Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือสำหรับเกษตรกร-การปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์

คู่มือสำหรับเกษตรกร-การปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์

Description: คู่มือสำหรับเกษตรกร-การปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบเกษตรอินทรีย์

Search

Read the Text Version

5.5 ชว่ งการเจรญิ เติบโตของกญั ชา โดยท่วั ไป สามารถแบง่ การเจริญเตบิ โตได้ 5 ช่วง ซง่ึ แต่ละช่วงใช้เวลาตา่ งกัน ตามสายพันธ์ุและสภาพ แสง คือ ชว่ ง ลักษณะ 1) ชว่ งเมล็ดงอก เร่ิมเมื่อเมล็ดไดร้ ับความชืนC จนรากงอกออกมา และเรม่ิ มีใบเลียC ง (germination) 2) ชว่ งตน้ อ่อน เรม่ิ จากใบเลCียงบานออก และใบจรงิ เริ่มงอกออกมา ต้นยดื ตัว จนมใี บ (seedling) เลCยี ง 4 – 8 ใบ 3) ช่วงเจริญเตบิ โตทางตน้ มีการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ เพือ่ สะสมอาหาร โดยในชว่ งแรก ตน้ จะ (vegetative growth) ยืดสงู แตกใบจาำ นวนมาก ประมาณกลางๆ ของช่วงนีC ตน้ จะเรมิ่ แสดงเพศอย่างชดั เจน 4) ชว่ งออกดอก ชว่ งปลายของการเจรญิ เตบิ โต (บางคนก็เรยี กช่วงก่อนออกดอก หรอื (flowering) pre-flowering) ต้นจะสูงชา้ ลง แตจ่ ะแตกทรงพุ่มเป็นสว่ นใหญ่ และ ปรากฏเพศของตน้ อย่างชดั เจน 5) ชว่ งพฒั นาเมล็ด (seed) แทงช่อดอก (ทCังตัวผแู้ ละตัวเมยี ) ออกมาจาำ นวนมาก ดอกพัฒนาจน สมบูรณ์ ในกรณีที่เป็นดอกตวั ผู้ ดอกจะบาน และปล่อยเกสรออกมา นบั จากชว่ งทด่ี อกตวั เมยี ไดร้ ับการผสมเกสร จนเมล็ดแกส่ มบรู ณ์ 5.6 สารสาำ คญั ในกญั ชา นา่ จะมสี ารประกอบทางเคมมี ากกว่า 500 ชนิด ซง่ึ อยา่ งนอ้ ย 100 ชนิดเปน็ สารที่ไมพ่ บในพืชอ่นื (Woodbridge, 2562) โดยเฉพาะสารใน 2 กลมุ่ สำาคญั คือ กลมุ่ แคนนาบนิ อยด์ และสารเทอรป์ ีน โดยสารใน กลมุ่ แคนนาบินอยด์เป็นสารที่ได้รับความสนใจในทางการแพทยม์ าก คอื เดลต้า 9 เตตร้าไฮโดรแคนาบนิ อยด์ (THC) และแคนนาบไิ ดออล (CBD) โดยสาร THC นี้เทา่ นนั้ ท่ีเปน็ สารท่อี อกฤทธติ์ อ่ จิตประสาท ในขณะทส่ี าร CBD จะไมอ่ อกฤทธ์ิ แตก่ ็ยงั มีสารแคนนาบนิ อยดอ์ ่ืน เชน่ Cannabinoids Tetrahydrocannabivarin (THCV) Cannabichromene (CBC) และ Cannabigerol) (CBG) ซ่ีงเช่อื กันว่า สามารถช่วยบรรเทา หรือเพมิ่ ผลการ บรรเทาหรอื บาำ บัดโรค รวมท้งั ยังอาจทำางานเสรมิ ฤทธ์ิของ THC และ CBD ได้อีกดว้ ย สว่ นสารในกลุ่มของเทอรป์ ีน ซึ่งมีมากกวา่ 120 ชนิดในกญั ชาน้นั เป็นสารประกอบอะโรมาตกิ ที่ทาำ ให้ กญั ชาแตล่ ะสายพันธ์ุมีกลิ่นและรสที่ต่างกนั ออกไป เช่อื กันวา่ สารเทอร์ปีนช่วยในการบำาบดั โรค และทำางาน เปลยี่ นหรือเพ่ิมฤทธท์ิ างยาของสารแคนนาบินอยด์ ในลักษณะของเอ็นทูราจเอฟเฟต์ (entourage effect) (Woodbridge, 2562) สารแคนนาบินอยด์และเทอรป์ นี จะพบมากในไตรโคม (8) ของต้นกญั ชาตัวเมียท่ียังไมไ่ ด้ผสมพันธ์ุ 8 ไตรโคม (tricome) เป็นขนเล็กๆ ทขี่ ึ้นทีใ่ บพืช ซ่ึงอาจมหี นา้ ท่ีต่างๆ กนั ไป โดยส่วนใหญจ่ ะทาำ หนา้ ท่ใี นการปอ้ งกันแมลงศตั รูพชื (โดยทาำ ให้แมลงศัตรูพชื เข้าทำาลายพชื ได้ยากข้ึน หรือในบางกรณี ก็เพื่อลอ่ แมลงศัตรูธรรมชาติ เพ่ือให้มาจัดการกับแมลงศัตรพู ชื ) ในกรณีของกญั ชา เมอ่ื เข้าสชู่ ่วงท่ีจะเริม่ ออกดอก จะเกดิ ไตรโคมท่ีใบกัญชาจะปลอ่ ยสารแคนนาบินอยด์ หนา้ 57 จาก 84

บทที่ 6. การเพาะปลูกกัญชาทางการแพทย์ในระบบเกษตร อนิ ทรีย์ ขอ้ แนะนำาในการปฏบิ ตั ิน้ี สาำ หรบั การปลูกกญั ชาในระบบแบบเกษตรอนิ ทรยี ์ อาจเปน็ แบบการปลกู กลางแจง้ หรอื มีโรงเรือนเปดิ (มเี ฉพาะหลังคาใส) หรอื โรงเรือนปดิ ซึง่ แตล่ ะแบบมขี ้อดีข้อเสยี รวมทง้ั งบประมาณคา่ ใชจ้ ่ายต่างกัน (ดูตารางเปรียบเทยี บข้างล่าง) ในกรณีของการปลกู กัญชา ในโรงเรอื นปดิ จะตอ้ งมกี ารติดต้ัง ระบบระบายความร้อน เพราะในโรง เรือนจะมีความร้อนสะสมอยู่ ซงึ่ ระบบระบายความรอ้ นท่ีนิยมใช้ก็ คือ ระบบพดั ลมไอระเหย (โดย ทว่ั ไปเรียก evap) ซึ่งมหี ลักการ ทาำ งานคือ พัดลมดูดอากาศออกจาก โรงเรือน โดยฝง่ั ตรงข้ามที่ติดพัดลม จะติดต้งั แผงระบายอากาศท่ีมนี ำา้ ไหลผา่ น ซึ่งจะทาำ ให้อุณหภูมใิ นโรง เรือนเย็นลง (ดรู ูปข้างล่างประกอบ) ต ร งเปรยี บเทียบก รปลูกกัญช รูปแบบต่ ง ๆ รูปแบบก ร ข้อดี ขอ้ จำ กัด งบประม ณ หม ยเหตุ ปลูก ค ดก รเบื้องตน้ การปลกู ระบบ ตน้ ทนุ ตำ่า ประหยัดพลงั งาน ปญั หาเร่ือง ศัตรูพืช ระบบตามขนาด ระบบนำ้า เปดิ แสง เนื่องจากใช้แสงจาก ปลูกได้ตามฤดูกาล พ้ืนที่ ชีวภัณทก์ าำ จดั ศตั รู ธรรมชาติได้ พชื ระบบโรงเรอื น สามารถปอ้ งกันฝน ไม่สามารถปอ้ งกัน พน้ื ที่ 20*6 เมตร โรงเรือน ทมี่ เี ฉพาะ หลังคาใส ศตั รูพืชไดเ้ นือ่ งจาก ใช้งบประมาณ ระบบนาำ้ เปดิ 4 ด้าน 120,000 บาท ชีวภณั ทก์ ำาจดั ศตั รู พชื ระบบโรงเรือน กนั แมลงและศัตรพู ืชขนาด ต้องมรี ะบบลดความ พื้นที่ 6*20 เมตร โรงเรอื น กรนี เฮ้า เล็ก ควบคุมสภาพแวดล้อม ร้อนภายในโรงเรอื น ใชง้ บประมาณ ระบบนำ้า ได้ ปลกู ได้มากกวา่ 1 คร้งั 200,000 บาท ไม่ ชีวภณั ท์กาำ จัดศัตรู ตอ่ ปี สามารถติดโคมไฟเพอ่ื รวมคา่ ไฟ พชื เพ่ิมแสงได้ หน้า 58 จาก 84

แนวทางการปลกู ในเอกสารน้ีจะเนน้ ไปทกี่ ารปลกู กญั ชาสายพันธ์ไุ ทย ซง่ึ ควรเร่ิมเพาะเมล็ดและปลกู ใน เดือนสงิ หาคม ซงึ่ ตน้ จะเริม่ ออกดอกในช่วงกลางเดือนตุลาคม (เนอ่ื งจากพันธุไ์ ทยส่วนใหญ่เปน็ สายพนั ธทุ์ จี่ ะ เริ่มออกดอก เม่อื ช่วงกลางวนั ส้นั กว่า 12 ชั่วโมง (photoperid) และจะเริ่มเก็บเก่ียวไดต้ ง้ั แตป่ ลายเดือน ธันวาคม จนถึงกลางเดอื นมกราคม โดยภาพรวมแล้ว ในกระบวนการผลติ กัญชาเพอื่ การแพทย์ มขี ั้นตอนสำาคัญอยู่ 12 ขั้นตอน เรมิ่ จาก การเพาะเมล็ด ไปจนถึงการเก็บเก่ยี ว (ในช่วงออกดอก) และการจดั การหลงั การเกบ็ เกย่ี ว (การทาำ แหง้ ) แตจ่ ะ ไม่ครอบคลุมการผลติ เมล็ดพันธ์กุ ัญชา ซ่ึงมีกระบวนการผลิตที่แตกตา่ งออกไป ตารางข้างล่างแสดงขัน้ ตอน การผลติ (หัวข้อของขน้ั ตอนน้นั ) ในแตล่ ะช่วงการเจริญเติบโต และช่วงเดอื น ชว่ งการเจริญ ขนั้ ตอนการผลิต ช่วงเดือน เตบิ โต ขนัC ตอนเพาะเมล็ด (6.1) ต้นเดอื นสงิ หาคม 1) ช่วงเมล็ดงอก 2) ชว่ งตน้ ออ่ น ขนัC ตอนการเลยCี ง/ดแู ลต้นกล้า (6.2) ตน้ เดอื นสิงหาคม 3) ช่วงเจรญิ เตบิ โตทางต้น เตรียมดินและวสั ดุปลกู (6.3) ต้นเดือนสงิ หาคม 4) ช่วงออกดอก ย้ายกล้าลงเข่งปลกู /แปลงปลูก (6.4) กลางเดือนสงิ หาคม การใหน้ าCำ (6.5) สงิ หาคม-ตลุ าคม การใสป่ ุ๋ยธาตุอาหาร (6.6) สิงหาคม-ตลุ าคม การจดั การกาำ จดั ศัตรูพชื (6.7) สงิ หาคม-ตลุ าคม การตดั แต่ง/โนม้ กงิ่ (6.8) ต้น-กลางกันยายน การเปดิ ไฟแสงกวา่ งเพื่อยดื ระยะเวลาการเจริญเติบโตทางตน้ (6.9) ตุลาคม การเก็บเกย่ี วช่อดอก/ต้น (6.10) ปลายธันวาคม- ตน้ มกราคม การทาำ ลายซาก (6.11) กลางมกราคม การจดั การหลังการเกบ็ เก่ียว (6.12) ปลายธันวาคม- กลางมกราคม 6.1 ขน้ั ตอนเพาะเมล็ด ปัญหาท่ีมักพบและ * เมลด็ ไม่งอก หรอื มีอัตราการงอกต่าำ ส่วนใหญ่มกั พบว่า การเก็บเมลด็ พันธทุ์ ีไ่ มไ่ ด้ สาเหตุ คณุ ภาพ เมลด็ ออ่ นเกินไป หรือการจัดการหลังการเกบ็ เก่ียวไมถ่ ูกวิธี * เมล็ดมเี ชือ้ รา เนื่องจากการจดั การหลงั การเกบ็ เกี่ยวไม่ถูกวิธี ขอ้ กำาหนดมาตรฐาน * เมล็ดพนั ธ์ทุ ท่ี ง้ั ต้นตวั ผู้และตัวเมียปะปนกัน เนือ่ งจากผ้ผู ลติ เมล็ดพันธุ์ไมส่ ามารถ เกษตรอินทรียท์ ี่ จำาแนกเพศของเมลด็ ใหก้ ่อน เก่ยี วข้อง * ปลายรากทง่ี อกออกมาแหง้ เปน็ สีน้ำาตาล เพราะความช้ืนไม่เพียงพอ * เมล็ดพันธ์ุควรเปน็ เมล็ดพนั ธุท์ ่ปี ลกู ในระบบเกษตรอนิ ทรยี ์ * เมลด็ พนั ธุ์ต้องไม่คลุกสารเคมีปอ้ งกันกำาจัดศัตรูพืช และสารอื่นๆ ที่ไมอ่ นญุ าตให้ใช้ ในระบบเกษตรอนิ ทรีย์ หน้า 59 จาก 84

* สารทีใ่ ช้กับเพือ่ กำาจดั โรคและแมลง หรือกระตนุ้ การงอกของเมลด็ พันธุ์ ต้องเป็นสาร ทีอ่ นญุ าตให้ใชใ้ นระบบเกษตรอินทรยี ์ * วสั ดุเพาะเปน็ วสั ดุทอ่ี นุญาตให้ใช้ในระบบเกษตรอินทรีย์ ขน้ั ตอนปฏบิ ตั ทิ แี่ นะนาำ นำาเมลด็ ออกจากซองตามจาำ นวนทต่ี ้องการใชท้ ีละน้อย โดยเทลงบน กระดาษ/ ภาชนะท่สี ะอาด แห้ง ไม่ควรเทเมลด็ ท่ีออกจากซอง กลบั คืนลงในซอง เมล็ดกญั ชา 100 เมลด็ มนี า้ำ หนักประมาณ 4 – 5 กรัม ในกรณีท่แี หลง่ ทีม่ าของเมล็ดไดจ้ ำาแนกเพศของเมล็ดแล้ว (เมลด็ เพศเมีย) ควรทำาการเพาะเมล็ดเผ่ือประมาณ 5 – 10% ของปริมาณทตี่ ้องการปลูก โดยประเมินจากอัตราการงอกของเมล็ดในรุ่นนั้นๆ แตใ่ นกรณีทไี่ มร่ เู้ พศของเมล็ด ควรทำาการเพาะเมล็ดเผื่อ 20 – 30% เพือ่ ให้ได้ตน้ กล้าเพศเมยี เพียงพอกับท่ี วางแผนปลกู แช่เมลด็ ในสารละลายจุนสี ความเขม้ ข้น 1% (1 กรัม/น้ำา 1 ลิตร) นาน 2 นาที เพ่อื กำาจัดเชื้อราท่อี าจปนเป้ือนมากับเมล็ด ในกรณีท่ไี ม่มีจุนสี ให้แชเ่ มลด็ ในนำ้าร้อน 70 องศา นาน 2 นาทแี ทน ทาำ ความสะอาดจานเพาะเมล็ดก่อนนำามาใช้ โดยการแช่ นา้ำ จุนสี หรือลวกนำา้ ร้อนนาน 1 นาที ใส่กระดาษเพาะ/ทชิ ชู รองพื้น เติมนาำ้ สะอาด ใหพ้ อช่มุ นาำ เมล็ดมาวางบนจานเพาะ จานละ 10 เมลด็ ทุกๆ 24 ช่วั โมง ใหย้ ้ายเมล็ดที่งอกลงถ้วยเพาะ โดยให้ย้ายเฉพาะตน้ ท่ีสมบูรณ์ ต้นทีไ่ มส่ มบรู ณ์ ให้คัดท้ิง (ทาำ ลาย) ในกรณีทพ่ี บว่า มเี มลด็ ข้ึนราในจานเพาะ ใหน้ าำ เมลด็ น้ันออกทำาลายทันที หลงั จาก 7 วันแล้ว ใหท้ าำ ลายเมลด็ ท่ยี งั ไมง่ อกทัง้ หมด หน้า 60 จาก 84