ป้ ายนิเทศ BULETTIN BOARD สารสนเทศและนวตั กรรมสาหรบั การสอนสงั คมศึกษา ESO0201
ก คานา หนงั สือเล่มน้ ีเป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชา สารสนเทศและนวตั กรรมสาหรบั การสอนสงั คมศึกษา ESO0201 โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอื่ ศึกษาเกีย่ วการจัดป้ าย นิเทศ ซึ่งหนังสือเล่มน้ ีมีเน้ ือหาเกี่ยวกับความหมาย ประเภท คุณค่า หลักการ องคป์ ระกอบ การวางแผน เทคนคิ ประโยชน์ ลกั ษณะ ตวั อย่างของการจดั ป้ ายนิเทศ รวมไปถงึ การจดั ป้ ายนเิ ทศทางสงั คมศึกษา ในการจัดทาหนังสือเล่มน้ ี ทางคณะ ผู้จัดทาขอขอบพระคุณ ดร.ทวัช บุญแสง ที่ได้ให้ คาปรึกษาในการจดั ทาหนงั สือเล่มน้ ี ทางคณะผูจ้ ดั ทาหวงั เป็ นอย่างยิง่ ว่าหนงั สือเล่มน้ จี ะเป็ นประโยชนต์ ่อผูท้ ีส่ นใจ ศึกษาเรือ่ งการจดั ป้ ายนเิ ทศ หากมสี ิง่ ใดในหนงั สือเล่มน้ ที ี่ จะตอ้ งปรบั ปรุง ทางคณะผูจ้ ัดทาขอนอ้ มรบั และจะนาไป ปรบั ปรุงแกไ้ ข พฒั นาใหถ้ ูกตอ้ งสมบูรณต์ ่อไป ฐาปนี รอดสวสั ด์ิ เกตนภิ า สมภกั ดี
ข สารบญั คานา ก สารบญั ข พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 หมวด 4 แนวทางการจดั การศึกษา 1 ความหมายของป้ ายนเิ ทศ 2 ประเภทของป้ ายนเิ ทศ 4 ลกั ษณะของป้ ายนเิ ทศ 5 การวางแผนในการจดั ป้ ายนเิ ทศ 6 ขอ้ พิจารณาในการจดั ป้ ายนเิ ทศ 7 การจดั ป้ ายนเิ ทศใหส้ อดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาและวัตถปุ ระสงค์ 8 หลกั การการจดั ป้ ายนเิ ทศ 12 เทคนคิ การจดั ป้ ายนเิ ทศ 17 ขน้ั ตอนในการจดั ป้ ายนเิ ทศ 25 ประโยชนข์ องป้ ายนเิ ทศ 26 คณุ คา่ ของป้ ายนเิ ทศ 27 ตวั อย่างการจดั ป้ ายนเิ ทศ 28 การจดั ป้ ายนเิ ทศสงั คมศึกษา 30 อา้ งอิง 32 ผจู้ ดั ทา 33
1 พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ข เพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา มาตรา 24 การจดั กระบวนการเรียนรู้ ใหส้ ถานศึกษาและหนว่ ยงานที่ เกยี่ วขอ้ งดาเนนิ การดงั ต่อไปน้ ี ขอ้ ที่ 5 ส่ ง เ ส ริ ม ส นับ ส นุ น ใ ห้ผู้ส อ น ส า ม า ร ถ จั ด บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สื่อการเรียน และอานวยความ สะดวกเพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรียนรูแ้ ละมีความรอบรู้ รวมท้งั สามารถใชก้ ารวิจัยเป็ นส่วนหนึง่ ของกระบวนการเรียนรู้ ท้งั น้ ี ผูส้ อนและผูเ้ รียนอาจเรียนรูไ้ ปพรอ้ มกนั จากสือ่ การเรียนการ สอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ
2 ความหมายของป้ ายนิเทศ ป้ ายนเิ ทศ (bulletin board) เป็ นสือ่ อย่างหนึง่ ที่มี การกล่าวถึงกนั มากท้งั ในวงการศึกษา วงการธุรกิจ วงการเมือง แต่อาจเรียกชื่อแตกต่างกนั บา้ ง ซินแคลร์ (Sinclair) กล่าวว่า ป้ ายนเิ ทศ หรือ Bulletin Board เป็ นคาศัพท์ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมีความหมาย เดียวกบั คาว่า Notice board ซึ่งมีความหมายว่าแผ่นกระดาน ปกติ ติดต้งั ไวก้ บั ฝาผนงั หรือสถานทีจ่ ดั แสดงดว้ ยป้ าย
3 ความหมายของป้ ายนเิ ทศ สรุป ป้ ายนิเทศเป็ นสื่อทศั นวสั ดุประเภทหนึง่ ที่มีลกั ษณะเฉพาะ คือ เป็ นแผ่นป้ ายที่ทาหนา้ ทีเ่ สนอเน้ ือหาเพือ่ ถ่ายทอดความรู้ และ ประสบการณใ์ หผ้ ูช้ มไดเ้ รียนรูต้ ามความเหมาะสม รูปแบบของ ป้ ายนเิ ทศอาจเป็ นป้ ายสาเร็จรูปทีม่ ีเน้ อื หาเขียนหรือพิมพต์ ิดอยู่กบั แผน่ ป้ ายโดยตรง สามารถนาไปจดั แสดงไดท้ นั ที่ หรืออาจเป็ นแผ่น ป้ ายว่างเปล่าเพื่อเป็ นพ้ ืนรองรบั การติดต้งั เน้ ือหาความรูจ้ ากสื่อ ทศั นวสั ดุอืน่ เช่น รูปภาพ แผนภูมิ เป็ นตน้
4 ประเภทของป้ ายนเิ ทศ ป้ ายนิเทศแบง่ ออกเป็ น 2 ประเภท 1. ป้ ายนเิ ทศแบบชวั่ คราว เป็ นป้ ายนเิ ทศทีท่ าแบบง่ายๆ สามารถเคลือ่ นยา้ ยได้ สะดวก อาจทาได้ 3 แบบ คือ - ใชไ้ มก้ ระดานอดั ตีติดกบั เสาทีเ่ ป็ นขาต้งั - ใชแ้ ผงก้นั หอ้ ง - ใชว้ สั ดุเหลอื ใชใ้ นทอ้ งถนิ่ บางอย่าง เช่น เสือ่ ลาแพน ไม้ ไผ่สาน เป็ นตน้ 2. ป้ ายนเิ ทศแบบถาวร เป็ นป้ ายนิเทศที่ติดต้งั อยู่กบั ที่โดยดดั แปลงใหเ้ หมาะสม กบั สภาพแวดลอ้ มทีอ่ ยู่โดยรอบ ยกตวั อย่าง เช่น - ติดบนผนงั ห้องบนกระดานอัดหรือกระดาน ชานออ้ ย - ชนิดเป็ นรูพรุนเรียกว่า “peg bord” สาหรบั แขวนป้ ายหรือติดต้งั วสั ดุ 3 มติ ิได้ - ใช้ผนังตึกหรือฝาบ้านซึ่งมีหลังคากัน แดด กนั ฝนได้
5 ลกั ษณะของป้ ายนเิ ทศทีด่ ี 1. ใชภ้ าพเป็ นทีน่ า่ สนใจเป็ นพเิ ศษ 2. จดั ใหม้ ภี าพใกลเ้ คียงความจริง 3. มคี วามต่อเนอื่ งกนั และมคี วามกลมกลนื กนั 4. สามารถสรา้ งความรูส้ กึ ใหผ้ ูด้ ูสนใจติดตามการ เคลอื่ นไหว 5. มีจุดสนใจหลกั เพียงจุดเดียว จุดอืน่ ๆ เป็ นจุดรอง 6. มีเรื่องราวครบบริบูรณแ์ ต่ไม่ควรจัดมากกว่า 1 เรือ่ ง
6 การวางแผนในการจดั ป้ ายนิเทศ 1. ต้งั วตั ถุประสงคใ์ หช้ ดั เจนว่า เรือ่ งอะไร ใครดู ทีไ่ หน เมอื่ ใด 2. กาหนดเน้ ือหาว่า ควรมีความยากง่ายเพียงใด จะมีรูปภาพ อะไรบา้ ง 3. ออกแบบใชห้ ลกั การความสวยงาม และสือ่ ความหมายดี 4. รวบรวมขอ้ มูลรวมท้งั วสั ดุอปุ กรณต์ ามทีไ่ ดอ้ อกแบบไว้ 5. ดาเนนิ การจดั องคป์ ระกอบตามแบบทีร่ ่างไว้ และตกแต่งใหส้ วยงาม 6. ประเมินผล ดว้ ยการสงั เกต การใชแ้ บบสอบถามและการร่วม กจิ กรรมทีก่ าหนดข้ ึน
7 ขอ้ พิจารณาในการจดั ป้ ายนิเทศ จดั เพอื่ วตั ถุประสงคอ์ ะไร จะแสดงอะไร ? ผูด้ ูเป็ นคนระดบั ไหน ? จะต้งั แสดงทีไ่ หน สิง่ แวดลอ้ มเป็ นอยา่ งไร ?
8 การจดั ป้ ายนิเทศใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ อื หาและวตั ถุประสงค์ การจดั ป้ ายนเิ ทศใหป้ ระสบผลสาเร็จไดด้ ีตอ้ งใหส้ อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ ดงั น้ ี 1. การจดั ภาพบนหนา้ ต่างหรือแบบวินโดว์ (Window) ภาพแบบบันทกึ หน้าต่างหรือแบบวินโดว์ เป็นการจัดเพ่ือ เน้นรายละเอียดด้วยรูปภาพขนาดใหญ่เพียงภาพเดียวทาให้ภาพมีความ โดดเด่น สามารถดึงดูดความสนใจผู้ชมได้ 2. การจดั ภาพแบบละครสตั ว์ (Circus) เป็นการจัดภาพท่ีมีลักษณะเป็ นกลุ่ม ๆ กระจายอยู่ท่ัว พ้ืนท่ี ผู้ชมจะมีอิสระในการเลือกชมรูปภาพหรือเลือกอ่านเน้ือหาตามใจ ชอบ ดังน้ัน การจัดภาพแบบละครสัตว์จึงเหมาะกับเน้ือหาท่ีมีหลาย หัวข้อย่อย
9 การจดั ป้ ายนเิ ทศใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ อื หาและวตั ถุประสงค์ 3. การจดั ภาพแบบแกน (Axial) เป็ นการจัดภาพท่ีมีรูปภาพอยู่ตรงกลาง และมีคาอธิบาย กากับท้งั ด้านซ้ายและด้านขวาหรือโดยรอบ การจัดแบบน้ีจึงมีลักษณะคล้าย แผนภูมิหรือแผนภาพเหมาะกับเน้ือหาท่ีต้องการถ่ายทอดความรู้เฉพาะจุด หรือตาแหน่งใดตาแหน่งหน่ึงท่ตี ้องการ 4. การจดั ภาพแบบกรอบภาพ (Frame) เป็ นการจัดโดยนาภาพท่ีเก่ียวข้องกับเน้ือหาวางเรียง ต่อเน่ืองกนั ล้อมรอบเน้ือหาหรือข้อความ จนดูเหมือนกรอบภาพทาให้ป้ าย นิเทศดูเด่นสะดุดตา การจัดลักษณะน้ีช่วยให้ผู้ชมได้ข้อคิด ความรู้จาก เน้ือหาท่อี ยู่ตรงกลางประกอบกบั รูปภาพท่เี รียงรายกนั เป็นกรอบอยู่รอบ ๆ
10 การจดั ป้ ายนเิ ทศใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ อื หาและวตั ถุประสงค์ 5. การจดั ภาพแบบตาราง (Grid) เป็ นการจัดภาพไว้ในตารางซ่ึงอาจเว้นช่องใดช่องหน่ึง หรืออาจขยายภาพใดภาพหน่ึงเพ่ือให้เกิดจังหวะระหว่างรูปภาพทาให้ดู แปลกตา และในส่วนท่ีช่องว่างยังทาหน้าท่เี ป็ นท่ีพักสายตาผู้ชมไปด้วย การจัดภาพแบบน้ีเหมาะกับเน้ือหาท่ีมีองค์ประกอบหลายแง่มุมแต่ไม่ จาเป็นต้องเรียงลาดบั กอ่ นหลัง 6. การจดั ภาพแบบแถบ (Band) เป็ นการจัดรูปภาพและเน้ือหาท่ีเรียงตามลาดับข้ันตอน ต้งั แต่ข้นั ต้นถงึ สดุ ท้าย แสดงให้เป็นลาดบั ช้ัน เช่น การขับรถยนต์ การทานา การผ่าตัดอวัยวะภายใน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น การจัดป้ าย นิเทศแบบน้ ีจะช่วยให้ ผู้เข้ าชมเข้ าใจเน้ ือหาอย่างเป็ นข้ันตอนได้ ดี
11 การจดั ป้ ายนเิ ทศใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ อื หาและวตั ถุประสงค์ 7. การจดั ภาพแบบแกน (Path) เป็ นการจัดให้ รูปภาพหรือเหตุการณ์เรียงกันอย่าง ต่อเน่ืองไปในทศิ ทางใดทศิ ทางหน่ึง ซ่ึงอาจคดเค้ียวโค้งงอไปตามจังหวะท่ี สวยงาม ขณะเดยี วกนั กจ็ ะแทรกเน้ือหาหรือเหตุการณ์ท่มี ีการเปล่ียนแปลง หรือพัฒนาไปตามลาดบั
12 หลกั การการจดั ป้ ายนิเทศ การจดั ป้ ายนเิ ทศทีด่ ีมหี ลกั การ ดงั น้ ี 1. การกระตุน้ 2. การมสี ่วนร่วม ความสนใจ 3. การตรึง 4. ความสมั พนั ธข์ อง ความสนใจ องคป์ ระกอบ 5. การเนน้ 6. การใชส้ ี
13 หลกั การการจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั การเขียนหวั ขอ้ และขอ้ ความในป้ ายนเิ ทศมดี งั น้ ี 1. สรา้ งหวั เรือ่ งใหน้ า่ สนใจและใหค้ นดูมีส่วนร่วมในหวั ขอ้ น้นั วิธีการกาหนด มดี งั น้ ี - ต้งั หัวข้อเร่ืองเป็นคาถาม เช่น “ทา่ นอยากได้อะไรมากท่สี ดุ ?” - ใช้คาส้นั ๆ ท่กี ระตุ้นผู้อ่านและช่วยดึงดูดความสนใจ “หยุด แล้วอ่านสกั นิด” 2. ใชค้ าและขอ้ ความทีอ่ ธิบายเป็ นประโยครดั กมุ ใชส้ านวนง่าย ๆ ส้นั ๆ แต่ไดใ้ จความ - ควรใช้ภาพหรือสญั ลักษณ์แสดงเป็นส่วนใหญ่ และใช้เฉพาะข้อความใน สว่ นท่จี าเป็นจริงเทา่ น้ัน 3. ขนาดของตวั อกั ษร - ควรมีขนาดใหญ่เหมาะสมกับป้ ายนิเทศและมีขนาดลดหล่ันกันลงมา ตามลาดับความสาคัญ นอกจากน้ีอาจเน้นข้อความท่ีสาคัญสะดุดตา ให้ แตกต่างจากข้อความอ่นื ๆ
14 หลกั การการจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั การใชส้ ี 1. ใชส้ ีทีด่ ึงดูดตาจากกสิง่ หนงึ่ และเรา้ ความสนใจของ ผดู้ ู 2. ใช้สหี ลากหลายเพ่ือช่วยให้ภาพดูเลก็ หรือดูใหญ่ 3. ใช้สเี พ่ือเป็นสญั ลักษณ์ของบางส่งิ 4. ใช้สเี พ่ือสร้างหรือเน้นจุดสนใจบางอย่าง
15 หลกั การการจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั การทาใหภ้ าพมคี วามรูส้ กึ เคลอื่ นไหว 1. จัดภาพบนป้ ายนิเทศเป้ นกลุ่ม ๆ ให้มีความสมั พันธก์ นั 2. เส้นโค้งต่างๆบนป้ ายนิเทศสามารถดงึ ส่ายตาให้มองช้า ๆ 3. เส้นตรงจะทาให้การเคล่ือนท่ขี อองสายตาไปตามจุดต่างได้รวดเรว็ ข้นึ 4. การใช้เส้นหรือลูกศร ช่วยนาสายตาไปมองในทศิ ทางท่ตี ้องการ
16 หลกั การการจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั การจดั วางรูปฟอรม์ ป้ ายนเิ ทศ 1. 2. จดั ใหม้ คี วามกลมกลืน ใหม้ คี วามสมดุลกนั ท้งั กนั ท้งั ภาพและเรือ่ งราว ซา้ ยและขวา 3. ควรเนน้ ส่วนทีส่ าคญั ดว้ ยรูปทรงทีม่ ีลกั ษณะ เด่นกว่า
17 เทคนคิ การจดั ป้ ายนเิ ทศ การจดั ป้ ายนเิ ทศทีด่ ีมีคณุ ค่าในการสอื่ ความหมาย ควรมอี งคป์ ระกอบ ต่าง ๆ แลเทคนคิ ดงั น้ ี 1 2 ชื่อเรือ่ ง ขอ้ ความเชิญชวนหรือคาอธิบาย 3 4 การสรา้ งมิติเพอื่ การรบั รู้ การใชส้ ี แสง เงา และบริเวณว่าง 5 6 การเคลอื่ นไหว การใชร้ ูปภาพ 7 8 การจดั องคป์ ระกอบ การตกแต่งพ้ นื ป้ ายนเิ ทศ 9 10 การจดั ป้ ายนเิ ทศร่วมกบั การใชเ้ น้ อื หาหรือกิจกรรมเป็ น สือ่ อื่น ตวั กาหนด
18 เทคนิคการจดั ป้ ายนิเทศ องคป์ ระกอบศิลป์ หมายถงึ การนาเอาจุด เสน้ รูปร่าง รูปทรง พ้ นื ผวิ น้าหนกั อ่อน -แก่ แสงเงาและสีมาจัดวางสรา้ งรูปแบบต่างๆ อย่างลงตัวใน เงื่อนไขต่างๆ ว่าทาอย่างไรจึงจะเหมาะสมกลมกลืน องคป์ ระกอบศิลป์ ข้นั พ้ นื ฐาน มดี งั น้ ี จุด เป็ นองคป์ ระกอบพ้ ืนฐานที่ทาใหเ้ กิดเสน้ รูปร่าง หรือ ภาพได้ การนาจุดมาเรียงกนั เป็ นแถวจะเกิดเสน้ การนาจุดจานวนมากมา จดั ในตาแหน่งทีเ่ ป็ นรูปร่าง หรือรูปทรงจะเกิดเป็ นภาพข้ ึน เสน้ เป็ นองคป์ ระกอบทีท่ าใหเ้ กิด รูปร่าง รูปทรง และพ้ นื ผิว ต่างๆ นอกจากน้ เี สน้ แต่ละชนดิ ยงั ทาใหผ้ ดู้ ูเกิดความรูส้ ึกทีแ่ ตกต่างกนั เช่น - เส้นดิ่ง เป็ นเส้นที่มีทิศทางในแนวต้ังฉาก ให้ความรู้สึกที่มัน่ คง แข็งแรง - เสน้ ระนาบ มที ิศทางในแนวนอน ใหค้ วามรูส้ ึกกวา้ ง สงบ - เสน้ เฉียง มีทิศทางในแนวเฉียงจึงทาใหเ้ กิดความรูส้ ึกไม่มนั่ คง ขาด ความสมดุล
19 เทคนคิ การจดั ป้ ายนเิ ทศ องคป์ ระกอบศิลป์ รูปร่าง รูปทรง รูปร่าง รูปทรง มีความสมั พนั ธ์กนั อย่าง มาก แต่จะมีมิติทีแ่ ตกต่างกนั ดงั น้ ี - รูปร่าง มี 2 มิติ คือ มคี วามกวา้ งกบั ความสูง - รูปทรง มี 2 มิติ คือ มคี วามกวา้ ง ความสูง และความลึก - รูปร่างและรูปทรงมที ้งั ลกั ษณะเหมอื นจริง รูปดดั แปลง และรูปอิสระ พ้ นื ผิว หมายถึง ลกั ษณะภายนอกของสิ่งต่างๆ ท้งั ที่มีใน ธรรมชาติ และทีม่ นุษยส์ รา้ งข้ ึน สามารถรบั รูไ้ ดด้ ว้ ยตา หรือสมั ผสั ได้ เช่น ผิวขรุขระ ผิวหยาบ ผิวเรียบ การนาพ้ นื ผวิ มาใชใ้ นการสรา้ งช้ ินงานจะทา ใหผ้ ดู้ ูเกดิ ความสนใจยงิ่ ข้ ึน สี เป็ นองคป์ ระกอบความสาคญั เป็ นสิง่ ทีช่ ่วยดึงดูดความ สนใจ สีมีอิทธิพลต่อความรูส้ ึกของผูด้ ูอย่างยิ่ง การใชส้ ีในการจัดป้ าย นเิ ทศควรคานงึ ถงึ สาระสาคญั ดงั น้ ี - สกลุ สีเย็น คือ สีทีใ่ หค้ วามรูส้ ึกสดชื่น ไดแ้ ก่ สีเหลือง สีเขียว สีม่วง - สกุลสีรอ้ น คือ สีที่ใหค้ วามรูส้ ึกรอ้ นแรง กระตุน้ ใหผ้ ูด้ ูเกิดความสนใจ อยากรู้ ไดแ้ ก่ สีแดง สีสม้ แดง สีสม้ สีสม้ เหลอื ง
20 เทคนคิ การจดั ป้ ายนิเทศ การจดั ภาพ นอกจากตอ้ งเขา้ ใจเรื่ององคป์ ระกอบศิลป์ แลว้ ในการจัด ป้ ายนิเทศยงั ตอ้ งศึกษาหลกั การจัดภาพ เพื่อจะไดม้ ีแนวทางในการวาง ตาแหนง่ ของภาพ การวางตวั อกั ษร และส่วนประกอบอื่นๆ ทีน่ ามาตกแต่ง เพอื่ ใหป้ ้ ายนเิ ทศน่าสนใจ หลกั การจดั ภาพเบ้ อื งตน้ มดี งั น้ ี ประธานของภาพและภาพส่วนรองประธานของภาพ จะ เป็ นจุดเด่นของเรือ่ งทีจ่ ดั และครอบคลุมลกั ษณะส่วนอื่นขององคป์ ระกอบ ท้งั หมดแต่ส่วนประกอบอื่นๆ ก็มีความสาคญั จนทาใหภ้ าพเกิดความ สมบูรณ์ เอกภาพ หมายถึง ความเป็ นอันหนึ่งอนั เดียวกนั ไม่ แตกแยกออกจากกนั เป็ นการรวมตวั ไม่กระจายเป็ นส่วนๆ การสรา้ ง องค์ประกอบของภาพให้มีลักษณะเอกภาพ มีการนาสิ่งต่างๆ มา เชื่อมโยงหรือจดั ใหม้ ีการรวมกล่มุ
21 เทคนคิ การจดั ป้ ายนิเทศ การจดั ภาพ ความสมดุล การจัดป้ ายนิเทศตอ้ งอาศยั การจัดใหม้ ี ความสมดุล ตอ้ งไม่ใหอ้ งคป์ ระกอบของภาพหนกั ไปดา้ นใหด้ า้ นหนึง่ ความสมดุล แบง่ เป็ น 2 ลกั ษณะ คือ - ความสมดุลทีล่ กั ษณะท้งั ดา้ นซา้ ยและขวาเหมอื นกนั - ความสมดุลทีม่ ดี า้ นซา้ ยและขวาไม่เหมอื นกนั การรวมเขา้ สู่เกณฑห์ รือศูนยก์ ลาง ความสาคญั อยู่ที่ ประธานของภาพซึ่งจัดอยู่ส่วนกลาง และส่วนประกอบอื่นๆ จะ รวมกนั เขา้ สู่ประธาน ความกลมกลืน หมายถึง ความเป็ นอันหนึ่งอัน เดียวกนั ไม่ขดั แยง้ เขา้ กนั ไดเ้ ราสามารถสรา้ งความกลมกลืนไดด้ ว้ ย เสน้ รูปร่าง รูปทรง ขนาด สดั ส่วน ความอ่อน หรือการใชส้ ี
22 เทคนคิ การจดั ป้ ายนเิ ทศ การจดั ภาพ ความขดั แยง้ หมายถึง ความขดั แยง้ กนั ในภาพที่เห็น การไม่ประสานสัมพนั ธ์กนั เป็ นสิ่งตรงกนั ข้ามกนั เช่น ความสว่าง ความขดั แยง้ อาจขดั กนั ดว้ ย เสน้ รูปร่าง แต่ความขดั แยง้ ยงั มีประโยชน์ ต่อการจดั ภาพถา้ เราใชใ้ นสดั ส่วนทีพ่ อเหมาะ จงั หวะ ในการจดั ภาพถอื ว่ามีความสาคญั ในการกระตุน้ ใหผ้ ูช้ มเกิดความสนใจ เพราะจังหวะทาใหภ้ าพเกิดการเคลื่อนไหว มี ลีลาทีด่ ูต่อเนอื่ งกนั ผชู้ มจะสนใจดูจนจบ ช่องว่าง หรือ ช่องไฟ เป็ นสิ่งที่มีความสาคญั มากใน การจัดภาพ การมีช่องว่างจะช่วยให้ภาพดูแลว้ ไม่แน่น และทาให้ องคป์ ระกอบของภาพดูมีชีวิตชีวา นา่ ดู
23 เทคนิคการจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั ทางศิลปะ 1. ออกแบบและจดั อย่างง่ายๆ ไม่ซบั ซอ้ นการจดั อย่าใชว้ สั ดุมากเกินไป 2. ตวั อักษรที่ใช้ควรมีลกั ษณะหรือแบบที่เหมาะสม และ สอดคลอ้ งกบั สิ่งทีแ่ สดงในป้ ายนเิ ทศมีขนาดการเวน้ ช่องไฟ การใชส้ ี ทาใหผ้ ูด้ ูเขา้ ใจง่าย ตวั อกั ษรที่เป็ นชื่อเรื่องจะตอ้ ง เด่นชดั กว่าอกั ษรทีใ่ ชบ้ รรยายภาพ 3. มีความสมดุล (Balance) วสั ดุที่นามาจัดบนป้ ายนิเทศ ควรอยู่ในตาแหน่งที่เหมาะสม โดยคานึงถงึ หลกั การจดั ให้ เกดิ ความสมดุล
24 เทคนคิ การจดั ป้ ายนเิ ทศ หลกั ทางศิลปะ 4. มีความเป็ นเอกภาพ (Unit) หรือความเป็ นอนั หนึง่ อนั เดียวกนั การใชว้ สั ดุและหัวขอ้ ย่อย ๆ จะตอ้ งใหม้ ี ความสัมพนั ธ์กนั อาจทาไดห้ ลายวิธี เช่น อาจใช้สีที่ กลมกลืนกนั หรือใชว้ สั ดุทีม่ ีลวดลายในลกั ษณะเดยี วกนั 5. มกี ารเนน้ จุดเด่นเพอื่ ใหด้ งึ ดูดความสนใจและเขา้ ใจได้ ง่ายซึ่งอาจใชเ้ ชือก ริบบ้ ิน กระดาษ ฯลฯ หรือใชร้ ูปร่าง และขนาดของจุดเด่นใหแ้ ตกต่างไปจากส่วนอืน่ ๆ 6 . มี ค ว า ม ตั ด กั น (Contrast) ห ม า ย ถึ ง ก า ร จั ด องคป์ ระกอบต่าง ๆ มิใหน้ ่าเบือ่ หน่าย อาจใชค้ วามตดั กนั ในเรือ่ งของสี เช่น สีสดกบั สีมดื เป็ นตน้
25 ข้นั ตอนในการจดั ป้ ายนิเทศ 1. ต้งั จุดมุ่งหมายในการจัดป้ ายนิเทศไวใ้ หช้ ดั เจน ว่าแสดงเรื่องอะไร เพื่ออะไรและตอ้ งการให้ผูด้ ูไดร้ ูอ้ ะไรมาก นอ้ ยเพยี งใด 2. ต้งั ชื่อเรื่องให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั เน้ อื หา หรือสิง่ ทีต่ อ้ งการแสดงในป้ ายนเิ ทศ 3. รวบรวมวสั ดุที่จะใชใ้ นการแสดงไวใ้ ห้พรอ้ มทุกอย่าง รวมถึงสิ่งที่จะนามาใชต้ ิดวสั ดุกบั แผ่นป้ ายนิเทศ เช่น เข็มหมุด กาว ที่ เย็บกระดาษ เทป และสิง่ อืน่ ๆ ทีจ่ าเป็ น 4. วางแผนการจัดโดยอาศยั หลกั การทางศิลปะและควรเขียน โครงร่าง (Layout) 5. ลงมือจัดป้ ายนิเทศตามโครงร่างที่เหมาะสมที่สุด โดย ใชว้ สั ดุท้งั หลายที่เตรียมพรอ้ มทุกอย่างและหลงั จากแสดงป้ ายนิเทศ แลว้ ควรไดม้ กี ารวดั ประเมินผลดว้ ย
26 ประโยชนข์ องป้ ายนิเทศ 1. นกั เรียนทุกคนสามารถศึกษาสิ่งทีต่ ิดบนป้ ายนเิ ทศได้ โดยทวั่ ถงึ 2. กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนใหก้ ระตือรือรน้ หา ความรูเ้ พมิ่ เติม 3.นักเรี ยน ส ามารถศึ กษานอ กเว ลาเรี ยนได้จึ งเป็ นการ ประหยดั เวลาในการเรียน 4. ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนเป็ นกลุ่ม และใหน้ กั เรียนมีโอกาสได้ ร่วมกจิ กรรมในช้นั เรียน 5. ใชแ้ สดงผลงานของนกั เรียน 6. สรุปบทเรียนและทบทวนความรูต้ ลอดจนการประเมินผลการ เรียน 7. เพอื่ แจง้ ข่าวสารหรือความกา้ วหนา้ ของหนว่ ยงาน
27 คุณค่าของป้ ายนเิ ทศ ป้ ายนเิ ทศเป็ นสือ่ ทีม่ คี ุณค่าหลายประการ เช่น เป็ น สื่อเรา้ ความสนใจผูช้ มโดยใชร้ ูปภาพขอ้ ความ และสญั ลกั ษณท์ ี่ สวยงามและมีความหมายต่อผูช้ ม ใชใ้ นการจัดแสดงแจง้ ข่าวสาร ผูช้ มสามารถศึกษาเน้ ือหาไดซ้ ้ าแลว้ ซ้ าอีกตามความพอใจ ช่วย ประหยดั เวลาในการสอน และการสื่อความหมายเพื่อถ่ายทอด ความรู้ นยิ มใชเ้ ป็ นสือ่ หลกั ทีส่ าคญั ในการจดั แสดงหรือนิทรรศการ ทุกประเภท ป้ ายนิเทศทีจ่ ัดอย่างสวยงามสามารถใชเ้ ป็ นสิ่งประดบั ตกแต่งหอ้ งหรือบริเวณได้
28 ตวั อย่างป้ ายนเิ ทศ ตวั อยา่ งป้ ายนเิ ทศทีด่ ี
29 ตวั อย่างป้ ายนเิ ทศ ตวั อยา่ งป้ ายนเิ ทศทีไ่ ม่ดี
30 การจดั ป้ ายนิเทศสงั คมศึกษา ข้นั ตอนในการจดั ป้ ายนเิ ทศในรายวิชาสงั คมศึกษา 1. ต้งั จุดมุ่งหมายในการจัดป้ ายนิเทศไวใ้ หช้ ดั เจน ว่าแสดงเรื่องอะไรในรายวิชา สงั คมศึกษา เพอื่ อะไรและตอ้ งการใหผ้ ดู้ ูไดร้ ูอ้ ะไรมากนอ้ ยเพยี งใด 2. ต้งั ชื่อเรือ่ งใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั เน้ อื หาวิชาสงั คมศึกษา 3. รวบรวมวสั ดุที่จะใชใ้ นการแสดงไวใ้ หพ้ รอ้ มทุกอย่าง รวมถงึ สิง่ ที่จะนามาใชต้ ิด วสั ดุกบั แผ่นป้ ายนิเทศ เช่น เข็มหมุด กาว ที่เย็บกระดาษ เทป กรรไกร และสิ่ง อืน่ ๆ ทีจ่ าเป็ น 4. วางแผนการจดั โดยอาศยั หลกั การทางศิลปะและควรเขียนโครงร่าง (Layout) 5. ลงมือจัดป้ ายนิเทศตามโครงร่างที่เหมาะสมที่สุด โดยใช้วัสดุท้ังหลายที่ เตรียมพรอ้ มทุกอย่างและหลงั จากแสดงป้ ายนิเทศแลว้ ควรไดม้ ีการวดั ประเมินผล ดว้ ย
31 การจดั ป้ ายนิเทศสงั คมศึกษา ประโยชนข์ องป้ ายนเิ ทศในรายวิชาสงั คมศึกษา 1. นกั เรียนทุกคนสามารถศึกษาสิ่งที่ติดบนป้ ายนิเทศเกี่ยวกบั วิชาสงั คม ศึกษาไดอ้ ย่างทวั่ ถงึ เช่น วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา สถาบนั ทางการเงิน ภูมปิ ระเทศในจงั หวดั สุราษฎรธ์ านี เป็ นตน้ 2. กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนใหก้ ระตือรือรน้ หาความรูเ้ พมิ่ เติม 3. นกั เรียนสามารถศึกษานอกเวลาเรียนไดจ้ ึงเป็ นการประหยดั เวลาในการ เรียน 4. ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนเป็ นกลุ่ม และให้นกั เรียนมีโอกาสไดร้ ่วม กจิ กรรมในช้นั ซึ่งเป็ นส่วนหนงึ่ ของทกั ษะการจดั การเรียนรูท้ างสงั คมศึกษา 5. ใชแ้ สดงผลงานของนกั เรียน 6. ใชส้ รุปบทเรียนและทบทวนความรูต้ ลอดจนการประเมินผลการเรียน เนือ่ งจากเน้ ือหาสาระในรายวิชาสงั คมศึกษามีเน้ ือหาที่ค่อนขา้ งมาก การ จดั ทาป้ ายนเิ ทศกเ็ ป็ นการสรุปบทเรียนทีด่ ีอย่างหนงึ่
32 อา้ งอิง ครูบา้ นนอก. (2563). เทคนิคการจัดป้ ายนิเทศ. (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :https://www.kroobannok.com/10129. (22 มกราคม 2563). พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553. สถาบนั การพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร. (2563). ป้ ายนิเทศ. (ออนไลน์). เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.Ipecp.ac.th/ipecp/wbi/ed-techno/ program/unit5/page2.html. (22 มกราคม 2563). มนธิลา กาเผือก. (2563). ป้ ายนิเทศ. (ออนไลน)์ . เขา้ ถึง ได้ จาก : http://sps.lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id=6&group_id=27 &art icle_id=345. (22 มกราคม 2563).
33 ผูจ้ ดั ทา 1. นางสาวฐาปนี รอดสวสั ด์ิ รหสั นกั ศึกษา 6015107001010 กล่มุ เรียน 60013.151 คณะครุศาสตร์ สาขาสงั คมศึกษา ปี 3 2. นางสาวเกตนภิ า สมภกั ดี รหสั นกั ศึกษา 6015107001027 กล่มุ เรียน 60013.151 คณะครุศาสตร์ สาขาสงั คมศึกษา ปี 3
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: