หนว่ ยที่ 1 เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรอ์ ย่างไร
ความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์ ➢ ความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์ คดิ เปน็ เหตเุ ป็นผล วิทยาศาสตร์ : เปน็ กระบวนการสาคญั ทท่ี าใหเ้ กิดการพฒั นาวธิ คี ดิ คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ วิเคราะหว์ ิจารณ์ มีทกั ษะทส่ี าคญั ในการค้นคว้าความรู้ การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบ มีความสามารถสามารถตัดสนิ ใจโดยใช้ข้อมูลท่ีหลากหลาย และมปี ระจกั ษ์ พยานตรวจสอบได้ความรู้ ช่วยใหค้ นมีความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั การใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยงั่ ยืน ความร้วู ิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มขดี ความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกจิ สามารถแขง่ ขันกับนานาประเทศและดาเนิน ชวี ิตร่วมกนั ในสงั คมโลกไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
ความหมายของวทิ ยาศาสตร์ ➢ ความหมายของวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หมายถึง กระบวนการหรอื วธิ ีการแสวงหาความรู้ ความจริงจากธรรมชาตอิ ย่างมีระบบ เพอ่ื อธบิ ายและทาความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมตา่ งๆ โดยการสงั เกต ทดลอง การวเิ คราะห์อย่างมี เหตผุ ล มีจติ วทิ ยาศาสตร์หรือเจตคติวทิ ยาศาสตรม์ ีการใช้วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความรูท้ างวทิ ยาศาสตรท์ ่ีเป็นทย่ี อมรบั และเชอ่ื ถือได้
กระบวนการทางานของนกั วิทยาศาสตร์ ➢ กระบวนการทางานของนกั วิทยาศาสตร์ 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสรา้ งคาอธิบาย 1. การสงั เกตและระบปุ ญั หา เมอ่ื ไดข้ ้อมูลจากการสารวจ หรอื ทดลองแล้ว จงึ มกี ารนาข้อมูลมาวิเคราะห์ แปลความหมาย การสังเกตนาไปส่กู ารสงสยั และการระบปุ ัญหา และสรา้ งคาอธิบายข้อมูลเหลา่ นั้น และนาไปสกู่ ารหาคาอธบิ ายของสิง่ ที่สงสยั น้ัน 5. การสรปุ ผลและสอ่ื สาร 2. การตั้งสมมตฐิ าน หากไดค้ าอธบิ ายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับข้อมูล สมมตฐิ าน การสร้างคาอธบิ ายหรอื คากคะเนคาตอบไวล้ ว่ งหน้า และปัญหา ท่ีเป็นเหตุเปน็ ผลและเชือ่ ถือได้ โดย สมมตฐิ านไมจ่ าเป็นตอ้ งถกู ตอ้ งหากทดลองแลว้ การสารวจ หรือทดลองหลายครงั้ ยงั ไดข้ อ้ มูล ไม่เป็นจรงิ และคาอธิบายที่สนบั สนุน หรอื สอดคลอ้ งกนั กจ็ ะสามารถ สรปุ ผลเป็นความรใู้ หม่และเผยแพรต่ อ่ ไป 3. การสารวจทดลอง หรอื การเกบ็ ขอ้ มลู ตอ้ งมกี ารวางแผนสารวจ หรือ ออกแบบการทดลอง ใหส้ อดคล้องกับสมมติฐาน รวมทั้งเก็บขอ้ มูล เพื่อนาไปใชใ้ นการวิเคราะห์และสรา้ งคาอธบิ าย
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. ทักษะการสงั เกตทักษะพ้ืนฐาน 9. ทักษะการตัง้ สมมตฐิ าน 2. ทักษะการวดั ทักษะขั้นสูง 10. ทักษะการกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 3. ทักษะการจาแนก 11. ทกั ษะการกาหนดและควบคมุ ตวั แปร 4. ทกั ษะการหาความสัมพันธ์ 12. ทักษะการทดลอง 5. ทกั ษะการใช้จานวน 13. การตีความหมายของข้อมลู และลงขอ้ สรุป 6. การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู 14. ทักษะการสร้างแบบจาลอง 7. ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู 8. ทกั ษะการพยากรณ์
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ทกั ษะการสงั เกต 3. ทกั ษะการจาแนก การใช้ประสาทสมั ผสั อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื หลายอย่าง การจดั พวกหรอื กลุ่มของวตั ถหุ รอื ส่ิงต่าง ๆ ที่สนใจ เพ่อื สารวจวัตถหุ รือปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ในธรรมชาติ โดยใช้เกณฑ์ ความเหมอื น ความตา่ ง หรอื หรือจากการทดลอง โดยไมเ่ พิ่มความคดิ เหน็ สว่ นตัว ความสมั พนั ธ์ เปน็ ต้น ลงไป 4. ทักษะการหาความสมั พันธ์ 2. ทกั ษะการวดั การหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซกับสเปซ เปน็ การหา การเลอื กใช้เคร่อื งมอื ในการวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่าง ความเกีย่ วขอ้ งสัมพันธก์ นั ระหวา่ งพื้นทท่ี ว่ี ัตถตุ ่าง ๆ เหมาะสม รวมถงึ การหาปรมิ าณของส่ิงตา่ ง ๆ จากเครอื่ งมือ ครอบครอง การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลา ทีเ่ ลอื กใช้ออกมาเปน็ ตวั เลขและระบุหนว่ ยของการวัดได้อย่าง เป็นการหาความเก่ยี วขอ้ งสมั พันธก์ ันระหว่างพ้ืนทท่ี ี่วตั ถุ ถูกต้อง ครอบครองเม่ือเวลาผา่ นไป
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทกั ษะการใชจ้ านวน 7. ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู การนับจานวนของวัตถุและการนาตัวเลขแสดงจานวนท่นี ับ การเพ่มิ ความคดิ เหน็ ใหก้ ับข้อมูลทไี่ ดจ้ ากการสงั เกต ได้มาคิดคานวณ โดยการบวก ลบ คณู หาร หรอื หาคา่ เฉล่ยี อยา่ งมเี หตผุ ล โดยใชค้ วามรู้ หรอื ประสบการณเ์ ดมิ มาช่วย 6. การจดั กระทาและสอื่ ความหมายขอ้ มลู 8. ทักษะการพยากรณ์ การนาผลการสังเกต การวัดและการทดลอง มาจัด กระทาใหอ้ ยู่ในรปู แบบทมี่ คี วามหมายหรอื มี การทานายหรอื การคาดคะเนคาตอบโดยอาศยั ขอ้ มูลท่ี ความสัมพันธ์กันมากขึน้ ได้จากการสังเกตหรือขอ้ มูลจากประสบการณข์ องเรือ่ ง อาจนาเสนอในรปู ของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ วงจร น้นั ทีเ่ กดิ ขึ้นซา้ ๆ การพยากรณ์ท่ีแม่นยาเปน็ ผลมาจาก กราฟ สมการ หรือการเขยี นบรรยาย การสังเกตทรี่ อบคอบ การวดั ที่ถกู ต้อง การบนั ทึกและ การจัดกระทากบั ขอ้ มลู อย่างเหมาะสม
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 9. ทักษะการตงั้ สมมตฐิ าน 11. ทักษะการกาหนดและควบคมุ ตวั แปร เปน็ การคาดคะเนคาตอบทเี่ กี่ยวข้องกับความสัมพนั ธ์ระหว่าง การกาหนดตวั แปรต้น ตวั แปรตาม และตวั แปรควบคมุ ตวั แปร สมมตฐิ านท่ตี ้ังไว้อาจถกู หรือผิดก็ได้ ซง่ึ จะทราบได้ ในการทดลองหนง่ึ ๆ ใหส้ อดคล้องกับสมมมตฐิ านของ ก็ตอ่ เมื่อมกี ารพิสูจน์ทดลองเพอื่ หาคาตอบมาสนบั สนุน การทดลอง สมมตฐิ านหรอื คดั ค้านสมมตฐิ านทีต่ ้ังไว้ 12. ทกั ษะการทดลอง 10. ทกั ษะการกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร การปฏิบัติการเพ่ือทดสอบสมมตฐิ านท่ีต้ังไว้ การกาหนดความหมายหรอื ขอบเขตของตัวแปรตา่ ง ๆ ท่ีอยู่ มี 3 ขั้นตอน ดังน้ี ในสมมตฐิ านของการทดลองใหเ้ ขา้ ใจตรงกัน และสามารถ - การออกแบบการทดลอง สงั เกตหรือวัดสงิ่ ต่าง ๆ ที่นยิ ามไว้ได้ - การปฏิบตั กิ ารทดลอง - การบันทกึ ผลการทดลอง
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 13. การตคี วามหมายของขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ 14. ทักษะการสรา้ งแบบจาลอง การแปลความหมายหรือบรรยายลกั ษณะขอ้ มลู ที่ได้จดั การสรา้ งและใช้สิ่งทที่ าขึน้ มาเพอื่ อธิบายปรากฏการณ์ท่ี กระทาและอยูใ่ นรูปแบบที่ใช้ในการสอ่ื ความหมายแล้ว ศกึ ษาหรือสนใจ เชน่ กราฟ รูปภาพ แผนผัง เชน่ ตาราง แผนภมู ิ แผนภาพ กราฟ ผลทีไ่ ด้จากการ ภาพเคลอื่ นไหว วัสดุ สิง่ ของ รวมถึงการนาเสนอขอ้ มูล แปลความหมายจะนาไปสู่การลงขอ้ สรุปความสมั พนั ธ์ แนวคดิ เพ่ือใหผ้ ้อู ่ืนเข้าใจในรูปแบบของแบบจาลองตา่ ง ๆ ของขอ้ มูลที่เกี่ยวข้องกบั ตวั แปรทไ่ี ด้จากการทดลอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: