Social media ทใี่ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน โดย นางสาวสภุ าวดี เชยบาล รหสั นสิ ิต 61170691 สาขา หลักสูตรและการสอน วทิ ยาเขต เชยี งราย เสนอ รศ.ดร.วลิ าวลั ย์ สมยาโรน
คานา เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารไดพ้ ัฒนาไปอยา่ งรวดเร็ว มจี านวนผูใ้ ช้งานท่ีเพมิ่ ขน้ึ อย่างมาก ทาให้ทกุ คนสามารถเข้าถงึ อนิ เทอร์เน็ตไดง้ ่ายและมอี สิ ระท่จี ะเขา้ ไปแบ่งปัน เผยแพร่ความรู้ทตี่ อ้ งการ สามารถแลกเปลีย่ น รวมทง้ั เสนอความคดิ ไดโ้ ดยไม่ถกู ปิดกั้น ภายใตก้ ฎหมายทกี่ าหนด ก่อใหเ้ กดิ เครอื ขา่ ยที่เรยี กว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์(Social network) เพื่อตดิ ต่อสือ่ สารกนั โดยมีส่อื สังคม (Social Media) เป็นเคร่อื งมอื ในการแบ่งปนั แลกเปลยี่ น รูปภาพ วีดโี อ เสียง และข้อความ สามารถนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ของผู้เรยี น การนาสอ่ื สังคมมาใช้ให้เกดิ ประโยชนก์ บั การศกึ ษาถือเปน็ โอกาสที่เราจะไดแ้ ลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งบางคนจะเหน็ ว่าการใช้งานส่อื สังคม เป็นเพยี งการเล่นสนุก ไร้สาระ ไมเ่ กดิ ประโยชน์ เหมือนส่ิงเสพตดิ เสยี เวลาเรียน เสียเวลาทางาน แตท่ กุ ส่ิงทุกอยา่ งล้วนมดี ้านดี และไม่ดี หาก เรารู้จักการใช้ทถี่ ูกต้อง และสร้างสรรค์ เราจะไดร้ บั ประโยชน์อยา่ งมากจากการใชง้ าน การนาสอ่ื สังคม เช่น Facebook, Slideshare, Flickr, Scribd และ Youtube มาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ถอื เป็นเคร่อื งมอื ท่หี ลากหลายในการใช้งาน เราสามารถนาสอื่ สังคม เหล่าน้ี มารวบรวมและสรา้ งเปน็ ส่ือทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพได้อยา่ งน่าสนใจ โดยจดุ เดน่ ของสื่อสังคม แตล่ ะชนดิ ท่ีมีรูปแบบการนาเสนอท่แี ตกตา่ งกนั เม่ือ นามารวบรวมและบริหารจดั การใหด้ ี เราจะสามารถไดแ้ หล่งเรยี นร้ผู า่ นสื่อสงั คม ท่มี ีความน่าสนใจ อาทิเชน่ การนา Facebook มาทาหน้าที่ เป็นกระดานขา่ ว ใชใ้ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สารแลกเปลย่ี นข้อมูล, นา Slideshare มาใช้ในการนาเสนองานในรูปแบบสไลด,์ ใช้ Flickr ในการ นาเสนอรูปภาพ, นาเสนอเอกสารด้วย Scribd และใช้ Youtube ในการนาเสนอวีดโิ อ การรวบรวมสอ่ื สงั คมเหล่าน้ี มาใช้ประโยชน์กบั การ เรียนการสอน ทาให้ ผู้เรียนเกดิ ความสนกุ สนานในการเรียนรู้ สามารถสร้างองค์ความรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง เรียนรไู้ ดท้ กุ ทท่ี กุ เวลา ไม่จากัดจานวน คร้งั อีกทง้ั ยังสามารถดาวน์โหลดเพอ่ื ใช้ทบทวนความรแู้ บบออฟไลนไ์ ด้อีกด้วย สื่อสังคมเหลา่ นผี้ ู้สอนและผเู้ รียนไดใ้ ช้ในชวี ิตประจาวนั อยแู่ ลว้ หากนามาใชใ้ นการเรียนการสอนทาใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนร้ดู ้วยความ สนกุ สนาน โดยการแลกเปลย่ี นความร้ใู นสง่ิ ท่สี นใจร่วมกันอยา่ งสะดวกรวดเร็ว ในขณะเดียวกันผู้สอนสามารถนาสอื่ สงั คมมาใช้ในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยใช้เวบ็ บล็อก รวบรวมสื่อสงั คมประเภทตา่ งๆ มาบริหารจดั การให้เกิดการเรยี นรู้อย่าง สรา้ งสรรค์
สารบัญ ก คานา ข สารบัญ ๑-๘ Social media กับการศกึ ษาไทย ๙-๑๒ Social media ในการจัดการเรียนการสอน ๑๓-๑๔ ตารางสงั เคราะหก์ ารใช้ Social media ในการจัดการเรยี นการสอน ๑๕-๑๖ ตารางสรุปการใช้ Social media ในการจดั การเรียนการสอน บรรณานกุ รม
1 Social media กบั การศกึ ษาไทย มีผ้ใู ห้ความหมายของคาวา่ โซเชียลมีเดีย ไวห้ ลายความเหน็ ดงั น้ี ราชบณั ฑติ ยสถาน (2554) ได้บญั ญตั คิ าว่า “Social Media” ไวว้ ่า “ส่อื สงั คม” หมายถงึ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ซึง่ เป็นสอ่ื กลางทใี่ หบ้ ุคคล ท่วั ไปมีสว่ นร่วมสร้างและแลกเปลยี่ นความคิดเห็นต่างๆ ผ่านอินเทอรเ์ น็ตได้ ส่อื เหล่าน้เี ป็นของบริษทั ต่าง ๆ ให้บริการผา่ นเวบ็ ไซตข์ อง ตน เช่น เฟซบกุ๊ (Facebook), ไฮไฟฟ์ (Hi5) (อ่านวา่ ไฮ-ไฟ้), ทวิตเตอร์ (Twitter), วิกพิ เี ดยี (Wikipedia) ฯลฯ กานดา รุณนะพงศา สายแกว้ (ม.ป.ป.) อาจารย์ประจาภาควชิ าวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ไดก้ ลา่ ววา่ “มีเดีย (“Media”) หมายถึง สอ่ื หรือเครอื่ งมือทใ่ี ช้เพอื่ การสอ่ื สารโซเชยี ล (“Social”) หมายถงึ สังคม และในบริบทของโซเชยี ลมีเดีย โซเชยี ล หมายถึงการแบ่งปนั ในสงั คม ซ่งึ อาจจะเป็นการแบง่ ปันเน้ือหา (ไฟล์, รสนิยม ความเหน็ ) หรือปฏิสัมพันธใ์ นสงั คม (การรวมกบั เป็นกลมุ่ ) เพราะฉะน้ัน โซเชยี ลมเี ดียในท่ีนห้ี มายถงึ สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกสท์ ท่ี าให้ผู้ใชแ้ สดงความเปน็ ตัวตนของตนเองเพอื่ ท่ีจะมีปฏสิ ัมพันธก์ ับหรือ แบง่ ปันข้อมูลกับบุคคลอน่ื ” สรุปได้ว่า โซเชยี ลมีเดีย หรือ สื่อสังคม หมายถงึ สอ่ื ดจิ ทิ ัลหรือซอฟแวรท์ ที่ างานอยูบ่ นพื้นฐานของระบบเว็บไซตบ์ นอนิ เทอรเ์ นต็ อันเป็น เครอ่ื งมือในการปฏิบัตกิ ารทางสงั คมทมี่ ผี จู้ ดั ทาขึ้น โดยเมอ่ื ผูส้ ง่ สารพบเจอเรื่องราว เหตุการณ์ บทความ ประสบการณ์ รูปภาพ วดิ โี อ และเพลงต่างๆ จึงนาข้อมูลเหล่าน้นั มาแบง่ ปนั กับผใู้ ช้ในโลกออนไลนภ์ ายใต้เครอื ข่ายของตนได้รบั รแู้ ละใช้ประโยชนร์ ่วมกนั อยา่ ง รวดเร็วและมปี ระสทิ ธภิ าพ (อรวรรณ วงศแ์ กว้ โพธทิ์ อง, 2553; Elizabeth F. Churchill, 2012)
๒ การใชโ้ ซเชียลมเี ดยี ในการเรียนการสอน เปน็ เร่อื งสาคญั ในปัจจบุ ัน ทค่ี รผู ู้สอนสามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ เพอื่ กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความ สนใจและเป็นเทคนคิ ท่จี ะช่วยให้เกดิ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นอีกทางหนึ่งด้วย (กอบวิทย์ พริ ยิ ะวฒั น์, 2554) กลุ่มผู้เขยี นจงึ มคี วามสนใจ ท่จี ะนาเสนอการเรียนการสอน โดยใช้กระบวนการ Inquiry Learning (ภาสกร เรอื งรอง, 2556) ในการใหผ้ ู้เรียนได้สบื เสาะหา ความรู้ อภปิ ราย สรุปและสรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่ โดยเชือ่ มโยงสงิ่ ท่เี รียนรู้เข้ากับประสบการณห์ รือความรู้เดิม จนเกดิ เปน็ ความรใู้ หม่ ซึง่ มี ขนั้ ตอนการดาเนินงาน ดังน้ี 1.กาหนดประเดน็ ทส่ี นใจ ในท่ีน้คี อื ประเด็นในการนาโซเชยี ลมีเดยี ไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน 2.ทา การสืบคน้ ข้อมลู 3.นาขอ้ มูลมาอภปิ รายกลมุ่ โดยให้เพอ่ื นช่วยกันเพิม่ เติมและเสนอแนะประเด็นทเี่ กย่ี วขอ้ ง (Socialmedia, 2556) 4.หาขอ้ สรุปรว่ มกนั ผา่ น google doc (โซเชียลมีเดยี กับการศกึ ษาไทย, 2556) และ 5.ทาการ เผยแพรอ่ งคค์ วามรใู้ หก้ ับผู้ทสี่ นใจเพ่ือนาไปใชใ้ ห้เป็นประโยชน์ต่อไปได้หากครจู ะนาพฤตกิ รรมการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ เหล่านี้มาเปน็ สว่ นหนึง่ ในการจดั การเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเปลีย่ นการจดั การ สอนแบบเดิมๆ ทค่ี รเู ปน็ เพยี งแหล่งความรูแ้ หลง่ เดียว ใหเ้ ป็นนกั เรยี นสามารถสืบค้นความร้จู ากแหล่งต่างๆ ท่ีมีอยมู่ ากมาย ได้ดว้ ยตนเอง โดยท่คี รูเป็นผู้คอยชีแ้ นะว่าแหลง่ ขอ้ มลู ใดนา่ ช่ือถอื และสามารถนามาอ้างอิงได้ รวมทัง้ ใชเ้ ว็บไซตป์ ระเภท เครือข่ายสงั คมเปน็ สอื่ กลางในการพดู คยุ แลกเปลย่ี นความคิดเห็น แสดงทัศนะ หรอื สร้างองคค์ วามรขู้ องตนเอง อกี ทัง้ ยัง ช่วยลดชอ่ งวา่ งระหว่างครแู ละนักเรียนอกี ด้วย การประยุกต์ใช้โซเชียลมีเดยี ในการจัดการเรียนการสอน ปัจจบุ ันกระทรวงศกึ ษาธิการ มอบหมายให้ สานักเทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนการสอน ดาเนนิ การจดั อบรมเพือ่ กระตุ้นให้ครู ไทย พัฒนาศักยภาพและสง่ เสรมิ การใช้ social media ในการจัดการเรียนรู้ โดยเล็งเห็นความสาคัญในการสง่ เสรมิ และ
๓ ผลักดันใหค้ รสู ามารถนาเคร่อื งมือออนไลนท์ มี่ อี ย่บู นระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ มาใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ใหเ้ กดิ เปน็ เครอื ขา่ ยและเกิดความรว่ มมอื กันระหว่างครกู ับครู นกั เรยี นกบั ครู และนกั เรียนกับนกั เรยี นดว้ ยกนั โดยไม่มขี อ้ จากัดเรื่อง เวลา และสถานท่ี กอ่ ให้เกิดการเรียนรู้แบบไม่มที สี่ น้ิ สดุ (สานกั เทคโนโลยเี พอื่ การเรยี นการสอน, 2552) นบั เป็นยคุ เว็บ 2.0 ทีน่ ักการศกึ ษาจาเปน็ ต้องตระหนัก เข้าใจ และเข้าถึงแหลง่ เรยี นรทู้ ีส่ าคญั แห่งน้ี เพือ่ ตอบรับกบั การเปลี่ยนแปลงของ โลกในปจั จุบนั และอนาคตอย่างหลกี เล่ียงไมไ่ ด้ (Jeff Dunn, 2011) โดยเคร่อื งมอื ทที่ างสานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรียนการสอน (สทร.) แนะนาใหค้ รูไดน้ าไปปรับใช้ ได้แก่ (การนา Social Media มาใชใ้ นการจัดการเรียนร,ู้ 2556) 1) Facebook : คือ เวบ็ ไซตส์ าหรับให้ครแู ละนกั เรียนสามารถสอื่ สารและแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ซงึ่ กันได้ โดยการตงั้ กลมุ่ รายวชิ า เพือ่ การสื่อสารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ระหว่างครกู ับนกั เรยี น และนักเรยี นกบั นกั เรยี น 2) WordPress : คอื เวบ็ ไซต์สาเร็จรูปหรอื บล็อก ทีน่ กั เรียนและครสู ามารถใชส้ ร้างบล็อกสว่ นตวั หรือในแตล่ ะรายวิชา สาหรบั เผยแพร่บทเรียนในแต่ละรายวชิ า หรอื สร้างปฏสิ ัมพันธก์ ับนักเรียนได้ 3) Youtube : คือ เวบ็ ไซตท์ ใ่ี ช้ ในการแบง่ ปันไฟลว์ ิดโี อ ครสู ามารถอพั โหลดและเผยแพร่วดิ ีโอการสอนผา่ นเวบ็ ไซต์ยู ธปู ใช้วดิ โี อท่มี อี ย่บู นเว็บไซต์เปน็ สื่อในการเรยี นการสอน และนักเรยี นสามารถเผยแพร่ผลงานของตนเองให้เพ่ือน ๆ และ ครไู ด้แสดงความคดิ เหน็ 4) Twitter : ใช้ในการส่อื สารข้อความส้นั ๆ โตต้ อบกนั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว
๔ 5) Slideshare : ใชใ้ นการแบง่ บันเอกสาร เคร่ืองมือออนไลน์ทม่ี อี ยูอ่ ยา่ งหลากหลายบนอนิ เทอร์เนต็ นั้น มีประสทิ ธิภาพสาหรับการใชง้ านทแ่ี ตกตา่ งกนั โดยนบั วนั จะ พัฒนาและเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ คาถามคือ เราจะนาเคร่ืองมอื ดังท่ีกล่าวข้างต้น มาสรา้ งให้เกิดแหล่งเรียนรู้เพอ่ื เป็นประโยชน์สาหรับนกั เรียนไดอ้ ยา่ งไร โดยทคี่ รสู ามารถดงึ เครื่องมอื เหล่านไี้ ปประยุกต์ใชใ้ นกระบวนการเรยี นการสอน อยา่ งเปน็ รปู ธรรมและอย่างย่ังยืน การท่ีครูมีความเขา้ ใจในเทคนคิ /แทคตคิ ของเคร่อื งมอื ผนวกกับ กลยุทธ์การสอน และ สรา้ งใหเ้ กดิ เป็นรปู แบบทนี่ ่าสนใจสาหรับนักเรียนน้นั นบั เปน็ สงิ่ ท่ีทา้ ทายสาหรับครเู ปน็ อย่างย่งิ (สานกั เทคโนโลยเี พือ่ การ เรยี นการสอน, 2554) ผลกระทบต่อการศึกษาไทย แมก้ ารใชโ้ ซเชยี ลมเี ดียจะมปี ระโยชนอ์ ย่างมากในบทบาทของเครื่องมอื ท่ชี ว่ ยสนบั สนุนการเรยี นการสอน แตห่ ากครู ไม่มีการจัดการทด่ี อี าจส่งผลกระทบทางลบตอ่ นกั เรียนได้ เพราะนกั เรยี นอาจยงั ไม่สามารถควบคุมหรือกากับตนเองให้ ใช้งานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซงึ่ ขอ้ ดีและข้อเสยี ของการใช้โซเชยี ลมเี ดยี ในการเรยี นการสอนพอสรุปได้ ดงั นี้ ขอ้ ดีและขอ้ เสยี ของการใช้โซเชียลมเี ดยี ในการเรยี นการสอน ดว้ ยขอ้ มูลจานวนมากท่ถี ูกนาเสนอในเครือขา่ ยสังคมออนไลนห์ ากนามาส่กู ารจัดการเรยี นการสอนในช้ันเรยี นย่อม กอ่ ให้เกดิ ผลสาคญั ในหลากหลายลกั ษณะเชน่ กัน (กานดา รุณนะพงศา สายแกว้ , 2554) ได้กล่าวไวด้ ังนี้
๕ ข้อดี หากมีการใชง้ านในทางท่ีถกู ต้อง จะสง่ ผลดีทง้ั ครแู ละนกั เรยี น ซึง่ Poore (2013) ได้ยกตวั อย่างไว้ เช่น 1. เปน็ การสง่ เสรมิ ความสามารถทางสตปิ ญั ญาให้แกผ่ ้เู รียน (Intellectual Benefit) 2. เปน็ การฝกึ ทกั ษะการสือ่ สาร (Benefits for Communication), การมสี ว่ นรว่ ม (Collaboration) รวมทัง้ ทาใหเ้ กดิ การเรยี นร้ทู างสงั คม (Socialization) 3. เป็นการเสริมสร้างแรงจูงใจ (Motivational Benefits) 4. ปรบั สภาพแวดลอ้ มการเรยี นแบบเปิด ง่ายตอ่ การเช่ือมโยง สรา้ งความสมั พันธ์ระหว่างสงั คมในชั้นห้องเรยี น 5. สนับสนนุ และรองรบั การสอื่ สาร 2 ทาง สามารถนามาประยุกต์ใช้ในวธิ กี ารจัดการเรยี นการสอนทหี่ ลากหลาย เช่น การ เรยี นรแู้ บบรว่ มมือ (collaborative learning), การเรยี นรแู้ บบกลุม่ เลก็ (small group learning) หรือ การร่วมกนั สร้างองค์ความรู้ (other co-creation of knowledge) ขอ้ เสยี ผลกระทบที่เปน็ อปุ สรรคแ์ ละปัญหาจากการใชโ้ ซเชยี ลมีเดียในการเรียนการสอน สามารถยกตัวอยา่ งไดด้ งั นี้ (จฑุ ามาศ สนกนก, 2555)
๖ 1. ความไมม่ ่ันใจในความเสถียรและความคงอยูข่ องเวบ็ เพราะสว่ นใหญโ่ ซเชียลมีเดยี เป็นเว็บไซตท์ ีเ่ ปดิ ใหบ้ ริการโดยไม่มี ค่าใช้จ่าย ในบางกรณที ่ีเว็บไซต์ปดิ ตัวลงโดยไม่ทราบสาเหตุ หรอื มคี า่ ใชจ้ า่ ยสาหรบั การทางานเกิดขึน้ เชน่ เวบ็ ไซต์ Ning.com ท่มี ีการเกบ็ ค่าบริการของผใู้ ช้งาน 2. การเชื่อมโยงระหวา่ งระบบและข้อมูลผใู้ ชเ้ พื่อการทางานร่วมกนั ในสถานศกึ ษา หากไม่มกี ารควบคมุ ผใู้ ชท้ ีอ่ าจขาด ความระมดั ระวงั ในการใช้งาน เช่น การโพสข้อความหมนิ่ ประมาท กอ่ ให้เกิดผลเสยี ต่อตนเองหรือองคก์ รได้ 3. ความปลอดภัยและความเปน็ ส่วนตัวของข้อมูล หากไม่มีการป้องกนั ทดี่ ี อาจมีผ้ไู มป่ ระสงค์ดี นาไปใชใ้ นทางผดิ ได้ 4. อปุ กรณท์ ีเ่ กย่ี วข้องมีราคาสงู หากองค์กรน้นั ไม่มีงบประมาณสนบั สนุนเพียงพอ จะทาใหใ้ ช้อุปกรณ์น้ันๆ ไดไ้ มค่ มุ้ ค่า เชน่ ระบบอนิ เทอรเ์ น็ตหรือหอ้ งคอมพวิ เตอรข์ องโรงเรียน หากไมม่ ีงบประมาณในการปรับปรงุ จะทาให้เกดิ ความล้าสมัย หรือผปู้ กครองบางทา่ นทไ่ี ม่สามารถสนับสนนุ บุตรหลานในการซื้อเครอ่ื งคอมพิวเตอร์หรอื แทบ็ เลต็ เป็นของตนเอง 5. การขาดการคดั กรองในการสืบคน้ ขอ้ มลู และการรับข้อมลู ทไ่ี มถ่ กู ต้อง ก่อใหเ้ กดิ การขาดวจิ ารณญาณในการนาเสนอ ขอ้ มลู รวมทั้งทาใหเ้ นอ้ื หาท่ีนาเสนอผดิ พลาดได้
แนวทางและความเปน็ ไปได้ในการแกไ้ ขปัญหา การใชง้ านโซเชยี ลมีเดยี ในเบือ้ งต้น เปน็ การใช้งานสว่ นบุคคล ทีส่ ามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งเสรี แตเ่ มอ่ื นามาเป็นสว่ นหนงึ่ ใน การเรยี นการสอนต้องคานึงถึงความเหมาะสมในการสบื คน้ และนาเสนอขอ้ มลู เช่น การนาเสนอข้อมูลจากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ โดยไม่ตรวจสอบความถกู ต้องหรือความทนั สมัยของขอ้ มลู การแชรข์ ้อมลู จากแหล่งขอ้ มลู ทีม่ อี คตหิ รอื ความลาเอยี ง หรือ การนาขอ้ ความ เอกสาร ภาพ หรือ วดิ ีโอ มาใช้ โดยไม่อ้างองิ แหลง่ ทม่ี า (จารุวัจน์ สองเมอื ง, 2554; จไุ รรตั น์ ทองคา ชื่นวิวฒั น์, 2552; Antony Mayfield, 2008) หากครูยังไมส่ ามารถใชเ้ ทคโนโลยีในการเรียนการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั รูปแบบหรือกิจกรรมการเรยี นการสอน และใช้ เทคโนโลยที ม่ี ีอย่ไู มค่ ุม้ คา่ ตามงบประมาณทร่ี ฐั บาลสนับสนนุ จะสง่ ผลใหน้ ักเรยี นไม่สามารถพฒั นาความรูแ้ ละทกั ษะท่ี ตอ้ งการไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ จึงขอยกตัวอยา่ งแนวทางในการนาโซเชยี ลมีเดียมาใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้อย่างถกู ตอ้ งและ เหมาะสม ดงั นี้ 1) หากครตู ้องการนาเสนอขอ้ มลู จากเว็บไซตต์ า่ งๆ ควรตรวจสอบความถกู ต้อง หรือความทนั สมัยของข้อมลู โดยการ ตรวจสอบข้อมูลจากตน้ ฉบับ หรอื หาแหล่งท่มี าของผเู้ ผยแพรจ่ ากองคก์ ารหรอื บคุ ลท่ีน่าเชื่อถอื 2) ควรมกี ารไตร่ตรองในการแบง่ ปนั (share) ข้อมลู จากแหลง่ ตา่ งๆ หรือควรสบื คน้ ขอ้ มลู ขา่ วสารจากหลากหลายท่ีมา 3) การนาข้อความ เอกสาร ภาพ หรือ วดิ โี อ มาใช้ ควรมกี ารอ้างองิ แหล่งทมี่ าอยา่ งชัดเจน
๘ บทสรุป โซเชยี ลมเี ดยี เป็นเครอ่ื งมอื ที่มปี ระโยชน์ในการเปน็ เครื่องมอื ที่ครูและนกั เรียนสามารถนามาช่วยในการเรียนการสอน ไม่วา่ จะเป็นการจดั การเอกสาร การใหง้ าน การนาเสนองาน การอภิปรายแสดงความคิดเห็น ฯลฯ ซ่ึงจะช่วยเสรมิ สรา้ ง ความรู้ และพัฒนาทกั ษะทจี่ าเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 ของนกั เรียนไดเ้ ป็นอย่างดี แต่อยา่ งไรกต็ าม การนาโซเชียลมเี ดียมาใช้ ในการเรียนการสอน ครคู วรคานงึ ถงึ ผลกระทบทางดา้ นลบที่จะตามมาด้วย ควรปฏบิ ตั ิใหเ้ ป็นแบบอยา่ งท่ีดี ชแ้ี นะการใช้ งานท่ถี ูกตอ้ ง สร้างความรู้เท่าทนั ส่อื เพื่อเปน็ แนวทางหนึ่งในการสร้างภูมคิ มุ้ กนั ใหก้ ับผูบ้ รโิ ภคสอ่ื โดยเฉพาะเด็กและ เยาวชน ในการเปดิ รบั เนอ้ื หาผ่านสอื่ ในเชิงวิเคราะห์วพิ ากษ์ และประเมนิ สอ่ื การสรา้ งความรเู้ ทา่ ทันสอื่ นี้ โดยส่วนใหญ่ แล้วจะเกิดจากการเรียนรูข้ องเด็กผ่านการช้แี นะของครแู ละผปู้ กครอง รวมถึงการพฒั นาความคิดในเชงิ วเิ คราะห์วพิ ากษ์ ของเดก็ เองผา่ นการเรยี นร้จู ากประสบการณ์ตรงนั่นเอง ทง้ั หมดนีเ้ พ่ือใหน้ ักเรียนสามารถนาโซเชียลมเี ดยี มาชว่ ยพัฒนา ความรแู้ ละทกั ษะอยา่ งถูกวธิ ี สง่ ผลใหเ้ กิดการเรยี นรู้ตลอดชีวติ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
๙ ตารางสงั เคราะห์การใช้ Social media ในการจัดการเรยี นการสอน ท่ี ปี ชื่องานวิจัย/บทความ ผวู้ จิ ยั /ผู้เรยี น เครอ่ื งมอื ที่ใช้ รปู แบบการเรยี นการสอน 1 2554 การพฒั นาเครือขา่ ยแกนนาเยาวชนเพ่อื สร้างสอื่ คุณอานันท์ นิรมล แบบวัดแนวคดิ เกีย่ วกับ กรณีศึกษา(ศกึ ษารายกรณี) สงั คมสมาณฉันท์ สาหรับสงั คมสมาณฉนั ท์ กฤษยากาญจน์ โตพทิ ักษ์ แบบวัดทกั ษะสร้างสื่อ สาหรับสงั คมสมาณฉันท์ ชัชวาล ชุมรกั ษา แบบวัดความพึงพอใจต่อ นชุ นาฎ ใจดารงค์ การเข้ารว่ มโครงการ ชุดความรู้ คู่มือวทิ ยากร ๒ ๒๕๕๕ การรูเ้ ทา่ ทนั สื่อของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรยี น อนงค์นาฎ รศั มวี ชิ ยั แบบวัดการร้เู ทา่ ทันสอื่ การคิดแบบมวี ิจารณญาน ชุมชนประชาธิปัตย์วทิ ยาคาร ของนักเรียนมธั ยมศึกษา แบบวดั ความพึงพอใจต่อ การเข้าร่วมโครงการ ๓ ๒๕๕๗ การสร้างกจิ กรรมการเรียนรู้เพ่อื พัฒนาทักษะ วรฐั ทยา ฝัน้ สืบ แบบทดสอบวัด การสอนแบบโครงงาน ผลสัมฤทธิ์ การทาโครงงานคณิตศาสตร์ สาหรบั นกั เรียน ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ โรงเรยี นรอ่ งเคาะวิทยา ชุดกจิ กรรม แผนการใช้ แบบประเมินความพงึ พอใจ
๑๐ ตารางสังเคราะห์การใช้ Social media ในการจัดการเรยี นการสอน ท่ี ปี ชอ่ื งานวจิ ัย/บทความ ผวู้ จิ ัย/ผู้เรียน เครอ่ื งมอื ที่ใช้ รูปแบบการเรียนการสอน 4 255๘ รปู แบบการเรยี นการสอนแบบ Active Learning ฟาตีธะห์ อุตสา่ ห์ แบบวดั แนวคิดเก่ยี วกบั การเรยี นการสอนแบบ ราชการ Active Learning Active Learning เพือ่ พัฒนาแนวคิดเชงิ วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง แบบวดั ทกั ษะ เพือ่ พัฒนาแนวคดิ เชิง mathematical thinking การคลื่นไหวสะเทือน วทิ ยาศาสตร์ แบบวดั ความพึงพอใจ 5 ๒๐๐๖ บทความเร่ือง what is mathematical thinking Kaye Stacey ชุดความรู้ คู่มือการสอน And why is it important? การคลืน่ ไหวสะเทือน แบบวัดแนวคิดเกี่ยวกับ mathematical thinking 6 ๒๕๕๗ การพัฒนาการคิดเชงิ คณติ ศาสตร์นักเรยี นช้นั ชุตมิ า ฉุนอมิ แบบทดสอบวดั mathematical thinking ผลสัมฤทธ์ิ แบบการสอนแนะให้ร้คู ดิ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ โดยใชก้ ิจกรรมการเรยี นรู้ วนินทร สภุ าพ แบบการสอนแนะให้รคู้ ิด (CGI)ร่วมกับเทคนิคการใช้ ชดุ กิจกรรม คาถามของบาดแฮม(Balham) แผนการใช้ แบบประเมินความพงึ พอใจ
๑๑ ตารางสังเคราะห์การใช้ Social media ในการจัดการเรยี นการสอน ท่ี ปี ชอื่ งานวิจัย/บทความ ผ้วู จิ ยั /ผู้เรยี น เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ รปู แบบการเรียนการสอน ๗ 2554 การพฒั นาเครือข่ายแกนนาเยาวชนเพ่ือสรา้ งส่ือ คุณอานันท์ นริ มล แบบวัดแนวคดิ เกี่ยวกับ กรณีศึกษา(ศกึ ษารายกรณี) สงั คมสมาณฉันท์ สาหรับสังคมสมาณฉนั ท์ กฤษยากาญจน์ โตพทิ ักษ์ แบบวัดทกั ษะสรา้ งสื่อ สาหรับสงั คมสมาณฉันท์ ชัชวาล ชมุ รักษา แบบวัดความพึงพอใจต่อ นุชนาฎ ใจดารงค์ การเขา้ ร่วมโครงการ ชดุ ความรู้ คู่มอื วิทยากร ๘ ๒๕๕๕ การรูเ้ ทา่ ทนั ส่ือของนกั เรียนมัธยมศกึ ษาในโรงเรยี น อนงค์นาฎ รศั มีเวยี งชัย แบบวดั การร้เู ทา่ ทันสื่อ การคิดแบบมีวจิ ารณญาน ชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร ของนักเรยี นมัธยมศึกษา แบบวัดความพึงพอใจต่อ การเข้าร่วมโครงการ ๙ ๒๕๕๗ การศกึ ษาปจั จัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใชอ้ ิน วิฑรู ย์ เลิศประเสรฐิ แบบทดสอบวัด กรณศี ึกษา(ศกึ ษารายกรณ)ี เทอร์เนตของวัยร่นุ ในชีวติ ประจาวนั พันธ์ แบบประเมินความพึง พอใจ
๑๒ ตารางสงั เคราะห์การใช้ Social media ในการจัดการเรียนการสอน ที่ ปี ช่อื งานวจิ ัย/บทความ ผู้วิจัย/ผู้เรียน เครอ่ื งมือท่ีใช้ รูปแบบการเรียนการสอน ๑๐ ๒๕๕๖ การพัฒนาทักษะการคดิ วิเคราะห์โดยใชร้ ูปแบบ วมิ ล ทองผิว แผนการสอน ทักษะการคดิ วิเคราะห์ รปู แบบการสอนฝงั กราฟฟิก การสอนผงั กราฟฟกิ สาหรบั นักเรียนช้นั มัธยม แบบทดสอบทกั ษะการ คิดวิเคราะห์ ศกึ ษาปีท่ี ๓ แบบสอบถามความพึง พอใจ ๑๑ ๒๕๕๐ การสร้างชุดกิจกรรมการอ่านจับใจความสาคัญ สดสวย กาวี แผนการสอน การอา่ น กลุ่มสาระภาษาไทยสาหรบั นักเรียนมธั ยมศึกษา ศจีรัตย์ ศรพี ล แบบทดสอบทักษะการ ปที ่ี ๑ โรงเรียนท่าปลาประชาอทุ ิศ อ.ท่าปลา อา่ น จ.อตุรดิตถ์ แบบสอบถามความพงึ พอใจ ๑๒ ๒๕๔๙ การศกึ ษาผลการสอนเขยี นบรรยายความภาษา องั กฤษแบบชแ้ี นะของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษา แผนการสอน การเขยี น ปที ่ี ๔ แบบทดสอบทักษะการ เขยี น แบบสอบถามความพงึ พอใจ
๑๓ ตารางสังเคราะห์การใช้ Social media ในการจัดการเรยี นการสอน ท่ี ลกั ษณะการเรยี น Social media การสอน face book blog twitter Google web Drop b YouTube ๑. กรณีศึกษา(ศึกษารายกรณ)ี √ √ √ √ √√ √ ๒. การคดิ แบบมีวจิ ารณญาน √ √ √ √ √√ √ ๓. การสอนแบบโครงงาน √ √ √ √ √√ √ ๔. การเรยี นการสอนแบบ √ √ √ √ √√ √ Active Learning ๕. mathematical thinking √ √ √ √ √√ √ ๖. แบบการสอนแนะใหร้ ูค้ ดิ √ √ √ √ √√ √ ๗. กรณศี ึกษา(ศึกษารายกรณ)ี √ √ √ √ √√ √
๑๔ ตารางสงั เคราะหก์ ารใช้ Social media ในการจัดการเรียนการสอน ที่ ลักษณะการเรียน Social media การสอน face book blog twitter Google web Drop b YouTube ๘. การคิดแบบมีวิจารณญาน √ √ √ √ √√ √ ๙. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ √ √ √ √ √√ √ ๑๐. รปู แบบการสอนฝงั กราฟฟิก √ √ √ √ √√ √ ๑๑. การอา่ น √ √ √ √ √√ √ ๑๒. การเขยี น √ √ √ √ √√ √
๑๕ ตารางสรุปการใช้ Social media ในการจัดการเรียนการสอน ที่ ลักษณะการเรียน face Social media/จานวน Drop b YouTube คิดเป็น การสอน book blog twitter Google web รอ้ ยละ ๑. กรณีศึกษา(ศึกษารายกรณ)ี ๓ ๔ ๐ ๖ ๔ ๓ ๕ 9.96 ๒. การคดิ แบบมีวิจารณญาน ๓ ๔ ๐ ๖ ๔ ๓ ๕ 9.96 ๓. การสอนแบบโครงงาน ๔ ๔ ๑ ๖ ๑ ๒ ๕ 9.16 ๔. การเรยี นการสอนแบบ ๒ ๔ ๐ ๖ ๔ ๒ ๕ 9.16 Active Learning ๕. mathematical thinking ๓ ๔ ๒ ๕ ๒ ๒ ๗ 9.96 ๖. แบบการสอนแนะให้รู้คดิ ๒๔๔ ๔ ๔ ๒ ๕ 9.96 ๗. ทักษะการคิดวิเคราะห์ ๑ ๔ ๐ ๖ ๗ ๔ ๘ 11.95 ๘. รูปแบบการสอนฝงั กราฟฟิก ๓ ๔ ๒ ๑ ๔ ๒ ๕ 8.36 ๙. การอา่ น ๔ ๔ ๑ ๖ ๔ ๒ ๖ 10.75 ๑๐ การเขยี น ๑ ๔ ๖ ๕ ๔ ๒ ๕ 10.75 รวม ๒๓ ๓๖ ๑๖ ๔๕ ๓๔ ๒๑ ๕๑ 251
๑๖ จากการศกึ ษางานวิจัยท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การนา Social media ไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอนท้งั ในประเทศ ตา่ งประเทศ จานวน ๑๒ เรอื่ ง พบว่า ลกั ษณะการเรียนการสอน กรณศี กึ ษา(ศกึ ษารายกรณี) คดิ เป็นรอ้ ยละ 9.96 การคดิ แบบมวี จิ ารณญาน คดิ เป็นรอ้ ยละ 9.96 การสอนแบบโครงงาน คิดเปน็ ร้อยละ 9.16 การเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเปน็ รอ้ ยละ 9.16 mathematical thinking คิดเปน็ รอ้ ยละ 9.96 แบบการสอนแนะใหร้ คู้ ดิ คดิ เปน็ ร้อย ละ 9.96 ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ คดิ เปน็ ร้อยละ 11.95 รปู แบบการสอนฝงั กราฟฟิก คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.36 การอ่าน การ เขียน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 10.75
บรรณานกุ รม ชตุ ิมา ฉนุ อมิ และ วนินทร สภุ าพ .(๒๕๕๗). การพฒั นาการคดิ เชงิ คณติ ศาสตร์แบบการสอนแนะให้ร้คู ิด (CGI)ร่วมกับเทคนคิ การใช้คาถามของ บาดแฮม คณุ อานันท์ นริมล กฤษยา กาญจน์ โตพทิ กั ษ์ ชัชวาล โตรกั ษา และนชุ นาฎ ใจดารงค์ .(๒๕๕๔).การพัฒนาเครอื ข่ายแกนนาเยาวชนเพอ่ื สรา้ งสอ่ื สาหรับสงั คมสามานท์ฉนั ท์ ฟาตธี ะห์ อตุ ส่าห์ราชการ .(๒๕๕๘).รูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อพัฒนาแนวคิดเชิงวทิ ยาศาสตร์ วิฑูรณ์ เลิศประเสริฐ. (๒๕๕๗).การรู้เทา่ ทันส่ือของนกั เรยี นมธั ยมศึกษาในโรงเรยี นชุมชนประชาธปิ ตั ยว์ ทิ ยาคาร วมิ ล ทองผิว .(๒๕๕๖) การพัฒนาการใช้ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์โดยใชร้ ูปแบบการสอนฝงั กราฟฟกิ สดสวย กาวี .(๒๕๕๐) การสร้างชุดกิจกรรมการอ่านจบั ใจความสาคญั กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ศจรี ตั ย์ ศรีพล.(๒๕๔๙) การศึกษาผลการสอนเขยี นบรรยายความภาษาอังกฤษแบบชี้แนะนักเรียนประถมศกึ ษาปีที่ ๔ อนงคน์ าฏ รัศมเี วยี งชัย. (๒๕๕๕).โครงการวจิ ยั เรอ่ื ง การรเู้ ท่าทันส่อื ของนักเรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษา ในโรงเรยี นชมุ ชนประชาธิปตั ยว์ ิทยาคาร. สืบค้นเมือ่ วันท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๖๒ จาก dog.qa.tu.ac.th/d Kaye Stacey.(๒๐๐๖).บทความเรอ่ื ง what is mathematical thinking And why is it important?. สืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๒
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: