้ึ มานัง่ บนเรอื เลย
47 สว่ นนางผมหอมได้ยนิ วา่ ผวั ของนางมาแล้ว จึงได้ออกมาอยู่ดว้ ย เม่อื พระราชารู้ดังน้ันจึงส่งคนมารับนางคนื ไป แต่ท้าวเทศจันทสมทุ รไมย่ อม พระราชาจึงส่งกองทัพมา ชิงเอาตวั นางไป แต่กองทัพก็แพ้เพราะของวิเศษทั้ง 5 ทท่ี ้าวเทศจันทสมทุ รมี พระราชาหมดปัญญา จงึ ยอมยก เมอื งให้ครองคร่งึ หนง่ึ แล้วทา้ วเทศจันทสมุทรก็อยู่กบั นางผมหอมท่ไี ด้มาจากรนู ัน้ ครองคู่อยู่ดว้ ยกนั อย่างมี ความสุข
48 ตานานเมืองฟา้ แดดสงยาง พญาจันทะราช เจา้ ผูค้ รองเมืองเชยี งโสม ไปลา่ เน้ือในป่าพบกวางทองซึ่งเปน็ พระอนิ ทร์แปลงกายมา จึงตามกวางทองไปจนพลดั หลงกับหมู่เสนาอามาตย์เข้าไปในป่าลกึ จนกระทงั่ ไปพบเมืองแหง่ หน่งึ ชื่อเมืองฟา้ เเดด “ป้าด!!! กวางทองหยงั มาเปน็ ตาสะออนแท้น้อ หมู่เสนาอามาตยข์ องเฮาหายไปไสกนั เบดิ่ แล้วขา้ งหนา้ เฮาน้นั มันแมน่ เมืองอิหยัง คือมางามแท้ เจริญฮุ่งเฮืองคัก” ฝ่ายเสนาอามาตย์... “เดี๋ยวก่อนๆ พวกเจ้าเหน็ พญาจันทะราชบ่ เผนิ่ ไปไสแล้วบาดหนิ” “ฮ่วย! เฮากะอยู่นากันเด้ สไิ ปฮู้ติ” “ข้อยว่าถา้ เฮาออกตามหาตอนน้กี ะคือสิไปบท่ นั แล้ว เฮาไปถา่ เผนิ่ อยเู่ มืองของเฮาดีกว่า” “ป่ะเฮา กลบั ๆ” จากนน้ั พญาจนั ทะราชได้ฟังคาเลา่ ลอื จากชาวบ้านวา่ “พ่อพญาเจา้ ค่ะ เจ้าเมืองฟ้าแดดมีพระธดิ าชือ่ ว่านางฟ้าหยาด เป็นผมู้ ีสิริโฉมงดงามแฮง จนพอ่ พญาเมืองฟา้ แดดต้องสรา้ งปราสาทกลางน้าไวพ้ ร้อมทัง้ นางสนมกานลั คอยดแู ลปรนนิบตั ิอย่างดีเลยเจ้าค่ะ” “พวกเจา้ คือเว้าเปน็ ตาเฮาสะออนแท้ บะ๊ ! จ่งั ซต่ี อ้ งไปเบิ่งดว้ ยตาเจา้ ของซะแล้ว ขอบใจพวกเจา้ หลายๆเด้อ เฮาไปล่ะ” พญาจนั ทะราชได้ฟังก็อยากไดน้ างมาเปน็ มเหสี จงึ ออ้ นวอนขอให้พระอนิ ทร์อ้มุ นางไปสู่สม จนกระทง่ั นางฟา้ หยาดต้ังครรภ์ “พระอินทร์พระเจา้ ค่ะ น้องฟ้าหยาดสริ โิ ฉมงดงามแฮง ผู้ข้าหลงฮกั น้องฟ้าหยาดอย่างจริงใจ ซอ่ ยเฮ็ดให้ผขู้ า้ ได้ น้องฟ้าหยาดมาเป็นมเหสขี องผขู้ า้ แหน่พระเจา้ ค่ะ ” “มันสิดีติทา่ น… มันสิผิดกฎสวรรค์เด้” “ถ้าเกิดวา่ มันสิผิด กะคงสผิ ดิ ตง้ั แตพ่ ระองค์แปลงกายมาเปน็ กวางทองแลว้ ล่ะผขู้ ้าว่า เด้อทา่ น… ซ่อยให้ผขู้ ้าสมหวงั แหน่”
49 “บะ๊ ! ถ้าสเิ ว้าปานน้ี เฮาซ่อยท่านกะได้” จากนั้นพญาจนั ทะราชจงึ กลับเมืองเชยี งโสม แล้วสง่ ขนุ นางผใู้ หญ่มาสขู่ อ “ทา่ นอามาตย์ พวกเจา้ จงไปสู่ขอนอ้ งฟ้าหยาด พระธดิ าแห่งเมืองฟ้าแดดมาเปน็ มเหสีของเฮา ใหพ้ วกเจา้ ฟ้าว ไปในเรว็ วนั !! เร็วๆ เด้อทา่ น เฮามักน้องฟ้าหยาดแฮง” “รับด้วยเกลา้ ฯ พระเจ้าค่ะ” เม่อื มาถงึ เมืองฟา้ แดด... “เจา้ เมอื งฟา้ แดดพระเจ้าค่ะ พวกผู้ขา้ เดนิ ทางมาจากเมืองเชียงโสม มีธุระสาคญั มาแจ้งให้พระองค์ท่านทราบ พะย่ะค่ะ คอื วา่ พญาจนั ทะราชเผ่ินเปน็ เจ้าเมอื งเชียงโสม เผน่ิ ไดย้ นิ คนซาลือเกย่ี วกบั ความงามของพระธดิ า ฟ้าหยาดแล้วสะออนแฮง เลยอยากไดม้ าเป็นมเหสี เผน่ิ เลยส่งั ใหพ้ วกผู้ขา้ มาสู่ขอพระธดิ าฟ้าหยาดจาก พระองค์ทา่ นนลี้ ่ะพะย่ะค่ะ” เจา้ เมอื งฟ้าแดดระแคะระคายว่าพญาจันทะราชลักลอบเข้ามาสู่สมลกู สาวตนก่อน ถอื ว่าทาผดิ ประเพณีกษัตริยจ์ งึ ไม่ยอมยกให้ “ข้าบย่ กลูกสาวของขา้ ใหเ้ ป็นมเหสีของเจ้าเมอื งเชยี งโสมเด็ดขาด! เพราะเจ้าพญาจันทะราช เฮด็ ผดิ ประเพณี ตอ่ ลูกของข้า มนั ขา้ มหวั ข้าไปไดจ้ ่ังได๋ ” “ เรอื่ งใหญ่แลว้ พญาจนั ทะราชของเฮา ซวยแทๆ้ ” “อยู่ต่อเฮด็ หยังล่ะเฮา ฟ้าวกลบั ไปบอกเจ้าเมืองเฮาดีกว่า” “พวกท่านสิฟา้ วไปไสกะไป ฮย๊ึ ! ” พญาจนั ทะราชไม่พอใจทีเ่ จา้ เมอื งฟา้ แดดไม่ยกพระธดิ าให้ จึงเกณฑ์ทพั ใหญม่ าตเี มืองฟา้ แดด “พระองคพ์ ะยะ่ ค่ะ พวกผขู้ ้าไปสูข่ อเผิน่ มาแล้ว เจ้าเมืองฟา้ แดดบอกว่าบย่ อมยกพระธดิ าให้ เผน่ิ ว่าพระองค์ ขา้ มหวั เผ่นิ ไป เฮด็ ผดิ ประเพณอี ีกตา่ งหาก เผิน่ เลยไล่พวกผู้ข้ามานล่ี ่ะพะย่ะค่ะ” “ฮ๊ึย! คอื มายากคักแท้ว่าที่พอ่ เฒ่าเฮาหนิ จง่ั ได๋กะตามซ่าง ในเม่อื เฮาฮักของเฮาไปแล้ว สมิ าขัดขวางเฮาบ่ได้ ขอดๆี ตามประเพณแี ลว้ บ่ยอมยกลูกสาวให้ มันกะต้องเสยี เลือดเสียเน้ือกันไปขา้ งล่ะ เฮาสิไปสงั่ สอนเผ่ินเดยี วนี้ ละ่ ปะ่ ทหาร! ”
Search