Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบฝึกการเขียนความเรียง

แบบฝึกการเขียนความเรียง

Published by กมลลักษณ์ ทนันไชย, 2022-02-27 17:47:13

Description: แบบฝึกการเขียนความเรียง

Search

Read the Text Version

คานา แบบฝึกการเขียน เรื่องการเขียนความเรียง ฉบับนี้ จัดทาขึ้นเพื่อประกอบการ จัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ๔ (ท๒๒๑๐๒) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ซึ่งในแบบฝึก การเขียนประกอบด้วย คาชี้แจงสาหรับครูและนักเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ ใบความรู้ แบบฝึก และเฉลยแบบฝึก แบบฝกึ การเขยี นฉบบั น้ีจดั ทาข้ึน เพ่อื พฒั นาความสามารถในการเขยี นความเรียง เนื่องจากการเขียนความเรียงเป็นทักษะพื้นฐานที่นักเรียนต้องมี เพื่อนาไปสู่การเขียนใน รูปแบบอื่น ๆ ต่อไป และเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการเขียนด้วยตนเอง โดยมีครู เปน็ ผูช้ ่วยในการช้แี นะแนวทาง เพ่ือให้นกั เรยี นเกดิ การเรยี นรู้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ทั้งนี้ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกการเขียนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ครูใน การนาไปใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ได้ และเป็นแบบฝึกการเขียนที่สามารถพัฒนา ความสามารถในการเขยี นแกน่ กั เรยี นได้เปน็ อย่างดี กมลลกั ษณ์ ทนนั ไชย

สารบัญ ๑ ๒ คาช้แี จง ๓ มาตรฐานการเรยี นรู้ ๔ ใบความรูท้ ี่ ๑ เร่ืองโวหารการเขียน ๖ แบบฝกึ ท่ี ๑ เรอ่ื งโวหารการเขยี น ๗ ใบความรทู้ ่ี ๒ เรอื่ งการเขียนบรรยาย ๘ แบบฝกึ ท่ี ๒ เรือ่ งการเขยี นบรรยาย ๙ ใบความรทู้ ี่ ๓ เรือ่ งการเขียนพรรณนา ๑๐ แบบฝึกท่ี ๓ เรอ่ื งการเขียนพรรณนา ๑๑ เฉลยแบบฝึก ๑๔ แบบทดสอบหลังเรยี น เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

๑ คาชี้แจง คาชแี้ จงสาหรับครู ๑. เตรียมและศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบฝึกการเขียนก่อนที่จะให้ นกั เรยี นได้ลงมอื ปฏิบตั ิ ๒. อธิบายให้นักเรียนทราบจุดประสงค์ของการใช้แบบฝึกการเขียน เพื่อให้ นักเรียนไดป้ ระโยชนส์ งู สุดจากการทากจิ กรรม ๓. ใหน้ ักเรยี นอ่านและปฏบิ ตั ิตามคาช้ีแจงในแบบฝึกการเขียน คาชีแ้ จงสาหรับนักเรียน ๑. ให้นักเรียนฟังคาช้แี จงจากครใู นการใช้แบบฝกึ การเขยี น ๒. ตัง้ ใจศึกษาเนอ้ื หาไปตามลาดับทีละหนา้ อย่างรอบคอบ ๓. เมื่อทาแบบฝึกการเขียนแต่ละแบบฝึกเรียบร้อยแล้ว ให้นาส่งครูเพื่อประเมิน และตรวจสอบความถูกตอ้ ง

๒ มาตรฐานการเรยี นรู้ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียน เรอื่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ๒. ตัวชวี้ ัด ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา ม.๒/๘ มีมารยาทในการเขียน ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยายได้ ๒. นกั เรยี นสามารถเขียนพรรณนาได้ ๓. นกั เรยี นสามารถเขียนเลา่ เรอ่ื งได้

ใบความรทู้ ี่ ๑ ๓ เรอ่ื ง โวหารการเขยี น ความหมาย โวหาร หมายถึง ชัน้ เชงิ หรือสานวนแต่งหนงั สอื ประเภทโวหารในการเขยี น โวหารหลักในการเขียนมี ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ บรรยายโวหาร และพรรณนาโวหาร ๑. บรรยายโวหาร คือ การเขียนเล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กัน เพื่อให้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เช่น ให้รู้ว่าใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ฯลฯ ลักษณะของภาษาทใี่ ชจ้ ะกระชับและตรงไปตรงมา ตัวอย่าง : “เด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่งดูแลฝูงแกะอยู่ใกล้ป่าทึบไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ไม่นานเขาก็พบว่าชีวิตในทุ่งเลี้ยงสัตว์นั้นช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ความบันเทิงเท่าที่ทาได้ มีเพียงคุยกับเจ้าหมาและเป่านกหวดี เล้ียงแกะของเขาไปเรือ่ ยเปอ่ื ย” (อีสป : เดก็ เลยี้ งแกะ) ๒. พรรณนาโวหาร คือ การเขียนที่มุ่งให้รายละเอียดภาพ เพื่อให้ผู้รับสารเห็นภาพ และร้สู กึ คล้อยตามได้หรือเกิดจนิ ตภาพ ลกั ษณะของภาษาทใี่ ช้จะเป็นภาษาท่ไี พเราะ สละสลวย และไม่กระชับ อีกท้งั นยิ มใชภ้ าพพจน์ตา่ ง ๆ ในการเขียน ตัวอย่าง : “อากาศยามเช้าในสวนของคฤหาสน์บดินทราช... ดูสดใส ผีเสื้อแสนสวย กรีดปีกระยับในสายแดดอ่อนยามเชา้ จากดอกหน่ึงไปทด่ี อกไมน้ านาพันธอุ์ ีกหลาย ๆ ดอก สขี อง กุหลาบปักกิ่ง ... แดงสดสว่างจ้าตัดกับสีเขียวสดของสนามหญ้า ประกายของน้าค้างต้องแดด วาววับราวกับอญั มณีเรี่ยรายอยูบ่ นพื้นสนาม” (วาณิช จรุงกจิ อนนั ต์ : ซอยเดยี วกนั ) นอกจากโวหารหลักในการเขียนที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีโวหารอื่น ๆ ที่ใช้ในการเขียน อกี ๓ ประเภท ได้แก่ อปุ มาโวหาร สาธกโวหาร และเทศนาโวหาร - อุปมาโวหาร คือ โวหารที่ใช้ในการเขียนเพื่อเปรียบเทียบสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าเหมือนกับ อกี สง่ิ หน่งึ - สาธกโวหาร คือ โวหารที่มีการยกตวั อยา่ งประกอบ เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหาหรอื เรอ่ื งราวชดั เจนมากย่ิงขน้ึ - เทศนาโวหาร คือ โวหารที่มีเรื่องราวหรือเนื้อหามุ่งเน้นไปที่การสั่งสอน โน้มน้าวใจ ใหผ้ ูอ้ ่านรสู้ ึกคลอ้ ยตาม และอยากปฏบิ ัติตาม

แบบฝึกท่ี ๑ ๔ เรอื่ ง โวหารการเขียน คาช้ีแจง จงบอกว่า ขอ้ ความท่กี าหนดใหต้ ่อไปนี้ใช้โวหารการเขียนประเภทใด ๑. เมื่อสุนัขตกจากสะพานชารุดสู่ลาน้า มันรีบว่ายขึ้นฝ่ัง เชิดหน้า สะบัดขน ไม่บ่นว่า หรือด่าทอ สะพานและก็ไม่ร้องขานแก้ตัว ไม่มีสัตว์โลกชนิดใดเลยที่จะแก้ตัวให้กับความผิดพลาดของมัน มันจะทาในสิ่งที่เหมาะสมกว่า นั่นคือ เริ่มต้นใหม่อย่างไม่ประมาท เมื่อผิดพลาดอย่าพะวงถึงการ แกต้ ัว เดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปของชวี ิตอยา่ งไมป่ ระมาทจะดีกว่า .................................................................................................................................................................................................................. ๒. ในคนื ท่ีจนั ทรโ์ อดโฉม แสงนวลสีฟ้าของมันจะสอ่ งเขา้ มาแทนแสงแดด แตใ่ นยามใกล้รุ่งอย่างน้ี ฉันเห็นมันเป็นกรอบสีเทาจาง ๆ อยู่ในความมืดสลัวเมื่อมองผ่านเพดานมุ้งออกไป แต่อีกไม่นานนัก สีเทาจาง ๆ นจ้ี ะแปรเปน็ สีขาวสวา่ งเร่ืองเต็มกรอบกระจก พรอ้ ม ๆ กับแสงตะวนั ท่ีคอ่ ย ๆ จดั จา้ นขึ้น จนลบความมืดมนในหอ้ งแถวใหห้ มดไป ทุกเช้าทฉ่ี ันลืมตาต่นื ฉนั ชอบมองเพ่งไปทช่ี อ่ งกระจกน้ี .................................................................................................................................................................................................................. ๓. เมอ่ื แสงแรกของวันเร่ิมทอประกาย สายน้าทด่ี ูสงบน่งิ มาตลอดคา่ คนื กค็ ่อย ๆ มคี วามเคลอื่ นไหว อีกครั้ง เรือไม้ลาเล็กที่มีพระสงฆ์ซึ่งห่มจีวรสีเหลืองทองพายช้า ๆ มาเพียงลาพัง เรือลาน้อยเข้าใกล้ ฝั่งมาเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าญาติโยมแต่งตัวหลากสีสวยงามขอนิมนต์ให้มารับบิณฑบาต สายน้าแห่ง นี้ก็คือทางสัญจรหลักของทั้งเรือผลไม้จากสวน เรือก๋วยเตี๋ยว เรือผัดไทย เรือกาแฟ และเรืออะไร ต่อมอิ ะไรอกี มากมาย .................................................................................................................................................................................................................. ๔. พระไชยเชษฐ์เปน็ พระโอรสเจ้าเมืองเหมันต์ มีพระสนมอยู่ ๗ องค์ วันหน่งึ พระองคเ์ สดจ็ ประพาส ป่า และหลงทางเข้าไปในสวนเมืองสิงหล นางสุวิญชามาเที่ยวชมสวนพบพระไชยเชษฐ์จึงนาความ ทูลให้ท้าวสิงหลทราบ ท้าวสิงหลโปรดให้พระไชยเชษฐเ์ ข้าเฝ้า พระไชยเชษฐจ์ ึงทลู ขอรับราชการ ในเมืองสิงหล ต่อมามีข้าศึกยกทัพมาตีเมืองสิงหล พระไชยเชษฐ์อาสาสู้ศึกจนชนะ ท้าวสิงหลจึง ทรงยกนางสุวญิ ชาใหเ้ ปน็ พระชายาพระไชยเชษฐ์ พระไชยเชษฐจ์ งึ พานางสวุ ญิ ชากลบั เมืองเหมันต์ .................................................................................................................................................................................................................. ๕. มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ณ เวลานั้น ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีผ้าดาผืนใหญ่ล้อมรอบโลกเราอยู่ ดาวดวง ใหญน่ อ้ ยแข่งกันสอ่ งแสงระยบิ ระยับแพรวพราวบนผ้าดาสนิทผนื นน้ั งดงามจบั ใจฉันเหลอื เกนิ ..................................................................................................................................................................................................................

๕ ๖. ผัดไทย หรือเดิมที่เรียกว่า \"ก๋วยเตี๋ยวผัด\" จุดเริ่มต้นของอาหารจานนี้เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ ๒ ผู้นารัฐบาลในขณะนั้นต้องการให้มีความเป็นชาติยม จึงมีความคิดสรรค์สร้างอาหาร ประจาชาติขึ้นมา ข้าวสารมีราคาแพงจึงอยากให้หันมากินเส้นก๋วยเตี๋ยวทดแทน และใช้วัตถุดิบท่ี หาไดจ้ ากท้องถิ่นภายในประเทศ จงึ ไดเ้ กดิ ก๋วยเต๋ยี วผดั และด้วยรสชาตทิ ่ีเป็นเอกลักษณ์ทาให้เป็น ท่ถี ูกปาก และแพรห่ ลายไปอยา่ งรวดเร็ว คนไทยจงึ เรียกกนั ตดิ ปากว่า \"ผัดไทย\" .................................................................................................................................................................................................................. ๗. ปงิ ปงิ เป็นช่อื ของเจา้ แมวเหมยี วของฉันซึ่งเป็นสายพนั ธไ์ุ ทย ปิงปงิ มรี ูปร่างขนาดไมใ่ หญ่มากนัก น้าหนักประมาณ ๒ กิโลกรัม หัวของปิงปิงกลมดั่งกับลูกเทนนิส และหางของมันม้วนคล้ายกับขนม เค้กโรล ขนของมันเป็นสีส้มสลับขาวเหมือนจิตรกรได้แต่งแต้มสีบนผ้าขาว แลดูสวยงามสะอาดตา ตาของเจ้าปิงปิงกลมโตสีฟ้าราวกับน้าทะเล ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้าปิงปิงโกรธขึ้นมาตาของมันก็จะเปลี่ยน จากสฟี า้ เป็นสเี ขียวมรกตราวกบั ตาเสอื นั่นเอง .................................................................................................................................................................................................................. ๘. เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดพะเยาสามารถปลูกหอมจีนหรือที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปเรียกว่าหอม แบ่งเพื่อจาหน่ายให้กับลูกค้า หอมจีนที่ปลูกที่พะเยาเป็นที่ต้องการของตลาด และจาหน่ายได้ ในราคาที่สูง เนื่องจากคุณภาพของต้นหอมที่สามารถเก็บได้นาน ซึ่งน่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่ดี เกษตรกรในพื้นที่จะจาหน่ายต้นหอมให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางมารับซื้อถึงในสวนอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายไดใ้ หก้ บั ชาวบ้านเปน็ อย่างมาก .................................................................................................................................................................................................................. ๙. ถ้าหากว่า เหงื่อและน้าตา ตลอดจนชีวิตของมนุษย์ที่ถูกเกณฑ์เอามาสร้างนครวัดน้ี สามารถ ตกั ตวงเอาไว้ได้ เหง่ือนา้ ตาและชีวิตนั้นก็คงจะท่วมทน้ คูทลี่ ้อมรอบนครวัดน้อี ยู่ เสยี งลมทพี่ ัดเข้ามา ทางช่องทวารศิลา และแล่นไปตามระเบียงมืดดังเหมือนเสียงสะท้อนของเสียงโหยหวนด้วยความ เจบ็ ปวดเมอื่ พนั ปีมาแลว้ เสยี งคา้ งคาวกระพอื ปีกและเสียงค้างคาวร้อง ฟงั ดูเหมอื นเสียงคนกระซิบ กระซาบปรับทุกขก์ ันด้วยความเหนื่อยออ่ นและเมื่อยล้า .................................................................................................................................................................................................................. ๑๐. นับแต่โบราณผู้คนรู้จกั ใช้เส้นเชอื กภาพวาดและเครื่องหมาย เพื่อใช้ในการจดบนั ทึกส่ิงต่าง ๆ เมื่อล่วงเวลานานเข้าจงึ เกิดวิวฒั นาการกลายเป็นตัวอักษร สาหรับศลิ ปะในการเขียนตัวอักษรจีนนนั้ ได้ถือกาเนิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับตัวอักษรจีน ดังนั้นการจะศึกษาถึงศิลปะในการเขียนตัวอักษรจีน จงึ ต้องทาความเขา้ ใจถึงความเปน็ มาของตัวอกั ษรควบค่กู ันไป .................................................................................................................................................................................................................

ใบความร้ทู ่ี ๒ ๖ เรอ่ื ง การเขยี นบรรยาย การเขียนบรรยาย การเขียนบรรยาย คือ การเขียนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ไปตามลาดับเหตุการณ์ เป็นการ เขียนที่มุ่งความชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้และความเข้าใจ ผู้เขียนควรใช้ภาษาที่ กะทัดรดั ตรงไปตรงมา อา่ นเขา้ ใจงา่ ย และกล่าวถึงแตส่ าระสาคญั หลักการเขียนบรรยาย ๑. เขยี นเฉพาะสาระสาคญั ไมเ่ ย่ินเย้อ ไมเ่ ขียนหลดุ จากสาระสาคญั ท่ีตัง้ ประเด็นไว้ ๒. ผู้เขยี นจะต้องมีความรู้เกย่ี วกบั เรอื่ งทีเ่ ขยี นเป็นอย่างดี ๓. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ใช้คาน้อยแต่กินความมาก และเร้าความสนใจของผู้อ่านให้ ติดตามอ่านตงั้ แต่ตน้ จนจบ ๔. เรียบเรียงความคิดให้เป็นระเบียบต่อเนื่องและมีความสัมพันธ์กัน นาเสนออย่าง ตรงไปตรงมา ตัวอย่างการเขียนบรรยาย ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาหลายศตวรรษแล้ว แต่แรกภูเขา นี้เป็นที่เคารพบูชาของชนพื้นเมืองเผ่าไอนุซึ่งปัจจุบันยังอยู่ตามหมู่เกาะฮอกไกโด ซึ่งเป็นเกาะ ใหญ่ที่อยู่เหนือสุดชาวไอนุขนานนามภูเขานี้ตามชื่อเทพธิดาว่า “ฟูชิ ” (Fuchi) ผู้เป็นเทพธิดา แห่งอัคคี ชาวญี่ปุ่นยังคงนับถือภูเขาไฟฟูจิต่อมา และเรียกชื่อตามที่พวกไอนุตั้งไว้ บรรดาผู้ นับถอื ศาสนาชินโตเชื่อวา่ ในธรรมชาตทิ กุ รูปแบบจะมีเทพ หรือกามิ (Kami) สถิตอยู่ แตเ่ ทพที่ สถิตในภูเขาจะศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ ภูเขาฟูจิซึ่งสูงที่สุดและงามที่สุดในประเทศจึงได้รับความ เคารพเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นสถานที่สถิตของทวยเทพ เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างความ ลึกลบั ของสวรรค์ และความเป็นจริงของโลกมนษุ ย์ (เกศกานดา จตุรงคโชค : โลกพิสดาร แดนพิศวง)

แบบฝกึ ที่ ๒ ๗ เร่อื ง การเขยี นบรรยาย คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขียนบรรยายใน หวั ข้อ “การเรียนออนไลน์ในยคุ โควดิ -๑๙” โดยมีความยาวไมน่ ้อย ๑๐ บรรทดั _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________

ใบความรทู้ ่ี ๓ ๘ เรื่อง การเขยี นพรรณนา การเขียนพรรณนา การเขียนพรรณนา หมายถึง การเขียนที่เรียบเรียงถ้อยคาเพื่อให้รายละเอียดในเรื่องใด เรื่องหนึ่งไม่ว่าบุคคล สัตว์ พืช วัตถุ สถานที่หรือเหตุการณ์ โดยเน้นให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านนึกเป็น ภาพท่ีเดน่ ชดั และเกิดอารมณค์ วามรสู้ กึ ตามท่ีผู้สง่ สารมุ่งหมาย หลกั การเขียนพรรณนา ๑. วิเคราะห์สิ่งที่จะพรรณนาอย่างละเอียดว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ส่วนใดเป็นลักษณะเด่น ส่วนใดเป็นลักษณะประกอบซึ่งเสริมลักษณะเด่น ลักษณะเด่นและลักษณะประกอบมีความ เกย่ี วเน่ืองกนั อยา่ งไร ๒. เขียนพรรณนาลักษณะเด่นตามลาดับความสาคัญหรือลาดับความมากน้อย ใหญ่-เล็ก เช่น พรรณนาลักษณะบุคคล ควรกล่าวถึงเรือนร่าง ใบหน้าและเครื่องแต่งกาย ตามลาดับ พรรณนาต้นไม้ โดยทั่วไปมักกล่าวถึงลาต้นก่อนดอกและใบ แต่ถ้าต้องการเน้นสิ่งใดเป็นพิเศษ กก็ ลา่ วถึงสงิ่ นั้นกอ่ น หรือขยายความใหม้ ากกวา่ สงิ่ อ่นื ๓. การคัดสรรถ้อยคาที่เหมาะสมท้ังเสยี งและความหมาย ใหค้ วามร้สู กึ ทลี่ ึกซึ้ง ทาให้เหน็ ภาพหรือได้ยินเสียงอีกด้วย โดยเฉพาะคานาม คากริยา และคาวิเศษณ์ ควรเลือกเฟ้นอย่าง พถิ ีพิถันใหส้ อดคลอ้ งกบั เนอื้ ความ ๔. ใช้ภาพพจน์ต่าง ๆ เช่น อุปมา อุปลักษณ์ บุคลาธิษฐาน สัทพจน์ เพื่อให้ผู้อ่าน มองเห็นภาพและเร้าอารมณ์ความรสู้ ึกของผูอ้ า่ น ตวั อยา่ งการเขียนพรรณนา แม่น้าบางปะกงยามสนธยา เป็นภาพที่ประทับใจอย่างยิ่ง ดวงอาทิตย์ลับทิวไม้ไปแล้ว ลมเย็นพัดมาเบา ๆ อากาศบริสุทธิ์ไร้มลพิษต่างกับอากาศกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่น ๆ น้าใน แม่น้าไหลเรื่อยเอื่อย ไม่มีคลื่นโยนมาเหมือนแม่น้าเจ้าพระยา สองฟากฝั่งแม่น้าเต็มไปด้วยต้น ลาพนู และกอจาก มองดเู ขียวสดชน่ื ทาให้จิตใจสงบ ชายชราพายเรือสาปน้ั ลาน้อยลอยเคล่ือนผ่าน ท่าน้าหน้าไปช้า ๆ ท่าทีสบายอกสบายใจไร้กังวล กล้วยเครืองาม ๆ ในลาเรือคงจะเป็นผลิตผลอัน น่าภูมิใจจากน้าพกั น้าแรงที่ลงทุนลงแรงปลูกและรดนา้ พรวนดนิ มา เรือน้อยพ้นคุ้งน้าไป เป็นภาพ ผ่านลับสายตา แม่น้าบางปะกงยังคงไหลระเรื่อย เหมือนมีมนต์ขลังสะกดสรรพสิ่งโดยรอบให้สงัด สงบ ธรรมชาติริมฝั่งน้าในชนบทอื่น ๆ ก็คงเป็นเช่นนี้ แต่ไฉนผู้คนจึงดิ้นรนขวนขวายไปอยู่กรุง กันนัก

แบบฝึกที่ ๓ ๙ เรื่อง การเขยี นพรรณนา คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเขียนพรรณนาสถานท่ีท่องเทย่ี ว พร้อมทง้ั ตง้ั ช่ือเร่ือง โดยมีความยาว ไมน่ ้อยกว่า ๕ บรรทดั _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________ _____________________________________________________________________

เฉลยแบบฝกึ ๑๐ • แบบฝกึ ที่ ๑ เร่อื งโวหารการเรียน ๑. บรรยายโวหาร ๒. พรรณนาโวหาร ๓. พรรณนาโวหาร ๔. บรรยายโวหาร ๕. พรรณนาโวหาร ๖. บรรยายโวหาร ๗. พรรณนาโวหาร ๘. บรรยายโวหาร ๙. พรรณนาโวหาร ๑๐. บรรยายโวหาร • แบบฝึกที่ ๒ เรื่องการเรยี นบรรยาย ข้ึนอย่กู บั ดลุ ยพนิ ิจของครผู ้สู อน • แบบฝึกที่ ๓ เรือ่ งการเรยี นพรรณนา ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผ้สู อน

แบบทดสอบหลงั เรียน ๑๑ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นทาเครือ่ งหมายกากบาททับตวั เลอื กที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงตวั เลือกเดยี ว ๑. ข้อความต่อไปน้ใี ช้โวหารตามข้อใด ไอ้เหลาผอมแห้งแกร่งกรัง เน้ือหนังเห่ียวย่นยังกะผิวลูกมะระแห้ง ตัวเล็กขนาดเด็ก ประถมปลาย ตัดผมส้ันเกรียนทรงนักเรียน มีหงอกแซมประปราย เค้าหน้าเหมือนตัวป๊อป อายหนังการ์ตูน ตาต่ีเล็กเท่าเม็ดแตงโม เวลาย้ิมหรือหัวเราะหนังตาแทบจะปิดหากันจนสนิท ปากกว้างดัง้ แฟบ และฟนั หนา้ ตอนบนหายไปหมด ก. พรรณนาและอปุ มา ข. พรรณนาและสาธก ค. บรรยายและอุปมา ง. บรรยายและสาธก ๒. ข้อความต่อไปน้ีใช้โวหารใดในการเขียน ถ้าเธอไม่อยากอยู่กับฉันจริง ๆ ยินยอมทุกสิ่งให้เธอทิ้งไป ฉันขอแค่เพียงให้เวลา หน่อยได้ไหม อยากเล่านิทานให้ฟัง ชาวนาคนหนึ่งมีชีวิตลาพัง ไปเจองูเห่ากาลังใกล้ตาย สงสารจงึ เกบ็ เอามาเล้ียงโดยไม่รู้สดุ ท้ายจะเปน็ อย่างไร คอยดแู ลด้วยความจรงิ ใจ หว่ งใย และ คอยให้ความรักเป็นกังวลว่ามันจะตาย เฝ้าคอยเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายชาวนาผู้ชายใจดี ด้วยความที่เขาไว้ใจ น่าเสียดายกลับต้องตายด้วยพิษงู นิทานมันบอกให้ยอมรับความจริงว่า มีบางสงิ่ ไม่ควรไวใ้ จ อะไรบางอยา่ งทที่ าดีสกั แคไ่ หน ไมเ่ ชอื่ ง ไมร่ กั ไมจ่ รงิ ก. พรรณนาและอปุ มา ข. พรรณนาและสาธก ค. บรรยายและอปุ มา ง. บรรยายและสาธก ๓. ข้อใดมลี กั ษณะเป็นการเขียนแบบบรรยาย ก. ฝนฟา้ กระหน่าพายุซา้ กรรโชก ข. แสนวิปโยคอนิจจาน้าตาเอย๋ ค. ทกุ สิ่งลว้ นไม่เปน็ เหมือนเช่นเคย ง. ตวั เราเอยแสนอาภัพอบั ปัญญา

๑๒ ๔. ข้อใดเป็นการเขียนแบบบรรยาย ก. นา้ ตกช่วงสุดทา้ ยยงั พ่งุ ลงมาเป็นสายกระทบลานหินกว้างสะทอ้ นแสงตะวนั งาม ระยบั ตา ข. นา้ ตกสายนีม้ เี สน่ห์ตดิ ตาตรงึ ใจผู้มาเยือนดว้ ยสายธารท่ีตกลงมาไหลรินโอบกอด ลานหิน ค. นกั ท่องเท่ียวจะไดต้ ืน่ ตากับฝูงผเี สอ้ื ทบ่ี นิ วนเวียนเหนอื นา้ ตกราวกบั กลีบดอกไม้ โปรยปราย ง. หนมุ่ สาวนิยมมาเท่ยี วพกั ผ่อนหยอ่ นใจที่น้าตกแห่งนี้ จงึ ขนานนามน้าตกนีว้ ่า “น้าตกลานรัก” ๕. ข้อใดใช้บรรยายโวหาร ก. ทวิ แถวของสนทะเลโค้งขนานไปตามความยาวของหาดทรายทะเลจนี ใต้ กระเพื่อมผืนอยใู่ นเวิ้งความมดื ข. หลังจากทผ่ี ีเสื้อทง้ั ฝูงบนิ ข้ึนไปหมนุ วนอยู่ในท้องฟา้ เหนือหมู่บา้ นแลว้ ทองอินทร์ จงึ ถลาเข้าไปในสวนดอกไม้ ค. ความใฝ่ฝนั ของฉนั ในวันนัน้ ทาใหช้ วี ติ ฉนั พลดั หลงอยู่ในป่าพรุแห่งความทกุ ข์ อนั ลกึ ลา้ ราวไม่มีท่ีส้นิ สุดเช่นนี้ ง. กล่ินลมหายใจของอันดามันแผร่ ะลอกมากลบกลืนกล่ินหอมของพืชพันธ์ุใน ทะเลสาบท่ีระเหยออกมาจากกายของชาย ๖. ข้อใดไมใ่ ช่การเขยี นแบบบรรยาย ก. ปลาหนกั สามสบิ กโิ ลกระแทกผิวน้าเสยี งดัง มนั หงายท้องข้ึนมาอยู่ครหู่ น่ึงกอ่ น พลิกกลบั แลว้ ผลุบหายลงสใู่ ตน้ ้า ข. พ่อครวั รีบปีนขน้ึ หลังคา อมุ้ ไอ้โต้งลงมาล่ามไว้ หยบิ ผ้าขนหนอู อกมาเช็ดขน ใหม้ นั ค. รถยนต์คันหน่ึงเล้ยี วจากถนนใหญ่เข้ามาในซอยและจอดอยู่ใกล้ปากทางหลาย นาที ง. เขายังจาใบหน้าทา่ ทางของเธอได้อย่างตดิ ตา เธอเป็นคนอ้วน หนา้ อ่มิ แกม้ แดงเรอ่ื เหมือนดอกหงอนไก่บาน

๑๓ ๗. ข้อใดเป็นการเขียนพรรณนา ก. จามจรุ ีเป็นไม้ยนื ตน้ ท่ีมกี ่ิงก้านสาขาแผ่กว้างประดุจรม่ ขนาดใหญ่ ให้ร่มเงาและความ ร่มเย็นสดชน่ื ข. กะเพรามีสรรพคณุ ช่วยลดอาการจุกเสียดแนน่ ท้อง ชว่ ยป้องกนั มะเร็งและโรคหัวใจขาด เลือดได้ ค. แคคตสั เปน็ พืชที่อยใู่ นกลมุ่ ของไม้อวบนา้ สามารถเกบ็ น้าหรือความชื้นไว้ในส่วนต่าง ๆ ของลาต้นได้ดี ง. การตัดแต่งก่ิงไมพ้ ุ่มออกไปบา้ งจะทาให้สดั ส่วนของอาหารทีส่ ะสมในต้นไมเ้ หมาะกับการ ออกดอกออกผล ๘. ข้อใดไมใ่ ช้พรรณนาโวหาร ก. ดวงอาทิตยส์ ีสนั กลมโตกาลังโผล่ขึ้นเหนอื พ้ืนน้า ทอ้ งฟา้ เริ่มมีสชี มพูเรอื่ ตัดกับนา้ ทะเล สีครามใส ข. กาแพงน้าโถมปะทะต้นไมร้ ิมฝ่ัง น้าพงุ่ สูง ซดั ต้นไมใ้ หญโ่ ค่นล้มชว่ั พรบิ ตา ค. เมฆสดี าเปน็ กล่มุ กอ้ นซบั ซอ้ น เคลื่อนไหวรวดเรว็ ปัน่ ปว่ นหมุนวนไมเ่ ป็นทิศ ง. สายลมเยน็ พดั ผา่ นชายน้าฝงู ปลาวนเวียนกันเข้ามาตอดอาหาร นกกระเต็นโผบนิ จาก ฟากนนู้ ไปฟากโนน้ ๙. ข้อใดเป็นการเขยี นแบบพรรณนา ก. ชายทะเลทอดเปน็ แนวยาวสดุ ลูกหลู ูกตา ทรายสขี าวตดกับนา้ ทะเลสเี ขยี ว ข. แนวปะการังดา้ นหน้าเปน็ ทอี่ าศัยของฝงู ปลาเล็ก ๆ หลากสี ค. นักประดาน้าต่างว่ายวนไปมาเพอ่ื ชื่นชมความงามของปะการังและปลา ง. เรอื ทองเที่ยวขนาดกลางจอดรออยู่เหนอื นา้ ๑๐. ข้อใดเป็นการเขียนแบบพรรณนา ก. คนหาปลาออกจากกระท่อมแตเ่ ช้าตรู่ คล้องแหไว้กับท่อนแขน สะพายข้องตรงไปยัง ชายน้า ข. คนหาปลาเดินเทา้ เปล่าไปพร้อมแหในมอื ตาจอ้ งตรงไปยังผิวน้าเบือ้ งหนา้ อยา่ งสงบ ค. ในม่านแสงสดุ ท้ายของดวงตะวนั คนทอดแหยืนเปน็ เงาดาทะมนึ อยรู่ ิมชายนา้ ง. นักท่องเทยี่ วเฝ้าสงั เกตการทอดแหอยา่ งตั้งใจ กอ่ นจะเขา้ ไปขอดวู ่าปลาในแหมกี ต่ี ัว

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น ๑๔ ๑. ก ๒. ง ๓. ค ๔. ง ๕. ข ๖. ง ๗. ก ๘. ง ๙. ก ๑๐. ค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook