บทคดั ย่อ การเสริมสร้างความซ่ือสัตย์สุจริตแก่สามเณรพักประจาในโรงเรียน เพื่อศึกษาจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของสามเณรนักเรียนสาหรับเป็นข้อมูลเปรียบเทียบก่อนและหลังการใช้กิจกรรม “สุขภาวะท่ีดี ด้วยกลวิธี ๖ ดี” ปลกู ฝังและปรับเปลีย่ นพฤติกรรมของสามเณรดว้ ยอาศยั ความรว่ มมือจากทกุ ส่วนไดแ้ ก่ เจ้าอาวาสพระอาจารย์พี่เล้ียง คณะครูโรงเรียนวัดน้าไคร้นันทชัยศกึ ษา พบว่า สามเณรมีอายุระหว่าง 12-15 ปี จานวน7 รูป มีพฤติกรรมขาดจริยธรรมด้านความซ่ือสัตย์ คิดเป็นร้อยละ 28 หลังจากจัดกิจกรรมแล้วประเมินผลพบว่า สามเณรทุกรูปที่พักประจาในโรงเรียน มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ และมีจริยธรรมด้านความซ่ือสัตย์ ซึ่งมสี มุดบนั ทึกความดีเป็นหลกั ฐาน และจากการสังเกตพฤติกรรมพบว่า ไม่มีส่ิงของหรอื ของมีค่าใดในกุฏิท่พี ักของสามเณรสูญหาย1) ความสาคญั การพฒั นามนุษย์สิ่งที่สาคัญทสี่ ุด คือ การให้การศกึ ษา เม่ือมนุษย์ได้รับการพัฒนาก็จะก่อให้เกดิ การพฒั นาด้านอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระ-เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ พระราชทานแก่คณะครูนักเรียนท่ีได้รับพระราชทานรางวัล ฯ ณ ศาลาดุสิดาลัยความตอนหน่ึงว่า “การศึกษาเป็นปัจจัยสาคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ความคิด ความประพฤติและคุณธรรมของบุคคล สังคมและบ้านเมือง ให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้ครบถ้วนพอเหมาะกับทุก ๆ ด้านสังคมและบ้านเมืองน้ัน ก็จะมีพลเมืองที่มีคณุ ภาพซ่ึงสามารถธารงรักษาความเจริญม่ันคงของประเทศชาติไว้และพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปโดยตลอด” (สนั ต์ เกษมทรัพย,์ 2541:1) ความซื่อสัตย์สุจรติ เป็นจริยธรรมหน่ึงท่ีสาคัญ ซึ่งบุคคลพึงจะมีไวเ้ ป็นคณุ สมบตั ิของตน ผู้ท่ีมีความซื่อสัตย์สุจริตมีความจริงใจ ซ่ือตรง ทาจริง เป็นผู้ท่ีมีเกียรติเช่ือถือได้ และความซ่ือสัตย์เป็นธรรมอันประเสริฐที่สดุ ทม่ี นุษยต์ ้องมี เพราะเป็นเรอื่ งที่เกีย่ วกับคุณธรรมสาคญั และจาเปน็ มากสาหรับมนษุ ย์ในปัจจบุ ันชว่ ยใหค้ นประสบความสาเรจ็ ในการงานสามารถต้ังหลักฐานได้ และสามารถแก้ปญั หาชีวิตได้ สาหรับสามเณรนักเรียนท่ีพักประจาในโรงเรียนวัดน้าไคร้นันทชัยศึกษา เป็นวัยในระยะหัวเล้ียวหวั ต่อ ท่พี ร้อมจะเป็นผใู้ หญท่ ่ีดีหรือเลวได้ตามสถานการณแ์ วดล้อม และกาลังรูจ้ ักใช้เหตุผลในการพิจารณาตดั สิน ค่านิยมความเชื่อต่าง ๆ ไดด้ ้วยตนเองเป็นอย่างดี ดวงเดือน พันธมุ นาวิน (2538:80-90) กล่าวว่า “วัยรุ่นเป็นวัยที่เริ่มมีความสามารถทางการรู้ การคิด และสติปัญญาที่ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ท่ีพัฒนาตามปกติ เป็นตัวของตัวเองอย่างเตม็ ที่ เข้าใจทางด้านนามธรรมชดั เจนยิ่งขึ้นทกุ ที จะสามารถเข้าใจคาส่ังสอนทางพระพุทธศาสนาท่ีส่วนใหญ่เป็นนามธรรม สามารถเข้าใจบุคคลอ่ืน สังคมมนุษยชาติได้อย่างลึกซึ้งรับทราบเรื่องราวต่าง ๆ จากประสบการณ์ทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ มีอุดมการณ์และปรัชญาเป็นของ
ตนเอง แต่ยังขาดประสบการณ์ ขาดความสุขุมรอบคอบ ไม่มีความอดทน เป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อที่กาลังจะเปล่ียนแปลงจากเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม ถ้าสามเณรนักเรียนเหล่านี้ได้รับการดูแล และการแนะนาท่ีดีก็จะก่อให้นักเรียนมีคุณธรรมจริยธรรมด้านความซื่อสัตยม์ ากขน้ึ ผู้ศึกษาค้นคว้าเป็นผู้หน่ึงที่อยู่ในวงการการศึกษาระดับมัธยมศึกษา และพบเห็นสามเณรนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและพฤติกรรมเบยี่ งเบน จากเหตุผลดังกล่าว ผู้ศึกษาค้นคว้าจึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของสามเณรนักเรียนท่ีพักประจาโรงเรียนวัดน้าไคร้นันทชัยศึกษา เพื่อจะเป็นข้อมูลและประโยชน์ในการปลูกฝังจริยธรรมดา้ นความซอ่ื สตั ย์แก่ผปู้ กครอง ครู นักเรียน ตลอดถงึ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อจะได้นาเป็นแนวทางในการพัฒนาจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ของสามเณรนักเรียนในสถานศึกษาให้เป็นทรัพยากรบุคคลท่ีมีคุณภาพของชาติตอ่ ไป2) วัตถุประสงค์ และเปา้ หมายของการดาเนินงาน 1. เพือ่ ศึกษาจริยธรรมด้านความซ่อื สตั ย์ของสามเณรนกั เรยี นท่ีพกั ประจา ในโรงเรียนวดั นา้ ไครน้ ันทชยั ศึกษา 2. เพ่อื เปรียบเทียบจรยิ ธรรมด้านความซอ่ื สตั ย์ของสามเณรนักเรยี นพักประจา ในโรงเรียนวดั น้าไครน้ นั ทชยั ศึกษาที่มีอายุแตกต่างกนั 3. เพ่ือเปรียบเทียบก่อนและหลังจากการปลูกฝงั จรยิ ธรรมด้านความซอื่ สตั ย์แกส่ ามเณรนกั เรียนท่ี พกั ประจาในโรงเรียนวดั นา้ ไคร้นนั ทชยั ศกึ ษา ด้วยกิจกรรม “สุขภาวะทด่ี ี ด้วยกลวธิ ี ๖ ด”ี3) กระบวนการดาเนนิ งาน 1. สารวจจรยิ ธรรมและประเมินตนเองของสามเณรนกั เรียนท่ีพกั ประจาในโรงเรียนวดั นา้ ไคร้นันทชัย ศกึ ษาดา้ นความซื่อสัตย์ ซง่ึ จาแนกดว้ ยอายุของสามเณร เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลก่อนดาเนินการ 2. เจา้ อาวาส พระอาจารย์พีเ่ ลยี้ ง และคณะครู ประชุมเพ่ือวางแผนงานดาเนนิ การปลกู ฝัง จริยธรรมด้านความซอ่ื สตั ย์ โดยใช้วิธี 1) อบรมบรรยายถวายความรู้หลกั ธรรมคาสอนขององคพ์ ระสัมมาสมั พุทธเจ้าหรอื ยกตัวอย่าง นทิ านชาดกเกย่ี วกบั ความซ่ือสัตย์ หลังทาวัตรเยน็ อยา่ งน้อย 2 คร้ังต่อสปั ดาห์ 2) ปลกู ฝงั และปรับเปล่ียนพฤติกรรมดว้ ยกิจกรรม “สุขภาวะท่ีดี ด้วยกลวิธี ๖ ด”ี ประกอบดว้ ย 2.1) กุฏทิ ่พี ักดี หมายถงึ การทาความสะอาดท่ีพักและหอ้ งสาหรบั จาวัดของสามเณรให้ สะอาดปราศจากฝุ่นละออง จัดสง่ิ ของเคร่ืองใช้ใหเ้ ป็นระเบียบเรยี บร้อย และจดั บรรยากาศให้น่าอยู่ 2.2) เครอ่ื งนงุ่ ห่มดี หมายถึง การทาความสะอาดจีวร และเคร่ืองอัฏบรขิ าร ตลอดจน เครื่องใช้ท่จี าเป็นสาหรบั สามเณรและจัดเก็บให้เรียบร้อย ปราศจากกลิน่ อบั 2.3) ภตั ตาหารดี หมายถงึ ภัตตาหารทีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย เกบ็ ลา้ งทาความสะอาด ภาชนะที่ใสภ่ ตั ตาหาร เชด็ ตากให้แหง้ และเกบ็ เขา้ ท่ีใหเ้ รียบร้อย ตลอดจนทาความ สะอาดโรงครัวและหอ้ งครัวให้เรยี บรอ้ ย 2.4) ห้องเรยี นดี หมายถงึ การดหู ้องเรียนให้สะอาด จดั บรรยากาศห้องเรยี นให้เอ้ือต่อ การเรียนรู้ จดั ป้ายนิเทศให้เป็นระเบียบ และเกบ็ ทาความสะอาดส่งิ ของเคร่ืองใชใ้ น หอ้ งเรยี นให้เรียบร้อย
2.5) ห้องน้าหอ้ งสว้ มดี หมายถึง การทาความสะอาดหอ้ งนา้ ห้องสว้ มใหส้ ะอาดปราศจาก กล่ิน และหอ้ งน้าห้องสว้ มต้องมลี กั ษณะ “แห้ง หอม สะอาด” 2.6) กิจวัตรดี หมายถึง การทาวัตรสวดมนตต์ ามภารกจิ หน้าที่ของสามเณรในช่วงเชา้ และ ช่วงเยน็ สวดมนต์ให้พร้อมเพรียงกนั มีจงั หวะมีท่วงทานองทชี่ วนฟงั และกราบพระ ถกู วิธี 3. การดาเนินงามตามกิจกรรม “สุขภาวะท่ีดี ดว้ ยกลวิธี ๖ ด”ี โดยให้สามเณรศึกษาและถือปฏบิ ัติ ตาม ดาเนินการจัดตั้งสามเณรเปน็ คณะกรรมการฝา่ ยปกครอง 3 รปู ทาหนา้ ท่ดี ูแลทพ่ี ักและท่ี นอน และมอบหมายให้พระอาจารยเ์ ป็นพเ่ี ลีย้ งในการดแู ลความสะอาดห้องนา้ ห้องสว้ ม การล้าง ภาชนะใสภ่ ตั ตาหาร และสามเณรทุกรูปต้องดูแลทาความสะอาดตามบริเวณต่างๆ ในวดั ตามท่ี ไดร้ บั มอบหมาย สามเณรซักผ้าจวี รและอุปกรณเ์ ครื่องนุ่งห่มทกุ ๓ วัน ทาวัตรเช้าเยน็ ทกุ วัน แลว้ จงึ ใหเ้ ขียนสงิ่ ท่ปี ฏิบตั ลิ งสมุดบันทกึ ความดี 4. ประเมนิ จรยิ ธรรมด้านความซ่ือสตั ย์ของสามเณรนกั เรียนที่พกั ประจาในโรงเรียนวัดนา้ ไคร้นนั ทชัย ศึกษา โดยพระอาจารยพ์ ี่เล้ยี ง คณะครู และจากสมุดบันทึกความดี แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของ สามเณร4) ผลการดาเนินงาน 1. จากการสารวจก่อนดาเนินการ สามเณรนกั เรยี นที่พกั ประจาในโรงเรียนวัดนา้ ไคร้นันทชยั ศึกษา จานวน 25 รูป พบว่า สามเณร จานวน 7 รปู มพี ฤติกรรมขาดจรยิ ธรรมด้านความซอ่ื สตั ย์ คิดเป็นร้อยละ 28 เมอ่ื แยกเป็นอายุระหว่าง 12-15 ปี จานวน 14 รูป และอายุระหว่าง 15-18 ปี จานวน 11 รปู พบวา่ กลุ่มอายุระหว่าง 12-15 ปี มีจานวน 7 รูป มีพฤตกิ รรมขาดจริยธรรม ดา้ นความซ่ือสตั ย์ สว่ นกลุ่มอายุระหวา่ ง 15-18 ปี ไมพ่ บผู้มพี ฤติกรรมขาดจริยธรรมด้านความ ซ่ือสตั ย์ 2. ผลที่ได้การดาเนินการ พบว่า สามเณรทุกรูป มีจรยิ ธรรมด้านความซอื่ สัตย์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 จากหลักฐานการบนั ทึกสมุดความดี กจิ กรรมสุขภาวะท่ีดี ดว้ ยวธิ ี ๖ ดี และจากการประเมินผล และการสังเกตจากคณะพระอาจารยพ์ ่เี ลีย้ ง คณะครู และไมม่ ีส่ิงของใดหรือทรัพยส์ ินมคี ่าใดของ สามเณร พระอาจารย์ และคณะครใู นโรงเรียนสญู หายเลย 3. ผลท่ไี ด้จากกจิ กรรม “สุขภาวะทด่ี ี ด้วยกลวธิ ี ๖ ดี” ดังนี้ 3.1 สามเณรมสี ขุ ภาพทด่ี ีขึ้น อัตราการเจบ็ ปว่ ยน้อยลง ทงั้ นเ้ี นอ่ื งจากการปฏบิ ตั ติ ามกจิ กรรม โดยทาความสะอาดกุฏทิ ่ีพัก เครอื่ งน่งุ ห่ม ห้องน้าห้องสว้ ม ฉนั ภัตตาหารทม่ี ปี ระโยชน์ 3.2 สามเณรได้รบั การดูแลอย่างใกลช้ ดิ จากพระพี่เล้ียง และปฏบิ ัตภิ ารกจิ ในการทาความ สะอาดบริเวณวดั กุฏทิ ่พี ัก หอ้ งเรยี น 3.3 การทาวัตรสวดมนต์ท้ังเช้าเยน็ และการกราบพระที่ถกู วธิ ี เป็นการสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรมของสามเณรเกีย่ วกับความมวี นิ ัย ความรบั ผิดชอบ และความซ่ือสตั ย์สุจรติ ต่อ ตนเอง 3.4 การฝกึ ปฏิบตั ิบอ่ ยๆ ทุกๆ วนั ชว่ ยให้สามเณรนกั เรียนดาเนินงานจนเปน็ นิสัย เป็น ตัวอย่างที่ดแี ก่เพ่อื นสามเณร ครูอาจารย์ และญาติโยมท่วั ไป5) ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั และการเผยแพร่
1. สามเณรนกั เรยี นท่พี ักประจาในโรงเรยี นวดั นา้ ไครน้ ันทชัยศึกษา มีจรยิ ธรรมด้านความซื่อสตั ย์ มรี ะเบยี บวนิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบ 2. ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ เป็นจริยธรรมทสี่ าคญั และจาเป็นอย่างมากสาหรบั ทุกคน ซงึ่ จะช่วยให้ทุกคน ประสบความสาเรจ็ ในการงาน การศกึ ษา และสามารถแกป้ ัญหาชวี ิตได้6) ปจั จยั ความสาเรจ็ 1. ความรว่ มมือจากทุกคน ได้แก่ ท่านเจา้ อาวาส พระอาจารย์พเี่ ล้ียง คณะครู และสามเณรนักเรยี น รวมถงึ ความสมั พนั ธท์ ดี่ ขี องคณะทางาน การให้ความเช่อื ถือและไว้วางใจของคณะทางาน 2. การกาหนดเปา้ หมายและแนวทางไว้ชดั เจน ความรบั ผิดชอบ การเอาจรงิ เอาจัง และตั้งใจทางาน ของเจา้ อาวาส พระอาจารย์พ่ีเลีย้ ง คณะครู และสามเณรนักเรยี น 3. ได้รับการสนับสนนุ อุปกรณ์เครอื่ งใชเ้ คร่ืองนุ่งหม่ เครอ่ื งนอนจากพทุ ธศาสนกิ ชนเป็นอย่างดี7) ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ 1. การดาเนินงานในระยะแรก มีปัญหาขาดความรคู้ วามเข้าใจในการปฏบิ ตั ิ ขาดความ กระตือรือรน้ สามเณรนักเรียนมขี าดระเบยี บวินัย และความรบั ผดิ ชอบ 2. อุปกรณ์เครือ่ งใช้เคร่ืองนงุ่ ห่มเคร่อื งนอนบางอย่าง จาเปน็ ต้องใช้เงินซื้อหรือขอรับบรจิ าคจากญาติ โยมและพุทธศาสนิกชน8) แนวทางการพัฒนาต่อเนือ่ ง 1. จากการศึกษาจริยธรรมด้านความซอ่ื สัตย์น้ี ทาให้ได้รปู แบบแนวทางการปฏบิ ัติ ซง่ึ นอกจาก ความซือ่ สตั ย์แลว้ สามเณรนกั เรียนยังสรา้ งความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง และหน้าท่ี ความมี ระเบยี บวนิ ัย กจิ วัตรที่ตอ้ งทาทุกวนั ซึง่ ประโยชนท์ ่ีได้รับนั้น มีมากกว่าจรยิ ธรรมดา้ นความ ซอ่ื สตั ย์ 2. ผศู้ กึ ษาคน้ ควา้ ได้ขยายผลการดาเนินงานไปยังวัดตา่ งๆ ในเขตบรกิ ารของโรงเรียน9) เอกสารอ้างองิสันต์ เกษมทรัพย.์ (2541). การศึกษาสภาพปฏิบัติ ปญั หาและความต้องการในการวัดและประเมนิ ผลของครู คณิตศาสตร์ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกดั กรมสามญั ศึกษา เขตการศึกษา
11. วิทยานพิ นธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. สานกั วทิ ยาบริการดวงเดือน พันธมุ นาวิน. (2538). หนงั สอื ทฤษฎตี ้นไมจ้ ริยธรรม : การวจิ ัยและการพฒั นาบุคลากร. กรงุ เทพฯ: สานักงานกิจการโรงพมิ พ์ องค์การสงเคราะหท์ หารผา่ นศกึพณิ สุดา สริ ิธรงั ศร,ี ผศ.ดร. (2559). การจดั การการเรียนรแู้ บบเครอื ขา่ ยโดยการมสี ่วนร่วมของชุมชนเพือ่ สขุ ภาวะเดก็ และเยาวชนอย่างยง่ั ยนื : บทเรยี นจากการปฏิบตั .ิ กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั ธุรกิจบณั ฑิตย์.
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: