Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่1

หน่วยที่1

Published by sae.rpk31, 2018-10-29 11:00:47

Description: หน่วยที่1

Search

Read the Text Version

การจัดทาํ แผนรายวิชา รายวชิ า การปลกู พืชผัก ชน้ั มัธยมศกึ ษาที่ 6 กลมุ สาระการเรียนรู การงานอาชพี และเทคโนโลยี จัดทาํ โดย นายพนม บุญตอม ตําแหนง คศ.1 โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31ตําบลชา งเคงิ่ อาํ เภอแมแ จม จังหวัดเชยี งใหม สาํ นกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษสํานกั งานการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนการจดั การเรียนรู้หน่วยท่ี 1 เร่ือง ความรู้ทวั่ ไปเกยี่ วกบั พืชผกั แผนจัดการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง พืชผกั รายวชิ า การปลกูพืชผกั รหัสวชิ า ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 6ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2560 นํา้ หนักเวลาเรียน 4.0 หน่วยกติ เวลาเรียน 6 ช่ัวโมง/สัปดาห์เวลาทใี่ ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 4 ช่ัวโมง1. สาระสําคัญ ประเทศไทยเป็ นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประชากรประมาณร้อยละ 60 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การปลูกพืชผกั เป็นอาชีพหน่ึงของประชากรซ่ึงส่วนใหญ่มีพ้ืนท่ีปลูกในเขตภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ โดยทวั่ ไปพืชท่ีมีลาํ ตน้ หรือส่วนที่อ่อน อวบน้าํ สามารถรับประทานไดม้ ีประโยชน์ต่อร่างกายจะถือวา่ เป็ นพืชผกั แต่การจาํ แนกหรือแบ่งกลุ่ม ใหช้ ดั เจนทาํ ไดย้ ากเพราะมีความซบั ซอ้ น เพ่ือใหง้ ่ายและสะดวกต่อการศึกษาจึงตอ้ งมีการจดั จาํ แนกพืชผกั โดยใช้เกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ ในการจดั หมวดหมู่ ซ่ึงสามารถจาํ แนกได้หลายวธิ ีการโดยจะตอ้ งพิจารณาวตั ถุประสงคใ์ นการจาํ แนกหรือจดั หมวดหมู่2. ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. บอกความหมายและความสาํ คญั ของพชื ผกั ได้ 2. อธิบายความสาํ คญั ของพชื ผกั ทางโภชนาการและความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจได้ 3. จาํ แนกประเภทพืชผกั ได้ 4. สามารถปฏิบตั ิงานที่ไดร้ ับมอบหมายไดด้ ว้ ยตนเอง3. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของพชื ผกั 2. ความสาํ คญั ของพชื ผกั 3. การจาํ แนกประเภทพืชผกั 3.1 การจาํ แนกตามหลกั พฤกษศาสตร์ 3.2 การจาํ แนกตามการใชป้ ระโยชน์ดา้ นการบริโภค 3.3 การจาํ แนกตามฤดูกาลปลูก 3.4 การจาํ แนกตามวธิ ีการปลูกและปฏิบตั ิดูแลรักษา

4. สมรรถนะสําคัญของนักเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ5. คุณลกั ษณะของวชิ า - ความรับผดิ ชอบ6. คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ - ใฝ่ เรียนรู้7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบกิจกรรม เร่ืองการจาํ แนกประเภทพืชผกั ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ - ใบกิจกรรม เร่ือง การจาํ แนกพชื ผกั8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1- 4 (ใฝ่ เรียนรู้) 1. ทาํ ความเข้าใจและช้ีแจงสาระการเรียนรู้ให้นักเรียนทราบในหน่วยการเรียนรู้เรื่องความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั พืชผกั นกั เรียนจะตอ้ งเรียนรู้เก่ียวกบั ความหมายของพืชผกั ความสําคญั ของพืชผกัการจาํ แนกประเภทพชื ผกั 2. ทาํ แบบทดสอบก่อนเรียน 10 ขอ้ ชวั่ โมงที่ 5-6 (ใฝ่ เรียนรู้)1. นกั เรียนบอกความหมายและความสาํ คญั ของพชื ผกั2. นกั เรียนอธิบายความสาํ คญั ของพืชผกั ทางโภชนาการและความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ3. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปบทเรียนในหน่วยการเรียน4. นกั เรียนทาํ แบบฝึ กหดั ทา้ ยหน่วยการเรียนและทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน 10 ขอ้ นาํ ผลการเรียนมาเปรียบเทียบกบั แบบทดสอบก่อนเรียน

9. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ รายการสื่อ จํานวน สภาพการใช้สื่อ1. แบบทดสอบ 1 ชุด ข้นั ตรวจสอบความรู้เดิม2. ใบงาน เร่ื อง การแยกประเภท 1 ชุด ข้ัน ส ร้างความส น ใจใน การพืชผกั สืบคน้3. แบบ ฝึ กทักษ ะ เรื่ อง การผลิ ต 1 ชุด ข้นั ขยายความรู้พืชผกั10. การวดั และการประเมนิ ผลเป้าหมายการเรียนรู้ หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เคร่ืองมือวดั ประเดน็ เกณฑ์ ชิ้นงาน การให้คะแนนความสาํ คญั ของ - ตรวจพชื ผกั ภาระงานจาก แบบทดสอบก่อน - แบบทดสอบ - ผา่ นเกณฑก์ ารทางดา้ นโภชนาการ - ใบงาน เรื่องการแยก เรียน ก่อนเรียน ทดสอบระดบั ดีและดา้ นเศรษฐกิจ ประเภทพืชผกั - ตรวจใบงาน - ใบงาน - ใบงานผา่ นเกณฑ์ - แบบฝึกทกั ษะ - ตรวจแบบฝึ ก - แบบฝึ กทกั ษะ การประเมิน เรื่อง การผลิตพืชผกั ทกั ษะ ระดบั ดี - การฝึกปฏิบตั ิการ ปลูกพืชผกั - แบบฝึกทกั ษะ ผา่ นเกณฑก์ าร ประเมินระดบั ดี

สิ่งทตี่ ้องประเมนิ วธิ ีการวดั ผล ประเดน็ ทปี่ ระเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน1. ผลงานนกั เรียน แบบประเมนิ ผลงาน - การอธิบายและจาํ แนก 3 คะแนน = มีการอธิบายและจาํ แนกประเด็นและสรุปความคิด/ ใบงาน รวบยอดไดด้ ี 2 คะแนน = มีการอธิบายและจาํ แนกประเด็นและสรุปความคิด รวบยอด แตข่ ยายความหรือยกตวั อยา่ งไม่ได้ 1 คะแนน = มีการอธิบายและจาํ แนกประเด็นสาํ คญั ไดน้ อ้ ย - การเขียนสื่อความ 3 คะแนน = เขียนส่ือความไดถ้ ูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี ตรงประเดน็ และ เขา้ ใจง่าย 2 คะแนน = เขียนส่ือความไม่ถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี 2-3 แห่ง ตรง ประเดน็ 1 คะแนน = เขียนส่ือความไดน้ อ้ ย ไม่ตรงประเด็น - มีความคิดสร้างสรรค์ 3 คะแนน = ผลงานมีรูปแบบน่าสนใจ มีความสมั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ ท่ี กาํ หนด ระบายสีไดส้ วยงาม 2 คะแนน = ผลงานมีความสมั พนั ธ์กบั หวั ขอ้ ที่กาํ หนด แต่ไม่ ดึงดูดความสนใจ 1 คะแนน = ผลงานมีความสมั พนั ธ์กบั หวั ขอ้ ที่กาํ หนดนอ้ ยมาก - ประโยชนข์ องการนาํ 3 คะแนน = สามารถนาํ ไปประยกุ ตก์ บั สถานการณ์ใน ขอ้ มูลไปใช้ ชีวติ ประจาํ วนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2 คะแนน = สามารถนาํ ไปประยกุ ตก์ บั สถานการณ์ใน ชีวติ ประจาํ วนั ไดบ้ า้ ง 1 คะแนน = สามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ไดน้ อ้ ยมากการประเมนิ ผล คะแนน 12 -9 = ดี (3) คะแนน 8 - 5 = พอใช้ (2) คะแนน 4 - 0 = ควรปรับปรุง (1)

11. จุดเน้นของโรงเรียนการบูรณการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและกิจกรรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ครู นักเรียน1. ความพอประมาณ - ครูเตรียมส่ือ/อุปกรณ์ท่ีเพยี งพอกบั การ - นกั เรียนใชว้ สั ดุอุปกรณ์ไดอ้ ยา่ งคุม้ คา่ จดั กิจกรรม และเหมาะสม -ครูกาํ หนดเวลาในการจดั กิจกรรมการ -นกั เรียนทาํ กิจกรรมไดเ้ สร็จสิ้นตามเวลาท่ี เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กาํ หนด2. ความมีเหตผุ ล -ครูสอนตรงตามแผนที่กาํ หนดไว้ - นกั เรียนมีเหตุผลในการเลือกใชว้ สั ดุ -ครูสามารถนาํ เน้ือหาไปใชใ้ นการจดั อปุ กรณ์ในการดาํ เนินกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอนตรงตามตวั ช้ีวดั -สามารถนาํ เน้ือหาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น ชีวติ ประจาํ วนั3. มีภมู ิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี -ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรียนการสอน -นกั เรียนวางแผนการใชเ้ วลาในการทาํ4. เงื่อนไขความรู้ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพบรรลตุ ามเป้าหมาย กิจกรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสมcและเกิด5. เงื่อนไขคุณธรรม -วสั ดุอุปกรณ์ช่วยใหก้ ารจดั ประสิทธิภาพ การเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด -วสั ดุอุปกรณ์ช่วยใหก้ ารจดั การเรียนการ แก่ผเู้ รียน สอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผเู้ รียน - ครูแสวงหาความรู้ เพ่ือพฒั นากิจกรรม - นกั เรียนสืบคน้ หาความรู้เพม่ิ เตมิ - การเรียนการสอน นกั เรียนมีการวางแผนในการทาํ งาน -ครูมีการจดั การวางแผนในการทาํ งาน - นกั เรียนนาํ ความรู้เกี่ยวกบั การจดั การ สิ่งแวดลอ้ มไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาํ เนิน ชีวติ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง - ครูมีความขยนั ในการทาํ งาน และ - นกั เรียนมีความขยนั ในการทาํ งาน และมี ใชเ้ กณฑก์ ารวดั ผลประเมินผลชิ้นงานของ ความรับผิดชอบในการทาํ งานใหส้ าํ เร็จ นกั เรียนอยา่ งเป็ นธรรม ตรงตามเวลาที่กาํ หนด กจิ กรรม ครู นักเรียน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน - ปัจจยั ท่ีมีต่อการเจริญเติบโตของพชื - อธิบายปัจจยั ที่มีตอ่ การเจริญเตบิ โตของศึกษาดา้ นพฤติกรรม การ พืชตอบสนอง ตอ่ ปัจจยั ท่ีมีต่อการเจริญเติบโตและการพฒั นา ลงช่ือ.....................................ผสู้ อน (นายพนม บุญตอม)

1. ความหมายของพืชผกั พืชผกั มีความหมายกวา้ งมากซ่ึงยงั ไม่สามารถใช้เครื่องมือใดตดั สินได้ว่าพืชชนิดใดบา้ งท่ีจดั เป็นพชื ผกั แมแ้ ต่พชื ชนิดเดียวกนั แต่ละประเทศก็ยงั จาํ แนกต่างกนั เช่น ในประเทศไทยฟิ ลิปปิ นส์ มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา จดั มะเขือเทศเป็ นพืชผกั แต่กลุ่มประเทศยุโรปจดั มะเขือเทศเป็ นผลไม้ ในประเทศญ่ีป่ ุนจดั ให้สตรอเบอรี่เป็ นพืชผกั แต่ในประเทศไทยจดั สตรอเบอรี่เป็ นผลไม้ มีผู้ให้คาํ จาํ กัดความคาํ ว่า “พืชผัก”ไวม้ ากมาย เช่น วฒั นา เสถียรสวสั ด์ิ (2512) ให้ความหมายของคาํ ว่า “พืชผกั ” ไว้ 2 ประเด็น คือพืชผกั ท่ีได้มาจากพืชผกั โดยตรง เช่น คะน้าผกั กาดหอม กะหล่าํ ดอก กะหล่าํ ปลี ผกั กาดขาวปลี เป็ นตน้ และพืชอื่น ๆ ท่ีไม่ใช่พืชผกั แต่นาํ มาบริโภคเป็ นพืชผกั ได้แก่ พืชไร่ เช่น ปอกระเจา ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เป็ นตน้ ไม้ผล เช่น ผลมะละกอดิบ มะม่วงดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ไมด้ อก เช่น ดอกไมจ้ ีนและวชั พืช เช่น ตาํ ลึงผกั บุง้ ไทย ผกั กะเฉด ตาลปัตรฤๅษี เป็นตน้ เมืองทอง ทวนทวี และสุรียร์ ัตน์ ปัญญาโตนะ (2525) ให้คาํ จาํ กดั ความคาํ วา่ “พืชผกั ”คือ พชื ทุกชนิดท่ีเราสามารถนาํ ส่วนตา่ ง ๆ เช่น ใบ ลาํ ตน้ ดอก ผล ราก มาบริโภคเป็ นอาหารได้โดยส่วนของพชื ที่นาํ มาบริโภคน้นั จะตอ้ งมีลกั ษณะอวบน้าํ อ่อนนุ่ม ไมแ่ ขง็ ไม่เห่ียว มีรสค่อนขา้ งหวาน และที่สาํ คญั จะตอ้ งไมม่ ีพิษตอ่ ร่างกาย ดงั น้นั ความหมายของคาํ วา่ “พืชผกั ” พอสรุปไดว้ า่ พืชผกั หมายถึงพืชประเภทตน้ออ่ นหรือส่วนอ่อนของพชื ทุกชนิดที่มีลกั ษณะอวบน้าํ ไดแ้ ก่ ใบ ลาํ ตน้ ดอก ผล ราก ฝักออ่ นและเมล็ดท่ีนาํ มารับประทานสดหรือปรุงอาหาร ส่วนใหญ่เป็ นพืชฤดูเดียวมีการปลูกดูแลรักษาอย่างประณีต มีคุณค่าทางอาหารให้วิตามินและแร่ธาตุสูง มีประโยชน์และไม่เป็ นพิษต่อร่างกายอยา่ งไรกต็ ามการบง่ ช้ีวา่ พชื ชนิดน้นั ๆ เป็นพืชผกั หรือไม่ มีขอ้ ควรสงั เกตและใหพ้ จิ ารณา ดงั น้ี 1. มีการผลิตอยา่ งประณีต (Intensive) ต้งั แต่การเตรียมพ้ืนที่ปลูก ดูแลรักษาจนถึงการเกบ็ เกี่ยวและการจาํ หน่าย มีตน้ ทุนการผลิตและผลตอบแทนต่อไร่สูง 2. ส่วนใหญ่ปลูกเพ่ือการรับประทานสดหรือประกอบอาหาร มีเป็ นส่วนน้อยที่ปลูกเพื่อผลิตเมล็ดพนั ธุ์

2. ความสําคญั ของพืชผกั 2.1 ความสําคญั ด้านโภชนาการ พืชผกั เป็ นแหล่งอาหารท่ีสําคัญของมนุษย์เนื่องจากมีส่ิงต่าง ๆ ท่ีจาํ เป็ นต่อร่างกายซ่ึงอาหารชนิดอื่นมีไม่เพียงพอหรือไม่มี ร่างกายของมนุษยจ์ าํ เป็ นตอ้ งไดร้ ับธาตุอาหารไม่น้อยกว่า 10 ชนิด ในการพฒั นาและควบคุมการเจริญเติบโตให้เหมาะสมเป็ นปกติ ในปัจจุบนัผูบ้ ริโภคหันมาให้ความสนใจ และให้ความสําคญั ในการรักษาสุขภาพ โดยเลือกบริโภคพืชผกัมากข้ึนเพราะพืชผกั เป็ นแหล่งของสารอาหารที่สําคญั ต่อร่างกาย ไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรท มีมากในมนั เทศ มนั ฝรั่ง เผือก มีแป้งเป็ นองคป์ ระกอบปริมาณมากกวา่ ร้อยละ 20 โปรตีนมีมากในพืชผกัตระกูลถวั่ เช่น ยอดแค มีโปรตีนเป็นองคป์ ระกอบร้อยละ 8.3 ชะอม 9.5 (ตารางท่ี 1.1) พืชผกั เป็ นแหล่งของวติ ามินและแร่ธาตุสาํ คญั เช่น วิตามินเอ อยใู่ นรูปแคโรทีนมีมากใน หวั ผกั กาดเหลือง ฟักทอง มนั เทศสีเหลือง ผกั โขม ขา้ วโพดสีเหลือง คะนา้ ผกั กาดหอมผกั บุง้ พริกช้ีฟ้า วิตามินซีมีมากใน มนั ฝร่ัง ใบยอ ถว่ั งอกและมะระจีน เป็ นตน้ แร่ธาตุท่ีสําคญัโดยเฉพาะแคลเซี่ยมและเหลก็ กม็ ีในพืชผกั หลายชนิด สาคร ธนมิตต(์ 2541) อา้ งโดย มูลนิธิโตโยตา้ประเทศไทย กล่าวว่า พืชผกั มีเส้นใย อาหารสูง (fiber) ช่วยทาํ ให้ระบบขบั ถ่ายเป็ นปกติ ซ่ึงใยอาหารจะทาํ หนา้ ท่ีช่วยขบั ของเสียออกจากร่างกายโดยการเพ่มิ มวลอุจจาระและลดเวลาท่ีของเสียจะพกั อยใู่ นกระเพาะและลาํ ไส้นานเกินไปนอกจากน้ียงั พบวา่ สารเคมีท่ีมีศกั ยภาพในการป้องกนั หรือยบั ย้งั การเกิดโรคมะเร็งมีในพืชผกั หลายชนิด เช่น พืชผกั ตระกูลกะหล่าํ กระเทียม พชื ผกั สีเขียวสีเหลืองซ่ึงมีเบตา้ แคโรทีน เพื่อเป็ นการป้องกนั หรือลดการเส่ียงต่อการเกิดโรคมะเร็ง จึงควรเพิ่มการรับประทานพืชผกั ชนิดต่าง ๆ ใหม้ ากข้ึน (ตารางท่ี 1.2) การรับประทานอาหารตามวถิ ีชีวจิตจะเน้นการบริโภคพืชผกั และโปรตีนจากปลา วิถีมังสวิรัติ เป็ นการบริโภคอาหารที่ปราศจากเน้ือสัตวโ์ ดยเน้นพืชผกั ไดร้ ับความสนใจและไดร้ ับความนิยมจากชมรมผูร้ ักสุขภาพเป็ นอย่างดีสิ่งที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ แสดงใหเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ของพชื ผกั ทางดา้ นโภชนาการ

ใบความรู้ เรื่อง พืชผกัพืชผกั หมายถึง พชื ที่สามารถนาํ ส่วนใดส่วนหน่ึงของตน้ มาประกอบอาหารท้งั ผล ดอก ลาํ ตน้ ใบราก และหวั เป็นท้งั ไมย้ นื ตน้ และไมล่ ม้ ลุกที่มถี ิ่นกาํ เนิดในประเทศ และต่างประเทศผกั สามารถปลูกไดใ้ นทุกครัวเรือน แตผ่ กั ท่ีมีการปลูกเพอ่ื การจาํ หน่ายมกั มาจากแปลงปลูกขนาดใหญ่ ส่วนมากพบในพ้ืนท่ีภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือบริเวณใกลแ้ หล่งน้าํแมน่ ้าํ หรือพ้นื ท่ีท่ีชลประทานเขา้ ถึงการส่งจาํ หน่ายผกั มกั ส่งจาํ หน่ายในพ้ืนที่ตวั เมืองของจงั หวดั บางส่วนที่เป็นแปลงขนาดใหญม่ กั มีพอ่ คา้ คนกลางเขา้ รับถึงพ้นื ท่ี เพอื่ ส่งจาํ หน่ายยงั ตวั เมืองในจงั หวดั ตา่ งๆ รวมถึงกรุงเทพฯ และภาคใต้ ซ่ึงมีพ้นื ท่ีนอ้ ยในการปลูกผกัชนิดพืชผกั1. ผกั สวนครัว เป็นกลุ่มของพืชผกั ลม้ ลุกท่ีมีอายกุ ารเกบ็ เก่ียวส้ัน มกั ปลูกตามครัวเรือนหรือแปลงปลูกขนาดใหญ่เพื่อการคา้ โดยมีการพฒั นาสายพนั ธุ์ใหม้ ีผลผลิตตามตอ้ งการ มกั พบการผลิตเมล็ดพนั ธุ์ออกจาํ หน่ายในเชิงพาณิชย์ ท้งั น้ี ไม่รวมพืชผกั ทอ้ งถิ่นหรือผกั ป่ า พชื สมุนไพร และเคร่ืองเทศรวมถึงไมผ้ ลบางชนิด ท่ีปัจจุบนั อาจพบการพฒั นา และปลูกเพอื่ การคา้2. ผกั สมุนไพร และเคร่ืองเทศ เป็นกลุ่มของพืชผกั ท่ีสามารถใชท้ ้งั ในการประกอบอาหาร เพอ่ื ให้อาหารมีสี รสชาติ กล่ินตามตอ้ งการ รวมถึงการเพ่มิ สรรพคุณทางยาของอาหาร มกั เป็ นพืชที่ให้กลิ่นแรง มีรสเผด็ ร้อน โดยส่วนมากจะใชส้ ่วนผล หวั และรากมาใชป้ ระโยชน์ และเป็ นพืชในทอ้ งถ่ิน

3. ผกั พืน้ บ้านหรือผกั ป่ า เป็นกลุ่มของพืชผกั ท่ีข้ึน และเติบโตไดเ้ องตามธรรมชาติหรือนาํ มาปลูกในครัวเรือน มีการเกบ็ ผลผลิตตามฤดูกาล มกั เป็นพชื ผกั ประจาํ ทอ้ งถ่ินที่เป็ นท้งั ไมย้ นื ตนั และพชืลม้ ลุกผกั สวนครัว – กะหล่าํ ปลี– ผกั กาดขาว – ผกั ชี– กะหล่าํ ดอก – ผกั คะนา้– ผกั บุง้ – กระเพรา– พริก – แมงลกั– โหระพา – กระเทียม– ผกั กวางตุง้ – หอมหวั ใหญ่– ผกั หอม – แตงกวา– หอมแดง – มะเขือ ไดแ้ ก่ มะเขือเปราะ มะเขือพวง มะเขือเทศ มะเขือเคื่อน– ถวั่ ฝักยาว – ฯลฯ– หน่อไมฝ้ ร่ังผกั สมุนไพร และเคร่ืองเทศ – พริกไท– ขิง – กระชาย– ดีปลี– ข่า – ตะไคร้– ขมิน้ – ฯลฯผกั พืน้ บ้านหรือผกั ป่ า – หน่อไม้– ผกั หวานป่ า – ข้ีเหล็ก– สะเดา – แคบา้ น– แคป่ า – ผกั โขมเลก็ ผกั โขมหนาม– กระถิน – ผกั แพว– ตาํ ลึง – ใบเส้ียว– ยอดเหลียง – ผกั ขาเขียด – เห็ดเผาะ เห็ดแดง เห็ดโคน และเห็ดป่ าต่างๆ– ผกั กูด (ยอดเฟริน์)– ผกั กระโดน– ฯลฯ

พืชผกั แบ่งตามส่วนทน่ี ํามาใช้ประโยชน์ คือ1. ประเภทกินใบ เช่น คะนา้ ผกั ชี กะหล่าํ ปลี ผกั กวางตุง้ เป็นตน้2. ประเภทกินดอก เช่น กะหล่าํ ดอก และดอกผกั ชนิดตา่ งๆ3. ประเภทกินผลหรือฝัก เช่น พริก มะเขือ ฟัก แตงกวา ถวั่ ฝักยาว เป็นตน้4. ประเภทกินหวั หรือราก เช่น ขิง ขา่ ตะไคร้ กระเทียม เป็ นตน้ข้ันตอนการปลกู (ผกั สวนครัว)1. การเลือกพืน้ ท่ีพ้นื ที่ที่สามารถปลูกผกั ไดด้ ีควรเป็ นพ้นื ท่ีท่ีอยใู่ กลแ้ หล่งน้าํ เช่น บอ่ น้าํ ขดุ บ่อน้าํ ธรรมชาติ แม่น้าํคลอง อา่ งเก็บน้าํ คลองชลประทานหรือแนวส่งน้าํ ชลประทาน เน่ืองจากพืชผกั ส่วนใหญม่ ีความตอ้ งการน้าํ สูง โดยเฉพาะหนา้ แลง้ ท่ีอากาศ แหง้ และอตั ราการระเหยน้าํ สูงกวา่ ฤดูอื่นๆ จึงจาํ เป็นตอ้ งมีน้าํ เพยี งพอเพ่ือใหผ้ กั สามารถเติบโตจนถึงฤดูการเก็บเก่ียวได้2. การเตรียมแปลง– แปลงปลูกผกั มกั เตรียมดว้ ยการยกแปลงสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร หรือขดุ รกร่องลึกเนื่องจากพชื ผกั ส่วนมากมีระบบรากท่ีตอ้ งการซอนไซในดินที่ร่วนซุย หนา้ ดินลึก– ทาํ การไถพรวนแปลงทิ้งไวป้ ระมาณ 1 อาทิตย์ เพ่ือตากแดด และฆ่าเช้ือโรค– หวา่ นป๋ ุยหมกั หรือป๋ ุยคอก ร่วมดว้ ยป๋ ุยเคมี พร้อมไถกลบแปลง– อตั ราการใส่ป๋ ุยในแปลงควรใหม้ ีป๋ ุยหมกั หรือป๋ ุยคอกมากกวา่ ป๋ ุยเคมี เช่น 10:1 เนื่องจากการใส่ป๋ ุยเคมีมากจะทาํ ใหด้ ินเป็นกรด หนา้ ดินแน่น3. การเตรียมเมลด็ พนั ธ์ุ– เมลด็ พนั ธุ์ผกั ท่ีใชค้ วรมีลกั ษณะเป็นเมลด็ พนั ธุ์ใหม่ อายเุ มล็ดพนั ธุ์ไม่ถึง 1 ปี– เมลด็ พนั ธุ์ท่ีใชต้ อ้ งเป็ นเมล็ดพนั ธุ์ท่ีตรงตามชนิดพืชที่ปลูก และไม่มีเมลด็ พนั ธุ์อ่ืนปลอมปน– ทาํ ความสะอาดเมล็ดพนั ธุ์ รวมถึงคดั แยกเมล็ดพนั ธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ออกดว้ ยวธิ ีนาํ ไปแช่น้าํ และนาํเมล็ดท่ีลอยน้าํ ออก– เมลด็ พนั ธุ์ส่วนมาก ก่อนปลูกจะทาํ การแช่น้าํ เสียก่อน ซ่ึงระยะเวลาในการแช่จะแตกตา่ งกนั ในแต่ละชนิดผกั หากเมล็ดพนั ธุ์ท่ีมีเปลือกหนา แขง็ อาจใชเ้ ลาแช่นาน 2-3 วนั เมลด็ พนั ธุ์ผกั ส่วนมากเป็นเมลด็ ที่มีเปลือกค่อนขา้ งบาง ไม่หนา แขง็ ส่วนใหญ่ใชเ้ วลาแช่ประมาณ 12 ชวั่ โมง – 1 วนั เท่าน้นั4. การปลูกสามารถปลูกไดห้ ลายวธิ ีตามความเหมาะสมของแตล่ ะชนิดพชื ไดแ้ ก่

การหว่านเมลด็ เป็นวธิ ีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และนิยมท่ีสุด ซ่ึงจะหวา่ นเมล็ดหลงั การแช่น้าํ แลว้หรือหวา่ นเมล็ดแหง้ ไดท้ นั ที ผกั ทีนิยมการหวา่ นเมลด็ มกั เป็นพืชท่ีมีลาํ ตน้ ขนาดเล็ก ขนาดทรงพมุ่นอ้ ย ไดแ้ ก่ ผกั ชี ผกั บุง้ เป็ นตน้ ท้งั น้ี การหวา่ นเมลด็ อาจเป็ นวธิ ีการเตรียมกลา้ ผกั ก่อนยา้ ยปลูกในแปลงท่ีเตรียมไว้การปลกู ด้วยต้นกล้า เป็นวธิ ีการปลูกดว้ ยตน้ กลา้ ผกั ที่เตรียมไดจ้ ากแปลงเพาะกลา้ ดว้ ยวธิ ีการหวา่ นวธิ ีน้ีเป็นวธิ ีที่ใชม้ ากท่ีสุดสาํ หรับการปลูกผกั โดยมกั ใชก้ บั พชื ที่มีลาํ ตน้ ใหญ่ ทรงพมุ่ กวา้ ง เนื่องจากใชว้ ธิ ีการหวา่ นเมลด็ อาจไมเ่ หมาะสมเพราะไม่สามารถเวน้ ช่วงห่างของตน้ ให้เหมาะสมกบั การเติบโตได้ การหวา่ นอาจทาํ ใหต้ น้ เจริญเติบโตไม่ดี หรืออาจตอ้ งถอนตน้ ทิง้ บางส่วนซ่ึงทาํ ให้สิ้นเปลืองเมล็ดพนั ธุ์เสียเปล่า ผกั ที่นิยมปลูกดว้ ยวธิ ีน้ี ไดแ้ ก่ กะหล่าํ ปลี ผกั กาดขาว คะนา้ มะเขือพริก เป็นตน้การหยอดเมลด็ เป็นวธิ ีปลูกที่ใชส้ าํ หรับพืชผกั ที่ตอ้ งการระยะห่างระหวา่ งตน้ มาก มกั เป็นพชื ท่ีเป็นเถาวห์ รือเครือ ตน้ กลา้ ออกไม่มีความแขง็ แรง เหี่ยว และตายง่ายหากแยกตน้ กลา้ ปลูก เช่น ถวั่ ฟักยาวแตงกวา ฟักทอง ฟัก มะระ เป็นตน้ฝังในแปลงปลูก เป็นวธิ ีปลูกที่ใชก้ บั พืชผกั บางชนิดท่ีมีการแยกหน่อ แยกเหงา้ ออกปลูกเพื่อขยายจาํ นวนตน้ หรือกอ โดยฝังลงหลุมหรือแปลงปลูกไดท้ นั ที เช่น ผกั หอม กระเทียม ตะไคร้ ขิง ขา่กระชาย เป็นตน้5. การดูแลรักษา– ในระยะแรกของการปลูกช่วง 1 อาทิตยแ์ รก ท้งั การปลูกดว้ ยการใชเ้ มลด็ การปลูกดว้ ยตน้ กลา้และปลูกดว้ ยการแยกหวั หรือหน่อ จาํ เป็นตอ้ งมีการใหน้ ้าํ อยา่ งสม่าํ เสมอ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2 คร้ังเชา้ -เยน็ จนตน้ กลา้ ต้งั ตวั ได้– การใหน้ ้าํ จะยงั ใหว้ นั ละ 2 คร้ัง ตลอดจนถึงระยะเก็บเก่ียว แตอ่ าจใหน้ ้าํ ในปริมาณท่ีนอ้ ยลง หรือผกั บางชนิดที่อาจเวน้ ช่วงห่างการใหน้ ้าํ เม่ือถึงระยะก่อนเกบ็ เก่ียว– การใส่ป๋ ุยควรใส่ในระยะหลงั ปลูก 1-2 อาทิตย์ หรือระยะท่ีตน้ กลา้ ต้งั ตน้ ไดแ้ ลว้ จนถึงระยะก่อนการเก็บเก่ียวประมาณ 1 เดือน รวมถึงพืชบางชนิดที่สิ้นสุดการใหป้ ๋ ุยท่ีระยะก่อนการติดดอก และผล6. การเกบ็ ผลผลติพชื ผกั มกั มีระยะการเกบ็ เกี่ยวไม่เกิน 120 วนั ส่วนมากจะใชเ้ วลาประมาณ 40-60 วนั ข้ึนกบั ชนิดของผกั โดยผกั กินใบจะมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวส้ันกวา่ ผกั กินดอก และผล



2.2 ความสําคัญด้านเศรษฐกจิ ในปัจจุบนั พืชผกั เป็ นสินคา้ ส่งออกท่ีนาํ รายไดเ้ ขา้ ประเทศไทยเป็ นจาํ นวนมากดงั น้ันพืชผกั จึงได้รับความสนใจ และไดร้ ับการพิจารณาให้อยใู่ นแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบบั ท่ี 6 ในช่วงปี พ.ศ. 2530- 2534 เป็ นตน้ มาจนถึงปัจจุบนั โดยกลยุทธ์ของแผน คือ“การผลิตเพื่อจาํ หน่าย” ดังน้ันนโยบายการขยายการผลิตและการตลาดของพืชผกั จึงมีท้ังภายในประเทศและต่างประเทศ ซ่ึงก่อให้เกิดการจา้ งงานท้งั ในภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมอย่างต่อเน่ือง เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปพืชผกั การผลิตเมล็ดพนั ธุ์พืชผกั และการจาํ หน่ายวสั ดุทางการเกษตร เป็ นตน้ นอกจากน้ีภาครัฐบาล ยงั ให้ความสําคญั ดา้ นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพและมาตรฐานพืชผกั ตลอดถึงการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของตลาด การวางแผน การพฒั นาระบบการผลิตและการตลาด เพื่อเร่งรัดการส่งออกให้มีปริมาณและมูลค่าการส่งออกพืชผกั ของไทยให้สูงข้ึนอย่างต่อเนื่องต้งั แต่ปี พ.ศ. 2551-2553(ตารางที่ 1.3) นอกจากน้ีในปี พ.ศ. 2545-2548 การขยายตวั ของตลาดส่งออกผกั สดแช่เยน็ ก็เพ่ิมสูงข้ึน (ตารางที่ 1.4) จากขอ้ มูลการสํารวจพ้ืนที่ปลูกพืชผกั โดยกรมส่งเสริมการเกษตรพบวา่ มีแหล่งปลูกพืชผกั กระจายอยูท่ วั่ ทุกภาคของประเทศไทยทาํ ให้ประชากรมีรายได้ โดยชนิดและปริมาณของพชื ผกั ท่ีปลูกแตกต่างกนั ตามสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศ เช่น หอมหวั ใหญ่ปลูกมากท่ีสุดท่ีจงั หวดั เชียงใหม่ ขา้ วโพดฝักออ่ นปลูกมากที่สุดท่ีจงั หวดั กาญจนบุรี และพริกปลูกมากท่ีสุดท่ีจงั หวดั นครราชสีมา กมล เลิศรัตน์ และคณะ ( 2544 ) กล่าวว่า การผลิตพืชผกั ของไทยในปัจจุบนั มีการปลูกในพ้ืนท่ีขนาดเล็ก (1 งาน ถึง 2 ไร่) เพื่อผลิตผกั สดและผลิตเมล็ดพนั ธุ์ จนถึงปลูกเป็ นแปลงขนาดใหญ่ (10-100 ไร่) เพื่อผลิตผกั สดและผกั ส่งโรงงานแปรรูป จุดเด่นของการผลิตผกั ของไทยก็คือ สามารถปลูกผกั หลายชนิดไดต้ ลอดท้งั ปี เน่ืองจากมีสภาพแวดลอ้ มเหมาะสมและจากการผลกั ดนั นโยบาย ของรัฐบาลท่ีผา่ นมามีผลต่อการผลิตพืชผกั ของประเทศไทย ดงั น้นัการศึกษาขอ้ มูลต่าง ๆ ของพืชผกั เพ่ือเพ่ิมช่องทางในการสร้างรายไดห้ ลกั หรือรายไดเ้ สริมให้แก่ครอบครัว เป็ นสิ่งสําคญั และจาํ เป็ นในสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ถ้าหากพิจารณาในระดับครอบครัว การปลูกพืชผกั ไวบ้ ริโภคเองก็สามารถลดค่าใชจ้ ่ายใหแ้ ก่ครอบครัวอีกทางหน่ึง

3.2 การจําแนกตามการใช้ประโยชน์ด้านการบริโภค การจาํ แนกตามการใช้ประโยชน์ด้านการบริโภคเป็ นการแบ่งกลุ่มพืชผกั โดยพิจารณาจากส่วนของพืชผกั ที่นาํ มาเป็นอาหาร แบ่งไดเ้ ป็น 2 กลุ่มดงั น้ี 3.2.1 พืชผกั ทใ่ี ช้ส่วนใต้ดินเป็ นอาหาร 1) หวั ราก เป็ นรากชนิดหน่ึงท่ีทาํ หนา้ ที่สะสมอาหารประเภทแป้ง น้าํ ตาลหรือโปรตีน ทาํ ใหม้ ีลกั ษณะอว้ นใหญ่โดยบางชนิดเปล่ียนมาจากรากแกว้ เช่น แครอท ผกั กาดหวับีท แรดิช บางชนิดเปล่ียนมาจากรากแขนง เช่น มนั เทศ มนั แกว (รูปภาพท่ี 1.1) (1) (2)รูปภาพที่ 1.1 พชื ผกั ที่ใชส้ ่วนรากเป็ นอาหาร (1) มนั เทศ, (2) แรดิชทมี่ า : ภาพถ่ายโดย ปิ ยดา เทพภูธร 2) เป็ นลาํ ตน้ ใตด้ ินส้ัน ๆ ไม่มีใบเกล็ด (Scale Leaf) ประกอบดว้ ยขอ้ และปลอ้ ง ลาํ ตน้ ทาํ หน้าท่ีสะสมอาหารจนทาํ ให้มีลกั ษณะอวบกลม มีตา (Bud) อยู่โดยรอบสามารถพฒั นาเป็นตน้ ใหม่และขยายพนั ธุ์ได้ เช่น มนั ฝรั่ง (รูปภาพท่ี 1.2) 3) เป็ นลาํ ตน้ ใตด้ ินที่ต้งั ตรงมีขอ้ และปลอ้ งชดั เจน ตามขอ้ มีใบเกล็ดบางๆ หุ้มลาํ ตน้ ทาํ หน้าที่สะสมอาหาร ทาํ ให้รูปร่างอวบกลม มีตาอยู่ตามขอ้ สามารถงอกเป็ นใบแทงข้ึนเหนือดินหรือแตกเป็ นลาํ ตน้ ใตด้ ิน ส่วนล่างของลาํ ตน้ มีรากฝอยจาํ นวนมาก เช่น เผือก แห้ว(รูปภาพท่ี 1.3)

รูปภาพที่ 1.2 มนั ฝร่ัง รูปภาพท่ี 1.3 เผอื กทม่ี า : ภาพถ่ายโดยปิ ยดา เทพภูธร ทมี่ า : www.biogang.com 4) หวั กลีบ เป็นลาํ ตน้ ใตด้ ินท่ีมีขอ้ และปลอ้ งส้ันมาก มีใบเกลด็ ทาํ หนา้ ท่ีสะสมอาหารและห่อหุม้ ลาํ ตน้ ไวห้ ลายช้นั จนเป็ นลกั ษณะกลม มีรากเป็นกระจุก เช่น หอมกระเทียม หอมหวั ใหญ่ (รูปภาพที่ 1.4) 5) เหงา้ , แง่ง เป็ นลาํ ตน้ ใตด้ ินที่มกั เจริญในแนวขนานกบั ผวิ ดิน มีขอ้ และปลอ้ งส้ัน ๆ มีใบเกลด็ หุ้มตา สามารถเจริญหรืองอกเป็ นตน้ ใหม่ได้ เช่น ขมิน้ ขิง ข่า (รูปภาพท่ี1.5)รูปภาพท่ี 1.4 หอมหวั ใหญ่ รูปภาพที่ 1.5 ข่าทม่ี า : www.doikham.com ทมี่ า : www.doikham.com3.2.2 พืชผกั ทใ่ี ช้ส่วนเหนือดนิ เป็ นอาหาร

1) พืชผกั ที่ใชล้ าํ ตน้ และใบเป็ นอาหาร เช่น หน่อไมฝ้ ร่ัง คะนา้ กะหล่าํ ปมกะหล่าํ ปลี ผกั บุง้ จีน ผกั กาดขาวปลี ผกั กาดกวางตุง้ สลดั ชนิดตา่ ง ๆ (รูปภาพท่ี 1.6) (1) (2) รูปภาพที่ 1.6 พืชผกั ท่ีใชส้ ่วนของลาํ ตน้ เหนือดินในการบริโภค (1) กะหล่าํ ปม (2) หน่อไมฝ้ ร่ัง ทม่ี า : http://royalprojectthailand.com (1), http://www.rakbankerd.com/agriculture/(2) 2) พืชผักที่ใช้ดอกและช่อดอกเป็ นอาหาร เช่น กะหล่ําดอก กุยช่ายบร๊อคโคลี่ แค โสน ขจร (รูปภาพท่ี 1.7) (1) (2) รูปภาพท่ี 1.7 พืชผกั ท่ีใชส้ ่วนของดอกและช่อดอกบริโภค (1) บร๊อคโคลี่ (2) กยุ ช่าย ทมี่ า : ภาพถ่ายโดยปิ ยดา เทพภูธร 3) พืชผกั ท่ีใชผ้ ลหรือฝักเป็ นอาหาร เช่น ถวั่ ฝักยาว แตงกวา บวบ ฟักทองฟักแฟง ขา้ วโพดฝักออ่ น ถวั่ พู มะระ น้าํ เตา้ (รูปภาพท่ี 1.8)

4) พชื ผกั ท่ีใชเ้ มล็ดเป็นอาหาร เช่น ถวั่ ลนั เตา ขา้ วโพดหวาน ฟักทอง 5) เห็ดชนิดตา่ ง ๆ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า นางรม (1) (2) รูปภาพท่ี 1.8 พืชผกั ที่ใชผ้ ลหรือฝักเป็ นอาหาร (1) ฟักทอง (2) มะระ ทม่ี า : ภาพถ่ายโดยปิ ยดา เทพภูธร 3.3 การจําแนกตามฤดูกาลปลกู การจาํ แนกตามฤดูกาลปลูกเป็นการแบง่ กลุ่มพืชผกั โดยพจิ ารณาความตอ้ งการช่วงอุณหภูมิท่ีเหมาะสมตอ่ การเจริญเติบโตของพืชผกั แต่ละชนิด จาํ แนกได้ 2 ประเภทกวา้ ง ๆ ดงั น้ี 3.3.1 พืชผกั ฤดูหนาว พืชผกั ฤดูหนาวส่วนใหญ่สามารถเจริญเติบโตและปรับตวั ได้ดีกับช่วงอุณหภูมิเฉล่ียรายเดือน 12.5-18.5 องศาเซลเซียส เช่น มนั ฝร่ัง หอมหัวใหญ่ ปวยเหล็ง กะหล่าํ ปลีข้ึนฉ่าย กะหล่าํ ดอก ถวั่ ลนั เตา เทอร์นิพ พาสเลย์ กะหล่าํ ดาว บีทรูท (รูปภาพท่ี 1.9) (1) (2)

รูปภาพท่ี 1.9 พชื ผกั ฤดูหนาว (1) กะหล่าํ ดาว (2) บีทรูท ทม่ี า : www.doikham.com 3.3.2 พืชผกั ฤดูร้อน พืชผกั ฤดูร้อนส่วนใหญ่สามารถเจริญเติบโตและปรับตัวได้ดีกับช่วงอุณหภูมิเฉล่ียรายเดือน 18.5-26 องศาเซลเซียส เช่น มะเขือเทศ แตงเทศ ซูกินี แตงโม ฟักทองมะเขือยาว แตงกวา พริก เผอื ก ขา้ วโพดหวาน เป็นตน้ (รูปภาพที่ 1.10) (1) (2) รูปภาพท่ี 1.10 พืชผกั ฤดูร้อน (1) ซูกินี (2) แตงเทศ ทม่ี า : ภาพถ่ายโดย ปิ ยดา เทพภูธร 3.4 การจําแนกตามวธิ ีการปลกู และปฏบิ ตั ดิ ูแลรักษา การจาํ แนกตามวิธีการปลูกและปฏิบัติดูแลรักษาเป็ นการจัดแบ่งพืชผกั โดยพิจารณาจากความตอ้ งการสภาพภูมิอากาศ การปลูกและปฏิบตั ิดูแลรักษา การป้องกนั โรคแมลงศตั รูชนิดตา่ ง ๆ ที่คลา้ ยกนั นาํ มารวมอยใู่ นกลุ่มเดียวกนั ดงั น้ี 3.4.1 พชื ผกั ยนื ตน้ ไดแ้ ก่ หน่อไมฝ้ ร่ัง 3.4.2 พชื ผกั กินใบ ไดแ้ ก่ คะนา้ ผกั กาดชนิดตา่ ง ๆ ผกั บุง้ จีน 3.4.3 พชื ผกั สลดั ไดแ้ ก่ ผกั กาดหอม ข้ึนฉ่าย 3.4.4 ผกั กะหล่าํ -ผกั กาด ไดแ้ ก่ กะหล่าํ ต่าง ๆ คะนา้ บร๊อคโคล่ี ผกั กาดขาวปลี 3.4.5 ผกั กินราก ไดแ้ ก่ ผกั กาดหวั แครอท บีท 3.4.6 หอม - กระเทียม ไดแ้ ก่ หอมหวั ใหญ่ กะเทียม หอม 3.4.7 มนั ฝรั่ง 3.4.8 มนั เทศ

3.4.9 ถวั่ ไดแ้ ก่ ถวั่ ลนั เตา ถวั่ แขก ถวั่ ฝักยาว 3.4.10 มะเขือ – พริก ไดแ้ ก่ มะเขือเทศ มะเขือตา่ ง ๆ พริก 3.4.11 แตง ไดแ้ ก่ แตงชนิดตา่ ง ๆ ฟัก แฟง บวบ มะระ น้าํ เตา้ 3.4.12 ขา้ วโพด ไดแ้ ก่ ขา้ วโพดหวาน ขา้ วโพดฝักอ่อน 3.4.13 เบด็ เตล็ด ไดแ้ ก่ ขิง ขา่ ตะไคร้ โหระพา กระชาย แมงลกั สะระแหน่ เผอื กสรุป พืชผกั เป็ นอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีสารอาหารซ่ึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่จาํ เป็นและมีประโยชนต์ อ่ ร่างกาย พืชผกั หลายชนิดมีคุณสมบตั ิทางยา เยอื่ ใยในพชื ผกัช่วยทาํ ให้ระบบย่อยอาหารและการขบั ถ่ายดีข้ึนป้องกนั อาการทอ้ งผูก นอกจากน้ีสี กล่ิน และรสเฉพาะตวั ของพืชผกั ยงั ช่วยเพ่ิมความน่ารับประทานให้กบั อาหาร ความสําคญั ในดา้ นเศรษฐกิจพืชผกั ช่วยสร้างรายไดใ้ ห้แก่ประเทศชาติและผูผ้ ลิต สามารถทาํ เป็ นอาชีพหลกั หรืองานอดิเรกทาํ ให้มีรายไดเ้ พิ่มข้ึนนอกจากน้ียงั ทาํ ใหเ้ กิดอาชีพอ่ืน ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง การจาํ แนกพืชผกั จะบ่งบอกใหท้ ราบลกั ษณะของพืชผกั แต่ละชนิดทาํ ใหง้ ่ายตอ่ การศึกษาลกั ษณะเฉพาะ การจาํ แนกพชื ผกั ทาํ ไดห้ ลายวธิ ีและมีประโยชน์หลายประการ การจําแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์มีประโยชน์ด้านการปรับปรุงพนั ธุ์เพือ่ ให้ไดพ้ นั ธุ์พืชผกั ใหม่ ๆ การจาํ แนกตามฤดูกาลปลูก ทาํ ใหเ้ ลือกชนิดพืชผกั ท่ีจะปลูกไดเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะภูมิอากาศช่วยทาํ ให้การปลูกพืชผกั ประสบผลสาํ เร็จ ดงั น้นั ในการใชเ้ กณฑห์ รือวธิ ีการจาํ แนกจะตอ้ งพจิ ารณาถึงประโยชน์หรือวตั ถุประสงคข์ องการใชง้ านเป็ นหลกั

กจิ กรรมเสริมทกั ษะที่ 1.1 การจาํ แนกประเภทพืชผักตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. มีความรู้ความเขา้ ใจวธิ ีการจาํ แนกพชื ผกั ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ไดถ้ ูกตอ้ ง 2. บอกช่ือสามญั ไทย องั กฤษ และชื่อวทิ ยาศาสตร์ของพืชผกั ได้อปุ กรณ์ 1. ตวั อยา่ งพืชผกั ของจริงท่ีมีส่วนประกอบครบถว้ น (ราก ลาํ ตน้ ใบ ดอก ผล เมล็ด)จาํ นวน 10 ชนิด 2. ตวั อยา่ งการเขียนช่ือสามญั ภาษาไทย/องั กฤษ และชื่อวทิ ยาศาสตร์ แยกเป็นตระกูลต่าง ๆ 3. ใบงานที่ 1.1 , 1.2ลาํ ดบั ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงาน 1. นาํ ตวั อยา่ งพืชผกั แตล่ ะชนิดมาศึกษารายละเอียดส่วนประกอบตา่ ง ๆ เช่น ราก ลาํ ตน้ใบ ดอก ผล เมล็ด 2. ศึกษาวธิ ีการเขียนชื่อวทิ ยาศาสตร์ของพชื ผกั 3. ทาํ ใบงานที่ 1.1 , 1.2

ใบงานที่ 1.1 การจาํ แนกประเภทพืชผักตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์วนั ท่ี........................เดือน................................................พ.ศ...........................ช่ือ-สกลุ ...........................................................................เลขท่ี.................ระดบั ช้ัน............................จงเขียนชื่อสามัญไทย/องั กฤษและชื่อวทิ ยาศาสตร์ของพืชผกั มา 25 ตระกลู ๆ ละอย่างน้อย 2 ชนิด พืชตระกลู ชื่อสามญั ไทย ชื่อสามญั องั กฤษ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ (Family)1.2.3.4.5.6.7.8.9.10.11.

พืชตระกูล ช่ือสามัญไทย ชื่อสามญั องั กฤษ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ (Family)12.13.14.15.16.17.18.19.20.21.22.23.24.25.

กจิ กรรมเสริมทกั ษะท่ี 1.2 การจาํ แนกพืชผกัผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. บอกชื่อพชื ผกั ได้ 2. จาํ แนกพชื ผกั ตามเกณฑต์ ่าง ๆ ได้วสั ดุอปุ กรณ์ 1. รูปภาพและตวั อยา่ งของจริงพืชผกั ชนิดตา่ ง ๆ ประมาณ 4 ชนิด 2. หมายเลขและป้ายชื่อพืชผกั 1-40 3. แบบฟอร์มการจาํ แนกพืชผกั 4. กระดานรองเขียนพร้อมท่ีหนีบ 5. ดินสอ ปากกาลาํ ดบั ข้นั ตอนการปฏบิ ัติงาน 1. นาํ ตวั อยา่ งท่ีเตรียมไวจ้ ดั วางบนโตะ๊ ตวั ละ 1 ชนิด 2. ติดหมายเลขขอ้ และชื่อพืชผกั 3. ใหเ้ วลาในการศึกษาพิจารณาตวั อยา่ งละ 1 นาที เมื่อไดย้ นิ เสียงสญั ญาณใหเ้ คลื่อนยา้ ยไปศึกษาตวั อยา่ งอ่ืนจนครบ 40 ตวั อยา่ ง 4. บนั ทึกรายละเอียดในแบบฟอร์มการจาํ แนก (ใบงานที่ 1.2)

ใบงานท่ี 1 การจําแนกประเภข้อ ชื่อสามญั ช่ือสามญั จาํ แนกทาง จําแนกตาม จําแนกตามส่วนที่ใช้บร ไทย องั กฤษ พฤกษศาสตร์ ฤดกู าลปลูก ส่วนใต้ดนิ tuber bulb rhizome ใบ+ลาํ root ใบเลี้ยง ู่ค ใบเลี้ยงเดี่ยว ฤดูหนาว ฤดู ้รอน1. มะเขือเทศ tomato2. มนั ฝรั่ง potato3. ไผต่ ง bamboo sprout4. พริกข้ีหนู5. บร๊อคโคลี่ chilli6. กะหล่าํ ปลี broccoli7. คื่นช่าย cabbage8. แตงโม celery9. พริกไทย water melon10. กระเทียม peper garic11. ผกั โขม amaranth12. หอมแบ่ง shallot13. แครอท carrot14. ถว่ั พู winged bean

ริโภค 1.2 ส่วนเหนือดนิ ภทพืชผกัาต้น ดอก ผลเมลด็ผกั ยืนต้น การปลูก / ปฏบิ ัตดิ ูแลรักษาผกั กนิ ใบผกั สลดักะหลาํ่ +ผักกาดผกั กนิ ราก/หวัหอม+กระเทียมมนั ฝรั่งมนั เทศถัว่พริก+มะเขือแตงข้าวโพดเบด็ เตลด็

ข้อ ชื่อสามัญ ช่ือสามัญ จําแนกทาง จาํ แนกตาม จําแนกตามส่วนทใ่ี ช้บร ไทย องั กฤษ พฤกษศาสตร์ ฤดูกาลปลกู ส่วนเหนือดนิ tuber bulb rhizome ใบ+ลาํ root ใบเลี้ยง ู่ค ใบเลี้ยงเดี่ยว ฤดูหนาว ฤดู ้รอน15. ปวยเหล็ง spinach16. คะนา้ kale17. กะหล่าํ ดอก cauliflower18. ผกั กาดหอม lettuce19. แมงลกั hairy basil20. ชะพลู -21. สะระแหน่ kitchen mint22. บวั บก indian pennywort23. หน่อไมฝ้ ร่ัง asparagus24. ถวั่ ฝักยาว yard-long bean25. ตะไคร้ lemon grass26. บวบเหลี่ยม angled loofah27. ฟักทอง pumpkin28. ขา้ วโพด sweetcornหวาน29. ตาํ ลึง ivy gourd

ริโภค ส่วนใต้ดนิาต้น ดอก ผลเมลด็ผกั ยืนต้น การปลูก / ปฏบิ ตั ดิ ูแลรักษาผกั กนิ ใบผกั สลดักะหลาํ่ +ผักกาดผกั กนิ ราก/หวัหอม+กระเทียมมนั ฝรั่งมนั เทศถัว่พริก+มะเขือแตงข้าวโพดเบด็ เตลด็

ข้อ ชื่อสามญั ชื่อสามญั จําแนกทาง จําแนกตาม จาํ แนกตามส่วนที่ใช้บร ไทย องั กฤษ พฤกษศาสตร์ ฤดกู าลปลูก ส่วนเหนือดนิ tuber bulb rhizome ใบ+ลาํ root ใบเลี้ยง ู่ค ใบเลี้ยงเดี่ยว ฤดูหนาว ฤดู ้รอน30. มะระ bitter cucumcber31. หอม onion หวั ใหญ่ ginger32. ขิง chinese keys33. กระชาย galangal34. ขา่ cha om35. ชะอม horse-radish36. มะรุม tree fitweed37. ผกั ชีฝร่ัง wate spinach38. ผกั บงุ้ sesban39. แคบา้ น chinese chive40. กุยช่าย

ริโภค ส่วนใต้ดนิาต้น ดอก ผลเมลด็ผกั ยืนต้น การปลูก / ปฏบิ ตั ดิ ูแลรักษาผกั กนิ ใบผกั สลดักะหลาํ่ +ผกั กาดผกั กนิ ราก/หัวหอม+กระเทียมมนั ฝรั่งมนั เทศถัว่พริก+มะเขือแตงข้าวโพดเบด็ เตลด็

แบบฝึ กหัด รหัสวชิ าวชิ า การผลิตพชื ผกัหน่วยท่ี 1 ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั พชื ผกัตอนท่ี 1 จงอธิบายและแสดงความคิดเหน็ ในหวั ข้อต่อไปนี้ (ข้อละ 5 คะแนน)1. พืชผกั มีประโยชน์ต่อร่างกายอยา่ งไร.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................2. นกั เรียนควรเลือกรับประทานผกั อยา่ งไรจึงจะไดค้ ุณค่าทางโภชนาการครบถว้ น.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................3. ถา้ นกั เรียนจะผลิตผกั เพ่ือการคา้ ลกั ษณะของผลผลิตควรเป็นอยา่ งไร ผบู้ ริโภคจึงจะพอใจ....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................4. จงบอกวธิ ีการจาํ แนกประเภทพชื ผกั 1) ................................................................................................................................................... 2) ................................................................................................................................................... 3) ................................................................................................................................................... 4) ...................................................................................................................................................5. การจาํ แนกพืชผกั ออกเป็ นพชื ผกั ใบเล้ียงเด่ียวและพชื ผกั ใบเล้ียงคูใ่ ชห้ ลกั เกณฑใ์ ดในการจาํ แนก และมีประโยชน์อยา่ งไร 1) ................................................................................................................................................... 2) ................................................................................................................................................... 3) ...................................................................................................................................................

6. จงบอกชื่อพืชผกั ฤดูร้อน อยา่ งนอ้ ย 3 ชนิด 1) ............................................ 2) ........................................... 3) ............................................7. จากรายช่ือพืชผกั ดงั ต่อไปน้ีจงจาํ แนกหรือจดั หมวดหมู่ใหค้ รบทุกวธิ ีการตามท่ีนกั เรียนไดศ้ ึกษา มา คือ หอมหวั ใหญ่ กะหล่าํ ปลี ขา้ วโพดฝักอ่อน พริกหยวก 1) ................................................................................................................................................... 2) ................................................................................................................................................... 3) ...................................................................................................................................................8. จงบอกช่ือพืชผกั ที่ใชส้ ่วนดอกอ่อนหรือช่อดอกเป็นอาหาร อยา่ งนอ้ ย 3 ชนิด 1) ................................................................................................................................................... 2) ................................................................................................................................................... 3) ...................................................................................................................................................ตอนท่ี 2 จงบอกช่ือสามญั ไทยและองั กฤษของพืชผกั ทต่ี รงกบั รูปภาพต่อไปนี้1. .................................................................. 2. .................................................................. .................................................................. ..................................................................3. .................................................................. 4. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

5. .................................................................. 6. .................................................................. .................................................................. ..................................................................7. .................................................................. 8. .................................................................. .................................................................. ..................................................................9. .................................................................. 10. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

แบบทดสอบก่อนและหลงั เรียนวชิ า การผลิตพืชผกัหน่วยที่ 1 ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั พชื ผกัคาํ ชี้แจง จงเลือกคาํ ตอบทถี่ ูกต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดียว1. “พชื ผกั ” หมายถึงพืชในขอ้ ใด? ก. ทุกส่วนของพืชที่นาํ มาบริโภคและใหค้ ุณค่าทางอาหารครบถว้ นมีไขมนั ปริมาณมาก ข. พชื ที่มีลกั ษณะออ่ น อวบน้าํ บริโภคไดท้ ุกส่วน ใหพ้ ลงั งานสูงมาก ใหว้ ติ ามินต่าํ ค. พชื ที่มีลกั ษณะอ่อน อวบน้าํ บริโภคไดท้ ุกส่วน ไมเ่ ป็ นพษิ ใหป้ ระโยชน์ต่อร่างกาย ง. พชื ที่มีลกั ษณะออ่ น อวบน้าํ บริโภคไดท้ ุกส่วน2. พชื ผกั ส่วนใหญ่ใหส้ ารอาหารชนิดใดมากที่สุด? ก. คาร์โบไฮเดรท แคลเซ่ียม ข. แคลเซ่ียม เหล็ก ค. ไขมนั วติ ามิน ง. โปรตีน เหล็ก3. ถา้ ตอ้ งการคาร์โบไฮเดรทควรเลือกบริโภคพชื ผกั ชนิดใด? ก. คะนา้ แตงกวา มนั ฝร่ัง ข. มนั เทศ มนั ฝรั่ง ค. ขา้ วโพดหวาน ง. มนั ฝรั่ง ถวั่ พู4. ขอ้ ใดถือไดว้ า่ เป็นการพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลิตพชื ผกั ? ก. ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตคุณภาพมาตรฐานผกั ข. จดั ใหเ้ กษตรกรรวมกลุ่มกนั ผลิต ค. ส่งเสริมการส่งออก ง. วางแผนการตลาด

5. การส่งออกผกั สดและผลิตภณั ฑช์ นิดใดท่ีมีมูลคา่ มากท่ีสุด? ก. ผกั ปรุงแต่งและผกั บรรจุกระป๋ อง ข. ผกั แช่แขง็ ค. ผกั แหง้ ง. ผกั สด6. พืชผกั ชนิดใดที่สามารถส่งออกไดห้ ลายรูปแบบมากท่ีสุด? ก. ขา้ วโพดหวาน ข. กระเทียม ค. มะเขือเทศ ง. เห็ด7. ถา้ ร่างกายขาดวติ ามินเอจะเป็นโรคอะไร ควรจะป้องกนั และแกไ้ ขอยา่ งไร? ก. ลกั ปิ ดลกั เปิ ด รับประทานมะเฟื อง มะขามป้อม ข. คอพอก รับประทานกะหล่าํ ปลี ผกั กาดขาว ค. ตาฟาง รับประทานผกั ใบเขียว ฟักทอง ง. เหน็บชา รับประทานขา้ วซอ้ มมือ8. การจาํ แนกพืชผกั วธิ ีใดท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเครือญาติ? ก. การจาํ แนกทางวทิ ยาศาสตร์ ข. การจาํ แนกทางพฤกษศาสตร์ ค. การจาํ แนกตามวธิ ีการปลูก ง. ขอ้ ก. และ ข. ถูก9. การจาํ แนกตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์มีประโยชนด์ า้ นใดมากท่ีสุด? ก. ดา้ นการปรับปรุงพนั ธุ์พืชผกั ข. การตดั สินใจเลือกชนิดผกั ที่จะปลูก ค. การบริโภค ง. การปลูกดูแลรักษา10. ขอ้ ใดจดั เป็นพืชผกั ประเภทใบเล้ียงเด่ียวท้งั หมด? ก. ผกั บุง้ จีน หอมแดง ข. ขา้ วโพดหวาน ขิง ค. แตงกวา ถวั่ ฝักยาว ง. ตะไคร้ พริกหยวก

11. พชื ผกั ชนิดใดที่ตอ้ งการอุณหภูมิต่าํ ในการเจริญเติบโต? ก. แตงโม พริก ข. มนั ฝรั่ง กะหล่าํ ปลี ค. หอมหวั ใหญ่ ขา้ วโพดหวาน ง. กระเทียม มะเขือยาว12. ส่วนของมนั ฝร่ังที่เรานาํ มาบริโภคเรียกวา่ อะไร? ก. หวั ข. ลาํ ตน้ ค. หน่อ ง. ราก13. ขิง ขา่ สะระแหน่ เป็ นพชื ผกั ที่อยใู่ นกลุ่มเดียวกนั ดว้ ยเกณฑก์ ารจาํ แนกใด? ก. การปลูกและปฏิบตั ิดูแลรักษา ข. ส่วนตา่ ง ๆ ท่ีใชบ้ ริโภค ค. พฤกษศาสตร์ ง. อุณหภูมิ14. rhizome เกี่ยวขอ้ งกบั พืชผกั ในขอ้ ใด? ก. มนั เทศ บีท ข. เผอื ก แหว้ ค. ขิง ขา่ ง. มนั ฝรั่ง หน่อไมฝ้ ร่ัง15. นกั เรียนจะนาํ เอาความรู้เร่ืองการจาํ แนกพืชผกั โดยอาศยั อุณหภูมิมาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร? ก. เลือกปลูกพืชผกั ใหเ้ หมาะสมกบั ฤดูกาลปลูก ข. เลือกบริโภคพชื ผกั ใหเ้ หมาะสมกบั ฤดูกาล จะไดร้ าคาถูก ค. ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการปลูกและดูแลรักษา ง. ปรับอุณหภูมิใหเ้ หมาะสมกบั ท่ีพชื ผกั ตอ้ งการสาํ หรับการเจริญเติบโต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook