ชุดกิจกรรมการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ 2ชุดท่ี หนว่ ยการเรยี นรู้ ระบบนิเวศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 เรื่อง ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม โดย นางมะลิวลั ย์ ตู้เชยี งเพ็ง ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศึกษาพฒั นาการ อุดรธานี สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 20
2ชุดที่ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ ระบบนเิ วศ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ของสง่ิ มีชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม โดย นางมะลวิ ัลย์ ต้เู ชยี งเพ็ง ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการ โรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ อดุ รธานี สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 20
ก คานา วทิ ยาศาสตรม์ บี ทบาทสาคัญยิ่งตอ่ การพัฒนาความคิดมนุษย์ทาให้มนุษย์มีความคดิ สร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตผุ ล คดิ เป็นระบบ มแี บบแผนสามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้ อยา่ งถ่ีถว้ น รอบคอบ ชว่ ยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและนา ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม ซง่ึ การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรย์ ่อมมปี ญั หานกั เรยี นไม่ผ่านจุดประสงค์ ทตี่ งั้ ไว้ เนอ่ื งจากความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ความยากง่ายของเนื้อหา ครูผู้สอนจงึ จาเปน็ ตอ้ งหา ทางแก้ไขเพื่อช่วยใหน้ ักเรียนได้มโี อกาสเรียนรู้ตามความสามารถของตนเองอยา่ งเท่าเทียมกนั ชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ระบบนเิ วศ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชดุ ที่ 2 เรอ่ื งความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี ีวิตกบั สิง่ แวดล้อม จัดทาขึน้ เพื่อประกอบการจัดการเรียนการ สอนในรายวชิ าวิทยาศาสตร์ ตามมาตรฐานการเรยี นรกู้ ลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ หลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรน์ มี้ ี วตั ถุประสงคเ์ พือ่ มงุ่ พัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนและพัฒนาทักษะการคดิ วเิ คราะห์ของนักเรยี น ตลอดจนเป็นการกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นเกดิ ทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ ขอขอบคุณผู้มีส่วนเก่ยี วข้องทุกทา่ นที่ได้ให้ขอ้ มูลอนั เปน็ ประโยชนใ์ นการจดั ทาชุดกิจกรรม การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรเ์ ลม่ น้ี ผู้จัดทาหวงั เป็นอย่างยิง่ วา่ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ที่จัดทา ข้นึ นีจ้ ะเปน็ ประโยชนแ์ ก่นกั เรียนในการเรยี นรู้ บรรลตุ ามจุดประสงค์การเรยี นรู้ และเป็นประโยชนต์ ่อ การจัดการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรใ์ ห้มปี ระสิทธิภาพดีย่ิงขนึ้ ตลอดจนสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น ชวี ิตประจาวันไดเ้ ปน็ อย่างดียิ่ง มะลิวลั ย์ ตู้เชยี งเพ็ง
ข สารบัญ เรื่อง หนา้ คานา ก สารบญั ข คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมสาหรับครู 1 คาชแ้ี จงสาหรบั นกั เรียน 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั สาระสาคัญ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3 แบบทดสอบก่อนเรียน 4 กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 6 กรอบความรู้ 7 บัตรกจิ กรรมที่ 2.1 12 บัตรกิจกรรมท่ี 2.2 16 แบบทดสอบหลังเรียน 19 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น 21 บรรณานกุ รม 22 ภาคผนวก 23 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 24 แนวคาตอบกจิ กรรมท่ี 2.1 25 แนวคาตอบกิจกรรม ที่ 2.2 28 เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 30 แบบบันทึกคะแนน 31 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 32
ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสมั พนั ธข์ องส่งิ มชี วี ติ กบั สง่ิ แวดล้อม 1 คาช้แี จงในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรูส้ าหรบั ครู 1. กิจกรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรรู้ ะบบนเิ วศ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ประกอบดว้ ย ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทงั้ หมด 7 ชดุ ดังนี้ ชดุ ท่ี 1 เร่อื งโครงสร้างระบบนิเวศ ชดุ ท่ี 2 เร่ือง ความสมั พันธ์ของสิ่งมชี วี ิตกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ชดุ ท่ี 3 เรือ่ ง การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ ชุดที่ 4 เรื่อง ความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวติ ในระบบนเิ วศ ชดุ ท่ี 5 เรอ่ื ง วฏั จกั รของสารในระบบนเิ วศ ชดุ ที่ 6 เร่อื ง ความหลากหลายทางชวี ภาพ ชุดที่ 7 เรอ่ื ง ประชากรในระบบนิเวศ 2. ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชดุ นี้ คอื ชดุ ท่ี 2 เรอื่ ง ความสมั พนั ธข์ องสิง่ มชี วี ติ กับส่งิ แวดลอ้ ม ใชป้ ระกอบแผนการจัดการเรียนร้รู ายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน หน่วยการเรียนรูร้ ะบบนเิ วศ เร่อื ง ความสมั พันธข์ องสิ่งมชี วี ิตกับสิ่งแวดล้อม ใช้เวลาจัดกิจกรรม จานวน 2 ช่วั โมง 3. ครตู ้องศึกษาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โครงสร้างรายวิชาและแผนการจัดการเรยี นรู้ให้ เข้าใจ สามารถแนะนาความรู้ใหก้ ับผเู้ รยี นได้อย่างถกู ต้อง 4. ครผู ้สู อนตอ้ งใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ควบคู่ไปกบั ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ทก่ี าหนดไว้ 5. ครูตอ้ งเตรียมชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ใหค้ รบตามจานวนนักเรียน เพอ่ื นักเรยี นจะไดป้ ฏิบัติกิจกรรมใน ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ได้อยา่ งครบถว้ น 6. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรเู้ ปน็ สื่อที่นกั เรยี นได้ศึกษาด้วยตนเอง โดยครูคอยช้แี นะ กากับดแู ลนักเรยี น ในขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรมในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ 7. เมอื่ ศึกษาชุดกจิ กรรมการเรียนรูค้ รบทุกกิจกรรมแล้ว ครูต้องช่วยนกั เรยี นในการสรปุ เนือ้ หาและ อภปิ รายร่วมกนั และทาแบบทดสอบหลังเรยี นเพื่อประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียน
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน ชดุ ท่ี 2 เรื่องความสัมพันธ์ของส่งิ มชี วี ิตกับสิง่ แวดล้อม 2 คาชีแ้ จงในการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรสู้ าหรบั นกั เรียน 1. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชุดนีค้ ือ ชุดท่ี 2 เร่อื งความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชวี ติ กับ สงิ่ แวดลอ้ ม จัดทาขึน้ เพ่ือใหน้ ักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองให้มาท่ีสดุ นาความรูแ้ ละ ประสบการณ์มาใชใ้ หเ้ กดิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และมพี ฤติกรรมการทางานกลมุ่ ท่ี ดี ร้จู กั การแบ่งหนา้ ท่แี ละชว่ ยเหลอื ซ่ึงกนั และกัน 2. นักเรยี นจะต้องเรยี นรดู้ ว้ ยตวั เองใหม้ ากท่สี ุดตามลาดบั ข้นั ตอนกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั นี้ 2.1 อา่ นทาความเข้าใจการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ชุดนใ้ี ห้เขา้ ใจกอ่ นลงมือปฏิบัติ 2.2 ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนศกึ ษาบัตรความรแู้ ละบัตรกิจกรรมทกุ ครัง้ 2.3 นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 4 – 5 คน รว่ มกนั ศึกษา วางแผน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆ อยา่ งรอบคอบ 2.4 ศกึ ษาเนื้อหาตามบัตรความรู้ ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามบตั รกจิ กรรมและตอบคาถามท้ายกิจกรรม ให้ครบทกุ กิจกรรม 2.5 ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น และตรวจคาตอบก่อนเรยี นและหลังเรยี นจากเฉลยในภาคผนวก 2.6 นักเรยี นทุกคนควรมีความซ่ือสัตยต์ อ่ ตนเอง ไมเ่ ปดิ เฉลยก่อนทาการทดสอบ 2.7 นักเรียนทกุ คนควรใหค้ วามร่วมมือในการคิด การสืบคน้ ข้อมลู และการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามชุดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรจ์ นเสรจ็ ทกุ กจิ กรรม อยา่ งเตม็ ความสามารถ
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ที่ 2 เร่อื งความสัมพันธ์ของสงิ่ มีชวี ติ กบั ส่ิงแวดล้อม 3 มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 2 ชวี ิตกับสง่ิ แวดล้อม มาตรฐาน ว2.1 เขา้ ใจสงิ่ แวดล้อมในท้องถิ่น ความสมั พนั ธ์ระหว่างสง่ิ แวดลอ้ มกับ สิ่งมีชวี ิตความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิง่ มชี วี ติ ต่าง ๆ ในระบบ นเิ วศ มีกระบวนการสืบเสาะหา ความรูแ้ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ส่อื สารสงิ่ ทีเ่ รียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชว้ี ดั ว 2.1 ม.3/1 สารวจระบบนิเวศต่างๆในทอ้ งถิน่ และอธบิ ายความสัมพันธ์ของ องคป์ ระกอบภายในระบบนิเวศ สาระสาคญั สิง่ แวดลอ้ มรอบตวั เรา ประกอบไปด้วยสิ่งมชี ีวิตและส่ิงไม่มีชวี ิตทีม่ ี ความสมั พนั ธก์ ัน เชน่ ต้นไม้เปน็ แหลง่ อาหารและท่ีอยู่ของสตั ว์หลายชนิด นกหลาย ชนิดกินแมลงเป็นอาหาร พชื และสตั ว์ทต่ี ายแล้วถูกยอ่ ยสลายกลายเป็นสว่ นหนึ่งของ ดนิ พืชไมส่ ามารถเจรญิ เติบโตได้ถา้ ปราศจากแสง นา้ หรืออณุ หภมู ทิ ่ีเหมาะสม จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สารวจระบบนเิ วศในท้องถ่นิ และอธิบายความสัมพนั ธ์ขององคป์ ระกอบทม่ี ชี ีวติ กบั องค์ประกอบท่ีไม่มีชวี ิตในระบบนเิ วศ 2. อธบิ ายความหมายของแหลง่ ทีอ่ ยู่ กลุ่มสิ่งมชี ีวติ และระบบนิเวศ 3. อธิบายบทบาทและความสาคัญของผผู้ ลติ ผ้บู รโิ ภค และผู้ยอ่ ยสลายสารอนิ ทรีย์ 4. มีพฤติกรรมการทางานกลุ่มท่ีดี
ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ชุดท่ี 2 เร่อื งความสมั พนั ธข์ องส่งิ มีชีวิตกบั ส่งิ แวดล้อม 4 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ ระบบนิเวศ ชุดท่ี 2 เรื่องความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตกบั สง่ิ แวดล้อม วิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน (ว23102) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 คาช้แี จง จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องทีส่ ุดเพียงขอ้ เดียว และใหน้ กั เรียนทาเครอื่ งหมาย กากบาท ( X ) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ข้อใดจดั เป็นสัตว์กนิ พืชท้ังหมด ก. นกกระจอก กวาง ชา้ ง ข. หอยทาก กระต่าย ไก่ ค. กระต่าย กวาง ช้าง ง. กบ เต่านา ก้ิงกือ 2. กลุ่มสงิ่ มชี วี ติ คือข้อใด ก. ผูผ้ ลิต ข. ผบู้ รโิ ภค ค. ผสู้ ลายสารอนิ ทรีย์ ง. ถกู ทุกข้อ 3. ในบริเวณท่มี สี ิง่ มีชีวิตอาศยั อยรู่ ว่ มกนั หลายๆ ชนิด และมีความสัมพันธก์ นั เรียกว่าอยา่ งไร ก. ระบบนเิ วศ ข. แหล่งที่อยู่ ค. กลมุ่ ส่ิงมชี ีวติ ง. ประชากร 4. สิ่งมีชวี ติ ใดถอื วา่ เป็นสง่ิ มีชีวิตอันดบั สุดท้ายที่ไดร้ ับการถา่ ยทอดพลังงาน ก. ผ้ผู ลิต ข. ผ้บู รโิ ภคพชื ค. ผู้บริโภคสัตว์ ง. ผ้ยู ่อยสลาย
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ที่ 2 เรือ่ งความสัมพันธข์ องสงิ่ มชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม 5 5. ขอ้ ใดมที ง้ั ผูผ้ ลติ ผูบ้ รโิ ภค ผยู้ อ่ ยสลาย ก. มอส ไรแดง ตะไครน่ า้ ข. เหด็ ปลวก เทานา้ ค. สาหร่าย เทานา้ แพงพวย ง. กง้ิ กือ ไสเ้ ดือน จอก 6. สิง่ มชี วี ิตกลุ่มใดสามารถเปล่ียน อนินทรยี ์สารให้เปน็ อนิ ทรีย์สาร ก. สัตว์กนิ พืช ข. สตั วก์ นิ เนือ้ ค. ผยู้ ่อยสลาย ง. พชื สเี ขียว 7. ปจั จัยทางกายภาพของบ่อนา้ ข้างบา้ นซ่ึงเป็นระบบนเิ วศน้าจดื คอื ข้อใด ก. น้า แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ ข. แก๊ส CO2 สาหรา่ ย น้า ค. สาหรา่ ย ปลา หอย ง. ลูกน้า สาหร่าย ปลา 8. ในการสร้างอาหารของกลุ่มผู้ผลติ ในระบบนเิ วศจะมีการเปลย่ี นพลังงานแสงเป็นพลงั งานใด ก. พลังงานศักย์ ข. พลังงานเคมี ค. พลังงานจลน์ ง. พลงั งานกล 9. การอพยพของนกปากหา่ งจากตอนเหนือของทวปี เอเชียลงมาทางตอนใต้มีสาเหตจุ ากข้อใด ก. อุณหภูมิ ข. แสง ค. นา้ ง. แก๊ส 10. ปจั จัยทางกายภาพในข้อใดมีผลต่อระบบสบื พนั ธข์ องสัตว์เลอื ดอนุ่ ในการผลติ ฮอรโ์ มนเพศในการ สืบพันธม์ ากทส่ี ุด ก. อุณหภูมิ ข. แสง ค. นา้ ง. แกส๊
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ที่ 2 เรื่องความสมั พนั ธข์ องส่ิงมีชวี ติ กับส่งิ แวดลอ้ ม 6 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน ชือ่ -สกลุ ...................................................................................................... ช้นั ................................เลขที่..................................... ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 16 27 38 49 5 10 รวมคะแนนก่อนเรียน .................................
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ชุดท่ี 2 เร่อื งความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ิตกบั สงิ่ แวดลอ้ ม 7 กรอบความรู้ เรื่อง ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชีวิตกบั สิ่งแวดล้อม กับสง่ิ แวดลอ้ ม แหลง่ ท่ีอยู่ (Habitat) หมายถงึ สถานทีห่ รือบริเวณที่กลุม่ สิง่ มชี วี ติ อาศัยอยู่ เช่น ในสระน้า มี กงุ้ หอย ปู ปลา ตน้ บัวและสาหาร่าย อาศัยอยูร่ วมกนั ซึง่ แหล่งท่ีอยู่ คือ สระน้า กลุ่มสิ่งมชี ีวิต (Community) หมายถงึ สงิ่ มีชวี ติ ตง้ั แตส่ องชนิดขน้ึ ไปอาศัยอยรู่ ่วมกนั ใน บริเวณใดบริเวณหนง่ึ แบ่งออกเป็น 3 กลมุ่ ใหญ่ๆ คือ 1. ผผู้ ลิต (Producer หรือ Autotrophs) หมายถึง ส่ิงมชี ีวิตทสี่ ามารถสรา้ งอาหารได้ เอง โดยการนาพลังงานแสงมาเปลยี่ นสารอนินทรยี ์ใหเ้ ป็นสารอนิ ทรีย์ เชน่ พชื สเี ขยี ว สาหรา่ ยทม่ี ี คลอโรฟิลล์แบคทเี รียที่มีคลอโรฟิลล์ แพลงกต์ อนพชื ชนิดต่างๆ รวมทง้ั แบคทีเรียที่สามารถสร้าง สารอนิ ทรยี โ์ ดยกระบวนการสังเคราะหเ์ คมี หรือ กระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง ผู้ผลติ สามารถ เปลยี่ นพลังงานแสงใหเ้ ปน็ พลังงานศักย์ในรูปของพลงั งานเคมีในโมเลกุลอาหาร ภาพท่ี 1 ผผู้ ลิตในระบบนเิ วศ ที่มา : http : //human.tru.ac.th/elerning/Human/20Being/human detail.2_2html.
ชุดกจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ที่ 2 เรือ่ งความสมั พนั ธข์ องสิง่ มีชีวิตกบั สงิ่ แวดล้อม 8 2. ผู้บรโิ ภค (Consumer ) หมายถึง ส่ิงมชี วี ติ ทไ่ี มส่ ามารถสร้างอาหารได้เอง ตอ้ งบริโภค ผู้ผลติ หรอื ผู้บรโิ ภคดว้ ยกนั จาแนกเป็น 4 พวก ตามประเภทอาหารที่บรโิ ภค ไดแ้ ก่ 2.1 ผบู้ รโิ ภคพืช (Herbivore) หมายถงึ สิ่งมีชวี ิตท่กี ินพืชเปน็ อาหาร จัดเปน็ ผบู้ ริโภคอนั ดับท่ี 1 เพราะได้รับการถ่ายทอดพลังงานจากพืชโดยตรง เช่น แมลง หอยทาก กวาง กระต่าย ควาย วัว เปน็ ตน้ ภาพท่ี 2 ผ้บู รโิ ภคพืช ท่มี า : http : //www.pixabay.com/th/photos. 2.2 ผ้บู ริโภคเนื้อสัตว์ (Carnivore) หมายถึง สิ่งมีชีวิตทก่ี นิ สตั ว์อืน่ เป็นอาหาร หลัก เช่น สิงโต เสอื สนุ ขั จง้ิ จอก จระเข้ แมวน้า นกเพนกวิน เป็นตน้ ภาพที่ 3 ผู้บริโภคสตั ว์ ทมี่ า : http : //www.th.wikipeaia.org/wiki.
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวติ กับส่ิงแวดล้อม 9 2.3 ผบู้ รโิ ภคทั้งพชื และสตั ว์ (Omnivore) หมายถงึ สง่ิ มชี วี ิตท่กี นิ ได้ทั้งพืช และสตั วเ์ ปน็ อาหาร เช่น สกุ ร สุนขั เปด็ ไก่ หมี หนู เป็นต้น ภาพที่ 4 ผบู้ ริโภคทงั้ พชื และสัตว์ ทมี่ า : http : //anima1357.wordpress.com. 2.4 ผ้บู รโิ ภคซากอนิ ทรยี ์ (Detritivore) หมายถึง ส่ิงมีชวี ติ ที่ กนิ ซากพืชซากสัตว์ เป็นอาหารทาให้ซากอนิ ทรยี เ์ ป็นชิ้นเล็กชิ้นนอ้ ย เชน่ ไสเ้ ดือนดิน แรง้ ปลวก กง้ิ กือ หอย ด้วงดา และจุลนิ ทรีย์ ผู้บรโิ ภคเหลา่ น้ีมสี ว่ นรว่ มในการสลายตัวและช่วยในวัฏจกั รของสาร ภาพท่ี 5 ผู้บริโภคซากอินทรยี ์ ทีม่ า : http : //www. pixabay.com/th/photos.
ชุดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน ชดุ ที่ 2 เร่อื งความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชีวิตกบั สิง่ แวดล้อม 10 3. ผ้ยู ่อยสลายอินทรยี สาร (Decomposer หรือ Transformer) หมายถึง ส่งิ มีชีวิตที่ แปรสภาพอาหารจากสารประกอบอนิ ทรยี ์ใหเ้ ป็นสารประกอบอนนิ ทรีย์โดยจุลนิ ทรยี ์ประเภทตา่ ง ๆ ท่ี ไม่สามารถสร้างอาหารไดเ้ องเช่น เหด็ แบคทีเรีย รา ซึ่งดารงชวี ิตอยู่ได้ ด้วยการปล่อยเอนไซม์ ออกมาย่อยซากพืชซากสตั ว์ แลว้ ดูดซมึ เขา้ ไปให้พลังงานภายในเซลล์ ผู้ยอ่ ยอินทรยี ส์ ารเหล่านีม้ ี บทบาทสาคัญมากในระบบนเิ วศ ถอื ว่าเปน็ ส่ิงมีชวี ิตอนั ดับสุดท้ายท่ไี ดร้ ับการถ่ายทอดพลังงาน ภาพท่ี 6 ผ้ยู ่อยสลายอนิ ทรยี ์สาร ท่มี า : http : //th.wikipedia.org/wiki. ความสัมพนั ธ์ของส่ิงมชี วี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ ส่ิงมีชวี ติ ทอี่ าศัยอยใู่ นระบบนิเวศหนง่ึ ๆ ยอ่ มมีความสมั พนั ธ์ซึง่ กันและกนั ระหว่างสิง่ มีชวี ติ กับ สงิ่ แวดล้อม และระหวา่ งส่ิงมีชีวิตกบั ปจั จัยทางกายภาพ เชน่ อุณหภูมิ แสงสวา่ ง ความช้นื และ อากาศ เป็นต้น อุณหภมู ิ มีความสาคัญต่อการดารงชีวิตของสิง่ มชี ีวิต โดยเปน็ ปจั จยั ในการควบคุมการ เจรญิ เติบโต การสบื พันธุ์และการแพร่กระจายของสงิ่ มชี ีวิต อุณหภูมิยังมผี ลทาใหส้ ่งิ มีชีวิตมกี าร ปรับตวั ทางด้านโครงสรา้ ง เช่น การปรบั ตวั ของหมขี ้วั โลกมีขนยาวปกคลมุ มีช้ันไขมนั ใต้ผวิ หนัง หนา และการปรับตวั ดา้ นพฤติกรรม เช่น การอพยพของนกปากห่างจากสภาพอุณหภูมิตา่ ในทางตอน เหนอื ของทวปี เอเชยี ลงมาอยู่ทางตอนใตข้ องทวปี เอเชียเป็นการชั่วคราว
ชุดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสมั พันธข์ องสิง่ มีชวี ิตกบั สิง่ แวดล้อม 11 แสง มีความสาคัญต่อส่ิงมีชีวติ อยา่ งย่งิ พชื ท่ีเจริญในระดับความลึกต่างกนั ในทะเล แสงมี ผลต่อการสร้างอาหารของพืช มผี ลตอ่ การสบื พนั ธ์ขุ องพชื และสตั วบ์ างชนดิ เช่น สตั วเ์ ลย้ี งลกู ด้วยน้านม และนกในเขตอบอนุ่ และเขตหนาว ระบบสืบพนั ธุ์ของสตั วพ์ วกน้ีจะขน้ึ อยู่กับช่วงเวลาที่ไดร้ ับแสงใน แต่ละฤดู โดยฤดูใบไมร้ ่วงปริมาณแสงท่ีมตี ่อวันลดลง ทาใหส้ ัตวเ์ ลอื ดอนุ่ มีการผลิตฮอรโ์ มนเพศที่ เกี่ยวข้องกบั การสืบพันธุ์เพิ่มข้ึน สตั ว์เลอื ดอนุ่ จะเร่มิ มกี ารผสมพันธใุ์ นฤดูใบไม้ร่วง และออกลกู ในช่วง ฤดใู บไม้ผลิเม่ืออุณหภูมิอ่นุ ข้ึนและอาหารอดุ มสมบูรณ์ นอกจากนแี้ สงยงั มีผลตอ่ การเกิดพฤติกรรม ต่างๆ เชน่ การหุบและบานของดอกไม้ การออกหากินของสตั ว์ เป็นต้น น้า หรอื ความช้ืน มคี วามสาคญั ต่อระบบนเิ วศ เนื่องจากจากน้าเปน็ ปจั จยั ท่เี ปน็ ตัวกาหนด สภาพแวดลอ้ ม ความอุดมสมบูรณ์ ลกั ษณะ และชนดิ ของระบบนเิ วศนั้นๆ ความชื้นยงั มี ผลตอ่ การปรบั ตวั ของสงิ่ มีชวี ิต นา้ จงึ เปน็ ปจั จัยท่ีมีอิทธิพลตอ่ การดารงชวี ติ ของสิ่งมีชีวิต เช่น เปน็ วัตถุดบิ ในกระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช เปน็ ตวั ละลายแรธ่ าตทุ ีม่ ีในดินและซึมสพู่ ื้นดินเพือ่ ให้ พืชนาไปใช้ได้ มีผลต่อการงอกของเมล็ด และเป็นสว่ นประกอบในเซลล์ร่างกายของส่งิ มีชีวติ แก๊ส ที่สาคัญสาหรับสิ่งมชี ีวิต คือ ออกซเิ จน คาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจน โดยเฉพาะแกส๊ ออกซเิ จนมีความสาคญั ในการดารงชวี ติ ของสิง่ มีชวี ิตเกอื บทุกชนิด สิง่ มีชวี ิตที่อยบู่ นบก จะไดร้ บั แกส๊ ออกซิเจนอยา่ งพอเพียง แตส่ ิง่ มีชีวิตทอ่ี ยู่ในน้าแก๊สออกซเิ จนจะเปน็ ปัจจัยจากดั ในการ ดารงชีพทส่ี าคัญ พืชตอ้ งการออกซิเจนสาหรบั หายใจ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สาหรบั การ สังเคราะห์ดว้ ยแสง พชื หายใจตลอดเวลา ทัง้ กลางวนั และกลางคนื แต่พชื จะสรา้ งอาหารด้วย กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเฉพาะเวลากลางวัน เพราะต้องการใช้แสงจากดวงอาทิตย์ ดิน เป็นทอ่ี ยูอ่ าศัยและให้แร่ธาตุแกพ่ ชื และสตั วอ์ งคป์ ระกอบสาคัญของดนิ คือ แรธ่ าตุใน ดิน อากาศ ความชืน้ และปริมาณสารอนิ ทรยี ใ์ นดิน ดังนั้นลักษณะของดนิ จึงมอี ทิ ธิพลต่อพืชและสัตว์ มาก สตั ว์ได้รบั ธาตุจากการบริโภคพชื หรอื บริโภคแรธ่ าตจุ ากดนิ โดยตรง เช่น สตั วป์ า่ ได้รับแรธ่ าตจุ าก การกนิ ดนิ โป่ง เป็นต้น ความเปน็ กรด-เบส ของดินและนา้ หรอื เรียกว่าค่า pH เปน็ ปจั จัยทเ่ี กดิ จากปฏสิ ัมพันธ์ ของส่ิงมีชวี ติ กับที่อยู่อาศัยแต่ละแหง่ ตัวอยา่ ง เชน่ การยอ่ ยสลายสารอินทรียข์ องแบคทเี รียและรา ทา ให้บรเิ วณนนั้ มีสภาพของความเปน็ กรดสงู หรือการขบั ถ่ายของเสียของส่งิ มชี วี ติ บางชนดิ เชน่ การ ขบั ถ่ายของสัตว์ปีกซึง่ มีกรดยูรกิ ลงในดินและน้าในบรเิ วณน้ันเปน็ เวลานาน ทาให้บริเวณน้ันมี สภาพ pH คอ่ นข้างตา่ และเป็นกรด เปน็ ต้น
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสมั พันธ์ของสิง่ มชี ีวิตกบั สง่ิ แวดล้อม 12 บัตรกจิ กรรมท่ี 2.1 เรื่อง สารวจสิ่งแวดล้อมในท้องถน่ิ 00000000000000000000000000000000000000000 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สารวจระบบนเิ วศในท้องถ่ินและอธบิ ายความสัมพันธข์ ององค์ประกอบทมี่ ีชวี ิตกับ องคป์ ระกอบท่ีไม่มีชีวติ ในระบบนเิ วศ 2. อธบิ ายความหมายของแหลง่ ทอ่ี ยู่ กลุ่มสิ่งมีชีวิต และระบบนิเวศ คาชี้แจง 1. ให้นักเรียนสารวจระบบนิเวศบนบก เชน่ บริเวณใตร้ ม่ ไม้ สนามหญา้ สวนหย่อม สวน พฤกษศาสตร์ เปน็ ต้น 2. ให้นักเรียนสารวจระบบนเิ วศแหล่งน้า เชน่ บริเวณสระนา้ คลอง หนอง บงึ เป็นตน้ 3. ควรระมดั ระวังในการศกึ ษาบริเวณแหล่งนา้ ใหม้ าก และระวังสตั วท์ เ่ี ปน็ อันตราย 4. การระบุจานวนส่ิงมชี ีวติ ที่มีไม่มากสามารถนับได้ แนะนาใหน้ บั ทลี ะตัว 5. ถ้าส่ิงมชี วี ิตมจี านวนมากไม่สามารถนับได้ ใหต้ ้งั เกณฑ์ระบุจานวนโดยประมาณ เช่น จานวนมาก ปานกลาง นอ้ ย เป็นต้น 6. ในกรณีทสี่ ารวจพบสง่ิ ทไี่ ม่ทราบชื่อ ใหน้ ักเรียนวาดรูป บนั ทึกลักษณะที่สาคัญ แลว้ ศึกษาเพม่ิ เติมภายหลังจากคมู่ ือสิง่ มีชีวิตในระบบนิเวศ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ชุดที่ 2 เรื่องความสมั พนั ธข์ องส่ิงมชี วี ิตกับสง่ิ แวดลอ้ ม 13 สารวจระบบนิเวศบนบก บรเิ วณที่สารวจ คอื ................................................................................................. สภาพทัว่ ไปมีลกั ษณะ ดงั นี.้ .................................................................................... องคป์ ระกอบทไ่ี ม่มีชีวิต ไดแ้ ก.่ ............................................................................. ตารางบนั ทกึ ผลการสารวจองค์ประกอบทีม่ ชี วี ิตในระบบนเิ วศบนบก สิง่ มีชีวิตท่ีพบ ลกั ษณะสาคญั จานวน แหลง่ ท่พี บ พฤติกรรมทส่ี ังเกต/ การกนิ อาหาร
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชุดที่ 2 เรอ่ื งความสัมพันธข์ องสิ่งมชี วี ติ กับส่งิ แวดลอ้ ม 14 สารวจระบบนิเวศแหล่งนา้ บริเวณที่สารวจ คอื ................................................................................................. สภาพทว่ั ไปมีลักษณะ ดงั น้ี..................................................................................... องคป์ ระกอบทไี่ ม่มีชวี ติ ได้แก.่ ............................................................................. ตารางบันทกึ ผลการสารวจองค์ประกอบทม่ี ชี วี ิตในระบบนิเวศแหลง่ น้า สง่ิ มีชวี ติ ท่ีพบ ลกั ษณะสาคญั จานวน แหลง่ ทพี่ บ พฤติกรรมท่ีสังเกต/ การกนิ อาหาร
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ชดุ ท่ี 2 เร่ืองความสมั พนั ธ์ของส่ิงมชี ีวติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม 15 ขอ้ ละ 1 คะแนน คาถามท้ายกจิ กรรมท่ี 2.1 1. สภาพแวดล้อมของบรเิ วณที่สารวจสัมพันธ์กบั การดารงชวี ติ ของสงิ่ มีชวี ติ หรือไม่ อยา่ งไร ตอบ.......................................................................................................................... ....... 2. ปัจจยั ทท่ี าใหส้ ิง่ มชี วี ิตดารงชีวิตอยใู่ นบริเวณท่ีสารวจได้ คือ ตอบ.......................................................................................................................... ....... 3. ชนดิ และปริมาณของส่ิงมชี ีวติ ท่พี บในแตล่ ะบริเวณทีส่ ารวจเหมือนหรอื ต่างกนั อยา่ งไร ตอบ.......................................................................................................................... ....... 4. บรเิ วณที่สารวจพบสง่ิ มีชีวติ ท่ีมคี วามสมั พนั ธก์ ัน อย่างไร ตอบ................................................................................................................................... 5. ส่ิงมีชวี ิตทพ่ี บในบริเวณท่ีสารวจมคี วามสัมพันธก์ บั องค์ประกอบท่ีไม่มีชวี ติ ในบริเวณนั้น อยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................... สรุปผลการทากิจกรรม ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ท่ี 2 เร่ืองความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มีชีวิตกบั สิ่งแวดล้อม 16 บัตรกิจกรรมที่ 2.2 เรอ่ื ง สารวจผูบ้ รโิ ภค 00000000000000000000000000000000000000000 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายบทบาทและความสาคัญของผ้ผู ลิต ผบู้ ริโภค และผ้ยู ่อยสลาย คาชีแ้ จง 1. ให้นักเรียนเลอื กชนดิ สตั ว์มาจากข้อมลู ที่สารวจได้ ในกิจกรรมที่ 2.1 2. วิเคราะหส์ ัตวแ์ ตล่ ะชนิดว่ากนิ อะไรเปน็ อาหาร และจาแนกว่าอาหารสตั วแ์ ตล่ ะชนิดมา จากพชื หรอื สัตว์ บนั ทกึ ลงในตารางกจิ กรรมท่ี 2.2 3. จดั กลุม่ สตั วห์ รือชนิดผบู้ รโิ ภคตามชนดิ ของอาหารที่สตั ว์กนิ 4. ถ้าสัตวช์ นิดหน่งึ กินอาหารหลายอย่าง ใหร้ ะบุในตารางดว้ ย 5. ในกรณีที่ไม่ทราบวา่ สัตว์ชนดิ น้นั กินอะไรเปน็ อาหาร ใหค้ น้ ควา้ เพิม่ เติมจากแหล่งเรียนรู้ หรือสอบถามจากผูร้ ู้
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตร์พ้นื ฐาน ชดุ ท่ี 2 เร่อื งความสมั พนั ธ์ของสิง่ มชี วี ติ กับสิง่ แวดล้อม 17 กิจกรรมที่ 2.2 เรอ่ื ง สารวจผู้บรโิ ภค ตารางบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม ช่ือสัตว์ อาหารทสี่ ัตว์กนิ ทม่ี าของอาหารสัตว์ ชนิดของผู้บริโภค พืช สัตว์
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ชุดที่ 2 เรื่องความสัมพนั ธข์ องสิ่งมีชวี ติ กบั สิง่ แวดลอ้ ม 18 คาถามทา้ ยกจิ กรรมที่ 2.2 1. อาหารท่ีสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ กินแตกต่างกันอยา่ งไร ตอบ.......................................................................................................................... ....... 2. นักเรียนจะจาแนกสตั วต์ ามชนิดของอาหารที่สัตว์กนิ ออกไดเ้ ป็นก่ีกลุ่ม ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ตอบ................................................................................................................................ . 3. สตั วท์ ่กี ินส่ิงมีชีวิตอืน่ เปน็ อาหารเรียกว่าอยา่ งไร ตอบ................................................................................................................................. 4. เกณฑ์ทีน่ ักเรียนใช้ในการจาแนกสัตว์หรือผบู้ ริโภค คืออะไร ตอบ.......................................................................................................................... ........... 5. นักเรียนจะจาแนกผู้บรโิ ภคได้เปน็ กี่กลมุ่ อะไรบ้าง ตอบ.......................................................................................................................... ........ สรปุ ผลการทากิจกรรม ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………
ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ชดุ ท่ี 2 เร่อื งความสมั พันธ์ของสิ่งมีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม 19 แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ ระบบนเิ วศ ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสัมพันธข์ องส่ิงมชี ีวติ กบั สิง่ แวดล้อม วชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน (ว23102) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 คาชีแ้ จง จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดียว และใหน้ กั เรยี นทาเครอื่ งหมาย กากบาท ( X ) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ข้อใดมีท้งั ผ้ผู ลิต ผู้บรโิ ภค ผยู้ ่อยสลาย ก. มอส ไรแดง ตะไคร่น้า ข. สาหรา่ ย เทาน้า แพงพวย ค. ก้งิ กือ ไส้เดอื น จอก ง. เหด็ ปลวก เทาน้า 2. ขอ้ ใดจัดเปน็ สตั วก์ ินพชื ท้ังหมด ก. นกกระจอก กวาง ชา้ ง ข. หอยทาก กระตา่ ย ไก่ ค. กระต่าย กวาง ช้าง ง. กบ เตา่ นา ก้ิงกือ 3. กลุ่มสิง่ มีชีวิต คอื ข้อใด ก. ผผู้ ลิต ข. ผ้บู ริโภค ค. ผสู้ ลายสารอนิ ทรยี ์ ง. ถูกทุกข้อ 4. สง่ิ มีชวี ิตกล่มุ ใดสามารถเปลีย่ น อนนิ ทรยี ส์ ารใหเ้ ป็น อินทรียส์ าร ก. สตั วก์ นิ พืช ข. สตั วก์ นิ เนอื้ ค. พืชสีเขยี ว ง. ผยู้ อ่ ยสลาย
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ชดุ ที่ 2 เรื่องความสมั พนั ธ์ของสงิ่ มีชีวติ กบั สิง่ แวดลอ้ ม 20 5. ในการสร้างอาหารของกลุ่มผู้ผลิตในระบบนเิ วศจะมีการเปล่ียนพลังงานแสงเปน็ พลังงานใด ก. พลังงานเคมี ข. พลังงานศักย์ ค. พลังงานจลน์ ง. พลงั งานกล 6. ปัจจยั ทางกายภาพในข้อใดมีผลต่อระบบสบื พนั ธ์ของสัตวเ์ ลอื ดอุ่นในการผลิตฮอรโ์ มนเพศในการ สบื พันธ์มากท่สี ดุ ก. อุณหภูมิ ข. แสง ค. นา้ ง. แกส๊ 7. ขอ้ ใดทีไ่ มไ่ ด้กล่าวถงึ กลุ่มสิ่งมีชีวติ ก. ปลา ปู หอย กุ้ง ในลาธารทม่ี ีน้าจดื ข. มด หอยทาก เหด็ รา บนขอนไมล้ อยน้า ค. ปลากราย 200 ตัวในเลีย้ งปลาริมทางเดิน ง. มด ปลวก หนู คา้ งคาว ทอ่ี าศยั ในนาขา้ ว 8. ปจั จัยทางกายภาพของบ่อนา้ ข้างบ้านซึง่ เปน็ ระบบนเิ วศน้าจดื คอื ข้อใด ก. นา้ แสงสวา่ ง อณุ หภูมิ จ. แกส๊ CO2 สาหรา่ ย น้า ฉ. สาหรา่ ย ปลา หอย ช. ลูกน้า สาหร่าย ปลา 9. ในบรเิ วณที่มสี ่งิ มชี วี ติ อาศยั อย่รู ว่ มกนั หลายๆ ชนดิ และมคี วามสัมพนั ธก์ นั เรยี กว่าอย่างไร ก. ระบบนเิ วศ ข. แหล่งท่ีอยู่ ค. กล่มุ สง่ิ มีชวี ติ ง. ประชากร 10. ส่ิงมีชวี ิตใดถอื วา่ เปน็ สิง่ มีชีวติ อันดับสดุ ท้ายที่ไดร้ ับการถา่ ยทอดพลงั งาน ก. ผผู้ ลิต ข. ผูบ้ ริโภคพืช ค. ผู้บรโิ ภคสัตว์ ง. ผยู้ อ่ ยสลาย
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ชุดท่ี 2 เรื่องความสมั พนั ธ์ของสงิ่ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม 21 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น ช่อื -สกุล...................................................................................................... ชั้น................................เลขท่ี..................................... ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 16 27 38 49 5 10 รวมคะแนนหลงั เรียน .................................
ชดุ กิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ชุดท่ี 2 เร่อื งความสมั พันธ์ของสงิ่ มีชีวิตกบั ส่งิ แวดลอ้ ม 22 บรรณานุกรม ประดบั นาคแกว้ และดาวลั ย์ เสรมิ บุญสขุ . หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3. กรุงเทพฯ : แมค็ , 2551 ยุพา วรยศ และคณะ. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เลม่ 2. กรุงเทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์, มปป. ศรลี กั ษณ์ ผลวัฒนะ และคณะ. สอ่ื การเรยี นร้แู ละเสรมิ สร้างทกั ษะตามมาตรฐานและตัวช้วี ดั ชน้ั ปี วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3. กรงุ เทพฯ : นิยมวทิ ยา, 2555 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เล่ม 2. พิมพค์ รงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว, 2555. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสิ่งมีชวี ิตกับสิ่งแวดล้อม (ออนไลน)์ . เข้าถึงจาก : http: //www. thaigoodview.com/library/contest2551/science03/26/2/ecology/content/food (สบื ค้น 10 มถิ ุนายน 2558.) ภาพระบบนิเวศ (ออนไลน)์ . เขา้ ถึงจาก : http: //www. Vcharkarn.com/lesson/1305. (สบื คน้ 10 มถิ นุ ายน 2558). ภาพส่งิ มชี วี ิตในระบบนเิ วศ (ออนไลน)์ . เข้าถึงจาก : http: //www.ecosystem.ob.tc . (สบื คน้ 10 มถิ นุ ายน 2558) ภาพผู้บริโภคทัง้ พืชทง้ั สัตว์ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ จาก : https://anima1357.wordpress.com. (สืบค้น 10 มถิ ุนายน 2558) ภาพผบู้ รโิ ภคสตั ว์ (ออนไลน์). เข้าถึงจาก : https ://pixabay.com/th/photos. (สืบค้น 10 มถิ ุนายน 2558)
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ชุดท่ี 2 เรื่องความสัมพันธ์ของสิง่ มีชีวติ กับส่งิ แวดล้อม 23 ภาคผนวก
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน ชดุ ที่ 2 เรือ่ งความสมั พนั ธข์ องสิง่ มชี ีวิตกับสงิ่ แวดลอ้ ม 24 เฉลย แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรรู้ ะบบนเิ วศ ชดุ ท่ี 2 เรอื่ ง ความสัมพันธ์ของสิง่ มีชีวติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม ข้อ คาตอบ 1ค 2ง 3ค 4ง 5ข 6ง 7ก 8ข 9ก 10 ข ไดก้ ่ีคะแนนกนั คะ
ชุดกจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน ชุดที่ 2 เร่ืองความสัมพนั ธข์ องสิง่ มีชวี ิตกับสิง่ แวดล้อม 25 แนวคาตอบ เรอ่ื งสารวจส่งิ แวดล้อมระบบนิเวศบนบก (เฉลยนีเ้ ปน็ เพยี งตัวอยา่ งท่านัน้ ) - บรเิ วณทส่ี ารวจ คอื สวนหย่อมหน้าอาคาร - สภาพท่วั ไปมีลกั ษณะดังน้.ี ..เนื้อดนิ บรเิ วณน้นั มีลักษณะสีดาละเอยี ด มีต้นไม้ หลายชนดิ พน้ื ดนิ มีตน้ หญ้าข้ึนเต็มบรเิ วณ มนี กทารงั บนต้นไม้ - องคป์ ระกอบท่ไี มม่ ีชวี ติ ไดแ้ ก่....แสงสวา่ ง อากาศ ดนิ ตารางบนั ทกึ ผลการสารวจองค์ประกอบท่ีมีชีวติ ในระบบนเิ วศบนบก ส่ิงมีชวี ิต ลกั ษณะสาคัญ จานวน แหล่งท่พี บ พฤตกิ รรมที่ ที่พบ 2 ต้น สงั เกต/การกิน ต้นหกู วาง ไม้ยนื ต้นสูงประมาณ 5 เมตร 10 ต้น หน้าอาคาร 2 ตน้ ทานตะวัน ใบใหญร่ ูปไขด่ อกเลก็ สีขาวนวล 10 ต้น อาหาร ต้นกหุ ลาบ สงู ประมาณ 2 เมตร ขอบใบ หนา้ อาคาร 2 - หยัก มดี อกขนาดใหญ่สีเหลอื ง มาก หญ้า สูงประมาณ 50 ซ.ม. มีหนาม 20 ดอก หนา้ อาคาร 2 - เห็ด ตามกิง่ ดอกสีชมพู เป็นกลบี มดดา ซ้อนเป็นชั้น กล่ินหอมอ่อนๆ มาก พบทว่ั ไปบริเวณ - ผเี สื้อ ใบเรียวยาวประมาณ 10 ซ.ม. มี 10 ตัว ทีส่ ารวจ สีเขยี วขนึ้ ถๆี่ มองไมเ่ ห็นพื้นดิน - นกกระจอก หมวกเหด็ สขี าว ขาสขี าวสนั้ 5 ตัว ขัน้ บนขอนไม้ผุ ลาตัวยาวประมาณ 0.5 ซ.ม. บนตน้ ไม้และ - สดี า พ้ืนดินทสี่ ารวจ เดินตามกันเปน็ มปี กี กวา้ ง 2 คู่ ลาย เหลอื ง ดอกกหุ ลาบ แนวยาว น้าตาลดา และต้นกุหลาบ บางตวั เกาะท่ดี อก กหุ ลาบ บางตัวบนิ ตัวเลก็ ขนสนี ้าตาลอ่อนปนดา เกาะกิ่งตน้ หู วน กวาง กาลังจิกแมลง
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ชดุ ที่ 2 เรือ่ งความสัมพันธ์ของสิ่งมีชวี ติ กับสงิ่ แวดล้อม 26 แนวคาตอบ เรื่องสารวจสงิ่ แวดล้อมระบบนเิ วศแหล่งนา้ (เฉลยนเี้ ปน็ เพยี งตวั อย่างทา่ น้นั ) - บรเิ วณทสี่ ารวจ คือ..............สระน้าในสวนเศรษฐกิจพอเพียง - สภาพทวั่ ไปมลี ักษณะดังน้.ี ..เป็นสระนา้ สใี ส ไมม่ ีกลิน่ มีตน้ มะม่วงอยูร่ อบขอบสระ บรเิ วณ โดยรอบมกี ง่ิ ไม้ใบไม้กระจายอยพู่ ืน้ - องค์ประกอบท่ีไม่มชี ีวติ ไดแ้ ก่....แสงสว่าง อากาศ ดนิ หนิ ตารางบนั ทกึ ผลการสารวจองคป์ ระกอบที่มีชวี ติ ในระบบนเิ วศแหล่งน้า สง่ิ มีชวี ติ ลกั ษณะสาคญั จานวน แหลง่ ทพี่ บ พฤตกิ รรมที่สังเกต/ ท่ีพบ 30 ตน้ การกนิ อาหาร บัว ใบขนาดใหญ่แบนบาง ขอบใย มาก พบทวั่ ไปบรเิ วณ - หยกั ดอกสีแดง มาก ผวิ นา้ จอก ลาตน้ สน้ั ใบเป็นรูปพัด มขี นปก 10 ตัว - คลุมทวั่ ไป 7 ตวั พบท่ัวไปบรเิ วณ แหน ใบกลมสเี ขียว รากเป็นเส้นเล็กๆ 20 ตวั ผิวน้า - จานวนมาก รากสัน้ ลอยอยใู่ นน้า 3 ตัว พบทั่วไป ปลาเข็ม ลาตวั ยาวประมาณ 5 ซ.ม. ปาก บนผวิ น้า กนิ ลกู นา้ และสัตวน์ า้ เล็กเรียวยาว เล็กๆ หอยขม หอยฝาเดยี ว บดิ เป็นเกลียว พบบรเิ วณ เคลือ่ นไหวช้า เปลือกหนาสีเขียว ผิวนา้ กนิ ซากพชื เป็นอาหาร ปลาซวิ ลาตวั ยาวประมาณ 5 ซ.ม. ตวั ใส กนิ สตั ว์น้าเล็กๆ เปน็ มหี นวดยาว อยู่ขอบตล่ิง อาหาร ปลาซ่อน ลาตวั ยาวประมาณ 40 ซ.ม. กนิ สตั ว์นา้ เลก็ ๆ ลาตัวสนี ้าตาลอ่อน มีคลบี 2 ข้าง บรเิ วณผิวนา้ ลูกปลาเล็กๆ หัวโต ปากกว้าง บรเิ วณผวิ น้า ใกลใ้ บบัว
ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ชดุ ที่ 2 เรอื่ งความสมั พันธข์ องสิ่งมีชวี ติ กับสิง่ แวดล้อม 27 แนวคาตอบคาถามท้ายกิจกรรมท่ี 2.1 เร่อื ง สารวจสงิ่ แวดล้อมระบบนเิ วศบนบกและแหล่งนา้ 1. สภาพแวดลอ้ มของบริเวณท่ีสารวจสัมพันธ์กบั การดารงชีวติ ของสงิ่ มชี วี ิตหรอื ไม่อย่างไร แนวคาตอบ สิ่งมชี ีวิตบางชนดิ เช่น จอก แหน ปลา หอย ใช้หนองน้าเปน็ แหล่งทอี่ ยู่และ แหล่งอาหาร 2. ปจั จยั ทีท่ าใหส้ ่งิ มีชวี ติ ดารงชีวิตอยใู่ นบริเวณท่สี ารวจได้ คอื แนวคาตอบ ปรมิ าณแสงสวา่ ง อุณหภมู ิ ความเปน็ กรด - เบส แกส๊ ออกซิเจน ความชน้ื ที่ เหมาะสม ทาให้พืชและสตั ว์อาศยั อยู่ได้ 3. ชนิดและปริมาณของสิง่ มีชีวิตทีพ่ บในแต่ละบริเวณทสี่ ารวจเหมือนหรือต่างกนั อยา่ งไร แนวคาตอบ (ตอบตามข้อมลู จริงทสี่ ารวจได)้ เชน่ บรเิ วณสวนหยอ่ ม ก็ต่างจากบริเวณแหล่งน้า สง่ิ มชี วี ิตแม้จะเปน็ ชนดิ เดยี วกันกแ็ ตกต่างกนั ได้ เพราะชนดิ และปรมิ าณของส่ิงมีชีวติ ตอ้ ง เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมจึงจะดารงชวี ติ อยู่ได้ 4. บริเวณท่สี ารวจพบส่ิงมชี วี ติ ท่ีสมั พันธก์ นั อย่างไร แนวคาตอบ (ตอบตามข้อมูลจริงที่สารวจได้) เชน่ ต้นไม้อาศยั แมลงในการผสมเกสร หอย อาศยั แหลง่ น้าเปน็ แหล่งอาหารและแหล่งที่อยู่ นกทารังบนต้นไม้เป็นแหล่งท่ีอยู่ 5. สิ่งมชี ีวิตที่พบในบริเวณท่สี ารวจมคี วามสัมพนั ธก์ บั องค์ประกอบท่ีไม่มชี วี ิตในบรเิ วณนน้ั อย่างไร แนวคาตอบ องคป์ ระกอบที่ไม่มชี วี ติ เช่น แสงสวา่ ง, น้า , อุณหภูมิ , CO2 , O2 ธาตุอาหารในดนิ มีความสมั พนั ธก์ บั สง่ิ มชี วี ิต เช่น สิ่งมชี วี ติ ทุกชนิดใช้ O2 ในการหายใจ สรปุ ผลการทากจิ กรรม 1. สภาพแวดล้อมประกอบด้วยองค์ประกอบที่มีชีวิต และไมม่ ีชวี ิต ซึง่ แตล่ ะแหง่ จะแตกต่าง กนั และสภาพแวดล้อมนน้ั ๆ ก็เหมาะสมกับการดารงชีวิตของสง่ิ มชี วี ิตในบริเวณนน้ั 2. กลมุ่ ส่ิงมชี วี ติ มีความสัมพันธ์กันเองและมีความสัมพันธก์ บั สิ่งไมม่ ีชวี ติ ในสิ่งแวดล้อม 3. ชนดิ และจานวนสิ่งมีชีวติ แตกต่างกนั ไปตามสภาพแวดลอ้ มของแต่ละแห่ง พื้นท่ีบริเวณสารวจมคี วามสาคญั ต่อการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทอี่ าศัย เชน่ เปน็ แหลง่ อาหาร เป็นแหลง่ ทอี่ ยู่ และมนุษย์ใชเ้ ปน็ แหล่งประกอบอาชีพ
ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ชุดที่ 2 เร่ืองความสมั พนั ธ์ของสิง่ มีชีวติ กับส่งิ แวดลอ้ ม 28 แนวคาตอบกจิ กรรมที่ 2.2 เร่อื ง สารวจผู้บรโิ ภค (เฉลยน้ีเป็นเพียงตวั อยา่ งเทา่ น้ัน) ตารางบนั ทึกผลการทากจิ กรรม ช่อื สตั ว์ อาหารท่สี ัตว์กนิ ทีม่ าของอาหารสตั ว์ ชนดิ ของผ้บู ริโภค พชื สตั ว์ มดดา น้าหวาน เมล็ดพืช ผูบ้ ริโภคทงั้ พชื และสตั ว์ เนื้อสัตว์ ผู้บริโภคทั้งพชื และสตั ว์ ผีเส้อื ของเหลวจากดอกไม้ ผลไม้ มูลสตั ว์ ซากสตั ว์ ผบู้ ริโภคทั้งพืชและสตั ว์ - ผบู้ รโิ ภคพชื นกกระจอก แมลง เมลด็ พืช - ผู้บริโภคสัตว์ ตัวตอ่ นา้ หวานจากดอกไม้ ผ้บู ริโภคทั้งพชื และสัตว์ ปลาเขม็ ลกู น้า สัตวน์ า้ เลก็ ๆ หอยขม สตั ว์เล็กๆ แพลงกต์ อนพชื - ผ้บู ริโภคสตั ว์ - ผบู้ รโิ ภคสตั ว์ ตะไคร้นา้ พืชน้า ซากพืช ผู้บริโภคทั้งพชื และสตั ว์ ปลาซวิ สัตว์น้าเล็ก ๆ - ผู้บริโภคพชื ปลาชอ่ น สัตว์นา้ เลก็ กวา่ - ผยู้ ่อยสลายสารอินทรีย์ ไส้เดอื นดิน ซากพชื ซากสัตว์ ต๊กั แตน ใบไม้ ใบหญ้า เหด็ เน้อื ไม่ แนวคาตอบเปน็ เพียงตัวอย่าง บนั ทกึ ตามท่สี ารวจได้นะจะ๊
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ชุดที่ 2 เร่อื งความสัมพนั ธข์ องสิ่งมีชีวติ กับสงิ่ แวดลอ้ ม 29 แนวคาตอบคาถามทา้ ยกิจกรรมท่ี 2.2 เรื่อง สารวจผู้บริโภค 1. อาหารทสี่ ัตว์แต่ละชนิดกนิ แตกต่างกันอยา่ งไร แนวคาตอบ สตั ว์บางชนิดกนิ พืช บางชนิดกนิ สัตว์ บางชนิดกินทั้งพืชท้ังสตั ว์ และบางชนิดกนิ ซากพชื ซากสัตว์ 2. นักเรยี นจะจาแนกสัตว์ตามชนดิ ของอาหารท่ีสตั ว์กนิ ออกไดเ้ ป็นกีก่ ลมุ่ ได้แก่อะไรบ้าง แนวคาตอบ 4 กลมุ่ ได้แก่ 1) ผบู้ ริโภคพืช 2) ผบู้ รโิ ภคสัตว์ 3) ผูบ้ ริโภคทง้ั พชื และสตั ว์ 4) ผบู้ ริโภคซากพชื ซากสัตว์ 3. สัตว์ทกี่ นิ ส่ิงมีชวี ิตอื่นเปน็ อาหารเรยี กว่าอย่างไร แนวคาตอบ ผู้บริโภค 4. เกณฑ์ทน่ี ักเรยี นใชใ้ นการจาแนกสัตว์หรือผูบ้ ริโภค คืออะไร แนวคาตอบ ท่ีมาของอาหารท่ีสัตวก์ นิ 5. ผูบ้ ริโภคซากพชื ซากสัตว์ มปี ระโยชนต์ ่อระบบนิเวศอยา่ งไร แนวคาตอบ ทาให้จานวนซากส่งิ มชี วี ติ ในระบบนิเวศลดลง สตั ว์กินซากบางชนิดจะทาให้ซาก ส่ิงมชี ีวิตมีขนาดเลก็ ลง เพื่อให้ผ้ยู อ่ ยสลายสารอินทรียย์ ่อยสลายตอ่ ไป สรปุ ผลการทากิจกรรม ผู้บริโภค คอื สัตว์ทก่ี นิ สิง่ มีชวี ติ เปน็ อาหาร แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้บริโภคพชื ผบู้ รโิ ภคสตั ว์ ผบู้ รโิ ภคทั้งพืชและสัตว์ และผู้บริโภคซากพชื ซากสัตว์ ทั้งนขี้ น้ึ อยกู่ ับอาหารทสี่ ัตวแ์ ต่ละชนิดกนิ
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ชดุ ท่ี 2 เร่อื งความสัมพนั ธ์ของสงิ่ มีชีวิตกับสงิ่ แวดล้อม 30 เฉลย แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ระบบนิเวศ ชุดที่ 2 เร่อื ง ความสัมพันธ์ของสงิ่ มชี วี ติ กบั สิ่งแวดล้อม ข้อ คาตอบ 1ง 2ก 3ง 4ค 5ก 6ข 7ค 8ก 9ค 10 ง ไดก้ ่ีคะแนนกนั คะ
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ชดุ ท่ี 2 เรอ่ื งความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มีชวี ิตกบั สง่ิ แวดล้อม 31 แบบบันทกึ คะแนน ชอ่ื ..............................................................ชัน้ ........................เลขท่.ี ................. รายการประเมิน คะแนนเตม็ คะแนนทไี่ ด้ หมายเหตุ แบบทดสอบก่อนเรียน 10 ............... คะแนนบตั รกจิ กรรม ท่ี 2.1 10 ............... คะแนนบัตรกิจกรรม ท่ี 2.2 10 ............... คะแนนคาถามท้ายกิจกรรม 2.1 5 ............... คะแนนคาถามท้ายกิจกรรม 2.2 5 ................ คะแนนสรุปผลการทากิจกรรม 2.1 5 ............... คะแนนสรปุ ผลการทากจิ กรรม 2.2 5 ............... แบบทดสอบหลังเรยี น 10 ............... รวมคะแนนทัง้ หมด 50 ............... (ไมร่ วมคะแนนสอบก่อนเรียน)
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน ชดุ ที่ 2 เรื่องความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ิตกบั สิง่ แวดลอ้ ม 32 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอยกอ่ นเรียน และ แบบทดสอบหลังเรยี น แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ดังน้ี 1.1 ตอบถูก ได้ข้อละ 1 คะแนน 1.2 ตอบผดิ ได้ข้อละ 0 คะแนน 2. เกณฑ์การให้คะแนนบัตรกจิ กรรม 10 คะแนน 2.1 บันทกึ ผลการทากจิ กรรมในตารางถูกต้องครบถ้วน 5 คะแนน 2.2 บนั ทึกผลการทากจิ กรรมในตารางถูกต้องบางสว่ น 0 คะแนน 2.3 บันทึกผลในตารางไม่ถูกต้องหรือไม่บันทึก 3. เกณฑ์การให้คะแนนคาถามท้ายกิจกรรม 1 คะแนน 3.1 ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องชดั เจน ข้อละ 0 คะแนน 3.2 ตอบคาถามไม่ถกู ต้องหรือไม่ชดั เจน ข้อละ 4. เกณฑ์การให้คะแนนสรปุ ผลการทากจิ กรรม 5 คะแนน 4.1 สรปุ ผลการทากจิ กรรมถูกต้องชดั เจน 3 คะแนน 4.2 สรปุ ผลการทากิจกรรมถกู ต้องบางสว่ น 0 คะแนน 4.3 สรุปผลการทากจิ กรรมไม่ถูกต้องหรือไม่สรุป
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: