Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเมืองโบราณไชยวาน

หนังสือเมืองโบราณไชยวาน

Published by nani17-225, 2020-08-28 00:17:01

Description: หนังสือเมืองโบราณไชยวาน

Search

Read the Text Version

เรื่อง ประวตั ิความเป็นมาพระเจ้าใหญม่ งคลเมืองไชยวาน เมืองโบราณไชยวานมรดกทางวฒั นธรรมสมยั ทวารวดี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโคกโพธ์ิไชย ตาบลบ้านโคก อาเภอโคกโพธ์ิไชย จังหวดั ขอนแกน่ โทร 043 – 216216

พระเจ้าใหญ่มงคลไชยวาน พระเจ้าใหญ่มงคลไชยวาน เปน็ พระพุทธรูปสาคัญคูบ่ ้านคูเ่ มืองของชาวอาเภอโคกโพธิไ์ ชยและ ใกลเ้ คียง เป็นพระพทุ ธรูปหนิ ปางนาคปรก ขนาดหน้าตกั กวา้ ง 80 เซนตเิ มตร สูง 140 เซนติเมตร เป็นฝมี อื ชา่ งพนื้ เมือง ศิลปะสมยั ทวารวดี ซงึ่ นา่ จะเป็นยุคเดียวกันกับพระเจ้าใหญม่ งคลหลวงที่ บ้านเมืองเพีย อาเภอบ้านไผ่ และพระเจ้าใหญ่เมอื งหมากกดู ท่ีเมืองกาหลง อาเภอคอนสวรรค์ จงั หวัดชยั ภมู ิ ก่อนปี พ.ศ. 2512 พระเจ้าใหญม่ งคลไชยวานเป็นแค่เนนิ หินที่นอนคว่าหน้าจมอยภู่ ายใต้ พ้นื ดนิ จนชาวบา้ นคดิ เปน็ เพียงกอ้ นหนิ ขนาดใหญ่ธรรมดา ๆ ทฝี่ งั ดินอยู่ริมทางเดนิ ไปไร่ไปนา เท่าน้นั จงึ ไมม่ ีใครสนใจ ใครทผี่ ่านไปผ่านมาหากเหนื่อยกห็ ยุดพกั นั่งสงบบนแผน่ หลังขององค์พระ หรอื ไมก่ เ็ ป็นทลี่ ับมีดลับขวานของชาวบ้านทีส่ ญั จรผ่านมาทางเสน้ ทางน้ี จนกระทง่ั ตอ่ มามคี วาย ของชาวบ้านมานอนแช่ปลักโคนอยู่บรเิ วณใกลอ้ งคพ์ ระ แล้วใช้เขาขวดิ จนองค์พระหงายขึ้น แต่น่า เสยี ดายทค่ี อของพระไดห้ กั ลงเพราะแรงขวดิ งัดของควายตัวนั้น แต่ตอ่ มามีการทาเศียรพระข้นึ มา ใหม่ในปเี ดยี วกันโดยพระอาจารย์ สบุ รรณ กญั ญาเขยี ว เจ้าอาวาส ในเวลานน้ั ส่วนเสียงเดิมของพระ เจ้าใหญม่ งคลชัยวานกต็ ้ังวางอยู่บริเวณนัน้ ต่อมาเจา้ คณะอาเภอมัญจาคีรไี ดม้ าพบเข้าจึงบอกให้นาเสียง ขน้ึ มาใหมเ่ พราะเสียงทสี่ ร้างเลยี นแบบข้ึนมาใหม่นนั้ ไม่ได้สดั ส่วนกบั องคพ์ ระจึงใหจ้ ัดทาขนึ้ มาใหมใ่ นสมยั ของพระอธกิ ารผิน เจ้าอาวาสองค์ต่อมาจึงไดแ้ กะสลักเศียรข้นึ มาใหม่ซึ่งก็คือเศียรที่มีอยู่ปัจจุบนั น่นั เอง สว่ นเศียรเดมิ ท่ีหกั ไดถ้ ูกโจรกรรมไปในเวลาต่อมา

เมืองโบราณไชยวาน เมืองไชยวานเป็นเมอื งโบราณในยุคทวารวดีในแบบอตั ลกั ษณข์ องอีสาน ปรากฏร่องรอยการอาศยั อยู่ ของมนษุ ย์ ท่ีอายุกว่า 3,000 ปี สงิ่ ทีย่ นื ยันว่ามกี ารอยู่อาศยั อยู่ของมนุษย์มาต้งั แตส่ มยั ก่อนประวตั ศิ าสตรน์ ้ันก็ คอื การพบหลักฐานทางโบราณคดตี ่าง ๆ เชน่ เศษกาไลหนิ กระดูกมนษุ ย์ และภาชนะดินเผาก่อน ประวตั ิศาสตร์ มีอายปุ ระมาณ 2,500 – 3,000 ปี มาแลว้ ชมุ ชนเมอื งโบราณแห่งนี้ ตัง้ อยูท่ บ่ี ริเวณเนนิ ดินของ ลาหว้ ยทราย ซง่ึ เป็นสาขาหน่ึงของลาน้าชี ปจั จบุ นั อยู่ในเขตอาเภอโคกโพธไ์ิ ชย จังหวดั ขอนแกน่ ลกั ษณะทต่ี ั้ง เป็นเมืองท่มี ีคนู ้าคันดินล้อมรอบ มผี งั เมืองเป็นรูปวงรี ทอดตัวไปตามแนวเหนือ – ใต้ มีความกวา้ งประมาณ 420 เมตร และด้านยาวประมาณ 650 เมตร มเี นอื้ ทีป่ ระมาณ 218 ไร่ อันเป็นชุมชนโบราณท่ีสบื ทอดมาจาก ยคุ ทวารวดี ซ่งึ อาจจะได้รับอิทธพิ ลหรือแรงบนั ดาลใจมาจากทางภาคกลางของประเทศ ซ่งึ มชี มุ ชนโบราณใน ลักษณะนีก้ ระจายอยู่ทั่วไปในเขตลานา้ ชี เช่นทเี่ มอื งกาหลง ในอาเภอคอนสวรรค์ จงั หวดั ชัยภูมิ บ้านกดุ โง้งใน อาเภอเกษตรสมบูรณ์ จงั หวดั ชยั ภมู ิ เมอื งฟา้ แดดสงยางที่ อาเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ บา้ นเมืองเพีย อาเภอบา้ นไผ่ จงั หวัดขอนแก่น เปน็ ตน้ สอดคล้องกบั นักโบราณคดีทเ่ี ชอ่ื วา่ เมืองไชยวานนา่ จะเป็นช่วงรอยต่อของอารยธรรม หรือวัฒนธรรม ระหวา่ งยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์กบั ยุคประวตั ศิ าสตร์ ซ่ึงจะอยู่ในราวพทุ ธศตวรรษท่ี 12 สนั นิฐานว่าแพรเ่ ขา้ มา ทางภาคเหนอื บริเวณเขตเทือกเขาในจงั หวดั เพชรบูรณ์ แถบเมืองศรเี ทพและสโุ ขทยั จากน้ันเข้ามาทางแอง่ โคราช จนกระทั่งในราวพุทธศตวรรษท่ี 14 พน้ื ทล่ี ุ่มน้าชีจงึ ได้ปรากฏร่องรอยเมอื งโบราณทรี่ บั เอาวฒั นธรรม อย่างทวารวดเี ข้ามาเตม็ รูปแบบ ซ่งึ เมอื งไชยวานกเ็ ปน็ อกี เมืองหนึ่งทีร่ ับรูปแบบวฒั นธรรมน้เี อาไวใ้ นชมุ ชนของ ตนเอง เช่นกนั แม้จะเปน็ ชุมชนเมอื งโบราณขนาดเล็กแตก่ ็น่าจะมีความเจริญร่วมสมยั มากับ “เมืองนคร กาหลง” ในอาเภอคอนสวรรค์ จังหวดั ชยั ภูมิและเมอื งอ่ืน ๆ ในบริเวณใกลเ้ คยี ง เมอื งโบราณไชยวาน เป็นเมอื งทมี่ เี อกลักษณ์ มรี ่องรอยท่ีทาให้รู้ว่า เม่อื พันกว่าปีก่อน ชาวเมอื งไดม้ ี การสรา้ งผงั เมืองอย่างเป็นระบบ และมีระบบชลประทานท่ีดี คือ มีการจดั การน้าอย่างเป็นระบบ และมรี ะบบ ชลประทานท่ีดี คือ การจัดการนา้ อยา่ งเป็นระบบ ซงึ่ สังเกตไดจ้ ากร่องรอยที่เป็นคูเมืองโบราณของทีน่ ี้ ซงึ่ มี ลักษณะลาดเอยี งจากทางฝัง่ ทางด้านทศิ ตวั ออกของเมืองมายังทศิ ตะวันตก และจากทางทิศเหนอลงมายังทิศใต้ จึงสันนษิ ฐานวา่ นา่ จะมีการทา “ทานบ” ท่ีมลี ักษณะคล้ายเขือ่ นธรรมชาติเพ่อื เป็นการชะลอน้าเอาไว้ใช้ในฤดู แลง้ นอกจากน้ี ผงั เมอื ง ยงั ตงั้ อยบู่ นเนนิ ดนิ ซ่งึ เป็นชยั ภูมิทีเ่ หมาะแก่การต้ังเมอื ง ดังทก่ี ลา่ วมาแล้วในตอนที่ ผ่านมา หา่ งจากตวั เมืองไปทางทิศตกเฉยี งใตป้ ระมาณ 1 กิโลเมตรซ่ึงบรเิ วณนเ้ี รยี กวา่ “โนนตะบุง” มีป้อม ปราการหรือด่านทย่ี ังพอเห็นร่องรอยอยหู่ นึ่งจดุ คาดวา่ ในอดตี บรเิ วณน้ีน่าจะเป็นจุดท่มี ีเวรยามเฝา้ ระวงั ทางเข้าออกเมืองอยู่ และนอกด่านออกไปอีกราว ๆ 15 กโิ ลเมตรจะเปน็ ชมุ ชนโบราณหรอื เมอื งโบราณทม่ี ีชือ่ ว่า เมืองกาหลง ซงึ่ ถือว่าเป็นเมืองโบราณในสมัยทวารวดที ี่อยูใ่ กลช้ ิดตดิ กนั ที่สุดเมืองหนงึ่ แตป่ ัจจบุ นั รอ่ งรอย เหล่าน้ีได้ผกุ ร่อนไปตามกาลเวลา จนไมเ่ หลอื ไวใ้ ห้ศึกษาต่อไป

อยา่ งไรกต็ าม ชมุ ชนหรอื งเมืองโบราณแหง่ น้นี ่าจะมผี คู้ นอยู่อาศัยจนราวพุทธศตวรรษท่ี 15 จงึ ถกู ท้งิ ร้างไป ซง่ึ อาจจะเกดิ จากภัยธรรมชาติ เชน่ ภัยแล้งตดิ หรือน้าท่วมตดิ ตอ่ กันเป็นเวลานาน เพราะอยู่ไมห่ ่างจาก แม่นา้ ชี หรอื เกดิ โรคระบาดรวมทง้ั แสวงหาที่อยูใ่ หม่ที่เอื้อต่อการทามาหากจิ มากกว่าก็อาจจะเปน็ ไปได้ สาหรับจุดเดน่ ของเมืองโบราณไชยวาน คงจะไม่มอี ะไรมากกว่าการได้ค้นพบหลกั ธรรมในศาสนาพุทธ เพราะมีหลกั เสมาศลิ าจารึกอักษรปลั ลวะเก่าแก่ ท่ีเก่ียวข้องกับศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธรปู ในยุคทวารวดี พระเจ้าใหญ่มงคลไชยวาน ภาชนะดินเผา ทม่ี ีอายนุ บั พันปี ช้ินสว่ นพระพมิ พ์ โครงกระดูกมนุษย์ยุคกอ่ น ประวตั ิศาสตร์ ซ่ึงรายละเอยี ดทั้งหมดนี้ ผ้เู รยี บเรียงจะได้นาเสนอไวใ้ นตอนตอ่ ไป ในสว่ นของช่ือเมืองไชยวานนัน้ ยงั ไม่มหี ลักฐานวา่ แตเ่ ดมิ ใช้ชอ่ื นห้ี รือไม่ เพยี งแต่ไดย้ ินคนเกา่ คนแก่ของ ท่นี ่เี รียกขาน ตดิ ปากกันมาตงั้ แต่มผี คู้ นเข้ามาอาศยั อยูท่ ่ีเมืองไชยวานแหง่ นี้ ซึ่งปจั จบุ นั คือทตี่ งั้ ของหมบู่ า้ นบ้าน โพธไิ์ ชยน้นั เอง แผนผังหมู่บา้ นโพธิ์ไชยแสดงทีต่ งั้ โบราณสถานและแนวคูเมอื งโบราณ แผนผังแสดงบรเิ วณที่ต้ังบา้ นโพธิ์ไชย ภายในวงรคี ือผงั

เมอื งโบราณไชยวาน เดิมลกั ษณะเป็นรปู วงรีในแนวเหนือ – ใต้ ชมุ ชนเมอื งไชยวานนั้น สนั นษิ ฐานว่ากอ่ นท่ีวฒั นธรรมแบบทวารวดจี ะขยายอทิ ธิพลเข้ามาในบรเิ วณน้ี มนษุ ย์ในแถบนี้ นา่ จะมีการพัฒนาตนเองมากวา่ 3,000 ปี มาแล้ว เพราะได้มีการขุดพบเศษภาชนะดนิ เผา เครอื่ งมอื โลหะและลูกปัดหลากสี และทส่ี าคัญคือเคร่ืองปัน้ ดินเผาอุณหภูมิต่าแบบนเี้ นอื้ หยาบขนาดใหญ่ ซง่ึ มี ความสูงประมาณ 70 เซนติเมตร เสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 35 เซนตเิ มตร มีลกั ษณะคล้ายไหทรงสูงภายในบรรจุ กระดูกของมนุษย์ ซ่ึงเปน็ คติความเชอ่ื ของมนษุ ย์ในยุคก่อนประวตั ิศาสตร์ จากการขุดพบภาชนะดนิ เผาในอาณาบริเวณเมอื งโบราณไชยวานนั้น พบวา่ มภี าชนะดนิ เผาจานวน หนึ่งท่ีไม่มลี วดลายจงึ สนั นิษฐานได้ว่าเมืองหรอื ชุมชนโบราณสถานแหง่ นีน้ า่ จะเป็นชมุ ชนท่ีมมี นุษย์อยู่อาศยั ต้ัง หลักแหล่งกอ่ นท่ีจะมกี ารรบั เอาวัฒนธรรมแบบทวารดีเข้าเป็นส่วนหนง่ึ ของวถิ ีชวี ิต ซง่ึ นา่ จะคาบเก่ยี วกับ “วัฒนธรรมบ้านเชียง” เพราะนกั โบราณคดเี ช่อื ว่าแหลง่ โบราณคดบี า้ นเชียง (Ban Chiang Archaeological Site) ซง่ึ ตง้ั อยู่ทอ่ี าเภอหนองหาน จงั หวดั อดุ รธานนี น้ั ไดช้ ่ือวา่ เป็นถน่ิ ฐานยคุ ก่อนประวัติศาสตรส์ าคัญท่ี คน้ พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แสดงใหเ้ หน็ ข้ันตอนสาคัญของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม สงั คม และ วชิ าการของมนษุ ยท์ าให้รับร้ถู ึงการดารงชีวติ ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยอ้ นหลงั ไปมากกวา่ 3,000 – 400 ปี แสดงให้เห็นถงึ วฒั นธรรมทม่ี ีพัฒนาการแลว้ ในหลาย ๆ ดา้ น ดงั นัน้ วฒั นธรรมบา้ นเชียงจึงครอบคลุมแหลง่ โบราณคดี ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื นับรอ้ ยแหง่ อาจ รวมถึงเมืองโบราณไชยวานแห่งนด้ี ้วยอย่างแน่นอน ในอาณาบริเวณของเมืองโบราณไชยวาน มีจุดสาคัญๆ ทีเ่ ป็นแหลง่ โบราณคดีอยหู่ ลายแห่งดว้ ยกนั ดงั นนั้ ผูเ้ รียบเรยี งจะใช้วิธีอธิบายผา่ นจดุ ทางแหล่งโบราณคดแี ตล่ ะแหง่ เพอื่ ให้ผูอ้ ่านหรือผู้ทตี่ ้องการจะศกึ ษา ง่ายต่อการเขา้ ใจ แต่ก่อนอนื่ ผู้เรยี บเรียงตอ้ งการให้ผอู้ ่านร้จู กั แหลง่ โบราณคดีของเมืองไชยวานทผ่ี า่ นการขึ้น ทะเบียนของกรมศิลปกรเอาไวเ้ ป็นเบ้อื งต้นก่อนดังน้ี

โบราณสถานในอาณาเขตของเมืองไชยวาน เลขทะเบียน ชอ่ื ทต่ี ้ัง ตาบล อาเภอ ประกาศ 0002402 หนองคู ม.6 โพธ์ไิ ชย โคกโพธิไ์ ชย 8 มนี าคม 2478 0002403 หนองสระ ม.6 โพธไ์ิ ชย โคกโพธ์ิไชย 8 มีนาคม 2478 0002404 บ้านเก่าหมักทนั ม.6 โพธิ์ไชย โคกโพธไ์ิ ชย 8 มีนาคม 2478 0002405 บา้ นโพธิ์ไชย ม.6 โพธิไ์ ชย โคกโพธไ์ิ ชย ยงั ไมข่ ึ้นทะเบียน (เมอื งชยั วาน) 0002406 หินฮาวหนองผือ ม.6 โพธไ์ิ ชย โคกโพธิ์ไชย 8 มนี าคม 2478 โบราณสถานพระเจ้าใหญม่ งคลไชยวาน บริเวณนอ้ี ยทู่ างทิศตะวันออกของหนองสระ (0002403) ซ่งึ หนองสระหรือหนองสานี้กรมศลิ ปกรได้ ขนึ้ ทะเบยี นเอาไว้แล้วสันนิษฐานวา่ นา่ จะเป็นวดั เกา่ เพราะพบพระพุทธรปู ปางนาคปรก “พระเจ้าใหญ่มงคล ไชยวาน” และมใี บเสมาหินทรายปกั เรยี งรายอยจู่ านวนหนึง่ และปจั จบุ นั พระเจ้าใหญ่มงคลไชยวานก็ ประดษิ ฐานอยู่ ณ ทแ่ี ห่งนี้ แผนผังหมู่บา้ นโพธไิ์ ชยแสดงทตี่ ้งั โบราณสถาน และแนวคูเมอื งโบราณ และบรเิ วณท่ขี ุดพบโครงกระดกู มนษุ ยโ์ บราณทีฝ่ ังไว้ในไห

บริเวณโบราณสถานพระเจ้าใหญ่มงคลไชยวาน ใบเสมาหนิ ทรายที่โบราณสถานเมืองไชยวาน

หินตั้ง อตั ลักษณ์ทางวัฒนธรรมทวารวดใี นแบบของอีสานที่ภาคอื่นไมม่ ี (ใบเสมาทรายเมอื งไชยวาน) ไหโบราณที่แหล่งโบราณสถานพระเจา้ ใหญม่ งคลไชยวาน

2 หนองสระ (0002403) เป็นสระน้าเก่าแก่ ซ่งึ สนั นิษฐานว่าเปน็ คเู มอื งเดมิ ของเมืองโบราณไชยวานมาก่อนในอดีต ซึ่งอยู่ทาง ทิศเหนอื ของหมู่บา้ น และอยู่ทางทิศตะวันตกของโบราณสถานพระเจา้ ใหญ่มงคลไชยวาน ปัจจบุ นั เขินลงไป 3.หนองคู (000240) อยู่ที่หมู่ที่ 6 ตาบลโพธไ์ิ ชย เป็นสระน้าทอ่ี ยู่ถดั ไปจากหนองสระ สันนิษฐานว่าเป็นแนวคเู มอื งโบราณ เช่น เดียวกันกับหนองสระ ปัจจุบันตื้นเขินจนแทบมองไม่เห็นร่องรอยเดิม

4.โนนศิลาเลข อยู่ทห่ี มู่ 6 ตาบลโพธ์ิไชยเปน็ บริเวณทีม่ ีโนนศลิ าเลข คือ กลุ่มใบเสมา สันนษิ ฐานว่าน่าจะเป็นที่ประกอบ กจิ กรรมทางศาสนาของผู้คนในยคุ ศตวรรษที่ 12 – 16 และเป็นบริเวณทข่ี ดุ พบ บริเวณโนนศิลาเลขซึง่ อยู่ทางทศิ เหนอื ของหมู่บา้ นโพธไ์ิ ชย/เย้อื งข้างโรงเรียนบ้านโพธิไ์ ชย ไปทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือ *โนน=บริเวณพื้นดนิ ทเ่ี ป็นทส่ี ูงกว่าพื้นทปี่ กติ โบราณวตั ถุมากทสี่ ุดแหง่ หน่งึ *ศลิ า=หิน ในบรเิ วณเมอื งโบราณไชยวาน *เลข หรอื เล-ขะ = เขียนหรือจารข้อมลู ใบเสมาขนาดเล็ก ดงั นั้นโนนศิลาเลขจงึ มคี วามหมายว่าบรเิ วณอัน สนั นิฐานวา่ จะมกี ารแกะสลกั ภาพนูนตา่ เปน็ รปู พระ เปน็ ท่ตี ้งั ของเสมาหิน โพธสิ ตั ว์

8 สมิ ลี (สิมนา้ ) บริเวณนี้ตัง้ อยู่ทางทิศตะวนั ตกของหมบู่ ้าน มหี มู่ใบเสมาโบราณลักษณะหยาบตามธรรมชาติ ปักเรยี งราย อยบู่ นเกาะกลางนา้ ตามความเขา้ ใจของผเู้ รยี บเรียงคดิ ว่าบริเวณน้ีนา่ จะเปน็ โบราณสถานท่ชี ่อื หนองคูมากกวา่ เพราะดจู ากพกิ ดั ทก่ี รมศิลปากรไดข้ ึ้นทะเบยี นไว้ (16 03 00 N 102 24 36 E)เมื่อ พ.ศ. 2478 ผู้เรียบเรยี งพยายามคน้ หาคาว่า “สมิ ลี” จากทต่ี า่ งๆแต่กย็ ังไม่มีตาราเล่มใดจาแดนไวใ้ หเ้ ป็นทป่ี ระจักษแ์ จ้ง ว่ามคี วามหมายอยา่ งไรมีคาว่า “สิม” ซ่งึ ในภาษาอสี านหมายถงึ “โบสถ”์ และแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทตาม สภาพของแหล่งทต่ี งั้ เช่น “สิมน้า” เปน็ สมิ ท่ตี ง้ั อยู่กลางน้า เชน่ สระ หนอง คลอง บงึ ส่วนใหญ่เปน็ อาคารท่ี สร้างอยา่ งชวั่ คราวสาหรบั วัดทยี่ ังไม่มวี สิ ุงคามสมี า และ “สมิ บก” สว่ นใหญส่ ิมบกเปน็ สิมทต่ี ั้งอยู่ บนแผ่นดนิ มลี กั ษณะเปน็ อาคารถาวรนอกจากนสี้ ิม ยงั แบง่ ตามลาดับอายุก่อนหลงั ลกั ษณะรว่ มในรูปแบบไดเ้ ป็น 4 ประเภทคือ สิมก่อผนงั แบบดัง้ เดมิ สิมโถง สมิ ก่อผนัง ร่นุ หลัง และสมิ แบบผสม “สมิ ”มาจากคาว่าสีมา สิมมา หรือพัทธสีมา ความหมายของคาเหลา่ นี้ หมายถึง เขตแดนท่กี าหนดในการ ประชุมทาสังฆกรรมอนั เป็นกิจของสงฆโ์ ดยมีแผน่ สีมาหน่ิ เป็นเครอื่ งไมแ้ สดงขอบเขตรอบบรเิ วณตวั สมิ ดังทพ่ี บ เหน็ ได้ตามแหล่งโบราณสถานตา่ งๆในสมัยทวารวดี

สมิ นา้ หรอื สมิ ลี บริเวณท่เี รียกวา่ สิมลีหรือสมิ น้าน้ีมใี บเสมาขนาดตา่ งๆอยูห่ ลายต้นดว้ ยกนั แต่สว่ นใหญ่ไม่คอ่ ยพิถีพิถนั เร่อื งการแกะสลกั ลวดลายมากนัก กล่มุ ใบเสมาหนิ ทรายบรเิ วณสมิ นา้ กลุม่ ใบเสมาหนิ ทรายภายในอาคารและนอกตัวอาคารทช่ี าวบ้านและท้องถิน่ ร่วมแรงร่วมใจกันสรา้ งไว้ ณ บรเิ วณสมิ นา้ นอกเขตคเู มืองโบราณ ใบเสมาบรเิ วณสิมนา้ ซง่ึ นอกจากจะไมม่ ีการแกะสลกั รูปทศชาติหรอื เรื่องราวในนิทานชาดกแลว้ ยงั ปราศจาก ลวดลายด้วย สมิ น้า หรอื สิมลีเมอื่ มองจากถนนสายบา้ นโคก-บา้ นมูลนาค บริเวณภายใต้เกาะสิมลี หรือสมิ น้า มีขนาดความกว้างประมาณ 35 เมตร ยาว 82 เมตร

9. บ้านเก่าหมักทนั (0002404) บริเวณนี้อยหู่ า่ งจากบา้ นโพธ์ิไชยไป ทางทศิ ตะวันตดราว 1 กโิ ลเมตร กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเอาไว้ แล้ว เม่อื พ.ศ. 2478 แตส่ ภาพปจั จบุ นั ได้กลายเปน็ ท่ีทากินของราษฎร ไปจนหมดสิ้นแลว้ คร้ังแรกผู้เรียบเรยี ง เขา้ ใจวา่ บา้ นเกา่ หมกั ทันเปน็ บริเวณเดยี วกนั กับโนนศิลาเลข แตอ่ ดีตเจา้ อาวาสวดั เกษามคม คุณพ่อสบุ รรณ กญั ญาเขยี วยืนยนั วา่ ไม่ใชบ่ รเิ วณโนนศลิ าเลขอย่างแน่นอน ท่านเล่าใหผ้ เู้ รียบเรยี งฟังวา่ เมอ่ื คร้งั อดีดทีผ่ ่านมา บริเวณทมี่ พี ระพุทธรปู ปางหา้ มญาตทิ ีส่ รา้ งจากหนิ ทรายเช่นเดยี วกบั ใบเสมาขนาดเทา่ คนจรงิ อย่อู งค์หนึง่ พุทธ ลักษณะงดงามมาก องค์พระตั้งอยบู่ นฐานท่ีทาจากศลิ าแดงเกา่ แก่ สมยั ที่ท่านยังเปน็ เจ้าอาวาสวดั ราวปี พ.ศ. 2505-2506 ทา่ นเคยพาชาวบา้ นมารดนา้ กราบไหวพ้ ระพุทธรปู องคเ์ ปน็ ประจาทุกปี แต่ตอ่ มาไดถ้ ูกขโมยลกั ไป ท้ังองค์ จึงทาให้บริเวณน้หี มดความสาคัญลงไป และกลายมาเปน็ พ้นื ที่ทางการเกษตรกรรมไปในทีส่ ดุ พระพุทธรูปปางหา้ มญาติท่สี รา้ งจากหินทรายเช่นเดียวกับใบเสมา ขนาดเทา่ คนจรงิ ซ่ึงผู้เรยี บเรยี งได้จิตนา การมาจากคาบอกเล่าของ คุณพ่อสุบรรณ กญั ญาเขยี ว อดตี เจา้ อาวาสวดั เกษาคม บา้ นโพธไ์ิ ชยโดยใช้ กระบวนการทางคอมพิวเตอร์ พระเจา้ ใหญ่มงคลไชยวานจาลองรมิ ฝ่ังหนองผือในบรเิ วณวัดเกษามคม

“ผู้เรยี บเรยี งกับคณุ พ่อสุบรรณ กัญญาเขียวอดีดเจา้ วาสวัดเกษามคมแหล่งข้อมูลสาคญั ด้านบคุ คล” “ผเู้ รียบเรียงกับพระอธกิ ารผินสลี โชโตเจา้ อาวาสวัดเกษามคมแหล่งข้อมลู สาคัญด้านบคุ คล” พธิ ีฝังศพในภาชนะดินเผา (ไห) เป็นวธิ ที ีม่ มี ากกว่า 2,000 ปมี าแลว้ ซึง่ มนษุ ยใ์ นยุคน้นั จะบรรจุศพลงในภาชนะดินเผาแบบมฝี าปดิ และ นอกจากจะพบวธิ กี ารฝงั ศพแบบนีท้ ่เี มืองโบราณไชยวานแห่งนีแ้ ลว้ เรายังสามารถพบได้ตามแหลง่ โบราณคดีใน วฒั นธรรมเดียวกนั หรือวัฒนธรรมทราวดี เชน่ ที่บา้ นเมอื งบวั ตาบลเมืองบัว อาเภอเกษตรวิสัยวิสัย จงั หวัด ร้อยเอ็ด ซึ่งมีอายรุ าว 2,600 ถึง 1,800 ปีมาแล้ว สูง 72 เซนตเิ มตร ภายในบรรจกุ ระดูกเดก็ มลี ูกปัดและ เปลือกหอยฟงั เป็นเครื่องอุทิศ นอกจากนกี้ ารฝังศพในภาชนะทรงหม้อ หรือไห เป็นวฒั นธรรมการปลงศพทพ่ี บรว่ มกนั ในหลายพื้นทขี่ อง เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้หรืออุษาคเนย์ สาหรับทีป่ ระเทศไทยพบมากในวัฒนธรรมทุ่งกลุ ารอ้ งไห้ของภาค ตะวันออกเฉยี งเหนือ (อสี าน) และยงั พบได้ใน เวียดนาม กัมพูชา ลาว ไปจนถงึ คาบสมุทรมลายู อนิ โดนีเซยี และฟิลปิ ปินส์ ซง่ึ แสดงให้เห็นถงึ ลกั ษณะคตริ ว่ มของมนุษย์ยุคก่อนประวัตศิ าสตร์เมือ่ กวา่ 2,000 ปีท่ีพบใน เอเชยี ไมเ่ ฉพาะในอษุ าคเนย์เท่านนั้ การฝังศพในภาชนะโดยท่วั ไปมีทั้งแบบใส่ข้างลา่ งแลว้ ฝังซ่ึงเรียกว่าการฝงั ศพครัง้ ท่ี 1 มีทง้ั ศพเด็กและ ผู้ใหญ่ และการฝัง่ ครั้งท่ี 2 คือการเก็บกระดูกหรือเถา้ กระดูกจากการฝัง หรือการฝง่ั ศพใหย้ อ่ ยสลายมาใส่ใน ภาชนะอกี ครั้งหน่ึง

การฝงั ศพในภาชนะของวฒั นธรรมเมืองไชวาน พบได้ทงั้ 2 แบบ การฝงั คร้ังท่ี 1 ศพจะถูกจบั มัดในทา่ งอตัว และอาจมีสงิ่ ของฝ่งั อทุ ิศร่วมกบั ผู้ตายดว้ ย เชน่ ภาชนะดิน เผาเปลือยหอยกา้ งปลา และลกู ปดั เคร่ืองอุทิศกบั สัตว์สัญลกั ษณ์ส่ือถึงความอุดมสมบรู ณ์ในภายภาคหนา้ ส่วน การฝงั ศพครั้งที่ 2 เกบ็ กระดูกจะใชไ้ หดินเผาท่ีมขี นาดเลก็ กวา่ การฝังแบบครงั้ แรก ความรู้สึกของคนยุคโบราณการเกิดและการตายเป็นเร่อื งเดยี วกัน ความตายก่อใหเ้ กิดชีวิต เมล็ดพชื จะ ตายกอ่ นท่จี ะเกดิ เครอื่ งอุทิศให้ผู้ตาย เชน่ ภาชนะดนิ เผา เปลือกหอย ลูกปัดหินท่ีพบในบริเวณเมืองโบราณไชยวาน (แหลง่ โบราณสถานพระเจ้าใหญ่ไชยวาน) ชวี ติ งอกเงยข้ึนมาใหมแ่ ม้ในตานานสรา้ งโลกของอุษาคเนย์ กเ็ ช่อื ว่าผลนา้ เต้าที่ทาใหเ้ กิดมนษุ ย์เผา่ พันธตุ์ ่างๆนอกมาจากซากความที่ตายแล้ว อ้างองิ .ปรานี วงษ์เทศ สังคมและ วฒั นธรรมในอุษาคเนย์ บริษัท ศิลปวัฒนธรรม จากดั โครงกระดูกมนุษยใ์ นยุคก่อนประวตั ิศาสตร์ที่ มมุ ศาลาวัดเกษามคม เศษกระดูกแตกหักของมนุษย์ในสมัยโบราณซงึ่ ขุดพบทบ่ี ริเวณแหลง่ โบราณสถานไชยวาน โครงกระดูกคนแปดศอก ตามที่ผเู้ รยี บเรยี งไดเ้ ขียนไวใ้ นตอนตน้ ว่าพระเจ้าใหญ่มงคลไชยวานน้ันเป็นพระพทุ ธรูปปางนาคปรกคือสว่ นที่ อยู่เหนือเศยี รพระจะมีรปู พญานาคแผ่พังพานปกคลุมเศียรเอาไว้ ชว่ งทีค่ วายขวิดจนเศยี ร (หวั ) พระหลดุ ออก จากองค์พระนนั้ นาคปรกได้แตกหกั ออกมาส่วนหนง่ึ และสว่ นนัน้ ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติ ขอนแกน่ (ตามคาบอกเลา่ ของพระอธิการผนิ สลี โชโต) ลักษณะนาคปรกของพระพุทธรปู องค์น้จี ากความทรงจาของพระอธกิ ารผินสลี โชโตเจา้ อาวาสวดั เกษามคม บอกวา่ ใกลเ้ คียงกับเศรียรเดิมของพระเจา้ ใหญ่มงคลไชยวานมากทสี่ ุด

หนงั สอื และเอกสารอ้างองิ 1. ปรานี วงษ์เทศ.สังคมและวัฒนธรรมในอษุ าคเนย.์ บริษัทศิลปวัฒนธรรม จากัด จัดพิมพ์,(นิตยสารทาง อศี าน) 2. ฟ้าแดดสงยามโบราณวตั ถลุ า้ ค้า สนง.วฒั นธรรมจงั หวัดกาฬสินธุ์ 3. ชนิ อยู่ด.ี สมยั ก่อนประวตั ิศาสตรใ์ นประเทศไทย.กรมศิลปกร.2510 4. ขอนแกน่ แหลง่ วฒั นธรรมอีสาน.สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานกระทรวงศึกษาธกิ าร. 2555 5. http://www.muclture.in.th/moc_new/album/ 6. http://www.finearts.go.th/khonkaemuseum 7. https://th.wikipedia.org 8. https://www.unzeen.com/article/1347/ 9. http://www.google.co.th 10. http://www.thapra.lib.us.ac.th 11. http://www.manager.co.th 12. https://pantip.com/ 13. http://www.sookjai.com/index.php?topic=56688.0;wap2 14. http://www.riceexporters.or.th 15. ผศ.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรอื ง.ในศิลปกรรมทราวดใี นภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ (https://welovemuseum.files.wordpress.com/) ประวัตผิ ู้เรียบเรยี ง สรยทุ ธ วาระกลุ เปน็ ชาว ต.ดงคอน อ.สรรคบรุ ี จ.ชัยนาท จบการศกึ ษาระดบั อนปุ ริญญาสาขาเกษตรกรรมฯวชิ าโทประวตั ศิ าสตร์/ปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา ปัจจุบนั ดารงตาแหนง่ ผอู้ านวยการโรงเรยี นบา้ นมูลนาค จ.ขอนแก่น เป็นนักเขยี นอสิ ระ และบรรณาธิการ รว่ มในนติ ยสาร DindeeJournal ผลงานดา้ นวรรณกรรมท่ีจัดพมิ พ์ -ความจรงิ บางอย่าง (บทความ) - รวมเรื่องส้นั เลม่ แรก บา้ นไร่ปลายเทศบาล - รวมเร่ืองสนั้ เลม่ สอง เหนอื กาลเวลา - สารนิพนธ์ทางประวตั ิศาสตรช์ ุด สาแดงอดตี (พิมพค์ ร้ังท่ี3) - รวมเรอื่ งสน้ั ชุดสาม เรอื จา้ ง-น้าตกกบั รอยยิม้ - รวมเรอ่ื งสน้ั ชุดส่ี หลงั ม่านเกียรติยศหากรักคือนิรนั ดร์ - สารนิพนธ์ทางประวัตศิ าตรช์ ุด เมืองโบราณไชยวาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook