Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประพฤติพรหมจรรย์

การประพฤติพรหมจรรย์

Description: การประพฤติพรหมจรรย์

Search

Read the Text Version

ไดไ้ ปบวชนานพอสมควร กม็ โี อกาสไดศ้ กึ ษาเลา่ เรยี นและปฏบิ ตั ธิ รรม ได้มาก แต่ถ้ามีเวลาบวชน้อย ก็มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติ ธรรมไดน้ ้อย ดงั นน้ั การบวชจงึ นบั วา่ เปน็ ประโยชนแ์ กบ่ คุ คลทเ่ี ปน็ ชายมาก อย่างหลานภาณุพงษ์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่อายุครบบวช พ่อแม่ ก็จะได้จดั ให้เขา้ บวชเปน็ พระภกิ ษใุ นพระพุทธศาสนาต่อไป” ฐิติมาฟังลุงพรหมเล่าเร่ืองการบวชเป็นพระภิกษุของพวก ผู้ชาย ก็รู้สึกมีความน้อยใจท่ีไม่มีโอกาสได้บวชเป็นพระภิกษุอย่าง นอ้ งชายบ้าง จึงถามลุงพรหมวา่ “คณุ ลงุ ขา คณุ ลงุ เคยพูด ผหู้ ญงิ อยากประพฤตบิ ้าง ตอ้ งทํำ�อยา่ งไรคะ ไวใ้ นครัง้ กอ่ นว่า ผู้หญิงกม็ ีโอกาส ประพฤตพิ รหมจรรยไ์ ด้ เพราะการประพฤติพรหมจรรย์ มีอยถู่ ึง ๑๐ ข้อ มใิ ช่มีเพยี ง แตก่ ารบวชเปน็ พระภิกษุอยา่ งเดียว หลานอยากทราบวา่ ผหู้ ญงิ ควรประพฤตพิ รหมจรรยข์ อ้ ไหน คะ จึงจะไดป้ ระโยชนม์ าก” ลุงพรหมได้หันไปพูดกับป้าพิมพ์ผู้เป็นภริยา ซ่ึงนั่งฟังการ สนทนาธรรมมานาน ยังไม่เคยได้พูดแสดงความคิดเห็น ให้เป็น ผ้ตู อบคำ�ถามของฐิตมิ าหลานสาว ปา้ พมิ พไ์ ดก้ ลา่ ววา่ “ในฐานะทป่ี า้ เปน็ ผหู้ ญงิ เชน่ เดยี วกบั หลาน ฐิติมา ก็เคยมีความรู้สึกน้อยใจ ท่ีไม่มีโอกาสได้บวชเป็นพระภิกษุ เชน่ พวกผชู้ าย แตเ่ มอ่ื มาไดฟ้ งั คณุ ลงุ เลา่ วา่ การประพฤตพิ รหมจรรย์ มีอย่ถู ึง ๑๐ ขอ้ ผหู้ ญิงกม็ โี อกาสประพฤตพิ รหมจรรย์ได้ ถงึ แมจ้ ะ 49

ไมม่ โี อกาสไดไ้ ปบวชเปน็ พระภกิ ษรุ กั ษาศลี ๒๒๗ ขอ้ แตก่ ม็ โี อกาส ได้ไปประพฤติพรหมจรรย์ข้อที่ ๘ คือ รักษาศีลอุโบสถหรือรักษา ศีล ๘ ได้ เป็นท่ีน่ายินดีว่า ในเวลาน้ีพระภิกษุสงฆ์หลายวัด ได้จัดให้ ฆราวาสชายหญิงได้เข้าไปรักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ในวัด เป็นเวลา หลายวนั เชน่ ๓ วันบ้าง ๗ วนั บ้าง โดยได้จดั ใหพ้ กั อยู่ในวัด แล้ว จัดอบรมให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา จากพระสงฆ์ ผู้ทรงคุณวุฒิหลายรูป และให้มีการฝึกปฏิบัติจิตใจให้สงบ และ ฝึกปัญญาให้มีความรู้แจ้งเห็นจริง ตามหลักทางพระพุทธศาสนา (สมถกรรมฐานและวิปสั สนากรรมฐาน) การจดั อบรมฆราวาส ผหู้ ญิงก็ประพฤติ ใหศ้ ึกษาปฏบิ ัตธิ รรม พรหมจรรย์ไดจ้ ะ้ ดังกลา่ วน้ี มชี ือ่ เรียกตา่ งกนั บางวัดก็เรียกว่า “บวชชพี ราหมณ์” บางวัดก็เรยี กว่า “บวชเนกขัมมปฏิบตั ิ” แตป่ า้ มีความเห็นวา่ ควรจะเรียกวา่ “บวชประพฤตพิ รหมจรรย”์ ซ่ึงตรงกับหลักการประพฤติพรหมจรรย์ในมงคลสูตรน้ี พวกฆราวาสทไ่ี ปปฏบิ ตั ธิ รรมอยใู่ นวดั ดงั กลา่ วนน้ั กร็ กั ษาศลี อโุ บสถ คือศีล ๘ ตลอดเวลาที่อยู่ในวัด และบางวัดท่านก็จัดอบรมการ ปฏบิ ตั ธิ รรมในระหวา่ งโรงเรยี นปดิ ภาคการศกึ ษา เชน่ ระหวา่ งเดอื น เมษายน - พฤษภาคม ทำ�ให้นักเรียนชายหญิงมีโอกาสไปรับการ ศกึ ษาปฏบิ ตั ธิ รรมในวดั เปน็ พเิ ศษ นบั วา่ เปน็ ประโยชนใ์ นการปลกู ฝงั จริยธรรมแก่ประชาชน ตลอดถึงเดก็ และเยาวชนเป็นอยา่ งดี 50

ป้าคิดว่า ถ้าทางคณะสงฆ์จัดหลักสูตรอบรมฆราวาสให้มา บวชเป็นการช่ัวคราว นอกเหนือจากที่ไปรักษาศีลอุโบสถเฉพาะ ในวนั พระ โดยตง้ั ชอ่ื การถอื บวชของฆราวาสใหเ้ หมอื นกนั วา่ “บวช ประพฤตพิ รหมจรรย”์ หรอื ชอ่ื อน่ื ทเ่ี หมาะสมดกี วา่ กจ็ ะเปน็ ประโยชน์ แกฆ่ ราวาสชาวบา้ น โดยเฉพาะหนมุ่ สาว เดก็ และเยาวชนเปน็ อยา่ งดี ปา้ ขอแสดงความคดิ เหน็ และตอบค�ำ ถามของหลานฐติ มิ าเพยี งเทา่ น้ี และขอให้คุณลงุ ได้อธบิ ายเพิ่มเตมิ ดว้ ย” เมอ่ื ปา้ พมิ พก์ ลา่ วจบ ลงุ พรหมไดก้ ลา่ วเสรมิ วา่ “ค�ำ ตอบของ คุณปา้ สมบรู ณ์ดีแลว้ ลุงมีความเห็นดว้ ยทกุ ประการ การประพฤติ พรหมจรรยข์ อ้ ที่ ๘ คือ การรักษาศลี อุโบสถหรือศลี ๘ เหมาะกับ ผหู้ ญงิ ทกุ คน แมเ้ ดก็ หญงิ กไ็ ปรกั ษาศลี ๘ ในวนั พระได้ หรอื ไปถอื บวช ประพฤติพรหมจรรย์ ท่ีทางวัดจัดให้มีการถือบวชประพฤติธรรม ในวัดสำ�หรบั ฆราวาส และตามทล่ี ุงสงั เกต ผทู้ ไ่ี ปถอื บวช ประพฤติพรหมจรรย์ สว่ นมากก็เป็นหญิง ที่เปน็ ชายกม็ บี า้ งจำ�นวนนอ้ ย เพราะพวกผชู้ ายถอื วา่ ไดไ้ ปประพฤตพิ รหมจรรย์ บวชเปน็ พระภิกษุในทางพระพุทธศาสนามาแล้ว จึงไม่ค่อยสนใจไปเข้ารับ การอบรม แตถ่ า้ พวกผชู้ ายเขา้ รบั การอบรมและปฏบิ ตั ธิ รรมรว่ มกบั พวกผหู้ ญงิ ดว้ ยกจ็ ะได้รับประโยชน์มากเช่นกัน 51

