พลงั งานทดแทน Alternative Energy โดย นาวาเอก ประพนธ์ อู่ศิริจนั ทร์ ประจากรมวทิ ยาศาสตร์ทหารเรือ
พลงั งานทดแทน • หมายถงึ พลงั งานใดๆ ทจ่ี ะสามารถนามาใช้ ประโยชน์ทดแทน แหล่งพลงั งาน ซง่ึ มี การสะสมตาม ธรรมชาตแิ ละใชห้ มด ไป เชน่ น้ามนั ถ่าน หนิ ก๊าซธรรมชาติ
พลงั งานทดแทน • พลงั งานทดแทนมี มากมายหลายอยา่ ง เชน่ พลงั งานลม, พลงั งานน้า, พลงั งานชวี มวล, พลงั งานแสงอาทติ ย์ , พลงั งานไฮโดรเจน ฯลฯ
พลงั งานลม • คอื การแปลงพลงั งานจลน์ จากการเคลอ่ื นทข่ี องลม ใหเ้ ป็นพลงั งานกล และนา พลงั งานกลมาใชเ้ พอ่ื สบู น้าโดยตรงหรอื ผลติ เป็น พลงั งานไฟฟ้า
ศกั ยภาพพลงั งานลม ในประเทศไทย แผนทแ่ี สดงพลงั งาน ลม ในประเทศไทย (หน่วย : วตั ต/์ ตาราง เมตร)
สถานีพลงั งานทดแทนพรหมเทพ จงั หวดั ภเู กต็ • ในปี พ.ศ. 2526 กฟผ.ได้ จดั ตงั้ สถานีทดลองการ ผลติ ไฟฟ้าจากกงั หนั ลม ทบ่ี รเิ วณแหลมพรหมเทพ จงั หวดั ภเู กต็ ซง่ึ มี ความเรว็ ลมเฉลย่ี ตลอดปี ประมาณ 5 เมตรต่อ วนิ าทโี ดยตดิ ตงั้ กงั หนั ลม ขนาดเลก็ เพอ่ื ทดสอบการ
สถานีพลงั งานทดแทนพรหมเทพ จงั หวดั ภเู กต็ (ต่อ) • ในปี พ.ศ. 2535 ไดต้ ดิ ตงั้ กงั หนั ลมขนาดกาลงั ผลติ 10 กโิ ลวตั ต์ เพมิ่ อกี 2 ชดุ ทาใหม้ กี าลงั ผลติ ไฟฟ้ารวม 42 กโิ ลวตั ต์ • ในปี พ.ศ. 2539 ตดิ ตงั้ กงั หนั ลม ขนาดกาลงั ผลติ 150 กโิ ลวตั ต์ พอ้ มกบั ยกเลกิ การใชง้ านกงั หนั ลมขนาดเลก็ ท่ี ตอ้ งซอ่ มบารงุ บ่อยและชารดุ เสยี หาย ทาใหม้ กี าลงั ผลติ ไฟฟ้าจากกงั หนั ลมรวม 170 กโิ ลวตั ต์ • ในปี พ.ศ. 2541 ตดิ ตงั้ ระบบผลติ ไฟฟ้าจากเซลล์ แสงอาทติ ยเ์ พมิ่ เตมิ ทาใหม้ กี าลงั ผลติ รวมทงั้ สน้ิ
พลงั งานน้า • พลงั งานจากทะเลและ มหาสมทุ รมี หลายประเภท ไดแ้ ก่ พลงั งานจากน้าขน้ึ -น้า ลง พลงั งานจากคลน่ื พลงั งาน จากอุณหภมู ขิ องน้าทะเล เป็น ตน้ • ประเทศไทยมแี หลง่ น้าทม่ี ี ศกั ยภาพสามารถผลติ พลงั งานไฟฟ้าไดท้ งั้ สน้ิ ประมาณ 25,500 เมกะวตั ต์
เขื่อนผลิตไฟฟ้ าในประเทศไทย 1. เขอ่ื นแกง่ กระจาน จงั หวดั เพชรบุรี 2. เขอ่ื นวชริ าลงกรณ จงั หวดั กาญจนบุรี 3. เขอ่ื นจฬุ าภรณ์ จงั หวดั ชยั ภมู ิ 4. เขอ่ื นทา่ ทงุ่ นา จงั หวดั กาญจนบุรี 5. เขอ่ื นภมู พิ ล จงั หวดั ตาก 6. เขอ่ื นน้าพงุ จงั หวดั สกลนคร 7. เขอ่ื นบางลาง จงั หวดั ยะลา 8. เขอ่ื นปากมลู จงั หวดั อุบลราชธานี 9. เขอ่ื นรชั ชประภา จงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี 10. เขอ่ื นศรนี ครนิ ทร์ จงั หวดั กาญจนบุรี 11. เขอ่ื นสริ กิ ติ ิ ์จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ 12. เขอ่ื นสริ นิ ธร จงั หวดั อุบลราชธานี
พลงั งานความร้อนใต้พิภพ • กฟผ. ไดส้ รา้ งโรงไฟฟ้าพลงั ความรอ้ นใตพ้ ภิ พ ฝาง ขนาดกาลังผลติ 300 กโิ ลวตั ต์ ตงั้ อยทู่ ่ี ตาบลมอ่ นปิ่น อาเภอฝาง จังหวดั เชยี งใหม่ มี หลักการ ทางาน คอื นาน้ารอ้ นไปถา่ ยเทความ รอ้ นใหก้ บั ของเหลวหรอื สารทางาน (Working fluid) ทม่ี จี ดุ เดอื ดตา่ จนกระทัง่ เดอื ดเป็ นไอ แลว้ นาไอนไี้ ปหมนุ กงั หนั เพอ่ื ขบั เครอื่ งกาเนดิ ไฟฟ้าผลติ ไฟฟ้าออกมา
พลงั งานแสงอาทิตย์ • มกี ารใชพ้ ลงั งานแสงอาทติ ยใ์ นหลายรปู แบบเชน่ ➢การผลติ กระแสไฟฟ้าดว้ ยเซลลแ์ สงอาทติ ย์ ➢การผลติ น้ารอ้ นดว้ ยพลงั งานแสงอาทติ ย์ ➢การผลติ พลงั งานความรอ้ นจากแสงอาทติ ย์
การผลติ กระแสไฟฟ้าดว้ ยเซลล์ แสงอาทติ ย์ • แบ่งออกเป็น 3 ระบบ คอื 1. เซลลแ์ สงอาทิตยแ์ บบอิสระ (PV Stand alone system) เป็นระบบผลติ ไฟฟ้าทไ่ี ดร้ บั การออกแบบสาหรบั ใชง้ านในพน้ื ท่ี ชนบททไ่ี มม่ รี ะบบสายสง่ ไฟฟ้า อปุ กรณ์ระบบทส่ี าคญั ประกอบดว้ ยแผงเซลลแ์ สงอาทติ ย์ อุปกรณ์ควบคมุ การประจุ แบตเตอร่ี แบตเตอร่ี และอปุ กรณ์เปลย่ี นระบบไฟฟ้ากระแสตรง เป็นไฟฟ้ากระแสสลบั แบบอสิ ระ
การผลติ กระแสไฟฟ้าดว้ ยเซลล์ แสงอาทติ ย(์ ตอ่ ) 2. เซลลแ์ สงอาทิตยแ์ บบต่อกบั ระบบจาหน่าย (PV Grid connected system) เป็นระบบผลติ ไฟฟ้าท่ี ถกู ออกแบบสาหรบั ผลติ ไฟฟ้าผา่ นอุปกรณ์เปลย่ี นระบบ ไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลบั เขา้ สรู่ ะบบสาย สง่ ไฟฟ้าโดยตรง ใชผ้ ลติ ไฟฟ้าในเขตเมอื ง หรอื พน้ื ทท่ี ม่ี ี ระบบจาหน่ายไฟฟ้าเขา้ ถงึ อุปกรณ์ระบบทส่ี าคญั ประกอบดว้ ยแผงเซลลแ์ สงอาทติ ย์ อุปกรณ์เปลย่ี น ระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลบั ชนิดตอ่ กบั ระบบจาหน่ายไฟฟ้า
การผลติ กระแสไฟฟ้าดว้ ยเซลล์ แสงอาทติ ย(์ ตอ่ ) 3. เซลลแ์ สงอาทิตยแ์ บบผสมผสาน (PV Hybrid system) เป็นระบบผลติ ไฟฟ้าทถ่ี กู ออกแบบ สาหรบั ทางานรว่ มกบั อปุ กรณ์ผลติ ไฟฟ้าอ่นื ๆ เชน่ ระบบเซลลแ์ สงอาทติ ยก์ บั พลงั งานลม และ เครอ่ื งยนตด์ เี ซล ระบบเซลลแ์ สงอาทติ ยก์ บั พลงั งานลม และไฟฟ้าพลงั น้า เป็นตน้ โดย รปู แบบระบบจะขน้ึ อยกู่ บั การออกแบบตาม
การผลิตน้าร้อนด้วยพลงั งาน แสงอาทิตย์ • แบง่ ออกเป็น 3 ชนดิ คอื 1. การผลิตน้าร้อนชนิด ไหลเวียนตาม ธรรมชาติ เป็นการผลติ น้ารอ้ นชนดิ ทม่ี ถี งั เกบ็ อยู่ สงู กวา่ แผงรบั แสงอาทติ ย์ ใชห้ ลกั การ หมนุ เวยี นตามธรรมชาติ
การผลิตน้าร้อนด้วยพลงั งาน แสงอาทิตย(์ ต่อ) 2. การผลิตน้าร้อนชนิดใช้ปัม๊ น้าหมนุ เวียน เหมาะสาหรบั การใชผ้ ลติ น้ารอ้ นจานวนมาก และมกี ารใชอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง 3. การผลิตน้ารอ้ นชนิดผสมผสาน เป็นการนา เทคโนโลยกี ารผลติ น้ารอ้ นจากแสงอาทติ ยม์ า ผสมผสานกบั ความรอ้ นเหลอื ทง้ิ จากการระบาย ความรอ้ นของเครอ่ื งทาความเยน็ หรอื เครอ่ื งปรบั อากาศโดยผา่ นอปุ กรณ์แลกเปลย่ี น
การผลิตพลงั งานความรอ้ นจาก แสงอาทิตย์ • มกี ารใชง้ าน 3 ลกั ษณะ คอื 1. การอบแห้งระบบ Passive เป็นระบบท่ี เครอ่ื งอบแหง้ ทางานโดยอาศยั พลงั งาน แสงอาทติ ยแ์ ละกระแสลมทพ่ี ดั ผา่ น 2. การอบแห้งระบบ Active เป็นระบบอบแหง้ ท่ี มเี ครอ่ื งชว่ ยใหอ้ ากาศไหลเวยี นในทศิ ทางท่ี ตอ้ งการ เชน่ มพี ดั ลมตดิ ตงั้ ในระบบเพอ่ื บงั คบั
การผลิตพลงั งานความร้อนจาก แสงอาทิตย(์ ต่อ) 3. การอบแห้งระบบ Hybrid เป็นระบบ อบแหง้ ทใ่ี ชพ้ ลงั งาน แสงอาทติ ย์ และยงั ตอ้ ง อาศยั พลงั งานใน รปู แบบอ่นื ๆ ชว่ ยใน เวลาทม่ี แี สงอาทติ ยไ์ ม่ สม่าเสมอ หรอื ตอ้ งการ ใหผ้ ลติ ผลทางการ
ศกั ยภาพพลงั งานแสงอาทิตย์ ของประเทศไทย • กรมพฒั นา และสง่ เสรมิ พลงั งาน และคณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ไดจ้ ดั ทาแผนทศ่ี กั ยภาพพลงั งาน แสงอาทติ ยข์ องประเทศไทย เมอ่ื พ.ศ. 2542 พบวา่ 14.3% ของพน้ื ทท่ี งั้ หมดของประเทศ ไดร้ บั รงั สดี วง อาทติ ยเ์ ลย่ี นทงั้ ปี 19 - 20 MJ/m2 -day และ 50.2% ของพน้ื ทท่ี งั้ หมดของประเทศ ไดร้ บั รงั สดี วงอาทติ ยเ์ ฉลย่ี ทงั้ ปี ในชว่ ง 18-19 MJ/m2 -day • จากการคานวณรงั สรี วมของดวงอาทติ ยร์ ายวนั เฉลย่ี ตอ่ ปีของพน้ื ทท่ี วั ่ ประเทศพบวา่ มคี า่ เทา่ กบั 18.2MJ/m2 - day จากผลทไ่ี ดน้ ้แี สดงใหเ้ หน็ วา่ ประเทศไทยมศี กั ยภาพ
การใชป้ ระโยชนเ์ ซลลแ์ สงอาทติ ยใ์ นประเทศไทย • ปัจจบุ นั มกี ารตดิ ตงั้ การใชง้ านระบบไฟฟ้าดว้ ยเซลล์ แสงอาทติ ยป์ ระมาณ 5,000 กโิ ลวตั ต์ สว่ นใหญจ่ ะเป็ น การใชง้ านในพน้ื ทท่ี ไี่ มม่ ไี ฟฟ้าเขา้ ถงึ กจิ กรรมทน่ี า เซลลแ์ สงอาทติ ยไ์ ปใชง้ านมากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ ระบบสอื่ สารโทรคมนาคม รองลงมาเป็ นระบบประจุ แบตเตอรดี่ ว้ ยเซลลแ์ สงอาทติ ย์ และระบบสบู น้า
พลงั งานนิวเคลียร์ • โรงไฟฟ้าพลงั งานนวิ เคลยี รเ์ ป็ น ทางเลอื กของประเทศไทย ทจี่ ะ แกป้ ัญหาดา้ นพลงั งานในระยะยาว ได ้ ซงึ่ ในปี 2548 ทวั่ โลกมี โรงไฟฟ้าพลงั งานนวิ เคลยี ร์ ดาเนนิ การผลติ ไฟฟ้าเชงิ พาณชิ ยถ์ งึ 439 โรง มกี าลงั ผลติ 336,331 GW(e) และอยใู่ นขนั้ ตอนการ กอ่ สรา้ งอกี 25 โรง ในประเทศ อนิ เดยี ญปี่ ่ นุ เกาหลใี ต ้ สวเี ดน เยอรมนั และปากสี ถาน
• โรงไฟฟ้าพลงั งานนวิ เคลยี รท์ เ่ี ดน่ ๆ มอี ยู่ 3 แบบ ใหญ่ ๆ คอื 1. โรงไฟฟ้ าพลงั งานนวิ เคลยี รแ์ บบความดนั สงู (Pressurized Water Reactor PWR) 2. โรงไฟฟ้ าพลงั งานนวิ เคลยี รแ์ บบนา้ เดอื ด (Boiling Water Reactor BWR) 3. โรงไฟฟ้ าพลงั งานนวิ เคลยี รแ์ บบใช้ Heavy Water (Canadian Uranium Deuterium : CANDU)
เซลลเ์ ชื้อเพลิง • คอื อปุ กรณ์ทที่ าใหเ้ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคม-ี ไฟฟ้า ระหวา่ งออกซเิ จนกบั ไฮโดรเจน ซง่ึ สามารถเปลย่ี นแปลงพลงั งานของ เชอ้ื เพลงิ ไปเป็ นพลงั งานไฟฟ้า โดยตรง ไมต่ อ้ งผา่ นการเผาไหม ้ ทาให ้ เครอ่ื งยนตท์ ใี่ ชเ้ ซลลเ์ ชอื้ เพลงิ นไ้ี มก่ อ่ มลภาวะทางอากาศ ทัง้ ยังมี ประสทิ ธภิ าพสงู กวา่ เครอ่ื งยนตเ์ ผา ไหม ้ 1-3 เทา่ ขน้ึ อยกู่ บั ชนดิ ของเซลล์ เชอื้ เพลงิ และชนดิ ของเชอ้ื เพลงิ ทใี่ ช ้
เซลลเ์ ชื้อเพลิง(ต่อ) • เซลลเ์ ชอ้ื เพลงิ มลี กั ษณะคลา้ ยกบั แบตเตอรม่ี าก ในดา้ นทสี่ ามารถอดั ประจใุ หมไ่ ดเ้ รอื่ ยๆ • เซลลเ์ ชอื้ เพลงิ ยังไมเ่ ป็ นทนี่ ยิ มใชท้ ว่ั เพราะ ตน้ ทนุ การผลติ อปุ กรณส์ งู และยงั มอี นั ตรายท่ี ตอ้ งใชค้ วามรเู ้ ฉพาะ ควบคมุ หลายประการ แต่ ในปัจจบุ นั ไดน้ ามาใชก้ บั อปุ กรณไ์ ฟฟ้าหลาย ชนดิ เชน่ โทรศพั ทม์ อื ถอื ปาลม์ notebook
แกส๊ โซฮอล์ • แก๊สโซฮอลค์ อื สว่ นผสมของน้ามนั เบนซนิ กบั เอทานอล ซง่ึ เป็นแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธิ ์ • เราสามารถผลติ เอทานอลไดจ้ ากพชื ทป่ี ลกู ในประเทศ เชน่ ออ้ ย มนั สาปะหลงั รวมทงั้ ธญั พชื เชน่ ขา้ วฟ่าง ขา้ ว ขา้ วโพด เป็นตน้ ได้
เอทานอล • เป็ นแอลกอฮอลช์ นดิ หนง่ึ ซง่ึ เกดิ จากการหมกั พชื เพอ่ื เปลยี่ นแป้งจากพชื เป็ นน้าตาลแลว้ เปลย่ี นจากน้าตาลเป็ นแอลกอฮอล์ เมอื่ ทาให ้ เป็ นแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธ์ิ 95% โดยการกลั่น จะเรยี กวา่ เอทานอล (Ethanol) เอทานอลท่ี นาไปผสมในน้ามันเพอ่ื ใชเ้ ตมิ เครอ่ื งยนตเ์ ป็ น แอลกอฮอลท์ มี่ คี วามบรสิ ทุ ธติ์ งั้ แต่ 99.5% โดย ปรมิ าตร ซงึ่ สามารถใชเ้ ป็ นเชอื้ เพลงิ ได ้
ความเป็นมาของการใช้แกส๊ โซฮอลใ์ นประเทศไทย • การผลติ แกส๊ โซฮอล์ ในประเทศไทยนัน้ เกดิ จาก แนวพระราชดารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั เมอ่ื ปี 2528 โดยโครงการสว่ นพระองค์ ได ้ ศกึ ษาการผลติ แกส๊ โซฮอล์ เพอื่ ใชเ้ ป็ นพลังงาน ทดแทน โดยผลติ เอทานอลจากออ้ ย หลงั จาก นัน้ ก็เกดิ ความตนื่ ตวั ทงั้ จากภาครัฐและเอกชน เขา้ มารว่ มพัฒนาและนาไปทดสอบกบั เครอ่ื งยนต์ •
ความเป็นมาของการใช้แกส๊ โซฮอลใ์ นประเทศไทย(ต่อ) • ในปี 2543 ปตท.ดาเนนิ การทดสอบการใชแ้ กส๊ โซฮอลใ์ นรถยนต์ พบวา่ ชว่ ยลดมลพษิ ประหยดั น้ามนั และไมม่ ผี ลตอ่ สมรรถนะ และไดม้ กี ารผลติ แอลกอฮอล์ จากหวั มนั สด โดยสถาบันวจิ ัยวทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยแี หง่ ประเทศ ซง่ึ จะสง่ ใหโ้ รงกลัน่ ของบาง จากผลติ เป็ นแกส๊ โซฮอล์ ซง่ึ ไดท้ ดลองจาหน่ายเมอ่ื ปี 2544 ในสถานบี รกิ ารน้ามันของบางจาก 5 แหง่ ในเขต กรงุ เทพฯ โดยมรี าคาจาหน่ายตา่ กวา่ น้ามันเบนซนิ ไร ้ สารตะกวั่ ออกเทน 95 เล็กนอ้ ย ซงึ่ กไ็ ดผ้ ลตอบรับทนี่ ่า พอใจ
ศกั ยภาพพลงั งานแกส๊ โซฮอลใ์ นประเทศไทย • ปัจจุบนั มโี รงงานผลติ เอทานอลทไ่ี ดร้ บั อนุญาตจาก สานกั งานคณะกรรมการเอทานอลแหง่ ชาตใิ หผ้ ลติ เอทา นอลเพอ่ื ใชเ้ ป็นเชอ้ื เพลงิ ทงั้ สน้ิ 24 โรง มกี าลงั การผลติ รวม 4,210,000 ลติ ร/วนั • ปัจจุบนั มโี รงงานเดนิ ระบบแลว้ 3 โรง คอื บรษิ ทั พรวไิ ล อนิ เตอรเ์ นชนั่ แนลกรปุ๊ เทรดดง้ิ จากดั กาลงั การ ผลติ 25,000 ลติ ร/วนั บรษิ ทั ไทยแอลกอฮอล์ จากดั (มหาชน) กาลงั การผลติ 100,000 ลติ ร/วนั และบรษิ ทั
ข้อดีของการใช้แกส๊ โซฮอล์ • ผลดตี อ่ เครอื่ งยนต์ 1. ชว่ ยประหยัดเชอื้ เพลงิ เชน่ เดยี วกบั น้ามันเบนซนิ ออก เทน 95 2. ไมม่ ผี ลกระทบตอ่ สมรรถนะการใชง้ านและอตั ราการ เรง่ ดกี วา่ หรอื ไมแ่ ตกตา่ ง จากน้ามนั เบนซนิ 95 3. ไมต่ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนนิ การปรับแตง่ เครอ่ื งยนต์ 4. สามารถเตมิ ผสมกบั น้ามันทเ่ี หลอื อยใู่ นถังไดเ้ ลย โดย ไมต่ อ้ งรอใหน้ ้ามันในถังหมด
ข้อดีของการใช้แกส๊ โซฮอล์ • ผลดตี อ่ ประเทศ 1. ชว่ ยลดการนาเขา้ น้ามนั เชอ้ื เพลงิ จากตา่ งประเทศ ลดการขาด ดลุ ทางการคา้ 2. ใชป้ ระโยชนจ์ ากพชื ผลทางการเกษตรสงู สดุ และยกระดบั ราคา พชื ผลทางการเกษตร 3. เครอ่ื งยนตม์ กี ารเผาไหมท้ ดี่ ขี น้ึ ทาใหช้ ว่ ยลดมลพษิ ไอเสยี ทาง อากาศและแกไ้ ขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม โดยสามารถลดปรมิ าณ ไฮโดรคารบ์ อนและคารบ์ อนมอนอกไซดล์ ง 20-25%ทาใหล้ ด คา่ ใชจ้ า่ ยเกย่ี วกบั สขุ ภาพของประชาชนในประเทศ 4. ทาใหเ้ กดิ การลงทนุ ทห่ี ลากหลายทงั้ ดา้ นการเกษตรและ อตุ สาหกรรม
ไบโอดีเซล • คอื น้ามนั เชอ้ื เพลงิ ทผ่ี ลติ มา จากน้ามนั พชื หรอื ไขมนั สตั ว์ โดยผา่ นขบวนการทท่ี าให้ โมเลกุลเลก็ ลง ใหอ้ ยใู่ นรปู ของ เอทลิ เอสเตอร์ (Ethyl esters) หรอื เมทลิ เอสเตอร์ (Methyl esters) ซง่ึ มี คณุ สมบตั ใิ กลเ้ คยี งกบั น้ามนั ดเี ซลมาก สามารถใชท้ ดแทน น้ามนั ดเี ซลไดโ้ ดยตรง
ดีเซลปาลม์ บริสทุ ธ์ิ • เกดิ ขน้ึ จากแนวพระราชดารใิ น พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเลง็ เหน็ วา่ ประเทศไทยอาจประสบปัญหาการขาด แคลนน้ามนั ในภาวะราคาน้ามนั แพง จงึ ทรง ดารใิ หโ้ ครงการสว่ นพระองค์ สวนจติ รลดา รว่ มดาเนินการวจิ ยั กบั หน่วยงานต่างๆ เช่น สถาบนั การศกึ ษา หน่วยงานของรฐั และ เอกชน • ปัจจบุ นั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงจด สทิ ธบิ ตั รการใชน้ ้ามนั ปาลม์ บรสิ ทุ ธิ ์และ น้ามนั ปาลม์ บรสิ ทุ ธิ ์ผสมกบั น้ามนั ดเี ซล เพอ่ื ใชเ้ ป็นเชอ้ื เพลงิ สาหรบั เครอ่ื งยนตด์ เี ซลกบั กรมทรพั ยส์ นิ ทางปัญญาเรยี บรอ้ ยแลว้
ข้อดีของการใช้ดีเซลปาลม์ บริสทุ ธ์ิ • สามารถชว่ ยลดปรมิ าณมลพษิ จากทอ่ ไอเสยี โดยสามารถ ลดปรมิ าณควนั ดาลงไดอ้ ยา่ งมี นยั สาคญั • น้ามนั พชื เป็นเชอ้ื เพลงิ สะอาด มปี รมิ าณกามะถนั น้อย มาก เมอ่ื เทยี บกบั น้ามนั ดเี ซล เมอ่ื นามาเป็นเชอ้ื เพลงิ ใน เมอื งใหญ่และพน้ื ทท่ี ม่ี ปี ัญหาดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม จะชว่ ยลด ผลกระทบทม่ี ตี อ่ สง่ิ แวดลอ้ มได้ • ผทู้ ใ่ี ชด้ เี ซลปาลม์ บรสิ ทุ ธิ ์เตมิ ในรถยนตไ์ มต่ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการปรบั แต่งเครอ่ื งยนต์
10 บญั ญตั ิ ประหยดั น้ามนั 1. ขบั รถไมเ่ กิน 90 ก.ม./ชม. • ความเรว็ สงู สดุ ทก่ี ฎหมายกาหนดไว้ • ทางธรรมดา 90 กม./ชม. 2. จอดรถไว้บา้ นโดยสาร • ทางดว่ น 110 กม./ชม. สาธารณะ มอเตอรเ์ วย์ กม ชม• • ถา้ ผใู้ ชร้ ถยนตร์ อ้ ยละ 1 จากจานวน 5 ลา้ นคนั หนั มาใชบ้ รกิ ารรถสาธารณะ ขบั ความเรว็ ดว้ ยระยะทาง 48 กม./วนั สนิ้ เปลอื งนา้ มนั กว่า1ข2บั 0 ./ . • ใน 1 ปี (260 วนั ทางาน) จะประหยดั รอ้ ยละ น้ามนั 52 ลา้ นลติ ร คดิ เป็นคา่ น้ามนั 95 กม./ชม. 80 กม./ชม. 15% 110 กม./ชม. 80 กม./ชม. 29% 100 กม./ชม. 90 กม./ชม. 10% 110 กม./ชม. 90 กม./ชม. 25%
3. ไมข่ บั กด็ บั เครื่อง 4. ทางเดียวกนั ไปด้วยกนั • การตดิ เครอ่ื งยนตจ์ อดอยเู่ ฉยๆ เป็น • ถา้ ขบั รถยนต์ 5 คนั ไปทางเดยี วกนั ท่ี เวลา 5 นาที หมายใกลก้ นั ระยะทาง 48 กม./คนั (ไป-กลบั ) • สน้ิ เปลอื งน้ามนั โดยเปลา่ ประโยชน์ 500 ซซี ี • ใน 1 ปี (260 วนั ทางาน) จะสน้ิ เปลอื ง น้ามนั 5,200 ลติ ร คดิ เป็นคา่ น้ามนั 78,000 บาท • ถา้ รอ้ ยละ 1 ของรถยนต์ 5 ลา้ นคนั ใช้ Car Pool สลบั ขบั 5 คน ตอ่ รถ 1 คนั
5. หลีกเล่ียงชวั่ โมงเรง่ ด่วน 6. ใช้โทรศพั ท-์ โทรสารเลี่ยงรถ • ถา้ รถตดิ เพยี งรอ้ ยละ 1 ของ จานวน ติด รถยนต์ 5 ลา้ นคนั ในวนั ทางานทุกวนั และในบางเสาร-์ อาทติ ย์ ใน 1 ปี (330 • ใชอ้ ุปกรณ์สอ่ื สารแทนการเดนิ ทาง วนั /ปี) เช่น สง่ หนงั สอื ระหวา่ งหน่วยงาน • จะสน้ิ เปลอื งน้ามนั 12.4 ลา้ นลติ ร คดิ • หากเรง่ ดว่ นกใ็ ชว้ ธิ สี ง่ ทางโทรสาร เป็นคา่ น้ามนั 186 ลา้ นบาท • หากเป็นเอกสารสาคญั กใ็ ชว้ ธิ รี วบรวม เอกสารแลว้ สง่ พรอ้ มกนั • หนงั สอื เวยี นทไ่ี มส่ าคญั กใ็ ชว้ ธิ สี ง่ E-
8. ลมยางต้องพอดีไส้กรองต้อง 7. วางแผนก่อนเดินทาง สะอาด • ความดนั ลมยางออ่ นกวา่ มาตรฐาน • ถา้ ไมศ่ กึ ษาเสน้ ทางก่อนเดนิ ทาง และขบั 1 ปอนดต์ ่อตารางน้วิ ถา้ ขบั ทกุ วนั เฉลย่ี รถหลงทาง 10 นาที วนั ละ 48 กม. ใน 1 เดอื น • จะสน้ิ เปลอื งน้ามนั 500 ซซี ี คดิ เป็นคา่ • รถยนต์ สน้ิ เปลอื งน้ามนั เพม่ิ ขน้ึ 2.4 ลติ ร น้ามนั 7.50 บาท • รถจกั รยานยนต์ สน้ิ เปลอื งน้ามนั เพม่ิ ขน้ึ 1.2 ลติ ร • รถบรรทกุ สน้ิ เปลอื งน้ามนั เพมิ่ ขน้ึ 4.2 ลติ ร • ถา้ รถยนต์ 5 ลา้ นคนั ขบั หลงทาง เฉลย่ี • ถา้ รอ้ ยละ 30 ของรถแตล่ ะประเภท เดอื นละ 1 ครงั้ ใน 1 ปี ละเลยเชน่ น้บี ่อยๆ รวมเป็น 30 วนั /ปี • จะสน้ิ เปลอื งน้ามนั 30 ลา้ นลติ ร คดิ เป็น • จะสน้ิ เปลอื งน้ามนั เพม่ิ ขน้ึ 5.8 ลา้ นลติ ร คา่ น้ามนั 450 ลา้ นบาท • คดิ เป็นเงนิ 87 ลา้ นบาท
9. ไมบ่ รรทกุ ของเกินจาเป็น 10. ตรวจเชค็ เครือ่ งยนตเ์ ป็น • หากขบั รถโดยบรรทกุ ของทไ่ี มจ่ าเป็น ประจา ประมาณ 10 ก.ก. เป็นระยะทาง 25 ก.ม. • เปลย่ี นไสก้ รองตามกาหนด • สน้ิ เปลอื งน้ามนั 40 ซซี ี • เปลย่ี นน้ามนั หล่อลน่ื ทุก 5,000 กม. • ถา้ รอ้ ยละ 10 ของรถยนตท์ วั่ ประเทศ • ตรวจสอบระดบั น้ามนั เครอ่ื ง และน้าใน 5 ลา้ นคนั ขบั รถโดยบรรทกุ สง่ิ ของท่ี แบตเตอร่ี ไมจ่ าเป็น • ตรวจสอบระดบั น้าป้อนหมอ้ น้า • ใน 1 ปี จะสน้ิ เปลอื งน้ามนั 7.3 ลา้ น ลติ ร คดิ เป็นเงนิ 10.95 ลา้ นบาท • ปรบั ปรงุ สมรรถนะรถยนตใ์ หด้ ี ตลอดเวลา ชว่ ยประหยดั น้ามนั
ช่วยกนั ประหยดั พลงั งานก่อนท่ี จะไม่มหี ลงั งานให้ประหยดั สวสั ดคี รบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: