กำรเขียนบทควำมวิชำกำบรทควำมวจิ ัย เพื่อตพี มิ พใ์ นวำรสำรระดับชำติระดบั นำนำชำติ สำหรบั นิสติ ระดบั บณั ฑิตศึกษำ โดย นำงสำวกนกพร หมื่นเท่ยี ง รหัส 61170016
สารบัญ 1 6 การเขียนบทความวิชาการและบทความวิจยั 8 การตพี มิ พ์เผยแพร่ สรุปทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิดสาคญั ทางนวตั กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การสอื่ สาร
1 การเขยี นบทความวชิ าการและบทความวิจัย สง่ิ สำคญั 2 ประกำร กอ่ นกำรเร่มิ เขียนบทควำม 1. กำรกำหนดสมมติฐำนและวัตถุประสงค์ 2. ทบทวนวรรณกรรมท่เี กี่ยวขอ้ งกบั หวั ข้อ ส่วนประกอบสำคญั บทนำ คอื ทำอะไร ทำไมตอ้ งทำ วิธกี ำร คือ ทำอย่ำงไร ผลกำรทำวิจัย คอื ไดข้ อ้ คน้ พบอะไร อภิปรำยผล คือ สง่ิ ท้งั หมดคอื อะไร
2 11 ข้นั ตอนในการเขียนบทความวิชาการ ข้นั ตอนท่ี 1 ตัวเลขและตำรำง ในกำรนำเสนอข้อมูล ควรจัดวำงตัวเลข และตำรำงให้มคี วำมน่ำสน อำ่ นงำ่ ย เขำ้ ใจงำ่ ย ข้นั ตอนที่ 2 กำรเขยี นวธิ กี ำร ปัญหำของงำนวจิ ยั เปน็ อย่ำงไร เพ่อื ให้ ผอู้ ำ่ นทม่ี คี วำมร้สู ำมำรถทำซำ้ กำร ทดสอบได้ ขน้ั ตอนที่ 3 เขยี นผลลัพธส์ ว่ น ตอบคำถำม \"คุณพบอะไร\" ควรนำเสนอ ผลลพั ธท์ เี่ ปน็ สถิติจำกกำรวจิ ัยของคุณ เท่ำนน้ั มคี วำมสำคญั สำหรับกำรอภปิ รำย
3 11 ขั้นตอนในการเขยี นบทความวชิ าการ (ต่อ) ขนั้ ตอนท่ี 4 กำรเขยี นอภิปรำยผล เปน็ สว่ นทส่ี ำคัญที่สดุ ของบทควำม เป็น กำรเขยี นสรุปบรรยำยของผลที่คน้ พบจำก งำนวิจัย ขั้นตอนที่ 5 เขยี นบทสรปุ ในส่วนน้ีแสดงให้เหน็ วำ่ งำนกำ้ วหนำ้ ไป อยำ่ งไรจำกสภำวะควำมร้ใู นปัจจุบัน ขั้นตอนที่ 6 กำรเขยี นคำท่ีน่ำสนใจใน บทควำม เป็นโอกำสโน้มนำ้ วใหผ้ ้อู ำ่ น เข้ำใจ ถึงประโยชน์ของงำนวจิ ัย
11 ขั้นตอนในการเขยี นบทความวชิ าการ (ต่อ) 4 ขัน้ ตอนท่ี 7 กำรเขยี นบทคดั ยอ่ บทคัดยอ่ จะบอกผอู้ ำ่ นที่คำดหวังว่ำคุณ ทำอะไรและส่ิงท่คี น้ พบท่สี ำคญั ในกำรวจิ ัย ของคุณคืออะไร ขนั้ ตอนที่ 8 เขียนช่อื ท่กี ระชับและมี ควำมหมำยชือ่ เรื่องจะต้องอธบิ ำยส่งิ ท่เี ปน็ กระดำษเกยี่ วกบั วงกวำ้ ง เปน็ โอกำสแรก ท่ีคุณจะได้รับควำมสนใจจำกผู้อ่ำน ขั้นตอนท่ี 9 เลือกคำหลกั สำหรับกำรจัดทำ เพอ่ื ในกำรคน้ หำ วำรสำรสำมำรถคน้ หำ ข้อควำมทงั้ หมดได้
5 11 ข้นั ตอนในการเขียนบทความวชิ าการ (ต่อ) ขน้ั ตอนที่ 10 เขียนข้อควำมขอบคุณ ควรเร่ิมที่กำรขอคณุ คนท่ีมีส่วนร่วม กำร ขอบคุณหน่วยงำนระดมทนุ ของคณุ หรือ หน่วยงำนที่ให้ทุนหรือกำรคบหำกบั คุณ ขั้นตอนท่ี 11 เขยี นกำรอำ้ งองิ โดยปกติ แลว้ มีข้อผิดพลำดในกำรอำ้ งองิ มำกกว่ำ ในสว่ นอน่ื ๆ ของต้นฉบบั
การตีพิมพเ์ ผยแพร่ 6 1. กำรเผยแพรใ่ นทปี่ ระชมุ วิชำกำรระดับชำติ หรอื นำนำชำติ (conference) ซึง่ มักเป็นกำรนำผลงำนวจิ ัย ทเี่ พ่งิ ทำเสรจ็ มำเขยี นเปน็ บทควำมแล้วส่งให้บรรณำธิกำร ของที่ประชมุ วชิ ำกำรพจิ ำรณำ 2. กำรเผยแพรง่ ำนวำรสำรวิชำกำร ช่องทำงกำรเผยแพรใ่ นรปู แบบนจ้ี ัดไดว้ ำ่ เปน็ ทำงกำร และไดร้ บั กำรยอมรับมำกทส่ี ุดในวงกำรวิชำกำรโดยทวั่ ไป กำรพจิ ำรณำจะเป็นไปได้ 3 กรณี ดังน้ี กำรตอบรบั ให้ตพี ิมพ์ (accept) กำรสง่ กลบั มำแก้ไข (revise) และกำรปฏเิ สธ (reject) เม่ือได้รับกำรตอบใหต้ พี ิมพ์ (accept) ทำงวำรสำรจะจัด ทำตน้ ฉบับทีเ่ หมือนจริงในวำรสำรส่งใหน้ กั วิจัยตรวจทำน อีกครง้ั เพ่ือป้องกนั ควำมผิดพลำด นกั วจิ ยั ตอ้ งรีบดำเนินกำร ตรวจแกไ้ ขและส่งกลบั คนื อยำ่ งรวดเรว็
การตพี มิ พเ์ ผยแพร่ (ต่อ) 7 ผลกำรวจิ ยั และกำรเขยี นจะตอ้ งมลี กั ษณะดงั น้ี 1. งำนวจิ ยั ทีท่ ำมีควำมคดิ ริเร่ิม (originality) และมคี วำม แปลกใหม่ (novelty) 2. งำนวจิ ัยทที่ ำมีคุณภำพและผลกำรวจิ ยั ดี 3. ตัง้ ชอ่ื เร่ือง (title) ได้ตรงกบั ผลงำนและดงึ ดูดใจ บรรณำธิกำร (editor) และผ้อู ำ่ นพิจำรณำ (reviewer) 4. คณุ ภำพของผลซง่ึ แสดงโดยรปู ไดอะแกรม ตำรำง กรำฟ ฯลฯ ชดั เจนสวยงำมถกู ต้องและนำ่ เช่ือถือ เพรำะเป็นส่วนทีส่ ำคญั ทจ่ี ะมองเหน็ ไดง้ ำ่ ย 5. เตรียมตน้ ฉบับตรงตำมคำแนะนำ (instruction for author) ของวำรสำร 6. เขียนในแตล่ ะสว่ นได้อย่ำงชดั เจน (clear) กระชบั (concise) หนกั แน่น (solid) เข้มข้น (strong) เรียงลำดับอย่ำงถูกต้องและสมเหตผุ ล (right and logical order)
8 การตพี มิ พ์เผยแพร่ (ตอ่ ) ผลกำรวจิ ยั และกำรเขยี นจะตอ้ งมลี กั ษณะดงั นี้ 7. เน้อื หำสัมพนั ธ์ กลมกลืนไปดว้ ยกัน (coherent) และอำ่ นแล้วลืน่ ไหล (smooth) 8. อำ่ นแล้วไดค้ วำมรูใ้ หม่ (new knowledge) ทฤษฎีใหม่ (new theory) มโนทัศนห์ รือควำมคิดใหม่ (new concept or idea)
สรุปทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคดิ สาคญั ทางนวตั กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การสอ่ื สา
สรปุ ทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิดสาคัญ 9 ทางนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการสอื่ สาร (ตอ่ ) รูปแบบกำรสอนใหมๆ่ เชน่ กำรสอนแบบห้องเรยี นกลับทำง หรอื Flipped Classroom กำรจัดกำรเรยี นรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐำน หรอื Activity-Based Learning รวมไปถงึ กำรจัดกำรเรยี นรูแ้ บบใช้ปญั หำเปน็ ฐำน หรอื Problem-Based Learning เป็นต้น แนวคดิ กำรปฏิบตั ิ หรือสิง่ ใหม่ๆ เหล่ำน้ัน จำกกำรศึกษำของ Everett M. Rogers เรือ่ งกำรเผยแพรน่ วตั กรรม หรอื Diffusion of Innovation Model แสดงให้เหน็ สัดสว่ นของกำรยอมรบั นวตั กรรมทแี่ ตกตำ่ งกนั ซึ่งสำมำรถแบ่งได้ ดงั น้ี กลมุ่ แรก กลุม่ คนแบบ Innovator หรอื ที่เรำเรยี กกนั ว่ำกลมุ่ นวตั กร กลมุ่ คน เหลำ่ นีจ้ ะเป็นกล่มุ แรกๆ ทต่ี ้องกำรใช้หรืออยำกลองนวัตกรรม แนวคดิ วธิ ีกำรท่ี เกิดขน้ึ ใหมๆ่ แรงจงู ใจสำคญั กค็ อื กำรคดิ วำ่ ตัวเองเปน็ สว่ นหนงึ่ ของกำรปลี่ยน แปลง คนกลุม่ นจ้ี ะยินดใี ชน้ วัตกรรมหรือเทคโนโลยใี หม่ โดยยอมรับกับปัญหำ และควำมเสี่ยงท่ีจะเกดิ ขึ้นในระยะแรกๆ ในกำรใช้สงิ่ ใหมๆ่ เหล่ำนั้น ยกตัวอยำ่ ง เชน่ กำรนำสมำร์ทบอรด์ หรือ กำรนำ MOOC มำใช้ในหอ้ งเรียน กลุ่ม นวัตกร จะเป็นคนกลมุ่ แรกทีส่ นใจ เข้ำไปศกึ ษำเรยี นรู้ และนำไปใชใ้ นกำรเรียนกำรสอน ทนั กลมุ่ ท่ี 2 เรำเรยี กวำ่ กลมุ่ Early Adopters คือกลมุ่ คนทพ่ี ร้อมจะเปล่ียนแปลง ตนเองเมอื่ เหน็ คนอืน่ เร่มิ ใช้ และมองเหน็ ประโยชนจ์ ำกนวัตกรรมหรือเทรนด์ ใหม่ๆที่เกิดข้ึน มีควำมตระหนกั ถึงควำมจำเป็นทีจ่ ะตอ้ งมกี ำรเปล่ียนแปลง ไม่ จำเปน็ ต้องโนม้ น้ำวหรอื ชักจูงให้เปล่ียนแปลง คดิ เปน็ 13.5%
สรุปทฤษฎี ความหมาย ขอบเขต แนวคิดสาคญั 10 ทางนวัตกรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การสอื่ สาร (ตอ่ ) กล่มุ คนกลมุ่ ท่ี 3 เรำจะเรยี กวำ่ Early Majority คิดเป็นประมำณ 34% คนกลมุ่ นี้มีควำมพร้อมทจ่ี ะเปลี่ยนแปลงตนเอง และมองเหน็ ประโยชนจ์ ำกนวัตกรรม หรือเทรนด์ใหมๆ่ ท่เี กิดข้นึ แตจ่ ะระมัดระวงั และใชเ้ หตผุ ลในกำรตดั สนิ ใจพอสมควร เพรำะต้องกำรควำมม่นั ใจว่ำเทคโนโลยีนี้จะประสบควำมสำเรจ็ โดยอำจจะดจู ำกกลุ่มคน ทใี่ ช้เทคโนโลยีนแ้ี รกๆ วำ่ ใชไ้ ด้ผล มปี ระโยชน์ จึงจะคอ่ ยๆ เปลย่ี นแปลงตนเอง กลุ่มท่ี 4 เรำเรยี กวำ่ Late Majority คือคนสว่ นใหญ่ กลมุ่ มำทหี ลงั คิดเปน็ อีก 34% คนกลุ่มน้ีจะเป็นกลุม่ คนที่จะเปลย่ี นแปลงตนเองชำ้ ทีส่ ดุ หรอื อำจจะเรียกวำ่ เปลี่ยนแปลง ตนเองในนำทสี ุดทำ้ ย ถ้ำไม่โดนสง่ั หรอื บงั คบั กจ็ ะไมย่ อมเปล่ยี นแปลง หรือคนอนื่ เขำใช้จน จะตกยุคแลว้ ค่อยมำเริม่ ใช้ คนกลุม่ นีม้ ีควำมต้องกำรทจี่ ะไม่ตกกระแสหลักไป ซง่ึ มำกกว่ำ กำรคิดถึงประโยชน์ของนวตั กรรมหรือบรกิ ำรเสยี อีก กล่มุ สดุ ทำ้ ยเรำเรยี กกนั วำ่ Laggards คอื กลมุ่ ทลี่ ำ้ หลงั คิดเปน็ 16%
โดย นำงสำวกนกพร หมื่นเท่ยี ง รหัส 61170016
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: