Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัย2-63

วิจัย2-63

Published by wichakarn.rpk21, 2021-05-12 03:07:03

Description: วิจัย2-63

Search

Read the Text Version

งานวจิ ยั ในชัน้ เรียน เร่อื ง การศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์วชิ าสงั คมศกึ ษา โดยใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โดย นางสาวกัลยากร เชวงสขุ ครู คศ.1 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 21 จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน สำนกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ กระทรวงศกึ ษาธิการ

ชอ่ื ผู้วิจยั : นางสาวกัลยากร เชวงสขุ ช่อื เร่อื ง : การศึกษาผลสมั ฤทธ์ิวชิ าสงั คมศึกษา โดยใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ปกี ารศึกษา ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 : ภาคเรยี นที่ 2/2563 บทคัดย่อ การวิจัยครงั้ น้ีเป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีศึกษาการศึกษาผลสัมฤทธิ์วิชาสังคมศึกษา โดยใช้หลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 34 คน โดยเลือกแบบ เจาะจง เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่ วิธีการสอนแบบการถอดองค์ความรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกยี่ วกับหน่วยการเรยี นรู้การจัดการทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ยี ั่งยืน โดยนำวธิ ีการสอนดงั กล่าวไปใช้กับ กลุ่มตัวอย่าง หลังจากน้ันให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน แล้วจึงนำคะแนนท่ีได้จากการทำแบบทดสอบมา วิเคราะห์ข้อมูล โดยใชส้ ถติ ิ คา่ เฉล่ยี ( X ) และ รอ้ ยละ ผลการวิจัยปรากฏว่า การใช้วิธีการสอนแบบการถอดองค์ความรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาสังคมศึกษา หน่วยการเรียนรู้การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน ที่ผวู้ ิจัยนำมาใช้พบวา่ นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดีขึ้นทำให้คะแนนเฉลีย่ ของการทดสอบ หลังเรียนมคี า่ สงู กว่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบกอ่ นเรยี น

บทท่ี 1 บทนำ ความสำคัญและทม่ี าของปัญหาที่ทำการวจิ ัย การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วของโลกในปัจจบุ ันทำใหเ้ กิดการแขง่ ขนั ทางเศรษฐกิจสังคม การเมืองและวัฒนธรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของสังคมไทยในทุกๆด้าน จึงจำเป็นอย่างย่ิง ที่จะต้องปฏิรูปการศึกษาเพ่ือให้ทุกคนมีความพร้อมที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี11 พุทธศักราช 2555 –2559 รัฐบาลได้กำหนดเก่ียวกับยุทธศาสตร์การพัฒนา คุณภาพคนในสังคมไทยให้มีคุณธรรมมีความรอบรู้ เท่าทันมีความพร้อม ท้ังด้านร่างกายสติปัญญาอารมณ์ และศลี ธรรม สามารถก้าวทนั การเปล่ียนแปลงเพ่ือนำไปส่สู ังคมความรอู้ ยา่ งม่นั คงแนวการพัฒนาคนดังกลา่ ว มุ่งเตรียมเด็กและเยาวชนให้มีพ้ืนฐานจิตใจท่ีดีงามมีจิตสาธารณะพร้อมทั้งมีสมรรถนะทักษะ และความรู้ พ้ืนฐานที่จำเป็นในการดำรงชีวิตอันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน(สภาพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ.2555:11-13) ซ่ึงเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรมมีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเปน็ พลเมืองโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อ การศึกษาต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อ วา่ ทุกคนสามารถเรียนร้แู ละพัฒนาตนเองได้เต็มตามศกั ยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ.2551:4) การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจการดำรงชีวิตของมนุษย์ท้ังในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกัน ในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เข้าใจถึงการพัฒนา เปล่ียนแปลงตามยุคสมัยกาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่างๆ เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อ่ืน มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกต่างและมีคณุ ธรรมสามารถนำความรู้ไปปรบั ใช้ในการดำเนินชีวิตเป็นพลเมอื งดี ของประเทศชาติและสังคมโลก ทั้งนี้โครงสร้างของหลักสูตรได้กำหนดให้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งมีเน้ือหาของ 5 สาระดังนี้ 1) ศาสนาศีลธรรมจริยธรรม 2) หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม 3) เศรษฐศาสตร์ 4) ประวัติศาสตร์ และ 5) ภูมิศาสตร์ (กระทรวงศึกษาธิการ.2551:1-2) ดังนั้นครูจึงมีบทบาท สำคัญ ในการเลือกค้นหานวัตกรรม วิธีการท่ีเหมาะสม และสอดคล้องกับธรรมชาติวิชา วัยของผู้เรียนและสถานการณ์ของโลกปัจจุบั น มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ต้องให้สอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และเพ่ือให้เปน็ ไปตามเป้าหมายของการปฏิรูป การศึกษาที่มีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนด้านการศึกษาดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และน้อมนำ ห ลั ก ป รั ช ญ าข อ งเศ รษ ฐกิ จ พ อ เพี ย งม าใช้ ใน ชี วิ ต ป ระจ ำวั น ที่ ส าม ารถ น ำไป สู่ ก ารแ ก้ ปั ญ ห าโด ย ผู้ เรี ย น

เป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดทักษะและกระบวนการคิดอย่างเป็นข้ันตอน ผู้เรียนได้ฝึกการคิดและ เรียนรู้แบบ ร่วมมือกันแก้ปัญ หา เพื่ อเป็นการแลกเปล่ียนความคิดในมุมมองท่ีหลากหลาย (สมุ าลี ชัยเจริญ.2549:54) ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระราชทานให้คนไทยใช้เป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติในการ ดำเนินเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อมุ่งสู่ “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” ดังน้ันจำเป็นต้องพัฒนาคนในทุกมิติอย่างสมดุลท้ังจิตใจ ร่างกาย ความรู้ และทักษะความสามารถ เพ่ือให้เพียบพร้อมท้ังด้าน “คุณธรรม” และ “ความรู้” ซึ่งจะนำไปสู่ การคิดวิเคราะห์อย่าง “มีเหตุผล” รอบคอบ และระมัดระวังด้วยจิตสำนึกในศีลธรรม ส่วน “คุณธรรม” ทำให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและสามารถตัดสินใจโดยใช้หลัก “ความพอประมาณ” ในการดำเนินชีวิต อย่างมีจรยิ ธรรม ซือ่ สตั ย์สุจรติ อดทน ขยนั หมน่ั เพยี รอนั จะเปน็ “ภูมคิ ุ้มกันในตัวท่ีดี” ให้คนพร้อมเผชญิ ต่อ การเปล่ียนแปลงที่จะเกิดข้ึน และดำรงชีวิตอันจะนำไปสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน เพ่ือให้เกิดสมดุล ในชีวิต ครอบครัว โรงเรียน ประเทศ โดยตั้งสมมุติฐานท่ีว่า ทุกส่ิงอนิจจัง ทุกสิ่งเปล่ียนแปลง ทั้งปัจจัย ที่เปลี่ยนแปลงมาจากนอกประเทศกับในประเทศนอกโรงเรยี นกบั ในโรงเรียน นอกครอบครวั กับในครอบครัว แล้วทรงช้ีว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบ 4 ด้านด้วยกัน คือ ด้านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และ ทางวัฒนธรรมผลกระทบทางวัตถุอาจจะหมายถึงทางเศรษฐกิจทางการเงินก็ได้ ส่วนผลกระทบทางสังคม ให้นึกถึงความเข้มแข็งของโรงเรียนของท่านท่ีไม่มีเด็กติดยาเสพติดเลย หมายถึงโรงเรียนท่ีมีคุณภาพ สังคมของโรงเรียนเข้มแข็ง หรือพูดถึงครอบครัวครูที่ไม่มีหน้ีเลย ก็หมายถึงว่าสังคมครอบครัวเข้มแข็ง ส่วนผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมท่ีชัดเจนคือ เรื่องความสะอาด ความมีวินัย เช่น การรักษาต้นไม้ การปลูกต้นไม้ให้เด็กได้ร่มในโรงเรียน ห้องส้วมสะอาด ขณะท่ีผลกระทบทางวัฒนธรรมคือ วัฒนธรรม จากนอกประเทศท่ีจะเข้ามาทำลายวัฒนธรรมไทย จึงต้องรักษาวัฒนธรรมของเราให้เข้มแข็ง (ฐติ ิพร ศิริพนั ธ์ พันธเสน และคณะ.2549:58 -59) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ให้ความสำคัญกับ เรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีมุ่งให้นักเรียนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนว ปฏิบัติตน ดังน้ันกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จึงมีความสำคัญอย่างย่ิงท่ีจะ สอดแทรกหลักปรัชญ าของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ความรู้ใช้ป้องกันและแก้ไขปัญหา ทใี่ ห้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จรงิ ฝึกการปฏิบัติ ให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น เกิดการใฝ่รู้อยา่ งต่อเน่ือง และปลูกฝังความประหยัด ความมีวินัย และความรับผิดชอบของนักเรียน แต่จากสภาพปัญหาการจัดการ เรียนการเรียนการสอนในปัจจุบัน จากผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2561 คะแนนเฉลี่ย 59.32 ในปีการศึกษา 2562 มีคะแนนเฉลี่ย 59.26 ซ่ึงต่ำกว่าในปีการศึกษาท่ีผ่านมา คะแนนเฉลี่ย 0.06 (เอกสารงานวัดผลวิชาการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 ปีการศึกษา 2562) ทง้ั นเ้ี พราะนักเรียนขาดทักษะความสามารถในการคิดแกป้ ัญหา ขาดทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ และที่สำคัญอีก ประการหนึ่งคือขาดความรับผิดชอบความร่วมมือกันในกลุ่มขณะเรียน ทำให้ทางกลุ่มสาระสังคมศึกษา

ศาสนา และวัฒนธรรม ได้ประชุมปรึกษาภายในกลุ่มสาระในการหาแนวทางแก้ไนปัญหาท่ีเกิดข้ึน โดยเน้น การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ อาทิ วิธีการจัดการเรียนรู้แบบแผนผังความคิด(Mind Mapping) วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสื่อออนไลน์ต่างๆ และวิธีการจัดการเรียนรู้แบบถอดองค์ความรู้ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ท่ีจะช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาในเร่ืองทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรอง มีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงต่างๆที่ได้เรียนรู้ ซ่ึงหาก นักเรียนได้รับการพัฒนาการคิดในด้านต่างๆ จะทำให้นักเรียนเกิดการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมความรับผิดชอบ ที่จะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้อีกทางหน่ึง สภาพปัญหาและสาเหตุดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยได้มีความพยายามท่ีจะหานวัตกรรมและกลวิธีการจัดกิจกรรม การเรียนท่ีแปลกใหม่มากระตุ้นให้ผู้เรียนนำศักยภาพแห่งตนออกมาหล่อหลอมรวมร่วมกันในการแสวงหา องค์ความรู้จากการเรียนรู้ในช้ันเรียน เพ่ือให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้นมีความรับผิดชอบ มากข้นึ และมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นในกลมุ่ สาระสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สงู ขึ้น ดงั นั้นเมื่อผู้วจิ ัยได้ศึกษาหลกั การ เหตุผล และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง และในฐานะที่ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอน กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จึงเห็นว่าการจัดการเรยี นการสอนโดยการใช้หลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีดี และน่าสนใจ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนตระหนักถึง กระบวนการเรียนรู้ท่ีต้องร่วมมือกันช่วยเหลือกันในการทำงานกลุ่ม ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหา มีความรับผิดชอบและสามารถทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นได้จนกระท่ังผู้เรียน สามารถแสวงหาความร้ไู ดด้ ้วยตนเอง นำความรู้มาใชใ้ นการพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิดสามารถแก้ปัญหา ในการดำรงชีวติ ให้อยใู่ นสังคมไดอ้ ยา่ งสงบสุข วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหน่วยการเรียนรู้การจัดการ ทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมเพอ่ื การพัฒนาทีย่ ั่งยืนระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากรทีใ่ ชใ้ นการทดลอง เป็นนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6/4 กลุม่ ตวั อย่าง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 อำเภอแมล่ าน้อย จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน 2. ระยะเวลาในการทดลองรวม 5 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 วนั วันละ 1 คาบ คาบละ 60 นาที รวม 10 คาบ 3. เนื้อหาท่ีสอนเป็นเนื้อหาตามหลักสูตรสถานศึกษาวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เน้ือหา หน่วยการเรยี นรู้การจดั การทรพั ยากรและส่ิงแวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาท่ีย่ังยนื ตัวแปรที่ศกึ ษา 1. ตัวแปรต้น คอื การจดั การเรียนการสอนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. ตัวแปรตาม คือ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี น

คำจำกดั ความท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน หมายถึง ผลของความสามารถของผู้เรียนท่ไี ด้คะแนนจากการประเมินผลกอ่ นเรยี นและ หลังเรียนท่ีเรียนในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหน่วยการเรียนรู้พระธรรม ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ถอดบทเรียน หมายถึง การทบทวนประสบการณ์และการเรียนรู้เก่ียวกับการเรียนที่ผ่านมาหรือสิ่งท่ีได้พบเห็น แล้วทำความเข้าใจ สรุปความรู้ วิเคราะห์เหตุปัจจัยที่ทำให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ถือเป็นการทบทวนวิเคราะห์หลังการปฏิบัติหรือการทำกิจกรรมเพื่อการจัดการความรู้ให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างเป็น ระบบต่อคณะทำงานเก่ียวกับผลการปฏิบัติกิจกรรมที่ดำเนินการแล้ว เป็นการกระตุ้นให้คณะทำงานเกิดความต่ืนตัว และมคี วามร้สู ึกผกู พันอย่กู ับงาน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เป็นหลักปรัชญาที่สามารถเป็นได้ท้ังหลักในการดำเนินชีวิตของ ทุกคนในสังคม และเป็นหลักในการบริหารประเทศไปพร้อมๆ กัน โดยเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีความหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกนั ท่ีดใี นตัว รวมถงึ การนำหลักวชิ าการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและ การดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนนั้น จำเป็นท่ีจะต้องใช้ความรอบรู้ รอบคอบ และความระมัดระวังอย่างที่สุด ในขณะเดียวกันการทำให้ทุกคนในชาติมีจิตสำนึกในคุณธรรม และความซ่ือสัตย์สุจริต ก็เป็นส่ิงที่จำเป็นท่ีจะต้องทำให้ เกิดข้ึนให้ได้ คนทุกระดับช้ันจะต้องมีความรอบรู้ที่เหมาะท่ีควร โดยใช้หลักความอดทน เพียรพยายาม สติปัญญา และ ความรอบคอบในการดำเนินชีวิต มีการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและพร้อมเสมอสำหรับความเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้น ทง้ั ดา้ นวตั ถุ วัฒนธรรม สิ่งแวดลอ้ ม การจัดการเรียนการสอน หมายถึง การจัดการเรียนการสอนเนื้อหาท่ีสอนเป็นเนื้อหาตามหลักสูตรสถานศึกษา วิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรมโดยใชเ้ น้อื หา 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้การถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน หมายถึง การจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่เน้นกระบวนการมากกว่าเนื้อหาสาระวิชา เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มี อิสระในทางความคิด หรือการกระทำตามจินตนาการและความพึงพอใจของนักเรียนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งทีม่ ีผลต่อผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นสูงขนึ้ วธิ ีดำเนินการวิจยั 1. ศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยท่เี กี่ยวขอ้ ง และหลักสตู รสถานศกึ ษากลมุ่ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 2. วิเคราะห์วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การจัดการทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อมเพอื่ การพฒั นาทีย่ ง่ั ยนื 3. ศึกษาเกย่ี วกับขอ้ มูลการถอดบทเรยี นตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. ศึกษาหลกั การวดั และประเมนิ ผล จากเอกสารตำราท่เี กี่ยวข้องเพื่อใช้เปน็ แนวทางในการสร้างเคร่ืองมือวัดและ ประเมนิ ผลการสอน

5. ตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 จำนวน 1 ห้องเรยี นเปน็ กลุ่มตวั อย่าง ไดแ้ ก่ ห้อง ม.6/4 6. สร้างเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยซึ่งประกอบด้วย แบบสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน 7. นำเครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 จำนวน 1 ห้องเรยี นท่ีไม่ใช่ตัวอย่าง ประชากร แลว้ นำมาวิเคราะหแ์ ละปรบั ปรุงแกไ้ ข กอ่ นนำไปทดลองกบั กลมุ่ ตัวอย่างประชากร 8. ผ้วู จิ ัยรวบรวมขอ้ มูล วิเคราะห์ขอ้ มูลที่ได้ และสรปุ ผลการวิจัย วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 1. ผู้วิจัยดำเนินการสอนเร่ืองการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยถอดบทเรียน ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง 2. ผวู้ ิจัยดำเนนิ การสอนกับกลุ่มตัวอยา่ งประชากรในคาบเรยี นวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การจัดการทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน รวม 5 สปั ดาห์ สัปดาหล์ ะ 2 วนั วันละ 1 คาบ คาบละ 60 นาที รวม 10 คาบ 3. ผู้วิจัยดำเนินการนำแบบสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมให้กลุ่ม ตวั อย่างประชากรหลังการทดสอบแลว้ 4. ผ้วู จิ ยั นำขอ้ มูลและคะแนนท่ีได้มาวิเคราะห์ สรปุ ผล และอภิปรายผลการวิจัยต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเร่ืองการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนเรยี นและหลังเรยี น โดยหาค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ แล้วนำเสนอข้อมลู ในรปู ตารางประกอบความเรยี ง

บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการวิจัยเรื่องนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เก่ียวข้องเพ่ือใช้เป็นแนวทาง ในการดำเนนิ การวิจยั ดังน้ี 1. ความหมายและคำอธบิ ายหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. การขับเคล่ือนด้านการศึกษาดำเนนิ การส่งเสริม สนับสนนุ และน้อมนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาใช้ในชีวิตประจำวนั 3. หลกั การขบั เคล่ือน ปศพพ. ส่สู ถานศกึ ษา ตามรูปแบบ รศ.ดร.ทิศนา แขมมณี 4. ศนู ยก์ ารเรยี นรตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงด้านการศึกษา (ศรร.) 5. งานวิจัย่ีเกี่ยวข้อง ความหมายและคำอธบิ ายหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “พอประมาณ มีเหตุผล และภูมิคุ้มกันท่ีดี เพ่ือชีวิตสมดุลพร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลง มีความยั่งยืน ในการดำเนินชีวิต พรอ้ มทำประโยชน์ใหแ้ ก่สว่ นรวม” คำอธบิ าย ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหลักแห่งความรู้ ของ คำว่า เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นคำที่ปรากฏใน พระราชดำรัสคร้ังแรกเมื่อปี 2540 และอาจจะกล่าวได้ว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการสรุปรวบยอดแนว พระราชดำริท่ีเก่ียวกับการพัฒนา ท่ีรวมถึงเป้าหมายแนวทาง และวิธีการ ในการพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จ- พระเจา้ อยหู่ วั หลังจากที่คณะผูท้ รงคณุ วุฒิดังกล่าวข้างต้น ไดกล่นั กรองบทความ“ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” ออกมาแล้ว สศช. ก็ได้ทำหนังสือถึงราชเลขาธิการ (ในขณะน้ันคือ หม่อมหลวงพีระพงศ์ เกษมศรี) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2542 เพ่ือขอให้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยและพระบรมราชานุญาติ เพื่อจะได้อัญเชิญไปใช้ เป็นแนวปฏิบัติซ่ึงต่อมาก็ได้ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาติตามทีข่ อพระมหากรณุ าเมือ่ วันท่ี 29 พฤศจกิ ายน 2542 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับ ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะ การพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้ม กันในตัวที่ดี พอสมควร ต่อการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ทง้ั ภายนอกและภายใน ท้งั นี้จะต้องอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยง่ิ ในการนำวชิ าการตา่ งๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้มี ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียรมีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดุลและพร้อม

ต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้าน วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจาก โลกภายนอกไดเ้ ป็นอย่างดี อำพล เสนาณรงค์ (2550) ได้กล่าวถึง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา หรือแนวปฏิบัติ ซ่ึง พระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอยู่หัวทรงปรารถนาจะให้รากแก้วในสังคมได้ยึดเป็นแนวดำรงชีวิตเพ่ือความอยู่ดีกินดี ซึ่งองค์ประกอบสำคัญ ของเศรษฐกิจพอเพียงมีด้วยกัน 7 ข้อ คือ พ่ึงพาตนเอง พอประมาณ เดินสายกลาง มีภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล เป็นคนดี และรู้รักสามัคคี โดยหลักสำคัญท้ัง 7 ข้อน้ี คนทุกกลุ่มทุก อาชีพสามารถน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตให้ได้ มากทีส่ ุดเท่าท่จี ะทำได้ สุรยุทธ์ จุลานนท์ (2550) ได้อธิบายถึง “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติโดยนำมาใช้เป็นหลักการพ้ืนฐานของนโยบายการพัฒนา ซ่ึงหมายถึง ว่าจะให้ความสำคัญกับ การเติบโตอย่าง ม่ันคงความมีวินัยของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจให้มีความเป็นธรรม ซึ่งการเติบโตอย่างมีคุณภาพ หมายถึง การให้ความห่วงใยอย่างย่ิงยวด ต่อหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยง แต่ความห่วงใยในเร่ืองดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อกลไกตลาด หรือแม้แต่มีอิทธิพลต่อการเปิดของเศรษฐกิจไทยในความเป็น จริงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเปน็ ต้นแบบของ สุเมธ ตันติเวชกุล (2550ข, หน้า 56) ได้อธิบายถึง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ จึงประกอบหลักการหลักวิชา และหลักธรรมหลายประการ อาทิ 1. เป็นปรัชญาแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทกุ ระดับ ตง้ั แตร่ ะดับครอบครวั ระดบั ชุมชน จนถึงระดับรัฐ 2. เป็นปรชั ญาในการพัฒนาและบรหิ ารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง 3. จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ เพ่ือให้สมดุล และพร้อมต่อ การ รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว้างขวาง ทั้งด้านวตั ถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกได้ อย่างดี 4. ความพอเพียง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจำเป็นท่ี จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกนั ในตัว ท่ีดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้ง ภายนอกและภายใน 5. จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวงั อยา่ งยิ่งในการนำ วชิ าการตา่ ง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกข้ันตอน 6. จะต้องเสรมิ สรา้ งพื้นฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ นกั ทฤษฎี และนักธรุ กจิ ในทุกระดับให้มีสำนัก ในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให้ มีความรอบรู้ท่ีเหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา (2550ก) ได้อธิบายถึง คำนิยามเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้จำได้ ง่ายที่สุด คอื 3 ห่วง 2 เง่ือนไข ปัจจัยสำคญั ท่ีเป็นแก่นแท้ของ 3 ห่วง คือ (1) ความพอประมาณ ไม่ สุดโต่งจนเกินไป (2) การมีเหตุ มผี ลที่จะคิดวิเคราะห์ทุกอย่างก่อนลงมือปฏิบัติ (3) มีภูมิคุ้มกันที่ดีเพ่ือ ไม่ให้กระแสโลกาภวิ ัตน์เข้ามามีผลกระทบต่อชีวิต ของเรามากเกินไป ส่วน 2 เง่ือนไข คือ (1) ตอกย้ำ ความมีเหตุผล ใช้ความรู้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง (2) คุณธรรม หากมีสิง่ เหล่าน้ีไมม่ ีคำวา่ ไปไม่ รอด ซึ่งเปน็ เงอ่ื นไขสำคัญมากในการดำเนินชวี ติ เบื้องตน้ คงต้องใช้วิธคี ่อยเปน็ ค่อยไป เกษม วัฒนชัย (2550ค, หน้า 123) ได้อธิบายถึง ในขณะนี้ประเทศชาติมีการเปลี่ยนแปลงมาก ดังน้ัน การนำ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงมีความจำเป็นที่จะตอ้ งนำมาใชอ้ ย่างรู้เท่าทันและอย่างฉลาดใช้ เพราะภาวะหลายอย่างของ ประเทศขณะนี้ มีปัญหาในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หากประชาชนนำปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุข และวันน้ีหลายคนยังมี ความเข้าใจผิดเรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็น แนวคิดที่ต่อต้านโลกาภิวัตน์ แต่ในความเป็นจริง แล้วปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับครอบครัวไป จนถึงประเทศ เพ่อื รองรบั การ เปลีย่ นแปลง โดยยึดหลักสายกลาง ประหยดั อดออม ซ่ึงทุกประเทศสามารถนำไปใชไ้ ด้

สรุปจากการศึกษาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสรุปปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ คือ การยึดหลักทางสายกลางและความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การ สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ในตัว ตลอดจนการใช้ความรดู้ ว้ ยความรอบคอบ ระมดั ระวัง และมีคณุ ธรรมเป็น พ้ืนฐานในการตดั สินใจและการกระทำ การขับเคลื่อนด้านการศึกษาดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนและน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ในชีวิตประจำวัน เริ่มมาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ได้น้อมนำเน้ือหาเกี่ยวกับ “หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง”ตามคำนิยามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รับพระราชทาน เมื่อวันท่ี 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 เข้าสู่หลักสูตร โดยระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ของสาระการเรียนรู้กลุ่มสังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ กำหนดให้นักเรียนทุกระดับชั้น เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตรนี้แล้ว จะต้องเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมี ประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ส่งผลให้เกิด การจดั การเรียนรูเ้ กยี่ วกับ “หลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง” อย่างแพรห่ ลายในโรงเรียนท่ัวไป แต่ก็พบว่ายังมีความเข้าใจท่ีคลาดเคล่ือน ไม่ถูกต้องชัดเจน เก่ียวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษา เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรท่ีกำหนดไว้ดังกล่าว มักมุ่งเน้นท่ีกิจกรรมเกษตร การปลูกพืชผักสวนครัวใน โรงเรียน หรือกิจกรรมการออมทรัพย์ เป็นส่วนมาก แต่ยังไม่ได้มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ยึดหลักเศรษฐกิจ พอเพียงท่ีเป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการประพฤติตน และการทำกิจกรรมต่างๆ ตามมาตรฐานตัวชี้วัดในหลักสูตร การศกึ ษามงุ่ หวังใหเ้ กิดข้ึน ใน ปี พ.ศ. 2549 คณะทำงานขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ภายใต้คณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อจัดทำตัวอย่างแผนการจัดการเรียนการสอนสำหรับครูท่ีสอนแต่ละสาระการเรียนรู้ และระดับชั้นต่างๆ เพื่อนำไปใช้ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุตามมาตรฐานตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษา โดยมีคณะผู้เช่ียวชาญ ผู้บริหาร และครูจากท่ัวประเทศรว่ มกันทำงาน จนได้กรอบเน้ือหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง” ของแต่ละช่วงชั้น และตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ทุกระดับช้ัน และ ทกุ สาระการเรียนรู้ โดยเผยแพร่ไปท่วั ประเทศเม่ือตน้ ปี พ.ศ. 2550 ตอ่ มาสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน (สพฐ.) ไดป้ รับปรุงหลักสตู รการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. 2544 ให้มีความชัดเจนในเป้าหมายและคุณภาพของผู้เรียน และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยประกาศใช้หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ซึ่งได้กำหนด 1 ใน 5 เป้าหมายของหลักสูตร คือ “การพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ มีวินัย และปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตน นบั ถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และมีคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Character) หรือจุดเนน้ คุณภาพผู้เรียน 8 ประการ ได้แก่ รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ การกำหนดมาตรฐานตัวชวี้ ัดในหลักสูตร พ.ศ. 2551 จงึ เปน็ ไปในทศิ ทางการปลูกฝงั และ บ่มเพาะผู้เรียนให้ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการคิด การวางแผน และการปฏิบัติตน พร้อมกับคุณลักษณะ อน่ื ๆทจ่ี ำเปน็ ในการดำเนินชีวติ ในศตวรรษที่ 21

หลกั การขับเคลอ่ื น ปศพพ. สู่สถานศกึ ษา ตามรูปแบบ รศ.ดร.ทิศนา แขมมณี เป้าหมายของการขับเคลื่อน ปศพพ. สู่สถานศึกษา โดยใช้รูปแบบและเคร่ืองมือของ รศ.ดร. ทิศนา แขมมณี มี 1 ส่วนคือ \"คดิ เป็น ทำดี มีความร\"ู้ 1. คิดเป็น หมายถึง นักเรียนมีนิสัยการคิดบนหลักปรัชญา ปศพพ. คือ คิดพิจารณาด้วยเหตุและผลอย่าง รอบคอบก่อนตัดสินใจทำ คดิ ถึงผลลัพธ์ผลกระทบหรือปัญหาท่ีอาจเกิดข้ึนจากการกระทำทั้งระยะส้ันระยะยาว พร้อมท้ัง คิดหาทางปอ้ งกนั หรือวิธีดำเนินการไวล้ ว่ งหนา้ 2. ทำดี หมายถึง การตัดสินใจและกระทำอย่างถูกต้องตามหลักปรัชญา ปศพพ. คือ สามารถ \"ทำได้\" ถูกต้องคุณธรรมจริยธรรม ถูกต้องตามหลักวิชาการ และพอดีพอประมาณกับตน(ตนเอง) กับคน (ที่เก่ียวข้อง) กบั ของ (วัตถุ:ทรัพยากรอ่นื ๆ) และสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทของชมุ ชนและสงั คม 3. มีความรู้ หมายถึง รู้กว้าง (รอบรู้เร่ืองที่เกี่ยวข้อง) รู้ลึก (รู้ความจริง รู้ตามหลักวิชา) รู้ละเอียด และรู้เท่าทัน การเปล่ียนแปลงท่านชี้แนวทางว่า การขับเคล่ือน ปศพพ. สู่สถานศึกษานั้นสามา รถทำได้ 3 ทาง ได้แก่ 1. ใช้ในการจัดการเรียนการสอน 2. ใช้ในการจัดกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และ 3. ใช้ในวิถีชีวิตหรือการดำเนินชีวิตจริง ดงั แสดงรายละเอียดในรปู

การขับเคลื่อนฯ ในแตล่ ะแนวทางใหใ้ ช้กระบวนการคดิ และทำตามลำดบั ขั้นตอนตามแผนผงั ด้านลา่ งน้ี

โดยเคร่ืองมือสำคัญทีใ่ ชค้ ือ 7 คำถามเพ่ือพฒั นากระบวนการคดิ ตามหลกั ปศพพ.\" ดังน้ี 1. จะทำอะไร? / ทำทำไม? 2. มีความรู้เพยี งพอในเร่อื งที่จะทำหรอื ไม่? / ตอ้ งศึกษาหาความร้อู ะไรเพิม่ เติมบา้ ง? 3. มีความพร้อมหรือไม?่ / มีความเป็นไปได้ทจี่ ะทำหรือไม่? 4. ทำอย่างไรจึงจะพอดี พอประมาณ? / ทำอย่างไรจะสามารถรองรับปญั หาหรอื การเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้? 5. ลงมอื ทำอยา่ งไรจงึ จะสำเร็จ? 6. อะไรที่ทำได้ดี? / อะไรทยี่ ังทำไม่ได้ดี จะปรับปรุงแกไ้ ขอย่างไร? 7. เกดิ การเรียนรู้อะไรขึน้ บ้างจากการคิด/ทำตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ศูนยก์ ารเรยี นรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงด้านการศึกษา (ศรร.) หมายถึง สถานศึกษาพอเพียงที่มีความประสงค์จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพที่จะเป็นพี่เล้ียงขยายผล ไปสู่แก่สถานศึกษาอ่ืนๆ ในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่สถานศึกษา ด้วยการเป็นสถานท่ีศึกษา ดูงานเกี่ยวการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีบุคลากรท่ีสามารถเป็นวิทยากร ไม่ว่าจะเป็น ผู้บริหาร ครู หรือนักเรียนแกนนำ เป็นพ่ีเล้ียงให้แก่สถานศึกษาอ่ืนๆ ที่สนใจได้ และมีผลงานเชิงประจักษ์ว่าสามารถเป็น พ่ีเลี้ยงช่วยพัฒนาสถานศึกษาอ่ืนให้ผา่ นการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียงได้อย่างน้อย 1 แห่ง ซ่ึงมลู นิธสิ ยามกมั มาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเหล่านี้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และดำเนินการโดยเน้นความสมัครใจ การถอดบทเรียนการส ร้างเครือข่าย ผ่านตลาดนัดวิชาการเพื่อให้เกิด การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จนเมื่อได้มี การดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2553 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายขับเคล่ือนฯ หลายหน่วยงานพัฒนาเคร่ืองมือและข้ันตอน วิธีการประเมิน ตลอดจนพัฒนาและแต่งต้ังคณะกรรมการประเมิน “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” เพ่ือให้เกิดการขับเคล่ือนอย่างเป็นระบบ ทำให้ในปัจจุบันมีสถานศึกษาพอเพียงที่ผ่านการประเมินเป็น ศรร. ทั้งส้ิน 205 แห่ง จากทุกสังกัดกระจายอยู่ท่ัวประเทศ (ขอ้ มลู ณ เดือนสงิ หาคม พ.ศ. 2560) งานวจิ ัยที่เก่ยี วขอ้ ง นางผสมพร ประจันตะเสน ได้ศึกษาการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เร่ือง ลกั ษณะภูมิประเทศของไทย ของนักเรียนช้ัน ม.1/3 โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม ปีการศึกษา 2550 จำนวน 15 คน โดยใช้ ชุดฝึกการเรียน ผลการศึกษาพบว่านักเรียนช้ัน ม.1/3 จำนวน 15 คน มีค่าเฉลี่ยการประเมินโดยการใช้ชุดฝึก การเรียนในแต่ละชุด โดยภาพรวมดีข้ึนและมีผลการเรียนหลังการใช้ชุดฝึกดีกว่าก่อนการใช้ชุดฝึกทุกชุดการฝึก แสดงให้ เห็นว่าการใช้ชุดฝึกแบบให้นักเรียนฝึกเองทีละส่วนแบบจิ๊กซอร์ทำให้นั กเรียนเข้าใจได้ง่ายและจำได้แม่นยำข้ึน ทำให้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นสูงขน้ึ ดังน้ันผวู้ จิ ยั จึงควรมีการหาชุดฝกึ แบบจ๊กิ ซอร์ให้นกั เรยี นทำใหม้ ากยงิ่ ขน้ึ นางอัจฉรา มณีนิล ( 2545 ) ได้ศึกษาเร่ืองการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาสังคมศึกษาระหว่าง การสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปกับการสอนแบบปกติเร่ืองลักษณะภูมิประเทศ ของประเทศออสเตรเลียระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 จากผลการวิจัยพบว่า การใช้ชุดการเรียนด้วยตนเอง ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงขึ้น กล่าวคือ มีคะแนนเฉลี่ย 2.37 ซึ่งสูงกวา่ มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 2.30 และสามารถลดจำนวน นักเรียนที่ได้ผลการเรียน 0 ร และ มส. เหลือเพียงร้อยละ 1.087 น้อยกว่ามาตรฐานท่ีกำหนดคือ ร้อยละ 1.5 แสดงให้เห็นว่า ชุดการเรียนด้วย ตนเอง เป็นนวตั กรรมท่ีสามารถนำมาพฒั นาสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี นของนักเรยี นได้ นางพัชรบูลย์ ภูมิพันธุ์ ( 2550 ) ได้ศึกษาเร่ือง อาณาจักรสุโขทัย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 50 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนผดุงนารี สำนักงานเขต พื้นท่ีการศกึ ษามหาสารคามเขต 1 ซ่ึงได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling) ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ศูนย์การเรียน เร่ืองอาณ าจักรสุ โขทัยมีประสิทธิภ าพ 81.40/83.28 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ท่ีตงั้ ไว้ 80/80 และมคี ่าดัชนปี ระสิทธผิ ลเท่ากับ 0.59แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพ่ิมข้ึนร้อยละ 59.00 และ นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 103 มคี วามพงึ พอใจอยู่มนระดับมากทส่ี ดุ

มิส สิริพร ศรีสมวงษ์ ( 2549 ) ได้ศึกษาการแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนต่ำ โดยการใช้ การอ่านหนังสือช่วงเช้าของนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 6/8 ผลการวิจัยพบว่า 1. จากผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนใน ภาคเรียนที่ 2 พบว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำในภาคเรียนที่1 ท่ีมาอ่านหนังสือช่วงเช้าอย่างสม่ำเสมอมีผล การเรียนท่ีดีข้ึนท้ัง 2 วิชา 2. นักเรียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ำและไม่ได้มาอ่านหนังสือช่วงเช้าอย่างสม่ำเสมอ ยังมผี ลการเรยี นต่ำเชน่ เดมิ หรอื แยล่ ง นางสาวดวงฤดี แสงไกร ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา ส 43101 สังคมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. การใช้รูปแบบโครงงานในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา เป็นกิจกรรม ที่ให้นักเรยี นมี ส่วนร่วมท้ังทางรา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ และสังคม นักเรียนได้มีการลงมือปฏิบัติจรงิ ทำให้สามารถสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครู โดยมีการฝึกการทำงานเป็นทีม นักเรียนมี ส่วนร่วมใน การทำกิจกรรม และนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมคี ่าเฉล่ีย 2.78 2. ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนของนักเรียน กอ่ นเรียนและหลงั เรียน มีความแตกตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ ท่รี ะดับ .05 อญั ชลีตนานนท์; และคณะ (2542) ได้ศึกษาผลของการใช้แผนภูมิมโนทัศน์ในการสรปุ บทเรียนท่ีมีต่อผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน โดยการพัฒนาแผนการสอนเพื่อเสริมทักษะการคิดในหลักสูตรโรงเรียนมัธยมศึกษา วิชาสังคมศึกษา ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝร่ังเศสผลการวิจัยพบว่า การใช้แผนการสอนโดยใช้ แผนภูมิมโนทศั นใ์ นการสรปุ บทเรียนทําให้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียนดีขึน้ ภัทราภรณ์ พิทักธรรม (2543) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์และ เจตคติต่อวิชาสังคมศึกษาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้กิจกรรมสร้าง แผนภูมิมโนทัศน์กับการสอนตามคู่มือครูผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้กิจกรรม สร้างแผนภูมมิ โนทศั น์กบั การสอนตามคู่มือครูมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแตกตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สําคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดบั .01 มนมนัส สุดส้ิน (2543) ศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางวิทยาศาสตร์4 ด้าน คือ ด้านความรู้-ความจําด้านความเข้าใจ ด้านการนําไปใช้และด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์วิจารณ์ของนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ท่ีได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ประกอบการเขียนแผนผังมโนมติกับการสอนตามคู่มือครู ผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่ได้รับการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ประกอบการเขียนแผนผังมโนมติกบั การสอนตามคู่มอื ครู มีผลสัมฤทธิ์ทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 4 ด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความสามารถในการคิด วเิ คราะหว์ ิจารณ์แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั .01 ศิริพร ทรุเครือ (2544) ศึกษาผลของการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้แผนผังมโนทัศน์ท่ีมีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความคงทนในการเรียนรู้กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนท่ีได้รับการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้แผนผังมโนทัศน์มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและมีความคงทนในการเรียนรู้สูง กวา่ นักเรียนที่ไดร้ ับการสอนตามปกติอยา่ งมีนยั สาํ คัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั .01

บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจยั การวิจัยเร่ืองการศึกษาผลสัมฤทธ์ิวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 ผวู้ ิจัยได้ดำเนนิ การวจิ ัย ตามข้ันตอนดังนี้ 1. แบบแผนการวิจยั 2. ประชากร/กลุ่มตัวอยา่ งการวิจัย 3. เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ยั 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 6. สถติ ิท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 3.1 แบบแผนการวิจัย การวิจัยคร้ังนี้ เป็ น การวิจัยเชิงท ดลอง (Experimental Research) แบ บ กลุ่ม เดีย ว ท ดสอบ ก่อน และหลัง (One Group Pretest Posttest Design) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหน่วยการเรียนรู้การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ ม ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 โดยมีการดำเนนิ การวิจัยครัง้ น้ี 3.2 ประชากร/กล่มุ ตวั อยา่ ง กลุ่มตัวอยา่ งคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 รายวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมโรงเรยี นราชประนุเคราะห์ 21 จำนวน 34 คน 3.3 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัยคร้ังนีป้ ระกอบดว้ ย 3.3.1 วิธีการสอนแบบถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3.3.2 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 3.3.3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหลังเรียน

3.4 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การวิจัยคร้ังนี้ เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง (One Group Pretest - Posttest Design) โดยมีแบบแผนการวิจยั ดังน้ี T1 X T2 T1 แทนการสอบก่อนการทดลอง (Pretest) T2 แทนการสอบหลังการทดลอง (Posttest) X แทนการจดั กระทำหรือทดลอง (Treatment) โดยมรี ายละเอียดการดำเนนิ การทดลองดงั นี้ 1. ทดสอบก่อนเรียนจำนวน 20 ข้อ 2. ใชว้ ิธกี ารสอนโดยถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในการจัดการเรียนการสอน ตามแผน 3. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน 20 ข้อ 3.5 การวเิ คราะหข์ ้อมูล ในการศึกษาวิจัยเพ่ือศึกษาศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้หลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการจัดการเรียนรู้ในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนผู้วิจัยได้ดำเนินการ วเิ คราะห์โดยการทดสอบความแตกตา่ งระหว่างคา่ เฉลย่ี ของคะแนน ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น 3.6 สถิตทิ ีใ่ ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในการวิจัยคร้ังนผ้ี ู้วิจัยได้วิเคราะหข์ ้อมูลต่างๆ โดยใช้สูตรทางสถติ ิดงั ต่อไปน้ี 3.6.1 สูตรการหาคา่ เฉลี่ย  = X N เม่ือ  คอื คา่ เฉลี่ยของจำนวนคะแนน X คือ ผลรวมของคะแนนสอบท้ังหมด N คอื จำนวนนกั เรยี นทัง้ หมด วไิ ล ตัง้ จติ สมคิด และคณะ ( 2551 หน้า 40 ) 3.6.2 ค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) สัญลักษณ ค์ ือ S.D. เป็นค่ารากที่สองของ ความแปรปรวน S.D. = (x − x)2 n −1 (กลั ยา วานชิ ยบ์ ญั ชา, 2542,หน้า 35-36)

3.6.3 เปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียระหว่างคะแนนผลการทดสอบหลังเรยี นกบั คะแนนเฉล่ีย กอ่ นเรยี น โดยใช้ t-test สตู รดงั นี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) t= D D − (D)2  −1 เม่ือ t แทน คา่ ท่จี ะใช้พจิ ารณา t – distribution D แทน ผลรวมของความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบ ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของนักเรยี นแต่ละคน N แทน จำนวนนกั เรยี น D2 แทน ผลรวมของกำลงั สองของความแตกต่างระหวา่ ง คะแนนสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียนของผเู้ รียนแตล่ ะคน df =  -1

บทที่ 4 ผลการวิจัย การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหน่วยการเรยี นรู้การจัดการทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 21 โดยเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู เป็นลำดบั ในลักษณะตารางประกอบคำบรรยายดงั นี้ ตารางท่ี 1 แสดงผลการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/4 จากแบบทดสอบ เร่ือง หลักคำสอนของศาสนาตา่ งๆ เพ่อื การอยู่ร่วมกันอยา่ งสนั ติสุข ตารางแสดงคะแนนทีเฉลยี่ ของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนกอ่ นเรียน-หลงั เรียน รายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปปี จั จบุ นั (ปกี ารศกึ ษา 2/2563) จานวนนักเรียน 34 คน กอ่ นเรียน หลงั เรียน ท่ี ชื่อ สกลุ คะแนนเตม็ คะแนน คะแนน คะแนนเตม็ คะแนน คะแนน 20 คะแนน Z score T score 20 คะแนน Z score T score 1 กฤษณะ เลศิ หลัง่ หลาย 11 -0.06 49.40 11 -0.06 49.40 2 ศราวฒุ ิ ประวนั สรณ์ 9 -0.69 43.07 12 0.26 52.56 3 จารูญ จริยาธรรมคณุ 12 0.26 52.56 11 -0.06 49.40 4 พงษเ์ พชร อนันตก์ วี 8 -1.01 39.91 12 0.26 52.56 5 ณฐั พงษ์ ศศศิ รีสกลุ 12 0.26 52.56 14 0.89 58.89 6 ณฐั พงษ์ สุสิริรัตน์จรัส 5 -1.96 30.41 10 -0.38 46.23 7 ธนวนั ต์ สาณะคา 8 -1.01 39.91 13 0.57 55.73 8 พธิ าน อัตตะแจ่มใส 14 0.89 58.89 17 1.84 68.39 9 พทุ ธภูมิ แถววชิ า 13 0.57 55.73 17 1.84 68.39 10 ธญั ชนก พลียังชีพ 9 -0.69 43.07 13 0.57 55.73 11 นภาพร นฤมติ กานน 7 -1.33 36.74 12 0.26 52.56 12 ธิพาพร พมิ ลโรจน์ 9 -0.69 43.07 13 0.57 55.73 13 ปนัดดา วิมานสาคร 10 -0.38 46.23 14 0.89 58.89 14 ศศปิ ระภา หยกไพบูลย์สขุ 6 -1.64 33.58 10 -0.38 46.23 15 สุมติ รา เจตนาคมุ้ ทรัพย์ 10 -0.38 46.23 16 1.52 65.22 16 จุฬาลกั ษณ์ กรองให้ดี 8 -1.01 39.91 15 1.21 62.06 17 มลฤดี เดโชชลาลยั 5 -1.96 30.41 14 0.89 58.89 18 กามนุ ี ปลอดรุชา 8 -1.01 39.91 11 -0.06 49.40 19 ชนิดา ก่อเวียงไพร 12 0.26 52.56 15 1.21 62.06 20 นงนุช รวิพรรณพงศ์ 13 0.57 55.73 17 1.84 68.39 21 เพญ็ นภา รัตนฤทัย 8 -1.01 39.91 14 0.89 58.89 22 ยุวดา คงคากระสานตส์ิ ขุ 4 -2.28 27.25 16 1.52 65.22 23 วิชชุกร ประลองผล 9 -0.69 43.07 13 0.57 55.73 24 ศริ ิวรรณ เกษมพมิ าน 7 -1.33 36.74 13 0.57 55.73 25 สิริกร ถวัลย์บุปผา 8 -1.01 39.91 14 0.89 58.89 26 สดุ าพร ตอ่ มหาธนสาร 9 -0.69 43.07 16 1.52 65.22 27 สุมาลี ไมม่ ชี ื่อสกุล 11 -0.06 49.40 13 0.57 55.73 28 สรุ ภา สุพรรณ 8 -1.01 39.91 10 -0.38 46.23 29 หนึ่งธิดา อมรวนา 10 -0.38 46.23 12 0.26 52.56 30 อนิสรา เขตโชตวนากร 5 -1.96 30.41 13 0.57 55.73 31 อรสา จรูญมงคลกุล 11 -0.06 49.40 12 0.26 52.56 32 อารีรัตน์ วงศป์ ระภาพงศ์ 10 -0.38 46.23 13 0.57 55.73 33 ปวณี า เอกสังสรรค์ 11 -0.06 49.40 14 0.89 58.89 34 ดาวฟา้ กิจจารุพงศ์ 6 -1.64 33.58 12 0.26 52.56 คะแนนเฉลย่ี ( ) 9.07 43.30 13.56 57.49 S.D. 2.59 2.08 คะแนนเฉลย่ี ( ) ของคะแนนกอ่ นเรียนและหลงั เรียน = 11.31 SD = 3.24 คะแนนทีกอ่ นเรียนเฉลย่ี 43.30 คะแนนทีหลงั เรียนเฉลย่ี 57.49 ผลตา่ งของคะแนนทกี อ่ นเรียนและหลงั เรียน = 14.18 คะแนนทหี ลงั เรียนเพมิ่ ขึ้น 14.18 คดิ เปน็ ร้อยละ 32.75 จากตารางท่ี 1 สรุปได้ว่าการเปรียบเทียบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/4 ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของนักเรียน จากการที่นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ได้คะแนนเฉลี่ย 43.30 และแบบทดสอบหลังเรียน ได้คะแนนเฉล่ีย 57.49 เพิ่มขึ้น 11.31 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักเรียน มคี วามรู้ ความเข้าใจการเรียนการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ส่งิ แวดลอ้ มโดยใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมากขน้ึ กว่าการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น

บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การสรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะเก่ียวกับศึกษาศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมในหน่วยการเรียนรู้พระธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรื่ อ ง ก า ร จั ด ก า ร ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ภ า ค เรี ย น ท่ี 2 ปี ก า ร ศึ ก ษ า 2 5 6 3 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 21 ผู้วิจยั นำเสนอขอ้ มูล ดงั น้ี แบบแผนการวจิ ยั เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) แบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนและหลัง (One Group Pretest Posttest Design) ประชากร/กลมุ่ ตัวอย่าง นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6/4 โรงเรยี นราชประนุเคราะห์ 21 จำนวน 34 คน เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั วธิ ีการสอนแบบถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่อื ง การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม และแบบทดสอบกอ่ นเรียนหลงั เรยี น การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง โดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การหาค่าเฉล่ยี ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยระหว่างคะแนนผลการทดสอบหลังเรยี นกบั คะแนน เฉลีย่ ก่อนเรียน โดยใช้ t-test การอภิปรายผล การวิจัยคร้ังนี้เป็นการวิจัยในช้ันเรียน มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหน่วยการเรียนรู้การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาที่ยั่งยืน ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 6 โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 โดยมีกลุ่มเป้าหมายท่ีใช้วิจัยในคร้ังน้ี คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 6/4 จำนวน 34 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบดสอบและการถอดองค์ความรู้จากหน่วย การเรียนรู้การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน เร่ือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม รูปแบบการทดลองท่ีใช้ คือ การทดลองแบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนและหลังมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ การผ่านร้อยละ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ ผลการวิจัยพบว่าการเปรียบเทียบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/4 จากการที่นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ได้คะแนนเฉล่ีย 43.30 และแบบทดสอบหลังเรียน ได้คะแนนเฉล่ีย 57.49 เพิ่มข้ึน 11.31 ซงึ่ แสดงให้เห็นว่านกั เรียนมีความรู้ ความเข้าใจการเรยี นการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง หลักคำสอนของศาสนาต่างๆเพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมากข้ึนกว่า การทำแบบทดสอบก่อนเรยี น

ข้อเสนอแนะทวั่ ไป ผูสอนควรแนะนําใหนักเรียนรูจักการถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกอนเร่ิมทํากิจกรรม การเรียนรูเพื่อใหผูเรียนทราบและเกิดความเขาใจครูผู้สอนต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึง 2 หลักการ 3 เง่ือนไข 4 มิติ ของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งอย่างถ่องแท้ ขอ้ เสนอแนะในการวิจัยครั้งตอ่ ไป ควรมีการวิจัยเปรยี บเทียบการเรียนวิชาสังคมศึกษาโดยการถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กับการถอดความรูแ้ บบเทคนคิ Mind Mapping หรอื แผนผังความคดิ

เอกสารอา้ งองิ กรมวชิ าการ. (2551). หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย. กรมวชิ าการ. (2545). การวจิ ยั เพอื่ พฒั นาการเรยี นรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน. กรุงเทพฯ. ม.ป.พ. กงั วล เทยี นกัณฑ์เทศน.์ 2540. การวดั การวเิ คราะห์ การประเมนิ ทางการศกึ ษาเบ้ืองต้น. กรุงเทพฯ: ศูนย์ ส่อื เสริม กรุงเทพ. กรมวิชาการ. การสังเคราะหง์ านวจิ ยั เกีย่ วกบั รปู แบบการจดั การเรียนรู้ทเ่ี น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั . กรุงเทพฯ :โรงพมิ พค์ รุ ุสภา , 2544. กระทรวงศึกษาธิการ . (2549). โครงการขับเคลอื่ นปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงสสู่ ถานศึกษา. กรุงเทพฯ (เอกสาร อดั สาํ เนา) กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551. กระทรวงศึกษาธกิ าร.พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และแก้ไขเพ่ิมเติม(ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ. 2546. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การรบั ส่งสินคา้ และพสั ดุภณั ฑ.์ กระทรวงศกึ ษาธิการ.พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี 2 ) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องค์การรับส่งสนิ ค้าและพสั ดภุ ณั ฑ.์ คมสันติ์ โฉมยงค์. (2552). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคดิ อยา่ งมีเหตผุ ลและความมน่ั ใจในตนเอง ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 เรื่อง ชุมชนของเรา ระหว่างการใชบ้ ทเรยี นการ์ตูนประกอบการจัดกิจกรรมแบบ 4MAT การจดั กจิ กรรมกลุ่มร่วมมือแบบ STAD และการจัดกจิ กรรมแบบปกติ. การศกึ ษาค้นควา้ อสิ ระ กศ.ม. หลักสูตร และการสอน: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. นิธิ เอ่ยี วศรีวงศ.์ (2543). เศรษฐกิจพอเพียง เทคนิคหรอื วัฒนธรรม. วารสารศิลปวัฒนธรรม, 21(4) โนแวค โจเซฟ ดี; และโกวิน ดีบอ๊ บ. (2534) . ศิลปะการเรียนรู้= Learning How To Learn. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร [ ออนไลน์ ]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.rdpb.go.th/th/Sufficiency/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8 D%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8 %B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0% B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3- c32 (วันท่ีคน้ ข้อมลู 20 สิงหาคม 2563). เผด็จ กลุ ประดิษฐ.์ (2540). การศกึ ษาสภาพและปัญหาการสอนวชิ าสงั คมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา สังกดั ส านักงานการประถมศึกษาจังหวดั ชัยภมู .ิ ปรญิ ญานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์ มหาบัณฑิต, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น.

พวงรัตน์ ทวีรัตน.์ (2530). การสรา้ งและพฒั นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ.์ิ กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั ทดสอบทาง การศึกษาและจติ วิทยา มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร. พระบรมราโชวาท พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช พระราชทานแก่คณะครแู ละนักเรียน ท่ไี ด้รบั พระราชทานรางวลั ณ ศาลาดุสดิ าลยั , (2537). ม.ป.ท. เศรษฐกิจพอเพยี งสู่สถานศึกษา. [ ออนไลน์ ]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.sufficiencyeconomy.org. (วนั ท่คี น้ ข้อมูล 1 มีนาคม 2552). ปรียานุช พิบลู สราวุธ (2551) คลังหลวงกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โครงการวิจยั เศรษฐกิจ พอเพยี ง. กรุงเทพมหานคร ภัทราภรณ์พทิ กั ษ์ธรรม. (2543). การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์และเจตคติ ต่อวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ที่ไดร้ ับการสอนแบบสบื เสาะหาความรูโ้ ดยใช้ กิจกรรมสร้างแผนภูมิมโนทศั นก์ ับการสอนตาม คู่มือคร.ู หลกั การขับเคลื่อน ปศพพ. ส่สู ถานศกึ ษา ตามรูปแบบ รศ.ดร.ทิศนา แขมมณี [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.gotoknow.org/posts/554995 (วนั ทค่ี น้ ข้อมูล 20 สงิ หาคม 2563). หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา [ ออนไลน์ ]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.sufficiencyeconomy.org/eduplan/# (วันทีค่ ้นข้อมูล 20 สงิ หาคม 2563). อัญชลีตนานนท์; และคณะ. (2542). รายงานการวิจัยเรื่องการพัฒนาแผนการสอนเพ่ือเสรมิ สร้าง ทกั ษะการคดิ ใน หลกั สูตรโรงเรียนมธั ยมศึกษา. เชยี งใหม่: ภาควิชามธั ยมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. อําไพ ลคั นาอนุสรณ.์ (2545). การเปรียบเทยี บความเขา้ ใจในการอ่านและความสามารถทาง การเขยี นสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี1 ท่ไี ดร้ ับการสอน โดยใช้ผังมโนทัศน์กับการสอนตามคู่มือครู. ปรญิ ญานิพนธก์ ศ.ม. (การมธั ยมศกึ ษา). กรุงเทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร. อมั พร อรุณพราหมณ์. (2539). เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ศาสนาและ วฒั นธรรมและความรับผดิ ชอบของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่4 ท่ี ไดร้ บั การสอนโดยใช้ชุดการเรยี นกบั การสอนตามคู่มือ ครู. ปรญิ ญานิพนธก์ ศ.ม. (การ มธั ยมศึกษา). กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. ถ่ายเอกสาร. Ault, Chariest R. (2535, October). Concept Mapping as a Study Strategy in Earth Scinence. Bloom] B.S. Human Characteristics and School Learning. New York : McGraw - Hill Book Company, 1976. Novak, Josweph D.; & Gowin, D. Bob. (1984). Learning How to Learn. London: Cambridge University Press.

ภาคผนวก

นกั เรียนนำเสนอชิน้ งานและถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จากเรอ่ื ง การจัดสรรทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม (หลกั 7R)

นกั เรียนนำเสนอชิน้ งานและถอดบทเรียนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จากเรอ่ื ง การจัดสรรทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม (หลกั 7R)

นกั เรยี นนำเสนอช้ินงานและถอดบทเรยี นตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จากเรอ่ื ง การจัดสรรทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม (กฎหมายอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม)

นกั เรยี นนำเสนอช้ินงานและถอดบทเรยี นตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง จากเรอ่ื ง การจัดสรรทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม (กฎหมายอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook