Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้เรื่อง แผนและโครงการอาชีพ

ใบความรู้เรื่อง แผนและโครงการอาชีพ

Description: ใบความรู้เรื่อง แผนและโครงการอาชีพ

Search

Read the Text Version

ใบความรู้เรอื่ ง แผนและโครงการอาชีพ วิชาการพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช 32001) ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ความหมายของแผน แผนกับการวางแผนมีความสัมพันธ์เกีย่ วข้องกันอย่างมาก เพราะแผนจะมีขึ้นได้จะตอ้ งมีการวางแผน เกดิ ข้นึ กอ่ นถ้าไมม่ ีการวางแผนผลท่ตี ามมาก็คือไมม่ แี ผนในเรื่องน้ัน แผนจึงอาจสรปุ ความหมายไดด้ งั นี้ แผน หมายถึงข้อมูลท่ีเรียบเรียงเป็นแบบ เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการบริหารงานเป็นเอกสารหรอื ข้อความท่รี ะบุถงึ แนวทางวิธกี ารทีจ่ ะแกไ้ ขปัญหา เพ่ือประโยชนท์ ่จี ะเกดิ ขึ้นในอนาคต แผน หมายถึง วิธี การกระทำที่ กำหนดไว้ ล่วงหน้า มีลักษณะสำคัญคือ จะต้องเกี่ยวกับอนาคต เกยี่ วกับการกระทำ มวี ัตถปุ ระสงค์ รวมท้งั เก่ียวขอ้ งกบั องค์กรและเจ้าหนา้ ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ าน แผนอาจมลี ายลักษณ์ อักษรหรอื ไม่มลี ายลักษณ์อักษรก็ได้ จะเห็นการวางแผนเป็นกระบวนการท่ีต้องระดมความคิด ตัดสินใจอย่างดี แล้วจึงร่างออกเป็นลายลักษณ์ อักษร หรือในกรณีที่ไม่ต้องร่างก็มีการปฏิบัติตามความคิดนั้น ผลผลิตใน ขน้ั ตอนนี้ก็คอื แผนนั้นเอง หรอื กล่าวอกี นยั หนึ่ง แผนคอื ผลผลิตของการวางแผน ประเภทของแผน ประเภทของแผนจะมีกี่ลักษณะนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เกณฑ์ใดกำหนด ในที่นี้ยกตัวอย่างแค่บางเกณฑ์ เท่าน้ันอาทิเชน่ 2.1 ผลผลิตของแผน แบง่ ประเภทโดยผลท่ีเกดิ ข้ึนจากการปฏบิ ตั ิตามแผน แบง่ ได้ 2 ประเภท คอื (1) แผนทางชีววิทยา หรือกายภาพ ผลผลิตที่ได้จากการปฏิบัติตามแผนนี้สามารถมองเห็น จับต้องได้เช่น แผนการสร้างเขื่อน แผนการก่อสร้างถนน (2) แผนทางสังคมเศรษฐกิจ ผลผลิตที่ได้จากการ ปฏิบัติตามแผนนี้จะตรงข้ามกับแผนทางกายภาพ ในการวัดหรือประเมินว่าผลผลิตที่ได้เป็นอย่างไรต้องอาศัย เครอื่ งมือ หรือสถิติมาเป็นเกณฑ์วดั เช่น แผนการกระจายรายได้ แผนกระตุน้ เศรษฐกิจ 2.2 จำแนกตามเง่ือนไขเวลา แบง่ ประเภทโดยดูวา่ แผนน้ันมรี ะยะเวลาใชเ้ ทา่ ใด แบ่งได้ 3 ประเภท คอื (1) แผนระยะสน้ั มีระยะเวลาการใช้ไม่เกิน 1 ปี เชน่ แผนปฏบิ ตั กิ ารหรือแผนประจำปี (2) แผนระยะปานกลาง มีระยะเวลาในการใช้ 3-5 ปี เชน่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (3) แผนระยะยาวมรี ะยะเวลาในการใช้เกนิ 5 ปีข้นึ ไป แผนในลกั ษณะน้มี ักเป็นแผนการ ลงทนุ ขนาดใหญ่เชน่ การสรา้ งเขือ่ น สนามบิน 2.3 จำแนกตามระดับการบรหิ าร แบง่ ประเภทของแผนตามระดับการบรหิ าร แบ่งได้ 3 ระดบั คือ (1) แผนปฏิบัติการ ผู้บริหารระดับต้นเป็นผู้จัดทำแผน แผนตามลักษณะนี้บุคลากรใน หนว่ ยงานปฏิบตั ิตามไดเ้ ลย ( 2) แผนกลวิธี ผู้บริหารระดับกลางจะเป็นผู้จัดทำแผน แผนตามลักษณะนี้ ต้องมี การคิดวิ เคราะห์ จากแผนกลยทุ ธ์เพ่ือนำไปสูก่ ารจดั ทำแผนปฏิบัติการ

(3) แผนกลยุทธ์ เป็นแผนกว้างครอบคลุมทุกกิจกรรมขององค์กรเป็นการกำหนดทิศทางของ องคก์ ร ในระยะยาว ผ้บู รหิ ารระดับสูงจะเป็นผ้กู ำหนด 2.4 จำแนกตามความถีข่ องการใชแ้ ผน แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ (1) การวางแผนเพื่อการใช้ประโยชน์ครั้งเดียว กล่าวคือเมื่อนำแผนไปปฏิบัติจนเสร็จส้ิน ภารกิจแล้วก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของแผนจะไม่มีการนำแผนดังกล่าวมาใช้อีก เช่นแผนงบประมาณประจำปี ของรัฐบาล แผนแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ เชน่ นำ้ ทว่ ม ภัยพิบัติ ภัยแล้ง เป็นต้น (2) แผนหลักหรือแผนเพอ่ื การใช้ประโยชนถ์ าวร ลักษณะของการวางแผนประเภทน้ี จะ เกีย่ วขอ้ งกบั กจิ กรรมท่ีมีลักษณะต่อเนื่องยาวนาน การนำแผนไปปฏิบตั ิ แผนทไ่ี ดร้ บั การอนุมตั ใิ ห้นำไปปฏิบัติ หรือเพื่อบริหารงาน มขี น้ั ตอนในการนำไปปฏิบตั ิดังนี้ 1 การ เตรียมการ ในการบริ หารแผนงาน เป็นขั้นตอนของ การ พิจารณา แผนและทรัพยากร ที่ ใช้ ใน การพิจารณาแผนนั้นสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจเป้าหมายของแผน หรือต้องทราบว่าวัตถุประสงค์มีอะไร สามารถปฏบิ ัตติ ามวตั ถปุ ระสงคไ์ ด้หรือไม่ ทรพั ยากรทใี่ ช้มีพรอ้ มหรอื ยงั ในอนาคตจะเกิดปัญหาขนึ้ หรือไม่ 2 การตระเตรียมแผนการบริหารงาน หลังจากศึกษาแผนจนเข้าใจ และมีข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่ ใช้เรียบร้อยแล้ว นำสิ่งที่ได้มาเขียนให้เป็นแผนการทำงาน เช่นแผนเกี่ยวกับการก่อสร้าง มีการเขียนวิธีการ ปฏิบัติอย่างละเอียด บางครั้งต้องจัดองค์การและจัดหาบุคลากร จัดหาวัสดุอุปกรณ์ เตรียมงบประมาณให้ พร้อม 3 การบรหิ ารแผนที่กำหนดไว้ เป็นข้นั ตอนลงมอื ปฏิบัติตามแผนทีว่ างไว้ และควบคมุ การการปฏิบัติให้ เป็นไปตามแผน หรือเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งแผนบางแผนต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิดอย่าง ละเอียด ระบุแนวทางการปฏิบัติอย่างชัดเจนตายตัว ทุกขั้นตอนผู้ปฏิบัติงานมีโอกาสน้อยที่จะได้ใช้ความคิด และความสามารถของตนเอง แต่บางแผนจะไม่ควบคุมมากนัก จะควบคุมเฉพาะที่สำคัญ เช่น เวลา ต้นทุน ค่าใช้จา่ ย หรือคุณภาพของงานเป็นตน้ การประเมนิ ผลแผน ในการปฏิบัติตามแผนนั้น ตัวแผนจะกำหนดระยะเวลาไว้ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ มีระยะเวลาการใช้ 5 ปี หรือการสร้างถนนมีระยะเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้ว จะตอ้ งมีการประเมินว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ในการประเมินผลแผนนักวชิ าการบางท่านเสนอว่ามีอยู่ 3 ระยะ คอื ระยะก่อนการปฏบิ ัติตามแผน ขณะปฏบิ ัติ ตามแผน และภายหลังจากปฏบิ ัติ เสรจ็ แล้ว ในที่ น้ี มอง ว่าระยะก่อนการปฏิบัติตามแผน เป็นลักษณะของการพิจารณาว่ามีศักยภาพพอที่จะปฏิบัติตามแผนหรือไม่ และระยะปฏบิ ตั ิตามแผนจะเป็นการควบคุมหรือตดิ ตามความกา้ วหนา้ ภายหลงั จากการปฏบิ ัตเิ สรจ็ แลว้ จงึ เป็น การประเมินผลแผนจริงๆ ในการประเมินผลแผนนน้ั มวี ิธกี ารสรุปได้ ดงั นี้

1 การเตรียมการประเมินผล ในขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมทรัพยากรต่างๆ ซึ่งในการประเมินบางคร้ัง อาจใช้คนจำนวนมากในการเก็บข้อมูล หรือผู้ที่วิเคราะห์ข้อมูล และต้องมีค่าใช้จ่าย จึงต้องมีการจัดหา ตระเตรียมไวใ้ ห้พรอ้ ม .2 การจัดเตรียมเครื่องมือเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมลู เป็นการจัดทำตัวช้ี วัด และจะใช้อะไรเป็นเครื่องมือ ใน การประเมิน เช่น ใช้วิธีสัมภาษณ์ ตรวจสอบทางเทคนิค ใช้แบบสอบถาม เป็นต้น กล่าวคือ มีเครื่องมือ สำหรับการประเมนิ อย่างชดั เจน และเหมาะสม 3 การลงมือประเมินผล เป็นขั้นตอนในการปฏิบัติงานหลังจากได้เตรียมทรัพยากรต่างๆ และมี เครื่องมอื ในการประเมินผลแล้ว 4 สรุป และรายงานผลการประเมินผล เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการประเมิน การสรุปและรายงานผล เพื่อเสนอผู้บริหารระดับสูงที่ดีจะต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง สั้นกระชับและสามารถตอบประเด็นที่ผู้บริหาร ต้องการได้ ประโยชนข์ องการประเมินผลแผน ในการทำงานจะต้องมี การตรวจสอบ เพื่อจะทราบได้ ว่าผลที่ ได้ จากการทำงานเป็นอย่างไร เชน่ เดียวกบั การนำแผนไปปฏิบัตจิ ะต้องมกี ารประเมิน ผลของการประเมนิ มปี ระโยชน์ดงั นี้ 1. ทำให้มั่นใจในการนำแผนไปปฏิบัติ เพราะผ่านการประเมินอยา่ งรอบคอบ มีการเตรียมการป้องกนั ปัญหาท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นไวอ้ ยา่ งดี 2. เกิดความประหยัด สิ่งสำคัญของแผนคือการปฏิบัติงานอย่างประหยัด แผนจะบ่งบอกว่าอะไรทำ ก่อนอะไรทำหลัง ลำดับขั้นของงานเป็นอย่างไร การประเมินจะเป็นตัวเสริมให้แผนนั้นมีความประหยัดยิ่งข้ึน เชน่ ประเมินแล้วบางขนั้ ตอนไม่จำเปน็ ต้องปฏิบัติ หรือปฏบิ ัตแิ ลว้ ค่าใชจ้ า่ ยสูงขึน้ ก็ตอ้ งหาวธิ ีแกไ้ ขข้อบกพร่อง เปน็ ตน้ 3. เป็นขอ้ มูลสำคัญเพื่อนำไปปรบั ปรงุ แผน หรือยุตแิ ผน กลา่ วคอื ผลทไ่ี ด้จากการประเมินจะเป็น คำตอบว่าแผนนั้นใช้ไดห้ รอื ไม่ ถา้ ใช้ได้ดีเย่ียม ถา้ เกิดเหตุการณล์ กั ษณะเดยี วกนั ก็อาจนำแผน กลับมาใช้ใหม่อกี ครงั้ แตถ่ า้ ใช้แล้วลม้ เหลวในการประเมนิ จะบอกว่าลม้ เหลวเพราะอะไร ในการนำแผนไปใช้คร้ังตอ่ อาจปรับปรุง ก็ได้ แต่ถ้าผลประเมนิ บอกว่าไมเ่ หมาะสมทจ่ี ะนำมาใชแ้ ผนนั้นกอ็ าจยุตหิ รือไม่มีการใชอ้ ีก ต่อไป สรุป แผน คือการกำหนดวิธีการทำงานไว้ล่วงหน้า เป็นขั้นตอนหลังจากวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยปกติในการนำแผนไปปฏิบัติจะอยู่ในรูปของโครงการ เป็นส่วนย่อยของแผนซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไป ใน การนำแผนไปปฏิบัติจะต้องศึกษาแผนให้เข้าใจว่ามีเป้าหมาย ขอบข่ายงาน อะไรบ้าง กล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ แผนนั้นมีงานอะไรที่กำหนดไว้บ้าง หลังจากทราบขอบข่ายงานแล้วในขั้นตอนต่อไป คือ การเตรียมแผน บริหารงาน หรือการเขียนโครงการซึ่งในโครงการจะบอกรายละเอียดทุกอย่างในการปฏิบัติ เพื่อที่จะเตรียม ทรัพยากรในการปฏิบัติให้พรอ้ ม ในขั้นตอนน้ีจะมีการขออนุมัตโิ ครงการ เมื่ออนุมัติเสร็จขัน้ ตอนต่อไปคือ การ ปฏิบัติตาม หรือการบริ หารแผน มีการควบคุม หลังจากปฏิบัติเสร็จจะทำการประเมินผลแผนเพื่อตรวจสอบ วา่ เป็นไปตามเป้าหมายหรอื ไม่

ความหมายของโครงการ โครงการหมายถึงอะไรได้มีการให้คำจำกัดความของความหมายของโครงการไว้ มากมายทั้งนัก การศกึ ษานกั การตลาด และนกั กฎหมายซึง่ โดยรวมแลว้ เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ดงั นน้ั สรปุ ไดว้ ่า โครงการ คือ กิจกรรมหรือแผนงานที่เป็นหน่วยอิสระหนึ่งที่ สามารถทำการวิเคราะห์วางแผน และนำไป ปฏิบัติ พร้อมทัง้ มลี ักษณะแจ้งชัดถงึ จุดเรม่ิ ตน้ และจุดสนิ้ สุด โดยแผนสำหรบั กิจการต่างๆ ต้องระบวุ ัตถปุ ระสงค์ ตามระยะเวลาทีก่ ำหนด โครงการ คือ : การวางแผนลว่ งหน้าที่จดั ทำขึ้นอย่างมีระบบประกอบด้วยกิจกรรมย่อยหลายกิจกรรม ทต่ี ้องใชท้ รัพยากรในการดำเนินงาน และคาดหวังท่จี ะไดผ้ ลตอบแทนอย่างคุ้มคา่ แต่ละโครงการมีเปา้ หมายเพื่อ การผลิตหรือการให้บริการเพื่อเพิ่มพูนสมรรถภาพของแผนงาน ดังนั้นโครงการ จึงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ของการวางแผนท่ีจะทำใหอ้ งคก์ รบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคต์ ามเป้าหมาย ลกั ษณะของโครงการที่ดี สามารถแก้ปญั หาขององค์การหรือหน่วยงานนั้น ๆ ได้ 1. มรี ายละเอียด วตั ถุประสงคเ์ ปา้ หมายต่าง ๆ ชัดเจน สามารถดำเนนิ งานได้ มีความเป็นไปได้ 2. กำหนดขึน้ อย่างมีข้อมูลความจริง (มีสถิติ ตวั เลข ข้อมูลจากองค์กรดังกล่าว) และเป็นข้อมลู ท่ีได้รบั การวิเคราะห์อยา่ งรอบคอบ 3. อ่านแล้วเขา้ ใจวา่ น้คี ือโครงการอะไร มปี ระโยชน์อยา่ งไร ทำไปเพอื่ อะไร มีขอบเขตการทำแค่ไหน 4. มีระยะเวลาในการดำเนนิ งานแนน่ อน ระบุวันเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด 5. สามารถติดตามประเมนิ ผลได้ ประเภทและลกั ษณะของอาชพี อาชีพ หมายถงึ การทำกิจกรรม การทำงาน การประกอบการท่ีไม่เปน็ โทษแกส่ ังคม และมรี ายได้ตอบ แทนโดยอาศัยแรงงาน ความรู้ ทกั ษะ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ วธิ กี าร แตกตา่ งกันไป ประเภทและลักษณะของอาชพี การแบ่งประเภทของอาชีพ สามารถจัดแบ่งตามลกั ษณะไดเ้ ป็น 2 ลักษณะ คือ แบง่ ตามเนื้อหาวชิ า ของอาชพี และแบ่งตามลักษณะของการประกอบอาชีพ 1.การแบง่ อาชีพตามเน้ือหาวิชาของอาชีพ สามารถจัดกล่มุ อาชีพตามเนอื้ หาวชิ าได้เป็น 6 ประเภท ดังน้ี 1.1 อาชพี เกษตรกรรม ถือวา่ เป็นอาชีพหลัก และเป็นอาชีพสำคญั ของประเทศ ปัจจุบันประชากร ของไทยไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ยังประกอบอาชพี น้ีอยู่ อาชีพเกษตรกรรมเปน็ อาชีพเกยี่ วเนือ่ งกบั การผลติ และ การจัดจำหน่ายสนิ ค้าและ บริการทางด้านการเกษตรซ่ึงผลผลิตทางการเกษตรนอกจากใชใ้ นการบรโิ ภค เปน็ ส่วนใหญแ่ ลว้ ยังใชเ้ ปน็ วัตถุดิบในการผลิตทางอตุ สาหกรรมอกี ดว้ ย อาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ การทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ 1.2 อาชพี อตุ สาหกรรม การทำอตุ สาหกรรม หมายถึง การผลติ สินคา้ อนั เน่ืองมาจาก การนำเอาวัสดุ หรือสินคา้ บางชนิดมาแปรสภาพให้เกิดประโยชนต์ อ่ ผใู้ ช้มากขึ้น กระบวนการประกอบการอตุ สาหกรรม

ประกอบดว้ ย ในขัน้ ตอนของกระบวนการผลิต มีปจั จัยมากมายนับตงั้ แตแ่ รงงาน เครอ่ื งจักร เครื่องมือ เครือ่ งใช้ เงนิ ทุนทดี่ นิ อาคาร รวมทั้งการบรหิ ารจัดการ การประกอบอาชีพอุตสาหกรรมแบ่งตามขนาดได้ดงั นี้ อุตสาหกรรมในครอบครัว เป็นอุตสาหกรรมที่ทำกันในครัวเรือน หรือภายในบ้าน ใช้แรงงานคนใน ครอบครัวเป็นหลัก บางทีอาจใช้เครื่องจักรขนาดเล็กช่วยในการผลิตใช้วัตถุดิบ วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นมาเป็น ปัจจัยในการผลิตอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ การทอผ้า การจักสาน การทำร่ม การทำอิฐมอญ ฯลฯ ลักษณะการดำเนินงาน ไมเ่ ป็นระบบเทา่ ใดนกั รวมท้ังการใชเ้ ทคโนโลยีแบบงา่ ยๆ ไมย่ ุง่ ยากซบั ซอ้ น และมีการ ลงทุน ไมม่ ากนัก อุตสาหกรรมขนาดยอ่ ม เป็นอตุ สาหกรรมทมี่ ีการจ้างคนงานมากกว่า 50 คน ใช้เงินทนุ ดำเนนิ การไม่ เกนิ 10 ลา้ นบาท อุตสาหกรรมขนาดย่อม ได้แก่ โรงกลงึ อู่ซอ่ มรถ โรงงานทำขนมปงั โรงสขี ้าว เปน็ ตน้ ในการ ดำเนนิ งานของอตุ สาหกรรม ขนาดยอ่ มมีขบวนการผลติ ไม่ซบั ซ้อน ใชแ้ รงงานทมี่ ฝี ีมือไม่มากนกั อุตสาหกรรมขนาดกลาง เป็นอตุ สาหกรรมทม่ี ีการจ้างคนงานมากกว่า 50 คน แต่ไมเ่ กิน 200 คน ใช้ เงินทุนดำเนินการมากกวา่ 10 ลา้ นบาท แต่ไมเ่ กนิ 100 ล้านบาท อุตสาหกรรมขนาดกลางไดแ้ ก่ อุตสาหกรรม ทอกระสอบอตุ สาหกรรมเส้อื ผ้าสำเร็จรูป เปน็ ต้น การดำเนินงานของอตุ สาหกรรมขนาดกลางต้องมกี ารจดั การ ท่ีดี แรงงานท่ีใชต้ อ้ งมีทักษะ ความรู้ ความสามารถในกระบวนการผลติ เปน็ อย่างดี เพ่ือทจ่ี ะไดส้ นิ ค้าที่มี คณุ ภาพระดับเดยี วกัน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมที่มีคนงานมากกว่า 200 คนขึ้นไป เงินทุน ในการ ดำเนินการมากกว่า 200 ล้านบาท อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ได้แก่ อุตสาหกรรม ผลิตแบตเตอรี่ อุตสาหกรรม ถลุงเหล็ก เป็นตน้ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีระบบการจัดการ ทดี่ ี ใชค้ นท่ีมคี วามรู้ ทกั ษะ ความสามารถเฉพาะ ดา้ น หลายสาขา เช่นวิศวกรรม อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ในการดำเนนิ งานผลติ มีกรรมวิธีท่ียงุ่ ยาก ใช้เครื่ องจกั ร คนงาน เงินทุน จำนวนมากขึ้น มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยและผลิตสินค้าได้ทีละมาก ๆ มีการว่าจ้างบุคคลระดับ ผู้บริหารที่มีความสามารถ 1.3 อาชีพพาณิชยกรรมและอาชพี บรกิ าร อาชีพพาณชิ ยกรรม เป็นการประกอบอาชีพที่ เป็นการแลกเปล่ยี นระหว่างสินค้ากบั เงิน สว่ นใหญจ่ ะ มลี ักษณะเปน็ การซ้ือมาและขายไป ผู้ ประกอบอาชพี ทางพาณิชยกรรมจึงจัดเป็นคนกลาง ซง่ึ ทำหน้าที่ซื้อ สนิ ค้าจาก ผู้ ผลิตและนำมาขายต่อให้ แก่ ผู้บริโภค ประกอบด้วยการคา้ ส่งและการคา้ ปลีก โดยอาจจัด จำหนา่ ย ในรูปของ การขายตรงหรือขายออ้ ม อาชีพบรกิ าร หมายถงึ อาชีพที่ทำให้เกดิ ความพอใจแก่ผู้ซื้อ การบริการอาจเป็นสินคา้ ที่มีตวั ตน หรอื ไม่มีตัวตนก็ได้ การบริการท่มี ีตวั ตน ไดแ้ ก่ บรกิ ารขนส่ง บริการทางการเงนิ สว่ นบรกิ ารที่ไม่มีตวั ตน ได้แก่ บรกิ ารท่องเทย่ี วบริการรักษาพยาบาล เป็นตน้ อาชพี พาณิชยกรรม จึงเปน็ ตัวกลางในการขายสนิ คา้ หรือบริการต่างๆ นบั ตัง้ แต่การนำวัตถดุ บิ จาก ผผู้ ลติ ทางดา้ นเกษตรกรรม ตลอดจนสนิ ค้าสำเรจ็ รปู จากโรงงานอุตสาหกรรมรวมทั้งคหกรรม ศิลปกรรม

หตั ถกรรม ไปให้ ผ้ซู อื้ หรอื ผู้บรโิ ภค อาชพี พาณิชยกรรมจึงเป็นกจิ กรรมท่ีสอดแทรกอยู่ทุกอาชีพ ในการ ประกอบอาชีพ พาณิชยกรรม หรอื บริการ ผู้ ประกอบอาชพี จะต้องมี ความสามารถในการจัดหา มีความคดิ ริ เร่ิม และมี คุณธรรม จึงจะทำให้ การประกอบอาชพี เจริญก้าวหน้า 1.4 อาชพี คหกรรม การประกอบอาชีพคหกรรม ไดแ้ ก่ อาชีพที่ เก่ียวกับการประกอบ อาหาร ขนม การตดั เย็บ การเสรมิ สวย ตัดผม เปน็ ตน้ 1.5 อาชีพหัตถกรรม การประกอบอาชีพหตั ถกรรม ได้แก่ อาชีพที่เก่ียวกบั งานช่าง โดยการใช้มือใน การผลติ ชนิ้ งานเป็นสว่ นใหญ่ ได้แก่ อาชีพจักสาน แกะสลัก ทอผ้าด้วยมือ ทอเสื่อ เป็นต้น 1.6 อาชพี ศลิ ปกรรม การประกอบอาชีพศลิ ปกรรม ไดแ้ ก่ อาชพี เกยี่ วขอ้ งกบั การแสดงออกใน ลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ การวาดภาพ การป้นั การดนตรี ละคร การโฆษณา ถา่ ยภาพ เป็นต้น 2.การแบ่งอาชีพตามลักษณะของการประกอบอาชีพ นอกจากจะจัดกลุ่มอาชีพเป็น 6 ประเภทแล้ว เรายังสามารถจัดกลุ่มอาชพี ตาม ลักษณะการประกอบ อาชีพเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ อาชพี อสิ ระ และอาชพี รบั จา้ ง 1. อาชพี อิสระ หมายถึง อาชีพทุกประเภททผ่ี ู้ประกอบการดำเนนิ การดว้ ยตนเอง แตเ่ พียงผู้เดียวหรือ เป็นกลุ่ม อาชีพอิสระเป็นอาชีพท่ไี มต่ ้องใชค้ นจำนวนมาก แต่หากมีความจำเปน็ อาจมกี ารจ้างคนอ่ืนมาช่วยงาน ได้เจ้าของกิจการเป็นผู้ลงทุน และจำหน่ายเอง คิดและตัดสินใจด้วยตนเองทุกเรื่อง ซึ่งช่วยให้การพัฒนางาน อาชีพ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ เช่น ขายอาหาร ขายของชำ ซ่อม รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ในการประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ ความสามารถในเรื่อง การ บริหาร การจดั การ เช่น การตลาดทำเลท่ีต้ัง เงนิ ทนุ การตรวจสอบ และประเมินผล เป็นตน้ นอกจากน้ียังต้อง มีความอดทนต่องานหนัก ไม่ถ้อถอยต่อ ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และมองเห็น ภาพการดำเนินงาน ของตนเองได้ทะลปุ รุโปรง่ 2. อาชีพรับจ้าง หมายถึง อาชีพที่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการ โดยตัวเองเป็นผู้รับจ้างทำงานให้ และ ได้รับ ค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง หรือเงินเดือน อาชีพรับจ้างประกอบด้วย บุคคล 2 ฝ่าย ซึ่งได้ตกลงว่าจ้างกัน บคุ คลฝ่ายแรกเรียกว่า “นายจา้ ง” หรือผ้วู า่ จา้ ง บุคคลฝ่ายหลังเรียกวา่ “ลกู จ้าง” หรอื ผู้รับจ้าง มีค่าตอบแทน ที่ผวู้ ่าจา้ งจะต้องจ่ายให้แก่ ผรู้ ับจ้างเรียกว่า “ค่าจา้ ง” การประกอบอาชีพรับจ้าง โดยท่ัวไปมีลักษณะ เป็นการ รับจ้างทำงานในสถานประกอบการหรือโรงงาน เป็นการรับจ้างในลักษณะการขายแรงงาน โดยได้รับ ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน หรือค่าตอบแทนที่คิดตามชิ้นงานที่ทำได้ อัตราค่าจ้างขึ้นอยู่กับการกำหนดของ เจา้ ของสถานประกอบการ หรือนายจ้าง การทำงานผรู้ ับจา้ งจะทำอยภู่ ายในโรงงานตามเวลาทีน่ ายจ้างกำหนด การประกอบอาชีพรับจ้างในลักษณะนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุน เพราะลูกจ้างจะใช้เครื่องมือ อปุ กรณท์ นี่ ายจา้ งจัดไว้ให้ทำงานตามทน่ี ายจ้างกำหนด แต่มีขอ้ เสยี คอื มักจะเป็นงานท่ีทำซ้ำ ๆ เหมือนกันทุก วัน และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของนายจ้างในการประกอบอาชีพรับจ้างนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบอาชีพรับจ้างมีความเจริญก้าวหน้าได้ เช่น ความรู้ ความชำนาญในงาน มีนิสัย การ ทำงานที่ดีมีความกระตือรือร้น มานะ อดทน ในการทำงาน ยอมรับกฎเกณฑ์และเชื่อฟังคำสั่ง มีความซื่อสัตย์

สุจริต ความขยันหมั่นเพียร รับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รวมทั้งสุขภาพอนามัยที่ดีอาชีพต่างๆ ในโลกมี มากมายหลากหลายอาชพี ซึ่งบุคคลสามารถจะเลือกประกอบ อาชีพได้ตามความถนดั ความต้องการ ความชอบ และความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพประเภทใด จะเป็นอาชีพอิสระ หรืออาชีพรับจา้ ง ถ้าหากเป็นอาชีพที่สุจริตยอ่ มจะทำให้เกดิ รายได้มาสู่ตนเอง และครอบครัว ถ้าบุคคลผู้นั้นมีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ตลอดจนมีความรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับ อาชีพต่างๆจะทำให้มองเห็นโอกาสในการเขา้ สู่อาชีพ และพัฒนาอาชพี ใหมๆ่ ให้เกิดขึ้นอย่เู สมอ