ลงุ ขอย�ำ้ กบั หลานทง้ั สองวา่ การประพฤตพิ รหมจรรยแ์ ตล่ ะขอ้ ในจ�ำ นวน ๑๐ ขอ้ น้ี ลว้ นแตม่ ปี ระโยชนท์ ง้ั นน้ั ถา้ เราสามารถน�ำ มา ปฏบิ ัตไิ ด้ทงั้ ๑๐ ขอ้ กย็ งิ่ ไดป้ ระโยชนม์ หาศาล แตถ่ า้ เราไมส่ ามารถปฏบิ ตั ไิ ดท้ กุ ขอ้ เพยี งแตเ่ ลอื กมาปฏบิ ตั ิ ในข้อใดข้อหน่ึง ก็ล้วนแต่ได้ชื่อว่าเราประพฤติพรหมจรรย์ จัดว่า เป็นผู้มีความประพฤติท่ีประเสริฐ ควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ โดยเฉพาะการประพฤตพิ รหมจรรยข์ อ้ ท่ี ๑๐ คอื การปฏบิ ตั ศิ าสน- ธรรม ได้แก่ การเข้าไปบวชเป็นพระภิกษุ ผู้ได้ปฏิบัติหลักธรรม เน้อื แทข้ องพระพทุ ธศาสนาอยา่ งบริบรู ณ์ กย็ ง่ิ ไดร้ บั ประโยชน์แห่ง การประพฤตพิ รหมจรรยอ์ ยา่ งยง่ิ ใหญไ่ พศาล ลงุ ขอน�ำ เรอ่ื งการบวช ของผู้หญงิ ผชู้ ายคูห่ น่งึ มาเล่าใหฟ้ ัง ดังนี้ ในเมืองราชคฤห์ มีบุตรชายของกบิลพราหมณ์คนหนึ่งช่ือ ปปิ ผลิมาณพ บิดามารดาปรารถนา จะใหบ้ ตุ รชายครองเรอื น สืบทายาทต่อไป จงึ ส่งพราหมณ์ ๘ คน ไปยังเมืองตา่ ง ๆ เพอ่ื แสวงหาหญงิ มคี ุณลกั ษณะ ท่ีดีมาเป็นภริยาของบุตรชาย พราหมณท์ ง้ั ๘ คนเหลา่ นน้ั ไดน้ �ำ เครอ่ื งบรรณาการเดนิ ทาง ไปยังนครสาคละ ได้พบบุตรสาวของโกสิยโคตรพราหมณ์ ชื่อ ภทั ทกาปลิ านี อายุ ๑๖ ปี มรี ปู รา่ งสวยงาม จงึ เขา้ ไปหาบดิ ามารดา ของเธอ สขู่ อเธอใหแ้ ก่ปิปผลิมาณพ 52

เมื่อบิดามารดาของเธอยินยอม คณะพราหมณ์จึงมอบ เครอ่ื งบรรณาการใหไ้ ว้ แลว้ สง่ ขา่ วไปยงั กบลิ พราหมณแ์ จง้ วา่ ไดพ้ บ หญงิ สาวมคี ุณลักษณะเหมาะสมคูค่ วรแกป่ ิปผลิมาณพแลว้ ทางฝ่ายปิปผลิมาณพ ได้ทราบข่าวว่าบิดามารดาจะนำ� หญิงสาวมาให้เป็นภริยา ก็ไม่มีความต้องการ ได้เขียนจดหมายถึง นางภทั ทกาปิลานีว่า “ขอให้น้องภัททา จงเลือกคู่ครองผู้มีความเหมาะสมเถิด พ่ีจะบวช ขอให้น้องอย่าได้รับความเดือดร้อนในภายหลังเลย” เม่ือเขยี นเสร็จแล้วก็ให้คนใช้น�ำ จดหมายเดนิ ทางไปยงั นครสาคละ แม้นางภัททกาปิลานี เม่ือทราบข่าวว่าบิดามารดาจะให้ แตง่ งานกบั ปปิ ผลมิ าณพ กไ็ มม่ คี วามตอ้ งการ และไดเ้ ขยี นจดหมาย มขี อ้ ความทำ�นองเดียวกนั ใหค้ นใชน้ �ำ จดหมายไปยังเมอื งราชคฤห์ เชน่ กนั คนใชข้ องชายหนมุ่ กบั หญงิ สาว ไดม้ าพบกนั ในระหวา่ งทาง ได้ฉีกจดหมายของนายอ่าน เม่ือได้ทราบว่าทั้งคู่ไม่ปรารถนาจะ แตง่ งานกนั จงึ ทง้ิ จดหมายนน้ั เสยี แลว้ แปลงสารเสยี ใหมม่ ขี อ้ ความ ท�ำ นองวา่ ทง้ั คมู่ คี วามปรารถนาทจ่ี ะ แต่งงานกัน แล้วคนใช้ท้งั สองก็ น�ำ จดหมายทแ่ี ปลงใหม่ ไปให้ ชายหนุ่มและหญงิ สาวตอ่ ไป 53

ตอ่ มา ชายหนมุ่ กบั หญงิ สาวตอ้ งจ�ำ ใจ แต่งงานกันตามความปรารถนาของฝ่าย ผ้ใู หญ่ ในคืนวันส่งตัวให้ไปอย่รู ่วมใน ห้องเดียวกัน ปิปผลิมาณพกบั นาง ภัททกาปิลานีได้นอนอยู่บนเตียง คนละด้าน วางพวงดอกไม้ค่ันไว้ ไม่ยอมให้ร่างกายถูกต้องกัน ท้งั คู่ อยรู่ ว่ มเปน็ สามีภริยากัน โดยมิได้ ร่วมประเวณีกันเช่นสามีภริยาอื่น เป็นเวลานาน จนกระท่งั เม่อื ส้นิ บุญบิดามารดา สามีและภริยาจึงปรึกษา ตกลงกนั ทจ่ี ะไปบวชในพระพทุ ธศาสนา ทม่ี คี วามปรารถนามานาน แล้ว ทั้งสองคนก็มอบทรัพย์สมบัติให้แก่เหล่าญาติ แล้วออกบวช ปปิ ผลมิ าณพไดไ้ ปบวชในส�ำ นกั ของพระพทุ ธเจา้ เมอ่ื อปุ สมบทแลว้ ไดร้ ับพระโอวาทจากพระพทุ ธเจ้าปฏบิ ตั ิธรรมอยู่ ๗ วัน ก็ไดบ้ รรลุ เป็นพระอรหนั ต์ ปิปผลิมาณพกค็ อื พระมหากัสสปะ ซ่งึ เปน็ พระ- อรหนั ตสาวกผใู้ หญ่ ซง่ึ เปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั ในการท�ำ สงั คายนาครง้ั ท่ี ๑ เปน็ ทีร่ ้จู กั อยา่ งกวา้ งขวางในวงการพระพุทธศาสนา สว่ นนางภัททกาปลิ านี กไ็ ดไ้ ปบวช ในส�ำ นักของนางภิกษณุ ี และได้ฟังธรรม ของพระพทุ ธเจา้ สำ�เรจ็ เป็นพระอรหนั ต์ เชน่ เดียวกนั 54

ลุงได้นำ�ประวัติของปิปผลิมาณพ และนางภัททกาปิลานี มาเลา่ ใหห้ ลานทง้ั สองฟงั กเ็ พอ่ื ใหเ้ หน็ เปน็ อทุ าหรณว์ า่ การประพฤติ พรหมจรรยช์ น้ั สงู ในทางพระพทุ ธศาสนา คอื ไดบ้ วชและส�ำ เรจ็ เปน็ พระอรหันต์น้ัน นับวา่ ได้รับประโยชน์สงู สดุ และบุคคลท่ีจะประพฤติพรหมจรรย์ได้เช่นน้ัน จะต้อง สร้างสมบุญบารมีไว้นานหลายภพชาติ เช่น ปิปผลิมาณพ และ นางภัททกาปิลานี เป็นผู้เคยได้สร้างสมบุญบารมีไว้จึงปรารถนาท่ี จะออกบวชอยู่ตลอดเวลา แม้ได้แต่งงานเป็นสามีภริยากัน ก็มิได้ ปรารถนาความสขุ ในทางฆราวาส ในทส่ี ดุ กไ็ ดอ้ อกบวช และไดบ้ รรลุ เปน็ พระอรหันต์ จดั ว่าไดบ้ รรลุถึงทสี่ ุดแห่งพรหมจรรย์ การประพฤติพรหมจรรย์ จึงมีประโยชน์มหาศาล ดังท่ีลุง ไดเ้ ลา่ ใหฟ้ ังแลว้ ลุงคดิ ว่า วนั นี้เราได้สนทนาธรรมกันมาพอสมควร แก่เวลาแล้ว ลุงขอยุติไว้เพียงเท่านี้ กล่าวจบ ลุงพรหมได้นำ�ภริยา และหลานท้งั สองไปสวดมนตไ์ หวพ้ ระในหอ้ งพระต่อไป 55

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. พระพุทธเจ้า เสดจ็ ออกบวช เพอ่ื ประสงคอ์ ะไร ? ๒. ๓. พระสงฆใ์ นสมยั พทุ ธกาล การท่ผี ูช้ ายไทย ถือประเพณีบวชเปน็ ปฏบิ ตั ิหน้าท่อี ะไร ? พระภิกษุไดร้ ับประโยชน์ ๔. อยา่ งไร ? ถา้ ผหู้ ญงิ ไทยต้องการ ๕. ถอื บวชบ้าง ทีก่ ล่าววา่ “ปปิ ผลมิ าณพกบั จะปฏิบัตอิ ย่างไร ? นางภทั ทกาปิลานีไดบ้ รรลุ ถงึ ที่สดุ แห่งพรหมจรรย”์ หมายความวา่ อยา่ งไร ? 56

บท๔ที่ โทษของ การไม่ประพฤติ พรหมจรรย์ เยน็ วนั อาทติ ยต์ อ่ มา ฐติ มิ ากบั ภาณพุ งษไ์ ดเ้ ขา้ ไปหาลงุ พรหม และปา้ พมิ พใ์ นหอ้ งรบั แขกเชน่ วนั อาทติ ยก์ อ่ น เมอ่ื ทง้ั สองไหวค้ ณุ ลงุ คณุ ปา้ นง่ั ลงบนพน้ื หอ้ งแลว้ ฐติ มิ าพดู ขน้ึ กอ่ นวา่ “คณุ ลงุ ขา หลาน ไดฟ้ งั คณุ ลงุ อธบิ ายเรอ่ื งการประพฤตพิ รหมจรรย์ ๑๐ ขอ้ แตล่ ะขอ้ ลว้ นแตเ่ ปน็ ความประพฤตทิ ด่ี มี ปี ระโยชนท์ ง้ั นน้ั หลานอยากทราบวา่ หากคนเราไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ๑๐ ข้อนี้ จะมีโทษเสียหาย อย่างไรบา้ งไหมคะ” ลงุ พรหมไดต้ อบหลานสาววา่ “ค�ำ ถามของหลานฐติ มิ า เปน็ คำ�ถามที่ดีมาก ที่อยากทราบโทษของการไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เพราะค�ำ สอนของพระพทุ ธเจ้าน้ัน มี ๒ ลักษณะ คอื เป็นฝา่ ยดี เรยี กวา่ “กศุ ล” และเปน็ ฝา่ ยไม่ดเี รยี กวา่ “อกศุ ล” 57

พระพทุ ธเจา้ ทรงสอนใหส้ รา้ งสมกศุ ล คอื ความดี และใหล้ ะ อกุศล คือความชั่ว ซ่งึ เปน็ ฝา่ ยที่ไม่ดี เพราะความดี ยง่ิ คนท�ำ มาก กย็ ง่ิ มคี วามเจรญิ มากขน้ึ สว่ น ความชว่ั ถา้ คนไมย่ อมเลกิ ละ ยง่ิ ท�ำ ความชว่ั มาก ความชว่ั นน้ั จะพา ให้คนเราประสบความเสื่อมหนกั ลงไปถึงขนาด “เสียคน” เพราะ คนผู้นั้นไม่มีคุณความดีของมนุษย์เหลืออยู่ในตน เช่น คนที่มีใจ โหดเหย้ี มฆา่ คนอน่ื ได้ ไมจ่ ดั วา่ เปน็ มนษุ ย์ เพราะคณุ ธรรมของมนษุ ย์ ไมม่ ปี ระจ�ำ ตวั เรอ่ื งพรหมจรรย์ ๑๐ ประการ ตง้ั แตก่ ารใหท้ าน จนถึงการปฏิบัติศาสนธรรม จดั เปน็ ฝา่ ยกศุ ลคอื ฝ่ายดี ผทู้ ป่ี ระพฤตติ ามธรรมเหลา่ น้ี เรยี กวา่ ผปู้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ สว่ นคนทไ่ี มป่ ระพฤตติ ามธรรมเหลา่ น้ี เรยี กวา่ ผลู้ ะเมดิ พรหมจรรย์ เปน็ คนไมด่ ีมแี ต่ความเสยี หาย ทงั้ ส่วนตนเอง และผลเสยี หายนั้น กระทบไปถงึ คนอน่ื คอื สว่ นรวมดว้ ย และคราวนล้ี งุ จะพดู ใหห้ ลานฟงั ตอ่ ไป เรอ่ื งผไู้ มป่ ระพฤตพิ รหมจรรย์“มโี ทษเสยี หายแกส่ ว่ นตน”นน้ั หมายความว่า คนที่ละเมิดพรหมจรรย์ คอื ศลี ๕ นับแต่ขอ้ ท่ี ๑ ได้แก่ ฆ่าและเบยี ดเบยี นชีวติ ของผอู้ ่ืน จะกลายเป็นคนมีใจเหีย้ มโหด ขาดความเมตตากรุณา คนทมี่ ีนสิ ัยโหดรา้ ยเช่นน้ี จะเป็นผทู้ ำ�ลายสุขภาพ ในจิตใจของตนเอง ทำ�ใหเ้ กิดศัตรทู ี่จะมาแก้แคน้ ทำ�ลายชวี ิตของตนอยู่ตลอดเวลา 58

ขอใหห้ ลานทง้ั สองสงั เกตดสู ตั วร์ า้ ย เชน่ งู ตะขาบ แมงปอ่ ง ผ้ใู ดได้พบเหน็ สตั ว์รา้ ยเหล่าน้ี มักจะฆา่ ให้ตาย เพราะถ้าปลอ่ ยไว้ เกรงวา่ มนั จะกดั ตอ่ ยเอา สตั วร์ า้ ยเหลา่ นม้ี นั ตอ้ งตายเพราะความรา้ ย ในตวั ของมนั เอง แมค้ นทโ่ี หดรา้ ยไปฆา่ เบยี ดเบยี นผอู้ น่ื กต็ อ้ งถกู ผอู้ น่ื ฆา่ แก้แคน้ ถ้าย่ิงไปฆ่าผูอ้ ่นื ด้วยความโหดเหี้ยมทารณุ สะเทอื นขวัญ ของประชาชน กต็ อ้ งถกู ทางบา้ นเมอื งลงโทษขน้ั รนุ แรงถงึ ถกู ประหาร ชวี ติ กม็ ี คนร้ายเหล่านี้บางคนทำ�ความผิดแล้ว อาจหลบหนีไปได้ ยงั ไมไ่ ดร้ บั โทษทางบา้ นเมอื ง แตก่ ต็ อ้ งไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น ชวี ติ ไมม่ ี ความสขุ เพราะต้องคอยหลบหนี กลวั เจ้าหน้าท่ีจะมาจบั กมุ หรือ หลบหนศี ตั รทู จ่ี ะมาแกแ้ คน้ ในบางครง้ั คนทม่ี จี ติ ใจเหย้ี มโหด มงุ่ ท�ำ รา้ ย ผอู้ น่ื น้ี อาจไดร้ บั กรรมสนองอยา่ งรนุ แรง อยา่ งไมค่ าดฝนั ดงั มเี รอ่ื งเลา่ เปน็ นทิ านทางพระพุทธศาสนาอยเู่ รือ่ งหนึง่ ลุงจะเล่าใหฟ้ ัง มพี รานผใู้ ชส้ นุ ขั ลา่ เนอ้ื คนหนง่ึ ชอ่ื โกกะ วนั หนง่ึ น�ำ ฝงู สนุ ขั ไป ไลเ่ นอ้ื ในปา่ ไดพ้ บพระภกิ ษรุ ปู หนง่ึ ก�ำ ลงั เดนิ บณิ ฑบาตในระหวา่ งทาง ปรากฏวา่ ในวนั นน้ั เขาไมไ่ ดเ้ นอ้ื แมส้ กั ตวั เดยี ว จงึ น�ำ ฝงู สนุ ขั กลบั บา้ น ได้มาพบพระภิกษุรูปนั้นกำ�ลังเดินกลับวัด นายพรานโกรธเคือง พระภกิ ษุรูปนน้ั ขึ้นมาทันที หาวา่ เป็นตวั กาลกิณีท่ีท�ำ ใหต้ นหาเน้อื ไม่ได้ จึงปล่อยฝูงสุนัขเพื่อให้ทำ�ร้าย พระภิกษุรูปนั้นก็ร้องห้าม วงิ วอนวา่ อยา่ ไดท้ ำ�บาปกรรมเชน่ น้นั เลย นายพรานผู้กำ�ลงั มีความโกรธแคน้ ไมย่ อมเชอื่ ฟัง มงุ่ แต่จะให้ฝงู สนุ ัข กดั พระให้ตาย 59

เมื่อพระเห็นฝูงสุนัขวิ่งเข้ามาทำ�ร้าย ก็มีความกลัววิ่งหนี ขึ้นไปนั่งอยู่บนกิ่งไม้ ฝูงสุนัขได้วิ่งตามไปวนอยู่รอบ ๆ โคนต้นไม้ นายพรานกต็ ามไป เอาปลายลกู ธนทู แ่ี หลมคมทม่ิ แทงเทา้ ของทา่ น ที่นั่งห้อยเท้าอยู่บนกิ่งไม้ จนมีเลือดไหลออกจากเท้าได้รับความ เจบ็ ปวดมาก ทา่ นจงึ รอ้ งหา้ มนายพราน วงิ วอนขออยา่ ท�ำ การทรมาน อยา่ งนเี้ ลย นายพรานกไ็ มย่ อมเชอ่ื ฟงั ยงิ่ เอาลกู ธนูท่แี หลมทิ่มแทง เทา้ ทา่ นหนกั ขนึ้ อีก เมอ่ื ทา่ นถูกทำ�รา้ ยไดร้ ับความเจบ็ ปวดมาก จึงขาดสติทจี่ ะ ควบคมุ ตวั เองได้ ปล่อยใหจ้ วี รท่ีห่มอยูใ่ นรา่ งกายหลุดตกลงมาโดย ไม่รสู้ ึกตัว บังเอิญจีวรผืนน้นั ตกลงไปคลุมท่วั รา่ ง ของนายพรานซ่งึ ก�ำ ลัง ยนื อย่ใู ต้ต้นไม้ ฝงู สนุ ัข กเ็ ข้าใจผิดคิดวา่ พระตกลง มาจากตน้ ไม้ จงึ ว่ิงรุมกัด นายพราน ผเู้ ปน็ เจ้าของ แทะกินเนอ้ื หมดเหลอื ไว้แตก่ ระดูก แล้วฝงู สุนขั กอ็ อกมาจากจวี ร ยืนอยู่ภายนอก พระภกิ ษทุ เ่ี ปลอื ยกายอยบู่ นตน้ ไม้ กห็ กั กง่ิ ไมแ้ หง้ โยนลงมา ไล่ฝูงสุนัข เมอื่ พวกมันเหน็ พระยงั อย่บู นตน้ ไม้ กม็ คี วามเสยี ใจว่า พวกมนั ไดฆ้ า่ นายพรานซึง่ เป็นนายของมนั เสียแล้ว จงึ พากันวิ่งหนี เขา้ ปา่ ไป 60

พระภกิ ษรุ ปู นน้ั เมอ่ื เหน็ วา่ ปลอดภยั จงึ ลงจากตน้ ไมห้ ม่ จวี ร ถอื บาตร เดนิ ทางกลบั วัดเขา้ ไปเฝา้ พระพทุ ธเจา้ กราบทลู เร่อื งราว ทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหท้ รงทราบและกราบทลู ถามวา่ ในการทน่ี ายพรานโกกะ ถูกสุนัขกัดตายเช่นนี้ ตนเองจะต้องอาบัติขาดจากความเป็นพระ หรือไม่ พระพทุ ธองคท์ รงปลอบโยนวา่ ภกิ ษไุ มม่ คี วามผดิ ใด ๆ เพราะ ไม่มีเจตนาที่จะฆ่านายพราน ตัวนายพรานเองนั่นแหละที่ทำ�บาป ประทษุ ร้ายตอ่ ผทู้ ี่ไม่ประทุษร้ายต่อตน จึงได้รับกรรมสนองเชน่ น้ี ตามท่ลี ุงได้นำ�เร่อื งของพรานสุนัขมาเล่าให้หลานท้งั สองฟัง เพอ่ื ใหเ้ หน็ โทษการประทษุ รา้ ยผอู้ น่ื วา่ ยอ่ มไดร้ บั กรรมสนองทนั ตา เหน็ และผทู้ ท่ี �ำ บาป ฆา่ ท�ำ ลายชวี ติ ผอู้ น่ื นน้ั เมอ่ื ตายลงไปยงั จะตอ้ ง ไปรบั โทษถกู ทรมานในเมอื งนรกอกี และเมอ่ื พน้ โทษจากเมอื งนรก กลับมาเกดิ เปน็ มนุษย์ จะตอ้ งไดร้ บั ผลกรรมสนองอกี คือ เกดิ มา มีอายุสั้น หรือหากมีชีวิตอยู่ก็มีโรคภัยเบียดเบียน ไม่มีความสุข ตลอดชีวติ ส�ำ หรับผู้ทีล่ ะเมิดพรหมจรรยล์ ่วงศีลข้อท่ี ๒ คอื ลกั ทรพั ย์ ของผอู้ น่ื จะกลายเปน็ คนมนี สิ ยั ชอบขโมย อยากไดท้ รพั ยข์ องคนอน่ื แล้วก็ประกอบอาชญากรรม กระทำ�ความผดิ เก่ียวกับทรัพย์ เชน่ ลัก ฉก ชงิ วิ่งราว ปลน้ สะดม คนทมี่ นี ิสัยเป็นคนชอบลกั ทรัพย์ ของผู้อ่ืนน้ี จดั เปน็ คนเสยี ความประพฤติ ไมม่ ีใครอยากคบค้าสมาคมดว้ ย 61

แม้จะไปสมัครทำ�งานท่ีไหน ถ้าเขาสืบทราบประวตั ิว่าเป็น คนมนี สิ ยั ชอบขโมยฉอ้ โกงทรพั ยส์ นิ ของผอู้ น่ื เขากจ็ ะไมร่ บั เขา้ ท�ำ งาน รว่ มด้วย คนทล่ี ะเมดิ ศลี ขอ้ ๒ น้ี จะไดร้ บั โทษจากทางบา้ นเมอื ง เชน่ ถกู จ�ำ คกุ ถา้ ยง่ิ ไปท�ำ ผดิ ในคดอี กุ ฉกรรจ์ เชน่ ปลน้ สะดมกจ็ ะถกู ลงโทษ อย่างหนักถึงประหารชีวิตเหมือนกัน พระท่านกล่าวว่า คนขโมย ทรพั ยผ์ อู้ น่ื จดั เปน็ บาป เมอ่ื ไดร้ บั โทษในโลกนแ้ี ลว้ แมต้ ายไป กจ็ ะไป รบั โทษถกู ทรมาน ใหไ้ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นในเมอื งนรกอกี เมอ่ื สน้ิ โทษ ในเมอื งนรกแลว้ กลบั มาเกดิ เปน็ มนษุ ยอ์ กี จะไดร้ บั กรรมสนอง คอื มกั จะถกู คนอน่ื ขโมยทรพั ยอ์ ยเู่ สมอ มเี รอ่ื งเดอื ดรอ้ นเกย่ี วกบั ทรพั ย์ อยูต่ ลอดเวลา ผทู้ ล่ี ะเมดิ พรหมจรรย์ คอื ศลี ขอ้ ท่ี ๓ ตอ่ ไปไดแ้ ก่ ประพฤติ ผดิ ประเวณี คนพวกนม้ี นี สิ ยั ชอบเปน็ ชกู้ บั ลกู เมยี ของผอู้ น่ื หรอื เปน็ หญงิ กป็ ระพฤติเป็นช้กู บั ชายอนื่ คนทปี่ ระพฤติผิด ประเวณีเช่นนี้ จะก่อความแตกร้าว ในครอบครวั มีเหตุทะเลาะวิวาท ถึงขั้นรุนแรงฆ่ากันตาย อยเู่ สมอ 62

คนประพฤติผิดประเวณี จงึ เปน็ คนเสียหาย ไม่ไดร้ ับความ ไวว้ างใจจากผอู้ น่ื ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น พระทา่ นกลา่ ววา่ คนท�ำ ผดิ ประเวณีนี้ จัดว่าทำ�บาป เมื่อตายไปจะต้องได้รับโทษถูกทรมาน ในเมืองนรก ครั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ จะได้รับกรรมสนอง คือ เปน็ คนมศี ตั รมู าก และถกู คนอืน่ หาเรอ่ื งกล่าวร้ายอยู่เสมอ ผทู้ ล่ี ะเมดิ พรหมจรรย์ คอื ละเมดิ ศลี ขอ้ ท่ี ๔ ไดแ้ ก่ กลา่ วเทจ็ หลอกลวงผู้อนื่ คนพวกน้ีมกั มีนสิ ัยเปน็ คนชอบพูดโกหกหลอกลวง คนอน่ื ท�ำ ใหไ้ มไ่ ดร้ บั ความไวว้ างใจเชอ่ื ถอื จากผอู้ น่ื นบั เปน็ คนท�ำ บาป พระท่านกล่าวว่า เมื่อตายไปจะต้องไปรับโทษถูกทรมาน อยู่เมืองนรก ครั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์จะได้รับกรรมสนอง คือ ถูกคนอนื่ พดู โกหกหลอกลวงให้ได้รบั ความเดอื ดร้อนอยู่เสมอ คราวนม้ี าถงึ การละเมดิ พรหมจรรย์ ศลี ขอ้ ท่ี ๕ คอื เสพสรุ า เมรยั และสง่ิ เสพตดิ ใหโ้ ทษ จะกลายเปน็ คนตดิ เหลา้ เมายา ตดิ เฮโรอนี ผ้ทู ่ลี ะเมิดศลี ขอ้ ที่ ๕ น้ี จะเปน็ ผ้ปู ระมาทขาดสติ เช่น เมาสรุ าแล้วขบั รถก็พารถควำ�่ บางรายเมาแลว้ กเ็ กิดววิ าทฆา่ กันตาย ยงิ่ การเสพเฮโรอีน ยิง่ เป็นอนั ตรายใหญ่หลวง ทำ�ใหร้ ่างกายทรุดโทรม และต้องเสียชีวติ อย่างรวดเร็ว 63

โรคทเ่ี กดิ จาก “กล่มุ อาการภมู ิคุ้มกนั เสื่อม” ท่เี รยี กกนั ว่า โรคเอดส์ ซง่ึ เปน็ ทน่ี า่ กลวั และก�ำ ลงั ระบาดอยใู่ นเวลาน้ี นอกจากเกดิ จากผรู้ ว่ มเพศส�ำ สอ่ น ขาดความระมดั ระวงั ท�ำ ใหต้ ดิ เชอ้ื โรคเอดสแ์ ลว้ อกี ทางหนึ่งกเ็ กดิ จากผู้เสพเฮโรอนี ใชเ้ ขม็ ฉดี ยารว่ มกัน เม่อื คนหนึง่ มเี ชื้อโรคเอดส์ กต็ ิดตอ่ อกี คนหน่ึงทางเข็มฉีดยาซ่งึ ใชร้ ว่ มกัน คนที่ละเมิดศีลข้อ ๕ จัดว่าทำ�บาป พระท่านกล่าวว่า เมอ่ื ตายไป จะตอ้ งไปรบั โทษถกู ทรมานในเมอื งนรก ครน้ั กลบั มาเกดิ เปน็ มนษุ ย์ จะไดร้ บั กรรมสนอง คอื เกดิ มาเปน็ คนบา้ ใบ้ ปญั ญาออ่ น ท้ังนี้เป็นผลมาจากบาปท่ีเสพส่ิงเสพย์ติดให้โทษมาแต่ชาติก่อน น่ันเอง ท่ีลุงกลา่ วมานี้ คอื คนท่ีละเมิดพรหมจรรย์ หรือละเมดิ ศีล ๕ ได้รบั โทษนำ�ความเสียหายสตู่ นเอง ส่วนเร่อื ง “มโี ทษเสียหายแก่สว่ นรวม” น้นั หมายความวา่ ผู้ที่ละเมิดพรหมจรรย์ คือ ละเมิดศีล ๕ แต่ละข้อที่ลุงเล่ามานี้ ล้วนแต่เป็นผลเสียหายแก่ส่วนรวม ตั้งแต่ครอบครัวซึ่งเป็นสังคม สว่ นนอ้ ย จนถงึ สังคมสว่ นใหญ่คอื ประเทศชาติ เชน่ ประเทศไทย ของเรา มอี าชญากรรมเกดิ ขน้ึ ท�ำ ใหบ้ า้ นเมอื งไมส่ งบหลายอยา่ ง เชน่ มกี ารววิ าทท�ำ รา้ ยฆา่ กนั บา้ ง มกี ารลกั ฉกชงิ ปลน้ สะดมทรพั ยส์ นิ กนั บา้ ง มคี วามวนุ่ วายเกย่ี วกบั เรอ่ื งชสู้ าวบา้ ง มกี ารกลา่ วเทจ็ หลอกลวง กนั บา้ ง มคี วามผดิ เกดิ จากการเสพสรุ า และสง่ิ เสพยต์ ดิ ใหโ้ ทษบา้ ง ความเดือดรอ้ นต่าง ๆ ทีเ่ กิดข้นึ เหล่าน้ี ล้วนแตม่ สี าเหตมุ าจากการ ละเมดิ ศลี ๕ เปน็ สว่ นใหญ่ 64

หากคนไทยเรา รกั ษาศลี ๕ น้ี อย่างจริงจังแล้ว ประเทศไทยของเราจะลด และปลอดจากอาชญากรรม ทเ่ี กิดอย่ใู นปจั จบุ ันเปน็ อย่างดี ซึ่งทางรัฐบาลและทางคณะสงฆ์ ก็ได้พยายามรณรงค์ให้ ประชาชนพลเมอื งรกั ษาศลี ๕ ตลอดมา โดยเฉพาะถา้ หากทางบา้ น โรงเรยี น และวดั ชว่ ยกนั เผยแพรศ่ ลี ๕ แกเ่ ดก็ เยาวชนและประชาชน ให้มากแล้ว กจ็ ะมสี ่วนชว่ ยปลูกฝงั คนไทยเราใหเ้ ปน็ คนดีมีศีลธรรม สูงขึ้น และเป็นคนมีคุณภาพสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติ เปน็ อยา่ งมาก วันนี้ ลุงได้อธิบายเรื่องโทษของการละเมิดพรหมจรรย์ ซง่ึ มโี ทษทง้ั แกส่ ว่ นตวั และแกส่ ว่ นรวมใหห้ ลานทง้ั สองไดฟ้ งั เปน็ เวลา นานพอสมควร ลงุ ขอยตุ กิ ารสนทนาธรรมเพยี งเทา่ น้ี พดู จบลงุ พรหม ได้นำ�ป้าพิมพ์และหลานทั้งสอง ไปสวดมนต์ไหว้พระในห้องพระ ตามท่ีเคยทำ�มา 65

คำ�ถามประจ�ำ บท ๑. ทีว่ า่ “คำ�สอนของพระ มี ๒ ลกั ษณะ” นัน้ หมายความวา่ อย่างไร ? ๒. ๓. เหตุใด จึงเรียก คนละเมดิ ศีลขอ้ ท่ี ๑ คนประพฤติชัว่ วา่ น�ำ ความเสยี หายมาส่ตู น “เปน็ คนเสียคน” และส่วนรวมอย่างไร ? จงอธบิ าย ? ๔. ๕. คนท่ีเกิดมาเป็นคนบ้าใบ้ ประเทศไทยของเรา มีอาชญากรรมเกิดขน้ึ มาก ปญั ญาออ่ น จะมวี ธิ ีแก้ไขอยา่ งไร ? มสี าเหตจุ ากอะไร ? 66

บท สง่ ท้าย วนั อาทติ ยต์ อ่ มา เวลากอ่ นเทย่ี งวนั พระภกิ ษพุ ล หลานของ ลุงพรหมและป้าพิมพ์ ได้เดินทางจากวัดมหาโลก จังหวัดสระบุรี มาเยีย่ มคุณลุงและคุณปา้ ทบ่ี า้ น คุณลงุ และคุณป้าดใี จมาก ทีพ่ ระบวชใหมผ่ ้เู ป็นหลานชาย มาเยี่ยม เมื่อได้สนทนาถามสุขทุกข์ และเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ ทางศาสนาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว จึงได้นิมนต์พระบวชใหม่ให้ ฉนั อาหารเพลทบ่ี า้ น เปน็ การถอื โอกาสท�ำ บญุ กบั พระบวชใหมไ่ ปดว้ ย 67

คณุ ลงุ และคณุ ปา้ ไดเ้ รยี กฐติ มิ ากบั ภาณพุ งษ์ มาชว่ ยประเคน อาหารถวายพระ และใหห้ ลานทง้ั สองนง่ั อยใู่ กล้ ๆ เพอ่ื จะไดเ้ รยี กใช้ เมอ่ื พระฉนั เสรจ็ แลว้ ทา่ นกส็ วดอนโุ มทนาใหพ้ ร เสรจ็ แลว้ ลงุ พรหม ไดน้ �ำ ผอู้ ยรู่ ว่ มในทน่ี น้ั กราบพระพรอ้ มกนั แลว้ พระบวชใหมก่ ล็ ากลบั เมื่อส่งพระบวชใหม่กลับวัดแล้ว คุณลุงและคุณป้าก็ได้จัด เลย้ี งอาหารแกล่ กู หลานในครอบครวั เมอ่ื รบั ประทานอาหารเสรจ็ แลว้ ลุงพรหมได้เชญิ ป้าพมิ พ์ และเรยี กฐติ มิ ากับภาณพุ งษ์ไปน่ังสนทนา ในห้องรับแขก ลุงพรหมไดพ้ ูดว่า “ลงุ ตง้ั ใจไวว้ า่ จะสรปุ เรอ่ื งการประพฤตพิ รหมจรรย์ ใหห้ ลาน ทัง้ สองฟัง ในวันอาทิตยน์ ้ีเปน็ ตอนสุดทา้ ย พอดวี ันน้ี มีโอกาสได้ ทำ�บุญกับพระบวชใหม่ และตอนบ่ายน้ีลุงมเี วลาวา่ ง จึงอยากอธบิ ายเรือ่ งท่ยี งั ค้าง อย่ใู หห้ ลานทั้งสองไดฟ้ งั แต่กอ่ นอธบิ าย ลงุ ให้โอกาสหลานทัง้ สอง ถามปญั หาเสียกอ่ น ผใู้ ดต้องการถามปัญหา กถ็ ามลงุ ไดเ้ ลย” 68

ภาณพุ งษถ์ ามคณุ ลงุ ว่า “คณุ ลงุ ครบั พระบวชใหมท่ ม่ี าบา้ นคณุ ลงุ วนั น้ี ทา่ นมกี ริ ยิ า อาการสงบเรียบร้อย นา่ เคารพเลือ่ มใสมากครับ การบวชเปน็ พระ ลำ�บากไหมครับ เพราะโตขึ้น หลานคงมีโอกาสได้บวชเป็นพระ เหมอื นกัน” ลุงพรหมกล่าวว่า “หลานภาณพุ งษ์ น�ำ เอาเรอ่ื งการบวชพระมาถาม เปน็ เรอ่ื ง ท่ีดี เหมาะกบั เหตุการณ์ปจั จบุ นั ทเี ดยี ว เพราะเราเพ่ิงไดท้ �ำ บญุ กับ พระบวชใหมเ่ มอ่ื สกั ครนู่ ้ี เร่ืองการบวช เปน็ พระน้ี ในตอนแรก ท่ไี ปอยู่วัดอาจจะ ล�ำ บากบา้ ง แตพ่ ออยู่นานไป กจ็ ะคุ้นเคย และไมม่ คี วามลำ�บาก ตามที่หลานยกย่องพระบวชใหม่ว่า มีกิริยาอาการสงบ เรยี บรอ้ ย นา่ เคารพเลอ่ื มใสนน้ั นบั วา่ หลานเปน็ คนชา่ งสงั เกต ลงุ ก็ มคี วามรู้สึกอย่างหลานเชน่ กนั ทพ่ี ระทา่ นมคี วามประพฤตนิ า่ เคารพเลอ่ื มใสเชน่ น้ี กเ็ พราะ ทา่ นประพฤตพิ รหมจรรย์ ท่านปฏิบตั อิ ยใู่ นระเบียบวนิ ัยของพระ 69

เพราะผทู้ ม่ี รี ะเบยี บวนิ ยั แลว้ มคี วามงดงามทง้ั นน้ั ไมว่ า่ พระ หรือชาวบา้ น เชน่ นกั เรยี นแต่ละคนปฏิบัตเิ ครง่ ครัดอยู่ในระเบยี บ วินัยของโรงเรยี นก็เป็นนกั เรยี นท่ีดี น่ารักเชน่ กนั ลงุ เคยแปลคำ�วา่ “พรหมจรรย”์ ให้หลานทง้ั สองฟังในครั้ง ก่อนว่า “ได้แก่ความประพฤติอันประเสริฐ” หรือ “ได้แก่ความ ประพฤติอยา่ งพระพรหม” ดังน้ัน เมอ่ื พระสงฆท์ ่านประพฤตพิ รหมจรรย์ ท่านจงึ เป็น ผู้มคี วามประพฤตทิ ี่ประเสรฐิ นา่ กราบไหว้ พวกเราซง่ึ เปน็ ฆราวาสแมจ้ ะไมส่ ามารถประพฤตพิ รหมจรรย์ ชน้ั สงู อยา่ งพระ แตเ่ รากส็ ามารถประพฤตพิ รหมจรรยส์ �ำ หรบั ชาวบา้ น ได้ โดยประพฤติพรหมจรรย์ ๑๐ ประการ ที่ลุงไดน้ ำ�มาอธิบายให้ หลานท้ังสองฟงั แลว้ เมอ่ื เราประพฤตพิ รหมจรรยข์ ้อใดข้อหนง่ึ ได้ หรอื ประพฤติ ไดท้ ง้ั ๑๐ ขอ้ กจ็ ดั วา่ มคี วามประพฤตปิ ระเสรฐิ ลงุ อนญุ าตใหห้ ลาน ฐติ ิมาถามปัญหาได้” ฐิตมิ าไดถ้ ามว่า “คุณลุงขา หลานสงสยั ทีค่ ณุ ลงุ พูดไว้ ในคร้ังก่อนว่า “การประพฤติ พรหมจรรย์ เป็นมงคลสูงสดุ ” หมายความว่าอยา่ งไรคะ 70

ทำ�ไมจึงต้องมีค�ำ ว่า สงู สดุ ด้วยละ่ คะ ใช้เพียงคำ�วา่ มงคล อย่างเดยี ว ไม่เพยี งพอหรอื คะ” ลงุ พรหมกลา่ ววา่ “ค�ำ ถามของหลานฐติ มิ า เปน็ ค�ำ ถามทด่ี ี มาก เพราะคำ�ที่ลงุ พดู ไว้น่าสงสยั มหี ลายคนคงไมเ่ ข้าใจ ลุงขออธิบายให้หลานทั้งสองฟังว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นมงคลสูงสุด” นั้น หมายความว่า เรอ่ื งมงคลมีอยู่ ๒ ชน้ั คือ มงคลชน้ั ธรรมดา อย่างหนึ่ง ที่วา่ มงคลช้ันธรรมดา นัน้ หมายความวา่ เปน็ มงคลทช่ี าวบา้ นถอื กนั เชน่ ถอื วา่ ใบไมเ้ ปน็ มงคล อย่างเวลามี พธิ ีแต่งงาน นยิ มเอาใบเงิน ใบทอง ใบนาก มาใส่บาตรน้ำ�มนต์ ให้พระรดนำ�้ มนตใ์ ห้ แกบ่ า่ วสาวที่แต่งงานกัน เพอ่ื ใหค้ บู่ ่าวสาวรำ�่ รวยเงินทอง เพราะถือว่า ใบไม้น้นั มชี ื่อ เปน็ มงคล และมงคลทชี่ าวบ้านถือกนั นั้น ยงั มีอีกมากมายหลายอย่าง เชน่ ถือว่า วนั น้นั วันน้ี เปน็ มงคลฤกษด์ ี ยามดี เป็นต้น 71

มงคลตา่ ง ๆ ทช่ี าวบา้ นหรอื ชาวโลกนยิ มกนั น้ี จดั เปน็ มงคล ชั้นธรรมดา เพียงแต่เป็นมงคลชั้นนอก จะให้ผลบ้างก็ช่วยให้เกิด ความสบายใจเท่านนั้ หากผู้ใดไมเ่ ชอ่ื ไมต่ ้องท�ำ กไ็ ด้ เช่น น�้ำ มนต์ แตง่ งานคบู่ า่ วสาวนน้ั เพยี งแตใ่ ชน้ �ำ้ สะอาดธรรมดา ไมต่ อ้ งใสใ่ บเงนิ ใบทอง ใบนากกไ็ ด้ เพราะมใิ ชว่ า่ ใสใ่ บไมท้ ว่ี า่ นน้ั แลว้ จะท�ำ ใหค้ นเรา ร่ำ�รวยก็หามิได้ อยู่ที่คู่บ่าวสาวจะต้องขยันทำ�งานหาเงินต่างหาก จึงจะร�ำ่ รวยได้ ดงั นน้ั มงคลชน้ั ธรรมดาของชาวบา้ น จงึ ไมจ่ ดั วา่ เปน็ มงคล สูงสดุ ส่วนมงคลสูงสดุ ได้แก่ มงคลซึง่ เป็นค�ำ สอน ของพระพุทธเจา้ ๓๘ ขอ้ ตั้งแตม่ งคลขอ้ ที่ ๑ คือ การไม่คบคนพาล จนถงึ ขอ้ สดุ ท้าย คอื จติ เกษม ส�ำ หรบั มงคลเรอ่ื งการประพฤตพิ รหมจรรย์ ทล่ี งุ น�ำ มาอธบิ าย ให้หลานทงั้ สองฟังนี้ คอื มงคลข้อท่ี ๓๒ ซ่งึ เปน็ ค�ำ พระวา่ “พฺรหมฺ จริยญจฺ เอตมฺมงคฺ ลมตุ ตฺ มํ” แปลว่า “การประพฤตพิ รหมจรรย์ เปน็ มงคลสงู สุด” 72

คำ�สอนของพระพทุ ธเจ้า ๓๘ ประการ ที่จัดว่าเปน็ “อุดม มงคล” หรอื “มงคลสูงสดุ ” กเ็ พราะเป็นมงคลทป่ี ระเสริฐสงู กว่า มงคลธรรมดาท่ชี าวบา้ นเชอื่ ถอื กนั มงคลของพระพทุ ธเจา้ นน้ั เปน็ มงคลชน้ั ใน ใหผ้ ลแกผ่ นู้ �ำ ไป ปฏิบตั ิอยา่ งแท้จริง เช่น ชาวพุทธผทู้ ่ีน�ำ มงคล ๓๘ ประการ แม้ เพียงแตล่ ะข้อทีพ่ ระพทุ ธองค์ทรงสอนไวไ้ ปปฏบิ ัติ ก็จะเปน็ มงคล แก่ตนเองอยา่ งสงู สุด เช่น การไม่คบคนพาล ก็ท�ำ ใหเ้ ปน็ คน เจรญิ กา้ วหน้า พวกเด็ก ๆ ถ้าไมไ่ ป คบเพื่อนช่วั กไ็ มต่ ้องกลาย เป็นคนชวั่ มีความประพฤติเสียหาย หรอื แมแ้ ตม่ งคลขอ้ ๓๒ คอื การประพฤตพิ รหมจรรย์ ทล่ี งุ เคยนำ�มาอธิบายให้หลานทั้งสองฟัง ก็จัดเป็นมงคลชั้นสูงสุด คือ ชน้ั ยอด เพราะเมอ่ื ผใู้ ดน�ำ ไปปฏบิ ตั ไิ ด้ กพ็ าใหไ้ ดป้ ระสบความเจรญิ ก้าวหน้าในชีวติ หลานเอย๋ เรอ่ื งการประพฤตพิ รหมจรรยน์ ้ี ฟงั เพยี งชอ่ื แลว้ อาจมเี ดก็ หลายคนเหน็ วา่ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ชิ น้ั สงู พระสงฆเ์ ทา่ นน้ั จงึ จะ ปฏิบตั พิ รหมจรรยไ์ ด้ 73

แตเ่ มอ่ื หลานทง้ั สองไดฟ้ งั ค�ำ อธบิ ายเรอ่ื งพรหมจรรย์ ซง่ึ มอี ยู่ ๑๐ ประการ คือ ขอ้ แรก ไดแ้ ก่ การให้ทาน จนถึงขอ้ สุดทา้ ย คือ การปฏบิ ตั ศิ าสนธรรม ทล่ี งุ ไดน้ �ำ มาอธบิ ายใหห้ ลานทง้ั สองฟงั อยา่ ง ละเอยี ดแลว้ จะเห็นได้ว่าเรื่องพรหมจรรย์นี้ ชาวบ้านก็สามารถนำ�มา ปฏิบัตไิ ด้ และก็เปน็ ประโยชนแ์ กช่ ีวิตอยา่ งมาก เมอ่ื ประพฤตพิ รหมจรรยท์ ง้ั หมด หรอื ประพฤตไิ ดแ้ ตล่ ะขอ้ กจ็ ดั วา่ เปน็ ผมู้ คี วามประพฤตทิ ป่ี ระเสรฐิ มนษุ ยท์ ม่ี คี วามประพฤติ ทป่ี ระเสรฐิ เชน่ น้ี จดั วา่ เปน็ บคุ คลทม่ี คี ณุ ภาพ ซง่ึ ประเทศชาตขิ องเรา ก�ำ ลงั มคี วามตอ้ งการคนทม่ี คี วามประพฤตดิ ี มคี ณุ ภาพเชน่ น้ี ไปพฒั นา ประเทศให้เจริญก้าวหนา้ ลำ�พงั แตป่ ระเทศของเรา มีเทคโนโลยีท่ที ันสมยั และมีคน ที่มกี ารศึกษาทางวชิ าการสูง แต่ถ้าคนทม่ี ีวิชาการสงู นั้น ขาดความ ประพฤติดี มีจิตใจไม่ประเสริฐเสียแล้ว ก็ไม่สามารถจะพัฒนา ประเทศชาติให้เจริญรงุ่ เรืองได้ หลานทงั้ สอง เปน็ ผทู้ ่คี ุณพอ่ และคณุ แมร่ ักมาก และปรารถนาให้มี ความเจรญิ ก้าวหนา้ จึงน�ำ มาฝากไวใ้ ห้เรยี น หนงั สอื อยู่ในกรุงเทพมหานคร ใหอ้ ยใู่ นความปกครองของลงุ และป้า เพ่ือใหล้ ุงและป้าช่วยอบรมสัง่ สอน 74

ดงั นน้ั เมื่อลุงและปา้ ตักเตือนสง่ั สอน ก็ขอใหเ้ ชอื่ ฟัง และ น�ำ ไปปฏบิ ตั ิ เชน่ อยา่ งลงุ น�ำ มงคลขอ้ ท่ี ๓๒ คอื เรอ่ื ง “การประพฤติ พรหมจรรย”์ มาอธิบายใหฟ้ งั หลานทั้งสองก็ควรจดและจำ� นำ�มา ปฏบิ ตั ิให้ได้ แม้ปฏิบัติไม่ได้ครบทุกข้อ แต่ปฏิบัติได้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง กจ็ ดั วา่ เปน็ มงคลแกต่ นเอง เชน่ ประพฤตพิ รหมจรรยเ์ พยี งแตร่ กั ษา ศลี ๕ ให้ได้ ก็เปน็ ประโยชน์อยา่ งมากแลว้ ลุงขอรับรองว่า หากหลานทั้งสองประพฤติตัวอยู่ในหลัก ศาสนา เปน็ คนดมี ศี ลี ธรรมเชน่ น้ี กจ็ ะเปน็ ผมู้ แี ตค่ วามเจรญิ กา้ วหนา้ เป็นลูกทดี่ ี ของพ่อแม่ เป็นหลานทดี่ ี ของลุงและป้า เปน็ นักเรยี นทด่ี ี ของครอู าจารย์ และเมอื่ เติบโต เป็นผใู้ หญ่ ก็จะเป็นพลเมืองดี เปน็ ก�ำ ลังสรา้ ง ประเทศไทย ของเราใหม้ น่ั คง 75

เพราะเดก็ ไทยทเ่ี ปน็ เดก็ ดใี นวนั น้ี กค็ อื อนาคตทด่ี ขี องชาตไิ ทย ในวนั หนา้ และไมเ่ สยี ทที เ่ี กดิ มาบนผนื แผน่ ดนิ ไทย ซง่ึ มกี ารปกครอง ตามระบอบประชาธปิ ไตย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ รัชกาลท่ี ๙ มีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ องค์พระประมขุ สูงสุด มีพระพทุ ธศาสนา เป็นศาสนาประจ�ำ ชาตไิ ทย มธี งไตรรงคอ์ ันประกอบด้วยสี ๓ สี คอื สีแดง สขี าว และ สีน้ำ�เงิน อันหมายถึง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็น สญั ลักษณ์หรอื เคร่อื งหมายของชาติไทย 76

ดังบทพระราชนพิ นธ์ ในพระบาท สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระมหา- ธรี ราชเจา้ รชั กาลท่ี ๖ ซง่ึ ไดท้ รงออกแบบ ธงไตรรงคข์ น้ึ เป็นธงชาตไิ ทย แทนธงช้าง ท่ใี ช้มาก่อนหนา้ นั้น และไดท้ รงตราความหมายของ สีธงแต่ละสีไว้ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ ของชาติไทย อันจะผนึกแนบแนน่ ตดิ ผนื แผน่ ดนิ ไทยตลอดไปชั่วกัลปาวสาน ความว่า “ขอพร่ำ�ร�ำ พนั บรรยาย ความคดิ เครื่องหมาย แหง่ สีทง้ั สามงามถนดั หมายพระไตรรตั น์ ขาวคือบริสทุ ธ์ศิ รสี วัสด์ิ ซง่ึ ยอมสละได้ และธรรมะคมุ้ จติ ไทย อนั จอมประชา แดงคือโลหิตเราไซร้ จึ่งเป็นสีธง เพ่ือรักษาชาตศิ าสนา ยงยทุ ธว์ ิชัย น้ำ�เงินคอื สีโสภา ธ โปรดเปน็ ของส่วนองค์ จัดร้วิ เป็นทวิ ไตรรงค ์ ทร่ี ักแหง่ เราชาวไทย ทหารอวตารน�ำ ไป วิชิตกช็ ูเกียรตสิ ยาม ฯ” 77

ฉะนน้ั หลานทง้ั สองจงทราบเถดิ วา่ คนดนี น้ั เปน็ ทต่ี อ้ งการ ของคนทว่ั ไป เหมอื นทองค�ำ ยอ่ มเปน็ ทป่ี รารถนาของทกุ คน เพราะ ทองค�ำ เปน็ สง่ิ ทม่ี มี ลู คา่ สูง ทองคำ�จะไปตกอยู่ในที่ใด เชน่ ถกู ฝังจมอยูใ่ นดินเปน็ เวลา นาน กย็ ังคงรักษาเน้อื ทองท่สี ุกปลั่งอยไู่ ด้ ไมม่ ีเศร้าหมอง ทองค�ำ จงึ มีราคาเป็นทปี่ รารถนาของคนท่ัวไป เปรยี บเหมอื นคนดี จดั วา่ เปน็ คนทม่ี คี ณุ คา่ สงู ดงั มคี �ำ โบราณ กล่าวว่า “คนดี ตกน�ำ้ ไมไ่ หล ตกไฟไม่ไหม้” คำ�เปรียบเทียบนี้แสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นคนดี ต้องเป็น คนดตี ลอดไป เหมอื นกบั ทองค�ำ ทคี่ งเปน็ ทองค�ำ อยู่ตลอดไป หลานท้ังสองจงดู ตัวอย่างพระพุทธเจา้ พระบรมศาสดาของเรา ท่ีชาวโลกจ�ำ นวนมาก เคารพบชู ากราบไหว้ นับถอื จนถึงทุกวนั น้ี ก็เพราะพระองค์ทรง ประพฤตพิ รหมจรรยส์ งู สุด คือ มีความประพฤติ อนั ประเสรฐิ สูงสุดนนั่ เอง 78

ลงุ ขอจบการสนทนาธรรมเรอ่ื ง “การประพฤตพิ รหมจรรย”์ ซง่ึ เป็นมงคลข้อที่ ๓๒ ไว้ แตเ่ พียงเทา่ นี้ ฐติ มิ ากบั ภาณพุ งษ์ ไดเ้ ขา้ ไปกราบเทา้ คณุ ลงุ และคณุ ปา้ ทง้ั สอง ด้วยน้ำ�ตาไหลริน เพราะตื้นตันใจในความเมตตาปรานีของคุณลุง และคุณป้า ท่ีอตุ สา่ ห์สง่ั สอนอุปการะรกั ใคร่อย่างดี เหมอื นพ่อแม่ ของตนตลอดมา ทง้ั สองคนปฏญิ าณวา่ จะขอเชอ่ื ฟงั ตง้ั อยใู่ นโอวาท ของคณุ ลงุ และคณุ ปา้ และปฏบิ ตั ติ นเปน็ เดก็ ดตี ลอดไป แลว้ ทง้ั สองคน ก็ไดล้ าคณุ ลงุ และคุณป้าไปทำ�การบ้าน และอ่านหนังสอื ต่อไป 79

ค�ำ ถามประจ�ำ บท ๑. พระภกิ ษพุ ล หลานของ ลุงพรหม และปา้ พมิ พ์ ประพฤติอย่างไร จึงเปน็ ท่นี า่ เคารพเลือ่ มใส ? ๒. ๓. ฆราวาสประพฤติตน เพราะเหตุใด อยา่ งไร จึงจะจดั วา่ การประพฤตพิ รหมจรรย์ มีความประพฤตดิ ี จงึ จัดเป็นมงคลสงู สุด ? เช่นพระสงฆ์ ? ๔. ๕. มงคลในพระพุทธศาสนา เพราะเหตุใด มกี ข่ี อ้ มงคลขอ้ แรกคอื อะไร คนทว่ั โลก และการประพฤตพิ รหมจรรย์ จงึ เคารพนบั ถือ จดั เปน็ มงคลขอ้ ไหน ? พระพุทธเจา้ ? 80

ภาคผนวก การประพฤตพิ รหมจรรย์ หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ พันเอก วชั ระ คงอดิศักด์ิ เปรียญ แต่ง ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ช้นั ท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พุทธศักราช ๒๕๓๓ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ ให้พมิ พ์พระราชทาน เนอื่ งในงานพระราชพิธวี ิสาขบูชา พุทธศกั ราช ๒๕๓๓



(ส�ำ เนา) ที่ รล ๐๐๐๓/๕๖๔๙ ส�ำ นกั งานราชเลขาธกิ าร พระบรมมหาราชวัง กทม. ๑๐๒๐๐ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๓ เรือ่ ง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จดั พิมพห์ นังสือ พระราชทาน ในพระราชพธิ ที รงบำ�เพ็ญกศุ ลวิสาขบูชา เรียน เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี อา้ งถึง หนังสอื ท่ี นร ๐๒๐๑/๕๔๑๔ ลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๓๓ ตามท่ีได้มีหนังสือขอให้นำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณา เร่ืองราชบณั ฑิตยสถานได้จัดประกวดแตง่ หนังสอื สอนพระพุทธศาสนา แก่เด็ก เพื่อคัดเลือกฉบับที่ได้รับพระราชทานรางวัลชั้นที่ ๑ ไปพิมพ์ พระราชทานในพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ลวสิ าขบชู า เชน่ ทเ่ี คย ปฏบิ ตั ิ โดยปนี ไ้ี ดป้ ระกวดแตง่ เรอ่ื ง “การประพฤตพิ รหมจรรย”์ อนั เปน็ หัวข้อธรรมในมงคลสูตรลำ�ดับที่ ๓๒ ซึ่งมีผู้แต่งเรื่องส่งเข้าประกวด รวม ๓ ราย ผลการตรวจพิจารณาในทางหลกั ธรรมและวรรณกรรม โดยราชบัณฑิตสำ�นักธรรมศาสตร์และการเมืองกับราชบัณฑิตสำ�นัก ศิลปกรรม ปรากฏวา่ ฉบบั ท่ีแต่งโดย พันเอก วชั ระ คงอดิศักด์ิ ไดร้ บั การคดั เลอื กเพอ่ื รบั พระราชทานรางวลั ชน้ั ท่ี ๑ และสมควรจดั พมิ พเ์ ปน็ หนงั สอื พระราชทาน พรอ้ มกนั นี้ ราชบัณฑติ ยสถาน ขอพระราชทาน

พระบรมราชวนิ จิ ฉยั และขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตจดั พมิ พ์ หนังสือเรื่อง “การประพฤติพรหมจรรย์” ฉบับของ พันเอก วัชระ คงอดศิ กั ด์ิ เปน็ หนงั สอื พระราชทานในพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ล วสิ าขบูชา ประจ�ำ ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ความละเอยี ดแจง้ อยูแ่ ล้ว นัน้ ไดน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ าทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท แลว้ พระราชทานพระบรมราชานญุ าต (ลงชื่อ) ทวีสนั ต์ ลดาวลั ย์ (หม่อมหลวงทวสี นั ต์ ลดาวัลย)์ ราชเลขาธกิ าร กองการในพระองค์ โทร. ๒๒๕๕๘๓๓-๔๓ ต่อ ๔๒๑ และ ๔๕๙

ด่วนมาก (สำ�เนา) ที่ นร ๐๒๐๑/๕๔๑๔ สำ�นกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ท�ำ เนยี บรฐั บาล กทม. ๑๐๓๐๐ ๑๐ เมษายน ๒๕๓๓ เรอ่ื ง รายงานผลการประกวดแต่งหนังสอื สอนพระพุทธศาสนา แกเ่ ด็ก เรียน ราชเลขาธิการ สิ่งทีส่ ง่ มาดว้ ย ส�ำ เนาหนังสอื ราชบณั ฑติ ยสถาน ดว่ นมาก ที่ รถ ๐๐๐๔/๒๖๐๘ ลงวนั ที่ ๕ เมษายน ๒๕๓๓ ดว้ ยราชบณั ฑติ ยสถานรายงานวา่ การประกวดแตง่ หนงั สอื สอน พระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ เพอ่ื รบั พระราชทานรางวลั และพมิ พพ์ ระราชทาน ในพระราชพิธีทรงบำ�เพ็ญกุศลวสิ าขบูชา ประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้ ดำ�เนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีผู้แต่งส่งเข้าประกวดรวม ๓ ราย ราชบัณฑิตยสถานได้มอบหมายให้นายเสฐียร พันธรังษี ราชบัณฑิต ส�ำ นกั ธรรมศาสตรแ์ ละการเมอื ง กบั หมอ่ มหลวงจริ ายุ นพวงศ์ ราชบณั ฑติ ส�ำ นกั ศลิ ปกรรม ตรวจพจิ ารณาในทางหลกั ธรรมและในทางวรรณกรรม แลว้ เหน็ วา่ ใน ๓ รายนน้ั มฉี บบั หมายเลข ๓ แตง่ โดยพนั เอก วชั ระ คงอดิศักดิ์ ควรแก่การพิจารณาเพื่อรับพระราชทานรางวัล ซึ่งราช- บณั ฑติ ยสถานพจิ ารณาแลว้ เหน็ ชอบใหไ้ ดร้ บั พระราชทานรางวลั ชน้ั ท่ี ๑

และเนอ่ื งจากวนั วสิ าขบชู าประจ�ำ ปนี ้ี ตรงกบั วนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๓ นบั วา่ มเี วลานอ้ ยมาก ใครข่ อความกรณุ าน�ำ ความกราบบงั คมทลู พระกรณุ า ทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท ขอรบั พระบรมราชวนิ จิ ฉยั โดยดว่ น ความ ละเอยี ดปรากฏตามส�ำ เนาหนงั สอื ท่ไี ดส้ ง่ มาพรอ้ มนี้ สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำ�ความกราบเรียนนายก รฐั มนตรที ราบแล้ว จึงเรียนมาเพ่ือขอได้โปรดนำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณา ทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาท การจะควรประการใดสดุ แตจ่ ะทรงพระกรณุ า โปรดเกล้า ฯ ขอแสดงความนับถอื (ลงช่อื ) สันติ ศรบี ุญเรอื ง (นายสันติ ศรีบุญเรือง) รองเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี รกั ษาราชการแทน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กองกลาง โทร. ๒๘๑๒๒๔๐

พนั เอก วัชระ คงอดิศกั ดิ์ เปรียญ

การประพฤติพรหมจรรย์ หนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ด็ก ISBM : 978-616-91977-7-5 แตง่ โดย พันเอก วัชระ คงอดศิ กั ดิ์ เปรียญ ได้รบั พระราชทานรางวลั ชนั้ ที่ ๑ ในการประกวดหนังสอื สอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ ประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๓๓ พิมพ์คร้ังท่ี ๒ (ปรบั ปรงุ ) พ.ศ. ๒๕๕๗ จำ�นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จัดพมิ พโ์ ดย สำ�นกั งานโครงการสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวังดุสติ กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รปู เลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี เสาวณยี ์ เท่ียงตรง และ อนันต์ กิตตกิ นกกุล พมิ พ์ที่ หจก. แอลซพี ี ฐิติพรการพมิ พ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอุทศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