Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการพัฒนาศูนย์อนุรักษ์และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วยเทคโนโยลีชีวภาพ

โครงการพัฒนาศูนย์อนุรักษ์และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วยเทคโนโยลีชีวภาพ

Description: ปก_สารบัญ_บทที่1_บทที่2_บทที่3_บทที่4_merged

Search

Read the Text Version

ท่มี าภาพ https://sites.google.com/site/arc3485300491 2.6.1.5 แนวอาคารและระยะตา่ งๆของอาคาร กว่า 6 ขเม้อตร4ใ1หร้ อ่นาแคนาวรอทากี่ค่อารสหร่า้างงจหารกือกด่ึงดั กแลปาลงถงในกนลสถ้ านธนารสณาธะาอรยณ่างะนทมี่้อยคี ว3ามเมกตว้ารงนอ้ ย อาคารทีส่ งู เกนิ สองชนั้ หรอื เกิน 8 เมตร หอ้ งแถว ตึกแถว บ้านแถว อาคารพาณชิ ย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ ปา้ ยหรือสงิ่ ทีส่ ร้างข้ึนสา หรบั ติดหรือตัง้ ป้ายหรือคลังสินค้า ทก่ี อ่ สรา้ งหรือดัดแปลงใกลถ้ นนสาธารณะ 2.6.1.6 พืน้ ที่ว่างนอกอาคาร ข้อ 41 อาคารท่ีกอ่ สรา้ งหรอื ดัดแปลงใกล้ถนนสาธารณะทีม่ คี วามกวา้ งนอ้ ย กวา่ 6 เมตร ใหร้ น่ แนวอาคารห่างจากกงึ่ กลางถนนสาธารณะอย่างนอ้ ย 3 เมตร อาคารทสี่ ูงเกินสองชน้ั หรอื เกิน 8 เมตร ห้องแถว ตกึ แถว บ้านแถว อาคารพาณชิ ย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ ปา้ ยหรือสงิ่ ทีส่ ร้างขึน้ สา หรบั ติดหรือตงั้ ปา้ ยหรือคลังสนิ ค้า ทกี่ ่อสร้างหรือดัดแปลงใกล้ถนนสาธารณะ (1) ถา้ ถนนสาธารณะนัน้ มคี วามกวา้ งนอ้ ยกว่า 10 เมตร ใหร้ น่ แนวอาคารหา่ งจาก ก่งึ กลางถนนสาธารณะอยา่ งนอ้ ย 6 เมตร (2) ถ้าถนนสาธารณะน้นั มีความกว้างตง้ั แต่ 10 เมตรข้ึนไป แตไ่ มเ่ กิน 20 เมตร ให้ร่น แสนาธวาอราณคาะรห่างจากเขตถนนสาธารณะอย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างของถนน (3) ถ้าถนนสาธารณะนน้ั มคี วามกว้างเกิน 20 เมตรขนึ้ ไป ใหร้ น่ แนวอาคารหา่ งจาก เขตถนนสาธารณะอย่างน้อย 2 เมตร 2-35

3-1

3.1 ประวตั คิ วามเปน็ มาทตี่ งั้ โครงการ จังหวดั อุทยั ธานเี ป็นจงั หวดั ทมี่ คี วามอุดมสมบูรณ์ของปา่ ไมแ้ ละสัตว์ป่ามีความหลากหลายทาง ธรรมชาตจิ น ทาให้พนื้ ทป่ี า่ \"เขตรกั ษาพันธ์ุสตั วป์ า่ หว้ ยขาแขง้ \" ไดร้ บั การขน้ึ ทะเบียนเป็นมรดกโลกเมอ่ื วนั ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ซ่งึ เปน็ พน้ื ท่ปี ่าสงวนและสัตวห์ ายากที่ใกล้สญู พนั ธจ์ุ านวนมาก เน่อื งจากสภาพแวดลอ้ ม โดย สว่ นใหญ่เปน็ พื้นทเ่ี ขียวขจีจึงทาใหเ้ ป็นแหลง่ ท่องเทยี่ วทางธรรมชาติดงึ ดดู นกั ท่องเท่ยี วใหเ้ ขา้ มาเยย่ี มชมมากมาย ตวั เมอื งอุทัยธานเี ป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีวิถชี วี ติ แบบโบราณท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ มแี มน่ า้ สะแกกรงั เปรียบเสมือนเสน้ เลือดใหญ่หล่อเลยี้ งชีวิตชาวอทุ ัยธานีมาต้ังแต่สมัยโบราณ เป็นตลาดการค้าสาคัญของเมอื ง อุทัยธานมี าแตส่ มัยก่อนจนกลายเป็นชุมชนและเมืองใหมอ่ ุทัยธานีในทีส่ ดุ สง่ิ โดดเด่นที่บ่งบอกถงึ ความผูกพนั ระหวา่ งผูค้ นกบั สายนา้ มาแตอ่ ดีตกาลกค็ อื ในราวปี พ.ศ.2449 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั ไดเ้ สด็จ ประพาสมณฑลฝา่ ยเหนือ และเสดจ็ มาประทบั อย่ทู ่หี มบู่ า้ นสะแกกรงั พระครอู ทุ ยั ธรรมนเิ ทศ (จนั ) จงึ ได้สร้างแพ แฝด 2 หลงั เพื่อรบั เสด็จ น่ันแสดงให้เห็นถึงความสาคัญและการดารงชีวติ ของชาวลุ่มน้าสะแกกรังในสมยั น้นั ไดอ้ ยา่ ง ชัดเจน จงั หวดั อุทัยธานตี งั้ อยู่ในเขตภาคเหนอื ตอนล่างของประเทศไทย พ้นื ท่สี ว่ นใหญ่เปน็ ป่าและและภเู ขา สูง สภาพปา่ ไมอ้ ดุ มสมบูรณ์ มพี นื้ ทป่ี ระมาณ 6,730 ตารางกโิ ลเมตร แบ่งการปกครองออกเปน็ 8 อาเภอคือ อาเภอเมอื งอทุ ยั ธานี อาเภอลานสัก อาเภอหนองขาหยา่ ง อาเภอหนองฉาง อาเภอทัพทนั อาเภอบ้านไร่ อาเภอสว่าง อารมณ์ และอาเภอห้วยคต ที่มา https://sites.google.com/site/attractions01/ 3-2

เขตรกั ษาพันธ์สุ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแข้ง หรือ เขตรกั ษาพนั ธุส์ ตั วป์ ่าทงุ่ ใหญ-่ หว้ ยขาแข้ง เปน็ เขตรกั ษาพันธ์ุสตั วป์ ่า ที่มา http://www.seub.or.th/index.php?option=com ขนาดใหญแ่ ห่งหนง่ึ ในประเทศไทย ต้งั อยูใ่ นจังหวดั อุทัยธานี และมพี นื้ ทตี่ ิดต่อกบั เขตรักษาพันธ์สุ ตั วป์ ่าทุ่งใหญ่ นเรศวรในพื้นท่ีจงั หวัดตากและจงั หวดั กาญจนบุรี ท่ีอยทู่ างทศิ ตะวนั ตก ถอื เปน็ หน่ึงในหัวใจหลักของผนื ป่าตะวนั ตก ของประเทศไทย และเปน็ ผนื ปา่ ทยี่ ังคงความอดุ มสมบรู ณ์ท่ีสุดแหง่ หนึ่งของภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความหลากหลายทางชีวภาพของเขตรกั ษาพันธสุ์ ตั วป์ า่ หว้ ยขาแข้ง เปน็ แหลง่ ท่อี ยอู่ าศัยสาคญั ของสัตว์ป่าหา ยากหลายชนิด บางชนดิ อยใู่ นสถานะใกลส้ ูญพันธ์ุ เชน่ สมเสรจ็ , เก้งหม้อ, เลยี งผา, กระทงิ , ววั แดง, ควายปา่ ซึ่งเปน็ แหลง่ ทอี่ ยู่ทางธรรมชาติแหง่ สดุ ท้ายแลว้ ในประเทศไทย อกี ท้ังยงั เป็นแหล่งอาศัยของเสือโครง่ ท่ีใหญท่ ี่สดุ ในประเทศ ไทย และได้แพร่ขยายไปยังพน้ื ทป่ี ่าใกลเ้ คียงกนั ด้วย จากการศกึ ษาพบว่ามปี ระมาณ 70–80 ตัว จากปรมิ าณ ทัง้ หมดท่มี ีในธรรมชาตใิ นประเทศไทย 250–300 ตวั เขตรกั ษาพันธสุ์ ตั วป์ ่าห้วยขาแข้ง ยังเป็นต้นนา้ ของแหล่งน้าสาคัญ 3 สาย คอื ลาน้าทบั เสลา ซ่งึ ไหลลงสอู่ ่าง เกบ็ น้าทบั เสลา และไหลลงสแู่ มน่ ้าสะแกกรงั จนกระท่ังลงสู่แมน่ า้ เจา้ พระยา, ลานา้ ห้วยขาแข้งไหลลงสู่เข่ือนศรี นครินทร์ และลาน้าแมก่ ลอง–อ้มุ ผาง ที่ไหลจากจงั หวดั กาญจนบุรีและตาก ซึง่ เป็นแหลง่ สาคญั ในการผลติ ไฟฟ้า รวมถึงน้าประปาในภาคตะวนั ตกและกรงุ เทพมหานคร 3-3

3.2 วเิ คราะหท์ ต่ี งั้ โครงการ จังหวัดอทุ ัยธานี ต้งั อยู่ภาคเหนือตอนล่าง บรเิ วณล่มุ นา้ สะแกกรงั ซ่งึ ไหลสู่แมน่ ้าเจา้ พระยาทอ่ี าเภอมโนรมย์ จงั หวัดชัยนาท ห่างจากกรงุ เทพมหานครไปทางทิศเหนือตามถนนสายเอเชยี ประมาณ 206 กโิ ลเมตร แยกเขา้ จังหวัดอทุ ยั ธานีตามทางหลวงแผน่ ดินหมายเลข 333 ทบี่ ้านทา่ น้าอ้อย ประมาณ 16 กิโลเมตร ถงึ จังหวัดอทุ ัยธานี รวมระยะทาง 222 กโิ ลเมตรมพี น้ื ที่รวม 6,730 ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ 4,206,404 ไร่ เปน็ พนื้ ทที่ างการเกษตร 1,800,838 ไร่ และพ้นื ทปี่ า่ ท่ีมสี ภาพเปน็ พนื้ ทคี่ มุ้ ครอง ไดแ้ ก่ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ 9 แหง่ เขตรักษาพนั ธส์ุ ตั ว์ป่า 1 แห่ง และเขตห้ามลา่ สัตวป์ า่ 1 แห่ง มีเน้ือทรี่ วม 2,828,185 ไร่ หว้ ยขาแข้ง ไดเ้ ปน็ มรดกโลกเพราะสภาพป่าของทีน่ ี่มคี วามหลากหลายทางธรรมชาติ ประกอบด้วยป่าถึง 5 ใน 7 ชนิด ท่พี บในเขตรอ้ นช้ืน ได้แก่ ป่าดบิ แลง้ ปา่ ดิบเขา ทงุ่ หญ้า ปา่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รัง ก่อใหเ้ กดิ ความหลากหลายของพนั ธุ์พืชและพันธส์ุ ัตวต์ า่ ง ๆ บางชนิดเปน็ สตั ว์ทีห่ ายากใกล้จะสูญพนั ธุ์ เช่น ควายปา่ เลียงผา เสือดาว หมาใน ไกป่ า่ นกยูงไทย และยงั มี แมลงป่าพันธตุ์ ่าง ๆ อีกมากมาย สถานีเพาะเล้ียงสตั วป์ า่ ห้วยขาแขง้ เปน็ 1 ใน 22 แห่ง ของสถานีเพาะเลี้ยงสตั ว์ป่าทัว่ ประเทศ ท่ีดาเนินการอนรุ กั ษ์สัตว์ป่านอกถิ่นกาเนดิ เพอ่ื ปล่อยคนื สธู่ รรมชาติบรเิ วณพื้นที่มรดก โลกห้วยขาแขง้ รวมถึงการเพาะเลยี้ งสัตวป์ า่ เชงิ พาณชิ ย์ เรมิ่ ดาเนนิ งานด้านการเพาะเลยี้ งสตั ว์ปา่ เมอื่ เดอื น สงิ หาคม 2544 เป็นตน้ มา ปกตเิ ขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ ่า ไม่ใชแ่ หลง่ ท่องเท่ียวท่ีเปิดใหป้ ระชาชนเข้าชมไดท้ ัว่ ไป เพราะพนื้ ทีน่ ้จี ัดเป็นเขตอนุรกั ษแ์ ละมีความออ่ นไหวสงู ฉะน้นั การมีคนจานวนมากเขา้ ไปอาจกอ่ ใหเ้ กิด ปญั หาด้านความไม่สมดุลของระบบนเิ วศได้ แตอ่ ยา่ งไรก็ดีเขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ ห้วยขาแข้ง ซึ่งได้กลายเป็นมรดกโลกและเป็นที่ร้จู กั ของคนท่ัวไปจึงเปิดจุดผอ่ นปรนท้งั หมด3จุดใหป้ ระชาชน ทว่ั ไปเข้าไปศึกษาธรรมชาติได้แบบไมค่ ้างคนื 3-4

3.3.1 ลกั ษณท์ างกายภาพ จงั หวดั อทุ ยั ธานี มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กับจังหวัดต่างๆ หลายจงั หวัด ดงั น้ี ทศิ เหนือ ตดิ อาเภอชมุ ตาบง อาเภอลาดยาว อาเภอโกรกพระ อาเภอพยหุ ะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ทศิ ตะวนั ออก ตดิ อาเภอพยุหะครี ี จังหวัดนครสวรรค์ และอาเภอมโนรมย์ จงั หวดั ชยั นาท ทศิ ใต้ ตดิ อาเภอวัดสงิ ห์ อาเภอมะโมง อาเภอเนนิ ขาม จงั หวดั ชยั นาท อาเภอด่านช้าง จงั หวัดสุพรรณบุรีและอาเภอศรีสวัสด์ิ จงั หวัดกาญจนบุรี 3.3.2 การแบง่ เขตการปกครอง จังหวดั อทุ ัยธานี แบง่ การปกครองออกเป็น 8 อาเภอ แตล่ ะอาเภอมรี ะยะทางหา่ งจาก จงั หวัด/อาเภอเมอื งอทุ ัยธานี ดงั น้ี อาเภอหนองขาหยา่ ง 10 กิโลเมตร อาเภอทพั ทนั 19 กิโลเมตร อาเภอหนองฉาง 22 กิโลเมตร อาเภอสว่างอารมณ์ 33 กโิ ลเมตร อาเภอห้วยคต 45 กโิ ลเมตร อาเภอลานสกั 54 กโิ ลเมตร อาเภอบ้านไร่ 80 กิโลเมตร 3-5

3.3.3 การคมนาคม รถยนต์ จากกรงุ เทพฯสามารถเดนิ ทางไปอทุ ยั ธานีไดห้ ลายเส้นทาง ไดแ้ ก่ 1. จากถนนพหลโยธนิ ผา่ นจงั หวัดสระบุรี อาเภอโคกสาโรง จงั หวดั ลพบรุ ี อาเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์ และอาเภอมโนรมย์ จังหวดั ชัยนาท ขา้ มแมน่ ้าเจ้าพระยาลงแพขนานยนต์ ทอ่ี าเภอมโนรมย์ ผา่ นวัดท่าซุง (วัดจนั ทาราม) ศาลากลางจังหวัด เขา้ ตลาดอุทัยธานี รวมระยะทางประมาณ 305 กโิ ลเมตร 2. จากทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซยี ) ผา่ นอยธุ ยา อา่ งทอง สงิ หบ์ ุรี ชัยนาทและแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 333 ตรงทางแยก ทา่ น้าอ้อย บริเวณหลกั กิโลเมตรที่ 206 ขา้ มสะพานขา้ มแม่นา้ เจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 16 กโิ ลเมตร ผา่ นหนา้ โรงพยาบาลเล้ียวซา้ ย เข้าตลาดอุทัยธานี รวมเปน็ ระยะทางประมาณ 222 กิโลเมตร 3. อีกเส้นทางหน่งึ เริ่มตน้ จากถนนสาย 32 เช่นกัน เม่อื ถงึ ประมาณกิโลเมตรที่ 30 (อยู่ในเขตจังหวัดอยุธยา) เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข 334 และจากนน้ั เขา้ ทางหลวงหมายเลข 309 ไปตามเส้นทาง ขา้ มสะพานจงั หวดั อ่างทอง จากน้ันมาตามถนนสาย311 ผา่ นจังหวัดสงิ ห์บรุ ี ผา่ นจงั หวดั ชัยนาททีอ่ าเภอสรรพยา จากนั้นเลี้ยวเขา้ เสน้ ทางหมายเลข 3183 เข้าจงั หวัดอุทัยธานี รวมเปน็ ระยะทาง ประมาณ 283 กิโลเมตร รถโดยสารประจาทาง บรษิ ัท ขนสง่ จากดั มบี ริการเดนิ รถระหวา่ งกรงุ เทพฯ-อทุ ยั ธานที ุกวัน จากสถานขี นส่งสายเหนอื ถนนกาแพงเพชร 2 ใชเ้ วลาเดนิ ทาง ประมาณ 4 ชั่วโมง ทัง้ รถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรบั อากาศต้งั แต่เวลา 04.30-17.50 น รถไฟ ตอ้ งโดยสารรถไฟไปลงท่สี ถานีนครสวรรค์ แล้วต่อรถประจาทางมายงั อทุ ัยธานอี กี ประมาณ 50 กโิ ลเมตร 3-6 ท่มี าภาพ http://www.banpangsud.ac.th/Show/showcase/work/2/images/big_photo.jpg

ท่มี าภาพ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/071/1.PDF 3-7

3.4 เกณฑก์ ารเลือกทีต่ ง้ั โครงการ เกณฑ์การเลือกท่ีตงั้ อดิศัย แซค่ ู 2560 3-8

3.5 การเลอื กและวิเคราะหท์ ี่ตง้ั 3-9

3.5.1 SITE SELECTION 3-10

ภาพทตี่ งั้ โครงการปจั จบุ ัน อดศิ ยั แซค่ ู 2560 3-11

ภาพทตี่ งั้ โครงการปจั จบุ ัน อดศิ ยั แซค่ ู 2560 3-12

ภาพทตี่ งั้ โครงการปจั จบุ ัน อดศิ ยั แซค่ ู 2560 3-13

ภาพทตี่ งั้ โครงการปจั จบุ ัน อดศิ ยั แซค่ ู 2560 3-14

4-1

4.1 ความเป็นมาโครงการ สตั วป์ า่ และพืชพนั ธ์ุ คอื สงิ่ มีชวี ติ ที่อยรู่ ว่ มโลกกบั มนษุ ย์มาเป็น เมอื่ ตระหนักถงึ ปญั หาที่เกิดจากฝมี อื มนษุ ย์ ทีทาใหส้ ตั วป์ า่ ลดลงอยา่ งรวดเรว็ เวลาชา้ นานโดยการพง่ึ พาอาศยั กนั เป็นหว่ งโซอ่ าหาร แตเ่ มอ่ื มกี ารพฒั นาของกลุ่มสังคม มนษุ ย์กม็ ีความต้องการในการดารงเผ่าพันธ์มุ ากขน้ึ โดยไม่ไดค้ านึงถึงเผ่าพนั ธท์ุ อ่ี ยูร่ ่วม การแกป้ ัญหา กม็ ขี ึน้ ตามมาไม่วา่ จะเปน็ การออกกฎหมาย การจัดพน้ื ท่ีอนุรกั ษ์ โลกกนั มา ตงั้ แต่อดีตจนทาให้เกิดการทาลายทรพั ยากรต่างๆ เชน่ การทาลายปา่ ซึ่งเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศัยของสัตว์ปา่ การลา่ เพอื่ เป็นอาหาร เครื่องนุ่งหม่ เครือ่ งประดับ และอน่ื ๆอีก นอกเหนอื จากน้ีกย็ ังมีนโยบายต่างๆท่รี ัฐบาลสนับสนนุ ในท่ีนจ้ี ะเปน็ กล่าวถงึ การใช้ BIO มากมายที่ทาใหส้ ัตวป์ า่ บางชนดิ ลดลงอยา่ งรวดเร็ว หรือ บางชนิดอาจจะสญู พันธไ์ุ ปจาก โลกนี้แล้วในปจั จบุ นั TECHNOLOGY เข้ามาช่วยในการผสมเทยี มและ การขยายพันธอุ์ นื่ ๆ เพ่อื เพ่ิมจานวนสตั วป์ ่า รวมไปถงึ การใชเ้ พื่อการวิจัย และการและ การขยายพนั ธ์ุอ่นื ๆ เพื่อเพมิ่ จานวนสตั วป์ ่ารวมไปถึง การใช้เพอ่ื การวิจยั และการศึกษาอกี ทงั้ ยงั สามารถเปน็ การดาเนนิ การควบคไู่ ปกบั การอนรุ กั ษ์ ทรพั ยากรป่าไมอ้ ีก 4-2

4.2 วตั ถปุ ระสงค์โครงการ 4.2.1 เพ่อื เปน็ พื้นท่สี นบั สนุนดา้ นการวิจัยสตั วป์ ่าและพนั ธ์ุพืช 4.2.2  เพ่อื เปน็ สถานทีในการเพาะเลี้ยงสตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื 4.2.3 เป็นพน้ื ทรี่ องรับและรักษาสตั วป์ ่าท่ไี ด้รบั ความบาดเจ็บ 4.2.4 เป็นสถานท่ใี ห้ความรู้แก่ผ้ทู ส่ี นใจด้านสตั ว์ปา่ และพนั ธ์พุ ชื 4.2.5 เปน็ สถานที่ท่องเทยี่ วเชิงอนุรักษ์ 4-3

4.3 หนว่ ยงานเจา้ ของโครงการ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื ดาเนนิ กจิ ภารกจิ เกยี่ วกบั การอนรุ ักษ์ สง่ เสรมิ และฟืน้ ฟูทรัพยากรธรรมชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธ์พุ ืช ในเขต พน้ื ทีป่ ่าเพอื่ การอนรุ กั ษ์ โดยการควบคมุ ป้องกันพนื้ ทปี่ ่าอนรุ ักษเ์ ดมิ ที่มีอยู่ และพ้ืนท่ปี า่ เสื่อมโทรมใหก้ ลับสมบูรณด์ ว้ ยกลยุทธ์การสง่ เสริม กระตุน้ และ ปลุกจติ สานกึ ใหช้ ุมชนมีความหวงแหนและการมสี ่วนร่วมในการดูแลทรพั ยากร ท้องถนิ่ เพอื่ เปน็ การรกั ษาสมดุลของระบบนเิ วศและสงิ่ แวดลอ้ ม ตลอดจน ความหลากหลายทางชวี ภาพ สาหรับเป็นแหล่งต้นนา้ ลาธาร แหลง่ ทีอ่ ย่อู าศัย ของสตั วป์ ่า แหลง่ อาหาร แหล่งนันทนาการและการทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาติของ ประชาชน ดงั วิสัยทศั นข์ องกรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธพ์ุ ืช ทวี่ า่ \"ผนื ป่าหลากหลาย สัตว์ป่ามากมาย ปา่ ไม้ย่ังยืน\" และในปจั จุบันอธบิ ดีกรมอทุ ยาน แหง่ ชาติ สัตว์ป่า และพันธพุ์ ชื คอื นายธัญญา เนติธรรมกลุ 4-4

4-5

2. ฝา่ ยเจา้ หน้าที่  รับหนา้ ทมี่ าจากผู้อานวยการ แลว้ มากระจายให้ลูกทีม 1  ดูแลสัตว์ วิจัย ช่วยเหลือ 30 2.1 หัวหน้าหนว่ ย  รักษาสตั ว์ ทง้ั ในและนอกสถานท่ี 10 2.2 เจา้ หนา้ ทป่ี ระจาหน่วย  ทาความสะอาดทกุ อยา่ ง 5 2.3 สตั ว์บาล  ดแู ลอาคาและรอบบริเวณ 4 2.4 พนกั งานทาความสะอาด 2.5 พนกั งานรักษาความปลอดภยั 4-5

4.3.1 ตารางกาหนดอัตรากาลงั เจ้าหนา้ ท่ี(ต่อ) 4-5





4-6

4.4 รายละเอียดผู้ใช้โครงการ 4.4.1 การแบ่งกลุ่มผู้ใช้โครงการ การแบง่ ประเภทผูใ้ ชโ้ ครงการเพ่อื เปน็ แนวทางที่จะนาศกึ ษาถึงพฤตกิ รรมผใู้ ชโ้ ครงการในแตล่ ะกลมุ่ ซ่ึงตา่ งกันออกไป ประเภทผูใ้ ช้โครงการจากการศกึ ษาสามารถแบ่งผใู้ ชโ้ ครงการออกได้เปน็ 3 ประเภทใหญๆ่ ดงั น้ี แผนภมู แิ สดงกลมุ่ ผใู้ ชโ้ ครงการ ทม่ี า : อดิศยั แซค่ ู 2560 4-7

4-8

4-9

4-10

4-11

4-12

4-13

4-14

ภาพระบบปรับอากาศ ทม่ี า : http://www.state.co.th/ 4-15

4-16

4.6.8 โครงสรา้ งหลกั ของหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 1. ทางเขา้ -ออก หากมผี ูป้ ฏบิ ัติงานคอ่ นข้างมากควรกาหนดและจดั ระเบียบการเข้าออก ควร แยกกนั ระหว่างประตเู้ ข้า-และ ประตูออก อาจจดั พืน้ ท่ีสาหรบั ผูม้ าตดิ ต่อทไ่ี ม่มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง โดยประตคู วรจะปิดไวต้ ลอดเวลาในขณะปฏบิ ัติงาน อาจ จัดหนว่ ยรกั ษาความปลอดภัยเพ่ือดแู ล การเข้า-ออก หรืออาจใชร้ ะบบการเข้า-ออกโดยระบบคียก์ าร์ด 2. ทางหนไี ฟ การกาหนดขนาดและจานวนของประตูหนไี ฟขน้ึ กับสถานที่ตง้ั ขนาดของอาคาร จานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ในแตล่ ะ ช้นั ควรมที างหนไี ฟอย่างน้อยสองทางท่ีแยกกนั ทางหนไี ฟควรมี ระยะทางทีส่ ัน้ ทส่ี ุดและนาออกไปสภู่ ายนอกอาคารไดเ้ รว็ ท่สี ุด หากเป็นหอ้ งปฏิบัติการท่ีตง้ั อยใู่ น อาคารที่มีมากกวา่ 2 ชั้น ประตหู อ้ งปฏิบตั กิ ารตอ้ งสามารถเปดิ ไปสู่โถงทางเดนิ กลางได้ และ สามารถนาไปยงั ประตหู นีไฟไดท้ ันที ตามพ้นื ทางเดินและฝาผนังควรทจี่ ะมีการแสดงสัญลกั ษณ์ ลูกศรนา ทางเพื่อให้ผู้ปฏิบตั ิงานทราบวา่ ประตหู นีไฟอยูใ่ นทศิ ทางใด ประตหู นไี ฟควรทาจากวัสดุ ทนไฟ หรือเปน็ โลหะทท่ี นไฟไดด้ ี และควรปดิ อยเู่ สมอ และควรแสดงสัญลักษณ์บริเวณประตูหนี ไฟว่า “ ทางออก” หรือ “exit” 3. ขนาดประตู ประตูหอ้ งปฏิบัตกิ ารต้องมขี นาดกว้างพอทีจ่ ะสามารถนาเคร่ืองมอื ขนาดใหญ่เข้า ออกไดส้ ะดวก และสามารถ เปดิ กวา้ งเพื่อใหผ้ ูค้ นเขา้ ออกได้อยา่ งสะดวกในกรณเี กิดเหตฉุ ุกเฉิน ประตูหอ้ งปฏิบตั กิ ารทด่ี คี วรเปน็ แบบ door and half คือเป็นประตู 2 บาน โดยมีบานหนงึ่ ใหญ่ อกี บานหนง่ึ มีขนาดเล็ก โดยบานที่มขี นาดใหญ่จะถูกใช้เปดิ -ปดิ ประจา ส่วนบานเลก็ จะถูกใชใ้ น กรณีมีการขนยา้ ยอุปกรณ์ 4. พืน้ ห้องปฏิบัตกิ าร พ้ืนห้องตอ้ งสามารถรองรบั เครื่องมืออุปกรณ์ทม่ี ีนา้ หนักมากไดห้ ลายชนิด ควรผลติ มาจากวัสดทุ ่ี แขง็ แรง ทนทานต่อสารเคมที ี่เป็นกรดและดา่ งไดด้ ี พนื้ ผิวต้องไมล่ ่ืน สามารถทาความสะอาดไดง้ ่าย โดยท่ัวไปมักเปน็ พนื้ คอนกรตี หรือพ้ืนหินขดั ทป่ี ทู บั ดว้ ยแผ่นยาง ประเภท polyvinyl อีกชนั้ หรอื ปทู ับดว้ ยพรมน้ามนั ขอ้ ดีของพรมน้ามัน คอื จะไม่มรี อยต่อ สามารถลดอุบตั ิเหตุจากการสะดุดล้มได้ 5. ความสวา่ ง ควรมีแสงสว่างเพยี งพอสาหรบั การปฏิบัติงาน เพ่อื ปอู งกันความผดิ พลาดและ อบุ ตั เิ หตจุ ากการปฏบิ ตั งิ าน กรณปี ระเทศไทยซงึ่ อยใู่ นเขตทไ่ี ด้รบั แสงอาทิตย์มาก จึงควร ออกแบบอาคารใหร้ บั แสงอาทิตยท์ ีเ่ พียงพอเพอ่ื ประหยัด พลังงาน ควรมีหนา้ ต่างบานใหญ่เพ่อื รบั แสงอาทติ ยไ์ ด้เต็มท่แี ละควรมผี า้ ม่านเพอ่ื บงั แดดในกรณที ม่ี แี ดดแรงจนเกนิ ไป ความสว่างที่ เหมาะสมในหอ้ งปฏบิ ัติการคือ 300-500 lux แต่อย่างไรก็ตามปริมาณแสงสว่างกข็ ้นึ อยู่กับ ประเภทห้อง ต่างๆ เชน่ หอ้ งเกบ็ ของอาจไม่ต้องมแี สงสวา่ งมากเท่ากับห้องปฏบิ ัติการ เพราะ สารเคมีบางอย่างอาจห้ามโดนแสง เป็นตน้ 4-17

6. ระบบถ่ายเทอากาศ ระบบการถ่ายเทอากาศทดี่ ีจะชว่ ยลดระดับของไอหรือควนั จากสารเคมี รวมทงั้ ลด ระดบั การปนเป้ือนของเชอ้ื จุลนิ ทรยี ์ในอากาศ ห้องปฏบิ ัติการควรตดิ ต้งั ระบบ Local Exhaust Ventila- tion (LEV) เพ่ือลดอนั ตรายจากสารเคมแี ละเชอื้ จุลชพี ต่าง ๆ เชน่ พัดลมดดู อากาศ ตู้ดูดควัน ตชู้ วี นริ ภัยทม่ี ีแผ่นกรอง HEPA ในการดักจลุ ชีพ ตลอดจนติดตัง้ ระบบดูด อากาศเสียจากภายในออกสู่ ภายนอกเพื่อปอู งกันการหมุนเวยี นอากาศเสยี ภายในหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 7. อุณหภมู แิ ละความชื้น ห้องปฏิบตั กิ ารควรมอี ุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสมประมาณ 20-25 องศา เซลเซียส ใน ประเทศไทยซ่งึ เปน็ เมืองรอ้ นจึงควรติดต้งั เคร่อื งปรับอากาศ เพอื่ ใหอ้ ุณหภมู ิที่ เหมาะสมแก่ผู้ปฏบิ ัตงิ านและ เปน็ การรกั ษาเครอ่ื งมอื 8. ระบบสาธารณปู โภค ซ่งึ ประกอบไปดว้ ย ระบบนา้ ประปา ไฟฟา้ แกส๊ และระบบสอ่ื สาร ซง่ึ เปน็ สว่ นหนง่ึ ที่สาคัญในห้องปฏบิ ัติการ จงึ ควรมกี ารวางแผนผังให้เหมาะสม เจ้าหนา้ ทที่ กุ คน ควรทราบตาแหน่งทีต่ ้งั และวิธีการในการเปิด-ปิดวาวล์น้า แก๊ส และแผงควบคมุ วงจรไฟฟา้ เพือ่ สามารถเปดิ -ปดิ ไดท้ นั ทใี นกรณี เหตุฉุกเฉิน การออกแบบทอ่ น ทอ่ แกส๊ หรือของเหลวประเภท อน่ื ๆไปตามทอ่ pipe ควรมกี ารระบชุ ่ือและ ลกู ศรแสดงทศิ ทางการไหลในแตล่ ะทอ่ ว่าเปน็ ทอ่ สาหรับส่งผ่านสิ่งใด โดยกาหนดสีของตัวอักษรตามชนดิ ของสารนัน้ ๆ เช่น สารเคมอี ันตรายสงู (สารไวไฟสารทีม่ แี รงดันสงู สารเคมีที่เปน็ พิษสูง สาร กัมมนั ตภาพรงั ส)ี ควรใช้อกั ษรสดี าบนพน้ื หลงั สเี หลอื ง, สารเคมอี ันตรายนอ้ ย (เช่นแกส๊ หรอื ของเหลว ผสม) ควรใช้อกั ษรสขี าวบนพน้ื หลังสี เขียว, สารทีใ่ ชด้ บั เพลงิ (นา้ กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ กา๊ สฮาลอน) ควรใชอ้ ักษรสขี าวบนพืน้ หลังสี แดง ในหอ้ งปฏบิ ัติการควรมีอ่างนา้ อยา่ งนอ้ ยสองแห่งแยกจาก กัน โดยจดุ หนง่ึ เป็นอา่ งล้างมือเทา่ น้นั สว่ นอีกอ่างสาหรับล้างวสั ดอุ ุปกรณ์ อ่างน้าควรทามาจากวสั ดุที่ ทนทานต่อสารเคมี เชน่ stainless, polypropylene เป็นต้น และท่อนา้ ทง้ิ ควรแยกออกจากทอ่ น้าเสยี ทั่วไป ปลายท่อนา้ ทง้ิ ควรตอ่ ไปยงั ระบบบาบดั นา้ เสยี กอ่ นการสง่ ออกไปยังภายนอก ในการตดิ ตั้งระบบ แกส๊ ควรเป็น ระบบนาส่งตามทอ่ จากหนว่ ยกลาง ไมค่ วรใช้ระบบแกส๊ เป็นถงั ยอ่ ยๆ ที่สาคญั ควรมกี าร ตดิ ตงั้ ระบบตัดแกส๊ อัตโนมตั เิ พือ่ ปูองกนั การเกิดแก๊สรว่ั และการระเบิด 4-18

9. ระบบเตอื นภัย ต้องมีการตดิ ตงั้ ระบบเตือนภัยคู่กบั ถงั ดบั เพลิงในหอ้ งปฏบิ ัติการ ระบบเตือนภยั ท่ดี ีตอ้ งสง่ เสยี งดังไดท้ ั่วอาคาร อาจเปน็ เสยี งกระด่ิงหรือเสยี งระฆงั และ อาจมไี ฟสีแดงกระพรบิ โดยระบบเตอื นภยั ประกอบด้วย 2 สว่ นท่สี ำคญั ส่วนแรก ไดแ้ ก่ กล่องกระตนุ้ ใหก้ ระด่ิงหรอื สัญญาณทำงาน เรยี กวา่ “ pullstation” จะมีสี แดง มีทงั้ ลกั ษณะเป็นรูปตัวที (T) กระตนุ้ การ ท างานโดยดึงก้านตวั ทลี งมาตรงๆ หรอื อีกแบบจะมลี กั ษณะเปน็ ตัวที แตจ่ ะมกี ระจกกน้ั ตอ้ งใช้ ค้อนหรือโลหะทบุ กระจก ก่อนถึงจะสามารถดึงตัวทีได้ สว่ นท่ีสองเปน็ สว่ นที่เป็นกระดิ่งหรอื ระฆงั เตอื นภัย จะ มีสแี ดงหรอื สนี ำ้ เงนิ ตดิ ตงั้ ไว้บนกำแพงเหนือกล่อง pullstation โดยสามารถสง่ เสียง และมีไฟกระพรบิ ในขณะที่กระดิง่ ดงั 10. ชดุ ดับเพลิง ในหอ้ งปฏบิ ัติการมีอยูส่ องแบบ คือ ชนดิ ตดิ ตั้งถาวร ซึ่งได้แก่นำ้ พุ เพดานแบบ อัตโนมัติ และชนิดเคลอ่ื นยา้ ยได้ ประกอบไปดว้ ย ชุดท่อประปาดบั เพลิง (fire hose) และถัง ดับเพลงิ ทั้งสองอย่างควรเกบ็ ไว้ในตทู้ มี่ องเหน็ ได้ชดั เจนและไม่ ควรล็อคตู้ โดยสายทอ่ ประปา ตอ้ งมีความยาวอย่างน้อย 100 ฟตุ ส่วนถังดบั เพลิงมี อยหู่ ลายประเภทขึ้นอยู่กบั ตน้ กำเนิดของ เพลงิ นน้ั ๆ 11. เครื่องล้างตา (eye wash) ควรติดไว้ประจาทแี่ ละจาเปน็ ต้องมี วางอยู่หา่ งจากท่ี ปฏิบตั ิงาน ประมาณ 25-50 ฟุต ใชเ้ วลาเดินไปไมน่ าน และระหว่างทางไมค่ วรมสี ง่ิ กีด ขวางใดๆ การเปิดน้า อาจใชร้ ะบบเปิดด้วยเท้า (foot paddle) หรือใชม้ ือผลกั (push bar) ควรให้นา้ พน่ เข้าตาผา่ น ทางฐานจมูกโดยไมใ่ หน้ ้าพุง่ เข้าลูกตาโดยตรง และใชน้ วิ้ บังคบั เปลือกตาเพอื่ ให้น้าล้างตาได้ท่วั ถึง หัวพ่นนา้ ควรทจ่ี ะมีฝาครอบปอู ง กนั ฝุนละอองและควรทาความสะอาดอย่างสม่าเสมอโดยการ flush นา้ ท้งิ 4-19