Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ราชอาณาจักรไทย-thailand

ราชอาณาจักรไทย-thailand

Description: ราชอาณาจักรไทย-thailand

Search

Read the Text Version

จาก 4 ยทุ ธศาสตรข์ า้ งตน้ สามารถจดั กลมุ่ ยอ่ ยออกเปน็ 13 กลยทุ ธ์ 34 มาตรการ โดยใหส้ �ำ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั เปน็ ผปู้ ระสานงาน และ ให้ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเศรษฐกิจการคลัง ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั งานการเงนิ การคลงั อาเซยี นอกี ต�ำ แหนง่ หนง่ึ [6] กระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงสำ�คัญท่ีจะขับเคล่ือนกลไกการ ปกครอง กลไกเศรษฐกจิ จากสว่ นกลางถงึ สว่ นทอ้ งถน่ิ แผนยทุ ธศาสตรซ์ ง่ึ เป็นเคร่อื งบอกทิศทางของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการลงนามให้ความ เหน็ ชอบเมอ่ื วนั ท่ี 2 สงิ หาคม พ.ศ. 2557 ทผ่ี า่ นมา[29] โดยเรยี กวา่ “แผนยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยใน การเขา้ รว่ มเปน็ ประชาคมอาเซยี นปี พ.ศ. 2558” รวมทง้ั ใชเ้ ปน็ แนวทาง ปฏิบัติของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซ่ึงแผนดังกล่าว ประกอบดว้ ย 5 ยทุ ธศาสตรห์ ลกั ดงั น้ี [29] 1. เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของเศรษฐกจิ ฐานรากเพอ่ื เชอ่ื มโยงโอกาส จากการรวมตวั กระทรวงฯ รบั หนา้ ทห่ี ลกั ในการขจดั ความยากจนทง้ั ใน ระดบั ประเทศและระดบั ความรว่ มมอื อาเซยี น จงึ ตอ้ งสรา้ งความเขม้ แขง็ ชุมชน ยกระดับรายได้และความเป็นอย่ขู องประชาชนให้ดีข้นึ เช่น การ พฒั นาศกั ยภาพผผู้ ลติ ผปู้ ระกอบการ และการตลาดสนิ คา้ หนง่ึ ต�ำ บลหนง่ึ ผลิตภัณฑ์ ส่สู ากล และมอบหมายให้ผ้วู ่าราชการจังหวัดให้ความสำ�คัญ กับอุตสาหกรรมท่องเท่ยี วท้งั เร่อื งการสร้างมาตรฐานบริการท่ดี ี การหา จดุ เดน่ เรอ่ื งการทอ่ งเทย่ี ว รวมทง้ั การแกไ้ ขปญั หาโดยเรว็ 100

2. เสริมสร้างความสงบเรียบร้อยและความม่ันคง บรรเทาปัญหา ภยั พบิ ตั ิ กระทรวงฯ ไดใ้ หก้ รมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เตรยี มการ จดั การภยั พบิ ตั อิ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทง้ั ในประเทศและระดบั ความรว่ มมอื อาเซยี น ซง่ึ เปน็ ความมน่ั คงรปู แบบใหม่ 3. เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพชมุ ชนและอตั ลกั ษณอ์ าเซยี น ไดม้ อบหมายให้ นายอำ�เภอ กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน สร้างความตระหนักและความเข้าใจแก่ ประชาชนในพ้นื ท่ดี ้วยภาษาง่าย ๆ โดยจังหวัดท่ตี ้องให้ความสำ�คัญเป็น พิเศษคือ 31 จังหวัดท่ีมีพรมแดนติดกับประเทศเพ่ือนบ้าน นอกจากน้ี จังหวัดใกล้เคียงท่ีเป็นหัวเมืองใหญ่ก็ต้องเร่งสร้างความตระหนักรู้ด้วย ส�ำ หรบั ภาพรวมของจงั หวดั ทโ่ี ดดเดน่ เรอ่ื งการสรา้ งความตระหนกั รอู้ าเซยี น ได้แก่ มหาสารคามและนครพนม ท้งั สองจังหวัดมีศูนย์อาเซียนศึกษาให้ ความรคู้ วามเขา้ ใจแกเ่ ยาวชน 4. การพฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรและระบบบรหิ ารจดั การ กระทรวงฯ ต้องการให้บุคลากรในสังกัดมีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะท่เี หมาะสม และมรี ะบบบรหิ ารจดั การทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพรองรบั ประชาคมอาเซยี น โดย จดั โครงการเรยี นรทู้ างไกลแบบ E-Learning เพอ่ื พฒั นาทกั ษะดา้ นภาษา องั กฤษ 5. การสรา้ งความเชอ่ื มโยงระหวา่ งกนั ในอาเซยี น กระทรวงมหาดไทย ในฐานะผนู้ �ำ ของทมี งานจงั หวดั อน่ื ๆ ทว่ั ประเทศ 76 จงั หวดั จงึ ตอ้ งมสี ว่ น รว่ มในการพฒั นาโลจสิ ตกิ ส์ สถานขี นสง่ การเปดิ จดุ ผา่ นแดน กระทรวงคมนาคม จากแผนแมบ่ ทวา่ ดว้ ยความเชอ่ื มโยงระหวา่ งกนั ในอาเซยี น (Master ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 101

Plan on ASEAN Connectivity : MPAC) ทเ่ี นน้ การเชอ่ื มโยง 3 ดา้ นหลกั ไดแ้ ก ่ การเชอ่ื มโยงดา้ นโครงสรา้ งพน้ื ฐาน การเชอ่ื มโยงดา้ นกฎระเบยี บ และความเชอ่ื มโยงระหวา่ งประชาชน ซง่ึ ไดร้ บั การขยายผลโดยทป่ี ระชมุ รัฐมนตรีขนส่งอาเซียน คร้งั ท่ี 16 ได้รับรองแผนปฏิบัติการบรูไน 2555- 2558 (Brunei Action Plan 2011-2015)[12] ซง่ึ เปน็ แผนการด�ำ เนนิ งาน ดา้ นการขนสง่ ของอาเซยี นระยะ 5 ป ี ทม่ี กี ารเชอ่ื มโยงกนั ทง้ั ดา้ นการคา้ การบรกิ าร และการไปมาหาสกู่ นั ของประชาชน ทง้ั น้ี กระทรวงคมนาคม ไดป้ ฏบิ ตั กิ ารทค่ี รอบคลมุ 5 ดา้ นคอื [13] ดา้ นการขนสง่ ทางถนน ดา้ นการขนสง่ ทางถนน ไดเ้ รง่ พฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางหลวงระหวา่ ง ประเทศ 5 โครงการ แลว้ เสรจ็ 1 โครงการ ไดแ้ ก่ สายอ�ำ เภอพบิ ลู มงั สาหาร– ชอ่ งเมก็ (สว่ นท่ี 1) และอยรู่ ะหวา่ งด�ำ เนนิ การอกี 4 สาย ไดแ้ ก่ สายคอน สะตอ–วังปะจัน จังหวัดสตูล สายสุไหงโกลก–อำ�เภอแว้ง–บ้านบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส สายอำ�เภอพิบูลมังสาหาร–ช่องเม็ก(ส่วนท่ี 2) เชิงเขา ตะนาวศร–ี กอกะเรก็ พรอ้ มปรบั ปรงุ ทางเดมิ สายเมยี วด–ี เชงิ เขาตะนาวศรี นอกจากนย้ี งั ไดพ้ ฒั นาปรบั ปรงุ มาตรฐานทางหลวง ปา้ ยจราจร สง่ิ อ�ำ นวย ความสะดวกในการขนสง่ เรง่ รัดการจัดท�ำ มาตรฐานความปลอดภัยทาง ถนนและการควบคุมมลพิษ จัดทำ�ระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System: ITS) และพฒั นาสมรรถนะบคุ ลากร ดา้ นการขนสง่ 102

ดา้ นการขนสง่ ทางรถไฟ ดา้ นการขนสง่ ทางรถไฟ ไดเ้ รง่ พฒั นาการเชอ่ื มโยงทางรถไฟสปู่ ระเทศ เพอ่ื นบา้ นใน 3 เสน้ ทาง ไดแ้ ก่ เสน้ ทางเดน่ ชยั –เชยี งราย–เชยี งของ เชอ่ื ม โยงกับเส้นทางการค้า R3E เส้นทางบ้านไผ่–มหาสารคาม–ร้อยเอ็ด– มุกดาหาร–นครพนม ในเส้นทางสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่อื มโยง กบั สปป.ลาว และเสน้ ทางโครงขา่ ยชว่ งทข่ี าด (Missing Link) ชว่ งสถานี อรญั ประเทศ–คลองลกึ เชอ่ื มโยงประเทศกมั พชู า ดา้ นการขนสง่ ทางนา้ํ ดา้ นการขนสง่ ทางนา้ํ ไดส้ ง่ เสรมิ การขนสง่ สนิ คา้ ทางล�ำ นา้ํ โขง โดยเปดิ ใช้ท่าเทียบเรือเชียงแสน 2 และบูรณาการให้เกิดมาตรฐานในการขนส่ง ทางทะเลรว่ มกนั เชน่ จดั ท�ำ โครงสรา้ งอตั ราคา่ ภาระทา่ เรอื อาเซยี น รวม ทง้ั ยกระดบั มาตรฐานการควบคมุ ดแู ลดา้ นความปลอดภยั และสง่ิ แวดลอ้ ม ในการเดินเรือ พัฒนามาตรฐานบุคลากรร่วมกัน โดยการฝึกซ้อมร่วมใน การคน้ หาและชว่ ยเหลอื อากาศยานและเรอื ทป่ี ระสบภยั รวมถงึ พฒั นาการ ขนสง่ ทางล�ำ นา้ํ อยา่ งยง่ั ยนื ดา้ นการขนสง่ ทางอากาศ ดา้ นการขนสง่ ทางอากาศ ไดเ้ พม่ิ ประสทิ ธภิ าพ โดยการขยายขดี ความ สามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะท่ี 2 และท่าอากาศยานภูเก็ตให้ เปดิ ใชบ้ รกิ ารทางอากาศเตม็ ขดี ความสามารถและท�ำ ความรว่ มมอื ท�ำ ความ ตกลงดา้ นการบนิ กบั ประเทศคเู่ จรจา เชน่ จนี เกาหลใี ตแ้ ละอนิ เดยี ฯลฯ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 103

ดา้ นการอ�ำ นวยความสะดวกในการขนสง่ ดา้ นการอ�ำ นวยความสะดวกในการขนสง่ ไดม้ กี ารเรง่ รดั จดั ท�ำ กรอบ ความตกลงดา้ นการขนสง่ ของอาเซยี น 3 ฉบบั ใหม้ ผี ลในทางปฏบิ ตั ิ ประกอบ ดว้ ย กรอบความตกลงวา่ ดว้ ยการอ�ำ นวยความสะดวกในการขนสง่ สนิ คา้ ผ่านแดน กรอบความตกลงว่าด้วยการอำ�นวยความสะดวกในการขนส่ง ข้ามแดนและกรอบความตกลงว่าด้วยการขนส่งต่อเน่ืองหลายรูปแบบ รวมทง้ั จดั ท�ำ ความตกลงการขนสง่ ผโู้ ดยสารระหวา่ งประเทศ พฒั นาเสน้ ทางใหมใ่ นการขนสง่ และเสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถของผปู้ ระกอบการ ขนสง่ ตอ่ เนอ่ื งหลายรปู แบบ ตลอดจนการปรบั ปรงุ กฎระเบยี บ และกฎหมาย เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการขนสง่ ขา้ มพรมแดน นอกจากน้ี การปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายในการเปน็ ศนู ยก์ ลางการ เชอ่ื มโยงระหวา่ งกนั ในอาเซยี น ยงั ไดล้ งทนุ ในโครงสรา้ งพน้ื ฐานของประเทศ ดว้ ยวงเงนิ การลงทนุ รวม 2.27 ลา้ นลา้ นบาท ซง่ึ ไดจ้ ดั เตรยี มแผนการลงทนุ พฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานระบบการขนสง่ ทกุ ๆดา้ น และมโี ครงการส�ำ คญั ไดแ้ ก่ การพฒั นาโครงขา่ ยทางหลวงพเิ ศษระหวา่ งเมอื ง (Motorway) การ พฒั นารถไฟความเรว็ สงู 4 สาย การพฒั นาทางคแู่ ละทางรถไฟสายใหม่ 9 สายทาง การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะท่ี 2 และการพัฒนา ทา่ เรอื แหลมฉบงั เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน และเพม่ิ ความ สามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำ�หนดยุทธศาสตร์ในการเตรียม ความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนไว้ 8 ยุทธศาสตร์ 104

เพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถทางการแข่งขันเม่ือเปิด AEC โดยยุทธศาสตร ์ ทง้ั 8 ประกอบดว้ ย[10] ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 การบรหิ ารจดั การเขตเศรษฐกจิ ส�ำ หรบั สนิ คา้ เกษตร ทส่ี �ำ คญั หรอื Zoning วเิ คราะหค์ วามเหมาะสมของดนิ กบั พชื แตล่ ะชนดิ และสรา้ งความสมดลุ ในเรอ่ื งของปรมิ าณการผลติ และการใชส้ นิ คา้ เกษตร เป็นรายชนิดสินค้า ท้ังน้ี เพ่ือปรับให้อุปสงค์กับอุปทานมีความสมดุล ซง่ึ จะสรา้ งใหร้ าคาสนิ คา้ เกษตรมเี สถยี รภาพมากขน้ึ ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer (เกษตรกร ปราดเปร่อื ง) มีจุดประสงค์เพ่อื ต้องการให้เกษตรกรมีองค์ความร้ใู นการ ท�ำ การเกษตรทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 การพฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานสนิ คา้ เกษตรตลอด ห่วงโซ่การผลิต เก่ยี วข้องกับโครงการอาหารปลอดภัย (Food Safety) การรับรองมาตรฐานสินค้า (สัญลักษณ์ Q) ท้งั ในเร่อื งของตัวสินค้าและ ปจั จยั การผลติ การก�ำ หนด พ.ร.บ.มาตรฐานสนิ คา้ เกษตร ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การพฒั นาศนู ยเ์ มลด็ พนั ธพ์ุ ชื Asean Seed Hub ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 5 การพฒั นาเมอื งเกษตรสเี ขยี ว (Green City) คอื การ ผลติ ทเ่ี ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ยุทธศาสตร์ท่ี 6 การจัดการดินและน้ํา คือต้องการขยายพ้ืนท่ี ชลประทานใหเ้ พม่ิ ขน้ึ ยุทธศาสตร์ท่ี 7 การเพ่ิมศักยภาพด่านสินค้าเกษตรชายแดนเพ่ือ รองรับ AEC ซ่งึ ด่านตรวจสินค้าเป็นหัวใจท่สี ำ�คัญ เพราะประเทศไทยมี ดา่ นชายแดนตดิ กบั ประเทศตา่ ง ๆ จ�ำ นวนมาก จ�ำ เปน็ ตอ้ งพฒั นาศกั ยภาพ การท�ำ งานของดา่ นทง้ั อปุ กรณ์ และบคุ ลากร ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 105

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 8 การพฒั นาศนู ยเ์ ครอ่ื งจกั รกลทางการเกษตร ใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลางของอาเซยี น เนอ่ื งจากในอนาคตแรงงานภาคเกษตรจะขาดแคลน อยา่ งมาก จ�ำ เปน็ ตอ้ งเปน็ ศนู ยร์ วมเครอ่ื งจกั รกลการเกษตร จาก 8 ยทุ ธศาสตรไ์ ดพ้ ฒั นาเปน็ โครงการส�ำ คญั (Flagship Project) ซ่งึ ได้มกี ารรายงานให้คณะรฐั มนตรมี มี ติรับทราบตามทก่ี ระทรวงเกษตร และสหกรณน์ �ำ เสนอถงึ ความกา้ วหนา้ โครงการส�ำ คญั (Flagship Project) เมอ่ื วนั ท่ี 25 ก.พ. 2557 ทผ่ี า่ นมา[11] กระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงานแผนพัฒนากำ�ลังคนในระดับประเทศ พ.ศ. 2555 – 2559 ใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงทางภาวะเศรษฐกจิ และการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น โดยไดก้ �ำ หนดยทุ ธศาสตรแ์ ละการเตรยี มการปฏบิ ตั ิ ดงั น[้ี 22] ยุทธศาสตร์ท่ี 1 การผลิตและพัฒนาศักยภาพกำ�ลังคนทุกระดับ ตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ โดยสร้างแหล่งเรียนร้แู ละส่งเสริมให้มีช่องทางการ ศึกษาเพ่อื ให้เกิด การเรียนรู้และการพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต ท้ังร่วมมือกับหน่วยงาน ทางด้านการศึกษาเพ่ือเร่งส่งเสริมทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ จนี และภาษาเพอ่ื นบา้ น) ฯลฯ ยุทธศาสตร์ท่ี 2 การสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ดา้ นก�ำ ลงั คนทกุ ภาคสว่ น โดยส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Work Integrated Learning (WIL) มากขน้ึ ในทกุ ระดบั เพอ่ื พฒั นาทกั ษะในการท�ำ งานจรงิ 106

เพ่ิมความพร้อมให้กับคนในวัยแรงงาน ให้มีโอกาสเพ่ิมเติมทักษะฝีมือ แรงงานได้ตลอดเวลาโดยผ่านระบบ ICT และจดั เตรียมก�ำ ลังคนในบาง สาขาทข่ี าดแคลนทง้ั ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพ โดยผลกั ดนั ใหพ้ ฒั นาหลกั สตู ร การเรยี นการสอนใหต้ รงตอ่ ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 การพฒั นาก�ำ ลงั คนใหม้ ศี กั ยภาพสงู และมคี วามสามารถ ในระดบั สากล โดยเตรยี มความพรอ้ มก�ำ ลงั คนเพอ่ื รองรบั การขยายตวั ของตลาดสนิ คา้ และบรกิ ารอนั เนอ่ื งมาจากการรวมกลมุ่ ในภมู ภิ าคอาเซยี น ทง้ั สง่ เสรมิ และ พัฒนากำ�ลังคนให้มีศักยภาพความร้คู วามสามารถ ทักษะฝีมือ ทักษะ ใหม่ ๆ (ดา้ นนวตั กรรมและเทคโนโลย)ี และทกั ษะดา้ นภาษาเพม่ิ ขน้ึ เพอ่ื รองรบั การยา้ ยฐานการผลติ ทจ่ี ะเขา้ มาในประเทศ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การสรา้ งเสรมิ เครอื ขา่ ยในการพฒั นาก�ำ ลงั คน โดยสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในการพัฒนากำ�ลังคนอย่างเป็น รูปธรรม มีการจัดระบบการวางแผนพัฒนากำ�ลังคนเพ่ือรองรับการ ขยายตัวของเศรษฐกิจ มีการเสริมความรู้ด้านการวางแผนและบริหาร จดั การทรพั ยากรทเ่ี หมาะสมใหก้ บั ทกุ ภาคสว่ น ทง้ั สง่ เสรมิ สรา้ งกระบวนการ มสี ว่ นรว่ มเพอ่ื พฒั นาเครอื ขา่ ยภาคดี า้ นก�ำ ลงั คน และพฒั นาดา้ นการขยาย เครอื ขา่ ยขอ้ มลู ขา่ วสารตลาดแรงงาน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 5 การสนบั สนนุ ใหก้ �ำ ลงั คนมคี วามมน่ั คงและหลกั ประกนั ในชวี ติ โดยปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารจดั การดา้ นสวสั ดกิ ารและคา่ ตอบแทนเพอ่ื ใหแ้ รงงานมหี ลกั ประกนั ทม่ี น่ั คง/คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ใี หแ้ กแ่ รงงานทง้ั ในระบบ และนอกระบบ ท้งั สนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรเก่ียวกับนายจ้าง และลกู จา้ ง ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 107

ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 6 การสนบั สนนุ ใหก้ �ำ ลงั คนมคี ณุ ธรรม โดยพฒั นาคนทกุ ชว่ งวยั อยา่ งเปน็ องคร์ วมทง้ั ดา้ นสตปิ ญั ญา อารมณ์ คุณธรรม และจริยธรรม เพ่อื ให้เกิดจิตสำ�นึกของในความรับผิดชอบต่อ สงั คมและมคี วามศรทั ธาในศาสนา ทส่ี ง่ เสรมิ ศลี ธรรม และสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ในสงั คม เม่ือเดือนเมษายน พ.ศ. 2557 กระทรวงแรงงานได้จัดต้ัง “กองอาเซียน”[23] ให้มีหน้าท่ีในการจัดทำ�ยุทธศาสตร์ นโยบายและ ขอ้ เสนอแนะ แนวทางการด�ำ เนนิ งานดา้ นแรงงานในกรอบอาเซยี น และ ความร่วมมือในกรอบพหุภาคีอ่ืนๆ รวมท้ังดำ�เนินการขับเคล่ือนแผน ยทุ ธศาสตรก์ ารเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื รองรบั การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น และในเดอื นมถิ นุ ายน พ.ศ. 2557 กระทรวงแรงงานจะเปน็ เจา้ ภาพจดั การ ประชมุ ยกรา่ งตราสารอาเซยี น เพอ่ื รว่ มกนั รา่ งกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน ตา่ งดา้ วระดบั ลา่ ง ซง่ึ จะชว่ ยใหท้ ง้ั แรงงานตา่ งดา้ วทม่ี าท�ำ งานในไทยไดร้ บั การคมุ้ ครอง ขณะเดยี วกนั แรงงานไทยทไ่ี ปท�ำ งานในตา่ งประเทศกจ็ ะได้ รบั การคมุ้ ครองเชน่ กนั กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและการกฬี า กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและการกฬี า ไดท้ �ำ ความรว่ มมอื กบั กระทรวง การท่องเท่ียวของรัฐสมาชิกอาเซียน ว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติ บุคลากรวิชาชีพท่องเท่ียวอาเซียน(ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals: MRA) โดยกำ�หนดให้มี กรรมการ 3 ชดุ ดงั น[้ี 7] 108

1.คณะกรรมการวชิ าชพี การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ (National Tourism Professional Board : NTPB) ประกอบดว้ ย ผแู้ ทนจากภาครฐั ภาคเอกชน รวมทง้ั นกั วชิ าการ และ ผมู้ สี ว่ นรว่ มดา้ นการทอ่ งเทย่ี วทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยองคก์ ารทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ ของแตล่ ะรฐั สมาชกิ อาเซยี นเปน็ ผคู้ ดั เลอื ก 2. คณะกรรมการรบั รองคณุ วฒุ วิ ชิ าชพี การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาต ิ Tourism Professional Certification Board: TPCB) ประกอบดว้ ย คณะกรรมการ ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐท่ีได้รับมอบอำ�นาจจากรัฐบาลของแต่ละ รฐั สมาชกิ อาเซยี น 3.คณะกรรมการติดตามตรวจสอบวิชาชีพการท่องเท่ียวอาเซียน (ASEAN Tourism Professional Monitoring Committee: ATPMC ประกอบดว้ ย องคก์ ารทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ (รฐั สมาชกิ อาเซยี น) และผแู้ ทนท่ี ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั จากคณะกรรมการวชิ าชพี การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ กระทรวงพลงั งาน จากการประชุมรฐั มนตรพี ลงั งานอาเซียนครง้ั ท่ี 31 ท่อี ินโดนีเซียเมอ่ื วนั ท่ี 25-26 กนั ยายน พ.ศ. 2556 กระทรวงพลงั งานไดผ้ ลกั ดนั ความรว่ ม มอื ทส่ี �ำ คญั ในอกี 2 ดา้ น คอื โครงการดา้ นการสรา้ งการรวมตวั ของตลาด พลังงานอาเซียน (ASEAN Energy Market Integration: AEMI) ซ่งึ จะ ช่วยให้สมาชิกอาเซียนสามารถเช่อื มโยงแหล่งพลังงานในอาเซียนเข้ากับ แหลง่ ทม่ี คี วามตอ้ งการการใชพ้ ลงั งานในอาเซยี นผา่ นการเชอ่ื มโยงโครงสรา้ ง ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 109

พน้ื ฐานดา้ นตา่ งๆ และน�ำ ไปสกู่ ารลดความไมส่ มดลุ ระหวา่ งความตอ้ งการ และการจดั หาพลงั งานในอาเซยี น รวมทง้ั โครงการสรา้ งความตระหนกั รู้ ด้านพลังงานในอาเซียน (ASEAN Energy Literacy Cooperation Initiative: AELCI) เพอ่ื ใหป้ ระชากรของประชาคมอาเซยี นมขี อ้ มลู และมี เหตผุ ลเพยี งพอตอ่ การตดั สนิ ใจในดา้ นพลงั งาน ซง่ึ จะสง่ ผลตอ่ การด�ำ เนนิ ชวี ติ ตง้ั แตร่ ะดบั ของครวั เรอื น ประเทศชาติ และภมู ภิ าคโดยรวม ประเทศไทย ไดร้ เิ รม่ิ ในการจดั ประชมุ เรอ่ื ง “ความตระหนกั รดู้ า้ นพลงั งานของอาเซยี น (AELCI)” ในเดอื นมกราคม พ.ศ.2557 ทผ่ี า่ นมา[18] กระทรวงอตุ สาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน่วยงานท่ีให้การส่งเสริมและสนับสนุน การเขา้ สปู่ ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นดงั น้ี ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม (สศอ.) ได้เข้าร่วมในการเจรจา/เสนอแนะท่าทีเพ่อื กำ�หนดระยะเวลาในการ ลดภาษี และกฎว่าด้วยถ่นิ กำ�เนิดสินค้าท่ีเหมาะสมในการเปิดเสรีสินค้า อุตสาหกรรม รวมท้ัง เป็นหน่วยงานหลักในการดำ�เนินโครงการความ รว่ มมอื ดา้ นอตุ สาหกรรมของอาเซยี น (ASEAN Industrial Copperation Scheme) เพ่อื เพ่มิ ศักยภาพในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมของอาเซียน และสนบั สนนุ การแบง่ ผลติ และการใชว้ ตั ถดุ บิ ในภมู ภิ าค ส�ำ นกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม (สมอ.) เปน็ หนว่ ยงานหลกั ฝา่ ยไทย ซง่ึ รบั ผดิ ชอบในการอ�ำ นวยความสะดวก ด้านการค้า ลดอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Technical Barriers to Trade: TBT) ระหวา่ งประเทศสมาชกิ อาเซยี น 110

กรมอตุ สาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมอื งแร่ (กพร.) รบั ผดิ ชอบความรว่ มมอื ดา้ นแรธ่ าตขุ องอาเซยี น ส�ำ นกั งานสง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (สสว.) เปน็ ผแู้ ทนไทยเข้ารว่ มก�ำ หนดแผนงานความรว่ มมอื และดำ�เนนิ งาน สง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มของอาเซยี น ส่วน สำ�นักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ซ่ึงเป็น หน่วยงานหลักฝ่ายไทยท่ีรับผิดชอบเร่ืองการเปิดเสรีสาขาการลงทุน ไดย้ า้ ยสงั กดั จากกระทรวงอตุ สาหกรรม ไปสงั กดั ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี 5.1.3 ยทุ ธศาสตรก์ ารเตรยี มความพรอ้ มเขา้ สปู่ ระชาคมสงั คม และวฒั นธรรมอาเซยี น กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ ไดร้ บั มอบหมายจากคณะรฐั มนตร[ี 8]ใหเ้ ปน็ หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบหลกั ของไทย ในการประสานการด�ำ เนนิ งานตามแผนงานการจดั ตง้ั ประชาคม สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio Cultural Community: ASCC) ซง่ึ ในการเตรยี มความพรอ้ มการจดั ตง้ั ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรม อาเซยี น ไดม้ กี ารประชมุ และประสานการด�ำ เนนิ งานเปน็ ระยะๆ รว่ มกบั หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้การทำ�งานการจัดต้ังประชาคมสังคมและ วฒั นธรรมอาเซยี นบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ง้ั 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ (1) การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ (2) การคมุ้ ครองและสวสั ดกิ ารสงั คม (3) สทิ ธแิ ละความยตุ ธิ รรมทางสงั คม ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 111

(4) ความยง่ั ยนื ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม (5) การสรา้ งอตั ลกั ษณอ์ าเซยี น (6) การลดชอ่ งวา่ งการพฒั นา โดยผ่านมาคณะกรรมการขับเคล่ือนการเป็นประชาคมสังคมและ วัฒนธรรมอาเซียน ได้ใช้กองอาเซียนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความม่นั คงของมนุษย์ไว้ประสานงานและติดตามภารกิจของประชาคม สงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี นทง้ั ในและตา่ งประเทศ[9] กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดจ้ ดั ท�ำ แผนยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื ดำ�เนินการภายใน ปี พ.ศ. 2555 - 2558 เพ่อื รองรับการเป็นประชาคม อาเซยี น ดงั น[้ี 28] 1. การใหค้ วามส�ำ คญั กบั การศกึ ษา โดยรณรงคใ์ หป้ ระชากรทกุ คนอา่ น ออกเขียนได้ ลดอัตราการไม่รู้หนังสือ เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียม โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนทางไกลการ ศกึ ษานอกระบบ การเรยี นจากศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน (Community Learning Centres - CLCs) ท้ังน้ีประเทศไทยได้รับการยอมรับจากกลุ่มประเทศ อาเซียนว่าเป็นประเทศท่มี ีความเข้มแข็งในการส่งเสริมการพัฒนาระบบ การเรียนการสอนผ่าน CLCs รวมท้ังมีความเช่ือมโยงกับศูนย์การเรียน ชมุ ชนในประเทศสมาชกิ อาเซยี นอน่ื ดว้ ยและยงั ใหค้ วามส�ำ คญั กบั การจดั ทำ�หลักสูตรมาตรฐานอาเซียน (ASEAN Curriculum) สำ�หรับช่วงช้ัน ประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา อีกท้ังประเทศไทยยังเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารระดบั ภมู ภิ าค เพอ่ื จดั ท�ำ รายละเอยี ดหลกั สตู รอาเซยี น ในเดอื นกนั ยายน พ.ศ.2555 112

2. การลงทนุ ในการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ โดยสง่ เสรมิ การสอนภาษา องั กฤษซง่ึ เปน็ ภาษาราชการของอาเซยี น โดยจดั หลกั สตู ร Preparation for the ASEAN Community in 2015 แกค่ รแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา จ�ำ นวน 35,000 คน เพอ่ื ฝกึ ฝนทกั ษะภาษาองั กฤษ 3. การสง่ เสรมิ การจา้ งงานทเ่ี หมาะสม โดยเรง่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา ระดบั อาชวี ศกึ ษา เพอ่ื รองรบั การพฒั นาดา้ นอตุ สาหกรรมภายในประเทศ พฒั นาระบบคณุ วฒุ วิ ชิ าชพี เพอ่ื เปน็ กลไกและเครอ่ื งมอื ในการพฒั นาก�ำ ลงั คนทต่ี รงตามความตอ้ งการของตลาดแรงงานและสรา้ งความเปน็ หนุ้ สว่ น ในการจัดการศึกษาระหว่างสถาบันการศึกษาภาคเอกชนและสถาบัน เฉพาะทาง 4. การสง่ เสรมิ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอ่ื การพฒั นาสอ่ื การเรยี นการ สอนอิเล็กทรอนิกส์ ท่เี หมาะสมกับการเรียนร้ใู นสาระวิชาและระดับช้นั ต่างๆท้งั ในรูปแบบ on-line และ off-line กำ�หนดสมรรถนะผู้เรียนใน ดา้ น ICT ในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา พฒั นายกระดบั สถาบนั การศกึ ษาใหม้ ี ความสามารถเฉพาะทางดา้ น ICT เพอ่ื ผลติ บคุ ลากรดา้ น ICT ใหม้ ที กั ษะ ความเช่ียวชาญสูง สร้างแรงจูงใจเพ่ือเพ่ิมศักยภาพแรงงานในการ เข้าฝึกอบรม และสอบมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT ท่ีมีการกำ�หนดไว้ใน ระดบั สากล พรอ้ มทง้ั สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การพฒั นาองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั เทคโนโลยใี หมๆ่ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 5.การอ�ำ นวยความสะดวกในการเขา้ ถงึ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี ชงิ ประยุกต์ โดยส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละบคุ ลากรทางดา้ นวชิ าชพี ทางดา้ นการวจิ ยั ทม่ี คี ณุ ภาพ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทง้ั สรา้ งเครอื ขา่ ยการวจิ ยั เพอ่ื สรา้ งนวตั กรรมและทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 113

กระทรวงสาธารณสขุ ในดา้ นสาธารณสขุ ประเทศไทยไดร้ บั เลอื กใหเ้ ปน็ ประธานการประชมุ รฐั มนตรสี าธารณสขุ อาเซยี น(ASEAN HEALTH MINISTERS’ MEETING: AHMM)ระหว่างปี พ.ศ.2555 - 2557 และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม AHMM คร้ังท่ี 11 และการประชุมอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่การประชุม AHMM+3 และ AHMM+จนี รวมทง้ั การประชมุ ระดบั เจ้าหน้าทอ่ี าวุโส ดา้ นการพฒั นาสาธารณสขุ ทผ่ี า่ นมา มบี ทบาทนาํ ในการผลกั ดนั ความรว่ ม มือด้านสาธารณสุขของอาเซียนในหลายด้านเช่น ด้านการเตรียมพร้อม และรับมือโรคระบาด ซ่ึงในปัจจุบันประเทศไทยทําหน้าท่ีประธานและ “Coordinating Office” ของ “เครอื ขา่ ยฝกึ อบรมนกั ระบาดวทิ ยาภาค สนาม (Field Epidemiology Training Network: FETN) ในกรอบความ รว่ มมอื ระหวา่ งอาเซยี นกับ จนี ญป่ี ่นุ และเกาหลีใต้ (ASEAN+3) ด้าน สขุ ภาพจติ ประเทศไทยไดร้ เิ รม่ิ ใหม้ กี ารจดั ประชมุ คณะทาํ งานสขุ ภาพจติ ขน้ึ เปน็ ครง้ั แรกในอาเซยี นและไดร้ บั เลอื กใหด้ าํ รงตาํ แหนง่ ประธานคณะ ทํางานสุขภาพจิตอาเซียน ASEAN Task Force on Mental Health (AMT) และดาํ รงต�ำ แหนง่ ประธานอยู่ ในปจั จบุ นั จนถงึ สน้ิ ปี พ.ศ. 2557[31] 114

กระทรวงวฒั นธรรม บทบาทของกระทรวงวฒั นธรรมกบั การเตรยี มความพรอ้ มสปู่ ระชาคม อาเซยี น ปี พ.ศ. 2558 ในฐานะทเ่ี ปน็ หนว่ ยงานซง่ึ ท�ำ หนา้ ทข่ี บั เคลอ่ื นการ สร้างอัตลักษณ์บนพ้ืนฐานผลประโยชน์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉยี งใต้ โดยมคี วามเปน็ ตวั ตนรว่ มกนั ในเรอ่ื งของจารตี คา่ นยิ ม ความเชอ่ื และวัฒนธรรม ท่ามกลางความแตกต่างของทุกระดับทางสังคม ดังน้ัน จงึ ท�ำ ยทุ ธศาสตร์ 3 ขอ้ ในการสรา้ งอตั ลกั ษณอ์ าเซยี นดงั น[้ี24] 1. ส่งเสริมการตระหนักรับรู้เก่ียวกับอาเซียน และความรู้สึกของ ประชาคมอาเซยี น 2. การอนรุ กั ษแ์ ละสง่ เสรมิ มรดกทางวฒั นธรรมของอาเซยี น 3. สง่ เสรมิ การสรา้ งสรรคด์ า้ นวฒั นธรรม และสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื กนั ในอตุ สาหกรรมดา้ นวฒั นธรรม กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไดผ้ ลกั ดนั ใหป้ ระเทศไทยเปน็ ผนู้ �ำ ในการก�ำ หนดทศิ ทางและแผนงานทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ท่ีมีเอกภาพของอาเซียน โดยริเร่ิมและจัดทำ� “ข้อริเร่ิมกระบ่ี (Krabi Initiative)” เมอ่ื เดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2553 ซง่ึ ขอ้ รเิ รม่ิ กระบน่ี ้ี ได้ รบั ฉนั ทามตเิ หน็ ชอบจากรฐั มนตรวี ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยขี องทง้ั 10 ประเทศ และปัจจุบันถือเป็น blueprint ท่ีสำ�คัญท่ีทุกประเทศสมาชิก ยดึ ถอื เปน็ แนวทางในการสรา้ งความรว่ มมอื เพอ่ื พฒั นาขดี ความสามารถ ทางการแขง่ ขนั และยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของชาวอาเซยี นดว้ ย[25] ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 115

นอกจากน้ี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังได้จัดต้ัง “ศูนย์เช่ียวชาญด้านวัสดุสัมผัสอาหารแห่งเดียวของอาเซียน” (ASEAN Center for Expertise in Food Contact Materials) ซง่ึ ศนู ยน์ เ้ี ปน็ หอ้ ง ปฏิบัติการกลางด้านวัสดุสัมผัสอาหารระดับชาติ เป็นแหล่งอ้างอิงและ รบั รองทางวชิ าการดา้ นวสั ดสุ มั ผสั อาหารแกผ่ ปู้ ระกอบการสง่ ออกอาหาร ไทยสู่ตลาดโลก[26] ท้ังจัดงาน “120 ปี กรมวิทยาศาสตร์บริการ แหลง่ รวมความเชย่ี วชาญ รว่ มสรา้ งเศรษฐกจิ อาเซยี น” เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ พัฒนาการ ผลงาน และความก้าวหน้าของงานด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีของกรมวิทยาศาสตร์บริการท่ีพร้อมให้บริการ และส่งเสริม สนบั สนนุ ความกา้ วหนา้ ภาคเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศทก่ี �ำ ลงั กา้ ว เขา้ สกู่ ารเปน็ ประชาคมอาเซยี น[27] กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร จากแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารอาเซียน 2015 (ASEAN ICT Master Plan 2015) เพ่ือลดความเหล่ือมล้ําทางดิจิทัล ภายในอาเซยี น กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร(ICT)[16] ได้ร่วมมือกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่าง ประเทศสมาชกิ อาเซยี น (ASEAN-ITU Seminar on ICT Accessibility and Assistive Technologies for Equity in Society) เพ่อื ส่งเสริม การใช้ ICT และเพอ่ื เพ่มิ พนู ความรดู้ ้าน ICT ในอาเซยี น โดยเฉพาะกล่มุ สตรี เดก็ ผสู้ งู อายุ และคนพกิ าร ระหวา่ งวนั ท่ี 25 – 26 สงิ หาคม พ.ศ. 2557 ทผ่ี า่ นมา นอกจากน ้ี จากแผนแมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและ 116

การส่ือสารของอาเซียนปี 2015 (AIM 2015) ได้กําหนด ให้บริการ อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ปน็ ปจั จยั หลกั ในการสง่ เสรมิ การอาํ นวยความสะดวกดา้ น การลงทนุ ในภมู ภิ าคอาเซยี น และการเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ทางเศรษฐกิจอย่างย่ังยืน เพ่ือรองรับการเติบโตและการรวมตัวเป็น ประชาคมอาเซียน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารได้ กำ�หนด 3 ยุทธศาสตร์เพ่อื รองรับการเช่อื มโยงเครือข่ายและลดช่องว่าง ของการพฒั นาบรกิ ารอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ แ่ี ตล่ ะประเทศยงั มรี ะดบั เทคโนโลยี และมาตรฐานท่ตี ่างกัน เพ่อื สนับสนุนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ เพอ่ื ใหบ้ รรลวุ สิ ยั ทศั นข์ องอาเซยี น ซง่ึ มยี ทุ ธศาสตร์ โดยรวมดงั น[้ี 17] 1. ก�ำ หนดแผนการพฒั นารฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 2. พฒั นาองคป์ ระกอบบรกิ ารออนไลน์ ใหเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเขา้ ถงึ บรกิ ารภาครฐั 3. การสรา้ งโครงสรา้ งพน้ื ฐาน ICT ใหเ้ ขม้ แขง็ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ประเทศไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมเป็น เจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านส่ิงแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครง้ั ท่ี 12 (12 th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment: 12th AMME) เม่ือวันท่ี 26 เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ซ่ึงมุ่งหมายท่ีจะ บรรลวุ สิ ยั ทศั นอ์ าเซยี น คอื “Clean and Green ASEAN” ความส�ำ เรจ็ ทท่ี �ำ ใหม้ น่ั ใจวา่ จะปกปอ้ งสง่ิ แวดลอ้ ม ความยง่ั ยนื ของทรพั ยากรธรรมชาต ิ ตลอดจนคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี องประชาชนในภมู ภิ าค[14] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 117

และเขา้ รว่ มประชมุ รฐั มนตรอี าเซยี นดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ ครง้ั ท่ี 14 (14 th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment: 12th AMME) ทป่ี ระเทศอนิ โดนเี ซยี เมอ่ื วนั ท่ี 25 กนั ยายน พ.ศ.2556 ยนื ยนั ว่า การดำ�เนินการเร่ืองการผลิตและการบริโภคท่ีย่ังยืนเป็นเป้าหมาย ส�ำ คญั เพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ทง้ั รบั ทราบการประชมุ สหประชาชาติ วา่ ดว้ ยการพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื พ.ศ. 2555 (Rio+20) ทไ่ี ดใ้ หก้ ารรบั รองกรอบ การด�ำ เนนิ งาน 10 ปวี า่ ดว้ ยการผลติ และการบรโิ ภคทย่ี ง่ั ยนื ตามมตทิ ่ี 203 ของการประชมุ สมชั ชาสหประชาชาติ ซง่ึ รฐั มนตรอี าเซยี นดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม ไดอ้ อกแถลงการรว่ มใหก้ ารรบั รองในมตนิ ด้ี ว้ ย[15] 5 .2 หนว่ ยงานหลกั ทรี่ บั ผดิ ชอบงานทเ่ี กยี่ วกบั ASEAN (กลไกระดับประเทศ) ภารกิจงานท่ีเก่ียวกับอาเซียนท่ีเป็นกลไกระดับประเทศ รัฐบาลได้ ก�ำ หนดใหม้ หี นว่ ยงานหลกั ทร่ี บั ผดิ ชอบ ในการผลกั ดนั และสนบั สนนุ ใหก้ าร ด�ำ เนนิ งานส�ำ เรจ็ ไดต้ ามยทุ ธศาสตรท์ ว่ี างไวด้ งั น้ี 5.2.1 ส�ำ นกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแหง่ ชาติ (ASEAN National Secretariats) รฐั บาลไดจ้ ดั ตง้ั ส�ำ นกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแหง่ ชาติ (ASEAN National Secretariats) ตามกฎบตั รอาเซยี น ขอ้ ท่ี 13 เพอ่ื ท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ หนว่ ยงาน หลกั ระดบั ประเทศในการประสานกจิ การอาเซยี นและตดิ ตามผลการด�ำ เนนิ งานให้ทุกภาคส่วนของสังคมสามารถดำ�เนินงานในกรอบความร่วมมือ 118

อาเซยี นในทกุ มติ ใิ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ส�ำ นกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแหง่ ชาติเป็นหน่วยงานระดับกรมในกระทรวงการต่างประเทศของประเทศ สมาชิก สำ�หรับประเทศไทยหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ คือ กรมอาเซียน กระทรวงการตา่ งประเทศ[2] ซง่ึ กรมอาเซยี นมภี ารกจิ เกย่ี วกบั การด�ำ เนนิ งานและการสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศสมาชกิ สมาคมประชาชาติ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะสำ�นักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ เพ่อื ด�ำ เนนิ งานความรว่ มมอื ของอาเซยี นใหส้ ำ�เรจ็ และบรรลผุ ลตามมติท่ี ประชุมสุดยอดและเป้าหมายของการจัดต้ังอาเซียน ตลอดจนกฎบัตร อาเซยี น และเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ และขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ ตลอดจนเพ่ิมอำ�นาจต่อรองของ ประเทศไทยในกรอบความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ โดยใหม้ อี �ำ นาจหนา้ ท่ี ดงั ตอ่ ไปน[้ี 3] (1) ด�ำ เนนิ งานในฐานะส�ำ นกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแหง่ ชาติ โดยมอี �ำ นาจ หนา้ ทด่ี งั ตอ่ ไปน้ี (ก) เปน็ ผปู้ ระสานงานกลาง (ข) เปน็ หนว่ ยงานระดบั ชาตซิ ง่ึ เกบ็ รกั ษาขอ้ สนเทศในเรอ่ื งทง้ั ปวง เกย่ี วกบั อาเซยี น (ค) เป็นผู้ประสานงานระดับชาติเก่ยี วกับการอนุวัติข้อตัดสินใจ ของอาเซยี น (ง) เป็นผู้ประสานงานและสนับสนุนการเตรียมการระดับชาติ ของการประชมุ อาเซยี น (จ) ส่งเสริมอัตลักษณ์และความสำ�นึกเก่ียวกับอาเซียนใน ระดบั ชาติ (ฉ) สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การพฒั นาประชาคมอาเซยี น ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 119

(2) ดำ�เนินงานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียน และระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับคู่เจรจาและองค์กร ระหว่างประเทศ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลภายใต้ กรอบความรว่ มมอื ของอาเซยี น (3) ปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ใดตามทก่ี ฎหมายก�ำ หนดใหเ้ ปน็ อ�ำ นาจหนา้ ท่ี ของกรมหรอื ตามทก่ี ระทรวงหรอื คณะรฐั มนตรมี อบหมาย 5.2.2 คณะกรรมการอาเซยี นแหง่ ชาติ กฎบตั รอาเซยี นยงั ระบใุ หร้ ฐั มนตรตี า่ งประเทศเขา้ รว่ มเปน็ องคป์ ระกอบ ของคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ซ่งึ มีหน้าท่สี ำ�คัญประการหน่งึ คือ การประสานประเดน็ ท่คี าบเก่ยี วกัน (Cross-cutting Issues) กระทรวง การต่างประเทศจึงได้เสนอให้มีคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ เพ่ือให้ สอดคลอ้ งกบั จดุ มงุ่ หมายของกฎบตั รอาเซยี นทต่ี อ้ งการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ และความรว่ มมอื ระหวา่ งกนั ในระดบั นโยบาย รวมทง้ั เพอ่ื ใหก้ ระทรวงการ ตา่ งประเทศสามารถปฏิบตั ิหน้าท่ใี นฐานะเลขาธกิ ารอาเซียนแห่งชาติได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ โดยเฉพาะในการประสาน นโยบายระหวา่ ง หนว่ ยงานตา่ งๆ ภายในประเทศ การประสานงานระดบั ชาติ เกย่ี วกบั ขอ้ ตัดสินใจของอาเซียน และการดำ�เนินงานตามแผนงานสำ�หรับการจัดต้งั ประชาคมอาเซยี นในฐานะคณะมนตรปี ระสานงานอาเซยี นใหเ้ ขา้ กบั แผน พฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ และแผนงานของหนว่ ยงาน ตา่ งๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ งของไทย ซง่ึ ทป่ี ระชมุ คณะรฐั มนตรไี ดม้ มี ตเิ มอ่ื วนั ท่ี 24 สงิ หาคม 2553 เหน็ ชอบใหม้ กี ารจดั ตง้ั คณะกรรมการอาเซยี นแหง่ ชาติ โดยมรี ฐั มนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวง 120

การต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวง ทกุ กระทรวง ผแู้ ทนระดบั สงู และผแู้ ทนภาคเอกชนทเ่ี กย่ี วขอ้ งรว่ มกนั เปน็ กรรมการ และมอี ธบิ ดกี รมอาเซยี น กระทรวงการตา่ งประเทศเปน็ เลขานกุ าร โดยคณะกรรมการอาเซยี นแหง่ ชาตมิ อี �ำ นาจหนา้ ทใ่ี นการก�ำ หนดหรอื เสนอ แนะนโยบาย แนวทางและทา่ ทขี องไทยในการเขา้ รว่ มกรอบความรว่ มมอื อาเซยี น ประสานนโยบายและทา่ ทใี นการด�ำ เนนิ การตา่ งๆ ในกรอบความ รว่ มมอื อาเซยี น และเพอ่ื ความส�ำ เรจ็ ของการน�ำ นโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั ิ จงึ ไดม้ กี ารจดั ตง้ั กลไกการด�ำ เนนิ งานภายใตค้ ณะกรรมการอาเซยี นแหง่ ชาติ อกี 5 คณะ ดงั น้ี 1) คณะกรรมการดำ�เนินการเพ่ือจัดต้ังประชาคมการเมืองและ ความมน่ั คงอาเซยี น ดำ�เนินการกำ�หนดแนวทางยุทธศาสตร์และข้อเสนอแนะการดำ�เนิน การเพ่อื จัดต้งั ประชาคมการเมืองและความม่นั คงอาเซียน ประสานงาน ระหว่างหน่วยงาน และกำ�หนดแนวทางในการประสานงานกับประเทศ สมาชกิ อาเซยี นอน่ื ๆ และส�ำ นกั เลขาธกิ ารอาเซยี นในสว่ นทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2) คณะอนุกรรมการดำ�เนินการตามแผนงานไปสกู่ ารเปน็ ประชาคม เศรษฐกจิ อาเซยี น ด�ำ เนนิ การขบั เคลอ่ื นการด�ำ เนนิ งานตามแผนงานการจดั ตง้ั ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) และเตรียมการรองรับผลกระทบ ท่ีจะเกิดข้ึนในการดำ�เนินงานไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทง้ั พจิ ารณาผลกระทบดา้ นกฎหมายและดา้ นเศรษฐกจิ ของการปฏบิ ตั ิ ตาม AEC Blueprint ตลอดจนสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของทกุ ภาคสว่ นของ สงั คมในการรบั รู้ และการใหข้ อ้ เสนอแนะทเ่ี ปน็ ประโยชนส์ �ำ หรบั การจดั ทำ�แผนการดำ�เนินงานของไทยเพ่ือบรรลุการจัดต้ังประชาคมเศรษฐกิจ อาเซยี น ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 121

3) คณะอนกุ รรมการขบั เคลอ่ื นการเปน็ ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรม อาเซยี น ดำ�เนินการสร้างสังคมท่เี อ้อื อาทรและแบ่งปัน สร้างสภาพความเป็น อยทู่ ด่ี แี ละมกี ารพฒั นาในทกุ ดา้ น เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน สง่ เสรมิ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยง่ั ยนื รวมทง้ั สง่ เสรมิ อตั ลกั ษณ์ ของอาเซยี น 4) คณะอนุกรรมการว่าด้วยความเช่ือมโยงระหว่างกันในอาเซียน ดำ�เนินการติดตามและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง ให้ มีการดำ�เนินการไปตามแผนแม่บทว่าด้วยความเช่ือมโยงระหว่างกันใน อาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) และเสนอแนะ แนวทางและทา่ ทไี ทยในการปฏบิ ตั ติ ามแผนแมบ่ ทวา่ ดว้ ยความเชอ่ื มโยง ระหวา่ งกนั ในอาเซยี น 5) คณะอนกุ รรมการดา้ นการประชาสมั พนั ธป์ ระชาคมอาเซยี น ดำ�เนินการประสานนโยบายการปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องท้ังภาครัฐและเอกชน เพ่ือส่งเสริมความตระหนักรู้เก่ียวกับ ประชาคมอาเซียนแก่สาธารณะ จัดทำ�แผนและดำ�เนินกิจกรรมการ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมอาเซียน และรายงานผลการดำ�เนินภารกิจต่อ คณะกรรมการอาเซยี นแหง่ ชาติ 5.2.3 ศนู ยเ์ ตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื เขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น เพอ่ื การด�ำ เนนิ ภารกจิ ดา้ นอาเซยี นอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง คณะรกั ษาความสงบ แหง่ ชาติ (คสช.) ไดจ้ ดั ตง้ั ศนู ยเ์ ตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื เขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น พล.อ.ธนะศักด์ิ ปฏิมาประกร ผ้บู ัญชาการทหารสูงสุด และรองหัวหน้า 122

คสช. ในฐานะผ้อู ำ�นวยการศูนย์ฯ ได้ออกคำ�ส่งั แต่งต้งั ให้ปลัดกระทรวง กลาโหมและปลดั กระทรวงการตา่ งประเทศ เปน็ ประธานรว่ มกนั ในคณะ อนุกรรมการด้านประชาคมการเมืองและความม่นั คงอาเซียน ส่วนด้าน เศรษฐกจิ มี พล.อ.อ.ประจนิ จน่ั ตอง ผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ เปน็ ประธาน คณะอนกุ รรมการ ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม มี พล.ร.อ.ณรงค์ พพิ ฒั นาศยั ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื เปน็ ประธานคณะอนกุ รรมการ คณะอนุกรรมการศูนย์อำ�นวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทย ในการเขา้ สปู่ ระชาคมการเมอื งและความมน่ั คงอาเซยี นน้ี ประกอบดว้ ย กระทรวงการตา่ งประเทศ กระทรวงกลาโหม สภาความมน่ั คงแหง่ ชาติ และหน่วยงานอ่นื ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง ซ่งึ ได้ให้ความสำ�คัญต่อการเตรียมความ พร้อมภายในประเทศ โดยมีการพิจารณาประเด็นยุทธศาสตร์ ประกอบ ดว้ ย 5 ประเดน็ คอื 1. การสร้างเอกภาพของอาเซียน และสร้างดุลยภาคทางอำ�นาจกับ มหาอ�ำ นาจ 2. การสรา้ งความพรอ้ มภายใน เพอ่ื รบั มอื การตดิ ตอ่ เชอ่ื มโยงในอาเซยี น 3. การรว่ มมอื กบั อาเซยี นเพอ่ื รบั มอื กบั การตดิ ตอ่ เชอ่ื มโยงในอาเซยี น 4. การปรบั ตวั อยา่ งสมดลุ เพอ่ื รกั ษาความมน่ั คงของชาต ิ 5. การสรา้ งความตระหนกั รู้ และทศั นคตทิ เ่ี หมาะสมตอ่ อาเซยี น นอกจากน้ียังมีความเร่งด่วนกับการปฏิบัติตามแผนบูรณาการใน 5 ประเดน็ หลกั ประกอบดว้ ย การบรหิ ารจดั การชายแดน การสรา้ งความ ม่ันคงทางทะเล การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การสร้างความ ไวเ้ นอ้ื เชอ่ื ใจ และการทตู เชงิ ปอ้ งกนั รวมถงึ การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพในการ ปฏบิ ตั กิ ารทางทหารรว่ มกนั ของอาเซยี น ส�ำ หรบั แผนในระยะยาว ตง้ั แต่ เดอื นมกราคม 2559 เปน็ ตน้ ไป[52] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 123

124

6 ระบบการพฒั นาข้าราชการ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 125

6.1 ภาพรวมของการพฒั นาขา้ ราชการ 6.1.1 การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นภาครฐั เมอ่ื ศกึ ษาการพฒั นาประเทศทเ่ี จรญิ แลว้ ทกุ ประเทศ จะเหน็ ไดว้ า่ หวั ใจ แห่งการพัฒนาคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ท่ีเป็นพ้ืนฐานสำ�คัญ การใหก้ ารศกึ ษา ใหก้ ารอบรม ใหโ้ อกาสในการพฒั นาตา่ งเปน็ วถิ ใี นการ ปฏิบัติของภาครัฐ โดยเฉพาะรัฐบาลมีหน้าท่ีหรือสร้างนโยบายการ พัฒนาคน เพ่ือรองรับความเปล่ียนแปลง และท่ีสำ�คัญทรัพยากรมนุษย์ ในภาครฐั หรอื บคุ ลากรทท่ี �ำ งานในภาครฐั นน้ั เปน็ กลไกในการขบั เคลอ่ื น การท�ำ งานใหก้ บั ประเทศชาตสิ เู่ ปา้ หมาย ตามนโยบายทว่ี างไว้ ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นภาครฐั หรอื อาจเรยี กวา่ ก�ำ ลงั คนภาครฐั ในปจั จบุ นั มจี �ำ นวนรวมถงึ 2,714,335 คน[56] โดยแยกประเภทไดด้ งั น้ี ขา้ ราชการคร/ู บคุ ลากรทางการศกึ ษา 451,324 คน (รอ้ ยละ 27.36) ขา้ ราชการพลเรอื นสามญั 358,735 คน (รอ้ ยละ 21.75%) ขา้ ราชการทหาร 377,529 คน (รอ้ ยละ 21.75%) ขา้ ราชการต�ำ รวจ 209,275 คน (รอ้ ยละ 12.69%) ขา้ ราชการประเภทอน่ื ๆ (รอ้ ยละ 16.45%) ซง่ึ รวมถงึ ขา้ ราชการ กทม. รอ้ ยละ 2.22 ขา้ ราชการองคก์ ร อสิ ระรอ้ ยละ 0.83 ขา้ ราชการตลุ าการ รอ้ ยละ 0.26 ขา้ ราชการอยั การรอ้ ยละ 0.19 ขา้ ราชการองคก์ ารบรหิ าร ส่วนจังหวัดร้อยละ 0.51 พนักงานเทศบาล.ร้อยละ 5.00 พนักงาน. สว่ นต�ำ บลรอ้ ยละ 3.93 126

เม่ือมองในแง่เศรษฐกิจมหภาคจากตัวเลขกำ�ลังคนภาครัฐรวมทุก ประเภทมจี �ำ นวนถงึ 2,714,335 คนนน้ั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 7.89 ของก�ำ ลงั แรงงาน หรอื มบี คุ ลากรภาครฐั 1 คน ตอ่ ประชากร 25 คน ซง่ึ ตวั เลขนจ้ี ะ มผี ลตอ่ การแปรเปลย่ี นเศรษฐกจิ ระดบั ใหญม่ าก หรอื คดิ ค�ำ นวณงา่ ยๆวา่ จำ�นวนกำ�ลังคนภาครัฐไทยมีมากเป็นส่เี ท่าของประชากรประเทศเพ่อื น บา้ นอยา่ งบรไู น การจา้ งงานหรอื การจา่ ยเงนิ เดอื น จงึ ถอื วา่ “ภาครฐั เปน็ ผจู้ า้ งงานรายใหญข่ องประเทศ” ในขณะทภ่ี าพใหญข่ องค�ำ วา่ “ภาครฐั ” ถกู มองในมมุ มองทเ่ี ปน็ มหภาค แตใ่ นความเปน็ จรงิ แลว้ ยงั มมี ติ ทิ เ่ี ปน็ แบบจลุ ภาค การพฒั นาทรพั ยากร มนุษย์ในภาครัฐของไทยก็เช่นกันท่ีสามารถแบ่งได้ 2 ระดับคือ ระดับ มหภาคและระดับจุลภาคโดยมีภารกิจท่ีดำ�เนินการอย่างแน่นอน ซ่ึงใน ระดบั มหภาคเปน็ การขบั เคลอ่ื นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม ระดบั ประเทศ สว่ นระดบั จลุ ภาคเปน็ การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นระดบั กระทรวง และกรม โดยอาศยั กระบวนการในการถา่ ยทอดวสิ ยั ทศั นแ์ ละ พนั ธกจิ ลงมาตามโครงสรา้ งการบรหิ าร เพอ่ื ใหท้ กุ ภาคสว่ นสามารถก�ำ หนด กรอบกลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ตั ไิ ปในทศิ ทางเดยี วกนั โดยมสี �ำ นกั งานคณะ กรรมการขา้ ราชการพลเรอื น หรอื ส�ำ นกั งาน ก.พ. เปน็ สว่ นราชการระดบั กรมในสงั กัดส�ำ นักนายกรฐั มนตรเี ป็นผ้รู บั ผิดชอบในการพัฒนา ควบคุม ดูแล โดยการนำ�แผนแม่บทต่างๆ ในการพัฒนาประเทศมาเป็นกรอบใน การจดั ท�ำ แผนพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแตล่ ะหนว่ ยงานราชการ ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 127

นอกจากน ้ี เพอ่ื ใหม้ คี วามทนั สมยั ตามองคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ ในยคุ โลกาภวิ ฒั น ์ และเกดิ การพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง มคี วามยตุ ธิ รรมในภาครฐั จงึ ไดน้ �ำ การ ประเมินการบริหารทรัพยากรบุคคลแบบสมดุล (Human Resource Scorecard) ท่ีมีความแพร่หลายท้ังในภาคเอกชนและภาครัฐของต่าง ประเทศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นราชการพลเรอื น และเพอ่ื ใหส้ ว่ นราชการทราบ ถึงสมรรถนะในการบริหารทรัพยากรบุคคลของตนเอง สำ�นักงาน ก.พ. จึงส่งเสริมสนับสนุนให้ส่วนราชการจัดทำ�แผนกลยุทธ์ดังกล่าวมาต้ังแต่ ปี 2547 ท้ังจัดทำ�กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือน ปี พ.ศ. 2552 – 2556 ไวท้ ง้ั หมด 4 ดา้ น คอื 1. การพัฒนาคุณภาพข้าราชการในการปฏิบัติงานบนพ้ืนฐานของ สมรรถนะ 2. การพฒั นาขา้ ราชการใหเ้ ปน็ คนดี มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มวี นิ ยั และเขา้ ถงึ ประชาชน 3. พฒั นาผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลงทกุ ระดบั ในองคก์ าร โดยผา่ นกระบวนการ เรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ใหส้ ามารถเปน็ ผนู้ �ำ ตนเอง ผนู้ �ำ ทมี ผนู้ �ำ องคก์ าร และ ผนู้ �ำ เครอื ขา่ ย 4. การสง่ เสรมิ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของขา้ ราชการทกุ คนทกุ ระดบั ใหม้ พี ลงั กายทเ่ี ขม้ แขง็ และพลงั ใจทพ่ี รอ้ มอทุ ศิ เพอ่ื ผลสมั ฤทธข์ิ องงาน แมว้ า่ กรอบยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาขา้ ราชการพลเรอื น ปี พ.ศ. 2552 – 2556 จะจบสน้ิ ลงแลว้ แตห่ ากพจิ ารณาใหด้ ี จะเหน็ ถงึ คณุ คา่ ทส่ี ามารถ ดดั แปลงมาใชไ้ ดต้ อ่ เนอ่ื งจนถงึ ปจั จบุ นั และยงั คงสามารถตอบรบั นโยบาย ใหมข่ องประเทศ เชน่ 128

1. ยทุ ธศาสตรป์ ระเทศ (Country Strategy) พ.ศ. 2556- 2561 2. มาตรการบรหิ ารก�ำ ลงั คนภาครฐั (พ.ศ. 2557-2561) 3. แนวทางการยกระดบั ขดี สมรรถนะของบคุ ลากรภาครฐั พ.ศ. 2556- 2558 จากพนั ธกจิ ของส�ำ นกั งาน ก.พ. ทต่ี อบสนองนโยบายของรฐั บาล จะ เห็นได้ว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐเป็นความท้าทายท่ีต้อง พสิ จู นใ์ หเ้ หน็ ถงึ ผลทจ่ี ะยกระดบั สมรรถนะของขา้ ราชการระดบั ประเทศ และสามารถตอบสนอง ยทุ ธศาสตรป์ ระเทศใหส้ �ำ เรจ็ 6.1.2 ระบบการพฒั นาขา้ ราชการ แผนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐของไทยเร่ิมต้นจาก แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ซง่ึ เปน็ กรอบการพฒั นาของชาติ ไลเ่ ลยี งลงมาถงึ แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ทเ่ี ปน็ กรอบการท�ำ งานของ คณะรัฐมนตรี ต่อลงมาถึงแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ในทุกส่วนราชการ ไมว่ า่ จะเปน็ กระทรวง หรอื กรม ไดแ้ บง่ ยอ่ ยออกเปน็ แผนปฏบิ ตั ริ าชการ ประจำ�ปีท่ีทุกส่วนในกรม กอง และสำ�นักใช้เป็นกรอบในการกำ�หนด แผนการปฏบิ ตั งิ าน ปัจจุบันการจัดทำ�แผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละหน่วยงาน ราชการของไทย จะต้องมีแนวทางการปฏิบัติท่ีสอดคล้องกับกรอบ ทง้ั 3 ดา้ น คอื [48] ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 129

1. แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ 2. แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ในทุกส่วนราชการ (กระทรวง กรม แบ่งย่อยออกเป็นแผนปฏิบัติราชการประจำ�ปีท่ที ุกส่วนในกรม กอง และส�ำ นกั ใชเ้ ปน็ กรอบในการก�ำ หนดแผนการปฏบิ ตั งิ าน) 3. ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาขา้ ราชการพลเรอื นทก่ี �ำ หนดโดยส�ำ นกั งาน คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น แตล่ ะกระทรวงจะดงึ กรอบการบรหิ ารงานนไ้ี ปใชต้ ามความรบั ผดิ ชอบ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย หรอื ตามบทบาทของกระทรวงทจ่ี ะสามารถตอบสนอง นโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลได้ และนำ�กรอบนโยบายน้ันมากำ�หนด เปน็ วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เพอ่ื จดั ท�ำ แผนปฏบิ ตั ริ าชการ 4 ปี และแผนปฏบิ ตั ิ ราชการประจ�ำ ปี เพอ่ื ใหห้ นว่ ยงานตา่ งๆ ในกระทรวงใชเ้ ปน็ กรอบในการ จัดทำ�แผนดำ�เนินงาน ซ่งึ รวมถึงแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ ของตนดว้ ย แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ จดั ท�ำ โดยคณะรฐั มนตรี พ.ศ. 2555- 2558 ประกอบดว้ ยสาระส�ำ คญั 4 สว่ น ไดแ้ ก่ 1. แนวคดิ และทศิ ทางการบรหิ ารประเทศ 2. แนวทางการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ 3. กลไกการน�ำ แผนการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 4. แผนงาน หรอื โครงการทม่ี ลี �ำ ดบั ความส�ำ คญั ตามนโยบายรฐั บาล ซง่ึ ทง้ั 4 สว่ นจะชว่ ยสรา้ งความชดั เจน และก�ำ หนดทศิ ทางการด�ำ เนนิ งานของส่วนราชการต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เกิดความสามัคคี ปรองดอง ความสมานฉนั ท์ ความผาสกุ ความเปน็ อยทู่ ด่ี ี ความสงบ และ ปลอดภยั ของประชาชนและสงั คมสว่ นรวม 130

โดยมีภาพรวมการบริหาร คือ เม่ือคณะรัฐมนตรีได้จัดทำ�แผนการ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ แตล่ ะกระทรวงจะดงึ กรอบการ บรหิ ารงานนไ้ี ปใชต้ ามความรบั ผดิ ชอบทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย หรอื ตามบทบาท ของกระทรวงท่จี ะสามารถตอบสนองนโยบายด้านต่างๆ ของรัฐบาลได้ และน�ำ กรอบนโยบายนน้ั มาก�ำ หนดเปน็ วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เพอ่ื จดั ท�ำ แผน ปฏบิ ตั ริ าชการ 4 ปี และแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจ�ำ ปเี พอ่ื ใหห้ นว่ ยงานตา่ งๆ ในกระทรวงใชเ้ ปน็ กรอบในการจดั ท�ำ แผนด�ำ เนนิ งาน ซง่ึ รวมถงึ แผนพฒั นา ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นองคก์ ารของตนดว้ ยเปน็ ล�ำ ดบั ตอ่ ไป แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหงชาติ รัฐบาล (คณะรัฐมนตร)ี บนพ้ืนฐานปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง แผนนิตบิ ญั ญตั ิ แนวทางพฒั นาบนหลกั แนวคดิ การ แผนการบรหิ ารราชการแผนดิน 4 ป คอื แผนการเสนอกฎหมายท่ีจำเปน พึ่งตนเองเพ่ือใหเกดิ ความพอมีพอกนิ แผนปฏิบัติราชการ 4 ป ตอการผลักดันใหนโยบายของ โดยใชห ลักความพอประมาณ การ รัฐบาล ตลอดจนยุทธศาสตร คำนึงถงึ ความมีเหตุผล และการสรา ง เปาประสงค กลยทุ ธ และมาตรการ ภมู ิคุมกนั ทดี่ ีในตัว ตางๆ ทีก่ ำหนดไวในแผนการ บรหิ ารราชการแผนดินประสบ แผนพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยในแตล ะหนวยงานราชการ ความสำเรจ็ จดั ทำโดย คณะกรรมการกฤษฎีกาและ สำนักเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี ยุทธศาสตรการพัฒนาขาราชการพลเรือน แผนปฏบิ ัตริ าชกาประจำป สำนกั งาน ก.พ. ภาพท่ี 5 ระบบการพฒั นาขา้ ราชการไทย ทม่ี า: ส�ำ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบขา้ ราชการ, 2556 ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 131

6.1.3 วธิ กี ารพฒั นาขา้ ราชการ การพฒั นาขา้ ราชการผมู้ ผี ลสมั ฤทธส์ิ งู สำ�นักงาน ก.พ. ได้พัฒนาระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธ์ิสูง (High Performance and Potential System) หรอื HiPPS ขน้ึ เพอ่ื สรา้ งความ พรอ้ มใหแ้ กข่ า้ ราชการผมู้ ศี กั ยภาพสงู อยา่ งเปน็ ระบบ โดยเนน้ ทก่ี ารเรยี น รู้ผ่านการปฏิบัติจริง (Workplace Learning) และเสริมด้วยกลไกการ สับเปล่ยี นหมุนเวียนงาน การสอนงาน และการเรียนร้ผู ่านการฝึกอบรม เพ่อื ให้ขา้ ราชการกลมุ่ ดังกลา่ วได้รบั การพัฒนาอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ ซง่ึ ถา้ เปรียบกับภาคเอกชนแล้วก็เหมือนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ คนเก่ง (Talent Management) ท่ีเป็นส่วนหน่ึงของการบริหารความ กา้ วหนา้ ในอาชพี (Career Development) [58] การพฒั นาขา้ ราชการผมู้ ผี ลสมั ฤทธส์ิ งู แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื (1) การพฒั นาตามกรอบการสง่ั สมประสบการณร์ ายบคุ คล (Individual Experience Accumulation Framework: I-EAF) (2) การอบรมพฒั นา (Training & Development) 6.1.4 ประเดน็ การพฒั นาขา้ ราชการในปจั จบุ นั ในความก้าวหน้าและการพัฒนาท่ไี ม่หยุดย้งั หน่วยงานท่รี ับผิดชอบ อยา่ งส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น ยงั คงด�ำ เนนิ ตามนโยบาย รัฐบาลท่ีได้มีการวางแผนงานหลัก ซ่ึงประเด็นการพัฒนาข้าราชการใน ปจั จบุ นั จงึ อยใู่ นบรบิ ทดงั น้ี 132

1.พัฒนาข้าราชการตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) พ.ศ. 2556- 2561 ทใ่ี ห้ความสำ�คัญ 4 ด้าน แตด่ ้านท่เี ก่ยี ว พนั กบั ส�ำ นกั งาน ก.พ. โดยตรงคอื ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การสรา้ งความสมดลุ และปรบั ระบบบรหิ ารจดั การภาครฐั (Internal Process) ยทุ ธศาสตรน์ ้ี มีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องเพ่ิมประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิง ภารกจิ ของรฐั และตอ้ งให้ เกดิ ความผลสมั ฤทธต์ิ อ่ ภารกจิ ของรฐั ซง่ึ หนว่ ย งานทต่ี อ้ งท�ำ หนา้ ทน่ี ค้ี อื “การพฒั นาก�ำ ลงั คนภาครฐั ” ซง่ึ ในบรบิ ทใหญ่ ทย่ี ทุ ธศาสตรห์ ลกั ตอ้ งการคอื 1) บริหารกำ�ลังคนให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจท่ีมีในปัจจุบัน และเตรยี มพรอ้ ม ส�ำ หรบั อนาคตโดย ก. การวางแผนและบริหารกำ�ลังคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Strategic Workforce Planning Management) ข. การพฒั นาก�ำ ลงั คนและสรา้ งความพรอ้ มเชงิ กลยทุ ธ์ (Develop Workforce Strategic Readiness) ค. การดงึ ดดู และรกั ษาก�ำ ลงั คนคณุ ภาพในภาครฐั (Attract and Retain Competent Workforce ) เพอ่ื การบรหิ ารก�ำ ลงั คน ใหส้ อดคลอ้ งกบั บทบาทภารกจิ ทม่ี ใี นปจั จบุ นั และเตรยี มพรอ้ ม ส�ำ หรบั อนาคต 2) พัฒนาทักษะและศักยภาพของกำ�ลังคนภาครัฐ และเตรียม ความพรอ้ มบคุ ลากร ภาครฐั สปู่ ระชาคมอาเซยี นโดย ก. การพฒั นาทกั ษะศกั ยภาพของก�ำ ลงั คนภาครฐั ข. การสง่ เสรมิ และพฒั นาเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 133

2. พฒั นาขา้ ราชการตามแนวทางยกระดบั ขดี สมรรถนะของบคุ ลากร ภาครฐั พ.ศ. 2556-2558 ทต่ี อ้ งอาศยั ความรว่ มมอื ในเชงิ บรู ณาการของ ทกุ หนว่ ยงาน เพอ่ื การท�ำ งานไดไ้ ปในทศิ ทางเดยี วกนั โดยเนน้ การด�ำ เนนิ การใน 2 มติ คิ อื ก. มติ เิ ชงิ ปรมิ าณ ไดแ้ ก่ การพฒั นาและยกระดบั ขดี ความสมรรถนะ ในการเข้าส่ปู ระชาคมอาเซียนให้แก่บุคลากรภาครัฐในส่วนท่ี เหลอื ใหค้ รบภายในปี พ.ศ.2558[59] ข. มติ เิ ชงิ คณุ ภาพ ไดแ้ ก่ การพฒั นาและยกระดบั ขดี ความสมรรถนะ ของบคุ ลากรใหพ้ รอ้ มปฏบิ ตั งิ านเพอ่ื รองรบั ภารกจิ ในปจั จบุ นั และการเปล่ียนแปลงในอนาคต โดยมุ่งเน้นให้มีคุณลักษณะ ตามทค่ี าดหวงั นอกจากน้ี เพ่อื บรรลุเป้าหมายของการพัฒนา จึงได้วางแนวทางยก ระดบั บคุ ลากรในสด่ี า้ นดงั น้ี 1.เปน็ ผนู้ �ำ การเปลย่ี นแปลง (Change Agent) ซ่งึ มีองค์ประกอบ ดงั น้ี 1) มกี ารตน่ื ตวั ในการรบั รเู้ กย่ี วกบั อาเซยี นทง้ั ในวงกวา้ งและในเชงิ ลกึ 2) สามารถคิด ริเร่ิมและมีความพร้อมท่ีจะเผชิญหน้ากับความ เปลย่ี นแปลงในรปู แบบตา่ งๆ 3) ยอมรับในการเปล่ียนแปลงและสามารถทำ�ให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ในการ ปรบั เปลย่ี นทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ เพอ่ื หาแนวทางในการลดอปุ สรรคและความเสย่ี ง 134

2. มคี วามเปน็ มอื อาชพี (Professional) โดยมสี มรรถนะดงั น้ี 1) มงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิ เนน้ การท�ำ งานแบบบรู ณาการ โดยท�ำ งานทง้ั เชงิ รบั และเชิงรุก โดยจัดทำ�ยุทธศาสตร์ร่วมของหน่วยงาน รักษาสมดุล รักษา ประโยชนภ์ มู ภิ าค 2) ท�ำ งานเปน็ ทมี เนน้ การท�ำ งานรว่ มกนั ระหวา่ งหนว่ ยงาน แลกเปลย่ี น ขอ้ มลู เพอ่ื ตดิ ตามสถานการณข์ อง หนว่ ยงานตลอดเวลา 3) มีความร้เู ชิงลึกในภารกิจท่ตี นเองปฏิบัติ ร้เู ขา ร้เู รา ในประชาคม อาเซยี น รวมไปถงึ สง่ิ ทค่ี วรท�ำ ไมค่ วรท�ำ ในวฒั นธรรมของประเทศเพอ่ื น บ้าน รู้ในแง่ยุทธศาสตร์องค์กร ผลกระทบจากนโยบายท่ีเก่ียวข้องกับ อาเซยี น และรทู้ กั ษะตา่ งๆ เชน่ การเจรจา การประชมุ ตา่ งๆ และมคี วาม โปร่งใส มีมาตรฐานในการทำ�งาน เข้าใจและปรับใช้วิธีการทำ�งาน ในรปู แบบทเ่ี ปน็ มาตรฐานสากลระดบั ภมู ภิ าค 3. มคี วามเปน็ นานาชาติ (International) ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบดงั น้ี 1) มีความเป็นกว้างทางความคิด คิดเชิงบวกกับบริบทนานาชาติ ตัวอย่างคือ การเห็นประโยชน์จากการเปิดการค้าเสรี รู้หลักสากลนิยม มากพอทจ่ี ะสามารถสรา้ งสมดลุ ระหวา่ งผลประโยชนข์ องประเทศ และ ผลประโยชนภ์ มู ภิ าค 2) มคี วามคดิ เชงิ บวก เหน็ ประโยชนใ์ นการรวมตวั เปน็ ประชาคมอาเซยี น สร้างสมดุลในการรักษาความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิก และประเทศ มหาอ�ำ นาจ เคารพในความแตกตา่ ง และความหลากหลายของประชาคม ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 135

3) มที กั ษะในการท�ำ งานในบรบิ ทสากล พดู เขยี น อา่ น ภาษาองั กฤษ และภาษาประเทศเพอ่ื นบา้ น เขา้ ใจวฒั นธรรม ธรรมเนยี ม การเจรจากบั ประเทศสมาชกิ มคี วามยนื หยดั ในผลประโยชนข์ องประเทศ ขณะเดยี วกนั กย็ ดื หยนุ่ ตามเปา้ หมายเชงิ ยทุ ธศาสตร์ 4. มคี วามเปน็ ผสู้ นบั สนนุ (Facilitator) ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบดงั น้ี 1) มภี าวะผนู้ �ำ เชงิ รกุ มยี ทุ ธศาสตรท์ ช่ี ดั เจนในการน�ำ ภาคสว่ นอน่ื ๆ ของสังคม ตระหนกั และเข้าถึงผลประโยชน์จากประชาคมอาเซยี นอยา่ ง เท่าเทียม เพ่อื ให้ ทุกภาคส่วนทำ�งานร่วมกันเพ่อื ประโยชน์ของประเทศ และเพม่ิ ขดี ความสามารถของไทยในการแขง่ ขนั 2) การบรกิ ารทเ่ี ปน็ เลศิ มมี าตรฐานในการใหบ้ รกิ ารในระดบั มาตรฐาน สากล โปรง่ ใส ลดอปุ สรรค เพอ่ื อ�ำ นวยความสะดวกใหผ้ รู้ บั บรกิ าร 6.2 กลยทุ ธก์ ารพฒั นาขา้ ราชการ กลยทุ ธก์ ารพฒั นาขา้ ราชการของไทย สามารถศกึ ษาไดจ้ ากยทุ ธศาสตร์ การพฒั นาขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2552 – 2556 ในเวลาตอ่ มา ส�ำ นกั งาน ก.พ. ในฐานะองคก์ รกลางดา้ นการพฒั นาบคุ คลภาครฐั ไดส้ นองนโยบาย หรอื รองรบั ยทุ ธศาสตรป์ ระเทศ (Country Strategy) พ.ศ. 2556-2561 ดว้ ย 2 มาตรการคอื มาตรการบรหิ ารก�ำ ลงั คนภาครฐั พ.ศ. 2557-2561 และแนวทางยกระดบั ขดี สมรรถนะของบคุ ลากรภาครฐั พ.ศ. 2556-2558 ซง่ึ ไดเ้ สนอในหวั ขอ้ 6.1.4 ประเดน็ การพฒั นาขา้ ราชการในปจั จบุ นั ไปแลว้ 136

6.2.1 กลยทุ ธบ์ นการพฒั นาตามมาตรการบรหิ ารก�ำ ลงั คน ภาครฐั พ.ศ. 2557-2561 การวางกลยุทธ์ในกรอบของมาตรการบริหารกำ�ลังคนภาครัฐ พ.ศ. 2557-2561 น ้ี เปน็ การท�ำ งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งทร่ี ฐั บาลตอ้ งการเหน็ การพฒั นาทด่ี ขี น้ึ ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น[้ี77] 1. การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรเพ่ือรองรับการ เปลย่ี นแปลง (Strategic Competencies) โดยมแี นวทางด�ำ เนนิ การ ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. พัฒนาทักษะ และขีดความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ภาษา เพอ่ื นบา้ นและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ใหพ้ รอ้ มเขา้ สปู่ ระชาคม อาเซยี นและเวทโี ลก ข. พัฒนาขีดความสามารถของผ้บู ริหารในการบริหารท่ามกลาง การเปล่ียนแปลงและภาวะวิกฤติ(Leading in Crisis and Turbulent Time) ค. พฒั นาเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ใหต้ ระหนกั ถงึ การบรหิ ารและการปฏบิ ตั ิ งานในสถานการณท์ ม่ี คี วามเสย่ี ง (Risk Smart Workforce) ง. ปรบั เปลย่ี นทกั ษะและสมรรถนะใหเ้ หมาะกบั ภารกจิ นโยบาย และทศิ ทางในการพฒั นาประเทศ (Workforce Renewal) ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 137

2. เตรียมกำ�ลังคน เพ่ือรองรับการสูญเสียจากการเปล่ียนแปลง โครงสร้างอายุและการบริหารความหลากหลาย (Intergeneration and Diversity Management) โดยมแี นวทางด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี ก. วางแผนสร้างความต่อเน่ืองในการดำ�รงตำ�แหน่ง ท่ีมีความ ส�ำ คญั ทางกลยทุ ธ(์ Succession Planning) ข. วางระบบจัดการความรู้ (Knowledge Management) เพ่ือให้ผู้ปฏิบัติงานท่ีมีองค์ความรู้ท้ังประเภทท่ีชัดแจ้งและ โดยนัย (Tacit and Explicit Knowledge) ท่พี ร้อมสำ�หรับ การปฏบิ ตั งิ านอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ไมข่ าดชว่ ง ค. วางระบบการขยายหรือปรับเปล่ียนอายุเกษียณและพัฒนา รปู แบบการจา้ งงานหลงั เกษยี ณอายุ (ในต�ำ แหนง่ หรอื สายงาน ทจ่ี �ำ เปน็ หรอื ขาดแคลน) ง. เพ่มิ ขีดความสามารถของผ้บู ริหารในการบริหารกล่มุ คนต่าง ขว่ งอายแุ ละมคี วามหลากหลาย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความราบรน่ื และ พลงั รว่ มในการปฏบิ ตั งิ าน(Intergeneration Management) 3. การพัฒนากำ�ลังคนกลุ่มคุณภาพ (Talent Management) เพ่ือให้มีจำ�นวนเพียงพอสำ�หรับการเป็นกลุ่มผู้นำ�การเปล่ียนแปลงใน ภาครฐั (Talent Pool) โดยมแี นวทางด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี ก. ปรบั ปรงุ ระบบหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารสรรหา พฒั นา รกั ษา และ จงู ใจก�ำ ลงั คนคณุ ภาพภาครฐั ข. บูรณาการการบริหารกำ�ลังคนคุณภาพกลุ่มต่างๆ ในภาครัฐ (ขา้ ราชการผมู้ ผี ลสมั ฤทธส์ิ งู นกั เรยี นทนุ รฐั บาล ฯลฯ) 138

ค. พัฒนาระบบการเคล่ือนย้ายกำ�ลังคนคุณภาพภายในภาครัฐ และระหวา่ งภาครฐั กบั ภาคสว่ นอน่ื เชน่ การแลกเปลย่ี นบคุ ลากร (Exchange Program) หรือการไปฝึกงานเพ่ือส่ังสม ประสบการณ์ (Secondment) เพ่ือให้คนภาครัฐรู้สึกและ รรู้ อบ (Well-Rounded) ง. ติดตามประเมินประสิทธิผลและความคุ้มค่าในการพัฒนา กำ�ลังคน ว่าสามารถขับเคล่ือนการเปล่ียนแปลงในภาครัฐ ไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด (Talent Contribution) 4. พัฒนาทางก้าวหน้าในสายอาชีพให้สอดคล้องกับผลงานและ สมรรถนะ (Career Planning and Development) โดยมแี นวทาง ด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี ก. สง่ เสรมิ การจดั ท�ำ เสน้ ทางและวางแผนการพฒั นาความกา้ วหนา้ ใหก้ บั บคุ ลากรภาครฐั ข. สง่ เสรมิ การท�ำ แผนพฒั นารายบคุ คล(Individual Development Plan- IDP) ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความจ�ำ เปน็ เนน้ การพฒั นาผลงาน สมรรถนะ ศกั ยภาพและคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค. วางระบบติดตามและประเมินประสิทธิผลและความคุ้มค่า ของการลงทุนในการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ(Return on Investment -ROI) ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 139

5. พฒั นาผบู้ ริหารส่วนราชการและนกั ทรพั ยากรบุคคลให้มีความ เปน็ มอื อาชพี ในการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล (HR Professionalism) โดยมแี นวทางด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี ก. พัฒนาสมรรถนะของผู้ดำ�รงตำ�แหน่งประเภทบริหารและ อำ�นวยการทุกระดับ ให้มีความสามารถในการบริหารและ พัฒนาทรัพยากรบุคคล รวมท้ังกำ�หนดกลไกในการประเมิน และพัฒนาขีดสมรรถนะด้านการบริหารคนของบุคลากร กลมุ่ นอ้ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ข. เรง่ รดั ในการจดั ท�ำ มาตรฐานวชิ าชพี ดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากร บุคคลภาครัฐ โดยมีสำ�นักงาน ก.พ.เป็นศูนย์กลางในกำ�หนด รับรองและพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณ ด้านการ บริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ (HR Accreditation and Development Center) 6.2.2 แนวทางการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั เพอ่ื เตรยี ม ความพรอ้ มสปู่ ระชาคมอาเซยี น ปี 2558 โดยส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น มตคิ ณะรฐั มนตรี 30 กรกฎาคม 2555 เรอ่ื ง ผลการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิ การเตรยี มความพรอ้ มสปู่ ระชาคมอาเซยี น ปี 2558 มอบหมายให้ • กระทรวงแรงงาน • กระทรวงศกึ ษาธกิ าร • ส�ำ นกั งาน ก.พ. เปน็ หนว่ ยงานหลกั ในเรอ่ื ง การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ โดยวางแผน 140

ก�ำ ลงั คนทง้ั ระบบ ครอบคลมุ ทรพั ยากรมนษุ ยท์ ง้ั ในภาครฐั และภาคการ ผลติ และบรกิ าร ทง้ั ในสว่ นของจ�ำ นวนความตอ้ งการการพฒั นาทกั ษะฝมี อื แรงงาน และทกั ษะดา้ นภาษา โดยสำ�นักงาน ก.พ. รับผิดชอบด้านการบริหารกำ�ลังคนภาครัฐให้ สอดคลอ้ งกบั บทบาทภารกจิ ทม่ี ใี นปจั จบุ นั และเตรยี มความพรอ้ มส�ำ หรบั อนาคต และการพฒั นาทกั ษะและศกั ยภาพของก�ำ ลงั คนภาครฐั และศกึ ษา วิเคราะห์เชิงลึกเร่อื งอัตรากำ�ลังคนภาครัฐ เพ่อื วางแผนให้สอดคล้องกับ ความต้องการของประเทศ และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมท้ัง การเตรยี มการแกไ้ ขปรบั ปรงุ กฎระเบยี บในการโอนยา้ ยบคุ ลากรใหม้ คี วาม เหมาะสม มติคณะรัฐมนตรี เม่อื 2 พฤศจิกายน 2555 รบั ทราบการบูรณาการ ยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ ประชาคมอาเซยี น ปี 2558 กรอบความคดิ ในการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั ภายใตแ้ ผนงานการ จดั ตง้ั ประชาคมสงั คม และวฒั นธรรมอาเซยี น Blueprint for the Socio- Cultural ASEAN Community (ASCC 2009 – 2015) ขอ้ A การพฒั นา มนษุ ย์ (Human Development) A7 พฒั นาขดี ความสามารถของราชการ พลเรือน (Building Civil Service Capacity) ได้วางเป้าหมายระดับ ยทุ ธศาสตร์ สรา้ งระบบราชการพลเรอื นทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล มคี วามโปรง่ ใส มคี วามรบั ผดิ ชอบสงู และเชอ่ื ถอื ไดด้ ว้ ย • การเพม่ิ ขดี ความสามารถ และการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะของทรพั ยากร มนษุ ยใ์ นภาคราชการพลเรอื นของ ASEAN และ • การเพม่ิ ความรว่ มมอื ระหวา่ งรฐั สมาชกิ ASEAN ระบบบริหารราชการของราชอาณาจักรไทย 141

การวเิ คราะหป์ ญั หา/ผลกระทบของการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น • บุคลากรภาครัฐ และระบบการบริหารภาครัฐต้องปรับตัว เพ่อื ให้ สอดรบั กบั การปฏบิ ตั งิ านในลกั ษณะขา้ มวฒั นธรรม (Cross Cultural) • สมรรถนะทว่ั ไปของบคุ ลากรภาครฐั ตอ้ งปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะกบั การ ปฏบิ ตั ริ าชการแนวใหม่ โดยเฉพาะทกั ษะในการสอ่ื สาร การใชภ้ าษาองั กฤษ และภาษาทอ้ งถน่ิ อาเซยี น • ภาครฐั ตอ้ งบรหิ ารการเปลย่ี นแปลงในเชงิ รกุ มากขน้ึ รวมทง้ั ปฏริ ปู ภาครัฐ เพ่อื แก้ไขปัญหาความซ้ําซ้อน การขาดความชัดเจนของทิศทาง แผนในทกุ ระดบั การขาดความยดื หยนุ่ คลอ่ งตวั กฎ ระเบยี บทไ่ี มท่ นั สมยั สง่ิ ทา้ ทายในการเตรยี มความพรอ้ มเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น • อาจเกิดความเส่ยี งในการขาดแคลนกำ�ลังคนคุณภาพในทุกระดับ ทุกประเภท โดยเฉพาะจากข้อตกลงด้านการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพ ซ่ึงกันและกัน (สาขาแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล วิศวกร สถาปนิก นักสำ�รวจ และนักบัญชี) อาจทำ�ให้เปิดโอกาสการเคล่ือนย้ายกำ�ลังคน คณุ ภาพไปสภู่ าคสว่ นในภมู ภิ าคอน่ื • ภาครฐั ตอ้ งสรา้ งมาตรฐานการบรหิ ารทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นระดบั อาเซยี น ทง้ั ในเรอ่ื งโครงสรา้ ง ระบบการสรรหา ระบบการพฒั นา ระบบคา่ ตอบแทน และสง่ิ จงู ใจ และเงอ่ื นไขการจา้ งงานในภาคราชการ ใหค้ ลอ่ งตวั ยดื หยนุ่ สามารถดึงดูด และรักษาบุคลากรคุณภาพในระดับภูมิภาคมากข้นึ อาทิ Lateral Entry Talent Management ระบบจูงใจ ค่าตอบแทน และ สวสั ดกิ าร 142

แนวทางการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั 1. ให้มีการจัดสรรงบประมาณ เพ่อื การพัฒนาในสัดส่วนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ 1.5 ของงบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นบคุ ลากรของหนว่ ยงาน ในระยะ เวลา 3 ปี 2. ปรบั ปรงุ ระบบการบรหิ ารทรพั ยากรมนษุ ยท์ กุ หนว่ ยงานในภาครฐั บนฐานของสมรรถนะทส่ี �ำ คญั และจ�ำ เปน็ ในการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น อาทิ ปรับปรุงระบบการจัดสอบ การประเมินเพ่อื วัดระดับสมรรถนะใน การบรรจบุ คุ คลเขา้ ท�ำ งาน การแตง่ ตง้ั โยกยา้ ย เลอ่ื นระดบั เลอ่ื นต�ำ แหนง่ การก�ำ หนดคา่ ตอบแทนพเิ ศษ ฯลฯ 3. เสริมสร้างเครือข่าย และบูรณาการความร่วมมือภายในภาครัฐ ระหวา่ งภาครฐั และภาคสว่ นอน่ื ๆ ทง้ั ในและตา่ งประเทศ [72] สง่ิ ทส่ี �ำ นกั งาน ก.พ. ไดด้ �ำ เนนิ การ • เสนอแผนการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน ซ่ึงได้รับการบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ประเทศ และ ยทุ ธศาสตรก์ ารเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น 2558 • คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ และสำ�นักงาน ก.พ. ให้ความ เหน็ ชอบแนวทางการเตรยี มความพรอ้ มดา้ นการพฒั นาขา้ ราชการพลเรอื น • จดั ท�ำ หลกั สตู รรว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และกระทรวงการ ต่างประเทศ จัดอบรมสร้างความตระหนักรู้ พัฒนาทักษะเฉพาะด้าน พฒั นาระดบั บรหิ ารภาครฐั และเอกชน ทง้ั สว่ นกลางและภมู ภิ าค ตง้ั แตป่ ี 2554 - 2558 ปลี ะ 10 - 12 หลกั สตู ร (รวม e-Learning) ระบบบริหารราชการของราชอาณาจกั รไทย 143

• ด�ำ เนนิ การในมติ ติ า่ งๆ ของการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั เชน่ เครอื ขา่ ยกบั ส�ำ นกั งาน ก.พ. อาเซยี น ฯลฯ และเตรยี มการด�ำ เนนิ การใน เรอ่ื งอน่ื ๆ เชน่ ระบบการสรรหา ระบบคา่ ตอบแทน การสนบั สนนุ ต�ำ แหนง่ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ฯลฯ 6.3 หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบดา้ นการพฒั นาขา้ ราชการ หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบในการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั ในการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยภ์ าครฐั หรอื การบรหิ ารขา้ ราชการ และ พนกั งานของรฐั ในกระทรวงตา่ งๆ ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั ในการขบั เคลอ่ื น ยุทธศาสตร์ของชาตใิ ห้เปน็ ไปตามเปา้ ประสงคข์ องแผนพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติให้ไปในทิศทางเดียวกันได้น้ัน จึงต้องมีหน่วยงาน รบั ผดิ ชอบ ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 6.3.1 ส�ำ นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น สำ�นักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือเรียกโดยย่อว่า ส�ำ นกั งาน ก.พ. เปน็ สว่ นราชการระดบั กรมในสงั กดั ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี มหี นา้ ทเ่ี ปน็ องคก์ รกลางดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลในราชการพลเรอื น โดยการบรหิ ารงานของ “คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น” ซง่ึ มหี นา้ ท่ี ในการกำ�กับดูแลการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ตาม “พระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน” ภายใต้ระบบคุณธรรม ทำ�หน้าท ่ี สง่ เสรมิ การพฒั นาขา้ ราชการ และเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ และ การทำ�งานท่ีดี และพัฒนาระบบการบริหารกำ�ลังคนในราชการให้เป็น กลไกขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตรช์ าตอิ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 144

วสิ ยั ทศั น์ เป็นผู้นำ�เชิงยุทธศาสตร์ในการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการ ทรพั ยากรบคุ คลภาครฐั บนหลกั ของระบบคณุ ธรรม เพอ่ื ประสทิ ธผิ ลของ ราชการ พนั ธกจิ พฒั นา และวางระบบบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล เพอ่ื เปน็ พลงั ขบั เคลอ่ื น การบรหิ ารก�ำ ลงั คนภาครฐั ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ 1. สรา้ ง และพฒั นาทรพั ยากรบคุ คลในราชการพลเรอื นใหม้ สี มรรถนะ ขดี ความสามารถในการปฏบิ ตั ริ าชการ และใหบ้ รกิ ารประชาชน 2. พทิ กั ษร์ ะบบคณุ ธรรมในราชการพลเรอื น เสรมิ สรา้ งมโนสจุ รติ และ ความโปรง่ ใสในการปฏบิ ตั ริ าชการทม่ี งุ่ เนน้ ประโยชนส์ ว่ นรวม ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 145

บทบาท และหนา้ ทใ่ี นการพฒั นาขา้ ราชการ ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ก�ำ หนด ให้สำ�นักงาน ก.พ. มีอำ�นาจหน้าท่ีในการเสนอ และให้คำ�ปรึกษาคณะ รฐั มนตรเี กย่ี วกบั นโยบาย และยทุ ธศาสตรก์ ารบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลใน ภาครฐั ดา้ นมาตรฐานคา่ ตอบแทน การบรหิ ารและพฒั นาทรพั ยากรบคุ คล การวางแผนก�ำ ลงั คน และดา้ นอน่ื ๆ เพอ่ื ใหส้ ว่ นราชการใชเ้ ปน็ แนวทางใน การด�ำ เนนิ การ ใหส้ ว่ นราชการตา่ งๆ มหี นา้ ทด่ี �ำ เนนิ การใหม้ กี ารเพม่ิ พนู ประสิทธิภาพ และเสริมสร้างแรงจูงใจแก่ข้าราชการพลเรือน เพ่ือให้มี คณุ ภาพ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คณุ ภาพชวี ติ มขี วญั และก�ำ ลงั ใจในการปฏบิ ตั ิ ราชการให้เกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี สำ�นักงาน ก.พ. กำ�หนด และเพ่ือเป็นการประหยัด สำ�นักงาน ก.พ. จะด�ำ เนนิ การเพม่ิ พนู ประสทิ ธภิ าพ และเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจใหข้ า้ ราชการ ท้งั ทำ�หน้าท่ดี ูแลให้การดำ�เนินการด้านบริหารงานบุคคลของข้าราชการ พลเรอื นในกระทรวง และกรมตา่ งๆ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บ ข้าราชการพลเรือน ต้ังแต่การกำ�หนดตำ�แหน่ง และอัตราเงินเดือน การสอบเพ่ือบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ การแต่งต้ังโยกย้าย การเล่ือน ตำ�แหน่ง และอัตราเงินเดือน ไปจนถึงการดำ�เนินการทางวินัย การออก จากราชการ และเรอ่ื งอน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในปจั จุบนั สำ�นกั งาน ก.พ. มงุ่ เน้นการพฒั นาขา้ ราชการ โดยยดึ หลัก สมรรถนะ (Competency) และการพฒั นาขดี ความสามารถ (Capability) เพ่อื ให้ข้าราชการเป็นผ้ปู ฏิบัติงานท่ที รงความรู้ (Knowledge Worker) สามารถปฏบิ ตั งิ านภายใตห้ ลกั การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี และระบบ 146

บริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวทันการ เปลย่ี นแปลง สามารถพฒั นางานในหนา้ ทอ่ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื งสมา่ํ เสมอ โดยการ พฒั นาทเ่ี นน้ การเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ โดยท่สี ำ�นักงาน ก.พ. มีบทบาทเป็นผ้เู สนอแนะ กำ�กับ ดูแล และให้ ค�ำ ปรกึ ษาแกส่ ว่ นราชการในการด�ำ เนนิ งานฝกึ อบรมและพฒั นา ส�ำ นกั งาน ก.พ. จึงได้กำ�หนดยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือนข้ึน ขณะเดยี วกนั กไ็ ดจ้ ดั ท�ำ หลกั สตู รการฝกึ อบรมพฒั นาทม่ี รี ปู แบบหลากหลาย เชน่ การจดั หลกั สตู รในหอ้ งเรยี น การจดั หลกั สตู รฝกึ อบรมทางไกล การ ฝึกอบรมด้วยส่อื อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ โดยเน้นกล่มุ เป้าหมายหลัก ได้แก่ ข้าราชการรุ่นใหม่ ข้าราชการผู้มีศักยภาพสูง ผู้บริหารระดับกลาง ผ้บู ริหารระดับสูง ผ้ปู ฏิบัติงานด้านการบริหารงานบุคคล ผ้ปู ฏิบัติงาน ดา้ นการพฒั นาทรพั ยากรบคุ คล นอกจากหนา้ ทใ่ี นการพฒั นา ฝกึ อบรม และการใหท้ นุ ทางการศกึ ษา แก่ประชาชนและข้าราชการแล้ว สำ�นักงาน ก.พ. ยังมีอีกหน่ึงหน้าท่ีท่ี ส�ำ คญั คอื การสรรหาบคุ คลเขา้ รบั ราชการเพอ่ื บรรจเุ ปน็ ขา้ ราชการ โดย มีด้วยกัน 3 กรณี คือ กรณีท่ี 1 การสอบแข่งขัน กรณีท่ี 2 รับสมัครจาก บคุ คลทว่ั ไป หรอื รบั สมคั รเฉพาะผผู้ า่ นการกลน่ั กรองเบอ้ื งตน้ แลว้ ในบาง ต�ำ แหนง่ อาจเปน็ กรณที ่ี 3 กรณที ม่ี เี หตพุ เิ ศษทไ่ี มจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งด�ำ เนนิ การ สอบแขง่ ขนั เชน่ กรณคี ณุ วฒุ ทิ ห่ี าผสู้ �ำ เรจ็ การศกึ ษาไดย้ าก หรอื ไดร้ บั ทนุ รฐั บาล เปน็ ตน้ ทง้ั 3 กรณนี น้ั ส�ำ นกั งาน ก.พ. อาจเปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การเอง หรอื ใหส้ ว่ นราชการด�ำ เนนิ การกไ็ ด ้ ส�ำ นกั งาน ก.พ. จะเปน็ ผเู้ ปดิ การสอบภาคความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป (ภาค ก) สำ�หรับระดับปริญญาตรีและปริญญาโท เม่ือผู้สมัครสามารถ ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจกั รไทย 147

สอบภาค ก ไดแ้ ลว้ จงึ จะสามารถขอสมคั รเพอ่ื บรรจขุ า้ ราชการและพนกั งาน ของรฐั กบั สว่ นราชการ เพอ่ื ขอสอบความสามารถเฉพาะต�ำ แหนง่ (ภาค ข) และการสอบสมั ภาษณเ์ พอ่ื หาความเหมาะสมกบั ต�ำ แหนง่ (ภาค ค) ตาม ล�ำ ดบั สรปุ ไดว้ า่ ส�ำ นกั งาน ก.พ. มบี ทบาท และหนา้ ทเ่ี ปรยี บเสมอื นกบั ฝา่ ย พฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยข์ องรฐั ทม่ี หี นา้ ทใ่ี นการบรหิ ารและพฒั นาขา้ ราชการ พลเรือนให้สามารถปฏิบัติหน้าท่ีของตนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็น บคุ ลากรทม่ี ศี กั ยภาพสงู ทใ่ี หป้ ระสทิ ธผิ ลในการท�ำ งานสงู สดุ ควบคไู่ ปกบั การสนับสนุนด้านการพัฒนา และฝึกอบรมท้ังในสำ�นักงาน ก.พ. เอง และการไปศึกษาต่อท้ังในประเทศและต่างประเทศ อีกท้ังรักษาขวัญ และสง่ เสรมิ ก�ำ ลงั ใจในการท�ำ งานของขา้ ราชการในสว่ นรวม บทบาทของส�ำ นกั งาน ก.พ. ตอ่ การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น ส�ำ นกั งาน ก.พ. ในฐานะองคก์ รกลางดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล ในราชการพลเรือนของประเทศไทย มีบทบาทโดยตรงในเสาสังคมและ วฒั นธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community - ASCC) ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ใน 3 เสาหลกั ตามแผน Roadmap สปู่ ระชาคมอาเซยี น หน้าท่ีหลัก 2 ประการของ ASCC คือ การพัฒนามนุษย์ (Human Development) และการเสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถของภาครฐั ในการ ให้บริการประชาชน (Building Civil Service Capability) โดยมี จดุ มงุ่ หมายเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ และยกระดบั มาตรฐาน การท�ำ งานของ ระบบราชการในกลมุ่ ประเทศอาเซยี นใหต้ อบสนองตอ่ ภารกจิ ของรฐั และ การให้บริการประชาชน ตลอดจนปรับบทบาท และภารกิจของระบบ ราชการให้ทันต่อสถานการณ์การเปล่ียนแปลงของโลก และให้มีการ 148

สง่ เสรมิ ให้เกดิ ความรว่ มมอื ในดา้ นการพฒั นาคนระหว่างข้าราชการของ กลุ่มประเทศอาเซียน เพ่ือให้กำ�ลังคนภาครัฐของภูมิภาคอาเซียน มคี วามรู้ ความสามารถ และมวี สิ ยั ทศั นท์ ย่ี าวไกล ตลอดจนเปน็ ผทู้ ม่ี คี วาม สามารถตอ่ การบรหิ ารการเปลย่ี นแปลงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ส�ำ นกั งาน ก.พ. กบั การเตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการไทยสปู่ ระชาคม อาเซยี น ส�ำ นกั งาน ก.พ. มคี วามตระหนกั ในการสรา้ ง และเตรยี มความพรอ้ ม ขา้ ราชการไทย เพอ่ื รองรบั การเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น โดยไดเ้ สนอแนวทาง การเสรมิ สรา้ งความพรอ้ มในการพฒั นาขา้ ราชการสปู่ ระชาคมอาเซยี นใน การประชมุ ก.พ. ครง้ั ท่ี 1/2554 เมอ่ื วนั ท่ี 20 มกราคม 2554 โดยทป่ี ระชมุ มมี ตเิ หน็ ชอบใหด้ �ำ เนนิ การ ดงั น้ี ปี 2554 ระยะการประเมนิ และสรา้ งความตระหนกั ใหม้ แี นวทางด�ำ เนนิ การสรา้ งความตระหนกั ตน่ื ตวั และสรา้ งเครอื ขา่ ย โดยรวมถงึ การจดั ท�ำ หนงั สอื แจง้ เวยี นสว่ นราชการถงึ แนวทางในการเตรยี มความพรอ้ มขา้ ราชการ การปรับปรุงเคร่ืองมือส่ือสารการพัฒนา เช่น การเรียนรู้ผ่านส่ือ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Learning) หลกั สตู รภาษาองั กฤษ และหลกั สตู รส�ำ หรบั ผบู้ รหิ าร การสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ระบบการแลกเปลย่ี นบคุ ลากรระยะสน้ั ระหวา่ ง ข้าราชการของประเทศสมาชิกอาเซียน ท้งั น้ี การให้ความรู้ และพัฒนา ขา้ ราชการในระยะน้ี จะเนน้ ความรู้ ทกั ษะ และสมรรถนะพน้ื ฐานเกย่ี วกบั การเข้าสปู่ ระชาคมอาเซยี น และแผนแมบ่ ทของแต่ละดา้ น โดยให้ความ ส�ำ คญั กบั กลมุ่ ผบู้ รหิ าร และกลมุ่ ขา้ ราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเขา้ สปู่ ระชาคม อาเซยี น ทง้ั สว่ นกลาง และสว่ นภมู ภิ าคเปน็ ล�ำ ดบั ตน้ ปี 2555-2556 ระยะการพฒั นา และปรบั ใช้ เปน็ การขยายการพฒั นา ระบบบรหิ ารราชการของราชอาณาจักรไทย 149


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook