48 ความสมั พันธร์ ะหว่างผ้ผู ลติ ผบู้ รโิ ภค และสถาบนั การเงนิ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภค และสถาบันการเงินในระบบ เศรษฐกิจ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และสถาบันการเงิน ล้วนมีความเกี่ยวข้อง สมั พันธก์ ันทางดา้ นการหารายได้ การมรี ายจ่ายเพ่อื การอปุ โภค และมกี าร เก็บเงินบางส่วนไว้เพ่ือการออม หรือนาไปลงทุนเพ่ือให้มีรายได้เพ่ิมข้ึน ซึง่ เราสามารถอธิบายความสมั พันธ์ได้ ดังน้ี 1. ผู้ผลิต ผู้ผลิตจะมีรายได้มาจากการขายสินค้า ดังนั้น ผู้ผลิต จึงต้องมีการลงทุนเพื่อผลิตสินค้า โดยอาจจะนาเงินบางส่วนที่ตนเก็บ สะสมไว้ไปลงทุนหรือไปติดต่อขอกู้ยืมเงินมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพ่ือไปซ้ือเครื่องจักร ที่ดิน วัตถุดิบ ว่าจ้างแรงงานมาผลิตสินค้าของตน สินค้าท่ีผลิตออกมาจะถูกนาไปจาหน่ายให้กับผู้บริโภค เป็นรายได้กลับ เขา้ มาสู่ผผู้ ลิต
49 ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตก็จะต้องมีรายจ่าย อันได้แก่ เงินต้นและ ดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินที่ตนไปขอสินเชื่อมา รวมทั้ง ค่าจ้างแรงงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าจัดการต่าง ๆ ซ่ึงเม่ือคานวณต้นทุนเทียบ กับรายได้ท่ีเข้ามาแล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นรายรับสุทธิหรือผลกาไร อันเป็นรายได้ของผู้ผลิต ซ่ึงผู้ผลิตอาจเก็บเป็นเงินออมไว้กับสถาบัน การเงินหรอื นาไปลงทุนขยายการผลติ เพ่ิมขนึ้ หรือซื้อหลกั ทรพั ยต์ า่ ง ๆ ในระบบเศรษฐกิจการลงทุนของผู้ผลิตนับว่ามีความสาคัญอย่าง มากตอ่ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจ เพราะทาให้เงินออมท่ีเก็บไว้ในสถาบัน การเงินมีการหมุนเวียนนาออกมาใช้ มีการว่าจ้างแรงงาน มีการผลิต สินค้าออกมาวางจาหน่าย เกิดการติดต่อทางธุรกรรมซื้อขาย แต่ละส่วน ย่อมมีรายได้ทาให้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ย่ิงลงทุนมาก เศรษฐกิจของ ประเทศก็จะย่ิงเข้มแขง็
50 2. ผูบ้ รโิ ภค ผู้บริโภคจะแสวงหารายไดด้ ้วยการไปทางานเพ่อื ให้มี รายได้เข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเงินเดือน ดังน้ัน ถ้าหากมีการ ลงทุนผลิตสินค้ามาก ก็จะทาให้แรงงานซึ่งมีสถานะเป็นผู้บริโภคด้วย ไดร้ ับการว่าจ้างมาก มีรายไดส้ ูงขึน้ รายไดข้ องผู้บริโภค ส่วนหนง่ึ จะถกู นาไปใชจ้ ่าย หรือเป็นรายจ่ายสาหรบั ซ้ือสนิ ค้าและบริการ เพ่อื การดารงชพี เช่น ซื้อหาอาหารมารบั ประทาน ค่าเส้ือผ้า ค่ายารักษาโรค ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน รายได้บางส่วนอาจถูกเก็บไว้เป็นเงินออมนาไปฝากไว้กับ สถาบันการเงิน ซ่ึงจะช่วยทาให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาในรูปของดอกเบี้ย หรืออาจนาไปลงทุนซื้อพันธบัตร ซื้อหลักทรัพย์ หรือซ้ือทรัพย์สินมีค่า ต่าง ๆ เก็บไวเ้ พ่ือการลงทนุ สาหรบั อนาคต อยา่ งไรกต็ าม ผ้บู รโิ ภคบางสว่ นอาจมีรายไดไ้ ม่เพียงพอกับรายจ่าย ในการดารงชพี ก็จาเปน็ ตอ้ งไปขอสนิ เชอ่ื กบั สถาบันการเงิน เพื่อนาเงิน มาใช้จา่ ยหรอื นาเงินไปลงทนุ ซ้ือทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น บ้าน ท่ีดิน รถยนต์ ซึง่ ก็จะต้องมีรายจา่ ยเพิ่มขึ้นในรูปของเงนิ ต้นและดอกเบย้ี
51 สาหรับผู้บริโภคนับว่ามีความสาคัญต่อฐานะทางเศรษฐกิจของ ประเทศเชน่ กัน เพราะถ้าจานวนผู้บริโภคมีมาก ผู้บริโภคนั้นมีกาลังซ้ือสูง ก็ย่อมจะส่งผลให้ผู้ผลิตกล้าตัดสินใจลงทุนหรือขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ปริมาณสินค้าก็จะมีจานวนเพิ่มขึ้นและหลากหลาย เช่น ถ้าผู้บริโภคมี รายได้น้อย แม้อากาศจะร้อนก็อาจพึงพอใจกับการระบายร้อนจาก กระแสลมตามธรรมชาติ แต่ “มีรายได้เพิ่มขึ้น อาจไปซื้อพัดลมมาใช้งาน หรือถ้ามีรายได้เพ่ิมมากข้ึนอีก ก็อาจไปซื้อเครื่องปรับอากาศมาใช้แทน เป็นต้น ท้ังนี้รายได้ของผู้บริโภคจะมคี วามสมั พันธก์ ับ การออม กลา่ วคอื ถา้ ผบู้ ริโภคมีรายได้เข้ามามาก แนวโน้มการออมกจ็ ะมีมากตามมาด้วย 3. สถาบันการเงิน มีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นแหล่งเงินทุน สาคัญของผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยสถาบันการเงินจะทาหน้าที่รับฝาก เงินออมจากผู้ออม เงินออมท่ีสถาบันการเงินรับฝากไว้ ส่วนหนึ่งสถาบัน การเงินจะนาไปปล่อยให้กู้ยืมท่ีเรียกว่าการให้สินเชื่อกับผู้ผลิต ซึ่งเป็น วิธีการหารายได้หลักของสถาบันการเงิน โดยจะมีรายได้เข้ามาในรูปของ ดอกเบ้ีย อีกส่วนหนึ่งสถาบันการเงินก็จะนาไปลงทุนซ้ือตราสาร หรือ ลงทุนทางด้านหลกั ทรัพย์ มรี ายได้เขา้ มาในรูปของเงินปันผล สาหรับรายจ่ายของสถาบันการเงินเมื่อมีรายได้เข้ามาท่ีสาคัญก็คือ จ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยเงินฝากให้กับผู้ออม ค่าบริหารจัดการ และค่าหนี้เสีย อันเกิดจากการปล่อยกู้แล้วอาจไม่ได้รับเงินต้นกลับคืนเข้ามาเต็มจานวน หรอื โครงการท่ใี ห้สินเชอ่ื ไปเกดิ การขาดทุน
52 ดังนั้น ถ้าสถาบันการเงินได้รับเงินออมหรือสามารถระดมเงินฝาก ได้มาก การให้สินเช่ือแก่ผู้ผลิตมีคุณภาพและปล่อยสินเชื่อได้มาก ผลประกอบการของสถาบันการเงินนั้น ๆ ก็จะดี แต่ถ้าด้านใดด้านหน่ึงมี ปัญหา เช่น ถ้าเงินฝากเงินออมมีน้อย สถาบันการเงินก็ย่อมมีเงินน้อย ถ้าผู้ผลิตต้องการขอสินเช่ือ สถาบันการเงินก็จะปล่อยได้น้อย ซึ่งจะมี แนวโนม้ ทอ่ี ตั ราดอกเบี้ยอาจสูงขน้ึ ซ่งึ ก็จะไปเพ่ิมตน้ ทนุ ใหก้ ับผู้ผลติ ในทางกลับกัน ถ้าสถาบันการเงินสามารถระดมเงินฝากได้มาก แต่ผู้ผลิตไม่ขอสินเช่ือ เพราะผู้บริโภคมีรายได้น้อยหรือจากัดการบริโภค สถาบันการเงินก็จะมีเงินล้น และต้องแบกรับค่าดอกเบี้ยท่ีจะต้องจ่ายคืน ให้แก่ผู้ฝาก อย่างน้ีก็มีแนวโน้มท่ีอัตราดอกเบ้ียเงินฝากอาจลดลง ซ่ึงจะ ทาใหผ้ ู้บรโิ ภคท่ฝี ากเงนิ ออมเสยี ประโยชน์ จากที่กล่าวมาท้ังหมด จะเห็นว่าการหารายได้ การใช้จ่าย การออม และการลงทุนท้ังของผู้ผลิต ผู้บริโภค และสถาบันการเงิน ล้วนมี ความสัมพันธ์กันเป็นวงจรทางเศรษฐกิจ ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งเกิด ปัญหาก็จะส่งผลกระทบโยงใยเป็นลูกโซ่ ดังน้ัน การทาให้ผู้ผลิต ผู้บริโภค สถาบันการเงินมีความเข้มแข็ง มีรายได้สูงขึ้น จึงมีความจาเป็น เพราะจะช่วยทาให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว อันจะส่งผลดีถึงฐานะและ ความมัน่ คงทางเศรษฐกจิ ของประเทศดว้ ย
53 กล่าวโดยสรุป สถาบันการเงินในปัจจุบันมีความหลากหลายและ พัฒนามากขึ้นเร่ือย ๆ โดยมีบทบาทสาคัญในฐานะท่ีเป็นตัวกลางในการ ระดมเงินออมจากประชาชน เพ่ือเป็นเงินทุนสาหรับนักลงทุนท่ีต้องการ กู้เงินไปประกอบกิจการและลงทุนเพื่อการผลิต ดังน้ัน ความคล่องตัวและ ความเขม้ แขง็ ของสถาบันการเงนิ จงึ มีความสาคญั ในการส่งเสริมให้ประชาชน มีแรงจูงใจในการออมทรัพย์มากข้ึน รวมท้ังทาให้ผู้ประกอบการได้รับเงินกู้ โดยเสียค่าดอกเบ้ียที่ไม่สูงมากนัก อันจะเป็นผลดีต่อการขยายตัวทางการ ผลิตของประเทศ นอกจากนี้ ในระบบเศรษฐกิจ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และ สถาบันการเงินยังมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเป็นวงจรซึ่งถ้าทุกส่วนมีความ เขม้ แข็ง เศรษฐกจิ ของประเทศก็จะเขม้ แข็งตามไปดว้ ย
54 สถาบนั การเงินในประเทศไทย ลาดบั ที่ รายช่ือ หนว่ ยงานกากบั ดูแล กฎหมายที่ใช้บงั คับ 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลงั พระราชบัญญัติธนาคาร 2 ธนาคารพาณชิ ย์ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย พ.ศ. 2485 3 บรษิ ัทเงินทนุ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ธุ ร กิ จ 4 บรษิ ทั เครดิตฟองซเิ อร์ สถาบนั การเงนิ พ.ศ. 2551 5 ธนาคารออมสนิ กระทรวงการคลัง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ธุ ร กิ จ สถาบนั การเงิน พ.ศ. 2551 ธนาคารแห่งประเทศไทย พระราชบัญญัติธนาคาร 6 ธนาคารเพื่อการเกษตรและ กระทรวงการคลัง ออมสิน พ.ศ. 2489 พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ เ พื่ อ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ธนาคารแห่งประเทศไทย ธ น า ค า ร ธ น า ค า ร เ พ่ื อ ก า ร เ ก ษ ต ร แ ล ะ ส ห ก ร ณ์ 7 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย การเกษตร พ.ศ. 2509 (ธอส.) พระราชบัญญัติธนาคาร อ า ค า ร ส ง เ ค ร า ะ ห์ 8 ธนาคารเพ่ือการส่งออกและ กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2496 น า เ ข้ า แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ธนาคารแห่งประเทศไทย พระราชบัญญัติธนาคาร (ธสน.) เพ่ือการส่งออกและนาเข้า แห่งประเทศไทย พ .ศ. 9 ธนาคารพฒั นาวิสาหกิจขนาด กระทรวงการคลงั 2536 พระราชบัญญัติธนาคาร กลางและขนาดย่อมแห่ง ธนาคารแหง่ ประเทศไทย พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง แ ล ะ ข น า ด ย่ อ ม แ ห่ ง ประเทศไทย (ธพว.) กระทรวงอุตสาหกรรม ประเทศไทย พ.ศ. 2545 พระราชบัญญัติธนาคาร 10 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศ กระทรวงการคลัง อิสลามแห่งประเทศไทย ไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545
ลาดับท่ี รายชือ่ 55 หนว่ ยงานกากับดูแล กฎหมายทใี่ ช้บังคับ 11 บรรษัทประกนั สินเชื่อ กระทรวงการคลงั พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ บ ร ร ษั ท ประกนั สินเช่อื อุตสาหกรรม อตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม กระทรวงอตุ สาหกรรม ขนาดย่อมพ.ศ. 2534 พ ร ะ ร า ช ก า ห น ด บ ร ร ษั ท (บสย.) ตลาดรองรับสินเชื่อเพ่ือที่ อย่อู าศัย พ.ศ. 2540 12 บรรษัทตลาดรองรับสินเช่ือ กระทรวงการคลงั พ ร ะ ร า ช ก า ห น ด บ ร ร ษั ท บริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. เพ่อื ท่อี ยู่อาศัย ธนาคารแห่งประเทศไทย 2544 พระราช กาหนดบริษัท 13 บรรษัทบรหิ ารสนิ ทรัพยไ์ ทย กระทรวงการคลัง บริ ห า ร สิ น ทรั พ ย์ พ .ศ . 2541 14 บรษิ ัทบรหิ ารสนิ ทรัพย์ กระทรวงการคลงั พระราชบญั ญตั ิควบคุมการ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แลกเปลีย่ นเงนิ พ.ศ. 2485 15 บริษัทแลกเปล่ียนเงินตรา กระทรวงการคลงั ระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย 16 บรษิ ทั หลักทรัพย์ คณะกรรมการกากบั พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ 17 บรษิ ัทหลักทรัพยจ์ ัดการ หลักทรัพยแ์ ละตลาด และตลาดหลกั ทรัพย์ พ.ศ. กองทนุ รวม 18 บรษิ ัทประกันชวี ิต หลักทรพั ย์ 2535 19 สหกรณก์ ารเกษตร กระทรวงการคลัง พระราชบัญญตั ิประกนั ชีวิต 20 สหกรณอ์ อมทรพั ย์ 21 กองทุนสารองเล้ียงชพี สานักงานคณะกรรมการกากับ พ .ศ .2535 แ ล ะ ที่ แ ก้ ไ ข 22 กองทนุ ประกนั สังคม และส่งเสริมการประกอบธุรกิจ เพ่มิ เติม 23 โรงรับจานา ประกนั ภัย กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรม พระราชบัญญัติสหกรณ์ ตรวจบญั ชสี หกรณ์ พ.ศ. 2511 และที่แก้ไข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพม่ิ เติม ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ก า กั บ พระราชบัญญัติกองทุน ห ลั ก ท รั พ ย์ แ ล ะ ต ล า ด สารองเลยี้ งชีพ พ.ศ. 2530 หลกั ทรพั ย์ กระทรวงแรงงาน พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ประกันสงั คม พ.ศ. 2533 กระทรวงมหาดไทย พระราชบญั ญัตโิ รงรับจานา พ.ศ. 2505 และที่แก้ไข เพมิ่ เติม
56 แบบทดสอบหลังเรียน 1. ขอ้ ความเกีย่ วกับความสัมพนั ธ์ระหว่างผู้ผลิต ผ้บู รโิ ภค และสถาบัน การเงิน ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. มีการหารายได้ การใชจ้ า่ ยร่วมกนั ข. มกี ารลงทนุ และการนาเงนิ มาใชใ้ นการลงทนุ รว่ มกัน ค. มกี ารระดมเงนิ ออมมาเพือ่ การลงทุน เปน็ ประโยชนท์ กุ ฝ่าย ง. มกี ารหารายได้ การใชจ้ ่าย การออม การลงทุน ท่ีมีความสมั พนั ธ์กัน 2. หากสถาบันการเงนิ ได้รบั เงินออมหรอื สามารถระดมเงนิ ฝากได้มาก จะสง่ ผลดตี อ่ ระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ก. ทาใหร้ ฐั บาลรวยขนึ้ ข. ทาใหต้ ่างชาตเิ ขา้ มาลงทุนมากข้ึน ค. ทาให้สถาบนั การเงินมเี งินทนุ ทจ่ี ะปล่อยกู้ใหก้ บั ภาคธุรกิจมากข้ึน ง. ทาใหเ้ งนิ หมุนเวยี นในระบบนอ้ ย และภาคธรุ กิจขาดสภาพคลอ่ ง ทางการเงนิ 3. เพราะเหตุใดจงึ จัดหน่วยครอบครัวเป็นทั้งผู้ผลติ และผู้บริโภค ก. หนว่ ยครอบครวั เปน็ ผู้ใชป้ จั จัยการผลติ ข. หน่วยครอบครวั เป็นผ้ใู ช้ทรพั ยากรทง้ั หมด ค. หน่วยครอบครวั เป็นทง้ั ผผู้ ลิตและผ้บู ริโภค ง. หนว่ ยครอบครัวเปน็ ผูผ้ ลติ สินค้าและบรกิ าร 4. สถาบนั การเงินจะเจริญเติบโตอย่างดี ถา้ เงินฝากกบั เงนิ กู้เป็นไปแบบใด ก. สถาบันการเงนิ แบบหดตัว ข. สถาบันการเงนิ แบบกง่ึ ผสม ค. สถาบนั การเงินแบบขยายตวั ง. สถาบันการเงินแบบบังคับโดย รัฐบาล 5. หากเงินออมในระบบเศรษฐกิจมมี ากเกนิ ไป จะสง่ ผลกระทบตอ่ ระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ก. เกดิ ภาวะเงินฝืด ข. เกิดภาวะเงนิ เฟ้อ ค. มกี ารจ้างงานเพม่ิ มากขึ้น ง. มีเงนิ บริหารประเทศมากข้ึน
57 นางสาวสุธาทพิ ย์ อนิ ขาว รหสั นกั ศกึ ษา 6015107001028 นายพิพฒั น์ ธรรมธวชั รหสั นกั ศกึ ษา 6015107001061 กลมุ่ เรียน 60013.151 สาขาสังคมศกึ ษา คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎร์ธานี
Search