แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (ว21181) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ืองเทคโนโลยกี บั ชีวิต ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4เร่ือง ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น เวลา 3 คาบผู้สอน นายศกั ดณิ์ รงค์ สบื มี โรงเรยี นหันคาราษฎร์รงั สฤษด์ิ1. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืนโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์ รวมทงั้ ประเมินผลกระทบที่จะเกิดข้นึ ต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมเพื่อเปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อนได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยีทซ่ี บั ซอ้ นได้ (P) 3. นักเรยี นสามารถวิเคราะห์การทางานผิดพลาดของระบบทางเทคโนโลยที ีซ่ บั ซอ้ นได้ (P) 4. นักเรยี นสามารถเสนอแนวทางการบารงุ รักษาระบบทางเทคโนโลยไี ด้ (A)3. สาระการเรียนรู้ 1) เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลายดา้ น เชน่ ปญั หา ความต้องการ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆ เศรษฐกิจ สงั คมวฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม 2) ระบบทางเทคโนโลยีเป็นกล่มุ ของสว่ นต่างๆ ต้ังแต่สองสว่ นข้ึนไปประกอบเข้าดว้ ยกัน และทางานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยในการทางานของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) เพอื่ ใชป้ รบั ปรุงการทางานไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ โดยระบบทางเทคโนโลยอี าจมรี ะบบย่อยหลายระบบ (subsystems) ที่ทางานสมั พนั ธก์ นั และหากระบบยอ่ ยใดทางานผิดพลาดจะสง่ ผลตอ่การทางานของระบบอนื่ ด้วย4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยบี างชนิดประกอบไปด้วยระบบย่อยหลายระบบทางานสัมพันธก์ ันเรียกระบบนั้นว่า ระบบท่ีซับซ้อนหากระบบย่อยใดเกิดข้อผิดพลาด หรือเสียหายอาจส่งผลต่อการทางานของเทคโนโลยีทาให้ประสิทธิภาพการทางานลดลง หรอื ไมส่ ามารถทางานได้ ระบบทางเทคโนโลยอี าจเกิดความผิดพลาดได้ข้ึนอยู่กบั หลายปัจจยั เช่น อายุการใชง้ าน ซงึ่ การวิเคราะหส์ าเหตุการทางานที่ผดิ พลาดของระบบจะช่วยใหส้ ามารถยืดอายุการทางานของเทคโนโลยีได้ การเลือกใช้เทคโนโลยีผู้ใช้หรือผู้พัฒนาเทคโนโลยีจาเป็นต้องคานึงถึงผลกระทบของเทคโนโลยีท้งั ในด้านบวก และดา้ นลบที่สง่ ผลต่อมนษุ ย์ สงั คม เศรษฐกจิ และสิ่งแวดลอ้ ม เทคโนโลยีมกี ารเปลย่ี นแปลงและเกดิ ขึน้ ตลอดเวลาขึ้นอยกู่ ับปัจจัยตา่ งๆ ทท่ี าให้เกิดการเปล่ียนแปลงขึน้ เชน่ สังคมสิ่งแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และวฒั นธรรมโดยการเปลย่ี นแปลงส่วนใหญจ่ ะข้ึนกับองคค์ วามรู้ที่มีเพมิ่มากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ และความสัมพันธ์ด้านวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ซึ่งสง่ ผลใหเ้ กิดการปรบั ปรุงและพฒั นาประสิทธิภาพของการใชง้ านเทคโนโลยีใหด้ ยี ิ่งขึ้น และลดตน้ ทนุ การผลติ
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์1.ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ัย2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการสือ่ สาร 4) ทกั ษะการทางานรว่ มกนั3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี6. สื่อประกอบการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ เรอ่ื ง ตวั อยา่ งระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อน 2. วิดที ัศน์ เรอื่ ง ระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน 3. หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 4. ห้องสมดุ โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษด์ิ7. ช้นิ งานและภาระงาน 1. ใบกิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน 2. ใบกิจกรรมที่ 2 เร่อื ง ระบบย่อยของเทคโนโลยี 3. ใบกิจกรรมทา้ ทายความคดิ เร่ือง ไมเ้ ทา้ อจั ฉริยะสาหรับผ้บู กพรอ่ งทางการเห็น 4. ใบกิจกรรมท้ายบท เร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1ข้ันนา กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูเร่ิมต้นบทเรียนด้วยการใช้คาถามนาให้นักเรียนได้คิดเก่ียวกับคาว่า “ระบบ” โดยใช้คาถามว่านักเรียนเคยไดย้ นิ คาวา่ “ระบบ” ในเรือ่ งใดบ้าง และคาว่า“ระบบ” ในบริบทน้นั มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร แนวคาตอบ เช่น ระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบหายใจ หรือระบบของส่ิงต่างๆ ท่ีเราใช้งานในชีวิตประจาวัน เช่น ระบบการทางานของรถยนต์เคร่ืองเสียง เคร่ืองปรับอากาศ ซึ่งจะเห็นได้ว่า “ระบบ” มีอยู่หลายอย่าง และเก่ียวข้องกับการดาเนินชีวิตของ มนษุ ย์ อยู่ตลอดเวลา ตัวอย่าง ลักษณะของระบบท่ีพบเห็น เช่น ปากกาแบบกด มีส่วนประกอบสาคัญ ได้แก่ ด้ามปากกา หัวปากกา ไส้หมึกปากกา ด้ามกด สปริง รวมเข้าด้วยกันเป็นระบบ ซึ่งส่วนประกอบ ตา่ งๆ เหลา่ น้ีมหี นา้ ที่แตกตา่ งกันไป และทางานรว่ มกนั เพื่อใหป้ ากกากดสามารถทางานไดต้ ามตอ้ งการ (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียนโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)
3. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาจากหนงั สอื เรยี นบทที่ 1 หัวข้อเรอื่ ง “ระบบคืออะไร” และแจกใบความรู้ เร่อื งตัวอยา่ งระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อน ให้กบั นักเรยี นทุกคนข้นั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูใชค้ าถามชวนคิดดงั นี้ “นักเรยี นลองถอดชน้ิ ส่วนของปากกา หรือดินสอแบบกดแลว้ ศึกษาหนา้ ท่ีของแต่ละช้ินส่วนที่ทาให้ปากกา หรือดินสอนั้นมีกลไกการทางานได้ตามต้องการ” จากนั้นให้นักเรียนศึกษาองค์ประกอบของปากกาหรอื ดนิ สอกด ว่ามีส่วนประกอบสาคัญอะไรบา้ ง และมีหน้าที่รว่ มกันทางานอย่างไรพรอ้ มกับอภิปรายสรปุ รว่ มกัน แนวคาตอบ ปากกา หรือดินสดกด มีองค์ประกอบสาคัญ ได้แก่ ด้ามไส้ดินสอหรือไส้หมึกปากกาปุ่มกด หัวปากกา หรือดินสอสปริง โดยองค์ประกอบทั้งหมดจะรวมเข้าด้วยกันเป็นระบบการทางานของปากกา หรือดนิ สอเพ่ือให้ทางานได้ตามตอ้ งการ 2. ครูอธิบายเพื่อให้ความรู้เก่ียวกับความหมายของ “ระบบทางเทคโนโลยี” โดยเชื่อมโยงกับคาถาม ชวนคิด เร่ืององค์ประกอบ และหน้าท่ีของปากกาหรอื ดนิ สอกด ว่า ระบบการทางานของปากกาหรอืดนิ สอกด เรียกไดว้ ่าเป็น ระบบทางเทคโนโลยี ซง่ึ หมายถงึ กล่มุ ของสว่ นต่างๆ ตงั้ แตส่ องสว่ นข้นึ ไปประกอบเข้าด้วยกัน และทางานร่วมกันเพ่ือให้บรรลวุ ัตถุประสงคโ์ ดยในการทางานของระบบทางเทคโนโลยจี ะประกอบไปด้วยตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากน้ีระบบทางเทคโนโลยอี าจมขี อ้ มลู ยอ้ นกลับ (feedback) เพื่อใชป้ รับปรุงการทางานไดต้ ามวตั ถุประสงค์ 3. ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนศึกษาระบบทางเทคโนโลยีของหม้อหุงข้าว จากหนังสือเรียน แล้วให้นักเรียนอภิปรายสรุปแนวคิดสาคัญ คือองค์ประกอบหลักของหม้อหุงข้าว การทางาน และความเชื่อมโยงกับแผนภาพระบบทางเทคโนโลยี 4. ครูแนะนาให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั ความรู้ เรือ่ งแม่เหล็ก ทถี่ กู นามาใช้เปน็ ส่วนประกอบของหมอ้ หุงข้าว เพ่ือเปน็ การขยายความรูท้ ่ีเชื่อมโยงสูก่ ารสรา้ ง หรือพฒั นาหมอ้ ป้องกันอนั ตรายที่อาจเกิดขนึ้ จากการใชง้ านเครื่องใชไ้ ฟฟ้า (ทาลงในสมุดประจาตวั ) 5. ครูใช้คาถามชวนคิดว่า “นักเรียนคิดว่าเทคโนโลยีในชีวิตประจาวันมีระบบย่อยหลายระบบทางานรว่ มกันได้หรือไม่ อย่างไร” เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นแต่ละกลุ่มอภปิ รายสรปุ รว่ มกนั แนวคาตอบ เทคโนโลยีบางอยา่ งอาจมรี ะบบย่อยทางานรว่ มกันเพ่ือใหส้ ามารถทางานได้ตาม วัตถุประสงค์ เช่น ระบบการทางานของเคร่ืองดูดฝุ่นอัตโนมตั ิประกอบไปด้วยสว่ นสาคัญ เช่น ระบบ ให้พลังงาน ระบบขับเคล่ือน ระบบตรวจจบั ทศิ ทางระบบการดดู ฝนุ่ โดยระบบยอ่ ยเหลา่ น้มี กี ารทางาน ร่วมกนั (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาใบกิจกรรมท่ี 1 เร่ืองระบบทางเทคโนโลยีที่ซบั ซ้อน และใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ งระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี สง่ เป็นการบ้าน
ชว่ั โมงท่ี 2ข้ันสอน สารวจคน้ หา (Explore)(ตอ่ ) 1. ครูจัดกิจกรรมให้นักเรยี นศึกษาเน้ือหาหัวข้อ เรื่องระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อน จากหนังสือเรียนและร่วมกันสรปุ แนวคดิ หลักของระบบทางเทคโนโลยีของเครือ่ งปรบั อากาศ และระบบยอ่ ยของเคร่ืองปรับอากาศว่ามอี ะไรบา้ ง และมีการทางานร่วมกันอย่างไร แล้วให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายสรุป จากนัน้ ครูเพม่ิ ความรเู้ กย่ี วกับการพัฒนาเคร่อื งปรับอากาศในปจั จบุ นั ซ่งึ มกี ารคานงึ ถงึ ประเด็นการประหยัดไฟ และอานวยความสะดวกให้กับมนุษย์ 2. ครูให้นักเรียนศกึ ษาเนือ้ หาหวั ข้อ เรือ่ งการทางานผิดพลาดของระบบ (system failure) โดยศกึ ษาจากหนังสือเรียน หรือแหล่งเรยี นรูอ้ ื่น เช่น จากห้องสมุดของโรงเรียนหันคาราษฎร์รงั สฤษด์ิ หรือเว็บไซต์ เพื่อศึกษาตัวอย่างการทางานทผี่ ิดพลาดของระบบเครอื่ งปรบั อากาศ ว่าหากเกิดปญั หาการทางานของระบบขนึ้ จะมีแนวทางการตรวจสอบเบ้ืองต้น ก่อนนาไปสู่การแก้ไขได้อย่างไร ทั้งนี้การสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ครูจะแนะนานกั เรียนเกีย่ วกบั การใช้คาสาคัญ (keyword) เพ่ือการสืบคน้ เช่น system failure (ทาลงในสมดุ ประจาตัว) 3. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายสรปุ เกี่ยวกบั แนวคดิ สาคญั ของการทางานผดิ พลาดของระบบ คือเทคโนโลยีบางอย่างอาจประกอบด้วยระบบย่อยหลายระบบทางานร่วมกันโดยหากระบบย่อยใด ทางานผิดพลาด อาจส่งผลตอ่ การทางานของเทคโนโลยนี ัน้ ทาใหเ้ ทคโนโลยที างานไมไ่ ด้ หรือทางานไดไ้ มส่ มบรู ณ์และสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดของระบบ และแกไ้ ขเบอ้ื งต้นไดห้ ากไม่มีความซบั ซ้อน หรอื ยากเกินไป 4. ครูแบ่งกลุม่ นักเรียนกลมุ่ ละ 4-5 คน ให้ทากิจกรรมท้าทายความคิด เรื่องไม้เท้าอัจฉรยิ ะสาหรบั ผู้บกพรอ่ งทางการเห็นแล้วออกมานาเสนอ และอภิปรายสรปุ ร่วมกนั (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี นโดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ช่ัวโมงท่ี 3อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูจับสลากเลือกลาดับของแต่ละกล่มุ ใหอ้ อกมานาเสนอผลการศกึ ษาโดยให้นกั เรยี นกลุม่ ทถี่ ูกเลอื กเป็นอนั ดบั แรกสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการศกึ ษาทีละกล่มุ จนครบ (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี นโดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 2. นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ และครูร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์เก่ียวกับข้อมูลชิ้นงานของนักเรียนท่ีออกมานาเสนอจนทุกคนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจท่ีถกู ตอ้ งและตรงกนั 3. ครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมหลงั การอภิปรายของนักเรียนในส่วนท่ีขาดตกบกพรอ่ ง หรือส่วนทเี่ ปน็ประเด็นสาคญั ในเรือ่ งการทางานของระบบทางเทคโนโลยที ซี่ ับซ้อน 4. ครูชกั ชวนนักเรียนใหร้ ว่ มกันอภปิ รายประเด็นสาคัญในหวั ขอ้ “ระบบคอื อะไร” โดยครูเปิดประเดน็คาถามนาว่า ระบบที่ได้ศึกษาไปนั้น มอี ะไรบ้างท่เี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ และมีอะไรทีเ่ กิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ พร้อมอธิบายว่าระบบน้ันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีประโยชน์อย่างไร โดยชักชวนให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม
ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนเพ่อื วัดความเข้าใจหลงั จากทากิจกรรม 2. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมท้ายบท เรื่องระบบทางเทคโนโลยีท่ซี ับซ้อน โดยให้ผู้เรียนวิเคราะห์ระบบการทางานของต้เู ย็น พร้อมเขยี นแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยี โดยระบุระบบย่อยท่ีเก่ียวข้องอย่างน้อย 3 ระบบ เขียนแสดงความสัมพันธ์ของระบบย่อยเหล่าน้ัน และความผิดพลาดของระบบท่ีอาจเกิดขึ้น แล้วออกมานาเสนอ และอภิปรายสรุป (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี นโดยใช้แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ผลงาน) 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปแนวคิดสาคัญของบทเรียน เร่ืองระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ นโดยมีประเด็นสาคัญ คือ ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อนจะประกอบไปด้วยระบบย่อยต้ังแต่สองระบบขึ้นไปทางานร่วมกัน หากระบบย่อยใดทางานผิดพลาด จะสง่ ผลตอ่ การทางานของระบบใหญท่ ่อี าจทาให้เทคโนโลยีทางานไม่ได้ หรือทางานได้ไม่สมบูรณ์ และการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนเบื้องต้นของความผิดพลาดในการทางานของระบบอาจทาได้ด้วยการตรวจสอบระบบย่อยท่ีเก่ียวข้องเพื่อหาสาเหตุของปัญหาก่อน จากน้ันจึงดาเนินการแกไ้ ขในส่วนของระบบย่อยนน้ั ซงึ่ การแก้ปญั หาโดยแนวทางนี้ เปน็ อกี วธิ กี ารหนึ่งทีช่ ่วยใหเ้ กิดการแก้ไขได้ตรงจุดของปัญหาอกี ดว้ ย ทาใสส่ มุดประจาตวั แลว้ สง่ เป็นการบ้านขน้ั ประเมนิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพ่ือวดั ความรขู้ องนักเรยี นหลงั จากทากิจกรรม 2. ครูประเมินผลโดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจาก การนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น 3. ครตู รวจใบกจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง ระบบทางเทคโนโลยีท่ซี บั ซอ้ น 4. ครตู รวจใบกิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ระบบย่อยของเทคโนโลยี 5. ครตู รวจใบกิจกรรมท้าทายความคดิ เร่อื งไม้เทา้ อัจฉรยิ ะสาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการเห็น 6. ครตู รวจกิจกรรมทา้ ยบท เรอ่ื ง ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อน
9. การวัดและการประเมนิ ผลสงิ่ ทวี่ ดั / ประเมินผล วิธีการวัดผล เครื่องมอื ที่ใช้วดั ผล เกณฑ์การประเมนิการประเมนิ หลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์- แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง ระบบทาง - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถงึ ดีมากเทคโนโลยีทซ่ี บั ซ้อน - การอภปิ ราย - ใบกจิ กรรมที่ 1 คะแนน 5-6 หมายถึง ดีการอธิบายระบบทางเทคโนโลยี - ตรวจใบกิจกรรมทง้ั 2 - ใบกิจกรรมท่ี 2 คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ที่ซับซ้อน (K) กิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ - สังเกตพฤตกิ รรมวิเคราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยี - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมากท่ีซับซ้อน (K) - การอภปิ ราย - กิจกรรมท้าทายความคดิ คะแนน 5-6 หมายถึง ดี - ตรวจกจิ กรรทา้ ทาย - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้วิเคราะห์การทางานผิดพลาด ความคดิ การทางานกลมุ่ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุข อ ง ร ะ บ บ ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยี ท่ี - สังเกตพฤติกรรมการทางานซับซ้อนได้ (K) กลมุ่ - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดมี าก - การตอบคาถาม - กจิ กรรมท้ายบท คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี - การอภปิ ราย - แบบประเมินช้นิ งาน/ คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ - ตรวจกจิ กรรมท้ายบท ผลงาน คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ - ตรวจแบบประเมินชิน้ งาน/ ผลงาน ของกิจกรรมทา้ ยบทเสนอแนวทางการบารุงรักษา - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมากระบบทางเทคโนโลยีได้ (P) - การอภิปราย คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ทกั ษะการคดิ เชิงระบบ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ปรบั ปรุงทักษะการคดิ อยา่ งมี - สงั เกตพฤติกรรมวิจารณญาณ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ทกั ษะการส่ือสาร - สงั เกตพฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ทักษะการทางานร่วมกับผู้อื่น - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และม่งุ มัน่ ในการทางาน อนั พึงประสงค์
10. เกณฑร์ ะดับการใหค้ ะแนนประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 2 1 3การอธบิ ายระบบทาง อธิบายระบบทาง อธบิ ายระบบทาง อธบิ ายระบบทาง ไม่สามารถอธบิ ายเทคโนโลยที ซ่ี บั ซ้อน (K) เทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน เทคโนโลยีท่ีซบั ซ้อนได้ เทคโนโลยที ี่ซบั ซอ้ น ระบบทาง ได้ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องเป็นสว่ นใหญ่ ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น เทคโนโลยที ี่การวเิ คราะห์การทางานของ ซับซอ้ นได้ร ะ บ บ ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยี ท่ี วิเคราะหก์ ารทางานของ วิเคราะห์การทางานของ วเิ คราะห์การทางานของซบั ซ้อน (K) ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยที ่ี ระบบทางเทคโนโลยี วิเคราะหก์ าร ทีซ่ บั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ซับซ้อนได้ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ที่ซบั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ทางานของระบบการวเิ คราะห์การทางาน ทางเทคโนโลยีผิดพลาดของระบบ ครบถว้ น ใหญ่ บางสว่ น ท่ซี บั ซอ้ นไม่ได้ทางเทคโนโลยที ีซ่ ับซอ้ น (P) วเิ คราะหก์ ารทางาน วเิ คราะห์การทางาน วิเคราะหก์ ารทางาน ผิดพลาดของระบบทาง ผิดพลาดของระบบทาง ผดิ พลาดของระบบทาง วเิ คราะหก์ ารการเสนอแนวทางการ เทคโนโลยที ซี่ บั ซอ้ น เทคโนโลยีที่ซบั ซอ้ นไดเ้ ปน็ เทคโนโลยีทีซ่ บั ซอ้ นได้ ทางานผดิ พลาดบารงุ รักษาระบบทาง ไดถ้ ูกต้องครบถว้ น ของระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซอ้ น (P) สว่ นใหญ่ บางสว่ น เทคโนโลยีที่ เสนอแนวทางการบารงุ ซับซ้อนไม่ได้ รกั ษาระบบทาง เสนอแนวทางการบารงุ เสนอแนวทางการบารงุ รักษาระบบทางเทคโนโลยี รักษาระบบทาง ไมส่ ามารถเสนอ เทคโนโลยีที่ซบั ซ้อนได้ ท่ซี ับซอ้ นไดอ้ ย่างถูกต้อง แนวทางการบารงุ อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม เหมาะสมเป็นสว่ นใหญ่ เทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ นได้ รกั ษาระบบทาง อย่างถกู ต้องเหมาะสม ครบถ้วน เทคโนโลยีที่ เป็นบางส่วน ซับซ้อนได้เกณฑ์การตดั สนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 7-8 คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนน 5-6 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 3-4 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-2 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุหมายเหตุ เกณฑก์ ารวัด และประเมนิ ผลสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเหมาะสม11. แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี น 2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 3. ห้องสมุดหรือสื่อออนไลน์เก่ยี วกับระบบ โดยอาจใช้คาสาคัญในการสบื ค้น เช่น ระบบทางเทคโนโลยี (technological system) ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อน (complex system) การทางานผิดพลาดของ ระบบ (system failure)
12. ขอ้ เสนอแนะ 1. นักเรียนสามารถเรียนร้ดู ้วยตนเองได้ โดยใช้ส่ือเข้ามาช่วยในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ ในการทางานกลุม่ หรือในการทาใบงานเกย่ี วกบั การออกแบบและเทคโนโลยีได้ และนกั เรยี นจะไดค้ วามรู้เพ่มิ ข้ึนจากการค้นคว้า การใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2. นกั เรยี นสามารถเข้ามาสอบถามครไู ด้ ทั้งงานกลมุ่ และใบกจิ กรรมตา่ งๆ ถ้าไมเ่ ข้าใจ หรือไม่รู้จะทาไปในแนวไหนให้นักเรยี นเขา้ มาสอบถามไดใ้ นกลมุ่ ของ ม.1 แตล่ ะหอ้ งทค่ี รสู ร้างไว้ให้ได้ โดยแลกเปลยี่ นความรู้กัน พูดคุยกนั และสามารถออกความคิดเห็นได้ เด๋ียวครจู ะชว่ ยดวู า่ สงิ่ ทนี่ ักเรียนทาถูกหรือไม่13. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมายข้อเสนอแนะ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................................................... (.........................................................................) ตาแหน่ง...........................................................................14. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ .................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น.................................................................................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................................................................... ด้านความสามารถทางการออกแบบ และเทคโนโลยี.............................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................... ด้านอื่นๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/อปุ สรรค........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ไข........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ใบความรู้ เรือ่ ง ตัวอยา่ งระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี บั ซ้อน เทคโนโลยีเป็นสง่ิ ท่ีมนุษย์สร้าง หรือพัฒนาข้ึน ซึ่งอาจเป็นได้ท้ังช้ินงาน หรือวิธีการเพ่ือใช้แก้ปญั หาสนองความต้องการ หรือเพ่ิมความสามารถในการทางานของมนุษย์การทางานของเทคโนโลยีแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และจะมีการทางานอย่างเป็นระบบ (system) ซึ่งโดยท่ัวไปแล้วระบบจะใช้เรียกการทางานของส่ิงท่มี ีส่วนประกอบต้ังแต่สองส่วนขึ้นไปรวมเข้าด้วยกัน และแต่ละสว่ นจะทางานสัมพันธ์กันเพ่ือให้สามารถทางานได้ตามหน้าที่ (function) เช่น ปากกา ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลกั ๆ ได้แก่ ดา้ มจับ นา้ หมึก ไสป้ ากกา และหวั ปากกา ซงึ่ สว่ นประกอบต่างๆ ของปากกาลว้ นมหี นา้ ที่เฉพาะอย่างเพื่อใหป้ ากกาสามารถทางานไดต้ ามวตั ถุประสงค์ ระบบพบได้ท้ังในธรรมชาติ และระบบที่มนุษย์สร้างข้ึน ซ่ึงในที่นี้จะกล่าวถึงระบบท่ีมนุษย์สร้างข้ึนหรือเรียกว่าระบบทางเทคโนโลยีประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต(output) และบางระบบอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลับ (feedback) ระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซอ้ น เป็นระบบย่อยตงั้ แตส่ องระบบขนึ้ ไปทางานสมั พันธ์กัน และหากระบบย่อยใดทางานผิดพลาดจะทาใหเ้ ทคโนโลยีนั้นทางานไมไ่ ด้ หรือไม่สมบูรณ์ การเรียนรู้ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อนช่วยให้เราเข้าใจการทางานของเทคโนโลยีต่างๆ สามารถวิเคราะห์สาเหตุ และนาไปสู่การแก้ไขข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องเบ้อื งตน้ เพื่อใหเ้ ทคโนโลยีนน้ั ทางานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ เช่น เคร่อื งปรับอากาศโดยทั่วไปเราอาจมองเห็นเพยี งสว่ นประกอบหลกั ๆ ได้แก่ ตัวเคร่ือง ฝาครอบแผ่นกรองอากาศ สายไฟ สวิตช์โดยสามารถวิเคราะห์ระบบการทางานของเคร่ืองปรับอากาศได้ดังนี้ ตัวป้อนของระบบนี้ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน และการป้อนข้อมูลด้วยการกดปุ่มเปิด เพ่ือให้เครื่องสามารถทางานผ่านกระบวนการภายในของเครื่องปรับอากาศ ซึง่ มรี ะบบย่อยอย่ภู ายในหลายส่วนทางานร่วมกนั ใหไ้ ด้อากาศท่มี อี ุณหภมู ิลดลงแล้วส่งออกมาเปน็ อากาศเยน็ อาจเรยี กว่าเปน็ ผลผลิตของการทางานของเคร่ืองปรบั อากาศ
แต่หากวิเคราะห์โดยละเอยี ดแล้วจะพบว่า เคร่ืองปรับอากาศมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกหลายอยา่ งอยู่ภายใน ทาหน้าทีแ่ ตกต่างกันไป เช่น ระบบปรับอากาศเปน็ ระบบทม่ี ีสารพาความรอ้ นจากภายในห้องไปนอกห้อง ซ่ึงมีระบบยอ่ ยท่ีสาคญั ทางานรว่ มกนั ได้แก่ ระบบอัดความดัน (compressor system) ระบบคอยล์ร้อน(condenser system) ระบบลดความดนั (expansion system) และระบบคอยล์เยน็ (evaporator system)
ในขณะเดียวกนั ระบบการทางานของเคร่ืองปรบั อากาศจะมรี ะบบใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับอยดู่ ้วย เพื่อชว่ ยในการตัดไฟ เม่ืออุณหภูมิห้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามที่ตั้งค่าไว้ ซ่ึงมีข้อดีในการช่วยประหยัดไฟอีกดว้ ยนอกจากนี้ หากผู้ใช้งานต้องการปรับเปลยี่ นอุณหภูมิ หรือระดับความแรงของลมก็สามารถปรบั ระดับไดด้ ว้ ยการป้อนข้อมูลผา่ นปุ่มท่ีต้องการ ซ่ึงการให้ข้อมูลของผู้ใช้ในลกั ษณะน้ีอาจเรียกได้ว่าเป็นให้ข้อมูลยอ้ นกลบั สู่ระบบการทางานเพือ่ ใหไ้ ด้อณุ หภูมหิ อ้ งตามที่ต้องการ ระบบการทางานของเครื่องปรับอากาศบางรุ่นจะมีระบบให้ข้อมูลย้อนกลับเพิ่มเติม เช่น ระบบตรวจสอบอุณหภูมิ และสภาพแวดลอ้ มภายในหอ้ งระบบตรวจจับตาแหน่งของคนท่ีอยใู่ นหอ้ ง และกจิ กรรมที่ทาให้เกิดความรอ้ นโดยจดจา และกระจายความเย็นให้กับทุกกิจกรรมได้อย่างแมน่ ยา ส่งลมเย็นเฉพาะจดุ ที่มีคน ลดพลังงานลงอัตโนมัติ เม่ือมีกิจกรรมเคล่ือนไหวน้อยลดพลังงานลงอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้องและตรวจจับความเข้มของแสงอาทิตย์ ลดพลังงานเม่ือแสงน้อย ซึ่งระบบการใหข้ ้อมูลย้อนกลบั น้ีทาให้ประหยัดพลงั งาน การดูแลรักษาเครื่องปรบั อากาศทาไดโ้ ดยการล้างทาความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งหรอื บอ่ ยขนึ้ หากมปี ริมาณฝ่นุ ในบริเวณท่ีตดิ ตั้งมากไมน่ าอปุ กรณ์ทม่ี ีความร้อน หรือความชื้นเขา้ ไปในห้องปรับอากาศ ไม่เปิดประตูหน้าต่างห้องปรับอากาศ และปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 25 องศา ก็จะช่วยให้เคร่ืองทางานได้เต็มประสิทธิภาพประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายจะเห็นได้ว่าเคร่ืองปรับอากาศมีระบบยอ่ ยหลายระบบทางานร่วมกนั เพื่อให้เครื่องปรับอากาศสามารถใช้งานได้ตามตอ้ งการ และหากระบบย่อยใดเกิดข้อผิดพลาด หรือเสียหายอาจส่งผลต่อการทางานของเคร่ืองปรับอากาศทาให้ประสิทธิภาพการทางานลดลงหรือไมส่ ามารถทางานได้
ใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่องระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ตอนที่ 1 ให้นักเรียนสืบค้นเทคโนโลยีท่ีสนใจมาอย่างน้อย 1 อย่าง โดยต้องเป็นเทคโนโลยีท่ีมีระบบการทางานตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไปทางานร่วมกันแล้ววิเคราะห์การทางานของระบบทางเทคโนโลยีนั้น โดยเขียนเป็นแผนภาพสรปุ องคป์ ระกอบของระบบทางเทคโนโลยีเทคโนโลยที สี่ นใจ คอื ............................................................................................................................................ระบบการทางานของเทคโนโลยี ประกอบไปดว้ ยระบบยอ่ ย..............................ระบบ ได้แก่............................................................................................................................................................................................................. เขยี นแผนภาพอธิบายการทางานของแตล่ ะระบบยอ่ ยท่ีประกอบกันเป็นระบบทางเทคโนโลยที ีซ่ ับซอ้ นตอนท่ี 2 จากเทคโนโลยีท่นี ักเรียนเลอื กในตอนที่ 1 ให้นักเรียนวิเคราะหก์ ารทางานผดิ พลาดของระบบทีอ่ าจเกิดข้ึนพร้อมทงั้ เสนอแนะแนวทางการบารุงรกั ษาระบบยอ่ ย การทางานผดิ พลาด ผลกระทบตอ่ ระบบทาง แนวทางการ ขอ้ มลู ย้อนกลับ เทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ น บารงุ รักษา
ใบกจิ กรรมท่ี 2 เร่ืองระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ ให้นักเรียนเลือกเทคโนโลยีที่สนใจ 1 อย่าง จากตัวอย่างท่ีกาหนดให้เพื่อวิเคราะห์การทางานของเทคโนโลยี แล้วเขียนแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยีโดยระบุระบบย่อยท่ีเก่ียวขอ้ งอย่างน้อย 3 ระบบ พร้อมอธบิ ายความสมั พันธ์ของระบบยอ่ ยเหลา่ นัน้ รถจกั รยานยนต์ หม้อหงุ ขา้ วดจิ ิทลัแนวคาตอบ รถจกั รยานยนต์ แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยขี องรถจักรยานยนต์ ตวั ปอ้ น (input) กระบวนการ (process) ผลผลติ (output)*พลังงานเช้อื เพลงิ การทางานของเครื่องยนต์ การเคลื่อนท่ีของ*การตดิ เครอื่ งยนต์ เพอ่ื ให้รถเคลือ่ นทีไ่ ปได้ รถจกั รยานยนต์ ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) การปรบั ระดับความเร็วโดยการ ปรบั ระดบั คันเรง่ เกียร์ หรือเบรกรถจกั รยานยนต์ มตี ัวอย่างระบบท่ีเก่ียวขอ้ ง และองค์ประกอบของระบบย่อย ดงั น้ี ระบบย่อย ตวั ปอ้ น กระบวนการ ผลผลิต ขอ้ มลู ยอ้ นกลับระบบยอ่ ยที่ 1 (input) (process) (output) (feedback)ระบบห้ามล้อหรือเบรก(brake) การให้แรงกระทาตอ่ สายเบรกส่งแรงไปยัง ล้อหมุนช้าลง การปรบั อัตราเร็วระบบยอ่ ยท่ี 2ระบบเกยี ร์ เบรก อุปกรณ์หา้ มล้อ หรอื หยดุ ของรถโดยปรับระดับ แรงกระทา ตอ่ เบรก การเปลย่ี นเกยี ร์ การเปล่ียนคู่เฟืองขับ ก า ลั ง ส่ ง ที่ ไ ด้ การเปลีย่ นเกยี รต์ าม และเฟืองตามเพ่ือให้ จากระบบเกยี ร์ สภาพถนนหรือ เกดิ การทดแรง อตั ราเรว็ ท่ตี ้องการระบบยอ่ ยที่ 3 ระบบเกียร์ทางาน โซ่หรอื สายพาน ลอ้ หมุน อาจมีไดท้ ้งั การปรบัระบบลอ้ โดยส่งแรงผ่านโซ่ ทางานเพอื่ ส่ง แรงกระทาตอ่ เบรก หรือการเปลย่ี นเกยี ร์ หรือสายพาน กาลงั ไปยังล้อรถ
อธบิ ายความสัมพันธข์ องระบบยอ่ ย ระบบหา้ มลอ้ หรอื เบรก มหี น้าทลี่ ดความเรว็ หรอื หยดุ การเคลอ่ื นทข่ี องรถและระบบเกยี ร์ทาหนา้ ที่ทดแรงและสง่ ตอ่ กาลังไปยงั ระบบล้อเพอ่ื การขับเคล่ือน ซ่งึ ระบบทงั้ สามส่วนต่างกท็ างานเชอื่ มโยงกันเพอ่ื ให้รถขับเคลอื่ นหรือหยดุ ได้ตามตอ้ งการ หม้อหุงข้าวดิจิทัลแนวคาตอบ หมอ้ หงุ ขา้ วดจิ ิทัลแผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยีของหมอ้ หงุ ขา้ วดจิ ิทัล ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ (process) ผลผลิต (output)*พลังงานไฟฟ้า การทางานของหมอ้ หงุ ข้าว ขา้ วทห่ี งุ สกุ*ข้าว โดยเปลย่ี นพลังงานไฟฟ้า*นา้ เป็นความร้อนท่อี ุณหภมู ิ มากกว่า 100 องศาเซลเซียส ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) การตัดวงจรไฟฟา้ เม่ือข้าวหงุ สกุ และปรับสถานะไปทก่ี ารอนุ่
หม้อหงุ ข้าวดจิ ิทลั มตี ัวอย่างระบบย่อยท่ีเกีย่ วขอ้ งและองค์ประกอบของระบบย่อย ดังน้ีระบบย่อย ตวั ปอ้ น กระบวนการ ผลผลิต ข้อมูลย้อนกลับ (input) (feedback) (process) (output) -ระบบย่อยท่ี 1 พลงั งานไฟฟ้า การทางานของหมอ้ หงุ ข้าวโดย ข้าวทอ่ี ุ่นหรอื มี -ระบบอุน่ อัตโนมตั ิ เปลยี่ นพลังงานไฟฟ้าเป็นความ อุณหภมู ิประมาณ ร้อนด้วยการควบคุมอุณหภูมิท่ี 70-80 องศาเซลเซยี ส เหมาะสม (ประมาณ70-80 องศาเซลเซียส)ระบบย่อยที่ 2 พลงั งานไฟฟ้า การทางานของวงจรไฟฟา้ ตัวเลขแสดงผลระบบแสดงผล แสดงผลท่ีหน้าจอ สถานะการทางานดจิ ทิ ลั ที่หน้าจออธิบายความสมั พนั ธ์ของระบบย่อย ระบบการอุ่นอตั โนมตั ิควบคุมการทางานของหม้อหงุ ข้าวเพอื่ ใหค้ วามรอ้ นตามค่าท่ีกาหนดจะทางานสัมพนั ธ์กับระบบการแสดงผลทหี่ น้าจอโดยมกี ารปรับเปล่ยี นข้อมูลการแสดงผลไปตามสถานะการทางานทาให้ผใู้ ช้สามารถทราบสถานะการทางานของเครอ่ื งว่าเป็นการหุง หรืออุ่น
กิจกรรมท้าทายความคดิ ไมเ้ ทา้ อัจฉรยิ ะสาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการมองเหน็ คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนชว่ ยกนั คิดคาตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ นอ้ งโรบอท อาศยั อยบู่ ้านท่ใี กลก้ บั โรงเรยี นสอนผบู้ กพร่องทางการเห็น นอ้ งโรบอทสงั เกตเหน็ นักเรยี นทเ่ี ดินทางมาโรงเรียนจะใชไ้ มเ้ ทา้ ชว่ ยในการเดนิ ทางโดยการกวดั แกวง่ และเคาะไปตามพนื้ ถนน เพ่อื ใหร้ ับรู้ถึงสิง่ กดี ขวางทอ่ี ย่รู อบตัว แตจ่ ากการสังเกตยังพบวา่ มีนกั เรยี นบางคนเกดิ อบุ ตั เิ หตุสะดดุ ล้ม เนอื่ งจากระยะทก่ี วดัแกวง่ และเคาะไม้เท้าไมเ่ หมาะสม และไม่ทราบว่ามีส่งิ กีดขวางอยู่ด้านหน้า ดงั น้นั น้องโรบอทจึงตอ้ งการหาวิธีชว่ ยผ้บู กพร่องทางการเหน็ โดยการพัฒนาไมเ้ ท้าแบบใหม่ ถ้านักเรียนเป็นน้องโรบอท จะมีวิธีการพัฒนาปรับปรุงไม้เท้าให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างไรเพื่ อช่วยเหลือผู้บกพรอ่ งทางการเหน็ ลดอุบัตเิ หตจุ ากการเดินทางชว่ ยกันคดิ 1. นกั เรยี นชว่ ยกนั สบื คน้ ขอ้ มลู ของไม้เท้าสาหรับผู้บกพรอ่ งทางการเห็นจากนั้นช่วยกนั วิเคราะห์และ สรุปว่าไม้เท้าควรมอี งค์ประกอบลักษณะและการใช้งานอยา่ งไร แนวคาตอบ
2. จากข้อมูลท่ีได้สืบค้นเก่ียวกับไม้เท้าท่ีช่วยผูบ้ กพร่องทางการเห็นในการเดิน นักเรียนมีแนวคิดในการปรับปรุงไม้เท้าสาหรับผู้บกพร่องทางการเห็นนี้อย่างไร โดยให้แสดงในรูปแบบของระบบการทางานทีช่ ่วยใหไ้ มเ้ ท้ามปี ระสทิ ธิภาพในการใช้งานดีขนึ้ และนาเสนอแนวคาตอบ จากการศึกษาพบว่าการใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินยังประสบปัญหาเดินชน และสะดุดล้มเน่ืองจากส่ิงกีดขวางอยู่ในระยะใกล้เกินไป ดังน้ันจึงมี แน วคิ ดในการแก้ปัญห า เพื่อให้ผู้บกพ ร่ อ งทางการเหน็ สามารถรบั รสู้ ิ่งกีดขวางได้ล่วงหน้าจึงได้คิดว่าควรมีการติดต้ังระบบตรวจจับสิง่ กีดขวางโดยใช้เซน็ เซอร์ ระบบส่ันสะเทือนท่มี ือจบั และระบบการเตือนด้วยเสียงร่วมกันโดยมีหลกั การทางานคือจะมีการติดต้ังระบบเซ็นเซอร์ท่ีไม้เท้า ซึ่งทางานโดยใช้แสงอินฟาเรดในการตรวจสอบสิ่งกีดขวางเมื่อแสงอินฟาเรดไปกระทบสิ่งกีดขวางจะส่งสัญญาณกลับมาท่ีตัวรับสัญญาณ และส่งต่อไปท่ีตัวประมวลผลจากนนั้ ทาการประมวลผลและแสดงผลออกมาในรูปเสยี งและการส่นั เตอื น
กจิ กรรมทา้ ยบท ระบบทางเทคโนโลยที ่ีซบั ซอ้ น คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง ครบถว้ น และสมบูรณ์ ให้นักเรียนวิเคราะหร์ ะบบการทางานของตู้เย็นพร้อมเขียนแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยีโดยระบรุ ะบบยอ่ ยที่เกี่ยวข้องอยา่ งน้อย 3 ระบบ เขียนแสดงความสมั พันธ์ของระบบย่อยเหล่านั้น และความผิดพลาดของระบบท่อี าจเกดิ ข้นึ แผนภาพแสดงระบบการทางานของต้เู ยน็
อธบิ ายความสัมพันธข์ องระบบย่อยของต้เู ยน็ ระบบเพิ่มความดันคอมเพรสเซอร์จะบีบอัดสารทาความเย็นในสถานะแก๊ส ทาให้มีความดันและอุณหภูมิเพิ่มขึ้น แล้วส่งสารทาความเย็นไปยังท่อแลกเปล่ียนความร้อนที่บริเวณระบบคอยล์ร้อนเพื่อถ่ายเทความร้อนออกสูภ่ ายนอกต้เู ย็น สารทาความเยน็ ทีถ่ า่ ยเทความรอ้ นแล้วจะกลายสถานะเปน็ ของเหลวและไหลเข้าสู่ภายในตู้เย็นผ่านวาล์วขยายในระบบลดความดันความดันจะลดลงอย่างรวดเร็ว สารทาความเย็นในสถานะของเหลวจะขยายตวั และเย็นตัวลงเป็นแก๊สอกี คร้งั สารทาความเยน็ ในสถานะแก๊สจะไหลผา่ นระบคอยล์เย็นแล้วดดู ความร้อนจากภายในตเู้ ยน็ จากนัน้ สารทาความเย็นจะไหลตอ่ ไปยงั คอมเพรสเซอรท์ ร่ี ะบบเพม่ิ ความดันอีกคร้งั วนเปน็ วฏั จกั รไปเร่อื ยๆอธิบายความผิดพลาดของระบบการทางานของตเู้ ย็น ปญั หาที่พบ อณุ หภมู ใิ นตเู้ ยน็ มอี ุณหภูมิต่าไมเ่ พียงพอส่งผลใหข้ องทีแ่ ช่ไวเ้ นา่ เสยี ระบบทผ่ี ิดพลาดหรอื สาเหตุของปัญหา ระบบทาความเย็นเสียหาย ซ่ึงอาจเกิดจากสารทาความเย็นร่ัวไหล หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ ทางาน หรือแผ่นยางขอบประตูตู้เย็นเสยี หาย หรือเสื่อมสภาพทาใหอ้ ากาศภายนอกท่ีมีอุณหภมู สิ งู กว่าไหลผา่ นเข้าไปในตู้เย็นมีผลทาให้อณุ หภูมิในตู้เย็นไม่เป็นไปตามต้องการ และระบบทาความเย็น ทางานหนักข้ึน
แบบประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งานแบบประเมินผลงานสรุปข้อมลู กิจกรรมท้ายบท เรื่องระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อนลาดับที่ รายการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง) 1 ตรงกบั จุดประสงค์ทก่ี าหนด 2 มีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ 3 มคี วามเปน็ ระเบยี บ รวม ลงชอื่ .............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน/ชน้ิ งานเกณฑ์ประเมนิ ผลงานสรปุ ขอ้ มูลกิจกรรมทา้ ยบท เร่ืองระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน ประเด็นท่ีประเมนิ ระดบั คุณภาพ1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1 จุดประสงค์ทีก่ าหนด ผลงานไม่สอดคลอ้ ง ผลงาสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง2. ผลงานมคี วาม กบั จดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ ถูกตอ้ งสมบูรณ์ ทกุ ประเด็น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็ เนอื้ หาสาระของ3. ผลงานมคี วาม เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ผลงานไม่ถูกต้อง เป็นระเบียบ ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเดน็ ผลงานส่วนใหญ่ ครบถ้วน ไมเ่ ป็นระเบียบ ผลงานสว่ นใหญ่ ผลงานมคี วาม และมขี อ้ บกพรอ่ ง ผลงานมคี วาม มคี วามเป็น เปน็ ระเบยี บแต่มี เปน็ ระเบียบ มาก แสดงออกถงึ ระเบยี บแตย่ งั มี ขอ้ บกพรอ่ ง ความประณีต ข้อบกพรอ่ ง บางสว่ น เล็กนอ้ ย เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 11–12 ดมี าก 9–10 ดี 6–8 ต่ากว่า 6 พอใช้ ปรับปรงุ
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 1 ความถกู ต้องของเน้ือหา 3 21 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ □ □□ 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน □ □□ 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ □ □□ 5 การตรงตอ่ เวลา □ □□ □ □□ รวม ลงช่ือ.............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงาน หรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินบางสว่ น ให้ 1 คะแนนเกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 ต่ากวา่ 8 พอใช้ ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คลชือ่ -สกลุ ......................................................................................................เลขท.่ี ........................ห้อง.................คาช้แี จง : ให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงใน □ ท่ตี รงกบั พฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียนลาดับท่ี รายการประเมนิ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ 1 การแสดงความคดิ เหน็ □□ 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ □□ 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย □□ 4 ความมนี ้าใจ □□ 5 การตรงต่อเวลา □□ ลงชือ่ .............................................................ผูป้ ระเมิน ...................../......................./.................สถานภาพของผู้ประเมนิ □ ตนเอง □ เพื่อน □ พ่อแม่/ผปู้ กครอง □ ครูเกณฑ์การให้คะแนนปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอท้งั 5 ด้าน หมายถึง ดมี ากปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรม 3-4 ดา้ น หมายถงึ ดีปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรม 1-2 ดา้ น หมายถงึ พอใช้ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรม 0 ด้าน หมายถงึ ปรบั ปรงุสรปุ ผลการประเมนิ □ ผา่ น มพี ฤติกรรม 3-5 ดา้ น □ ไม่ผา่ น มพี ฤติกรรม 0-2 ดา้ น
แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียน และนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนนลาดับท่ี ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความ การมี รวม ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ยอมรับฟงั ตามท่ไี ดร้ บั มนี า้ ใจ ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน 321 คนอ่ืน 321 ผลงานกลุ่ม 321 321 321 321 ลงชอ่ื .............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: