2 หนังสือ “หัวไมดีก็เรียนดีได” เรียบเรียงโดย ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ ที่ใชเวลาในการเรียบ เรียง และมีการอานตรวจแกไขตนฉบับนานกวา 6 เดือนน้ี เปนหนังสือความรูรอบตัวสําหรับ นักศึกษาไวอานประดับความรู และสติปญญาในการดํารงชีวิตการเปนนักเรียนนักศึกษาที่เปน กุญแจไปสูความสําเร็จ (Key to success) รวมทั้งนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันใหสามารถอยู รวมกับสังคมนักศึกษา และสังคมโลกมนุษยไดอยางมีความสุขบนพื้นฐานความเสมอภาคท่ีไม เบียดเบียนตนเองและผอู ่ืนใหเกิดความเดอื ดรอ น หนังสือเลมนี้มีประโยชนมากสําหรับนักเรียนนักศึกษาในการนําความรูที่ไดจากการอานนี้ นําไปพัฒนาตนเอง ใหมีคุณภาพชีวิตท่ีดีมีประสิทธิภาพในการเรียนดีข้ึน ทํางานอยางเปนระบบ และมีขั้นตอนการวางแผนที่ดี ไปสูความสําเร็จไดงายไมยากอยางท่ีคิดและวิตกกังวล ยังผลใหมี สุขภาพจิตท่ีดีสงผลดีตอสภาพสังคมครอบครัว สังคมโดยภาพรวม และประเทศชาติสืบไป อาจารย ขอแสดงความยินดกี บั ผเู ขียน และหวังวาหนงั สือเลม นี้คงจะเปน ประโยชนแ กน กั ศกึ ษา สมดงั เจตนา ทีผ่ เู ขียนตองการใหนกั ศึกษาประสบความสาํ เร็จในการศกึ ษาตอ ไป รศ. มานพ ตันตระบณั ฑิตย ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี พระศกั ดิช์ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมดกี ็เรยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
3 หนังสือ “หัวไมดีก็เรียนดีได” เขียนขึ้นดวยจิตที่เปนกุศล เกิดจากแรงบัลดาลใจและความ ปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ ท่ีอยากจะเห็นนักศึกษายุคปจจุบันที่ขาดหลักยึดและวิธีคิดท่ีถูกตอง ประสบ ความสาํ เรจ็ ในชีวติ การเรียน รวมถงึ ประสบความสาํ เร็จในชวี ิตตอไปหลงั การเรยี นอกี ดว ย ผเู ขียน คือ อาจารยจตุรงค ลังกาพินธุ เปนผูที่มีจิตวิญญาณของความเปนครูอยางแทจริง ได นําเอาประสบการณจริงของตนเอง ส่ิงตางๆ ที่ไดผานพบและมองเปนอุทาหรณ มาผสมกับหลัก ธรรมะ หลักคิดของผูรูตางๆ ท่ีประสบความสําเร็จมาแลว มาเรียบเรียงข้ึนเปนเทคนิคการเรียนให ประสบความสาํ เรจ็ เพือ่ เผยแพรแ นะนาํ ใหแ กผูท ต่ี องการประสบความสาํ เรจ็ ในการเรยี นทุกคน โดย อยูบนพ้ืนฐานของประสบการณจริงท่ีไดใชปฏิบัติมาแลวโดยตัวผูเขียนเอง และอยูบนพ้ืนฐานของ ความเปนไปไดจริง ปฏิบตั ไิ ดจ รงิ ดังนั้นขอคิด เทคนิค วิธีการตางๆ ในการเรียนใหประสบความสําเร็จที่อยูในหนังสือเลมน้ี จึงเปนส่ิงท่ีมีคา ควรแกการไดลองศึกษาและนําไปปฏิบัติดูบาง โดยเฉพาะผูท่ีคิดวาตนเองหัวไมดี เรียนไมเกง ชอบดูถูกตัวเอง หรือประเมินคาตัวเองตํ่า ก็จะไดคิดใหมในเชิงบวก มีความเขาใจที่ ถูกตอง มีความหวังและมองเห็นแสงเรืองรองแหงความสําเร็จของตนเองที่ไมเคยคิดจะไดเห็นมา กอ น ขอใหพลังแหงความตั้งใจดีของผูเขียน จงดลบัลดาลใหผูท่ีผานเขามาอานหนังสือเลมนี้ ได มีดวงตาและสมอง เห็นและเขาถึงเนื้อหาสาระท่ีหลอมรวมเอาจิตวิญญาณ ความรู ความพากเพียร ของผูเขียนเขา ไวดวยน้ี อันจะนาํ ไปสคู วามสําเรจ็ ในการเรียนและชวี ิตของผูอา นตอ ไป ดวยความชื่นชม อาจารยวีระพงษ ครูสง ภาควชิ าวศิ วกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี พระศักด์ชิ ยั ลังกาพินธุ หัวไมด กี เ็ รียนดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
4 ขาพจาไดอานคูมือสําหรับนักศึกษาฉบับนี้ มีความเห็นวาเปนคูมือท่ีเปนประโยชน แก นักศึกษาเปนอยางยิ่งเพราะนักเรียน นักศึกษา ทายท่ีสุดก็จะไดเปนบัณฑิต คําวาบัณฑิตน้ัน มี ความหมายท่ีลึกซึ้งมาก เพราะไมไดมีความหมายวาเปนผูรูหรือผูมีปญญา แตยังครอบคลุมถึง คณุ ธรรมและจริยธรรม ควบคกู นั ไปดว ย ปจจุบันการเรียนการสอน มักจะเนนเพ่ือใหนักเรียน นักศึกษามีเพียงความรูเพียงอยางเดียว โดยขาดการสอนสอดแทรกคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมใหก ับนกั เรยี นนักศึกษาอยางแทจรงิ ถา บัณฑติ มเี พียงความรู ความสามารถ และทักษะในวิชาชพี เพยี งอยา งเดยี ว กไ็ มแตกตา งไป กับเรือท่ีปราศจากหางเสือ จึงไมสามารถที่จะแลนไปสูจุดหมายปลายทางได ในขณะเดียวกันก็จะ แลนไปชนสิ่งรอบขางทําใหผอู นื่ และตนเองไดร ับความเสียหายได ซึ่งผลลัพธสุดทายก็คือ ความหายนะของประเทศชาติอันเปนท่ีรักยิ่งของพวกเราทาน ท้ังหลายน้นั เอง รศ. อนตุ ร จาํ ลองกลุ ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี พระศกั ด์ชิ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมดกี ็เรยี นดีได ดร. จตุรงค ลังกาพนิ ธุ
5 ไดอานหนังสือตนฉบับของ ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ แลวรูสึกประทับใจมาก เน่ืองจาก ผูเขียนไดเขียนแนะนําเทคนิคในการเรียนไดอยางครอบคลุมเน้ือหาและตรงประเด็นมากที่สุด เพราะในสภาพสังคมปจจุบันน้ี ดูเหมือนวานักศึกษาสวนใหญไดถูกจางใหมาเรียนหนังสือ ไมมี ความกระตือรือรนในการเรียน ขาดความพรอม เขาเรียนก็สายเปนประจํา แถมยังคุยกันตลอดเวลา ไมเ กรงใจอาจารยผูส อน ไมร ูจกั การเปน นกั ฟง ทีด่ ี หนงั สือเลม น้จี ะเปนประโยชนม ากโดยเฉพาะอยา งย่ิงนักศึกษาชน้ั ปท ่ี 1 และ 2 เนื่องจากยัง มีเวลาสําหรับปรับตัว ปรับใจ ใหการเรียนบรรลุตามเปาประสงคที่ต้ังไว สวนนักศึกษาช้ันปอ่ืนๆ และผอู ืน่ ทส่ี นใจ กส็ ามารถนาํ หลกั การนไ้ี ปปรับใชไดในทกุ ๆ สถานการณ ทายสุดน้ีก็ขอชมเชย และเปนกําลังใจใหผูเขียนที่สามารถเขียนหนังสือท่ีมีคุณคาเลมน้ีจน เสร็จสมบูรณ และขอเปนกําลังใจใหนักศึกษาทุกทานที่ไดอานหนังสือเลมนี้ และพรอมที่จะ ปรับปรงุ ตวั เอง เพอื่ ประโยชนข องตัวทานเองและผปู กครอง ตลอดถึงประเทศชาติที่จะไดมีบุคลากร ทมี่ ีคณุ ภาพ มคี ณุ ธรรม เพอ่ื จะไดพฒั นาประเทศไดอ ยา งยัง่ ยนื ตอ ไป รศ. ดร. รุงเรือง กาลศริ ศิ ลิ ป ภาควชิ าวิศวกรรมเกษตร คณะวศิ วกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี พระศักดิช์ ัย ลังกาพนิ ธุ หวั ไมด ีก็เรียนดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
6 จุดเร่ิมตนของหนังสือเลมนี้ เกิดจากการที่ผูเขียนไดดูรายการทีวีรายการหน่ึง ซ่ึงเปนการ อภิปรายของนักวิชาการเกี่ยวกับเร่ืองความสนใจ ใสใจในการเรียนของนักศึกษาปจจุบันท่ีดูจะลด นอยลงทกุ วัน อีกทั้งยังไดส งั เกตจากนักศึกษาทีผ่ ูเขยี นไดสอน และเปรียบเทียบกับนักศึกษารุนเกาๆ ประมาณ 10 รุน แนวโนมก็เปนไปดังรายการทีวีไดกลาวไวจริงๆ ผูเชี่ยวชาญดานการศึกษาหลาย ทานไดกลาวถึงสาเหตุไวหลากหลาย ต้ังแตปญหาในครอบครัว ส่ิงแวดลอม จนถึงการพัฒนาของ โลกเทคโนโลยีในปจจุบันที่คนรุนพอรุนแมอาจจะตามไมทัน ดังนั้นเร่ืองนี้จึงจุดประกายใหผูเขียน ซงึ่ มีอาชีพเปน ครอู ยแู ลว ไดเ ขยี นหนงั สือเลมนขี้ ้ึน เพอ่ื สะกิดใจ และเปนแรงผลักดันใหนักศึกษาได นํามาคิด คิดใหเปนดวยตนเองแลวกลับมาสนใจ ใสใจ ในการเรียนมากขึ้น และยังเรียนไดอยางมี ประสิทธิภาพ เพราะผูเขียนเชื่อวานักเรียนนักศึกษารุนปจจุบันไมไดฉลาดนอยลง แถมยังกลาคิด กลาแสดงออกมากขึ้น ถากระตุนใหเขาคิดเองได เขาก็จะกาวไปอยางมั่นคง พรอมกับโลกท่ี หมนุ เวียนเปล่ยี นไปทุกๆ วนั ขอยกตวั อยา งอนุภาพของ “การคิดไดดวยตัวเอง” สักเร่ืองหน่ึง เร่ืองนี้เปนเร่ืองจริงเกิดข้ึน เม่อื ประมาณ 18 ป ที่แลว ขณะน้ันผเู ขียนเรียนอยูระดับ ปวช. ปที่ 1 แผนกวิชาชางกลเกษตร ซ่ึงเปน แผนกเล็กๆ ท่ีต้ังอยูบนเชิงดอยสุเทพ ของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคพายัพ จังหวัด เชียงใหม ชวงนั้นเปนภาคการศึกษาแรก ท้ังรุนมีนักศึกษา 25 คน ชวงเดือนแรกของการเปดเทอม เราตางคนตางเรียนกันตามปกติเพราะยังไมคอยสนิทกัน หลังจากนั้นเริ่มสนิทกันมากขึ้น และได แบงกลมุ เพ่อื นท่ไี ปไหนหรือทาํ อะไรดวยกันเปน 2-3 กลุม แตมีกลุมหนึ่งมีสมาชิกอยู 10 คน กลุมนี้ จะกลาววาเปนกลุมเกเรของหองก็ได ชอบบังคับใหเพื่อนท้ังหองโดดเรียน ไปเลนสนุกเกอร ไปดื่ม เหลา หัดสูบบุหร่ี ตามจีบสาวคณะบริหารธุรกิจบาง เที่ยวเฮฮาตามสถานท่ีตางๆ บาง พอบอยครั้ง เขา เพ่ือนๆ ในหองก็ไมยอมเพราะกลัวอาจารยจะหักคะแนน และเรียนไมทัน จึงหาเหตุผลตางๆ นานา มาพูดกับกลุมเกเรจนเกอื บเกิดเรื่องทะเลาะววิ าทกันเอง ถาตอนนัน้ เราตดั สนิ ปญหากันดว ยกาํ ลัง ผมคงไมมโี อกาสมาน่ังเขียนหนังสือเลมน้ี แตโชค ดีท่ีเราสามารถยุติปญหากันดวยเหตุผล หลังจากนั้นกลุมน้ีก็ยังทําตัวเหมือนเดิม เรียนบางไมเรียน บาง จนในวันประกาศผลสอบปลายภาคเรียน ผลปรากฎวานักศึกษากลุมเกเรถูกรีไทดไปถึง 9 คน เหลือเพียง 1 คน หลังจากนั้นเพ่ือนผมคนนี้ดูเงียบๆ ซึมๆ ไป พวกเราจึงไดหาโอกาสไปพูดคุย ปลอบใจเขา แตส ิง่ ท่ีเขาพูดกบั พวกเรา ทําใหพ วกเราถึงกบั อึ้ง เขาพดู ดวยนํ้าตาคลอเบาวา “กเู สียใจท่ี ทาํ ใหแมรอ งไห ตอ ไปกจู ะตั้งใจเรยี น พวกมึงชว ยกูดว ยนะ” เขายังเลาใหฟงอีกวา เม่ือแมของเขาเห็นเกรดและรายงานความประพฤติของเขา เขานึกวา แมจะดุดา แตแมเขากลบั รองไหแลวกอดเขา พรอ มกับพดู วาแมมีลูกคนเดียว ทรัพยสมบัติอะไรแมก็ พระศกั ด์ิชยั ลังกาพินธุ หวั ไมด กี เ็ รียนดีได ดร. จตุรงค ลงั กาพนิ ธุ
7 ไมมีให ถาลกู ไมม ีความรู ลูกจะอยรู อดในโลกมายาน้ไี ดอยางไร แมคงหวงลูกตลอดและนอนตายตา ไมหลับแน เห็นไหมครับ น้ําตาของแมและความรักท่ีเขามีตอแม กระตุนใหเขาคิดมีสติปญญาโดย ไมตองใหใครมาสอนส่ังหรือบังคับ หลังจากน้ันเพ่ือนผมคนน้ีตั้งใจเรียนมากๆ ท้ังขยัน พากเพียร อดทน จากทเ่ี คยไดเกรดเฉลี่ย 1.6 ในเทอมแรก จนเทอมสดุ ทายกอ นสําเรจ็ การศึกษาไดเกรดเฉล่ียถึง 3.7 ผมไมไดพบเพื่อนคนนี้มานานแลว แตไดขาววาเขาเรียนจบระดับปริญญา ไดทํางานท่ีดีมี ครอบครัวที่มั่นคงไปแลว คณุ ละครับ จะใชอะไรเปน แรงกระตุน ใหคณุ คดิ ไดดวยตัวคุณเอง เน้ือหาในหนังสือเลมน้ีจะนําเสนอแนวทางในการปฏิบัติตัวของนักเรียนนักศึกษาเพื่อให ประสบความสําเร็จในชีวิตการเรียน ซึ่งนักเรียนนักศึกษาทุกคนสามารถนําไปปฏิบัติได แตไมได หมายความวาวิธีตางๆ ในหนังสือเลมน้ีจะเปนวิธีท่ีดีที่สุด ดังน้ันผูเขียนจึงขอแนะนําใหนักเรียน นักศึกษาทุกคนศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเลมอื่นๆ หรือจากส่ือตางๆ ท่ีมีอยูมากมายในปจจุบัน มิฉะนั้นนักเรียนนักศึกษาทั้งหลายก็ไมตางกับฝูงปลาท่ีวายวนอยูแตในหนองน้ํา ไมรูวามหาสมุทร น้ันกวางใหญไพศาลแคไหน การเรียบเรียงหนังสือเลมนี้ ผูเขียนพยายามสอดแทรกธรรมะขององค สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจาลงไปใหมากท่ีสุดเทาท่ีจะทําได เพราะธรรมะน้ันทําใหคนเรามีสติ พอมี สติปญญาก็เกิด คนมีปญญาก็จะสามารถแกไขทุกปญหาไดโดยงาย มีความสุขใจไดแมขณะที่เปน ทุกข นอกจากน้ันยังรวบรวมความรู แนวคิด และวิธีการตางๆ จากนักคิดนักปราชญทั้งหลายที่เห็น วาจะมคี ณุ ประโยชนแ กก ารเรียนของนักเรียนนักศกึ ษา ซึ่งจะเปนอนาคตของชาติตอไป หากหนังสือเลมนี้พอจะมีคุณงามความดีอยูบาง ผูเขียนขออุทิศใหกับคุณบิดา มารดา ผูมี พระคุณตอผูเขียนทุกทาน และครู-อาจารยทุกทานท่ีไดอบรมส่ังสอนจนเปนคนไดด่ังทุกวันน้ี รวมทงั้ นักปราชญน ักคิดท้ังหลายที่ไดค ดิ คน คติ ขอ คดิ วิธีการดๆี เปนแนวทางใหเรานํามาใชปฏิบัติ หรือเตือนใจใหอ ยูใ นโลกน้ีไดอ ยางเทา ทนั สุดทายนี้ผูเขียนขอกราบขอบพระคุณ พระศักดิ์ชัย ลังกาพินธุ ผูเขียนรวมท่ีไดนําหลัก ธรรมะท่ีดูเหมือนเปนเร่ืองไกลตัว ยากท่ีจะเขาถึง มาเขียนยอยใหอานเขาใจงายขึ้น พรอมกันนั้น ขอขอบพระคุณ รศ. มานพ ตันตระบัณฑิตย อาจารยวีระพงษ ครูสง รศ. อนุตร จําลองกุล และ รศ. ดร. รุงเรือง กาลศิริศิลป ที่ไดตรวจทานตนฉบับและเมตตาเขียนคํานิยมดวยไมตรีจิตอันอบอุน ขอบคุณ ผศ. สุนัน ปานสาคร ที่ไดจัดพิมพและตรวจทานตนฉบับดวยความอุตสาหะ และในความ เปน ปุถุชนของผเู ขยี น ยอ มมขี อ ผดิ พลาดแนน อน ซง่ึ ขอนอมรับไวเ พอ่ื พฒั นาใหดยี ิ่งขนึ้ ตอไป ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ ภาควิชาวศิ วกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี พระศักดช์ิ ัย ลังกาพนิ ธุ หวั ไมดีกเ็ รยี นดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพินธุ
8 หนา 10 สารบัญ 10 10 1. สรางทศั นคตทิ ด่ี ี 15 ทาํ ไมจงึ ไมป ระสบความสําเรจ็ ในการเรียน 15 สรางทศั นคติทีด่ ี 15 17 2. เตรยี มตัวใหพ รอม 18 รจู กั สถานท่ีเรียน 18 รจู กั บุคลากรของสถานศึกษา 19 รจู กั หลกั สตู รในสาขาทีเ่ รยี น 21 23 3. รูจ กั วางแผน 29 วางแผนชวี ติ 29 วางแผนการเรยี น 30 กฎในการปฏบิ ตั ิตามแผนใหส าํ เรจ็ 31 ใหก ําลังใจตวั เอง 31 35 4. เขา เรยี นอยา งมีประสิทธิภาพ 35 รจู ักรปู แบบการสอนของอาจารย 35 รสู ไตลการสอนของผูสอน 40 อา นหนงั สือลวงหนา 40 เทคนิคการเรียนในหอ งเรยี น 45 45 5. จดโนตใหเ ปน 48 การจัดเกบ็ โนต 51 การจดโนต ท่ดี ี 51 51 6. อา นอยา งฉลาด 56 ส่งิ ทม่ี อี ิทธิพลตอ การอา นและหลักการอา น หวั ไมดกี เ็ รยี นดีได 7. เพิ่มศกั ยภาพความจาํ อะไรบา งท่ีมีผลตอ ความทรงจาํ เทคนิคการจาํ 8. ทําขอสอบใหผ านฉลยุ ทาํ ไมถงึ ตอ งสอบ เทคนิคการทําขอ สอบ พระศกั ดชิ์ ยั ลังกาพนิ ธุ ดร. จตุรงค ลงั กาพินธุ
9 56 57 9. หม่ันเพิม่ พนู ความรู 59 ทักษะดา นมนษุ ยสัมพนั ธ 59 ทกั ษะการใชเทคโนโลยใี หมๆ 61 ทกั ษะการเขยี นและการพดู 63 ทกั ษะดา นภาษาท่ีสอง 63 คดิ ทําประโยชนเ พ่ือสังคมบา ง 63 64 10. สูกาวที่ตองตดั สินใจ 66 ทํางานหรอื เรียนตอดี 66 ทาํ งานอะไรใจตอ งรัก 70 หนทางเรยี นตอ 72 75 11. ธรรมะทอชีวติ 77 คนลา ฝน 81 คบเพอื่ นดี เปน ศรแี กช วี ิต หลกี ใหไ กล ไปใหพ น รกั เธอ รกั เขา และรักของเรา รคู ุณของบญุ รคู ุณของคณุ รูค ณุ ของคน แดห นมุ สาว พระศกั ดช์ิ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมด ีกเ็ รยี นดีได ดร. จตุรงค ลังกาพนิ ธุ
10 1. ทาํ ไมจึงไมป ระสบความสําเร็จในการเรยี น ถา ถามวา อะไรคอื ตน เหตขุ องความไมส าํ เรจ็ ในการเรยี น คาํ ตอบทไี่ ดจากการวจิ ัยและ วเิ คราะหของนกั แนะแนวการศกึ ษาและนกั จติ วทิ ยาหลายคน พบวาผูทีเ่ รยี นไมค อยประสบ ความสาํ เร็จหรือเรยี นแบบไรประสทิ ธภิ าพ ไดแกผ ูเรยี นท่มี ีลกั ษณะดงั นี้ 1. เปนคนทีช่ อบละทิง้ งานไวกอนแลว จงึ คอ ยทําเม่อื ถึงนาทีสุดทาย 2. เสยี สมาธิ หันเห ความสนใจไปจากการเรยี นไดโ ดยงา ย 3. เม่ือทํางานทีย่ ากๆ จะสูญเสยี ความสนใจ หรือขาดความมานะพยายาม 4. ไมไ ดเ รียนเพ่อื ตองการความรู แตใ ชเ รื่องของการสอบ เปนเครอ่ื งกระตุน การเรยี น 5. ไมม กี ารวางแผนและตารางการทาํ งานทช่ี ดั เจน จะเห็นวาสาเหตุของความลมเหลวในการเรียนทั้งหาขอนั้นไมไดเกิดจากหัวสมองหรือ ความฉลาดของผูเรียนเลย แตเกิดจากความไมมีวินัย มุงมั่น ขยัน และอดทนของตัวผูเรียนเอง รวมถึงไมมีการวางแผนที่ดีขณะเรียนดวย ดังน้ันหนังสือเลมนี้จะคอยสะกิดเตือนใจ ใหเกิดความ มานะอดทน และเสนอแนวทางเพอื่ ใหนักเรียนนักศึกษาเรียนไดอยางมีประสิทธิภาพ นักเรียนนักศึกษาทราบไหมวา ทําไมชาวยิวจึงเปนชนชาติท่ีไดรับการยกยองวาฉลาดท่ีสุด ในโลก เพราะชาวยิวใหความสําคัญตอการศึกษาเลาเรียนมาก จนมีคํากลาวในหมูชาวยิววา “หาก ทา นไมยอมทนความยากลาํ บากในการเรยี น ทา นจะตอ งทนความทกุ ขย ากจากความโงเขลา” 2. สรางทศั นคตทิ ่ดี ี การที่คนเราจะทําอะไรใหไดดีและมีความสุข สิ่งนั้นจะตองเปนสิ่งที่เรารักและตองการจะ ทํา ฉะนั้นนักเรียนนักศึกษาจะตองคนหาความตองการที่ชัดเจนของตัวเอง สรางทัศนคติที่ดีตอ ตัวเองและการเรยี น เพ่อื เตรยี มความพรอมท่จี ะกาวเดินไปสจู ดุ หมายทห่ี วงั ไว พระศกั ด์ชิ ยั ลังกาพินธุ หวั ไมด กี เ็ รยี นดไี ด ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
11 2.1 ทางเลือกของชีวติ คนสวนใหญมักจะกลาววา “พระพรหมเปนผูลิขิตทางเดินของชีวิต” ประโยคน้ีทุกทานคง เคยไดยิน และมีหลายทานไดเช่ือตามนั้น แทจริงแลวทางเดินชีวิตของเราไมควรจะใหพระพรหม หรือแมแตพอแมของเราเปนผูลิขิต (พอ-แม เปนผูใหชีวิตเรา เราควรกตัญูตอทาน แตไมควรให ทานมากําหนดทางเดินชีวิตของเราใชไหมครับ) แลวชีวิตเราเปนของใครละ ชีวิตเราก็เปนของเรา เองไงครับ พระพรหมสามารถลิขิตชีวิตเราไดเฉพาะวันเกิดและวันตายเทาน้ัน(พระพรหมในที่น้ี หมายถงึ บุญและบาป อกุศลของคนๆ นั้น) ตรงกลางระหวางเกิดและตายจะใหเปนอยางไรนักเรียน นกั ศกึ ษาควรวาดใสลงไปเอง ฉะนั้นทางเดินของชีวิตเรา เราควรเลือกเอง คนหาตัวเอง คนหาวาเรา ชอบอะไร อยากเปนอะไร อยากทําอะไร แคอยางเดียวเทานั้น นักเรียนนักศึกษาจะไปได และไปได ดีดว ย ตัวอยางเชน บิลเกตส เจาพอไมโครซอฟ มหาเศรษฐีอันดับตน ๆ ของโลก เขามีความ สนใจซอฟตแวรตั้งแตระดับประถมศึกษา และเริ่มตนทําโปรแกรมคอมพิวเตอรขณะเรียนใน มหาวิทยาลัยฮารวารด เขากับเพ่ือนชื่อ พอล อัลเลน ชวยกันคิดและพัฒนาโปรแกรมเพ่ือใชกับ คอมพิวเตอรประกอบเอง และตั้งคําถามวาจะเกิดอะไรข้ึนถาคนเราทุกคนมีคอมพิวเตอรราคาถูกใช กัน ซ่ึงในขณะนั้นเขายังเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย แตพอเกิดความคิดน้ันขึ้นมาก็เลิกเรียนเพ่ือ ออกมาสานฝน โดยรวมกันจัดตั้งบริษัท ไมโครซอฟ ในป ค.ศ. 1975 และนั่นคือจุดเร่ิมตนของการ เปลี่ยนแปลงระดับโลกและการสรางกิจการจนประสบความสําเร็จอยางยิ่งใหญ (แตเด็กไทยบางคน สอบเขา จฬุ าฯ ไมไดแ ขวนคอตาย อนิจจา) หรืออีกตัวอยางหน่ึงคือ โซอิจิโร ฮอนดา นักยนตกรรมเอกของโลก ชีวิตในวัยเด็กของเขา ยากจนมากครอบครัวมีอาชีพตีเหล็กและซอมจักรยาน ชีวิตของฮอนดาน้ันรักเครื่องยนตกลไกมา ตั้งแตเด็กมีความฝงจิตฝงใจวาอยากจะเปนชาง ใสเครื่องแบบชางใหได เม่ือจบช้ันประถมสุดทายก็ ไมไดเรียนตอ เดินทางเขากรุงโตเกียว เขาทํางานในรานซอมรถยนต แตเขาไมมีโอกาสทํางานที่เขา รัก หนา ท่แี รกคอื เลยี้ งลูกเจา ของอู ทนอยเู ดือนกวา ชา งเกดิ ขาด จึงไดร ับหนาท่ีเปนลกู มือชา งจากนนั้ ดวยใจรักงานดานเครื่องยนตเปนทุนเดิม จึงมุงม่ันทํางานทุกอยางที่ชางใหทํา เม่ือทํามากข้ึน ประสบการณก แ็ กกลาในทส่ี ุดฮอนดากก็ ลบั บานไปเปดรา นซอมของตัวเองบริการลูกคาอยางดีที่สุด ทาํ ใหกิจการฮอนดา ขยายผลไปเร่ือย ๆ ในทีส่ ดุ จึงเกิดเปนบรษิ ัทฮอนดา มอเตอรซ ง่ึ มีสาขาท่วั โลก การเรียนก็เชนเดียวกันเมื่อเรารูวาเราชอบอะไร ใหมุงไปและเลือกเรียนในสาขานั้น แตอยา ลืมศึกษาขอมูลใหรอบดาน เชน สามารถศึกษาตอในระดับที่สูงกวาในสาขาใดไดบาง สถาน ประกอบการหรอื งานท่รี องรับหลังจากการจบการศึกษามีมากนอยเพียงใด หากสาขาท่ีเราชอบมีคน เรียนจํานวนมาก มีงานรองรับนอย เราจะไดเตรียมตัวเพ่ือท่ีจะทําใหตัวเองมีอะไรที่โดดเดนกวาคน พระศักดิช์ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมดีกเ็ รียนดีได ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
12 อ่ืนหรืออาจจะหาแนวทางประกอบอาชีพอิสระ อีกทั้งสาขาวิชาเดียวกันท่ีเปดสอนตาง สถาบันการศึกษาจะมีจุดเดนและจุดดอยที่แตกตางกันออกไป ควรจะใชเวลาตรวจสอบสักนิด เพ่ือ ไมใ หเสยี เวลาเปล่ียนแปลงสาขาท่ีเรียนในภายหลัง 2.2 สรางทศั นคตทิ ่ดี ตี อตวั เอง คนเรามีหลายประเภท ตัง้ แตคนทีข่ าดความม่นั ใจในตวั เองจนถึงประเภทท่ีมีอัตตาสูง อะไร ก็ตามไมวามากไปหรือนอยไปมันไมดีทั้งน้ัน องคศาสดาเอกแหงศาสนาพุทธทานสอนใหเดินทาง สายกลาง คนที่มีอัตตาหรืออีโก (Ego) สูงไมคอยนาเปนหวง เพราะโดยปกติแลวคนพวกนี้ลวน แลวแตเปนคนเกง ซ่ึงอีโกของเขาก็จะทําใหเขาเปนทุกขตามระดับของอีโกท่ีเขามีตามคําของพระ ทานน้ันแล แตกลุมท่ีนาหวงก็คือกลุมท่ีไมม่ันใจในตัวเอง ชอบดูถูกตนเอง ชอบกลาวหาตัวเอง วา ไมเ กง สมองไมด ีบา ง ทาํ ไมไดบา ง ทงั้ ๆ ทีย่ ังไมไ ดเ รมิ่ ตนลงมอื ทํา แคค ดิ ก็จบกันเสยี แลว ไมไดจะใหนักเรียนนักศึกษามีความคิดที่จะมีอีโกหรือเขาขางตัวเอง แตตองการใหมี ทัศนคติทีด่ ีตอตวั เอง รจู ักตัวเอง หาจุดบกพรองของตวั เอง ถารูว าไมเกง ก็ตองเรียนใหหนักข้นึ สมอง ไมด ีก็ตองขยันขึ้น ลองลงมือทําในสิ่งท่ีคิดวาเราทําไมได เพียรพยายามแลวสักวันหนึ่งเราก็จะทําได ตัวอยางที่ดีของความพยายามตัวอยางหนึ่ง คือความเพียรพยายามของนักวิทยาศาสตรช่ือดัง โทมัส เอดิสัน ผปู ระดิษฐคิดคน หลอดไฟ คุณเชอ่ื ไหมวาเขาตองทดลองมากกวา 10,000 คร้ังจึงจะประดิษฐ หลอดไฟสําเร็จ ถาเขาลมเลิกต้ังแตครั้งที่ 71 เราคงไมมีหลอดไฟใชกันเปนแน แลวยังมีพวกมือไม พายแตเอาเทารานํ้าพูดกับเขาวา คุณลมเหลวถึง 10,000 ครั้ง แตเขากลับตอบวานั้นไมใชความ ลม เหลว แตเ ปน ข้ันตอนของความสาํ เรจ็ ตางหาก ฉะน้ันคนที่เคารพตนเองนนั้ จะประสบความสําเร็จ และมีความสขุ แนนอน 2.3 สรางทศั นคตทิ ีด่ ใี นการเรียน วันนี้อาจารยงดสอนนะครับ เราจะไดยินเสียงและสัมผัสไดถึงความรูสึกดีใจของนักเรียน นักศึกษาในหองเรียน บรรยากาศขณะนั้นเหมือนคนถูกหวยรางวัลที่ 1 แตถาอาจารยนัดสอนเพิ่ม หรือสอนเกินเวลาความรูสึกมันหอเห่ียว หดหู จะสอนไปทําไมเยอะแยะ ท่ีเรียนอยูก็ไมรูเร่ืองอยู แลว เหมือนควายถูกจูงเขาโรงฆาสัตว ไมใชนักเรียนนักศึกษาทุกคนที่เปนเชนน้ีแตก็สวนใหญใช หรือไม ทําไมถึงเปนเชนน้ี คําตอบก็คือ นักเรียนนักศึกษามีทัศนคติท่ีไมดีตอการเรียนน่ันเอง แลว ทําอยางไรจึงจะมีทัศนคติท่ีดีตอการเรียน ความจริงก็ไมยาก แคปรับที่ใจของเราเองและตองทําให ใจเราเช่ือวา การเรียนเปนการฝกฝนและพัฒนาตัวเราใหเปนมนุษยท่ีสมบูรณมากขึ้น พรอมที่จะ พระศกั ด์ชิ ัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมด ีกเ็ รียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
13 ดํารงชีวิตอยูในสังคมโดยไมตองพ่ึงพาใคร ถาจะเปรียบเทียบชีวิตเปนสนามรบ การเรียนก็คือการท่ี เราฝกฝนใชอาวุธตาง ๆ กอนที่จะออกรบจริง ถานักเรียนนักศึกษาไมเคยฝกใชอาวุธใหเปนอยาง ชาํ นาญกม็ ีโอกาสทจี่ ะตายในสนามรบได 2.4 เตรียมรบั ความผดิ หวงั เมือ่ ความผดิ หวังมาเยือน เชน ไมสามารถทจี่ ะสอบเขาเรียนในสาขาท่ีตนเองปรารถนา หรือ ในมหาวิทยาลัยที่หวังไวได ก็ขอใหคิดวาเราไมใชเปนคนแรกในประวัติศาสตรของโลก ท่ีไม สามารถสอบเขา เรยี นในมหาวิทยาลยั ทเ่ี ราตองการได ยงั มคี นอน่ื อกี เปนหมนื่ เปนแสนทีเ่ ปน และเคย เปนเหมือนเรา ปจจุบันน้ีมีมหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยเปดอีกมากมายใหเราเลือกเขาศึกษา เพราะฉะน้ันการสอบไมติดไมใชเปนทุกอยางของชีวิตมันเปนเพียงจุดเริ่มตนเล็กๆ เทาน้ันเอง ลองใชเวลาวางไปศึกษาประวัติของเถาแกหรือเจาของกิจการดังๆ บางทานจบแค ป.4 หรือบางทาน ไมไดเรียนมาเลยยังประสบความสําเร็จในชีวิตได หรือ ถาสอบเขาเรียนไดแลวแตสอบตกหรือถูกรี ไทดก็ขอใหคิดเชนเดียวกัน ถาจิตใจยังไมสงบใหใชหลักอานาปานสติ (กําหนดรูที่ลมหายใจ) พิจารณาลมหายใจเขา -ออก เพ่ือผูกจิตไวกับลมหายใจเขาและออก จะไดไมฟุงซานออกไปภายนอก อนั เปน เหตใุ หเครียดวุน วายเปน ทุกข วิธีการปฏิบตั ิ : น่ังน่งิ ๆ ในทา สบายที่สุด ไมตองเกรง็ ไมต องฝน หลบั ตาคร่งึ เดียวมองลงตํา่ ใหเหน็ ปลายจมกู นับลมหายใจ ลมหายใจเขานบั 1, ออกนับ 1, 1-1 ท่ลี ะคู 2-2 จนถงึ 10-10 แลว กลบั มาต้งั ตน 1-10 ใหม ใหใจสงบอยูก ับลมหายใจสกั ระยะหนง่ึ เลิกทาํ แลว จะรสู กึ สดชื่นขนึ้ เพือ่ ใหค วามผดิ หวงั ไมเปนพิษแกจิตใจของเรา เม่ือเราผดิ หวงั หรือมปี ญหาใดๆ กต็ ามเปรียบเหมือนความมืดในขณะท่ีเราเร่ิมปดไฟ สายตา ของเรายังไมสามารถจะปรับเขากับความมืดไดเราจึงไมสามารถมองเห็นส่ิงของท่ีวางอยู ถารีบเดิน ไปก็อาจจะสะดุดหกลมหัวแตกได แตถาหยุดรอสักพักตาของเราก็จะปรับใหเขากับความมืดและ มองเห็นส่ิงของที่วางอยู เม่ือเดินไปก็คงไมสะดุดหกลมแนนอน ดังนั้นเม่ือผิดหวังหรือมีปญหาให หยุดนง่ิ สกั นิด ตัง้ สติ ทําจิตใจใหส งบ ใหเกิดสมาธิแลว ปญญาในการแกป ญ หาก็จะเกดิ ข้นึ พระศักด์ิชยั ลังกาพินธุ หัวไมด ีกเ็ รยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
14 พระศักดชิ์ ัย ลังกาพินธุ หัวไมด กี เ็ รยี นดไี ด ดร. จตุรงค ลงั กาพินธุ
15 การเตรียมตัวที่ดีเปนจุดเร่ิมของความสําเร็จทั้งปวงดังคํากลาวท่ีวา “การเตรียมตัวท่ีดี เทากับสําเรจ็ ไปคร่ึงหนึง่ แลว ” การเรียนก็เชนเดยี วกนั ชวงแรกของการเปดเทอมจะเปน ชวงคอนขาง จะยุงที่สุด สําหรับนักเรียนนักศึกษาใหมชวงน้ีจะเปนชวงเวลาของการเร่ิมตนและปรับตัวใหเขากับ สิ่งแวดลอมใหม การเรียนการสอนหรืองานจะยังไมคอยหนัก ขอใหเราใชเวลาชวงนี้ในการหา ขอ มลู และทําความคุนเคยกับส่ิงท่จี ะเก่ยี วขอ งกับการศกึ ษาของเราดังนี้ 1. สถานทเี่ รยี น นักเรียนนักศึกษาใหมบางคนเมื่อถึงเวลาเรียน ยังไมรูวาหองเรียนอยูอาคารไหน กวาจะหา พบ เขาก็เรียนกันเปนชั่วโมงแลว ดังนั้นควรใชเวลาวางเดินสํารวจอาคารสถานท่ีเรียน และสถานท่ี สําคัญ ๆ ที่จะเปนประโยชนตอการเรียนของเราวาอยูตรงไหน เพ่ือสรางความคุนเคย และสะดวก สําหรับตดิ ตอ ประสานงาน เชน - หองพกั อาจารยโดยเฉพาะอาจารยท่ีปรกึ ษา - หองภาควชิ า - หองแผนกทะเบยี น - หองสมุดและรา นหนงั สือในสถานศึกษา - หอ งพยาบาล - โรงอาหารและรา นคา - หอ งคอมพิวเตอร - สนามกฬี า และที่อื่น ๆ ท่เี ราเหน็ วาจําเปน 2. บคุ ลากรของสถานศึกษา บคุ ลากรในหวั ขอ น้จี ะหมายถงึ บคุ ลากรทเ่ี ราควรรูจักและควรทาํ ความรูจัก 2.1 บุคลากรท่ีเราควรรูจ ักไดแก อธกิ ารบดี คณบดี หวั หนา ภาควชิ าฯ หรอื ผบู รหิ ารเทา ท่จี ําเปน เรารู ไวเพื่อใชใ นการตอบคาํ ถามเพ่ือไมใหอายคนอนื่ เคยมีนกั ศกึ ษาคนหนึ่งเรียนจบแลวไปสมัครงาน ผู พระศกั ด์ิชัย ลังกาพินธุ หัวไมดกี เ็ รียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
16 สมั ภาษณถามวา อธกิ ารบดีของมหาวิทยาลัยทเ่ี ขาจบมาชอื่ อะไร เขาตอบไมไดเพราะไมเ คยสนใจ นกั ศึกษาคนนน้ั จงึ ไมไ ดเ ขาทาํ งานในบริษทั นน้ั เพราะเรอื่ งเลก็ ๆ นอ ย ๆ เขายังไมส นใจแลว จะไป รบั ผิดชอบงานใหญ ๆ ของบรษิ ทั ของคนอ่นื ไดอยา งไร 2.2 บคุ ลากรทเ่ี ราควรทาํ ความรูจ กั ไดแก อาจารยที่ปรึกษา: เปนบุคคลแรกท่ีเราควรจะเขาไปแนะนําตัวเองใหทานรูจักเราเพราะทานจะเปน ผูดูแลเราต้ังแตปการศึกษาแรกจนจบการศึกษา ทานจะคอยใหคําปรึกษาและแกปญหาของเราใน เร่ืองตาง ๆ ฉะนั้นเมื่อเรามีปญหาอะไรขณะที่เราเรียนอยู คนแรกที่เราควรจะนึกถึงคืออาจารยท่ี ปรึกษา อาจารยประจําสาขาวิชา: สาขาวิชาจะมีอาจารยประจํา 10-20 ทาน ถาเปนสาขาวิชาใหญอาจมี มากกวานี้ ไมจ าํ เปนตอ งไปแนะนําตวั เองใหอาจารยแตละทานรูจัก แตใหเราศึกษาประวัติการศึกษา และความเชี่ยวชาญของอาจารยแตละทาน โดยศึกษาจากคูมือนักศึกษา เว็บไซทของสาขาวิชาหรือ สอบถามจากรุนพ่ี เพ่ือเปนแนวทางในการตัดสินใจเลือกอาจารยท่ีปรึกษาในการทําปญหาพิเศษ โครงงานหรอื ปรญิ ญานิพนธในดานที่เราสนใจ (ปกติหลักสูตรระดับปริญญาตรีสวนใหญ จะบังคับ ใหนกั ศกึ ษาปสุดทายทําปญหาพิเศษ โครงงาน หรือปริญญานิพนธ เพ่ือสําเร็จการศึกษา) เมื่อรูตัววา เราชอบโครงงานเรื่องไหนก็ใหรีบไปแนะนําตัวทําความรูจักกับอาจารยที่มีความเช่ียวชาญดานนั้น เม่ือถึงเวลาอันสมควร (ป 3) เราอาจจะเขาไปเสนอหัวขอท่ีเราสนใจหรือบางครั้งอาจารยก็มีหัวขอ โครงงานอยูแลว อาจารยอาจจะใหเราเอาไปทําไดเลย ถาเราไปพบทานชาอาจจะไมทันคนอ่ืน เพราะแตละสถานศึกษา จะมีกฎขอบังคับวาอาจารยแตละทานจะสามารถเปนท่ีปรึกษาโครงงานได ตามจาํ นวนทสี่ ถานศึกษากําหนดเทา นั้น บุคลากรในสายสนับสนุน: ที่เราควรจะเขาไปทําความรูจัก คุนเคย ไดแก บรรณารักษประจํา หองสมุด เจาหนาที่แผนกทะเบียน เจาหนาที่ประจําภาควิชา หรือ แมแตเจาหนาท่ีทําความสะอาด และเจาหนาท่ีรักษาความปลอดภัยของสถานศึกษา บุคคลทั้งหลายเหลาน้ีถาเราไดรูจักสนิทสนม เปนพิเศษ เราจะไดรับความสะดวกในการติดตอประสานงานในดานตางๆ เชน บรรณารักษก็จะ ชวยหาหนงั สอื หรอื ขอมูลที่เราหาไมพบในหองสมุด เปน ตน วิธีการท่ีจะเขา ไปทําความคุนเคยกับบุคคลเหลาน้ีก็ใชวิธีที่แสนจะธรรมดานั้นเอง คือ อาศัย ความออนนอมถอมตน การพูดจาสุภาพออนโยน ดวยไมตรีจิตที่จริงใจ สิบน้ิวพนมแลวกลาวคําวา สวัสดีครับ / คะ โดยไมตองแบงแยกวาคนนี้เปนอาจารย คนน้ีเปนภารโรง เพราะทุกทานก็มีความ พระศักด์ิชัย ลังกาพินธุ หวั ไมดกี ็เรียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
17 อาวุโสกวาเราอยูแลว การทําเชนนี้จะชวยลดทิฐิมานะในตัวเอง และจะทําใหเราเปนท่ีรักของคนทุก ประเภท เปรยี บเสมือนรวงขา ว รวงเต็ม ลาํ ตนออนชอย เหมือนดังวา นอบนอ มแกผผู า นไปมาทุกวัน ใคร ๆ ก็มองดูดวยความรูสึกนิยมชมชอบ บางคนถึงกับนั่งลงใชอุงมือรองรวงขาวอยางถนอมดวย เกรงเมล็ดจะรวงหลน สวนรวงขาวลีบท้ังรวง ไมมีเนื้อ รวงจึงแข็งกระดาง ไมมีใครสนใจ มีแตเขา จะถอนท้งิ 3. หลกั สตู รในสาขาทเ่ี ราเรยี น ปกตใิ นวนั ปฐมนิเทศกอนเปด ภาคการศกึ ษา จะมกี ารแจกคูมือนกั ศกึ ษาใหแ กน กั ศกึ ษาใหม ทุกคน (ถาไมไ ดรับใหไ ปตดิ ตอทภ่ี าควิชา) ซึ่งในคูมอื นกั ศกึ ษาน้นั จะบรรจุดว ย ขอมูลท่จี าํ เปนตอ การดาํ รงชีวติ ในสถานศึกษาไมว า จะเปน กฎระเบยี บตาง ๆ หลกั สูตร แผนการศึกษา อาจารยประจํา หลกั สตู ร และอืน่ ๆ ทสี่ ถานศึกษาตอ งการใหเรารบั ทราบ ใหเ ราใชเวลาวา งอานและศกึ ษาใหเ ขา ใจ โดยเฉพาะหลกั สตู รและคาํ อธบิ ายและรายวิชาในสาขาทเ่ี รียน ตอนแรกอาจจะดคู รา วๆ ทง้ั หลกั สูตร ตอ มาใหดเู นนท่ีรายวชิ าทจี่ ะไดเรียนในภาคการศกึ ษานี้ เพือ่ เตรียมตวั และเตรยี มใจทีจ่ ะเรียน และ เสริมในส่งิ ท่เี ราคิดวาเรายงั ขาด นักศกึ ษาบางคนอยูปท่ี 4 แลวยังไมเ คยเปดอานคมู ือนกั ศึกษาเลย ที่ เรยี นผา น ๆ มานนั้ ลงทะเบยี นตามเพ่ือนและไมรูวา วิชาที่เรียนไปนนั้ จะเปน ประโยนชแ กเราหรอื ไม โดยทว่ั ไปวิชาทีเ่ ราสามารถเลือกเรียนเองไดคือ กลุมวิชาเลอื กและวชิ าเลอื กเสรี ใหเ ลอื กตามทีเ่ รา ถนดั และคดิ วาจะไดนาํ ไปใชใ นการทํางานของเราในอนาคต หลักการลงทะเบียนน้ัน (ถาเลือกได เพราะปกติจะมีหลายกลุมใหเลือก) ใหเลือก ลงทะเบียนในรายวิชาท่ีเราไมชอบในภาคเชา ซ่ึงเปนชวงเวลาที่จิตใจของเราสวนใหญจะเบิกบาน แจมใส สวนรายวิชาที่เราชอบใหลงทะเบียนในชวงหลังเท่ียง ซ่ึงเปนชวงเวลาที่จิตใจของเรามักจะ งว งงาวหาวนอน ขาดสติทาํ ใหเรียนไมเ ขาใจ พระศักดิ์ชัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีกเ็ รยี นดไี ด ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
18 อนาคตของเรานน้ั จะเปน ตามท่ีปรารถนาไวห รอื ไม กข็ น้ึ อยกู ับตวั ของเราเอง เราจงึ ควรพง่ึ ตัวเองและลงมือทําจนสุดความสามารถกอนท่จี ะขอรับความชว ยเหลอื จากใคร เพราะไมม ีใครจะ รูจักตัวเราดเี ทา ตวั เราเอง 1. วางแผนชวี ติ การที่นักเรียนนักศึกษาเขียนบันทึกความปรารถนาของตนไว จะทําใหรูวาจริงๆ แลวเรา ตองการอะไรในชีวิต และไมปลอยใหเวลาผานไปอยางเปลาประโยชน ความปรารถนาจะเปน แรงผลักดันใหคุณบรรลุเปาหมาย ดังน้ันใหนักเรียนนักศึกษาใชเวลาในการวางแผนกําหนดความ ตอ งการของเราไวอยา งชาญฉลาด นักเรียนนักศึกษายังเปนวัยรุนหรือวัยเรียน สิ่งแรกท่ีควรทําเพื่อใหบรรลุความปรารถนาก็ คือสรางคุณสมบัติท่ีดีของตัวเองใหนาสนใจ และมีอะไรที่แตกตางจากคนอ่ืน(ในทางที่ดี) เพ่ือที่จะ กาวไปสูเปาหมายไดงายขึ้น ซึ่งไดแกการเขาเรียนในสถานศึกษาที่เปนท่ียอมรับและฝกอบรมใน หลักสูตรตาง ๆ ที่จะชวยสงเสริมและพัฒนาตัวเราใหเปนคนท่ีสังคมตองการ ขอใหจําไววา “ความสําเร็จในอาชีพการงานนั้นมักมาจากการท่ีเราไดสรางคุณสมบัติพ้ืนฐานท่ีดีของตัวเราเอง เอาไวแลว” เพื่อใหนักเรียนนักศึกษาไดเห็นเปาหมายชีวิตท่ีชัดยิ่งข้ึน คุณควรคนหาความปรารถนา และเขียนบันทึกตามชวงอายุวาคุณตองการบรรลุผลอะไร และดวยวิธีไหนไวในชองวางขางลางนี้ ซ่ึงแผนท่ีไดวางไวอาจมีการเปล่ียนแปลงแกไขเมื่อเวลาผานไป แตอยางนอยที่สุดเราจะรูวาชีวิตเรา จะเดินไปทางไหน เราจึงอยากจะกาวไปตามน้ัน ดังนั้นจึงขอใหวางแผนใหเหมาะสมกับสภาพ ความเปนจริง และตรวจสอบตวั คณุ เองอยางนอยปละครั้ง เพ่อื ใหม ั่นใจวาคุณไดทําตามแผนการของ คุณหรอื ไม พระศักดิช์ ยั ลังกาพนิ ธุ หัวไมด กี เ็ รยี นดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพินธุ
19 แผนการดาํ เนนิ ชวี ติ 1. อายุ………………ตอ งการบรรลุผล................................................................................................ วิธีการ……………………………………………………………………………………………... 2. อาย…ุ ……………ตองการบรรลผุ ล................................................................................................ วธิ กี าร……………………………………………………………………………………………... 3. อายุ………………ตองการบรรลุผล................................................................................................ วิธีการ……………………………………………………………………………………………... 4. อาย…ุ ……………ตอ งการบรรลผุ ล................................................................................................ วธิ กี าร……………………………………………………………………………………………... 5. อายุ………………ตองการบรรลุผล................................................................................................ วธิ กี าร……………………………………………………………………………………………... 2. วางแผนการเรยี น โดยทว่ั ไปแตล ะหลักสูตร จะมกี ารกาํ หนดแผนการเรยี นเรยี บรอยแลว ในแผนการเรยี นจะ กาํ หนดวิชาพนื้ ฐาน วชิ าบังคับ ไวคอ นขางตายตวั ในแตล ะภาคการศึกษา วิชาท่เี ราจะสามารถเลอื ก เรยี นเองไดก็จะเปน วิชาเลอื กน้ันเอง ขอ มูลท่ีเราควรจะทราบเพอ่ื ประกอบการวางแผนและบรหิ าร เวลาไดแ ก 1. รายละเอียดลกั ษณะรายวิชาทเี่ ราเรยี น เปนวชิ าคํานวณ ทอ งจํา ทฤษฎีหรอื ปฏิบัติ 2. ปริมาณงานในแตละวิชา เชน การบาน รายงาน สอบยอ ย ปกติอาจารยป ระจาํ วิชาจะแนะนาํ ในช่ัวโมงแรก หรือเราอาจจะสอบถามเพมิ่ เตมิ จากรนุ พกี่ ไ็ ด พยายามอยาลงทะเบยี นเรยี น วิชาที่มีงานเยอะๆ ในภาคการศึกษาเดยี วกนั หลงั จากท่ีเราไดขอมูลทั้งหมดแลว เราควรมาเร่ิมวางแผนทาํ ตารางเวลากนั ตารางเวลาอยาง นอ ยควรประกอบดว ย แผนประจําภาคการศึกษาและแผนประจาํ สปั ดาห พระศักด์ิชัย ลังกาพินธุ หัวไมดกี ็เรียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
20 2.1 แผนประจําภาคการศึกษา ใหเขยี นกจิ กรรม หรอื สิ่งตางๆ ท่จี ะตอ งทาํ ท้ังหมดภายในภาคการศกึ ษาน้ี โดยเขยี นไวใ น ปฏทิ ิน หรืออาจจะทําข้ึนมาเองใหเราดงู า ยขนึ้ แผนประจาํ เทอมจะเปน แผนหลักทเ่ี ราจะตองนาํ ไป ประกอบการทําแผนรายสปั ดาห สง่ิ ท่คี วรปรากฏอยใู นแผนประจําเทอมไดแ ก - วันเปด และปด ภาคเรยี น - กําหนดการสอบกลางภาคและปลายภาคเรยี น - กําหนดชว งเวลาและวนั สดุ ทา ย (Deadline) ของ: • การลงทะเบยี นเรียน การเพม่ิ -ถอนรายวชิ าที่เรียน (ถา มี) • การยมื และคนื หนงั สือหองสมุด • การสงโครงงาน หรอื รายงานประจาํ เทอมของแตล ะวิชา • กิจกรรมตา งๆของสถาบัน เชน กฬี าตา งๆ งานท่ีจดั ตามประเพณี 2.2 แผนประจาํ สัปดาห แผนประจาํ สปั ดาหจ ะสอดคลองกบั แผนประจําเทอม แผนประจําสปั ดาหเ ปนแผนที่จะตอง ระบสุ ิ่งท่ีตอ งทาํ อยางละเอียดและควรจะมกี ารวางแผนทกุ ๆ สัปดาห ชวงทเี่ หมาะสมที่ใชในการ วางแผนควรจะเปน วันเสาร- อาทิตย เพราะเราจะทราบวาในชว ง 5 วันที่ผานมาเราเรยี นอะไร ไดรบั มอบหมายงานอะไร และแผนการท่ีเราวางไวสปั ดาหทแ่ี ลว สามารถปฏิบัตไิ ดด หี รอื ไม เราสามารถ นาํ มาเปนขอมลู ในการปรบั ปรงุ ในสัปดาหต อ ไป แผนประจําสัปดาหม ีหลกั การจดั ทําดังนี้ • งานทต่ี องสง : จัดลําดบั ความสาํ คัญโดยดจู ากกาํ หนดสงงาน ควรทาํ แผนใหท ํางานเสร็จ กอ นกําหนดสง อยางนอย 1-2 วัน เพือ่ ลดความเครียดวาจะทํางานเสรจ็ ไมท ันสงและมเี วลาตรวจทาน ความถูกตอง กรณีทม่ี งี านหลายงานท่ีจะตอ งสง ในวนั เดียวกนั ควรจะเลือกจดั ใหท าํ งานที่งายกอ น จนไปถึงงานทยี่ ากทส่ี ดุ เพือ่ สง เสรมิ กําลงั ใจในการทํางาน • หนังสือทต่ี องอาน: ควรสอดคลอ งกบั ตารางเรยี น เชน วชิ าทเี่ รียนมาในวันน้ีควรจะถกู จดั ใหท บทวน ภายในคนื นเี้ พอื่ ท่ีจะไดไมลมื หรอื เสียเวลาในการรือ้ ฟนความทรงจํา สว นวชิ าทีจ่ ะตอ ง เรยี นในวนั ตอไป ควรถกู จัดใหอ า นลว งหนา กอ นเรยี นเพื่อทําใหเ ราเขาใจในบทเรยี นมากขน้ึ และ สามารถต้งั คาํ ถามไวล วงหนา ในเรอ่ื งที่ไมเ ขาใจ • ควรใหเ หมาะสมกบั ตวั เอง คนหาตวั เองแลว ดูวา ชว งไหนเราสามารถใชสมองไดด ี ควรใช ชวงนนั้ ทบทวนในรายวชิ าทเี่ กยี่ วกับการคิดคํานวณหรอื วิชาทยี่ ากสําหรบั เรา พระศักด์ิชัย ลังกาพินธุ หวั ไมด กี ็เรียนดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
21 • ควรเขารว มกจิ กรรมในชมรมทีเ่ ราเลอื กอยางนอยสัปดาหละ 1 ครัง้ เพื่อฝกใหเ ราเปน คนมี มนษุ ยสมั พนั ธและรูจกั เพอื่ นตา งสาขา เชน ชมรมภาษาองั กฤษ ชมรมคอมพิวเตอร ชมรมกฬี า หรอื ชมรมดนตรี เปนตน • ควรจดั กิจกรรมออกกาํ ลังกายอยา งนอยสัปดาหล ะ 3 ครั้งทัง้ นกี้ เ็ พอ่ื สุขภาพที่ดขี องเรา เชน เลนฟตุ บอล วายนาํ้ วงิ่ เปนตน การจัดทาํ แผนรายสัปดาหน จ้ี ะตอ งปรบั ตามความเหมาะสมของเราและใหเ กดิ ประโยชนแก ตัวเราเองสูงสดุ ไมใหตงึ จนไมสามารถปฏิบัตไิ ดจ ริงหรอื หยอนจนไมเกดิ ประโยชน 3.กฎในการปฏบิ ตั ิตามแผนใหสาํ เรจ็ ตารางเวลาท่ีเราไดกําหนดไวจะเปนเพียงเศษกระดาษทันที ถาเราเขียนไวแลวมิไดลงมือ ปฏิบัติตาม ส่ิงท่ีเปนตัวการหลักที่ทําใหเราไมสามารถทําตามแผนไดก็คือ กิเลส หรือความข้ีเกียจ และส่ิงลอใจตางๆ ท่ีมีอยูมากมายในปจจุบัน เชน เกมส อินเทอรเน็ต สถานท่ีเริงรมย ฯลฯ การที่เรา ตองการประสบความสาํ เรจ็ ในการเรียน เราจําเปนจะตองละทิ้งส่ิงเหลานี้บางดังที่ ดร.นอรแมน วินเซนท เพิรล ไดเขียนไวในหนังสือ The Power of Positive Thinking วา “กุญแจสําคัญแหง ความสําเร็จในชีวิตท่ีคุณปรารถนาก็คือ การปลดปลอยภาระผูกผันทุกอยางเพ่ือมุงไปยังส่ิงท่ีตัวเอง มงุ ม่นั เพยี งสง่ิ เดียว” และตองอาศัยกฎดังนด้ี ว ย 1. อยาผลดั วนั ประกันพรุง การผลดั วันประกนั พรงุ จะทําใหคุณยงั คงอยทู ีเ่ ดมิ ท่ีที่คุณ เคยอยู ตวั อยา งเชน เม่ือคณุ ปวดฟนแตผลัดผอนการไปหาหมอฟน นนั่ ก็แสดงวาคณุ ตดั สินใจทจี่ ะปวดฟน ตอ หรอื เชน มีผหู ญงิ คนหนงึ่ ผดั ผอ นท่ีจะทาํ อะไรบางอยา งทีจ่ ะลด นาํ้ หนกั ตวั เองมนั ก็เหมอื นกบั เธอตัดสินใจวาฉนั จะอวนอยา งนีต้ อ ไป 2. ฝกตัวเองใหหลุดพนจากอาการงวง นอกจากสิ่งลอใจที่กลาวมาแลว การงวงนอน ขณะอา นหนงั สอื ก็เปนอุปสรรคไมนอย (หนังสือคือยานอนหลับ) เพราะการนอนเปนสิ่ง พระศกั ดช์ิ ยั ลังกาพนิ ธุ หวั ไมดกี ็เรยี นดไี ด ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
22 ที่สบายที่สุด ย่ิงนอนมากก็ย่ิงขี้เกียจมาก หลักฟสิกสจึงกลาวไววา รางกายท่ีพักผอนอยูก็ ชอบที่จะพักผอน และรางกายที่กําลังเคล่ือนไหวอยูก็ชอบท่ีจะเคลื่อนไหว ดังน้ันเราควร ฝกเขานอนและต่ืนนอนใหตรงเวลาทุกๆ วัน (ไมเวนเสาร-อาทิตย) ไมนอนในเวลาท่ี ไมใชเ วลานอนจนเปน นิสยั ไมเ ปล่ียนเวลากลางคนื เปนเวลากลางวัน เพราะเวลากลางคืน เปน เวลาพักผอนและสมองจะเรยี บเรียงขอ มูลที่เราไดอานไป วิธีงายๆ ที่เราจะฝกใหหลุด ออกจากความสุขของการนอนคือ ชวงเชา (ชวงเวลาที่มีความสุขที่สุดของการนอน) เมื่อ นาฬิกาปลุกตามเวลาที่เราตั้งไว ใหดีดตัวออกจากเตียงทันทีเหมือนมีสปริงดีดออกมา ยืด ซายขวาและเขาหองนํ้า สอง-สามวันแรกอาจจะยากนิดหน่ึงแตเมื่อทําไดผานไปสักหนึ่ง สปั ดาหม ันจะเปน อัตโนมตั ิของตวั เราเอง 3. เลือกสถานท่ใี หเ หมาะสม ควรจะเลือกทํางานในที่เดิม เพราะจะไดไมเสียเวลาไป กับการสํารวจหรือชื่นชมส่ิงแวดลอมที่ดีแปลกตา ถาเปนท่ีบานควรจะหาโตะสักตัวจัด สภาพแวดลอมใหเหมาะสมตอการทํางานและอานหนังสือของเรา เชน มีแสงสวาง เพียงพอ จัดหนังสือใหเปนหมวดหมูและเปนระเบียบสามารถท่ีจะหยิบจับงาย ไม เสียเวลาในการร้ือคน ไมควรนอนอานบนเตียงเพราะจะทําใหหลับได แมวาจะไมงวงก็ ตาม 4. อยาเปด ทวี ี เลน อนิ เทอรเ นต็ หรอื ฟง เพลงขณะอานหนังสือหรอื ทํางาน เพราะจะ ทาํ ใหเราเสยี สมาธิและอา นไดช าลง ควรจัดสรรเวลาสําหรบั ใชทํากจิ กรรมเหลา นอ้ี ยา ง เหมาะสม และไมใ ชเ วลาเดยี วกบั เวลาทํางานหรืออานหนงั สือ 5. อยา ทาํ งานหรอื กิจกรรมอื่นทไี่ มตรงกับตาราง แตถ า หลกี เลย่ี งไมไ ดใ หเขยี นลงใน ตารางวาเราทาํ อะไร เพ่อื ใชเ ปน แนวทางในการปรับตารางเวลาในสัปดาหต อ ไป 6. ปฏิเสธใหเปน บอยครั้งท่ีการชักชวนของเพ่ือน ทําใหเราไมสามารถทาํ ตามเวลาท่ี จัดไวได ฉะน้นั จึงตองรจู กั ปฏเิ สธเพื่อนเสียบาง แตกค็ วรจะพจิ ารณาวากจิ กรรมท่เี พอื่ น ชักชวนเปนประโยชนแ คไหน ถาเปนประโยชนแ กเราอาจจะปรบั เวลาทีเ่ ราจดั ไวก ไ็ ด (แตอยา ทาํ บอ ย) เชน ไปดงู านวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยีใหมๆ เปน ตน แตถ า ชกั ชวน เพอ่ื ไปดหู นัง เดินหา ง เทยี่ วตามสถานบนั เทิงเรงิ รมย กค็ วรปฏเิ สธ โดยไมต อ งกลวั เสีย นํา้ ใจ เพราะเพอ่ื นทีด่ ีตอ งเขา ใจ และยนิ ดที จี่ ะสนบั สนนุ เพือ่ น 7. ใหรางวลั กับความสําเร็จ เม่ือทํางานหรอื อา นหนังสอื ไดต ามแผนทีท่ ําไว อาจจะให รางวัลตวั เอง เชน ไปทานอาหารทช่ี อบ หรือดูหนังสกั เรอ่ื ง เปนตน ในทางตรงกนั ขาม หากเราไมส ามารถทาํ ตามแผนไดจ ากความข้เี กียจของเรา เรากค็ วรจะลงโทษตวั เอง เชน งดเที่ยว งดเลน เกมส เปนตน พระศกั ด์ิชัย ลังกาพนิ ธุ หวั ไมด ีก็เรยี นดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
23 4. ใหก าํ ลังใจตัวเอง ชวงเวลาของชีวิตการศึกษาเลาเรียนในสถานศึกษา ตองนับวาเปนชวงที่นักเรียนนักศึกษา ตองพบกับความลําบาก ตองใชความมานะ อุตสาหะ พยายาม เพ่ือใหผานเกณฑตาง ๆ ของ สถาบันการศึกษานัน้ ต้งั ไว ไดพ บทงั้ ส่ิงทช่ี อบและไมช อบ พอใจและไมพอใจเหมือนเปนการฝกฝน ตัวเองกอนที่จะออกไปเผชิญกับชีวิตจริงหลังจากเรียนจบ ซึ่งอาจจะมีบางครั้งท่ีเรารูสึกเหนื่อยลา และทอใจกับความทุกขยากลําบากในชวงเวลาน้ี เมื่อความรูสึกเชนนี้เกิดขึ้นขอใหเราพิจารณา ขอ คิดดงั ตอไปนี้ 1. เปดดูแผนชีวิตท่ีเราไดบนั ทกึ ไว หากเราทอแทแ ละทอดทิง้ เราจะกาวไปสสู ิ่งท่เี ราหวงั ไวไ ด อยา งไร ความสําเร็จทีไ่ ดม าดว ยความยากลาํ บากนนั้ เปน สิ่งที่นา ภมู ิใจย่งิ นัก 2. ชีวิตคนเราก็เหมือนกับฤดูกาลที่หมุนเวียนเปล่ียนไป ตองอดทนเม่ือตองอยูในฤดูท่ีไมชอบ ซึ่งเปรียบเหมือนความทุกข เมื่อฤดูนั้นผานไปเปนฤดูกาลท่ีเราชอบ เปรียบเสมือนความสุข ความทุกขและความสุขเปนของคูกันเสมอ ตองอดทนเวลาที่ฝนโปรยปรายเหมือนดังเพลง “ฤดูทแ่ี ตกตา ง” 3. ไฟน้ันสามารถทําลายไดเกือบทุกสิ่งทุกอยาง แตทําไมเหล็กที่ผานไฟแลวจึงกลายเปน เหล็กกลา ความทุกขยากลําบากอาจจะทําลายคนธรรมดาใหหมดความหวังได แตสําหรับ คนทเี่ ขมแข็งความทุกขยากลําบากย่ิงจะทําใหเ ขาเขม็ แข็งขนึ้ 4. นํ้าหยดลงหินทีละหยดๆ ทุกวันหินยังกรอนได หรือตักนํ้าใสตุมเพียงขัน สองขัน อาจจะ มองไมเห็นน้ําเลยแตเมื่อตักบอยๆ ตักเปนรอยๆ ขันน้ําก็ยอมเต็มตุม เหมือนการเรียนถามี ความเพยี รสมา่ํ เสมอความสําเร็จยอมอยูแคเ อื้อม 5. ทานอาจารย วศิน อินทสระ ไดกลาวถงึ การตอ สกู ับความทกุ ขย ากไวว า “ในสงิ่ ทีเ่ รารสู ึกวา เลวรา ยยงั มีสิ่งทเี่ ลวรา ยกวา นอ้ี กี แตเรายงั ไมพบ ในสง่ิ ท่ีเรารูสึกวา ดแี ลว ยงั มสี งิ่ ท่ีดีกวา น้อี กี แตเรายังไมไดพ บเชน เดยี วกนั ฉะนั้นใหเ รามีกําลังใจทจ่ี ะตอ สกู บั ความทุกข และแสวงหา สิง่ ที่คิดวาดกี วา ไมต ดิ ยดึ อยูในคุณงามความดเี พยี งเลก็ นอ ย” 6. โทมัส เอดิสัน ไดกลาววา “รอยละ 75 ของความลมเหลวในโลกน้ีจะประสบความสําเร็จได หากมมุ านะทําตอไป อุปสรรคทใ่ี หญห ลวงที่สุดก็คอื การลมเลิกกลางคัน” พระศกั ด์ชิ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมดีก็เรยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
24 7. ตามทฤษฎีทางพลศาสตรอากาศ พบวาน้ําหนักและรูปรางของผึ้งปาเมื่อเทียบกับขนาดของ ปกที่กางเต็มท่ีแลวมันจะไมสามารถบินได แตผ้ึงปาอานความจริงทางวิทยาศาตรไมออก ทดลองไมเปน มุงแตจะบินทาเดียวจนบินไดในท่ีสุด น่ีเปนขอคิดจากบริษัทเจเนอรรัล มอเตอร 8. ความภมู ิใจท่ยี ิ่งใหญของคนเราน้ัน ไมไดอ ยูทเ่ี ราไมเ คยลม แตอ ยทู ่สี ามารถลุกขึ้นไดท ุกครง้ั ทีเ่ ราลม “คาํ คมของ ขงจื๊อ” 9. สุภาษิตสเปนกลาววา “เอาของสูเจาตองการไปได แตตองจายคาของดวย” เพราะไมมีของ ฟรใี นโลกน้ี ทุกสิง่ ตองมีของแลกเปลย่ี นกันเสมอ ถาอยากมีสุขภาพแข็งแรงกต็ อ งออกกําลงั กาย กินอาหารที่มีประโยชน และพักผอนใหเพียงพอ แตถาตองการจะประสบความสําเร็จ ในการเลาเรียน ก็ตองแลกดวยความมานะอดทนตอความยากลําบากและทุมเทใหแกการ เรยี น 10. มีนกชนิดหน่ึงอาศัยอยูอยางชุกชุมในฝงสเปน ตรงขามกับฝงแอฟริกาในชวงฤดูหนาวนก ชนดิ นี้จะอพยพไปอยูฝงแอฟริกา เพราะอากาศอบอุนกวาฝงสเปน และอพยพกลับฝงสเปน ชวงฤดูรอน จากพฤติกรรมของมันแสดงวานกชนิดน้ีมีความฉลาดรูจักอพยพไปอยูในท่ีที่ สบายกวา ซ่ึงนกที่ฉลาดเชนนี้นาจะมีกําลังสมบูรณและแพรพันธุไดมากมาย แตปรากฏ วานกชนิดนี้ไดล ดจาํ นวนลงเร่อื ยๆ และสญู พันธุไปในทีส่ ุด ก็เหมือนกับชวี ติ คนเรา ถาชอบ แตความสุขสบายไมอดทนตอสูกับอุปสรรคตางๆ ปรับตัวใหเขากับสิ่งแวดลอม ชีวิตก็จะ ออ นแอลงเรอื่ ยๆ ทง้ั กําลงั กายและกําลงั ใจ จนในที่สุดจะเปนดังนกทีส่ ูญพนั ธุ 11. ชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาแกไวตัวหน่ึง มันดันเดินซุมซามไปตกบอน้ําท่ีไมใชแลวแหงหนึ่ง และรองครวญครางอยูเปนเวลานาน ชาวนาพยายามใครครวญหาวิธีท่ีจะชวยมันขึ้นมา ใน ที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาไดวาเจาลาก็แกเกินไปแลว อีกอยางบอนี้ก็ตองกลบ ไมคุมที่จะ ชวยเจาลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบานเพื่อมาชวยกลบบอ ทุกคนใชพลั่วตักดินสาดลงไป ในบอ คร้ังแรกท่ีดินไปถูกหลังลา มันตกใจและรูชะตากรรมของตนทันที มันรองโหยหวน สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจาลาเงียบไป หลังจากชาวนาตักดินใสไปในบอไดสักสอง สามพล่ัว เมื่อเหลือบมองไปในบอก็พบกับความประหลาดใจท่ีวาทุกครั้งที่ทุกคนสาดดิน ไปถูกหลังลามันจะสะบัดดินออกจากหลัง แลวกาวไปเหยียบบนดินเหลาน้ัน ย่ิงทุกคน พยายามเรงระดมสาดดินลงไปมากเทาไหร มันก็กาวข้ึนมาไดเร็วมากยิ่งขึ้น ในที่สุดเจาลาก็ สามารถหลุดพนจากปากบอดังกลาวได นิทานเรื่องน้ีสอนใหรูวาอุปสรรคตางๆ ที่ถาโถม เขามาหาชีวิตเรา ก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเขามาหาเรา จงอยาทอถอยและยอมแพ จงแกไข พระศกั ด์ิชยั ลังกาพินธุ หวั ไมด ีกเ็ รยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
25 ปญ หา เพือ่ ท่เี ราจะไดเหยียบมันและกาวสูงขึ้นเร่ือยๆ เปรียบเสมือนลาแกท่ีหลุดพนจากบอ น้าํ ได พระศักดิช์ ัย ลังกาพินธุ หัวไมด กี เ็ รยี นดีได ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
ตัวอยา งของแผนประจาํ ภาคการศกึ ษาท่ี 1 เดอื น/วนั อาทติ ย จนั ทร องั คาร พุธ พฤหัส. ศกุ ร เสาร อาทิตย จันทร อังคาร พธุ พฤหสั . ศุกร มกราคม กุมภาพนั ธ มนี าคม เมษายน พฤษภาคม มถิ ุนายน เปด เทอม กรกฎาคม กิจกรรมวนั แม วันสดุ ทายของการ เพม่ิ - สิงหาคม ถอนรายวิชาเรียน กนั ยายน วนั เกดิ แม ตุลาคม สัปดาหสอบปลายภาค ปดเทอม ประกาศผล สอบ พฤศจกิ ายน ธนั วาคม หมายเหต:ุ …………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เสาร อาทิตย จันทร องั คาร พุธ พฤหัส. ศุกร เสาร อาทิตย จันทร อังคาร พธุ พฤหัส. ศุกร เสาร กีฬาภายใน วันสดุ ทายของการ ลงทะเบียนเรียน สง โครงงาน วิชา.......... สัปดาหส อบกลางภาค วันสุดทา ยของคนื หนงั สือ หองสมดุ …………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….
27 ตวั อยางของตารางเรยี นทเ่ี รายังไมใ สแ ผนประจําสปั ดาหล งไป นกั ศกึ ษาควรทาํ ตนฉบับไวห ลังจากนน้ั กส็ ามารถนาํ มาถายเอกสารเพอื่ ใชว างแผนทง้ั ภา ไวต ายตัว เราไมสามารถจะเปลีย่ นแปลงได สวนพน้ื ทีว่ า งเราสามารถกาํ หนดกจิ กรรมต ชวั่ โมงที่ 1 2 3 4 5 6 7 วัน/เวลา 08.00-09.00 09.00-10.00 10.00-11.00 11.00-12.00 12.00-13.00 13.00-14.00 14.00-15.00 จันทร องั คาร เรยี นวิชา A เรยี นวชิ า B พุธ หอง.......... หอง.......... พฤหัสฯ ศกุ ร เรยี นวชิ า C เรียนปฏิบตั วิ ิชา C เสาร หอง.......... หอง.......... เรียนวิชา D เรียนปฏบิ ัตวิ ชิ า D หอง.......... หอง.......... เรยี นปฏิบัตวิ ชิ า E เรียนวชิ า G หอง.......... หอ ง.......... เรยี นปฏิบัติวิชา F หอ ง.......... อาทิตย หมายเหตุ:…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… พระศกั ด์ชิ ยั ลังกาพนิ ธุ หัวไมด ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
7 าคการศกึ ษา (ประมาณ 16 ชุด ตอภาคเรยี น) จะเหน็ วา พื้นที่ทถี่ กู แรเงาจะถกู กําหนด ตา ง ๆ ของเราลงไปตามความเหมาะสม 8 9 10 11 12 13 14 15 16 15.00-16.00 16.00-17.00 17.00-18.00 18.00-19.00 19.00-20.00 20.00-21.00 21.00-22.00 22.00-23.00 23.00-24.00 …………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ดีกเ็ รยี นดไี ด
28 ตัวอยางของแผนประจาํ สปั ดาหท ี่ 4 ( 1- 7 กรกฎาคม 2550) ชวั่ โมงท่ี 12 34 5 67 วนั /เวลา จันทร 08.00-09.00 09.00-10.00 10.00-11.00 11.00-12.00 12.00-13.00 13.00-14.00 14.00-15.00 1 องั คาร อานลว งหนา เรียนวิชา A เรยี นวชิ า B วชิ า A หอง.......... หอง.......... พธุ อานลวงหนา เรียนวิชา C เรียนปฏบิ ตั วิ ชิ า C พฤหัสฯ วิชา C หอ ง.......... หอ ง.......... ศกุ ร เสาร เรยี นวิชา D เลนอนิ เทอรเ น็ต เรยี นปฏบิ ตั วิ ชิ า D อาทิตย หอ ง.......... หอง.......... เรียนวิชา E อา นลว งหนา หอ ง.......... รวมกิจกรรมชมรมคอมพิวเต วิชา E เรียนวชิ า F หอง.......... เรยี นวชิ า G คนคว อา นลว งหนา หอ ง.......... เทย่ี วหา ง ดูห วิชา F ซักผา ไปหาขอ มลู ทาํ รายงานหอสมุดแหงชาติ ไปทาํ รายงานกลมุ บา น........ หมายเหตุ:…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… พระศักดช์ิ ยั ลังกาพนิ ธุ หวั ไมด ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
8 8 9 10 11 12 13 14 15 16 15.00-16.00 16.00-17.00 17.00-18.00 18.00-19.00 19.00-20.00 20.00-21.00 21.00-22.00 22.00-23.00 23.00-24.00 เลนฟุตบอล ทาํ การบา นและทบทวนวิชา A ทบทวนวิชา B เลนอนิ เทอรเน็ต ทาํ การบา นและทบทวนวิชา C อา นลว งหนา เลนฟตุ บอล วชิ า D เลนเกมส วายนา้ํ เลนเกมส ทบทวนวชิ า D ตอร ทาํ การบา นและทบทวนวิชา E อานลวงหนา วา ขอมูลหอ งสมดุ วิชา G ทบทวนวชิ า F ทบทวนวิชา G หนงั รีดผา เรยี บเรียงขอ มูลทํารายงานวชิ า G ..... วา ยน้าํ ทาํ แผนประจาํ สปั ดาหต อ ไป ทบทวนและอา นลว งหนา วชิ า B …………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ดีก็เรยี นดีได
ปกตนิ ักเรียนนกั ศึกษาจะตองเขาช้นั เรียนอยางนอ ย 80 % ของเวลาเรียนทั้งหมดจึงจะมีสิทธ์ิ สอบ ซึง่ เกณฑน ก้ี ็ไมเปน ปญหาแกน ักเรียนนักศกึ ษาสวนใหญอยูแลว แตปญหาอยูท่ีเมื่อเขาชั้นเรียน แลว เราไดอะไรจากการเขาชั้นเรียนหรือไม ในบทน้ีจะกลาวถึงเทคนิคท่ีสามารถนําไปใชไดใน หองเรียนเพื่อใหนักเรียนนักศึกษาสามารถเก็บเก่ียวความรู นําไปใชในการสอบและเปนพื้นฐานใน การทํางานตอไปในอนาคต การเตรียมตัวและเตรียมขอมูลท่ีดีกอนเขาหองเรียนนั้นก็มีสวนสําคัญท่ี ทําใหเ ราเรยี นไดอยางมีประสทิ ธภิ าพ สิ่งทีเ่ ราควรรูและปฏิบัตกิ อ นเขา หอ งเรียนมีดงั นี้ 1. รจู ักรปู แบบการสอนของอาจารย แตละวิชาจะมีรูปแบบการสอนท่ีแตกตางกัน ขึ้นอยูกับลักษณะของวิชาน้ัน ๆ การสอนมี หลายแบบไดแก การสอนแบบบรรยาย การสอนแบบกลุมยอยและอภิปราย หรือการสอนแบบให นักศึกษาคนควาหาขอมูลและทํารายงาน บางวิชาอาจจะสอนหลายๆ แบบรวมกันในวิชาเดียว แต สวนใหญจะเปนการสอนแบบบรรยาย ซ่ึงในชั่วโมงแรกของการเรียนการสอน อาจารยประจําวิชา จะแนะนาํ เนื้อหาวิชาและแนวการสอน ไมวาจะเปนการสอนแบบไหนถานักศึกษามีการเตรียมตัวที่ ดี นนั้ ก็ไมใ ชปญ หาสําหรบั เรา - การสอนแบบบรรยาย: การสอนแบบน้อี าจารยจะเปนผูบรรยาย อธิบายและถายทอดเนื้อหาความรู เทาน้ัน ซ่ึงอาจจะมีการถาม-ตอบบางครั้ง บรรยากาศในหองเรียนจะข้ึนอยูกับวิธีการสอนของ อาจารยแ ตละทาน
30 - การสอนแบบกลุมยอยหรือใชผูเรียนเปนศูนยกลาง: ปจจุบันเชื่อกันวาการสอนแบบนี้ จะชวย ยกระดับการศึกษาของนักศึกษาใหมีความคิดสรางสรรค โดยอาจารยผูสอนจะเปนเพียงผูอํานวย ความสะดวกในการเรียนรู ซ่ึงจะมีบทบาทหลักคือ วางแผนจัดการและใหคําปรึกษาแกผูเรียน การ เรียนแบบน้ีผูเรียนจะมีความตื่นตัวเสมอ เพราะจะตองเตรียมคนควาขอมูล การอภิปรายแสดงความ คิดเหน็ คําถาม-คําตอบ แตคอนขางยากท่ีจะใชวิธีการสอนแบบนี้ท้ังรายวิชาเพราะใชเวลามาก สวน ใหญใชผสมผสานกับการสอนแบบบรรยาย - การสอนแบบทํารายงาน: ลกั ษณะการสอนแบบนี้ อาจารยจ ะใหน กั ศกึ ษาทํารายงานตามหัวขอทต่ี ง้ั ไว วัตถุประสงคเพื่อใหเกิดความคิดเชิงวิเคราะห วิจารณ การเรียนรูอยางเขมขน สามารถพัฒนา เสนอความคดิ เห็นอยา งนา เชื่อถือและมปี ระสิทธิภาพ รวมถึงการเพ่ิมทักษะในการเขียนแกนักศึกษา ซ่ึงโครงสรา งของรายงาน อาจารยผสู อนจะเปน ผูกาํ หนดให 2. รสู ไตลก ารสอนของผูสอน คนเราทุกคนยอมมีสไตลเปนของตัวเอง ฉะน้ันอาจารยผูสอนแตละทานก็เชนกัน จะมี รูปแบบการสอนที่แตกตางกันออกไป ตนเทอมเราควรสอบถามจากรุนพ่ีท่ีเคยเรียนมากอนและ สังเกตดวยตัวเองขณะเรียนในหองเรียนถึงอุปนิสัย และสไตลการสอนของอาจารยในวิชาที่เรา ลงทะเบยี นเรยี น เพื่อท่ีเราจะนาํ มาใชในการเตรยี มตัวเตรยี มใจขณะเขาเรียน เชน - อาจารยสอนแบบบรรยายไปเรื่อยๆ ไมคอยกระตุนนักศึกษา ไมชอบ ใหถาม ทําใหบรรยากาศการเรียนคอนขางนาเบ่ือและงวงนอน คงไมมี นักเรียนนักศึกษาคนไหนชอบและมีความสุขกับการเรียนแบบนี้ ดังน้ัน ผูเ รียนจะตอ งปรับใจตวั เองใหมแ ละคอยกระตุนตัวเองเสมอ คดิ ซะวาเรา กาํ ลังฝกความอดทน อดทนตอ สง่ิ ทเ่ี ราไมชอบ (เพราะสงิ่ ท่ีเราไมช อบทาํ ใหเราเปนทุกข ถาเราฝกบอยๆ ส่ิงที่เราไมชอบก็ไมสามารถทําใหเรา เปนทุกขได) นอกจากน้ันการเรียนกับผูสอนแบบน้ียังฝกใหเราเปนคน ชางสังเกต จับประเด็นเปนโดยสังเกตจากลักษณะทาทางและน้ําเสียง ของผสู อน - อาจารยผูสอนคอยกระตุนเตือนเราตลอดเวลา รวมท้ังชอบใหซักถามแบงกลุมอภิปรายใน หองเรียน นั่นก็ถือวาเปนโอกาสดี ที่เราจะไดฝกแสดงความคิดเห็นหรือซักถามในประเด็นท่ีเรายัง ไมเขาใจ เราควรเตรยี มตัวลวงหนา ถึงขอ มลู ท่ีจะตอ งอภปิ ราย คําถาม-คําตอบ พระศักดช์ิ ยั ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีก็เรยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
31 - ผูสอนสอนแบบใหทํารายงาน ซ่ึงไดกลาวถึงวัตถุประสงคของการสอนแบบนี้ไวขางตน ส่ิงสําคัญ ผูเรียนควรจะตองรายงานความกาวหนาและปรึกษาอาจารยผูสอนเปนระยะ ๆ ถึงขอมูลท่ีจะนํามา ทํารายงานรวมถงึ รปู แบบการทํารายงาน แตท่ีสําคญั ทส่ี ุดจะตอ งสง งานใหต รงตามกําหนดเวลา 3. ควรอานหนงั สอื ลวงหนา โดยปกติอาจารยผูสอนจะบอกเน้ือหาท่ีเราตองเรียนในแตละสัปดาหตามหลักสูตร ต้ังแต ชวั่ โมงแรกท่เี ขา เรียน รวมท้ังตําราท่ใี ชป ระกอบการเรียน ซึง่ ขอมลู ตรงนเ้ี ราสามารถท่ีจะนํามาใชใน การวางแผนอานหนังสือลวงหนากอนที่จะเขาหองเรียนในชั่วโมงเรียนตอไป ขอดีของการอาน หนังสอื ลว งหนา คอื 1. ทําใหเขาใจในเน้ือหาที่จะเรียนมากข้ึนเพราะอยางนอยผานสายตาของเรามาแลว 1 รอบ และเราสามารถถามคาํ ถามในสว นท่ีเราอา นแลว ไมเขา ใจโดยการตง้ั คาํ ถามไวลว งหนา 2. เตรียมขอ มูลไวส ําหรับการตอบคําถามในหองเรยี นหรือสอบยอ ย (Quiz) ในกรณที ี่ผสู อน ไมไดบ อกไวลว งหนา 3. สามารถเช่ือมโยงประเด็นความรูเดิมและความรูใหมเขาดวยกันได บางครั้งเนื้อหาท่ีเรา ไดเรียนมาในชั่วโมงที่ผานมาจะเปนพ้ืนฐานสําหรับเรียนในช่ัวโมงตอไป ถาเราลืมและ ไมไดทบทวนอาจจะทําใหเราเรยี นสิ่งใหมๆ ไมร เู ร่อื งเลยกไ็ ด 4. ทําใหเรารูวาขอความไหนควรจะจดหรือไมจด เราควรจะจดเฉพาะเน้ือหาที่ผูสอนสอน เพิ่มเติมจากในตําราเทานั้น สําหรับเน้ือหาที่มีอยูในตําราเราสามารถกลับไปอานเองได จะ ทาํ ใหเ รามสี มาธิในการฟง คาํ อธบิ ายของผูส อนดีขน้ึ โดยไมต องกงั วลวาจะจดไมท นั 4. เทคนิคการเรียนในหองเรยี น จากที่เราไดทราบขอมูลรูปแบบและสไตลการสอนของอาจารย และไดทบทวนอาน หนังสือลวงหนา แสดงวาเรามีความพรอมที่จะเขาเรียนในระดับหนึ่งแลว แตส่ิงท่ีจะตองปฏิบัติให เราไดป ระโยชนอยางเต็มที่ในการเขา เรยี นไดแก 1. นอนอยา งเพียงพอ จะทําใหส มองปลอดโปรง พรอมท่ีจะรบั สง่ิ ท่จี ะเรยี นและไมงวงขณะเรยี น พระศกั ดิช์ ัย ลังกาพินธุ หัวไมดกี เ็ รยี นดีได ดร. จตุรงค ลงั กาพินธุ
32 2. อยา อดอาหารหรือรับประทานอาหารมากเกินไป กอนเขาเรียน การเขาเรียนขณะทองวาง จะทํา ใหเ ราหวิ ขาดสมาธใิ นการเรียนหรือไมมีเร่ียวแรงจนอาจจะเปนลมได แตรับประทานมากเกินไปเรา กจ็ ะรูสกึ อดึ อัด และอาจจะทําใหเ รางวงนอนไดเ ชน กนั 3. มาเรียนใหตรงเวลา เพราะวา การมาเรียนสายจะ: - รบกวนการสอนของอาจารยและสมาธิในการเรียน ของเพ่อื น ๆ - อาจารยจะจดจําเราในทางที่ไมดี เปนคนท่ีไมมีความ นาเชื่อถือ ถามาเรียนสายบอย ๆ อาจจะถูกหัก คะแนนก็ได แตจะใหดีควรมากอนเวลาเล็กนอยดัง พระราชดํารัสของในหลวง “อยาทําเปนคนตรงตอ เวลา ไปถึงกอนเวลาจะดีกวา” เพราะจะไดหาท่ีนั่ง และเตรียมอุปกรณก ารเรียนใหพ รอมท่จี ะเรยี น - ไมร ูป ระเด็นหรือหัวขอ หลกั ท่ีจะเรยี นในชว่ั โมงน้ัน โดยปกตอิ าจารยจะบอกตน ช่ัวโมง - การมาใหตรงเวลาเปนการฝกตนเองใหมีคุณสมบัติที่ดี และเปนคนนาเช่ือถือเปนที่ตองการของ สังคม ลองคิดดูถาวันหนึ่งคุณไดเปนเจาของบริษัทและไดจางคนมาทํางานแตมีคนหน่ึงมาทํางาน สายทุกวัน คุณจะจางเขาทํางานตอ ไปไหม 4. เลือกท่ีน่ังใหดี ท่ีๆ เราจะน่ังเรียนควรมองเห็นกระดานหรือจอฉายภาพของโปรเจคเตอรอยาง ชัดเจนและไดย ินเสยี งผสู อนชัดเจน กรณีเปนหองธรรมดาเราควรนั่งแถวหนาหรือแถวท่ีสอง แตถาเปนหองโถงใหญคลาย ๆ โรงหนังใหเรานั่งระดับเดียวกับจอฉายภาพ การนั่งเรียนอยูใกลผูสอนจะบังคับใหเราต่ืนตัว ตลอดเวลา แอบหลับ แอบคุยกันคอนขางยากและยังทําใหเราเห็นสีหนาทาทาง นํ้าเสียงของอาจารย ขณะที่เนน บอกจดุ สาํ คญั ในเนอ้ื หาทก่ี ําลงั สอน ส่งิ เหลา นี้สามารถจะนําไปเดาแนวความคิดท่ีจะออก ขอ สอบของอาจารยไ ดดว ย นอกจากน้ันยังอาจจะสรางความประทับใจแกผ สู อนอกี ดวย ควรหลีกเลี่ยงการน่ังใกลประตูและหนาตาง เพราะจะทําใหเราเสียสมาธิไดงายขณะที่มีคน เดนิ เขา ออกหรือเดินผานไปมา รวมถงึ ทัศนยี ภาพภายนอกกจ็ ะรบกวนสมาธเิ ราเชนกนั 5. นั่งตัวตรง ผอนคลาย สูดลมหายใจลึก ๆ 3-4 คร้ัง เตรียมพรอมที่จะเปนผูฟงที่ดี ท่ีสําคัญควรละ ท้ิงความวติ กกงั วลในปญหาหรอื เรื่องราวตา งๆ ไวนอกหอ ง เพราะเกบ็ มาคิดก็ไมสามารถจะทําอะไร ไดในขณะน้ันแถมยงั จะทําใหเรียนไมร เู รอื่ งอีกดวย พระศักด์ชิ ยั ลังกาพินธุ หัวไมดีกเ็ รยี นดีได ดร. จตุรงค ลงั กาพนิ ธุ
33 6. เปนผูฟงที่ดี การฟงคือการรับรูความหมายจากเสียงท่ีไดยิน ฉะนั้นนักเรียนนักศึกษาควรฝกทักษะใน การฟงใหดีและพยายามทําความเขาใจในส่ิงท่ีอาจารยพูด แยกประเด็นสําคัญและแนวความคิดท่ี ผูสอนตองการจะถายทอดใหได รวบรวมขอมูลอยางกะทัดรัดแลวจดลงในสมุดบันทึกเพื่อนํา กลับไปทบทวนในภายหลัง อัตราความเรว็ ในการฟงจะเรว็ เปน 4 เทา ของการพดู ดังนน้ั ชว งหา งของ เวลาระหวางการฟงกับสิ่งท่ีอาจารยจะพูดตอไปนั้นควรใชอยางมีคา เชน ลองเช่ือมโยงขอความท่ี อาจารยไดพูดมาแลว สรุปเปนระยะ ๆ ขีดเสนใตส่ิงท่ีผูสอนเนน มีแนวคิดหรือสิ่งท่ีเราไมเขาใจให จดเอาไวเพอื่ ซกั ถามตอ ไปในเวลาท่ีเหมาะสม อาจารยบางทาน เวลาบรรยายถึงขอความที่สําคัญ อาจารยจะพูดชา ๆ และชัดเจน บางทาน จะพูดเสียงดัง และพูดอยางเราใจ มีชีวิตชีวา ใหนักเรียนนักศึกษาพยายามสังเกตวิธีการสอนของ อาจารยแตละทาน สังเกตกิริยาของกายใหดีแลวเราอาจจะทราบแนวทางคําถามท่ีจะออกสอบได งายขนึ้ เชน - คําพูดทบี่ อกถึงการเรม่ิ ตน หรอื การจบตอนของหวั ขอ เชน \"ตอ ไปน้ีเราลองมาพิจารณา...\" \"ณ จุดน\"ี้ - คําพูดทแี่ สดงถึงจุดสําคัญ เชน \"หัวใจของกรรมวิธีการผลติ ไดแก...\" \"ส่ิงท่คี วรคาํ นึง ถึงอยา ง ย่งิ คือ …\" \"คณุ ควรจะทาํ ความเขา ใจใหด วี า ...\" - คําพดู ทแี่ สดงถงึ การเชอ่ื มโยงบางตอนของคําบรรยาย \"ในทาํ นองเดียวกนั ...\" \"ในทางตรงกัน ขา ม...\" \"ผลที่ตามมา...\" \"จากชว่ั โมงท่ีแลว เราไดเอยถงึ ...\" - การพดู ซ้าํ ซาก ประเดน็ น้ีนักศกึ ษาตอ งสังเกตใหด ี หากอาจารยทา นนนั้ เตรยี มสอนไมดเี นอื้ หา ที่อาจารยสอนหมดกอ นเวลา อาจารยอ าจจะพูดซํ้าแลว ซํ้าอกี แตถ า เปน อาจารยทเี่ ตรยี มสอนมาเปน อยางดี การพดู ซา้ํ หมายถงึ ความสาํ คญั ของเนือ้ หานนั้ ๆ นอกจากน้ันผูเรียนควรจะแสดงออกถึงความต้ังใจ ความกระตือรือรน ท่ีจะเรียนโดยการ ตอบคําถามหรือแสดงความคิดเห็นกับผูสอนเปนระยะๆ หรือพยักหนารับรูเปนบางครั้งคราว เม่ือผู พูดตองการสนับสนุนในขอมูลท่ีเขากําลังพูด ท่ีสําคัญไมควรแสดงสีหนาท่ีเครงเครียดจนเกินไป อาจจะยิ้มแยม ทําหนา ตาสบาย ๆ พระศักดช์ิ ัย ลังกาพนิ ธุ หวั ไมดีก็เรยี นดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
34 7. ถามเพอ่ื เพิม่ ความเขาใจ นักศึกษาสวนใหญไมกลาจะถามในส่ิงที่ตัวเองไมเขาใจเพราะกลัวอาจารยบาง อายเพื่อน บา ง ขณะที่เราโงเ ขลาในเรอ่ื งท่ีเราไมรู เม่ือเราไมกลาถามผูรู นั่นก็แสดงวาเราตองการที่จะโงเขลาใน เร่ืองนั้นตอไป ไมตองกลัวครู-อาจารย เพราะครู-อาจารยสวนใหญจะรูสึกวาการท่ีนักศึกษามีคําถาม แสดงวา นกั ศกึ ษาสนใจและตั้งใจเรียน ไมต อ งอายเพื่อน กลวั เพ่อื นวาเราโง บางทเี พอ่ื นกอ็ าจจะไมเ ขา ใจเหมือนกัน แตไมกลาถาม และจงอยาไปกังวลวาเพ่ือนจะคิดอยางไรกับคุณ เพราะสวนใหญในชีวิตของเพ่ือนคุณอาจจะไมได คิดถึงคณุ เลยก็ได ฉะนั้นขณะที่ผูสอนบรรยายถาไมเขาใจในประเด็นไหนใหถามผูสอนแตการถามจะตอง รูจักกาลเทศะและเวลาที่เหมาะสม และควรถามดวยสีหนาทาทางที่สุภาพใหเกียรติผูสอน ซึ่งตองรู วา ผูสอนมนี สิ ัยใจคอแบบใด เชน ยินดีใหผูเรียนถามทกุ เม่ือ หรอื ใหถ ามในทายช่ัวโมงเรยี นเทา น้นั 8. บันทกึ การบรรยายใหเ ปน แมวาเราจะเปนนักฟงท่ีดี คอยถามผูสอนทุกคร้ังท่ีเราไมเขาใจแตก็คงเปนไปไมไดท่ีเราจะ จําเนื้อหาสาระสําคัญที่เราเรียนมาไดทั้งหมด ดังคํากลาวท่ีวา “จําดีกวาจด แตถาจําไมหมดก็ตองจด ไวเ ตือนความจาํ ” เรามาดปู ระโยชนอ่ืน ๆ ของการจดกันวามีอะไรบาง - การจดบรรยายชว ยใหเราต่ืนตวั เสมอในเวลาเรียนและยังชวยใหก ารเรยี นของเราสนกุ ขน้ึ - การจดจะชว ยใหสมองเราจดจําขอ มลู ไดด ีขน้ึ ขอ มูลจากการฟง จะถูกวเิ คราะหจบั ประเด็น ความสําคัญและทบทวนโดยการจดบนั ทึก - การจดชวยใหเกิดความเขา ใจมากขนึ้ มองเห็นความสมั พันธข องประเดน็ สําคัญตางๆ อยางชัดเจน อกี ทัง้ ยงั ชว ยใหเ รารวู าส่งิ ท่ีเราจดนน้ั เราเขาใจหรอื ไม ถาไมเขา ใจก็สามารถ ถามผสู อนได - การจดยังเปน การพัฒนาทกั ษะดานการเขียนของนกั ศกึ ษาใหด ขี ึ้นอีกดว ย ซึ่งเทคนคิ ในการบันทึกบรรยายจะกลาวในบทตอไป พระศกั ดิช์ ัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมด กี ็เรยี นดไี ด ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
35 1. การจัดเก็บบนั ทึกการเรียนการสอน ในแตละภาคการศึกษานักเรียนนักศึกษาจะตองลงทะเบียนเรียนหลายวิชา การจัดเก็บ บันทึกการเรียนการสอนหรือเอกสารประกอบการเรียนกองๆ รวมกันทุกวิชานั้น นอกจากจะทําให เราสับสนแลวยังทําใหเสียเวลาในการคนหาขอมูลท่ีตองการ บางคนกําลังจะเร่ิมอานทบทวนส่ิงท่ี เรียนมาแตหาเอกสารไมเจอถึงกับหัวเสียพาลไมอานหนังสือไปเลยก็มี เราทุกคนคงเคยเจอปญหา เชนน้ี ฉะน้ันเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการนําโนตหรือเอกสารประกอบการเรียนตางๆ มาอาน ทบทวนในอนาคต หรือหาขอมูลในสวนที่ตองการ นักเรียนนักศึกษาควรทําระบบจัดเก็บเอกสาร การเรียนแยกกันแตละวชิ า และเลอื กวิธกี ารจัดเก็บเอกสารการเรยี นท่เี หมาะสมกับเรา เชน - ถานักเรียนนักศึกษาชอบจดบันทึกลงบนกระดาษเปลา A-4 หรือสมุดฉีกก็ควรจะเก็บ ขอความบันทึกไวในแฟมเจาะขางหรือแฟมหนีบจัดเรียงตามวันที่เรียน หนึ่งแฟมควร บรรจุเพียงวิชาเดียวเทานั้น เขียนชื่อไวบนสันแฟมหรือปกหนา จัดเรียงใหเปนระเบียบ ขอดีของการจัดเก็บแบบนี้คือ เราสามารถเพิ่มหรือลดขอมูลตางๆ ในแฟมไดตามความ ตอ งการ แตอาจจะมีปญ หาการสญู หายของเอกสารไดถ า เราเปน คนสะเพรา - การจดลงสมุดบันทึก หน่ึงเลมตอหน่ึงวิชา ก็เปนอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดปญหา การสูญหาย กระจัดกระจายของบนั ทึกเมอ่ื จดั เก็บดว ยวธิ ีแรก 2. การจดบนั ทึกที่ดี บันทึกการเรียนการสอนหรือบันทึกยอที่เปนระเบียบเรียบรอย จะทําใหนาอาน ดูสบายตา เม่ือเวลานํากลับมาอานทบทวนอีก แตถาเปนบันทึกที่สับสนยุงเหยิงจะทําใหเราอานดวยความ ยากลําบากและเสยี เวลา ดงั น้ันควรจดบนั ทกึ ใหมลี ักษณะดงั นี้ - มรี ปู แบบและเปนระเบยี บเรยี บรอ ย - จดแบบประหยดั - เนนประเด็นสาํ คัญของเน้อื หา พระศกั ดช์ิ ยั ลังกาพินธุ หวั ไมด กี ็เรยี นดีได ดร. จตุรงค ลังกาพนิ ธุ
36 2.1 รปู แบบการจดบันทกึ สําหรับรูปแบบในการจดบันทึกคําบรรยายหรือบันทึกยอ นั้นก็ควรจะขึ้นอยูกับความถนัด ของนักเรียนนักศึกษาแตละคน วิธีไหนจะชวยทําใหเราจดโนตไดดีขึ้น เราควรศึกษา ทดลองและ เลือกวิธีท่ีคิดวาดีที่สุดสําหรับเรา หากนักเรียนนักศึกษายังไมเคยใชวิธีใดมาเลยลองเลือกใชรูปแบบ ตา งๆ ดังนี้ - บันทึกแบบแบงครึ่งหนากระดาษ: แบงหนากระดาษออกเปนสองสวนเทาๆ กัน แลว บันทึกทีละครึ่ง วิธีน้ีจะทําใหเราบันทึกไดเร็วข้ึนเพราะไมตองเสียเวลาในการขยับมือ เวลานํามาอานทบทวนก็จะอานไดเร็วข้ึนเนื่องจากความยาวของบรรทัดท่ีสั้นทําใหเรา ไมต อ งกวาดสายตามาก - บันทึกแบบคอรแนลคอลัมน: แบง หนา กระดาษออกเปน สองสว นเชนเดยี วกับแบบแรก แตคอลัมนทางซายหางจากขอบกระดาษประมาณ 2 น้ิว ซึ่งเอาไวบันทึกความคิดเห็น และขอ เสนอแนะเพ่ิมเติมของเรา สว นคอลมั นทางขวาเอาไวบ นั ทึกบรรยาย - บันทึกแบบแผนภูมิตนไม: วิธีน้ีเหมาะสําหรับขอมูลที่มีรายละเอียดมากหลายชั้น แต แยกกันคอนขางชัดเจน ตัวอยางบันทึกแบบแผนภูมิตนไมแสดงดังภาพท่ี 5.1 กรณีที่ ขอมูลมากๆ เราสามารถนําหัวขอยอยในแผนภูมิหลักไปสรางเปนแผนภูมิใหมอีกรูป หนง่ึ โดยหัวขอยอ ยยังคงมีความสัมพนั ธก บั แผนภมู หิ ลัก ภาพท่ี 5.1 ตัวอยา งบนั ทึกแบบแผนภูมติ น ไม - บันทึกแบบแผนภูมคิ วามคิด: วิธีนีเ้ หมาะสาํ หรบั เรอ่ื งที่เนื้อหากระจายออกไปกวางมาก ไมม ลี ําดับช้ัน หลกั การเขยี นแผนภูมหิ วั ขอหลักจะถูกวางอยกู ่งึ กลางแผนภูมิ หัวขอรอง และสาระสําคัญอื่นๆ จะวางกระจายอยูรอบๆ ดังภาพที่ 5.2 แตถาตองการแสดงลําดับ ของหัวขอตามที่ไดฟงมาก็สามารถทําไดโ ดยการใสหมายเลขไวห นาหวั ขอ ตา งๆ พระศกั ดช์ิ ัย ลังกาพินธุ หวั ไมด กี เ็ รียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
37 ภาพท่ี 5.2 ตวั อยางบันทกึ แบบแผนภูมคิ วามคคิ แผนภูมิตนไมและแผนภูมิความคิด จะชวยใหเราเขาใจและจําภาพรวมของเนื้อหาท้ังหมด ไดม าก เนอื่ งจากแผนภมู เิ หลานจ้ี ะนําเสนอในลกั ษณะของภาพรวมกับตวั หนังสอื - บันทึกแบบโครงเรื่อง: วิธีบันทึกแบบนี้ก็จะชวยใหเราเขาใจเนื้อเรื่องไดเปนอยางดี เชนกันเพราะเราจะตองแยกแยะระหวางประเด็นหลักและประเด็นยอยตางๆ ใหได เสียกอน เราจึงจะสามารถเขียนสรุปประเด็นเหลาน้ันได การบันทึกควรจะใชสํานวน ของเราเอง บันทึกประเด็นหลักแลวจัดกลุมยอยเรียงลําดับหัวขอลงมาดังตัวอยาง ตอ ไปนี้ ตัวอยา งการบนั ทกึ แบบโครงเร่ืองในหวั ขอ “เครือ่ งยนตเ ลก็ ” 1. บทนาํ 1.1 ประวตั ิ 1.2 ความหมาย = พลงั งานความรอนเปน พลังงานกล 2. ชนดิ ของเคร่ืองยนต 2.1 เครอื่ งยนตส ันดาปภายนอก = เผาไหมภ ายนอกกระบอกสูบ 2.2 เครื่องยนตส ันดาปภายใน = เผาไหมในกระบอกสบู จาํ แนกตาม 2.2.1 จังหวะการทํางาน - 2 จังหวะ - 4 จงั หวะ พระศักดชิ์ ัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีกเ็ รียนดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพินธุ
38 2.2.2 ระบบระบายความรอ น - อากาศ - ของเหลว 2.2.3 ชนดิ ของเชือ้ เพลิงท่ีใช - กา ซโซลนี - กา ซเหลว - ดเี ซล 3. สวนประกอบของเครื่องยนต. ................................................ นักเรียนนักศึกษาอาจจะเลือกแบบใดแบบหน่ึงหรือจะบันทึกแบบผสมผสานใหเหมาะสม กบั เนอื้ หาที่เรยี นในแตละหวั ขอ เพ่ือใหเ กิดประโยชนก บั เรามากทส่ี ดุ 2.2 จดบันทกึ แบบประหยัด การจดแบบประหยดั คือ การยอขอ ความใหส ั้นลงแตยังคงสาระสาํ คญั ไวอ ยา งครบถวน เพ่อื ความสะดวกรวดเร็วในการบันทึกและงายแกก ารอา นทบทวน วธิ ยี อความในการบนั ทกึ มหี ลาย วธิ ดี งั นี้ - ใชสญั ลักษณ > มากกวา = เทา กบั หรอื หมายความวา < นอยกวา ~ ประมาณ / หรือ ∴ เพราะฉะนนั้ & และ ^ เพ่มิ ข้นึ - ใชอ กั ษรยอตา งๆ ภาษาไทยหรือภาษอังกฤษกไ็ ดต ามแตถนัด VIP = very important person TV = Television ม. = มหาวิทยาลัย กทม. = กรุงเทพมหานคร ตย. = ตัวอยา ง ส.ป.ก. = สารประกอบ พระศักดิช์ ัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีกเ็ รยี นดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพินธุ
39 - สรา งสัญลักษณหรือคํายอ ของตัวเอง เชน RR(reread) = ควรอา นทบทวน * = สาํ คญั มากๆ ? = ควรถามอาจารยหรอื เพือ่ นเพ่ิมเตมิ - ตัดบางพยางคท ิ้ง ในกรณที เ่ี ปนคาํ ท่ยี าวๆ เราอาจจะพจิ ารณาตดั พยางคท ายหรอื พยางค กลางของคาํ นน้ั ๆ เพ่อื ใหย งั สามารถเขา ใจสว นท่ีเหลอื ได เชน วิทยาศาสตร = วทิ ยฯ คณติ ศาสตร = คณติ ฯ วิศวกรรมเครอื่ งกล = วศิ -กล ออกซิเจน = ออกฯ 2.3 เนนประเดน็ สําคัญของเนื้อหา การบันทึกอาจจะใชปากกาลูกล่ืนหรือดินสอบันทึกก็ได แตแนะนําใหใชปากกาลูกล่ืน เพราะเขียนไดคลองกวาและสีหมึกก็ชัดเจนกวาดินสออีกดวย สวนขอความสําคัญอาจใชสัญลักษณ ท่ีเสะดุดตา ปากกาหมึกสีตางๆ หรือปากกาไฮไลทเนนขอความน้ันจะทําใหสะดุดตาและจําไดงาย ข้ึนขณะอานทบทวน พระศกั ดชิ์ ยั ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีก็เรียนดไี ด ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
40 การอานเปนกระบวนการหนึ่งที่ทําใหเรามีความรู ความเขาใจ รูจักใชความคิดคนหา ความหมายใจความสําคัญของส่ิงพิมพหรือขอเขียน เพื่อพัฒนาตนเองท้ังทางดานสติปญญา อารมณ สังคม และสามารถนําไปใชประโยชนทั้งดานการเรียนและการดํารงชีวิตประจําวัน โดยทั่วไปการ อา นท่ใี ชในการเรียนจะมอี ยู 2 แบบ คอื 1. การอา นเพอ่ื สะสมความรู การอานแบบนเ้ี ปน การอานผานๆ เพอ่ื สะสมและเพิม่ พนู ความรู ใหม ากข้นึ ทันตอ ความกาวหนา และการเปล่ยี นแปลงของโลกแหง เทคโนโลยี 2. การเพิม่ ความเขา ใจหรืออา นแบบวเิ คราะห การอานแบบนี้จะเปน การอา นทาํ ความเขาใจ ขอความโดยอานแบบละเอยี ด ควรจะมกี ารวางวตั ถุประสงคไ วลวงหนาวา ตอ งการรเู รอ่ื ง อะไรในหนงั สือหรือขอมลู นั้นๆ และควรมกี ารบนั ทึกยอ หรือทาํ เครอ่ื งหมายในขอ ความ สาํ คัญนาจดจําและสามารถจะนําไปใชป ระโยชนในการเรยี นหรือสอบตอ ไป สิ่งทมี่ อี ิทธพิ ลตอ การอานและหลักการอาน ความสามารถในการอานของแตล ะคนไมเ ทากนั บางคนอานไดเรว็ และเขา ใจ บางคนอา น ไดชาและมีอปุ สรรคในการอาน การอา นจะประสบความสาํ เรจ็ หรือไมน ั้นก็ขึน้ อยูกบั องคประกอบ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอการอานดังน้ี - ลกั ษณะของสงิ่ ที่อา น ไดแก เน้อื หาของวิชาทีแ่ ตกตา งกัน รูปแบบและภาษาของผเู ขยี นท่ี ใชใ นการเขียนโดยเฉพาะศพั ทเ ทคนิคตา งๆ - ลกั ษณะของผูอาน ไดแ ก ระดบั สตปิ ญ ญาของผอู าน ความรูพืน้ ฐานและประสบการณท่ี ไดส รา งสมมา รวมทงั้ สุขภาพรา งกายและอารมณของผูอานกม็ สี วนสาํ คัญอยางมากตอ สมาธิในการอาน - สภาพแวดลอ ม ในทีน่ ้ไี ดแ กสภาพแวดลอมท่ีสง เสรมิ ใหผ ูอ า นมสี มาธทิ ่ดี ี และมคี วามสขุ กับการอานหนงั สอื พระศกั ด์ิชัย ลังกาพินธุ หวั ไมด กี ็เรยี นดไี ด ดร. จตุรงค ลงั กาพินธุ
41 จากองคประกอบที่มีอิทธิพลตอการอานขางตน จะเห็นวาอิทธิพลท่ีเราสามารถจัดการได ไดแกการฝกฝนตัวเองใหรักการอาน การรักษาสุขภาพรางกายของตัวเอง เลือกหรือจัดสถานที่อาน หนงั สอื ใหเหมาะสม และควรปฏิบัติดงั ตอไปน้ี เพอ่ื เพิม่ ประสิทธภิ าพการอา นและรกั ษาสขุ ภาพของ สายตา 1. ควรน่ังอานหนงั สือในทา ที่เหมาะสม และสบายที่สดุ สาํ หรบั เรา ไมเกร็งเกินไป เลือกเกาอี้ที่ มีพนักพิงและที่เทาแขนพอเหมาะกับรางกาย เกาอี้ที่แข็งหรือนุมเกินไปจะทําใหน่ังไม สะดวก และทําใหอานไมไดนาน ควรถือหนังสือใหหางจากดวงตาไมนอยกวา 30 เซนติเมตร และอยานอนอานหนังสือ เพราะนอกจากจะทําใหเม่ือยแขนมากกวาปกติแลว สายตายังตองปรับระดับมากอีกดว ย 2. ควรเลอื กอานในสภาพแวดลอ มทเี่ หมาะสม เชน - อานหนงั สือในทที่ ่มี แี สงสวา งเพียงพอไมม ืดหรือจาเกนิ ไป - หลกี เล่ียงการอานหนงั สอื บนรถทีก่ าํ ลงั วิง่ เพราะสายตาตอ งปรบั โฟกัสตลอดเวลา - หามุมอา นหนงั สอื ทเี่ งยี บสงบอากาศปลอดโปรง ถา ยเทสะดวก ไมควรอานหนงั สือใน บริเวณทีม่ ีคนผา นไปมาตลอดเวลา เชน ประตู ทางเดนิ หรือหนาบาน เพราะจะทาํ ให เสยี สมาธิไดง า ย 3. ไมค วรทํากิจกรรมอน่ื ๆ ไปพรอ มกับการอา นหนังสือ เชน รับประทานไปดว ย หรอื ฟง เพลงไปดว ยจะทาํ ใหเ สยี สมาธแิ ละเสียอรรถรสจากการอา นไปอยา งนาเสยี ดาย 4. พักสายตาเมอ่ื เหนื่อยลา - ควรพักสายตาหลังจากการอานหนังสือทุกๆ 50 นาที ดวยการมองไกลๆ หรือมองตนไม ใบไมเขยี วๆ จะชวยผอ นคลายสายตาไดด ี - ออกกําลงั สายตา ปกตคิ นเราจะกระพรบิ ตาโดยอัตโนมตั ิ แตถ าอยากจะเปน นกั อา น ตอ ง หัดกระพรบิ ตาเพ่อื เปนการออกกาํ ลงั สายตา ภายใน 10 วินาที ใหพ ยายามกระพริบตาสัก 1-2 ครง้ั เมื่อหดั จนชนิ จะชว ยลดความออนลาของสายตาไดม าก - การใชแ สงแดด โดยหลับตาลงใหแสงแดดสองผา นหนงั ตาท่หี ลบั อยวู ันละ 2 คร้ัง เชา -เย็น คร้งั ละ 10 นาที แสงแดดจะชวยใหเ กดิ การไหลเวยี นของโลหิตรอบๆ ดวงตา ผอ นคลาย กลามเนอ้ื ดวงตาและระบบประสาทรอบดวงตา พระศักด์ชิ ัย ลังกาพินธุ หัวไมดกี ็เรียนดีได ดร. จตรุ งค ลงั กาพนิ ธุ
42 - การใชนํา้ เยน็ เปนวิธีงายๆ อกี วิธีหน่งึ เอามือรองน้าํ เยน็ หลบั ตา แลว วกั ใสห นา บรเิ วณ ดวงตา ไมต อ งแรงนกั สัก 20 ครง้ั ซับใหแ หง เบาๆ จะชว ยใหดวงตา กลา มเนอ้ื และ เสน ประสาทสดชื่นข้ึน - การใชฝามอื เปน วธิ ีการทจ่ี กั ษแุ พทยแ นะนําวาสามารถลดความเครยี ดใหก ับดวงตาได เปน อยา งดี เร่มิ จากนั่งบนเกา อ้ีดวยทา ทีส่ บายท่สี ุด เอาฝา มอื ท้ังสองขา งปดดวงตาไว โดย ใหฝา มอื ซา ยปดตาซาย ฝา มือขวาปด ตาขวา ปลายฝามือท้ังสองขา งไขวทบั กนั ไวบ น หนา ผากทาํ อยางนว้ี นั ละครง่ึ ชั่วโมงถึงหนง่ึ ชว่ั โมง สวนความยากงายของเน้ือหาในหนังสือท่ีอานเปนอิทธิพลท่ีเราไมสามารถจะควบคุมได ซ่ึงเราอาจจะตองใชเทคนิคการอานแบบตางๆ ท่ีเปนมาตรฐานและเปนที่นิยมใชกัน มาปรับให เหมาะสมกบั ตวั เราเพื่อใหเราเขา ใจสง่ิ ทอ่ี านมากขึน้ ดงั นี้ เทคนคิ ความหมาย 3S Scan = อานดวยความรวดเรว็ เพ่ือสาํ รวจภาพรวบของหนงั สอื ท้ังหมด Search = อานหาคาํ ตอบหรอื เนื้อหาที่ตอ งการ Save = อา นเก็บขอ มลู เนื้อหาทีส่ าํ คัญ และจดบนั ทึกยอ SQ3R Survey= อานเพื่อสาํ รวจองคป ระกอบของหนังสือทัง้ หมด Question = อานแบบตัง้ คาํ ถามไวล ว งหนา วาอยากรคู ําตอบอะไรจากการอาน Read = อา นอยางรวดเร็ว เพอ่ื ใหเขา ใจประเดน็ สาํ คัญของเนื้อหาโดยไมต องจดบันทกึ Recall = ฟน ความทรงจํา เนน ขอความสําคัญหรอื สรปุ บนั ทกึ ยอดว ยภาษาของตวั เอง Review = อานทบทวน ทบทวนเพื่อไมใ หล ืมและเตมิ ในสว นที่ขาดหรอื ไมเ ขา ใจ SOAR Survey = ความหมายเดียวกบั แบบ SQ3R Organize = เรียบเรียงประเดน็ สําคญั ในสิง่ ที่อาน Anticipate = ทําแบบฝก หัดหรือตอบคาํ ถาม Review = ความหมายเดียวกบั แบบ SQ3R เทคนิคการอานแตล ะแบบนน้ั กไ็ มไ ดม คี วามแตกตางกันมากนกั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาอาจจะ เลอื กใชแบบใดแบบหน่ึงหรอื ผสมผสานกันใหเ ขากบั ตัวเรามากทสี่ ุดกไ็ ด ผเู ขยี นขอสรุปภาพรวม ของการอานท้ัง 3 แบบ ดังนี้ ขั้นแรก: สํารวจ ข้ันน้ีเปนขั้นตอนที่เราจะตองสํารวจองคประกอบตางๆ ของหนังสือท้ังหมด โดยพลิกหนา หนังสือไปเร่ือยๆ ต้ังแตหนาแรกไปจนถึงหนาสุดทาย ทั้งนี้เพ่ือใหเรารูคราวๆ วาหนังสือ ประกอบดวยอะไรบาง ส่ิงทจ่ี าํ เปน ตอ งอานมีดงั นี้ พระศกั ดิช์ ัย ลังกาพินธุ หัวไมด กี เ็ รยี นดไี ด ดร. จตุรงค ลงั กาพนิ ธุ
43 - อานคํานํา เพ่ือใหรูวาผูแตงเขียนหนังสือเลมนี้มาเพ่ือวัตถุประสงคใด มีเนื้อหา ครอบคลุมอะไรบา ง ผเู ขยี นแนะนาํ วิธีการใชห นังสือหรือไม - ดสู ารบัญ เพื่อศกึ ษาหวั ขอหลัก หวั ขอรองและภาพรวมของเนอ้ื หาในหนงั สอื - อานชื่อบท หัวขอใหญ หัวขอยอย ที่พิมพเปนตัวหนาของแตละบท ซึ่งจะบงบอกถึง ระดับความสําคัญของแตละหัวขอ รวมทั้งบทสรุปทายบท ท่ีไดสรุปรวมเน้ือหาสําคัญ ตางๆ โดยปกติจะเปน ยอหนาสุดทา ยของเร่ืองนนั้ ๆ - รปู ภาพ กราฟ และแผนภมู ิ สงิ่ เหลาน้ีจะชวยใหเ ราเขาใจเนอ้ื หามากขึน้ - คําถามทายบท เปนส่ิงที่ผูอานควรทําความเขาใจเปนพิเศษ เพราะผูเขียนมักจะถามถึง ส่ิงท่ีสําคัญในบทนน้ั ๆ - เอกสารอางอิง จะเปนตัวช้ีแหลงที่มาของขอมูล และเราสามารถใชหาขอมูลเพ่ิมเติมได ถา ตองการ - ดัชนี จะเปนสิ่งที่ใชหาเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง ทําใหไมตองเสียเวลาอานทั้งหมดเพ่ือ คนหาขอมูลท่ตี อ งการ ขอ มูลเหลา นี้ เราสามารถนาํ มาใชใ นการวางแผนกาํ หนดเวลาอา นหนังสือของเรา และยงั ชว ยใหเราอา นหนังสอื ไดเร็วขึ้น ขัน้ ท่ี 2: อาน อานอยา งรวดเร็ว พยายามหาประเดน็ สําคัญของเรื่องที่อา น ซึ่งสวนใหญจ ะอยูทีป่ ระโยค แรกหรอื สุดทา ยของแตล ะยอ หนา ประเดน็ ไหนไมเ ขา ใจใหข า มไปกอ นพรอมกบั ทาํ เครือ่ งหมายไว ดวยดนิ สอ สวนขอความทเ่ี หน็ วาไมส าํ คัญหรอื มสี าระไมน าสนใจอาจจะอา นขา มไปก็ได การอา น ในขนั้ ตอนนีจ้ ะไมม ีการหยดุ บนั ทึก ขดี เสน ใตห รือปายปากกาสเี พราะจะทําใหส มาธใิ นการอาน ลดลง ข้นั ท่ี 3: เกบ็ ขอมลู อานซํ้าอีกครั้ง ทําเคร่ืองหมายขอความสําคัญหรือบันทึกสรุปเปนขอความสั้นๆ ตามความ เขาใจของเราเพื่อนํากลับมาอานทบทวน กอนที่จะจดบันทึกลองพยายามจําใหไดกอนแลวจึงเขียน ถา ตรงไหนลองเขยี นออกมาแลวอานไมเ ขา ใจ ใหก ลบั ไปดเู นือ้ หาสวนน้ันในหนังสืออีกคร้ัง พระศักด์ิชัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีก็เรียนดไี ด ดร. จตุรงค ลังกาพินธุ
44 ข้นั ท่ี 4: ทําแบบฝก หดั หรือตอบคาํ ถาม ใชสิ่งที่อานมาตอบคําถามหรือแบบฝกหัดทายบทจะทําใหเราเขาใจเน้ือหามากข้ึน ถาเปน วิชาทางคํานวณก็จะชวยใหเราเขาใจทฤษฎีและทําโจทยไดคลองแคลวยิ่งข้ึน อีกทั้งยังเปนการ ตรวจสอบวาเราเขา ใจเนอ้ื หาจริงๆ หรอื ไม ขั้นสุดทาย: ทบทวน อานทบทวนบนั ทึกยอตามตารางอา นหนังสอื ทก่ี ําหนดไวห รือบอ ยทส่ี ดุ เทาท่เี วลาจะ เออื้ อํานวย วิธนี ้จี ะทําใหเ ราจาํ เนอื้ หาไดโดยไมต อ งทอง กรณที ี่เราใชวิธตี างๆ ท่เี สนอไว แลวยงั อา นไมคอยเขาใจอาจจะเปนเพราะวาหนังสือท่ีอาน เปนหนังสือทางวิชาการซึ่งบางครั้งจะประกอบไปดวยคําศัพทท่ีเราไมคุนเคยจํานวนมาก หรือเปน เรื่องแปลกใหมที่เราไมมีพ้ืนฐานจึงทําใหยากและซับซอนเกินกวาท่ีเราจะทําความเขาใจได ซ่ึงวิธี แกปญ หาสามารถทําไดโดย 1. ปรึกษาอาจารยผูสอน หรอื เพอ่ื นทเี่ ขา ใจ 2. อา นหนงั สือเก่ยี วกบั เรอื่ งนน้ั ท่ีเขาเขยี นใหนักเรียนนักศึกษาในระดับที่ตา่ํ กวาท่เี รากําลงั ศึกษาอยูอาน เพราะภาษาและเน้ือหาที่ใชจะชัดเจนและเขาใจงายกวา อีกท้ังยังเปนการ ทบทวนพนื้ ฐานตา งๆ จนเขาใจแลวคอ ยมาเติมรายละเอยี ดในตําราของเรา 3. กรณีท่มี ีตวั อยา งใหด หู รอื ยกตวั อยา งประกอบ ใหอ านตวั อยา งกอนเพราะคาํ อธบิ ายใน ตัวอยางมกั จะทําใหเราเขาใจไดมากกกวาตวั เนื้อหา โดยเฉพาะวชิ าเกยี่ วกับการคาํ นวณ เชน คณิตศาสตร ฟสกิ ส หรอื แคลคูลัส ทฤษฎีสวนใหญจ ะกําหนดเปนคา ตัวแปรหรือ ในรปู ของสญั ลักษณต า งๆ ซงึ่ จะทําใหเ ขาใจยากกวาการแทนคาเปน ตวั เลขในตวั อยา ง 4. ดูความสัมพันธระหวางเนื้อหาโดยอาจดูจากสารบัญของหนังสือ ปกติการเขียนตํารา บทท่ีมากอนจะเปนพื้นฐานของบทท่ีอยูถัดไป ควรจะเขียนสรุปเปนแผนภูมิตางๆ เพื่อ เชื่อมโยงความสัมพันธระหวางองคประกอบตางๆ ท้ังหมด จะทําใหเรามองเห็น ภาพรวมของเน้ือหาทั้งหมดไดช ัดเจนขน้ึ กวาการจบั ตรงนมี้ าประกอบตรงนั้น 5. อานหนังสือหลายๆ เลม ในเร่ืองเดียวกันบางครั้งจะมีหนังสือหลายเลมจากผูแตงหลาย คน ซึ่งแตล ะคนจะมีสไตลใ นการเขียนทแี่ ตกตางกนั ใหเ ลือกอา นหนงั สอื ที่เราอานแลว เขา ใจ พระศกั ด์ิชัย ลังกาพนิ ธุ หัวไมดีก็เรียนดีได ดร. จตรุ งค ลังกาพนิ ธุ
45 ทักษะการจําน้ันถือวาเปนทักษะหนึ่งที่สําคัญสําหรับการเรียน ไมวาจะเรียนวิชาใดก็ตาม นกั เรียนนักศึกษาจะตองใชทักษะน้ีเรยี กขอ มลู ความรูที่เราไดศึกษามา เพื่อใชสําหรับการสอบเล่ือน ช้ันเรียนใหสูงข้ึน หรือใหผานตามเกณฑที่สถานศึกษาไดกําหนดไว การจําในท่ีนี้หมายถึงการจําที่ ตอ งผา นกระบวนการทําความเขาใจ การคดิ วเิ คราะหขอ มูลแลว ไมใ ชการจําแบบนกแกวนกขุนทอง ซ่ึงอาจทําใหนักเรียนนักศึกษาสอบผานได พอสอบเสร็จก็ลืมทันที ถาเราเขาใจกอนแลวจึงจํา ความรูน้ันก็จะติดตัวเราตลอดเวลา ถึงแมบางครั้งเราอาจจะลืมก็ตาม แตไดทบทวนเพียงเล็กนอยก็ สามารถนํากลบั มาใชป ระโยชนได 1. อะไรบางทม่ี ผี ลตอ ความทรงจํา 1.1 เวลาทผ่ี า นไป ความสามารถในการจดั เก็บขอมลู ของสมองคนเรานนั้ มไี มจาํ กดั ประเมนิ จากจํานวนของ เซลลประสาทที่ถูกสรางมีถงึ 1 ตามดวยเลข 0 อกี 800 ตัว นกั คน ควาบางคนกลา ววาตัวเลขท่ีบอกมา น้นั เลก็ เกนิ ไป น่ันกห็ มายความวา สมองสามารถเก็บขอมูลไดไมเคยเตม็ อยา งไรก็ตามอตั ราการ จําของคนเรานนั้ กข็ ้นึ อยูกบั เวลาทผ่ี านไป จากการศึกษาของนักจติ วทิ ยาเกย่ี วกบั การจําและการลมื ของมนุษย พบวาคนเรามีอตั ราการจําหรอื ลืมดังกราฟขา งลา งนี้ พระศกั ด์ิชัย ลังกาพนิ ธุ หวั ไมดกี ็เรียนดีได ดร. จตุรงค ลงั กาพนิ ธุ
46 จากกราฟแสดงใหเห็นวาเม่ือเวลาผานไปหนึ่งวัน เราจะสามารถจําเร่ืองราวที่ไดอานไป ประมาณครึ่งหน่ึง และจะลดลงไปอีกครึ่งหน่ึงของท่ีเหลือในทุกๆ 7 วัน จนในท่ีสุดจะนึกไมออก เลย การท่ีจะใหส่ิงที่เรียนมาอยูในความจําของเราไดมากที่สุดเทาที่จะทําได เราควรกลับไปทบทวน ทันทีหลังจากท่ีเราเรียนในแตละวัน จากน้ันเราทิ้งชวงไปทบทวนรวบยอดในวันหยุดเสาร-อาทิตย เพอ่ื ไมใหเกนิ 7 วนั และควรทบทวนทกุ ๆ 2 สปั ดาห จนกระทั่งถงึ ชว งสอบ 1.2 การนอนพกั ผอ น สิ่งรบกวน และการออกกําลังกาย จากการศึกษาของนายแพทยเ จฟฟรี เอลเลนโบเกน แหง วิทยาลยั แพทยฮ ารว ารด สหรฐั ฯ โดยทําการศึกษาวจิ ยั ในผใู หญจ าํ นวน 48 คน อายุระหวา ง 18-30 ป อาสาสมคั รทุกคนนอนหลบั ดี ไมมปี ญหาการนอนไมหลบั อาจารยเอลเลน แบงกลุมตวั อยา งเปน 2 กลุมใหญ • กลุมที่ 1 เปน \"กลมุ ต่ืน (Wake group)\" ใหทองจาํ คําศพั ทท ่ีเปนคูๆ กนั 20 คูตอนเชา (9.00 น.) และทาํ การทดสอบตอนกลางคืน (21.00 น.) • กลมุ ท่ี 2 เปน \"กลมุ หลบั (Sleep group)\" ใหทองจาํ คําศพั ทท ี่เปน คๆู กนั 20 คูตอนกลางคืน (21.00 น.) และทําการทดสอบตอนเชา (9.00 น.) ความแตกตางระหวา ง 2 กลมุ นค้ี ือ กลมุ หลบั มีเวลานอนพกั ผอ นคัน่ กอนทําการทดสอบ นอกจากน้นั ยงั แบงกลุม ต่นื และกลุม หลับเปน 2 กลุมยอ ย กลมุ แรกไมม กี ารรบกวน (Interference) กลมุ ท่ีสองมกี ารรบกวนดว ยการใหงานทอ งจาํ เพิม่ อาจารยไดอ อกแบบการวจิ ยั ใหเ พ่มิ งานทรี่ บกวน ความจําเดมิ โดยเพ่มิ คาํ ศัพทอ ีก 20 คู และใหคาํ คคู ําแรกซา้ํ กบั คําศพั ทชดุ เกา เพอ่ื ใหความจาํ มนั รบกวนกันเอง ดังนั้นจะไดกลมุ ตัวอยาง 4 กลมุ ดงั ตาราง ที่ 1 ตารางที่ 1: กลมุ ตวั อยา ง 4 กลมุ กลุม นอน ไมไดนอน รบกวน AB ไมถกู รบกวน CD พระศกั ดช์ิ ัย ลังกาพินธุ หัวไมดีกเ็ รียนดไี ด ดร. จตรุ งค ลงั กาพินธุ
47 ผลการศึกษาพบวา \"กลมุ นอน (A, C)\" มีความจาํ (Recall Rate) ดกี วา \"กลมุ ไมไ ดนอน (B, D)\" • กลุมนอน+ไมถ กู รบกวน (C) มคี วามจาํ ดกี วา กลมุ ไมน อน+ไมถูกรบกวน (D) 12% • กลุมนอน+ถกู รบกวน (A) มคี วามจาํ ดกี วา กลุม ไมนอน+ถูกรบกวน (B) 44% อีกงานวิจัยหนึ่งท่ีไดวิจัยถึงผลของสิ่งแวดลอมตอความจําของมหาวิทยาลัยแบรดล่ี โดยให นักเรียนกลุมหน่ึง ครึ่งหนึ่งฟงเพลงขณะเรียนหนังสืออีกครึ่งหนึ่งไมไดฟง หลังจากหมดชั่วโมง เรียนแลว คร่ึงหนึ่งของแตละกลุมพักผอน อีกคร่ึงทํากิจกรรมอะไรก็ได ผลท่ีไดจากคะแนนเต็ม 10 คะแนนแสดงดงั ดงั ตาราง ท่ี 2 ตารางท่ี 2: ผลทีไ่ ดจากคะแนนเตม็ 10 คะแนนของกลุมตัวอยางท้งั หมด กลมุ ผหู ญิง ผูช าย ฟงเพลง/พกั ผอ น 7.2 6.0 ฟงเพลง/ทาํ กจิ กรรม 2.8 3.2 ไมไดฟงเพลง/พักผอ น 8.8 8.0 ไมไ ดฟ ง เพลง/ทาํ กจิ กรรม 3.6 4.0 จากทง้ั สองงานวจิ ยั แสดงใหเ ห็นวา นักเรียนนกั ศึกษาทย่ี ังตอ งเรียนตอ งสอบ ควรนอนให พอ ผลของการนอนนอกจากจะชว ยเสรมิ ความทรงจาํ แลว ยังมีผลเพม่ิ ขน้ึ ตอสมาธิ โดยเฉพาะเมอ่ื มี เรอ่ื งยงุ ๆ หรอื เร่ืองกวนใจมารบกวนความจํา และยงั พบวาการฟง ดนตรีจะรบกวนความสนใจใน การเรียนรู และความจาํ ของคุณขณะเรียนหนงั สอื อกี ดว ย นอกจากการนอนพักผอนใหเพียงพอ การออกกําลัง กายอยางสม่ําเสมอก็จะชวยในเรื่องของการพัฒนาความเร็ว ในการจํา และการเรียกความจํากลับมา การเคล่ือนไหว ตามปกติของกลามเนื้อจะกระตุนการเจริญเติบโตของแกน ของเซลลประสาทท่ีเปนตัวสงขอความระหวางเซลล ผูที่ไม ออกกําลังกายอาจจะสามารถจําไดดี แตไมสามารถท่ีจะจํา หรือเรียกความจํากลับมาไดเร็วเทากับคนที่ออกกําลังกายนะ ครับ ตอไปจะกลาวถึงเทคนิคการจํา เพ่ือเปนแนวทางในการ พฒั นาความจําของนักศกึ ษาใหด ขี น้ึ พระศักดช์ิ ยั ลังกาพนิ ธุ หวั ไมดกี เ็ รยี นดีได ดร. จตุรงค ลงั กาพนิ ธุ
Search