คำ�นำ� สถาบันพระพุทธศาสนามีบทบาทสำ�คัญในการจัดการศึกษาของชาติมาโดยตลอด ซึ่งคณะสงฆ์ได้ดำ�เนิน การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมอันเป็นส่วนเฉพาะของการศึกษาคณะสงฆ์ ควบคู่กันไปกับการศึกษาวิชาสามัญ ดังนั้น เพ่ือให้การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมด้วยดีจากภาครัฐและสามารถบริหารจัดการศึกษา อย่างมีประสทิ ธิภาพ ตอบสนองนโยบายการจัดการศกึ ษาของคณะสงฆ์และของชาติไดเ้ ปน็ อย่างดี ดังนน้ั จงึ จำ�เป็นต้องมีความร้คู วามเข้าใจพระราชบญั ญัติ อนุบัญญัตแิ ละกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ ง สำ�นักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติและสำ�นักเขตการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เขต ๗ ตระหนักถึงความสำ�คัญ ดงั กล่าว จึงรวบรวมและจัดพมิ พค์ มู่ ือปฏบิ ตั ิงานขึ้นเพ่อื สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้บรหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาโรงเรยี นพระ ปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถบริหารจดั การ การศึกษาพระปรยิ ัติธรรม ให้สอดคลอ้ งกบั การเปล่ยี นแปลงของโลกในปจั จบุ ันและอนาคต ภายใต้พระราชบญั ญัติการศกึ ษาพระปรยิ ัตธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๒ สำ�นักเขตการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เขต ๗ ในฐานะเจ้าภาพจัดโครงการ ขอบคุณ ผมู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งทกุ ภาคสว่ น ทที่ �ำ ใหโ้ ครงการประชมุ สมั มนาผบู้ รหิ ารโรงเรยี น พระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา ระดบั ประเทศ ประจ�ำ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ ส�ำ เรจ็ ลลุ ว่ งบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคท์ กุ ประการ และเจรญิ พรอนโุ ทธนาบญุ ขอขอบคณุ ผู้อำ�นวยการส�ำ นกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทีใ่ ห้ความอนเุ คราะห์อนมุ ตั งิ บประมาณในการจดั จัดโครงการ ครัง้ นี้ พระครูสริ ธิ รรมนเิ ทศก์ รักษาการประธานเขตการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา เขต ๗
เเรร่ือ่ืองง สารบัญ หหนนา้ า้ สารบญั ประวตั คิ วามเป็นมา พระราชบญั ญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 ๑ ข้อบังคับการศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม ว่าดว้ ยโครงสร้างการบริหารงาน และการจดั การศึกษาพระปริยัตธิ รรมและสถานศึกษาพระปริยตั ิธรรมพ.ศ. 2563 ๑๒ ประกาศ แม่กองบาลสี นามหลวง (ฉบบั ท่ี ๑) เรือ่ ง หน้าที่และอานาจของสว่ นงาน ในสานกั งานแม่กองบาลสี นามหลวง 16 ประกาศ แม่กองธรรมสนามหลวง (ฉบบั ที่ ๑) เรือ่ ง หนา้ ที่และอานาจของส่วนงาน ในสานักงานแมก่ องธรรมสนามหลวง 30 ประกาศประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศกึ ษา (ฉบบั ท่ี 1) เรอ่ื ง หนา้ ทแ่ี ละอานาจของสานกั งานการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา 43 ประกาศประธานศนู ย์พระปริยัติเทศก์แหง่ คณะสงฆ์ (ฉบบั ท่ี 1) เรอ่ื ง หน้าที่และอานาจของส่วนงานในศูนย์พระปริยัตินเิ ทศกแ์ หง่ คณะสงฆ์ 60 ขอ้ บังคับคณะกรรมการการศึกษาพระปรยิ ัติธรรม ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล การศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรมพ.ศ. 2563 69 มติมหาเถรสมาคม ที่ ๔๔๐/๒๕๖๒ เรอ่ื งขอความเหน็ ชอบแต่งตงั้ คณะกรรมการศกึ ษาปริยตั ธิ รรม คำ�ส่งั ประธานกรรมการการศกึ ษาทางปริยัติธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา เรื่อง แตง่ ตงั้ รกั ษาการประธานเขตการศึกษาทางปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา ๘๘ ประกาศ กบป. เร่ือง อตั ราก�ำ ลงั ของ จศป. ๙๐ ประกาศ กบป. เรอื่ ง กำ�หนดหน้าท่ีและอ�ำ นาจและหลกั เกณฑ์การบริหารงาน ๙๙ ประกาศ กบป. เร่ือง หลักเกณฑ์และวธิ กี ารใหผ้ ู้ดำ�รงต�ำ แหน่ง หรือปฏิบัติหนา้ ทีป่ ระจ�ำ อยกู่ ่อนเป็น จศป. ๑๐๐ ข้อบงั คบั คณะกรรมการการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม ว่าดว้ ยโครงสร้างการบริหารงาน และการจดั การศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม และสถานศึกษาพระปริยตั ิธรรม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑๐๑ ประกาศ กบป. เร่ือง ก�ำ หนดตำ�แหนง่ อื่นท่มี ใิ หน้ ำ�ขอ้ ๕๐ วรรคหนึง่ วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบ้ งั คบั ๑๐๒ สรุป พ.ร.บ.การศกึ ษาการปรยิ ตั ิธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๐๔ กฎกระทรวงวา่ ด้วยสิทธิในการจดั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน โดยสถาบันทางพุทธศาสนา พ.ศ. ๒๕๔๘ ๑๑๒ ประกาศวา่ ดว้ ยคณะกรรมการโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑๑๖ ประกาศว่าด้วยกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑๒๐ กฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๒๔ ประกาศมหาเถรสมาคม เรอื่ ง คณะกรรมการการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ๑๒๗ ยุทธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (ฉบับย่อ) ๑๓๙ คณะทำ�งาน ๑๕๖
ข้อมลู การจดั การศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา ประวตั คิ วามเป็นมา การศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา เปน็ การศกึ ษาทร่ี ฐั ก�ำหนดใหม้ ขี นึ้ ตามความประสงคข์ องคณะสงฆ์ โดยพระปรารภของสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรนิ ายก (จวน อฏุ ฐายมี หาเถระ) วา่ “การศกึ ษาทางโลกเจรญิ กา้ วหนา้ มากขนึ้ ตามความเปลย่ี นแปลงของโลก การศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม กจ็ �ำเปน็ ตอ้ งอนวุ ตั ร ไปตามความเปลยี่ นแปลงของโลกบา้ ง จงึ เหน็ สมควรทจ่ี ะมหี ลกั สตู รในการเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมเพมิ่ ขนึ้ อกี แผนกหนง่ึ คอื หลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ท้ังนี้เพ่ือให้ผู้ศึกษาได้มีโอกาสบ�ำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ทั้งทางโลกและ ทางธรรมควบคู่กนั ไป” ซึง่ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ประกาศระเบยี บกระทรวงฯ ว่าด้วยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม แผนก สามญั ศกึ ษาขน้ึ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๑๔ และระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วา่ ดว้ ยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนก สามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อเป็นแนวทางด�ำเนนิ การจดั การศกึ ษาและสง่ เสรมิ สนับสนนุ ของกรมการศาสนา กระทรวง ศึกษาธกิ ารในสมัยน้ัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดม้ ีพระราชบญั ญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ท�ำใหม้ ีหน่วยงานทด่ี แู ลรับสนองงานคณะ สงฆ์และพัฒนากิจการพระพุทธศาสนาโดยตรง คือ ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซ่ึงแยกมาจากกรมการศาสนา ดงั นัน้ เพอื่ ให้การสง่ เสริมสนบั สนุนการจัดการศึกษาโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา เป็นไปอย่างต่อเน่ือง มี ระเบยี บควบคมุ การด�ำเนนิ งานทช่ี ดั เจน ส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ จงึ ไดอ้ อกระเบยี บส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนา แหง่ ชาติ วา่ ดว้ ยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั -ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะใหก้ ารศกึ ษาในโรงเรยี น ดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายศาสนจักรและฝ่ายอาณาจักรบ้านเมือง กล่าวคือทางฝ่ายศาสนจักรก็จะมีศาสนทายาทที่ ดี มคี วามรู้ความเขา้ ใจในหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาอย่างแทจ้ ริง เป็นผปู้ ระพฤตดิ ี ปฏบิ ัตชิ อบ ด�ำรงอยู่ในมณธรรม สมควรแก่ภาวะ สามารถธ�ำรงและสืบตอ่ พระพทุ ธศาสนาให้เจริญสถาพรตอ่ ไป และถ้าหากพระภิกษุสามเณรเหล่าน้ลี า สกิ ขาไปแล้ว กส็ ามารถข้าศกึ ษาตอ่ ในถานศกึ ษาของรฐั ได้ หรอื เขา้ รบั ราชการสรา้ งประโยชน์ใหก้ า้ วหนา้ แก่ตนเองและ บา้ นเมืองสบื ต่อไปดว้ ยเช่นกนั ต่อมาโดยที่พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไข (เพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดก้ �ำหนดไว้ ในหมวดที่ ๒ มาตรา ๑๒ ว่า “นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ให้บคุ คล ครอบครัว องคก์ ร ชุมชน องคก์ รเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบนั สงั คมอืน่ มสี ทิ ธ์ใิ นการจัดการศึกษา ขน้ั พนื้ ฐาน ทง้ั นใี้ หเ้ ปน็ ไปตามกฎกระทรวง” และมาตรา ๑๘(๒) ก�ำหนดวา่ “โรงเรยี นไดแ้ กโ่ รงเรยี นของรฐั โรงเรยี นเอกชน และโรงเรยี นทส่ี ังกัดสถาบนั พระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาอน่ื ” ดงั น้ัน จึงถือไดว้ ่า โรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญ ศกึ ษา เปน็ สถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานแหง่ หนงึ่ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ในการนี้ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ ความในมาตรา ๑๒ และ มาตรา ๑๘ (๒) แหง่ พระราชบญั ญตั นิ ี้ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดอ้ อกกฎกระทรวง วา่ ดว้ ยสทิ ธใิ นการจดั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน โดยสถาบนั พระพทุ ธศาสนา พ.ศ. ๒๕๔๘ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ และสอดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญตั ิ การศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๒ รูปแบบการศกึ ษา โรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา ด�ำเนนิ การจดั การเรียนการสอนในระดบั มธั ยมศึกษาโดยแบง่ เป็น ๒ ระดับ คอื ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้นและระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายจัดเป็นโรงเรียนในระบบเช่นเดียวกันกับรูปแบบ
โรงเรียนของรัฐและเอกชนท่ัวไป โดยใช้หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ ซ่งึ มีกลุ่มสาระการเรยี นร้ตู ามทกี่ ระทรวงศึกษาธิการก�ำหนด ๘ กลมุ่ สาระ คือ ๑) ภาษาไทย ๒) คณติ ศาสตร์ ๓) วทิ ยาศาสตร ์ ๔) สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๕) สุขศึกษา และพลศึกษา ๖) ศิลปะ ๗) การงานอาชีพและเทคโนโลย ี ๘) ภาษาตา่ งประเทศ และมีวิชาเฉพาะ ที่ก�ำหนดให้นักเรียนคือพระภิกษุสามเณรต้องเรียนตามนโยบายของคณะสงฆ์โดยมหาเถร สมาคม คือ วชิ าภาษาบาลี และวชิ าพระพทุ ธศาสนา (อนั ประกอบดว้ ยพุทธประวตั ิ ธรรมวินัย และศาสนปฏบิ ตั ิ) เพือ่ เปน็ ฐานในการศกึ ษาหลกั พระพทุ ธศาสนาในคมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กสามารถน�ำไปเปน็ เครอ่ื งมอื เผยแพรพ่ ระพทุ ธศาสนา อนั เปน็ หน้าทส่ี �ำคญั ของพระภกิ ษุสามเณร ในฐานะท่ีเป็นศาสนทายาทผูส้ บื ทอดพระพทุ ธศาสนา การบรหิ ารจัดการศกึ ษา โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา จดั ตงั้ อยใู่ นวดั ทธ่ี รณสี งฆ์ หรอื ทดี่ นิ ของมลู นธิ ทิ างพระพทุ ธศาสนา จดั การศกึ ษาเฉพาะส�ำหรบั พระภกิ ษสุ ามเณรเทา่ นนั้ โรงเรยี นจะไดร้ บั การจดั ตง้ั ไดก้ ต็ อ่ เมอื่ ไดร้ บั อนญุ าตหรอื เหน็ ชอบจาก เถรสมาคม โดยส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาตเิ ปน็ ผู้ออกใบอนญุ าต แก่เจา้ อาวาสวดั ที่ขอจัดต้งั โรงเรยี น การบริหารจัดการโรงเรียน เจ้าอาวาสวัดหรือพระภิกษุที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นผู้จัดการและผู้จัดการเป็น ผคู้ ดั เลอื กพระภกิ ษผุ มู้ คี ณุ สมบตั ติ ามทก่ี �ำหนดไวใ้ นประการคณะกรรมการการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา รูปหน่ึงท�ำหน้าท่ีเป็นผู้อ�ำนวยการโรงเรียน ซึ่งจะด�ำเนินการคัดเลือกพระภิกษุและคฤหัสถ์เพื่อเสนอแต่งต้ังเป็นครูและ บคุ ลากรทางการศึกษาของโรงเรียน อตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี น โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา นอกจากจะจดั การเรยี นการสอนตามหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารแลว้ ยงั ไดส้ นองงานคณะสงฆด์ า้ นการจดั การเรยี นการสอนพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกนักธรรมและบาลีด้วย โดยได้มีการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรนักธรรมและบาลีให้สอดคล้องกับนโยบาย ของคณะสงฆโ์ ดยมหาเถรสมาคม ทง้ั นใี้ นการประชมุ มหาเถรสมาคม เมอื่ วนั ท่ี ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๕ ทป่ี ระชมุ เถรสมาคม มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงโครงสร้างเวลาเรียนและเกณฑ์การจบการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตามค�ำส่ังประธานคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ ๑/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๕ เร่ืองการปรับปรุงโครงสร้างเวลาเรียนและเกณฑ์การจบการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถสอบผ่านธรรมสนามหลวง และบาลีสนามหลวงได้ โดยเพ่ิมหน่วยกิตวิชาภาษาบาลี และวิชา พระพุทธศาสนา (พุทธประวัติ ธรรมวินัย และศาสนปฏิบัติ) ทั้งน้ี ผู้ที่จะจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้ ต้องสอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นอย่างต่�ำ และจบมัธยมศึกษาตอนปลายได้ ต้องสอบได้นักธรรมชั้นโทเป็นอย่างต�่ำ (มติมหาเถรสมาคม ท่ี ๓๘๘/๒๕๕๕)
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: