Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือชุดกิจกรรมการเรียนรู้แนวสะเต็มศึกษา เล่มที่ 1 เรื่องแหล่งกำเนิดแสงและการเคลื่อนที่ของแสง

คู่มือชุดกิจกรรมการเรียนรู้แนวสะเต็มศึกษา เล่มที่ 1 เรื่องแหล่งกำเนิดแสงและการเคลื่อนที่ของแสง

Description: คู่มือชุดกิจกรรมการเรียนรู้แนวสะเต็มศึกษา เล่มที่ 1 เรื่องแหล่งกำเนิดแสงและการเคลื่อนที่ของแสง

Search

Read the Text Version

คู่มอื ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แนวสะเต็มศกึ ษา เลม่ ที่ 1 เร่ืองแหล่งกาเนิดแสงและการเคล่ือนทขี่ อง แสง กิจกรรม ไฟฉายทอู นิ วนั เป็นรูปแบบการการเรียนทีม่ ุ่งบรู ณาการศาสตรท์ ัง้ สี่ ได้แก่ วทิ ยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณติ ศาสตร์ (Mathematics) ครูผูส้ อนไดใ้ ช้ เป็นแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 พลังงานแสง ซ่ึง ผู้เรียนสามารถเรยี นรู้และสามารถเรียนรแู้ ละปฏบิ ตั ิกจิ กรรมด้วยตนเอง แกป้ ัญหาในชีวติ จรงิ ไดเ้ รียนรทู้ ลี ะนอ้ ย ตามลาดบั ข้นั ตามศกั ยภาพและความสามารถของตนเอง อีกทงั้ ส่งเสริมกระบวนทักษะการคดิ วิเคราะหแ์ ละสรา้ ง นวัตกรรมใหม่ๆ ท่ีใชว้ ิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเปน็ พื้นฐาน ภายในคู่มอื ประกอบด้วยรายละเอยี ดในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ส่ือ วสั ดุ และอปุ กรณ์ตา่ งๆ ท่ีใช้ ประกอบกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีสร้างขนึ้ เพ่ือใหผ้ ้สู อนได้ศึกษาใหเ้ ข้าถึงขน้ั ตอนและวธิ กี ารใช้ พรอ้ มทัง้ ให้ครูได้ เตรยี มตัวจนเกิดความม่นั ใจว่า สามารถดาเนนิ กจิ กรรมการเรียนการสอนตามกระบวนการของกิจกรรมการ เรียนรใู้ ห้บรรลุประสงค์ทตี่ ั้งไว้ ขอขอบพระคุณผู้เชย่ี วชาญ ผบู้ รหิ ารโรงเรียนทา่ แรว่ ทิ ยา และคณะครทู ุกท่านตลอดจนนักเรียน ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการทางานใหส้ าเรจ็ ลุลว่ งไปได้ นางสุวรรณี สิมลา ครชู านาญการ

เรอื่ ง หน้า คานา ก สารบญั ข คาแนะนาการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1 คาแนะนาการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรสู้ าหรบั นกั เรียน 2 จดุ ประสงคป์ ระจาชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เลม่ ที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรยี นชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เล่มที่ 1 แหลง่ กาเนดิ แสงและการเคลอื่ นท่ขี องแสง ใบกจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง ไฟฉายทอู ินวัน ใบคาถามหลงั กิจกรรมท่ี 1 เรื่อง ไฟฉายทูอนิ วัน ใบความรูท้ ี่ 1 เรื่องแหล่งกาเนิดแสง เฉลยใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง แหลง่ กาเนิดแสงและการเคลอื่ นที่ของแสง เฉลยใบคาถามหลังกจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง แหลง่ กาเนิดแสงและการเคลอื่ นทขี่ องแสง เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี นชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เลม่ ท่ี 1 เรอ่ื ง แหลง่ กาเนิดแสงและการเคลือ่ นท่ี ของแสง แบบประเมิน บรรณานกุ รม

คาช้ีแจงการใชช้ ุดกจิ กรรมแนวสะเตม็ ศกึ ษา ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้แนวสะเต็มศกึ ษา ชดุ พลังงานแสง เล่มท่ี 1 เรอ่ื งแหล่งกาเนดิ และการเคลือ่ นที่ ของแสง กจิ กรรมไฟฉายทูอนิ วัน จัดทาขึน้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ผา่ นกิจกรรมการเรยี นรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ผนวกกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ทมี่ งุ่ แก้ไขปญั หาท่ีพบเหน็ ในชวี ติ จรงิ เพ่ือ สร้างเสรมิ ประสบการณ์ สามารถส่งเสรมิ การเรียนรู้ด้วยตนเองของผูเ้ รียน ผเู้ รยี นสามารถพัฒนาตนเองได้อยา่ ง ตอ่ เน่ืองตามศักยภาพ โดยการใช้กลวิธกี ารสอนเพื่อกระตุ้นความคดิ และส่งเสรมิ ให้นักเรียนมีสว่ นร่วมใน กิจกรรมการเรียนรอู้ ยา่ งจรงิ จังและทั่วถงึ รวมทั้งเป็นการสรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ ใหน้ ักเรยี นเกิดความตน่ื เต้น กระตือรือรน้ และไม่เบอ่ื หนา่ ยตอ่ การเรียน โดยจดั สอดคล้องกบั หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซึ่งสามารถใชเ้ ป็นแนวทางให้ครผู ู้สอนในกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และกลุ่มสาระการ เรยี นร้อู นื่ ๆ นาไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้เปน็ อย่างดี กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรบั หน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง พลงั งานแสง ประกอบด้วย 8 เล่มมี กิจกรรมดงั น้ี เลม่ ท่ี ชอ่ื ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ จานวนชั่วโมง 1 แหลง่ กาเนดิ และเคลื่อนทีข่ องแสง 3 2 เชลล์สรุ ิยะ 4 3 ตัวกลางของแสง 2 4 การสะท้อนแสง 4 5 การเกดิ เงา 2 6 การหกั เหของแสง 2 7 การเกิดรุ้งและแสงขาว 5 8 การมองเห็นวัตถุ 5 รวม 27

แผนผังขนั้ ตอนการทากิจกรรม ข้นั ระบปุ ัญหา ขัน้ รวบรวมขอ้ มูล ขน้ั ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา ขัน้ นาเสนอวธิ ีแก้ปญั หา ขั้นทดสอบ ประเมินผล ข้นั วางแผนและ ดาเนินการแก้ปัญหา ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ผา่ น ไม่ผา่ น ศกึ ษาชุดต่อไป ซ่อมเสรมิ

วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี - ทดลองและอธิบายการเคลื่อนที่ - บอกความยาวเปน็ เมตรและ - การเลือกใชว้ ัสดมุ าสร้างหรือ ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง เซนตเิ มตรและเปรียบเทยี บความ ออกแบบอุปกรณ์ในการทดลอง ยาวในหนว่ ยเดียวกัน - การวัดความยาวโดยการใช้ เครือ่ งวดั วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี - แสงเคลื่อนทจี่ ากแหลง่ กาเนิด - บอกลักษณะของเส้นตรงพร้อม - อุปกรณท์ ี่ใหเ้ กิดแสงสว่างที่พบ ทุกทิศทาง และเคลื่อนทเี่ ป็นแนว ท้ังเขยี นสัญลักษณ์ ในชีวิตประจาวนั เช่น ไฟฉาย ตรงจากแหล่งกาเนดิ แสง - การวดั ความยาวโดยการใช้ หลอดไฟ แสงอาทติ ย์ - ชนิดของแหลง่ กาเนดิ แสง เครอ่ื งวัด โทรศัพท์มอื ถอื แบ่งเปน็ 2 แหล่ง คือ - การใชอ้ ุปกรณ์เครื่องมือในการ แหลง่ กาเนิดแสงตามธรรมชาติ สร้างชิ้นงาน เช่น กรรไกร ไม้ และแหลง่ กาเนดิ แสงประดิษฐ์ บรรทดั ควรใหเ้ หมาะสมกับ (แหลง่ กาเนิดแสงท่มี นุษยส์ รา้ ง ลกั ษณะของงาน ขน้ึ ) 1. บอกชนดิ ของแหล่งกาเนดิ ได้ (P) 2. บอกลักษณะของการเคล่ือนที่ของแสงได้ (K) 3. อธิบายการเคลื่อนท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนิดได้ (K) 4. คาดคะเนผลการสงั เกตจากการทดลองเกย่ี วกับการเคลื่อนท่ขี องแสงได้ (P) 5. สามารถสร้างไฟฉายทูอินวันได้ (P)

คาช้แี จง1. แบบทดสอบจานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 10 นาที 2. ให้นกั เรยี นเลอื กคาตอบทถี่ ูกทส่ี ุดเพียงข้อเดยี ว  1. แสงคืออะไร ก. พลังงานรปู หนง่ึ ช่วยให้มนุษย์ทากจิ กรรมตา่ งๆ ได้ ข. แหล่งกาเนดิ พลังงานหลาย ๆ ชนิด ค. รังสีท่ีได้จากดวงจันทร์ ง. ธรรมชาตอิ ย่างหน่ึง 2. แหลง่ กาเนดิ แสงคืออะไร ก. บริเวณท่ีมีแสง ข. บริเวณทีไ่ ดร้ ับแสง ค. สิ่งที่ทาให้เกดิ แสง ง. วัตถทุ แี่ สงแดดเดนิ ผ่าน 3. ขอ้ ใดคือแสงทเี่ กดิ จากแหล่งกาเนดิ เดยี วกนั ท้ังหมด ก. ดวงอาทติ ย์ หงิ่ ห้อย ดวงจันทร์ ข. ไฟฉาย เทียนไข หลอดไฟ ค. ดวงจันทร์ ดวงดาว ตะเกยี ง ง. ห้งิ ห้อย ดาวฤกษ์ ปลาไหลไฟฟ้า 4. ข้อใดไมใ่ ชว่ ัตถุท่ีมแี สงสวา่ งในตนเอง ก. ห่งิ หอ้ ย ข. ดวงอาทิตย์ ค. ดวงจันทร์ ง. หลอดไฟฟา้ 5. ปรากฏการณใ์ ด สามารถใชอ้ ธิบายได้วา่ แสงเดนิ ทางได้เร็วกว่าเสยี ง ก. เหน็ ฟา้ แลบก่อนไดย้ นิ ฟา้ ร้อง ข. รูส้ กึ รอ้ นทนั ทีทอี่ อกไปยนื กลางแดด ค. ตากผา้ กลางแดดแหง้ เรว็ กวา่ ในที่ร่ม ง. จรวดปลอ่ ยเปลวไฟตรงด้านทา้ ยเสมอ

6. จากภาพการทดลอง ข้อใดเปน็ ลกั ษณะการเคล่ือนทขี่ องแสง ก. เคลอื่ นท่ผี า่ นตวั กลางไดท้ ุกชนดิ ข. เคลอ่ื นท่ีไปทางทศิ ใดทิศหนึ่ง ค. เคลื่อนที่เป็นเสน้ ตรง ง. เคลอ่ื นที่ทุกทศิ ทาง 7. จากภาพการทดลอง ข้อใดเปน็ ลักษณะการเคลอ่ื นทขี่ องแสง ก. เคล่ือนท่ผี า่ นตัวกลางได้ทุกชนดิ ข. เคลือ่ นที่ไปทางทิศใดทิศหน่งึ ค. เคลอ่ื นท่เี ป็นเส้นตรง ง. เคลื่อนทท่ี ุกทศิ ทาง 8. ใครคอื ผทู้ ดลองเร่ืองความเร็วแสงเปน็ คนแรก ก. กาลิเลโอ กาลิเลอิ ข. เซอร์ไอแซก นิวตนั ค. โอลาฟ โรเมอร์ ง. ไฮน์ริค แฮรตซ์ 9. ในการทดลอง เรื่อง การเคลอ่ื นทีข่ องแสง ข้อใดเปน็ สิง่ ท่ีตอ้ งควบคุม ให้เหมือนกนั ก. สีของกระดาษแขง็ ทัง้ 3 แผ่น ข. ตาแหน่งการเจาะรขู องกระดาษแข็งทั้ง 3 แผน่ ค. สขี องดินนา้ มัน ง. น้าหนักของกระดาษแขง็ ทั้ง 3 แผน่

10. ภาพใดแสดงถงึ รงั สีของแสง ข. ก. ง. ค.

กจิ กรรมท่ี 1 ลักษณะการเดินทางของแสง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกชนดิ ของแหลง่ กาเนิดได้ (P) 2. บอกลักษณะของการเคลอื่ นท่ีของแสงได้ (K) 3. อธบิ ายการเคล่ือนทขี่ องแสงจากแหลง่ กาเนิดได้ (K) 4. คาดคะเนผลการสังเกตจากการทดลองเก่ยี วกับการเคล่ือนท่ขี องแสงได้ (P) 5. สามารถสร้างไฟฉายได้ (P) วสั ดุอุปกรณ์ ท่ี รายการ จานวน/กลุ่ม 1 หลอด LED 1 หลอด 2 ซองขนมหรอื กระดาษฟอยด์ 1 ซอง 3 เทปใส 1 มว้ น 4 กระดาษ เอ 4 (รไี ซเคลิ ) 1 แผ่น 5 ดนิ สอ 1 แทง่ 6 ไม้บรรทดั 1 อนั 7 ขวดนา้ อัดลม 1 ขวด 8 คัตเตอร์ 1 อนั 9 สายไฟเสน้ เล็กจากสายชาร์จโทรศัพท์ทไ่ี มไ่ ด้ใช้ 2 เส้น 10 หลอดชาไข่มุก 1 หลอด 11 ถา่ นไฟฉาย 2 กอ้ น 12 กระป๋องนา้ อดั ลม 1 กระป๋อง วธิ ดี าเนินกจิ กรรม 1. ปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มๆ ละไมเ่ กิน 6 คน 2. ออกแบบการทดลองจากอุปกรณ์ที่ครูเตรยี มให้ โดยครกู าหนดสถานการณ์ดงั ต่อไปนี้

ครกู าหนดสถานการณใ์ ห้นกั เรียน ดังต่อไปนี้ ในชว่ งปลายเดอื นกรกฎาคมทีผ่ า่ นมา จังหวดั สกลนครได้ประสบเหตุอุทกภัย สร้างความ เดอื ดรอ้ นให้กบั ประชาชนในตาบลท่าแร่ในช่วงน้าท่วมน้ี ทางไฟฟ้าได้ปดิ การจา่ ยไฟไปสู่พนื้ ท่นี า้ ทว่ มทาใหล้ าบากในการดาเนนิ ชวี ติ ในชว่ งเวลากลางคนื นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารประดษิ ฐไ์ ฟฉายจาก อุปกรณ์ทีม่ อี ยู่ในบ้านอย่างไรบา้ งเพ่ือใหไ้ ฟฉายนน้ั มีแสงสวา่ งในเวลากลางคนื โดยครกู าหนดให้แตล่ ะกลมุ่ 1. ร่วมกันออกแบบพรอ้ มเขยี นรายการวสั ดุ อุปกรณ์ที่จะทาไฟฉาย จากอุปกรณ์ท่ีครูมีให้ ในตะกร้า โดยให้ไฟฉายมคี วามสอ่ งสว่าง และสามารถนาไปใช้ได้และให้นักเรียน 2. ออกแบบการทดลองสงั เกตทิศทางการเคลื่อนทข่ี องแสงไฟฉายทท่ี าข้ึนว่ามีลักษณะ เปน็ อยา่ งไร 1.

ใบกจิ กรรม เร่อื ง ไฟฉายทอู ินวัน ง วนั ที่______ เดือน______________ พ.ศ._________ สมาชกิ ในกลุ่ม 1. ชื่อ_____________________________________ ชน้ั __________ เลขที่_________ 2. ช่อื _____________________________________ ชนั้ __________ เลขที่_________ 3. ช่อื _____________________________________ ชน้ั __________ เลขท่ี_________ 4. ชือ่ _____________________________________ ชน้ั __________ เลขท่ี_________ 5. ชือ่ _____________________________________ ชั้น__________ เลขที่_________ 6. ชื่อ_____________________________________ ชั้น__________ เลขท่ี________ 1. ใหน้ ักเรยี นออกแบบไฟฉายทูอินวนั จากวสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีครูเตรยี มไวใ้ ห้ ขน้ั ตอนการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คาถามหลังกจิ กรรม ตอนท่ี 1. 1. การปฏิบตั กิ ิจกรรมนต้ี ้องการทดสอบสมบตั ิของแสงเร่ืองใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ถา้ ไมม่ เี ทยี นไขนักเรียนจะใชส้ ิง่ ใดแทนเพราะอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรียนพบอปุ สรรคใดระหวา่ งการทดลองบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. นักเรยี นส่องไฟฉายผ่านหลอดดดู ชาไข่มุกนกั เรยี นจะเหน็ ลาแสงจากไฟฉายหรือไม่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ถา้ งอหลอดชาไข่มุกนักเรียนจะเห็นลาแสงจากไฟฉายหรือไม่เพราะอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ใหน้ กั เรยี นเรยี งลาดับข้นั ตอนการทดลอง โดยเขยี นหมายเลข (1)-(4) หนา้ ข้อความทกี่ าหนดให้ ............. ไฟฉายส่องผา่ นแผน่ กระป๋องท่ีเจาะรูแล้วทง้ั 3 อนั ............. นากระป๋องที่เจาะรแู ลว้ มาวางเรยี งกัน โดยใหร้ ตู รงกลางอยู่ตรงกัน ............. เจาะรูกระป๋องทัง้ 3 อัน ............. สังเกตและบนั ทึกผลการทดลอง 3 ใหน้ กั เรยี นวาดรูปลกั ษณะของแสงที่ออกจากแหลง่ กาเนิดแสงว่ามีลักษณะอย่างไร

ตอนที่ 2 จากใบความรูท้ ่ี 1 เรอ่ื งแหล่งกาเนดิ แสง ให้นักเรียนจาแนกแหลง่ กาเนดิ ของแสง ตารางจาแนกแหลง่ กาเนดิ ของแสง แหลง่ กาเนิดของแสง จากนอกโลก จากสตั ว์ จากความร้อน จากการเสยี ดสี การเผาไหม้ ดวงอาทิตย์ หง่ิ ห้อย กองไฟ เทียนไข ฟ้าแลบ หลอดไฟฟา้ ฟา้ ผา่ ไฟฉาย ตอบคาถาม 1. จากตารางจาแนกแหล่งกาเนิดของแสงโดยใช้อะไรเป็นเกณฑใ์ นการจาแนก ตอบ.............................................................................. 2. แหล่งกาเนิดของเสียงท่ีใหญท่ ี่สุดคืออะไร ตอบ.............................................................................

ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง แหล่งกาเนดิ แสง แสงเปน็ พลังงานรปู หนึ่ง ซงึ่ สามารถรบั รไู้ ดท้ างตา เม่ือแสงเดินทางออกจากแหลง่ กาเนดิ แสงทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณ ใดบรเิ วณหน่ึงสว่างจากดวงอาทติ ย์ชว่ ยให้มองเห็นส่ิงต่างๆ ได้ชดั เจน แสงจึงจาเป็นต่อสิ่งมีชวี ิต แสงมีสมบัติหลาย ประการท่ีคนเรานามาใชป้ ระโยชน์ต่างๆ การเคลือ่ นท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง แหล่งกาเนิดแสงมหี ลายชนิด ทัง้ ท่เี กิดข้ึนเองตามธรรมชาติ และแหลง่ กาเนิดทค่ี นเราสร้างขึ้น แหลง่ กาเนิด แสงในธรรมชาตทิ ี่สาคญั ต่อสิง่ มีชวี ติ คือ ดวงอาทิตย์ แหล่งกาเนดิ แสงมหี ลายลักษณะทั้งทเี่ กดิ ข้นึ เองตาม ธรรมชาติ และท่มี นษุ ยส์ ร้างข้ึน หง่ิ หอ้ ย 1. แสงเกดิ จากดวงอาทิตย์ 2. แสงเกดิ จากสตั ว์บางชนิด เช่น หงิ่ ห้อย 3. แสงเกิดจากการเผาไหม้ เช่น กองไฟ เทียนไข 4. แสงเกิดจากการเสียดสี เชน่ ฟา้ แลบ ฟา้ ผา่ 5. แสงเกดิ การความรอ้ น เช่น หลอดไฟฟา้ ไฟฉาย แสงเคลื่อนทีจ่ ากแหล่งกาเนิดแสงไปในทุกทิศทางและเคลอ่ื นที่เป็นแนวตรง เพราะเม่ือจดุ เทยี นไขในห้องท่ปี ิดไฟ จะสงั เกตเหน็ แสงสว่างเกิดขนึ้ รอบๆ เทยี นไขและเมื่อสังเกตเปลวเทียน แตเ่ มือ่ เลื่อนผ่นกระดาษแผน่ ใดแผ่นหน่ึง ไม่ใหร้ ูอย่ใู นแนวเดยี วกัน จะทาให้มองไม่เหน็ เปลวเทียน

สว่ นประกอบของเทียนไข เทยี นไขประกอบด้วยเนือ้ เทียนและไสเ้ ทียน ซ่ึงดูแล้วเปน็ ส่งิ ของที่ธรรมดามาก ๆ แตใ่ นความธรรมดานน้ั มีความเป็น วทิ ยาศาสตรแ์ ฝงอยู่มากมาย ลองดวู า่ แต่ละสว่ นมผี ลอะไร และอย่างไรบา้ ง ไสเ้ ทียน เป็นส่วนประกอบท่สี าคญั มาก เทยี นไขจะไม่ เป็นเทียนไขหากปราศจากไส้เทียน ไสเ้ ทียนทาจากเสน้ ด้ายฟ่นั เป็นเกลยี ว ซ่งึ เส้นด้ายก็มาจากฝา้ ยซึง่ เป็นวสั ดุธรรมชาติ ตวั ไส้ เทียนนอกจากทาหน้าทเ่ี ป็นแหล่งเชือ้ เพลิงแล้ว ยงั ต้องมสี มบัติ ของการเป็นตวั ดดู ซับ (absorbent) ทีด่ ีด้วย เพราะในขณะท่ีไส้ เทียนติดไฟน้ัน ไสเ้ ทยี นจะดูดซับขผ้ี ้งึ เหลวหรอื พาราฟินเหลว ใหข้ ึ้นไปตามตวั ไส้เทียน เพื่อให้เกิดการเผาไหม้อยา่ งต่อเน่อื ง แรงท่ใี ช้ในการดูดซับน้าเทียนเหลวนี้เปน็ แรงที่เรยี กว่า \"การซึม ตามรเู ลก็ (capillary action)\" ซ่ึงเป็นการเคลอื่ นทข่ี อง ของเหลวขน้ึ ไปตามท่อหรือหลอดขนาดเล็ก ๆ เนอื้ เทียน ทาจากพาราฟินแว๊กซ์ (paraffin wax) หรือขี้ผึ้ง ขผี้ ึ้ง (beeswax) กไ็ ด้ พาราฟินแวก๊ ซ์เปน็ ผลิตภัณฑท์ ี่เหลือของกระบวน พาราฟิน การแยกนา้ มนั ดบิ หรือก๊าซธรรมชาติ พาราฟินแว๊กซเ์ ป็นของผสม ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด และมจี านวนคารบ์ อน อยใู่ นสายโซ่โมเลกลุ ได้ตั้งแต่ 18-45 อะตอม ในสภาวะแวดลอ้ ม ปกติ สารพาราฟินแวก๊ ซ์ มสี มบัติค่อนข้างเฉ่ือยต่อการเกดิ ปฏิกริ ิยา เคมตี ่าง ๆ สว่ นขี้ผ้งึ คือ ไขท่ีผ้ึงขับออกมาเพื่อนาไปใช้สร้างและ ซอ่ มแซมรงั ผ้งึ ขผี้ ้งึ เปน็ ของผสมของสารต่าง ๆ เชน่ สาร ไฮโดรคาร์บอน สารโมโนเอสเทอร์ (monoesters) สารไดเอสเทอร์ (diesters) และอ่ืน ๆ อีกหลายอย่าง ขผ้ี งึ้ ธรรมชาติมีความ หนาแนน่ น้อยกวา่ น้าจึงลอยน้าได้ และมีจดุ หลอมเหลวอยู่ในช่วง ประมาณ 62-65 oC โดยขนึ้ อยูก่ ับองค์ประกอบต่าง ๆ ของขผ้ี ง้ึ

กลไกการติดไฟ การติดไฟของเทียนไข มกี ลไกท่นี ่าสนใจไม่น้อย เมอื่ เราจดุ ไฟให้เทียนไขเลม่ ใหม่ ไสเ้ ทยี นจะลกุ ไหม้ ความ รอ้ นของเปลวไฟ ทาให้เนื้อเทียนไขบรเิ วณโคนไส้เทยี นเกิดการหลอมเหลว และถกู ดูดซบั เขา้ ไปในตวั ไส้เทียนโดยแรง ซมึ ตามรเู ลก็ (capillary force) เนือ้ เทียนที่ถูกดูดเข้าไปในตัวไสเ้ ทยี น บางส่วนจะระเหยกลายเป็นไอ เน่ืองจาก ความร้อนจากเปลวไฟ และบางส่วนจะถกู เผาไหม้ไปพร้อมกบั ไส้เทียน ส่วนเหตุผลทีท่ าใหไ้ ส้เทียนเผาไหม้ช้านัน้ เกดิ จากเนอื้ เทยี นทห่ี ลอมเหลว ดงึ ความร้อนออกจากไส้เทียนมา ใชใ้ นการเผาไหมต้ วั เอง และใชใ้ นการเปล่ียนสถานะของพาราฟนิ หรอื ขผี้ งึ้ ใหก้ ลายเปน็ ก๊าซระเหยออกไป ตวั อย่าง ใกลเ้ คยี งในเรอ่ื งการถ่ายเทความรอ้ นน้ีคือ กลที่นักมายากลแสดงการจุดไฟต้มน้าในภาชนะทีท่ าจากกระดาษ กระดาษจะไม่ไหมไ้ ฟเน่ืองจาก นา้ ทาหน้าท่ีถ่ายเทความร้อนออกจากบรเิ วณท่ีกระดาษถูกไฟลน ทาให้อุณหภูมขิ อง กระดาษบริเวณน้นั ไม่สูงเพียงพอต่อการลกุ ไหม้ หรือการสันดาปนัน่ เอง ส่วนประกอบหลอดไฟ หลอดไฟฟา้ ธรรมดา หรอื หลอดแบบมไี ส้ มีลกั ษณะเป็นรูปกระเปาะแก้วใส มไี สห้ ลอดเป็นเสน้ เลก็ ๆ ขดเปน็ สปรงิ บรรจภุ ายใน ไส้หลอดทาด้วยโลหะ ทังสเตน โลหะออสเมยี ม หรือโลหะผสมระหว่าง ทงั สเตนกบั ออสเมียม เรยี กวา่ ออสแรม ( Osram ) ภายในหลอดแก้วสูบอากาศออกจนหมด เพราะถ้า ภายในหลอดมอี ากาศ เมือ่ ไส้หลอดรอ้ น แกส๊ ออกซิเจน จะทาปฏิกิรยิ าเคมีกับไสห้ ลอด กลายเป็นโลหะออกไซด์ ซ่งึ เปราะ ยุ่ยงา่ ย ซ่งึ ทาให้ไส้หลอดขาดง่าย แล้วบรรจุ แกส๊ ไนโตรเจน ( N2 )และแก๊สอารก์ อน (Ar) เพยี ง เลก็ นอ้ ยไวแ้ ทนที่ แก๊สน้จี ะช่วยใหไ้ สห้ ลอดท่ีได้รับความ รอ้ นไม่ระเหดิ ไปจบั ที่ผิวหลอดแกว้ ทาใหห้ ลอดไฟฟ้าไม่ ดา หลกั การทางานของหลอดไฟฟ้าธรรมดา เม่อื กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นไสห้ ลอดทีม่ ขี นาดเลก็ ทม่ี ีความตา้ นทานไฟฟา้ สูงมาก ๆ พลังงานไฟฟา้ จะถูก เปลยี่ นเปน็ พลงั งานความร้อน ทาใหไ้ ส้หลอดมีความร้อนสูงจนสามารถเปล่งเปน็ แสงสวา่ งออกมาได้

องค์ประกอบไม้ขีดไฟ 1. หัวไม้ขีด หวั ไมข้ ดี มลี ักษณะเป็นก้อนกลมทีป่ ระกอบด้วยโปตัสเซียมคอเรต ผสมกบั กามะถัน และกาว เพื่อให้ยึดเกาะกนั เปน็ ก้อน 2. กา้ นไมข้ ีด กา้ นไม้ขีดไฟ เป็นส่วนทที่ าจากไม้เนื้อออ่ น ไดแ้ ก่ ไมป้ อชนดิ ตา่ งๆ ไม้อ้อยชา้ ง ไมง้ ้วิ ไม้มะยมป่า ไมก้ ระทุ่มบก ไมม้ ะกอก และไม่ นางปรน เป็นต้น นอกจากน้ี มกี ารทดลองนาไม้ยางพารามาเป็น วัตถดุ บิ ผลิตกา้ นไมข้ ดี แตจ่ ากการสารวจผู้ประกอบการ พบว่า ไม้ ยางพารายังมคี ุณสมบตั ไิ ม่ดพี อ อาทิ – ลาต้นมีขนาดเลก็ เมื่อปอกเปลือกแล้วมีแก่นไม้เหลอื น้อย ไม่ คมุ้ ค่ากับการลงทนุ – ลาต้นไมค่ ่อยกลม ลาตน้ มปี ุ่ม และตามาก – เน้ือไมผ้ า่ เปน็ แผ่นได้ดี แตม่ ีปญั หาข้ึนราได้ง่าย – หลงั จากนาแผ่นไม้มาตากแหง้ มักเกดิ การปดิ งอ 3. กล่อง/กลักไม้ขีด กล่องไมข้ ีดหรือกลักไมข้ ดี แต่กอ่ นน้นั ทาด้วยไม้เชน่ เดยี วกนั ซ่งึ จะเพลาเป็นแผน่ บางๆ และขีดรอ่ งสาหรบั พับเปน็ ตัวกลกั และ ลิน้ สอดกลัก หลงั จากนนั้ นาไปตากใหเ้ พอ่ื ให้อยทู่ รงในรปู กล่อง ก่อนจะปิดดว้ ยกระดาษด้านนอก ทัง้ นี้ ปัจจุบัน บรษิ ัทผผู้ ลิตได้ หนั มาใช้กลอ่ งกระดาษแทน ซึ่งง่ายต่อการผลติ และประหยัด คา่ ใชจ้ ่ายได้มาก สาหรบั ดา้ นขา้ งกล่องหรอื กลักไม้ขดี ทงั้ สองดา้ นจะถูก เคลอื บด้วยฟอสฟอรัสแดงในลักษณะเป็นปมุ่ ตาข่ายสาหรบั ใช้หัว ไม้ขีดขูดเพือ่ ใหล้ ุกตดิ ไฟ นอกจากนั้น ยงั มกี ารผสมสารอ่ืนเขา้ ไป ดว้ ย อาทิ ผงแก้ว, โปตสั เซียมไดโครเมต, แอนตโิ มโนซลั ไฟด์, ผง ถ่าน และกาว เพอื่ ใหเ้ กดิ ความฝืดขณะขดู

กระบวนการผลิตไม้ขีดไฟ 1. นาไมส้ ดมาปอกเปลือกใหเ้ หลือเฉพาะแก่นไม้ ก่อนจะนามาเพลาให้เปน็ แผน่ บางๆ หนาประมาณ 2 มิลลเิ มตร แล้วนาไปผา่ เป็นเสน้ หรอื เป็นก้านขนาดด้านกวา้ งเท่ากนั ที่ 2 มลิ ลเิ มตร และยาว 5 เซนตเิ มตร กอ่ นจะนาไปแช่ น้าประสานทอง แล้วนาไปอบดว้ ยควนั กะมะถันเพ่ือกาจัด และป้องกันมอด ก่อนนาออกผงึ่ แดดใหแ้ หง้ 2. นาก้านไม้ขีดเข้าเครือ่ งขดั ก้าน เพอ่ื กาจดั เส้ียนหรือขนไมเ้ ลก็ ออก พร้อมกบั คดั ก้านที่ได้ขนาดแยกออก 3. นากา้ นไม้ขดี เข้าชุบขี้ผึ้งพาราฟนิ เพื่อป้องกนั ไมใ่ ห้ไฟตดิ ก้านไมข้ ีดไดง้ ่าย และอบแห้งอีกครงั้ 4. นากา้ นไม้ขีดเข้าชุบหวั ไมข้ ีด กอ่ นนาไปอบแหง้ ประโยชน์ และข้อดไี มข้ ีดไฟ 1. เป็นวัสดุท่ีใช้สาหรับจุดติดไฟเพ่ือการหุงหาอาหาร 2. สามารถจดุ ติดไฟไดง้ ่าย 3. สามารถพกพาไดส้ ะดวก 4. มรี าคาถกู ข้อเสยี และอนั ตรายจากไม้ขีดไฟ 1. ไม้ขดี ไฟ เม่ือขูดกับกลกั และลุกติดไฟจะปลอ่ ยควันพษิ ออกมา เม่ือสูดดมจะไดก้ ลนิ่ ฉุน และระคายเคืองต่อ ระบบทางเดินหายใจ ทาให้แสบคนั และเกิดอาการไอ และหากสมั ผสั กับตาจะทาให้ตาระคายเคือง เกิดอาการ แสบคันตา 2. ไมข้ ดี ไฟมักเส่ือมสภาพไดง้ ่าย ไมส่ ามารถจุดตดิ ไฟได้ ทงั้ กลอ่ ง และหวั ไม้ขีด โดยเฉพาะเม่ือสัมผสั กับนา้ หรือ ไอน้า ดงั นั้น จาเป็นตอ้ งเกบ็ ในท่ีรม่ ใหห้ า่ งจากน้าหรอื น้าฝนตลอด 3. สามารถลกุ ตดิ ไฟได้ หากอยใู่ กล้แหลง่ ความร้อน สว่ นประกอบของไฟฉาย ไฟฉายประกอบด้วยสว่ นต่าง ๆ หลายสว่ น เช่น หลอดไฟ กระบอกไฟ ฯลฯ ซึ่งเราจะมารู้จักกับสว่ นประกอบ ต่าง ๆ ของไฟฉายกนั วา่ มอี ะไรบา้ ง แตล่ ะสว่ นมหี นา้ ท่ีอยา่ งไร กระจกหน้าไฟฉาย - หนา้ หลอดไฟฉายจะมีกระจกกน้ั เอาไว้ ทาหนา้ ท่ปี ้องกันหลอดไฟจากความเสยี หายอนั เน่ืองมาจากสาเหตตุ ่าง ๆ และกระจกหนา้ ในไฟฉายบางรนุ่ ยังสามารถเปลี่ยนสีได้ เพื่อให้ไฟมสี ีตา่ ง ๆ กนั ออกไป ตามการใชง้ าน เชน่ สแี ดง สสี ้ม เปน็ ต้น หลอดไฟ - ทาหน้าท่ีให้แสงสวา่ ง วงแหวนปรับระดบั แสงไฟ – วงแหวนน้ีจะอยบู่ รเิ วณดา้ นหนา้ ของไฟฉายเราสามารถหมุนเพ่ือปรับการซูม ของแสงไฟได้ ซ่งึ หากไฟฉายซูมไปท่ีองศาแคบ ไฟจะส่องไปได้ไกล ถ้าซมู ไปที่องศากวา้ ง กจ็ ะส่องสว่างได้กว้าง กวา่ แต่ส่องไดใ้ นระยะทีใ่ กล้กวา่

กระบอกไฟฉาย - เป็นสว่ นท่เี ป็นแกนกลางของไฟฉาย มีลักษณะเปน็ กระบอก ใช้เป็นทีจ่ ับเวลาใช้ งาน ภายในจะเป็นช่องกลวงสาหรับเกบ็ แบตเตอรี่ ฝาปิดทา้ ย - ฝาปิดทา้ ยจะมโี ลหะเพ่ือเชื่อมกระแสไฟฟ้าระหวา่ งแบตเตอร่ีกับข้วั ท่ีอยดู่ ้าน หน้าของไฟฉาย และใชป้ อ้ งกันมิให้แบตเตอร์ร่ีหลดุ ออกมาจากตัวไฟฉาย ยาง O-ring - ยางนีจ้ ะชว่ ยในการกันน้าไม่ให้น้าเข้าสู่ตัวไฟฉาย ซึง่ มักจะอย่บู รเิ วณฝาปิดท้าย และ ดา้ นหน้าของไฟฉาย ไฟฉายทางานอย่างไร ไฟฉายเปน็ อุปกรณ์ไฟฟา้ ชนิดพกพาท่ีให้แสงสวา่ งบางออกเป็น 4 สว่ น คือ ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ กระบอก และสวิตซ์ ถา่ นไฟฉายเปน็ แบตเตอรีช่ นิดเซลลแ์ หง้ ซง่ึ ไฟฉายสว่ นมาก จะใช้เพียง 2-3 ก้อน เมือ่ กดสวิตซ์ เซลล์ กจ็ ะเชอ่ื มต่อกบั หลอดไฟและจะทาใหเ้ กดิ ความสว่างขนึ้ ที่หลอดไฟ ไฟฉายทาให้เกดิ แสงได้โดยการเชื่อมต่อกบั ขัว้ บวกและขวั้ ลบ ของถ่านไฟฉายเขา้ กบั หลอดไฟ กระแสไฟฟ้า ทอี่ อกจากขั้วบวกเข้าสู่หลอดไฟและไหลออกจากมาเขา้ สขู่ ้วั ลบทาให้กระแสไฟครบวงจร เม่อื เปิดสวติ ซแ์ ผ่น โลหะท่ีอย่ขู ้างในไฟฉายจะแตะทีข่ ้วั บวกของแบตเตอรี่ แลว้ ปล่อยใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านเข้าสูห่ ลอดไฟ

หลอด LED 1. ปลอดภัยไร้สารพษิ ในขณะท่หี ลอดฟลอู อเรสเซนต์มกี ารเคลอื บสารไตรฟอสเฟอรแ์ ละสารปรอทอยู่ ภายใน หากหลอดไฟชารดุ เสียหายก็มโี อกาสที่สารดงั กลา่ วจะเลด็ ลอดออกมาเปน็ อันตรายกับมนุษย์ได้ แต่ หลอดไฟ LED ไม่มปี ญั หาดงั กล่าว ทาใหง้ า่ ยต่อการรไี ซเคิลวัสดมุ าใช้ซ้าโดยไม่เป็นอนั ตรายต่อสิ่งแวดลอ้ ม 2. ไมร่ อ้ นแมไ้ มต่ อ้ งเปิดไฟ หลอดไฟ LED น้ีมขี ้อดีอนั สาคัญยงิ่ อยหู่ น่ึงอยา่ งกค็ ือ ปลอ่ ยความร้อนออกมา น้อยมาก นนั่ หมายความวา่ บ้านไหนใชไ้ ฟ LED ก็จะช่วยประหยัดคา่ ไฟในยามเปดิ เคร่อื งปรบั อากาศไปได้อกี มากโข 3. อายุยืน ใช้ไดย้ าวหลอดไฟ LED มีอายุการใช้ขน้ั ตา่ อย่ทู ่ี 25,000 ชั่วโมง ส่วนหลอดฟลอู อเรสเซนส์ 16,000 – 20,000 ชัว่ โมงเท่านน้ั (สนิ คา้ แตล่ ะยห่ี ้ออาจมีคุณสมบัตติ า่ งกนั ก่อนซือ้ อย่าลืมดูฉลาก) 4. ทนทานหลอดไฟ LED สามารถทนต่อแรงสัน่ สะเทือน หรอื กระทบกระแทกไดม้ ากกว่าหลอดไฟฟลูออ เรสเซนส์ แมจ้ ะสามารถแตกได้เชน่ เดียวกัน แตก่ เ็ ปราะนอ้ ยกว่า จงึ เหมาะกับการติดต้งั ในรถ ในลิฟท์ หรอื บริเวณท่ี มกี ารส่นั ไหวอย่เู สมอ หลอดไฟ LED หรือ Light Emitting Diode คอื เทคโนโลยีของการส่องสว่างใหม่ กนิ ไฟน้อย ทนทาน ให้ ความสวา่ งสูง เกดิ ความร้อนต่ามาก และก็ยังเรียกช่ือตา่ งๆกันไปโดยที่ ไม่มสี ถาบันหรือมาตรฐานอะไรรองรับกัน เชน่ เรียกวา่ LED Super Bright บา้ งตอ่ มาก็ตัง้ กนั เป็น LED Ultra Bight คอื เพ่ือให้มันดเู หมือนว่าสว่างกวา่ Super Bright และกม็ ีบางค่ายก็ตั้งเป็น High Bright , Extra Bright , ฯลฯ กแ็ ลว้ แตจ่ ะเรียกกนั ไป สรุปได้วา่ Ultra Bright มมุ กระจายของแสง อันนส้ี าคัญมากควรทราบวา่ ธรรมชาตขิ อง LED นั้นพงุ่ ตรงก็แบบทน่ี ามาทาไฟฉายน่ัน ละ่ ครับ คือพุ่งแตไ่ มก่ ระจาย ดงั น้ันเวลาไปใชท้ าไฟทางจรงิ ๆจะสวา่ งแคเ่ ปน็ กระจุก เร่ืองกระจายแสงนี้ บางที อาจจะสาคัญกวา่ ความสว่างที่จดุ ใดจุดหนงึ่ ของLED เสียอกี

กระดาษฟอยลห์ รอื อะลูมเิ นยี มฟอยล์ ทาจากอะลูมิเนียมที่หลอมและรีดใหเ้ ปน็ แผน่ บาง ประโยชน์ที่เรา ทราบกนั ดี คือใช้ห่ออาหารท่ีจะนาไปอบ ปง้ิ ย่าง บนกระทะหรือตะแกรง หรอื นามาห่ออาหารเพอ่ื รักษาความสด ปอ้ งกนั การสญู เสียนา้ ป้องกันอากาศหรือกล่นิ แปลกปลอมเขา้ ไปสัมผสั กบั อาหารและป้องกนั การซึมผา่ นของไขมนั และน้ามัน ประโยชนอ์ นื่ ท่คี วรทราบของกระดาษฟอยลห์ รืออะลูมิเนยี มฟอยล์ 1. ขัดคราบสกปรกบนภาชนะ จาน ชาม ช้อน ซอ้ ม หรอื กระทะเหลก็ ทใ่ี ช้ทาอาหารแต่ไม่ไดแ้ ช่น้าทง้ิ ไว้ ก่อนลา้ งทาให้คราบอาหารแหง้ ติด อยู่ หากไมม่ ฝี อยขดั หม้อ เราสามารถขยากระดาษฟอยลห์ รอื อะลมู ิเนยี มฟอยลเ์ ป็นก้อนกลมๆแล้วนามาใช้ขัดล้าง แทนฝอยขัดหมอ้ ได้ เพราะกระดาษฟอยล์หรืออะลูมิเนียมฟอยลท์ าจากโลหะอะลูมิเนยี มเหมอื นกับฝอยขัดหม้อ 2. ทาความสะอาดตะแกรงปงิ้ ตะแกรงปิ้งย่างมักมักจะมีคราบไหมต้ ิดอยู่ เคลด็ ลบั งา่ ยๆในการทาความสะอาดคือ ลา้ งเศษอาหารที่ ตดิ ตะแกรงออก แชน่ ้าทง้ิ ไว้ประมาณ 1 ช่วั โมง แล้วใชแ้ ผ่นอะลูมิเนยี มขยาเป็นก้อนกลมๆนาไปขดั ถบู นตะแกรงปง้ิ เพอ่ื ขจดั คราบไหมท้ ่ียังติดอยใู่ ห้หลุดออก จากนั้นนามาลา้ งด้วยสบอู่ ุ่นๆ จากนัน้ ล้างใหส้ ะอาดและเช็ดให้แหง้ 3.ขัดสนิม เคร่อื งใช้ในบ้านบางอยา่ งท่ีทาจากเหล็กเม่ือใช้ไปนานอาจจะข้ึนสนิม ซึ่งทาความสะอาดยาก เรา สามารถขัดสนิมให้หลุดออกไดง้ า่ ยข้ึน โดยการนาแผ่นอะลูมเิ นยี มฟอยลม์ าขยาเปน็ ก้อนกลมๆขัดถูเคร่ืองใช้ท่เี ปน็ สนิมพร้อมกบั น้าสบู่อนุ่ ๆ จากนั้นลา้ งออกด้วนน้าสะอาดและเช็ดให้แหง้ 4. รองพนื้ ตู้กับขา้ ว นอกจากประโยชนใ์ นการขดั ถูทาความสะอาดแลว้ อะลูมเิ นียมฟอยลย์ ังมีคณุ สมบตั ิ ในการ สะทอ้ นแสงไดด้ ี จงึ สามารถนามาปูรองพนื้ ภายในตู้กบั ขา้ ว จะชว่ ยใหต้ ้สู ว่างขนึ้ สามารถมองเหน็ สิ่งของท่ีเราวางไว้ ได้ง่ายขน้ึ และยังทาความสะอาดได้งา่ ย เพียงแคใ่ ชฟ้ องน้าเช็ดนา้ สบู่เชด็ คราบเป้อื นออก

ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง ไฟฉายทูอินวนั ง วันท่ี______ เดือน______________ พ.ศ._________ สมาชกิ ในกลุ่ม 7. ชื่อ_____________________________________ ชน้ั __________ เลขท่ี_________ 8. ชื่อ_____________________________________ ชั้น__________ เลขที่_________ 9. ชื่อ_____________________________________ ชัน้ __________ เลขที่_________ 10. ช่ือ_____________________________________ ชน้ั __________ เลขที่_________ 11. ช่ือ_____________________________________ ชัน้ __________ เลขท่ี_________ 12. ชื่อ_____________________________________ ช้นั __________ เลขท่ี_________ 1. ใหน้ ักเรยี นออกแบบไฟฉายจากวสั ดอุ ุปกรณท์ คี่ รเู ตรยี มไว้ให้ รูปวาดข้นึ อย่กู บั กิจกรรมของนกั เรยี น ขัน้ ตอนการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คาถามหลงั กิจกรรม ตอนที่ 1. 1. การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมนีต้ ้องการทดสอบสมบตั ิของแสงเร่ืองใด …………แหล่งกาเนิดแสงและการเคลอื่ นท่ีของแสง………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ถ้าไม่มีเทียนไขนกั เรียนจะใช้ส่งิ ใดแทนเพราะอะไร ………………ไฟฉาย หรือหลอดไฟ……………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรียนพบอุปสรรคใดระหว่างการทดลองบา้ ง …………………ตามประสบการณ์ของผู้เรยี น....………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. นกั เรียนส่องไฟฉายผา่ นหลอดดดู ชาไขม่ ุกนกั เรียนจะเห็นลาแสงจากไฟฉายหรือไม่ ………………………………เห็นลาแสงจากไฟฉาย.……………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ถ้างอหลอดชาไข่มุกนกั เรยี นจะเหน็ ลาแสงจากไฟฉายหรือไม่เพราะอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………มองไม่เห็นแสงไฟฉาย………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ให้นักเรยี นเรยี งลาดบั ข้ันตอนการทดลอง โดยเขยี นหมายเลข (1)-(4) หนา้ ข้อความทกี่ าหนดให้ .......3...... ฉายแสงไฟฉายหลงั กระป๋องท่ีเจาะรแู ล้วท้งั 3 กระป๋อง .....1........ นากระป๋องท่ีเจาะรแู ลว้ มาวางเรยี งกนั โดยให้รูตรงกลางอยู่ตรงกนั ......2....... เจาะรกู ระปอ๋ งทั้ง 3 แผน่ ......4....... สังเกตและบันทกึ ผลการทดลอง ตอนท่ี 2 จากใบความรู้ท่ี 1 เรื่องแหล่งกาเนดิ แสง ให้นกั เรียนจาแนกแหลง่ กาเนดิ ของแสง ตารางจาแนกแหล่งกาเนดิ แสง แหล่งกาเนิดของแสง จากนอกโลก จากสัตว์ จากความร้อน จากการเสียดสี การเผาไหม้  ดวงอาทิตย์        ห่งิ หอ้ ย กองไฟ เทียนไข ฟา้ แลบ หลอดไฟฟ้า ฟ้าผ่า ไฟฉาย ตอบคาถาม 1. จากตารางจาแนกแหลง่ กาเนิดของแสงโดยใชอ้ ะไรเปน็ เกณฑใ์ นการจาแนก ตอบ...............แหลง่ กาเนดิ ตามธรรมชาตแิ ละแหลง่ กาเนิดแสงประดิษฐ์................................... 2. แหล่งกาเนดิ ของแสงทใ่ี หญ่ที่สุดคืออะไร ตอบ...............ดวงอาทติ ย์.............................................

เฉลยกอ่ นและหลงั เรยี น เร่อื ง แหล่งกาเนิดและการเคลอื่ นทีข่ องแสง ข้อ ตวั เลือก 1ก 2ค 3ก 4ค 5ก 6ค 7ง 8ก 9ข 10 ง

เกณฑ์การใหค้ ะแนนกิจกรรม ไฟฉายทูอินวัน รายการประเมนิ เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการ เกณฑ์การประเมิน 1. ผลสัมฤทธิเ์ รอ่ื งแหล่งกาเนิดแสงและการ ประเมนิ เคลอ่ื นทีข่ องแสง คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบบทดสอบกอ่ น- 7-10 คะแนน ดี 2. บอกและอธิบายการเคลื่อนทข่ี องแสงจาก หลงั เรยี น 5-6 คะแนน พอใช้ แหล่งกาเนดิ แสง 1-5 คะแนน ปรับปรุง ใบกจิ กรรม 3 หมายถึง ดี 3. การออกแบบและสรา้ งไฟฉายทอู ินวัน 2 หมายถึง พอใช้ แบบประเมนิ ชิ้นงาน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ 4. การระบุและเลือกวสั ดใุ นการสร้างไฟฉายทูอนิ 3 หมายถึง ดี วนั ใบบันทึกกิจกรรม 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถงึ ปรับปรุง 5. กระบวนการออกแบบทางวศิ วกรรมในการ แบบประเมนิ กระบวนการ 3 หมายถงึ ดี สร้างไฟฉายทอู ินวัน ออกแบบทางวศิ วกรรม 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง 3 หมายถึง ดี 2 หมายถึง พอใช้ 1 หมายถึง ปรบั ปรุง

เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมนิ ดี ระดับคะแนน ปรับปรุง 1. ผลสัมฤทธิ์เร่ืองการเคลื่อนท่ีของแสง (3) พอใช้ (1) 2. บอกและอธิบายการเคลอื่ นที่ของแสง 7-10 คะแนน (2) จากแหล่งกาเนิดแสง บอกและอธบิ าย 1-5 คะแนน การเคลอื่ นท่ีของ 5-6 คะแนน ไมส่ ามารถบอก 3. ออกแบบการทดลองไฟฉายทอู นิ วนั แสงได้วา่ เคล่ือนท่ี บอกและอธิบาย และอธบิ ายการ เป็นเสน้ ตรงและ การเคล่อื นทข่ี อง เคลอ่ื นที่ของแสง 4. การระบแุ ละเลือกวัสดุในการสรา้ งไฟ เคล่อื นที่ได้ทุก แสงได้วา่ เคล่ือนที่ ไดว้ ่าเคล่อื นทเ่ี ปน็ ฉายทูอนิ วัน ทิศทาง เปน็ เส้นตรงและ เส้นตรงและ เคล่ือนที่ได้ทุก เคลื่อนท่ีได้ทุก สามารถออกแบบ ทิศทาง ได้เพียง ทิศทาง และทดลองตาม ขอ้ ใดขอ้ หน่ึง ไมส่ ามารถ เงือ่ นไขที่กาหนด สามารถออกแบบ ออกแบบและ และทดลองได้ไม่ ทดลองตาม เลือกวสั ดุท่ี ตรงตามเงื่อนไขที่ เงอื่ นไขที่กาหนด เหมาะสมกับ กาหนดเป็นสว่ น จุดประสงค์การใช้ ใหญ่ เลือกวสั ดทุ ีไ่ ม่ งานและสามารถ เลอื กวัสดทุ ่ี เหมาะสมกับ อธบิ ายเหตุผลใน เหมาะสมกับ จดุ ประสงค์การใช้ การเลอื กใช้ได้ จุดประสงค์การใช้ งาน งานแต่ไมส่ ามารถ อธบิ ายเหตผุ ลใน การเลอื กใช้ใหไ้ ด้ 5. กระบวนการออกแบบทางวศิ วกรรมใน ครบ 3 ขอ้ ขาด 1 ข้อ ขาด 2 ข้อ การสร้างไฟฉายทอู นิ วนั

แบบประเมินความพงึ พอใจของนกั เรยี น ท่ีมตี ่อคู่มือกิจกรรมการเรียนรู้แนวสะเตม็ ศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ......... เล่มที่ ............ เร่อื ง........................... กิจกรรม ................................ รายการ มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทส่ี ุด 54 3 21 1. ความเหมาะสมของขนาดรูปเล่ม 2. เหมาะสมกับวัยของนักเรียน - 3. ความน่าสนใจของเนือ้ หา 4. ความเหมาะสมของภาษาท่ีใช้ 5. ตัวอักษรมีขนาดเหมาะสม 6. ความเหมาะสมของภาพประกอบ 7. ความเหมาะสมของภาพประกอบกบั เน้อื หา 8. สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นเกิดการเรยี นรู้ รวม เฉล่ีย 5 หมายถึง ดีมาก 4 หมายถึง ดี 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง นอ้ ย 1 หมายถงึ น้อยทสี่ ุด

บรรณานุกรม การตัดกระดาษดาตดิ ทีห่ นา้ ไฟฉาย. สบื คน้ มนี าคม 15, 2559, จากhttp://www.uppic.org/image- 712C_53786990.jpg แหลง่ กาเนิดแสง. สบื ค้น กนั ยายน 8, 2559, จากhttps://www.youtube.com/watch?v=14A9 vYZHYMk&list=PLvJJOUEAv7m4-5t_-7F-IxDTZU8Qs9V25 การเคล่อื นทข่ี องแสง.สืบค้น กันยายน 8, 2559, https://www.youtube.com/watch?v=UQ- e3UxjUzw&index=2&list=PLvJJOUEAv7m4-5t_-7F-IxDTZU8Qs9V25 นคร มแี ก้ว. คู่มอื -เตรียมสอบ วทิ ยาศาสตร์ ป.4. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พภ์ มู ิบณั ฑิต, ม.ป.ป. บญั ชา แสนทวี และคณะ. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พิมพ์วฒั นาพานิช จากัด, ม.ป.ป. ฝา่ ยประเมินมาตรฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี มาตรฐานสะเตม็ ศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท ซัคเซสพบั ลเิ คชัน จากดั , 2558. วรายุ ลีป้ ระเสริฐ.คู่มอื การสรา้ งสื่อการสอนวิทยาศาสตร.์ กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์ สวุ รี ยิ าสาสน์ , 2539. วรรณทิพา รอดแรงคา้ และคณะ. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากดั , 2554. ศิรริ ัตน์ วงศ์ศริ ิ และคณะ. หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จากัด, 2553. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4. พมิ พค์ รั้งท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร : องคก์ ารคา้ ของคุรุสภา, 2555. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. คมู่ ือกิจกรรมสะเต็มศึกษาระดับ ประถมศึกษา (ป1-ป.6). กรงุ เทพมหานคร : องค์การคา้ ของคุรสุ ภา, 2559. เอกรนิ ทร์ ส่ีมหาศาล และคณะ. แบบวดั และบนั ทกึ ผลการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 8. กรงุ เทพมหานคร : บริษทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากัด, 2553 ผู้จดั ทาขออนญุ าต นาภาพจาก แหลง่ อ้างองิ ทง้ั หมด มาประกอบการจดั ทาโดยมิไดใ้ ช้เป็นผลประโยชน์ทาง ธรุ กิจ เป็นการจดั ทาเพอื่ การศึกษา ขอขอบคุณเป็นอย่างสงู มา ณ โอกาสนี้