Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore workshop07

workshop07

Published by สริดา เรืองชัย, 2021-12-16 04:23:55

Description: workshop07

Search

Read the Text Version

หวั ขอ้ เร่อื ง(Topics) 2.1การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 2.2กระบวนการพมิ พ์ 2.3 การผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency) 1.แสดงความรูเ้ก่ยี วกบั การออกแบบและกระบวนการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 2.วางองคป์ ระกอบสอ่ื สง่ิ พมิ พต์ ามแบบทก่ี าหนด จุดประสงคก์ าเรยี นรู(้ Learning Objective) จุดประสงคท์ วั่ ไป เพอ่ื ใหผ้ ูเ้รยี นมคี วามรู ้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พก์ ระบวนการพมิ พแ์ ละการ ผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1.อธบิ ายการออกแบบสอ่ื สงิ พมิ พไ์ ด้ 2.อธบิ ายกระบวนการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พไ์ ด้ 3.จาแนกขนั้ ตอนกระบวนการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พไ์ ด้ 4.อธบิ ายการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตงั้ โตะ๊ ได้ 5.มเี จตคตทิ ด่ี ตี ามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดา้ นการตรงต่อเวลา ตง้ั ใจทางาน รอบคอบ มวี นิ ยั และปรบั ปรุงแกไ้ ขเมอ่ื ผดิ พลาด

เน้อื หาสาระ (Content) การอกแบบมคี วามสาคญั ในการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เพราะการออกแบบคอื การวางแผนในการ ทางานสง่ เป็นชน้ั ตอนหน่งึ ทส่ี าคญั ของกระบวนการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หป้ ระสบผลสาเรจ็ การ ออกแบบในลกั ษณะใดคามตอ้ งอาศยั ส่วนประกอบของงานศิลปอั นั ไดแ้ ก่ เสน้ รูปร่าง รูปทรง สี ลกั ษณะผวิ เพอ่ื นามาประกอบกนั เป็นผลงานทม่ี คี วามสวยงาม เหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์ จน ทาใหเ้กดิ เป็นผลงานทม่ี รี ูปแบบทด่ี ี สอ่ื สง่ิ พมิ พท์ จ่ี ะบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายไดน้ นั้ นอกจากการออกแบบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพแลว้ กระบวนการผลติ สง่ พมิ พก์ ม็ คี วามสาคญั อย่างยง่ิ ทง้ั ในดา้ นการวางแผน การเตรยี มการก่อน พมิ พ์ การจดั ทาตน้ ฉบบั การเลอื กประเภทของการพมิ พเ์ พอ่ื ใหเ้หมาะสมกบั สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ และ สง่ ผลใหก้ ารผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พส์ าเรจ็ ตามจดุ มงุ่ หมาย 2.1 การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ การออกแบบเป็นการนาองคป์ ระกอบมลู ฐานมาจดั หรอื รวบรวมเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั อย่างมรี ะบบในงาน ออกแบบ ไมว่ า่ จะเป็นตวั อกั ษร ภาพ หรอื พ้นื ทว่ี า่ ง ๆ เพอ่ื ใหก้ ารออกแบบส่ือสง่ิ พมิ พเ์ ป็นไป ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี อ้ งการ 2.1.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องการออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 1. ใชเ้ป็นแนวทางในการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เพอ่ื รบั รูร้ ูปแบบ รูปร่าง ลกั ษณะ และสว่ นประกอบ ในการพมิ พ์ 2. เพอ่ื สรา้ งความงามทางศิลป์ของสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 3. เพอ่ื ดงึ ดูดความสนใจของผูพ้ บเหน็ และผูอ้ ่าน 4. เพอ่ื เสนอขา่ วสารและงา่ ยต่อการจดจาเน้ือหา 5. เพอ่ื ปิดบงั ความดอ้ ยต่อคุณภาพสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 6. เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการสอ่ื สาร 2.1.2 หลกั การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หม้ คี วามน่าสนใจ และสะดุดตาแก่ผูอ้ ่าน สามารถทาไดต้ ามหลกั การ ออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ดงั น้ี

1. ออกแบบใหด้ งึ ดูดความสนใจของผูอ้ ่านและผูพ้ บเหน็ สอ่ื สง่ิ พมิ พน์ นั้ จะเป็นการชกั นาใหก้ า ผูอ้ ่านตดิ ตามรายละเอยี ดต่อไป เช่น การออกแบบโปสเตอรจ์ ะตอ้ งใหม้ ลี กั ษณะดงึ ดูด สะดุดตา น่าสนใจทง้ั ดา้ นสี รูปร่าง ขนาดและเน้อื ความ เป็นตน้ 2. ออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หเ้ป็นทส่ี งั เกตหรอื จดจาไดง้ า่ ย การออกแบบทด่ี จี ะทาใหผ้ ูอ้ ่านหรอื ผูด้ ูสอ่ื สง่ิ พมิ พส์ งั เกตเหน็ และจดจาสอ่ื สง่ิ พมิ พน์ น้ั ๆ ไดด้ ขี ้นึ ซง่ึ จะเป็นผลใหเ้กดิ การตดิ ตาม อยากรู ้ อยากเหน็ ต่อไป อาจทาใหโ้ ดยการใชส้ ี รูปแบบหรอื ขอ้ ความทส่ี ะดุดตา 3. นาขา่ วสารไปสู่ผูอ้ ่าน ดว้ ยการออกแบบทม่ี ลี กั ษณะของการเสนอเน้อื หาในรูปแบบทสี วยงาม และสะดวกต่อการทาความเขา้ ใจในเน้ือหา ฉะนน้ั จงึ ตอ้ งออกแบบใหอ้ ่านไดง้ า่ ยและชวนตดิ ตาม 4. ใชศ้ ิลปะของการออกแบบปิดบงั ความดอ้ ยในคุณภาพของวสั ดพุ มิ พ์ เช่น เมอ่ื จาเป็นตอ้ งใช้ กระดาษไมด่ พี มิ พง์ าน กอ็ าจใชว้ ธิ กี ารออกแบบใหม้ สี สี นั ลวดลายสวยงาม สะดุดตาปิดบงั ไว้ จะ ทาใหด้ ูเหมอื นวา่ เป็นสง่ิ ทม่ี คี ่าได้ เป็นตน้ 5. ใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจเน้อื หาไดง้ า่ ยและสะดวกข้นึ 6. เป็นการออกแบบทม่ี ลี กั ษณะเหมาะสม ตรงกบั ความมงุ่ หมายตามประโยชนใ์ ชส้ อยมคี วาม กลมกลนื ตามหลกั เกณฑค์ วามงามของสงั คม และสามารถปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงได้ 7.เป็นการออกแบบทม่ี ลี กั ษณะงา่ ย มจี านวนผลติ ผลตามความตอ้ งการของสงั คมและมี กระบวนการผลติ ไมย่ ุ่งยากชบั ซอ้ น

8. มสี ดั ส่วนทด่ี ี มคี วามกลมกลนื กนั ทงั้ ส่วนรวม เช่น รูปแบบ ลกั ษณะผวิ เสน้ สี เป็นตน้ และ มสี ดั สว่ นทเ่ี หมาะสมในการใชง้ าน 9. มคี วามเหมาะสมกบั วสั ดแุ ละวธิ กี าร มคี ณุ ภาพ มวี ธิ กี ารใชง้ า่ ยสะดวก สามารถผลติ ไดต้ รง ตามความตอ้ งการของสงั คมปจั จบุ นั 10. มลี กั ษณะของการตกแต่งอย่างพอดี ไมร่ กรุงรงั 11. มโี ครงสรา้ งทเ่ี หมาะสมกลมกลนื กบั วฒั นธรรมและความตอ้ งการของสงั คม 12. ไมค่ วรส้นิ เปลอื งเวลามากจนเกนิ ไป 2.1.3 หลกั ในการพจิ ารณาออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ก่อนทผ่ี ูอ้ อกแบบจะตดั สนิ ใจผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ผูอ้ อกแบบจาเป็นจะตอ้ งพจิ ารณาองคป์ ระกอบ ของการพมิ พเ์ ป็นขอ้ มลู สาคญั ต่อการออกแบบองคป์ ระกอบในการพมิ พ์ ดงั น้ี 1.วตั ถปุ ระสงคข์ องงานพมิ พ์ การกาหนดเป้าหมายของสอ่ื สง่ิ พมิ พว์ า่ เป็นสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ สาหรบั บคุ คลวยั ใด หนงั สอื สาหรบั เดก็ หรอื ผูใ้ หญ่ เพศใด สาหรบั ผูห้ ญิงหรอื ผูช้ าย การศึกษา ระดบั ใดลกั ษณะของสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ไดแ้ ก่ หนงั สอื ทางวชิ าการ สารคดี รอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง ปจั จยั เหลา่ น้ีเป็นตวั กาหนดการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เช่น หนงั สอื วชิ าการยอ่ มมกี ารเกบ็ รกั ษาเป็นเวลานาน ดงั นนั้ กระการพมิ พค์ วรเป็นกระดาษชนดิ ทด่ี กี วา่ หนงั สอื บนั เทงิ คดี ซง่ึ มรี ะยะเวลาในการอา่ น สน้ั กวา่ เป็นตน้ นอกจากน้ี ระดบั วยั เพศ การศึกษาของกลมุ่ เป้าหมาย ย่อมมผี ลต่อการ ออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พเ์ ป็นอย่างยง่ิ

2. รูปร่างของสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ตามปกตมิ กั มรี ูปร่างมาตรฐานเป็นรูปสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ ตามลกั ษณะ ของกระดาษขนาดมาตรฐาน ดงั นน้ั การกาหนดสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หม้ รี ูปร่างสเ่ี หลย่ี มผืนผา้ จงึ ไมท่ าให้ กระดาษเสยี เศษ ซง่ึ มที งั้ สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ แนวตงั้ และสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ แนวนอน ในกรณีท่ี ผูค้ วามน่าเบอ่ื อาจออกแบบใหม้ ลี กั ษณะเป็นรูปสเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั หรอื เป็นรูปร่างภายนอกของภาพสตั ว์ สง่ิ ของ ออกแบบตอ้ งการหลกี เลย่ี งเช่น รูปร่างของหนงั สอื สาหรบั เดก็ หนงั สอื นิทาน เป็นตน้ 3. ตาแหน่งจุดแหง่ ความสนใจในสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ โดยปกตผิ ูค้ วามสาคญั แก่ปกหนา้ เป็นพเิ ศษ มากกวา่ ส่วนอน่ื ทง้ั น้เี พราะเป็นจดุ ดงึ ดูดสายตาออกแบบสนใจแก่ผูด้ ูในกรณีท่ีมกี ารแขง่ ขนั กบั สอ่ื สง่ิ พมิ พอ์ น่ื ๆ สาหรบั การจดั หนา้ ภายในหนงั สแื ละสามารถสรา้ งสมยั ก่อนมกั ใหค้ วามสาคญั แหห่ นา้ ขวามอื หรอื หนา้ ไดแ้ ก่ หนา้ 1, 3, 5, 7 ไปตามลาดบั แต่ในปจั จบุ นั จากผลการวจิ ยั พบวา่ ผูอ้ ่านให้ ความสาคญั แก่หนา้ หนงั สอื ทางชา้ ยมอื เทา่ กบั หนา้ ขวามอื ดงั นนั้ ในการจดั หนา้ จึงควรออกแบบใหม้ ี ความน่าสนใจเทา่ ๆ กนั ในบางแบบใหร้ ูปภาพคาบเก่ยี วทงั้ หนา้ ซา้ ยมอื และหนา้ ขวามอื เช่น ในการทา จลุ สาร การทาหนงั สอื สาหรบั เดก็ เป็นตน้ ในการจดั สอ่ื สง่ิ พมิ พส์ องหนา้ นยิ มจดั ใหข้ อบในแคบกวา่ ขอบนอก ขอบดา้ นบนจะกวา้ งกวา่ ขอบ ดา้ นลา่ งเลก็ นอ้ ย และขอบดา้ นลา่ งจะมคี วามกวา้ งมากทส่ี ุด สาหรบั กางพมิ พห์ นา้ เดียว พบวา่ ผูด้ ูจะมี ความสนใจต่อสง่ิ ทอ่ี ยู่ดา้ นบนมากกวา่ สง่ิ ทอ่ี ดา้ นลา่ งเสมอในกาของมนุษย์ ผูด้ ูส่วนใหญ่จะสนใจต่อ ส่วนบนของร่างกายมากกวา่ สว่ นลา่ งดูการแต่งกายทส่ี ุดอยู่ทแ่ี นวแกนกลางเหนอื เสน้ กลางหนา้ แนวนอนคร่งึ หน่งึ ของร่าง “จดุ ทน่ี ่าสนใจ” (Optical Cantar)

4.ขนาดของสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ขนาดขงสอ่ี สง่ิ พมิ พอ์ มนอยู่กบั ขนาดของกระดาษเป็นสาคญั จะเหน็ ไดว้ า่ หนงั สอื ขนาด 8 หนา้ ยก (7.5 น้วิ x 10.25 น้วิ ทพ่ี มิ พใ์ นปจั จบุ นั มขี นาดรูปเลม่ ทแ่ี ทจ้ รงิ ไมเ่ ท่ากนั ทง้ั น้เี น่อื งจากขนาดของกระดาษทใ่ี ชพ้ มิ ไมเ่ ท่ากนั ไดแ้ กขนาด 31 น้วิ x 43 น้วิ และกระดาษขนาด 24 น้วิ x 35 2.1.4 องคป์ ระกอบในการออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ โดยทวั่ ไปในการสรา้ งสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ จะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสาคญั หลายอย่าง ไดแ้ ก่วาม ภาพประกอบ ทว่ี า่ ง รูปร่าง รูปทรง และส่วนประกอบอน่ื ๆ ดงั นน้ั ในการจดั วางงการจดั วาง องคป์ ระกอบต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั จงึ เป็นสง่ิ สาคญั มาก ในการออกแบบเพอ่ื ใหเ้กดิ ความสมบูรณ์ โดยใช้ หลกั การดงั น้ี 1.การวางตาแหน่ การวางตาแหน่งหนา้ สอ่ื สง่ิ พมิ พส์ ามารถจดั วางใหอ้ ยู่ขวา หรอื หนา้ ซา้ ยกไ็ ด้ ซ่ึงการจดั ตาแหน่งหนา้ จะมี ผลต่อความสนใจในสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ (1) ใหค้ วามสาคญั ของสง่ิ ทอ่ี ขวามอื มากกวา่ ซา้ ยมอื (2) การจดั หนา้ ขวามอื เป็นหนา้ งมคี วามสาคญั กวา่ หนา้ คู่เพราะเป็นตาแหน่งความ สนใจในสอ่ื สง่ิ พมิ พ์

2. รูปรา่ ง รูปร่าง คือ เสน้ รอบนอกทางกายภาพของวตั ถุ จะเป็นรูป 2 มติ ิ คือ ความกวา้ งและความยาว ไมม่ คี วาม หนาหรอื ความลกึ แบง่ ออกเป็น 3 แบบ (1)รูปร่างตามธรมชาติ (Natural Shape) รูปร่างต่าง ๆ ทพ่ี บเหน็ ไดจ้ ากสง่ิ รอบ ๆ ตวั ท่เี กดิ ข้นึ โดย ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ คน สตั ว์ พชื หรอื เรยี กอกี นยั หน่งึ วา่ รูปร่างทไ่ี ดจ้ ากสง่ิ ท่ีมชี วี ติ (Organic) (2) รูปร่างเรขาคณิต (Geometic Shape) หมายถงึ รูปร่างทม่ี นุษยส์ รา้ งข้นึ โดยอาจจะมี ทม่ี าจากธรรมชาตแิ ลว้ นามาตดั แปลง รูปร่างเรขาคณิตน้จี ะมโี ครงสรา้ งแน่นอน วดั ระยะได้ ไดแ้ ก่ รูปร่างวงกลม รูปร่างสามเหลย่ี ม รูปร่างสเ่ี หลย่ี ม ฯลฯ (3) รูปร่างนามธรรม (Abstract Shape) หมายถงึ รูปร่างทเ่ี ปลย่ี นแปลง อาจเป็น รูปร่างทม่ี าจากธรรมชาติ เรขาคณิต หรอื จากจนิ ตนาการ ซง่ึ รูปร่างลกั ษณะน้อี าจมองคลา้ ยกบั รูปร่าง อะไรหรอื ไมส่ ามารถระบไุ ดว้ า่ เป็นรูปร่างอะไร อาจเรยี กรูปร่างชนดิ น้ีวา่ รูปร่างไมแ่ สดง เน้อื หาหรอื รูปร่างอสิ ระ ซง่ึ เป็นรูปร่างทเ่ี กดิ ข้นึ โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งอา้ งองิ ธรรมชาตหิ รอื เรขาคณิต 3.ขนาด ของสอ่ื สง่ิ พมิ พเ์ กดิ จากการเปรยี บเทยี บสดั สวนกบั พ้นื ทท่ี ม่ี อง เพอ่ื ทาใหเ้กิดการรบั รูใ้ นเร่อื งระยะและ ขนาด เปรยี บเทยี บสง่ิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ในกรอบภาพการจดั องคป์ ระกอบในสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หม้ สี ดั สว่ นทต่ี ่างกนั จะ เรยี กความสนใจและดูแปลกตาไดม้ ากกวา่ การทม่ี สี ดั ส่วนทใ่ี กลเ้คยี งกนั 4. เสน้ เสน้ เกดิ จากจดุ หลาย 1 จดุ ทเ่ี รยี งตดิ ต่อกนั ไป ส่วนทเ่ี ป็นขอบรอบนอกของพ้นื ทว่ี ตั ถุ เสน้ เป็นรากฐาน ของศิลปะทกุ ประเกท เมอ่ื นาเสน้ มาประกอบกนั จะทาใหเ้ป็นรูปทต่ี อ้ งการ เสน้ แต่ละเสน้ จะใหค้ วามรูส้ กึ แตกต่างกนั ไปเป็นการสอ่ื อารมณห์ รอื สามารถช่วยนาสายตา 5. แสง สี เงา สมี คี วามสาคญั ในการออกแบบ สามารถบง่ ช้ลี กั ษณะของภาพ มอี ทิ ธพิ ลเหนือจติ ใจมนุษยท์ กุ คนจะรูส้ กึ ในอารมณท์ นั ทที เ่ี หน็ สมี อี ทิ ธพิ ลกบั ความรูส้ กึ ของมนุษย์ สามารถใหค้ วามรูส้ ึกทางประสาทโดยตรง เช่น สเี ทาใหค้ วามรูส้ กึ เศรา้ สงบน่ิง สขี าวใหค้ วามรูส้ กึ บรสิ ุทธ์ิ สะอาด เป็นตน้ 6. พ้นื ผิว พ้นื ผวิ ของวตั ถมุ คี วามสาคญั ต่อความงามในดา้ นสุนทรยี ภาพ พ้นื ผวิ ทเ่ี รยี บนนั้ จะใหว้ ามรูส้ กึ คลอ่ งตวั รวดเรว็ ในขณะเดยี วกนั พ้นื ผวิ ขรุขระหยาบหรอื เป็นเสน้ นูนสูงตา่ ก็จะใหค้ วามรูส้ ึกทม่ี นั่ คงแขง็ แรง เป็น ตน้

2.1.5 การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ในสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ โดยทวั่ ไปในการสรา้ งสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ จประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสาคญั หลายอย่างตวั อกั ษร ขอ้ ความ ภาพประกอบ ทว่ี า่ ง รูปร่าง รูปทรง และสว่ นประกอบอน่ื ๆ ดงั นนั้ ในการจดั วางองคป์ ระกอบต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั จงึ เป็นสง่ิ สาคญั มาก ในการออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พจ์ ะตอ้ งคานงึ ถงึ การจดั วางองคป์ ระกอบเพอ่ื ให้ เกดิ ความสมบูรณ์ โดยใชห้ ลกั การดงั น้ี 1.ทศิ ทางและการเคลอ่ื นไหว (Direction & Movement) เมอ่ื ผูร้ บั สารมองดูเกดิ การรบั ข้นึ เป็นลาดบั ตามการมองเหน็ กลา่ วคอื เกดิ ข้นึ ตามการกวาดสายตาจากองคป์ ระกอบหน่ึงไปดูสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ จะยงั อกี องคป์ ระกอบหน่ึงจงึ มคี วามจาเป็นอย่างยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารดาเนินการวางแผนกาหนดและซกั จูง สายตาของผูร้ บั สารใหเ้คลอ่ื นไหวไปในทศิ ทางทถ่ี กู ตอ้ ง ตามลาดบั ขององคป์ ระกอบท่ีตอ้ งการใหร้ บั ก่อนหลงั โดยทวั่ ไปหากไมม่ กี ารสรา้ งจดุ เด่นข้นึ มา สายตาของรบั สารกจ็ ะมองดูหนา้ กระดาษทเ่ี ป็นสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ นทศิ ทางของตวั อกั ษรซี (2 ในภาษาองั กฤษ คือจะเร่มิ มองทม่ี มุ บนดา้ นขวา แลว้ ไลล่ าดบั ลง มายงั มมุ ลา่ งดา้ นซา้ ย ไปจบทม่ี มุ ลา่ งดา้ นขวา ตามลาดบั การจดั องคป์ ระกอบทส่ี อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติ ของการมองน้ีเป็นสว่ นช่วยใหเ้กดิ การรบั ตามลาดบั ทต่ี อ้ งการ 2. เอกภาพและความกลมกลนื (Unity & Harmony)คอื ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดย่ี วกนั ซง่ึ ในการจดั ทาเลยเ์ อาต์ (Layout) หมายถงึ การนาองคป์ ระกอบทแ่ี ตกต่างกนั มาวาคือ ความเป็นอนั หน่ึง อนั เดยี วกนั หนา้ กระดาษเดยี วกนั ไดอ้ ย่างกลมกลนื ทาหนา้ ทส่ี อดคลอ้ งสงเสรมิ กนั ในการสอ่ื สาร ความคิดรวบยอด และกาพของสอ่ี สง่ิ พมิ พน์ นั้ การสรา้ งเอกภาพน้สี ามารถทาไดห้ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่

1.การสร้างความตอ่ เนื่องกันใหอ้ งคป์ ระกอบ เช่น การจดั ใหพ้ าดหวั วางทบั ลงบนภาพ การใชต้ วั อกั ษรท่ีเป็นขอ้ ความลอ้ ตาทรวดทรงของภาพ เป็นตน้ 2.การเลือกใช้องคป์ ระกอบอยา่ งสม่าเสมอ เป็นการเลือกใชแ้ บบตวั อกั ษรเดียวกนั การ เลอื กใชภ้ าพขาวดาทงั้ หมด

3.การเวน้ พ้นื ท่วี ่างรอบองคป์ ระกอบทง้ั หมด จะทาใหพ้ ้นื ทว่ี า่ งนนั้ ทาหนา้ ทเ่ี หมอื นกรอบสี ขาวลอ้ มรอบองคป์ ระกอบทงั้ หมดไวภ้ ายใน ช่วยใหอ้ งคป์ ระกอบทง้ั หมด ดูเหมอื นวา่ อยู่กนั อย่างเป็น กลมุ่ เป็นก่อน 3. ความสมดุล (Balance) การจดั วางองคป์ ระกอบทง้ั หมดในพ้นื ทห่ี นา้ กระดาษ จะตอ้ งไม่ ขดั กบั ความรูส้ กึ คอื จะตอ้ งไมด่ ูเอนเอยี งหรอื หนกั ไปดา้ นใดดา้ นหน่งึ โดยไมม่ อี งคป์ ระกอบมาถว่ งใน อกี ดา้ น การจดั องคป์ ระกอบใหเ้กดิ ความสมดลุ แบง่ ไดเ้ป็น 3 ลกั ษณะ คอื (1) สมดลุ แบบสมมาตร (Symmetrical Balance) เป็นการจดั วางองคป์ ระกอบ โดยให้ องคป์ ระกอบทางดา้ นขา้ ยและดา้ นขวาของพ้นื ทห่ี นา้ กระดาษมลี กั ษณะเหมอื นกนั ทง้ั สองขา้ งซง่ึ องคป์ ระกอบทม่ี เี หมอื นกนั ในแต่ละดา้ นน้จี ะถว่ งนา้ หนกั กนั และกนั ใหเ้กดิ ความรูส้ กึ สมดุล

(2) สมดลุ แบบอสมมาตร (Asymmetrical Balance) เป็นการจดั วางองคป์ ระกอบโดยให้ องคป์ ระกอบในดา้ นขา้ ยและดา้ นขวาของพ้นื ทใ่ี นหนา้ กระดาษ มลี กั ษณะไมเ่ หมอื นกนั ทงั้ สองขา้ ง ประกอบจะไมเ่ หมอื นกนั ในแต่ละดา้ น แต่ก็จะถ่วงนาหนกั กนั และกนั ใหเ้กดิ ความสมดลุ (3)สมดลุ แบบรศั มี(Radial Balance ) เป็นการจดั วางองคป์ ระกอบโดยใหอ้ งคป์ ระกอบแผ่ ไปทกุ ทศิ ทกุ ทางจากจดุ ศูนยก์ ลาง

4. สดั สว่ น (Proportion) การกาหนดสดั สว่ นน้ีเป็นการกาหนดความสมั พนั ธใ์ นเร่อื ง ของขนาดซง่ึ มคี วามสาคญั โดยเฉพาะในหนา้ กระดาษของสอ่ื สง่ิ พมิ พท์ ต่ี อ้ งการใหม้ จี ดุ เด่น เช่น หนา้ ปกหนงั สอื เป็นตน้ เพราะองคป์ ระกอบทม่ี สี ดั สว่ นแตกต่างกนั จะดงึ ดูดสายตาไดด้ กี วา่ การ ทใ่ี ชอ้ งคป์ ระกอบทงั้ หมดในสดั สว่ นทใ่ี กลเ้คยี งกนั ในการกาหนดสดั ส่วนจึงจะตอ้ งพจิ ารณา องคป์ ระกอบทง้ั หมดในพ้นื ทห่ี นา้ กระดาษไปพรอ้ ม ๆ กนั วา่ ควรจะเพม่ิ หรอื ลดองคป์ ระกอบ ส่วนใด ไมใ่ ช่ค่อย ๆ ทาไปทลี ะองคป์ ระกอบ 5. ความแตกต่าง (Contrast) การจดั องคป์ ระกอบในสอ่ื สง่ิ พมิ พใ์ หม้ คี วามแตกต่าง กนั ไดด้ ว้ ยการจดั วางองคป์ ระกอบทม่ี คี วามแตกต่างกนั โดยขนาด ความแตกต่างโดยรูปร่าง ความแตกต่างโดยความเขม้ และความแตกต่างโดยทศิ ทาง ดงั น้ี (1) ความแตกต่างโดยขนาด เป็นวธิ กี ารทง่ี า่ ยทส่ี ุดโดยการเนน้ การจดั องคป์ ระกอบใด องคป์ ระกอบหน่ึงใหเ้ด่นข้นึ มา ดว้ ยการเพม่ิ ขนาดใหใ้ หญ่กวา่ องคป์ ระกอบอ่ืน ๆ โดยรอบ ซง่ึ โดยธรรมชาตแิ ลว้ ผูด้ ูจะเลอื กมองดูองคป์ ระกอบทใ่ี หญ่กวา่ ก่อน

(2)ความแตกต่างโดยรูปร่าง เป็นวธิ ที เ่ี นน้ ใหอ้ งคป์ ระกอบใดองคป์ ระกอบหน่งึ เด่น ข้นึ ดว้ ยการใชร้ ูปร่างทแ่ี ตกต่างออกไปจากองคป์ ระกอบอน่ื ในหนา้ กระดาษ

(3)ความแตกตา่ งโดยความเขม้ เป็นวทิ น่ี นั้ ใหอ้ งคป์ ระกอบใดองคป์ ระกอบหน่ึงเด่นข้นึ มาดว้ ย การใชก้ ารเพม่ิ หรอื ลดความเขม้ หรอื นา้ หนกั ขององคป์ ระกอบนนั้ ใหเ้ขม้ หรอื ออ่ นกวา่ องคป์ ระกอบอน่ื ทอ่ี ยู่ ร่วมกนั ในหนา้ กระดาษ (4) ความแตกต่างโดยทศิ ทาง วธิ กี ารน้ีเป็นการเนน้ ทอ่ี งคป์ ระกอบใดองคป์ ระกอบหน่ึงใหเ้ด่น ข้นึ มาดว้ ยการวางองคป์ ระกอบทต่ี อ้ งการจะเนน้ ใหอ้ ยู่ในทศิ ทางทแ่ี ตกต่างจากองคป์ ระกอบอน่ื ๆ ทอ่ี ยู่ร่วมกนั ในหนา้ กระดาษ เช่น การวางภาพเอยี ง 45 องศา ในหนา้ กระดาษ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยตวั อกั ษรทเ่ี รยี ง เป็นแนวนอน เป็นตน้

6. จงั หวะ ลลี า และการซ้า (Rhythm & Repetition) การจดั วางองคป์ ระกอบ หลาย ๆ ช้นิ โดยกาหนดตาแหน่งใหเ้กดิ มชี ่องวา่ งเป็นช่วง ๆ ตอน ๆ อย่างมกี ารวางแผน ลว่ งหนา้ ทาใหเ้กดิ จงั หวะและลลี าข้นึ หากวา่ องคป์ ระกอบหลายช้นิ นน้ั มลี กั ษณะซา้ กนั หรอื ใกลเ้คียงกนั กจ็ ะยง่ิ เป็นการเนน้ ใหเ้กดิ จงั หวะและลลี า ไดช้ ดั เจนยง่ิ ข้นึ ลกั ษณะตรงกนั ขา้ มกบั แบบแร จงั หวะและลลี าลกั ษณะน้จี ะก่อใหเ้กดิ ความรูส้ กึ ทต่ี ่นื เตน้ ดูเคล่อื นไหวและมพี ลงั 2.2 กระบวนการพมิ พ์ กระบวนการพมิ พ์ คือ ขน้ั ตอนวธิ กี ารในการผลติ สง่ิ พมิ พต์ ่าง ๆ เช่น หนงั สอื จลุ สาร แผ่นพบั ฉลากสนิ คา้ โปสเตอรโ์ ฆษณา เป็นตน้ โดยในการผลติ ตอ้ งกาหนดรูปแบบและจานวน ทต่ี อ้ งการ กระบวนกาพมิ พเ์ ร่มิ ตน้ จากการรบั ตน้ ฉบบั ทเ่ี ป็นอารต์ เวริ ก์ (ตน้ ฉบบั สาหรบั ส่งไป พมิ พจ์ รงิ ) และส้นิ สุดเป็นช้นิ งานกระบวนการพมิ พม์ ขี น้ั ตอนดงั น้ี 2.2.1 กระบวนการก่อนการพมิ พ์ (Prepress Process) กระบวนการน้ีไดถ้ กู พฒั นาอย่างต่อเน่อื ง ตง้ั แต่มกี ารนาเคร่อื งคอมพวิ เตอรม์ าใช้ ในการออกแบบ และควบคุมขบวนการทาแมพ่ มิ พใ์ นปจั จบุ นั ตน้ ฉบบั /อารต์ เวริ ก์ มกั เป็นรูปแบบ ของไฟลด์ จิ ติ อลกระบวนการก่อนการพมิ พท์ ก่ี ลา่ วในทน่ี ้จี ะองิ ระบบดจิ ติ อลในการทางาน ประกอบดว้ ย

2.2.2 กระบวนการการพมิ พ์ (Press/Printing Process) เมอ่ื ไดแ้ มพ่ มิ พท์ ส่ี มบูรณ์ ก็เรม่ิ เขา้ สู่กระบวนการพมิ พ์ กระบวนการพมิ พม์ คี วามสาคญั มากช้นิ งานจะ ออกมาดหี รอื ไมข่ ้นึ อยู่กบั การพมิ พเ์ ป็นหลกั ใหญ่ และจะพบวา่ ปญั หาสว่ นใหญ่ทเ่ี กดิ ระหวา่ งลูกคา้ กบั โรงพมิ พม์ กั มาจากการพมิ พ์ เช่น สไี มเ่ หมอื น พมิ พเ์ หลอ่ื ม ขอ้ ความไมช่ ดั เป็นตน้ ดงั นน้ั การ ควบคมุ การพมิ พจ์ งึ เป็นเร่อื งสาคญั 2.2.3 กระบวนการหลงั การพมิ พ์ (After Press Process) งานพมิ พท์ พ่ี มิ พเ์ สรจ็ ส้นิ แลว้ โดยทวั่ ไปยงั ไมส่ มบูรณเ์ ป็นช้นิ งานตามทต่ี อ้ งการ จงึ ตอ้ งผ่าน กระบวนการต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. การตกแต่งผิวช้ินงาน (Surface Decoration)งานพมิ พบ์ างงานตอ้ งการการเคลอื บผวิ เพอ่ื จดุ ประสงคต์ ่าง ๆ กนั เช่น เพอ่ื ป้องกนั การขดี ดช่วน ป้องกนั ความช้นื ตอ้ งการความสวยงาม เป็นตน้ 2. การข้ึนรูป (Forming) การข้นึ รูปสามารถทาไดห้ ลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ (1) การตดั เจยี น เช่น งานทาฉลาก เป็นตน้ (2) การข้นึ เสน้ สาหรบั พบั การปมั ๊ เป็นรูปทรง/การไดคทั เช่น งานกลอ่ ง งานเจาะหนา้ ต่าง (3) การพบั การมว้ น เช่น งานทากระป้อง เป็นตน้ (4) การทากาวหรอื ทาใหต้ ดิ กนั เช่น งานทากลอ่ ง งานทาซอง เป็นตน้ (5) การหมุ้ กระดาษแขง็ เช่น งานทาปกแขง็ งานทาฐานปฏทิ นิ เป็นตน้ 3. การทารูปเลม่ (Book Making) เป็นขบวนการสาหรบั ทางานประเภทสมดุ หนงั สอื ปฏทิ นิ เป็นตน้ โดยมขี น้ั ตอนคอื (1) การตดั แบง่ เพอ่ื แบง่ งานพมิ พท์ ซ่ี า้ กนั ในแผ่นเดยี วกนั (2) การพบั เพอ่ื พบั แผน่ พมิ พเ์ ป็นหนา้ ยก (3) การเกบ็ เลม่ เพอ่ื เก็บรวมแผน่ พมิ พท์ พ่ี บั แลว้ /หนา้ ยกมาเรยี งใหค้ รบเลม่ หนงั สอื (4) การเขา้ เลม่ เพอ่ื ทาใหห้ นงั สอื ยดึ ตดิ กนั เป็นเลม่ มวี ธิ ตี ่าง ๆ คอื การเยบ็ ดว้ ยลวด เยบ็ งหลงั คา การไส สนั ทากาว การเยบ็ ก่ที ากาว การเยบ็ ก่หี มุ้ ปกแขง็ การเจาะรูร้ อ้ ยหว่ ง เมอ่ื ผ่านการยดึ เลม่ ดกนั ก็นาข้นึ งานมาตดั เจยี นขอบสามดา้ นใหเ้รยี บเสมอกนั และไดข้ นาดทต่ี อ้ งการ 4. การบรรจหุ บี หอ่ ( Packing) เมอ่ื ไดช้ ้นิ งานสาเรจ็ ตามทต่ี อ้ งการ ทาการตรวจสอบ ช้นิ งานแลว้ บรรจหุ บี ห่อพรอ้ มสง่ ไปยงั จดุ หมายปลายทางต่อไป

2.3 การผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ พส์ ง่ิ พมิ พป์ ระเาทต่าง 1 ในยุคก่อนนนั้ ตอ้ งผ่านกระบนการต่าง 1 มากมายหลา ยกวา่ การเรยี งพมิ พ์ โดยทจ่ี ะตอ้ งมผี ูต้ ดั ต่อรูปภาพ วาดกรอบของภาพหรอื กรอบหวั เร่ือง เขี และนาขอ้ ความ ภาพ กรอบมาประกอบกนั ตามทอ่ี อกแบบไช้ การทางานทย่ี ุ่งยากเหลา่ น้นี ่ีเองทท่ี าให้ เอกสารเหลา่ นน้ั มรี าคาแพง แต่ในปจั จบุ นั น้ีมเี พยี งเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เคร่อื งพรินเตอรแ์ ละโปรแกรม เท่านน้ั กส็ ามารถทจ่ี ะออกแบบงานหรอื เอกสารใหเ้ป็นทน่ี ่าสนใจได้ โดยโปรแกรมจะมคี วามสามารถดา้ นการ จดั การเอกสาร ความสามารถดา้ นการเรยี งพมิ พ์ 2.3.1 ความหมายของการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ (DesktopPublishing) Desktop Publishing ความหมายในหนงั สอื ศพั ทค์ อมพวิ เตอรฉ์ บบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2538 บญั ญตั ไิ วว้ า่ \"การจดั พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ \" โดยใชต้ วั ย่อ ดที พ่ี ี (DTP) หมายถงึ การนา ภาพและขอ้ ความมาจดั วางไวด้ ว้ ยกนั บนจอภาพในตาแหน่งทส่ี วยงาม ดูแลว้ สบายตา มกั ใชเ้ ป็นตน้ แบบ ของเอกสารสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เป็นการจดั เตรยี มตน้ ฉบบั เอกสารสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ กระบวนการจดั พมิ พโ์ ดยใชเ้คร่อื ง คอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ แทนทจ่ี ะเป็นการตดั ปะอย่างสมยั ก่อน มรี ะบบการผลติ สอ่ื ส่งิ พมิ พท์ ม่ี ตี น้ ทนุ ไม่ สูงมาก มกี ารนาโปรแกรมสาเรจ็ รูปช่วยในการเรยี งขอ้ ความ การทาภาพกราฟิก เช่น การใชโ้ ปรแกรมอโด บี ฮนิ ดไี ชน์ (Adobe InDesign) โปรแกรม อโดบี เพจเมคเกอร์ (Adobe PageMaker) เป็นตน้ เพอ่ื ผลติ สง่ิ พมิ พห์ ลากหลายประเภทไดอ้ ย่างประหยดั และสวยงาม เป็นทน่ี ยิ มใชใ้ นปจั จบุ นั จากความหมาย ดงั กลา่ วขา้ งตน้ สรุปไดว้ า่ การใชค้ อมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ ในทน่ี ้ไี มไ่ ดห้ มายความเฉพาะคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ี ขนาดพอทจ่ี ะวางอยู่บนโตะ๊ ทางานเทา่ นนั้ แต่รวมถงึ คอมพวิ เตอรท์ ม่ี ขี นาดเลก็ เช่น แลป็ ทอ็ ป (Laptop) โนต้ บกุ๊ (Notebook) เป็นตน้ ซง่ึ ถงึ แมจ้ ะเคร่อื งจะมขี นาดทเ่ี ลก็ กวา่ แต่ประสทิ ธิภาพในการทางานไมไ่ ด้ ดอ้ ยไปกวา่ จงึ เป็นทน่ี ิยมใชก้ นั มากในปจั จบุ นั 2.3.2 องคป์ ระกอบของการจดั พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตง้ั โตะ๊ การผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตงั้ โตะ๊ ประกอบดว้ ย 1. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ดว้ ยเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั ทาใหป้ ระสทิ ธภิ าพการทางานทด่ี ขี ้นึ ความยม ในการใชเ้คร่อื งคอมพวิ เตอรก์ ็เปลย่ี นแปลงไป ไมว่ า่ จะเป็นโนต้ บกุ๊ เคร่อื งแมคฯ และมกี ารพฒั นาอย่าง เน่อื ง จนปจั จบุ นั มคี วามกา้ วหนา้ และสามารถผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พท์ ม่ี คี ุณภาพไดท้ ดั เทยี มกบั โรงพมิ พ์

2 โปรแกรมสาเรจ็ รูปในการจดั หนา้ สอ่ี สง่ิ พมิ พท์ ม่ี คี ณุ ภาพดจี ะตอ้ งอาศยั โจรูป หลายโปแกรมประกอบกนั ซง่ึ ในปจั จบุ นั มใี หเ้ลอื กใชม้ ากมายหลายโปรแกรม แต่ละคุณสมบตั ิ ทแ่ี ตกต่างกนั ไป ไดแ้ ก่โปแกรมพมิ พข์ อ้ ความและวาดภาพกราฟิกแบบงา่ ย โปรแแต่ภาพ และ โปรแกรมสาหรบั การจดั หนา้ การเลอื กใชโ้ ปรแกรมไดเ้หมาะสมจะทาสอ่ื สง่ิ พมิ พท์ าไดส้ ะดวก และงา่ ยดาย ผลงานทอ่ี อกมากจ็ ะมคี ณุ ภาพทด่ี ี 3.เคร่อื งพมิ พ์ เคร่อื งพมิ พเ์ ป็นอปุ กรณต์ ่อพว่ งกบั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใชแ้ สดง ผลลพั ธอ์ อกมาทางกระดาษ เคร่อื งพมิ พใ์ นปจั จบุ นั มหี ลายชนิด แต่ทน่ี ิยมใชม้ ากในปจั จบุ นั คือ เคร่อื งพมิ พแ์ บบหมกึ (Inkjetและเคร่อื งพมิ พแ์ บบเลเซอร์ (Laser)ในการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ ผูผ้ ลติ สามาเคร่อื งพมิ พแ์ บบใดก็ได้ ตามความถนดั และเหมาะสม สรุปสาระสาคญั การออกแบบสอ่ื สง่ิ พมิ พเ์ ป็นกระบวนการหน่ึงทจ่ี ะสง่ ผลใหก้ ารผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พส์ าเรจ็ บรรลุ ตามจดุ มงุ่ หมาย โดยการออกแบบจะคานงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละหลกั การในการผลติ ส่อื สง่ิ พมิ พ์ เพอ่ื จะนาไปสู่ขนั้ ตอนกระบวนการพมิ พใ์ นลาดบั ต่อไป กระบวนการพมิ พ์ คือขน้ั ตอนวธิ กี ารใน การผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พป์ ระกอบดว้ ย 3 กระบวนการ ไดแ้ ก่ กระบวนการก่อนการพมิ พ์ กระบน การการพมิ พ์ และกระบวนการหลงั การพมิ พ์ ทง้ั 3 กระบวนการน้ีเป็นกระบวนการผลติ ทผ่ี ่าน โรงพมิ พ์ นอกจากการผลติ สอ่ื สง่ิ พมิ พท์ ผ่ี ลติ ผ่านโรงพมิ พแ์ ลว้ ผูผ้ ลติ ทต่ี อ้ งการสรา้ งงานพมิ พ์ ดว้ ยตนเองโดยใชก้ ระบวนการพมิ พด์ ว้ ยคอมพวิ เตอรแ์ บบตงั้ โตะ๊ กส็ ามารถทาไดง้ า่ ยเพยี งแค่มี เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ โปรแกรมสาเรจ็ รูปสาหรบั จดั หนา้ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ และเคร่อื งพมิ พ์ กส็ ามารถ ผลติ สง่ิ พมิ พท์ ม่ี คี ณุ ภาพได้ และการพมิ พแ์ บบน้ไี ดร้ บั ความนิยมมากในปจั จบุ นั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook