Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาพื้นฐานงานประดิษฐ์

วิชาพื้นฐานงานประดิษฐ์

Published by pangeiei2551, 2022-03-27 11:14:51

Description: วิชาพื้นฐานงานประดิษฐ์

Search

Read the Text Version

วชิ า พื้นฐานงานประดษิ ฐ์ 20400-1003 ครูผสู้ อน คณุ ครรู ตั นพร แสงกล้า วิทยาลยั อาชวี ศึกษาพลาญข่อย

วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาพลาญข่อย ตาบลช่องเมก็ อาเภอสิรินธร จงั หวดั อุบลราชธานี จุดประสงค์รายวชิ า 1. เขา้ ใจเกี่ยวกับพ้นื ฐานงานประดิษฐ์ดอกไมส้ ด ใบตองและแกะสลักผัก ผลไม้ และงานประดิษฐ์ ตามสมยั นิยม 2. สามารถประดิษฐ์ งานดอกไม้สด งานดอกไม้ประดษิ ฐ์ งานใบตองและแกะสลักผกั ผลไม้ และงาน ประดษิ ฐ์ตามสมัยนยิ ม 3. มเี จคติและกจิ นสิ ยั ที่ดีในการทางาน ปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณตี รอบคอบ ปลอดภัย ใช้ทรพั ยากรอยา่ งประหยดั และรักษาสิ่งแวดล้อม สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ ก่ียวกับพนื้ ฐานการประดษิ ฐ์ งานดอกไมส้ ด งานใบตองและแกะสลกั ผัก ผลไม้ และ งานประดิษฐ์ตามสมัยนยิ ม 2. ประดษิ ฐ์ดอกไมส้ ด งานใบตอง งานแกะสลกั ตามลักษณะงาน 3. งานประดษิ ฐ์ตามสมัยนยิ ม ตามลกั ษณะงาน คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบตั เิ ก่ยี วกบั พนื้ ฐานงานประดิษฐ์ งานดอกไม้สด งานใบตอง งานแกะสลกั ผัก ผลไม้ และงาน ประดิษฐต์ ามสมัยนิยม การวดั ผลและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารประเมินผลตามระเบยี บฯ คะแนนเต็ม 100 คะแนน แบ่งเป็น 1. คะแนนจิตพิสัย 10 คะแนน 4.0 หมายถึง ผลการเรียนดเี ยย่ี ม ช่วงคะแนน 80 ข้นึ ไป 2. คะแนนระหว่างภาค 45 คะแนน 3.5 หมายถึง ผลการเรยี นดมี าก ชว่ งคะแนน 75-79 3. คะแนนปลายภาค 45 คะแนน 3.0 หมายถงึ ผลการเรียนดี ชว่ งคะแนน 70-74 2.5 หมายถึง ผลการเรยี นดีพอใช้ ชว่ งคะแนน 65-69 2.0 หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ ช่วงคะแนน 60-64 1.5 หมายถงึ ผลการเรยี นอ่อน ชว่ งคะแนน 55-59 1.0 หมายถงึ ผลการเรียนออ่ นมาก ช่วงคะแนน 50-54 0 หมายถึง ผลการเรยี นตก ช่วงคะแนน ตา่ กวา่ 50 ลงชอื่ ......................................................... ( นางสาวรัตนพร แสงกลา้ ) ครปู ระจาวชิ า



ความรเู้ บ้อื งตน้ ในงานใบตอง ในอดตี ทผี่ า่ นมา มนุษย์เราพยายามทจ่ี ะเรียนรู้ทจ่ี ะดารงชีวติ อยูท่ ่ามกลางธรรมชาติ โดยเน้นความ กลมกลนื ในรปู แบบของการพ่ึงพาอาศัยซ่งึ กันและกัน รู้จักการหาวัสดุธรรมชาตมิ าปรงุ แต่งชวี ติ ความเป็นอยภู่ ายใต้ กรอบของการรบั และ การให้อย่างเหมาะสม ส่ิงของเครือ่ งใชต้ ่างๆ ซ่ึงมนษุ ย์ได้ดดั แปลงมาจากธรรมชาตลิ ว้ น แล้วแตจ่ ะมีการนาไปใชใ้ หเ้ หมาะสม และมีความสมดุลกับธรรมชาติ เม่อื มนษุ ย์เราได้คดิ นาใบตอง ใบไม้ต่างๆมา ใช้หอ่ ขนมและอาหารตา่ งๆเพ่ือใช้ในชวี ติ ประจาวัน ตลอดจนการคดิ ประดษิ ฐช์ นิ้ งานให้มีรปู ร่าง รปู ทรงสวยงาม และประณีตย่งิ ขึ้น ศิลปะงานใบตองเรม่ิ มมี าตงั้ แตส่ มยั ใดไม่ปรากฏหลกั ฐานทีแ่ นช่ ดั มใี ชเ้ ฉพาะ เปน็ สว่ นประกอบ ของงานดอกไม้ และใชเ้ ป็นภาชนะ ใสข่ นม และใส่อาหารเท่าน้ัน ในสว่ นของวฒั นธรรม งานฝีมอื ต่างๆ ที่บ่งบอก ถึงความเป็นเอกลักษณ์ไทย ตอ้ งยอมรบั วา่ บรรพบรุ ุษของเราชา่ งคดิ ช่างประดิษฐ์ ผลงานอันสวยงามและ ทรงคณุ คา่ เอาไวใ้ ห้เยาวชนรุ่นหลังไดเ้ ห็นและเรยี นรู้กัน ผลงานเหลา่ นนั้ เพอื่ ช่วยกันพฒั นาฝีมอื ใหค้ งอยู่สืบไปการ นาวสั ดใุ นธรรมชาตมิ าใช้ เชน่ งานการแกะสลกั จากไม้ ผกั และผลไม้ งานจกั สานหรืองานประดิษฐ์ดอกไม้ ใบตองท่ี มีอยู่อยา่ งเพียงพอมาแปรเปล่ียนเป็นงานศลิ ป์ อนั สุนทรีย์ คงช่วยให้วสั ดุเหล่านน้ั ไม่สูญสลายหายไป ความหมาย ของ“บายศรี”นั้นสนั นิษฐานวา่ ไดร้ บั อิทธิพลมาจาก ลัทธิพราหมณ์ ซ่ึงเข้ามา ทางเขมร ท้ังนีเ้ พราะ คา วา่ “ บาย ” ภาษาเขมร แปลวา่ ขา้ วสกุ ภาษาถิ่นอสี าน แปลวา่ จบั ตอ้ ง สมั ผัส สว่ นคาวา่ “ศร”ี มาจากภาษา สันสกฤต ตรงกับ ภาษาบาลวี า่ “ สิริ ” แปลว่า มิง่ ขวญั ดงั นัน้ คาวา่ “บายศรี” หนา้ จะ แปลไดว้ ่า ขา้ วขวัญ หรือ ส่งิ ทนี่ ่าสมั ผสั กบั ความดงี าม “ บายศรี ” ในพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน แปลว่า ขา้ วอนั เป็นสริ ิ, ขวัญขา้ ว หรอื ภาชนะทจี่ ดั ตกแตง่ ใหส้ วยงามเปน็ พิเศษ ด้วยใบตอง และดอกไม้สด เพอ่ื เปน็ สารับใส่อาหารคาวหวานในพธิ ี สงั เวยบชู า และพธิ ที าขวญั ตา่ งๆ สมัยโบราณ มีการเรยี กพิธี ส่ขู วญั ว่า “ บาศรี ” ทง้ั นส้ี ืบเนอ่ื ง มาจากเปน็ พธิ ี สาหรับบุคคล ชน้ั เจ้านาย เพราะคาวา่ “บา” เป็นภาษาโบราณ อสี านใชเ้ ป็น คานาหน้า เรยี กเจา้ นาย เช่น บาท้าว บาบา่ ว บาคราญ เปน็ ต้น ส่วนคาวา่ “ ศรี ” หมายถงึ ผ้หู ญิงและ สง่ิ ที่เปน็ สริ มิ งคล “ บาศรี ” จึงหมายถึง การทา พธิ ีท่ี เป็นสิริมงคล แต่ปจั จุบนั น้ี คาวา่ บาศรี ไม่คอ่ ยนยิ มเรียกกนั แลว้ มกั นิยมเรียกวา่ “ บายศรี ” บายศรีจะเรยี ก เป็นองค์ มีหลายประเภท เช่น บายศรเี ทพ บายศรพี รหม เปน็ ต้น ส่วนต่างๆ ทป่ี ระกอบกันเป็นบายศรีมคี วามหมาย ในทางดี เชน่ กรวยขา้ ว หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ใบชยั พฤกษห์ รือใบคูน อายุยืนยาวดอกดาวเรือง ความ เจริญรุ่งเรือง ดอกรัก ความรักทม่ี นั่ คง

ประโยชนข์ องงานใบตอง คุณคา่ ของงานใบตองนนั้ มมี ากมายท้งั ในชีวติ ประจาวัน โอกาสพเิ ศษและการธรรมรงศลิ ปะวฒั นธรรมและ ประเพณไี ทย ตลอดจนช่วยให้เกดิ ความสขุ ทางใจและยังเปน็ อาชีพได้ 1. ประโยชน์ในชีวิตประจาวนั 1.1 ใชใ้ สอ่ าหาร หอ่ อาหาร ห่อขนม ห่อของ หอ่ ผัก หอ่ ดอกไม้ ช่วยใหส้ ดทนนาน 1.2 ช่วยให้ขนมและอาหารสีสวยและมีกล่ินหอมชวนรบั ประทาน 2. ประโยชน์ในโอกาสพเิ ศษ 2.1 งานวันสาคัญ ประดิษฐภ์ าชนะใสด่ อกไม้ ขนม ผลไม้ และใส่อาหารนาไปใหบ้ ุคคล ซึง่ เคารพนบั ถือ ในวนั คล้ายวนั เกิด วนั ปใี หม่ วันขึ้นบา้ นใหม่ วนั ประสบความสาเรจ็ วนั ฉลองโชคชัย วนั เยยี่ มไข้ หรือแมแ้ ตว่ ันจากไป 2.2 งานประเพณีนิยม ชาวไทยยมประดษิ ฐ์ผลงานดอกไม้ใบตองแบบประณีตศิลปใ์ ชใ้ นงานพธิ ี เช่น พานขัน หมาก ขนั หม้นั ขนั สินสอด พานรบั น้าสังข์ บายศรี กระทงลอย ใช้ในงานต่าง ๆ ซ่ึงลว้ นแต่เป็นประเพณีที่งดงามของชาวไทยท่ีควรจะฟน้ื ฟแู ละรักษาไว้ 2.3 งานพิธีทางศาสนา เช่น พานดอกไมธ้ ูปเทียน กระทงดอกไม้ แตง่ เทียนพรรษา กระถางธูป เชิง เทียน เปน็ ต้น 3. สร้างสรรค์ศิลปะมรดกของชาติ ผลงานประณีตศลิ ปเ์ ปน็ ศิลปะมรดกแขนงหนง่ึ ท่บี ง่ บอกถึงความเปน็ ไทยเพระมี เอกลักษณ์เฉพาะตัว มคี วามละเอยี ด ประณตี อ่อนโยน มีระเบยี บ มคี วามสงา่ งาม มีความงามแบวิจติ ร พิสดาร ทีไ่ มม่ ชี าติใดในโลกมเี หมือน 4. ช่วยใหจ้ ิตใจสงบรม่ เย็น การนาใบตองมาประดษิ ฐเ์ ป็นส่ิงสวยงามย่อมนามาซึง่ ความเพลดิ เพลนิ ความสงบร่มเยน็ แหง่ จติ ใจ เพราะจติ ใจมีสมาธิ ความคดิ กเ็ กิดจติ นาการ ผทู้ ีท่ างานใบตองจะเปน็ ผทู้ ีม่ ีอารมณ์ดี คดิ

แตส่ ิ่งทีด่ งี าม อนั นามาซงึ่ ความประพฤตชิ อบ 5. เปน็ อาชพี หลกั และอาชีพรองถา้ มีใจรกั งานด้านนี้และมีงานอืน่ เป็นหลักอยู่กใ็ ช้เป็นอาชีพเสริมหรือ อาชพี รองชว่ ยเพม่ิ รายได้ ใหแ้ ก่ครอบครัว หรอื ถา้ มใี จรักมาก ๆ กใ็ ชเ้ ป็นอาชพี หลกั ได้ ( ทีม่ า : http://phatcharin402.blogspot.com/2014/08/blog-post.html ) คณุ ลักษณะของงานใบตอง สมยั กอ่ นท่ีได้รจู้ ักประดดิ ประดอยวสั ดธุ รรมชาติมาใชเ้ ปน็ ภาชนะห่อหุ้มอาหารไดอ้ ย่างวจิ ิตรสวยงาม ความสาคัญ และคุณค่างานใบตอง แบง่ ออกได้ 3 ด้าน คือ 1) คณุ ค่าทางวฒั นธรรมและสังคม ใบตองกับชีวติ ของคนไทยอยู่คู่กันมาตั้งแตย่ ุคสมยั โบราณถึงปจั จุบัน ซง่ึ มกี ารนามาประดิษฐ์เปน็ กระทง บายศรี พานขนั หมาก พานขันหม้นั ฯลฯ การประดิษฐ์งานใบตองแตล่ ะอยา่ ง ล้วนงดงาม ประณตี ความสามารถของคนไทยไม่มีชนชาตใิ ดในโลกเหมอื นซึ่งสมควรท่ีอนุชนรุน่ หลงั จะถือเป็น หน้าที่ทีค่ วรหวงแหนละรักษาไว้เป็นศิลปะและวัฒนธรรมประจาชาตสิ ืบไป 2) คณุ คา่ ทางเศรษฐกิจ การประดษิ ฐ์งานใบตองนส้ี ามารถนาไปสรา้ งรายไดใ้ ห้แก่ผู้ที่มีความสามารถ ทางด้านศลิ ปะประดษิ ฐ์ ไม่ว่าจะเป็นการนาไปประกอบอาชีพถาวร หรืออาชพี เสรมิ เช่น การทาพานบายศรี การ ประดษิ ฐ์กระทงลอย ฯลฯ 3) คณุ คา่ ทางจิตใจ ขณะในการปฏิบตั งิ าน ยอ่ มเกิดความเพลดิ เพลิน มสี มาธิ ทาใหผ้ ู้ที่ทางานดา้ นน้มี ี จิตใจเยอื กเยน็ สุขมุ เกิดความภาคภมู ใิ จในผลงานท่ีสาเรจ็ และยงั เป็นการชว่ ยดารงเอกลกั ษณค์ วาม เปน็ ไทยได้อย่างดี

การเลอื กใบตอง ทม่ี ีกันอยูห่ ลายรปู แบบ ได้แก่ ใบตองตานี ใบตองกลว้ ยนา้ วา้ ซ่ึง ใบตองแตล่ ะชนดิ นนั้ มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน ดังนัน้ จงึ ควรเลอื กใช้ใบตองที่เหมาะสมกับอาหารท่จี ะทา 1) ชนดิ ของใบตอง 1.1) ใบตองตานี ใบตองชนดิ นี้จะมีความนุ่มเหนยี ว ไมเ่ ปราะ ไม่ฉีกขาดง่าย มีความหนา พอเหมาะ มสี ีเขยี วเขม้ ปัจจุบันหายาก 1.2) ใบตองกล้วยน้าวา้ จะมีความหนานอ้ ยกว่าใบตองตานี มีความเปราะบางน้อยกว่า มีสเี ขียว อ่อน มักนาใบตองชนิดนีม้ าห่อขนมท่ีมขี นาดเลก็ 2) อายุของใบตอง ควรเลือกใบตองที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป แต่ถ้าแกเ่ กินไปใบตองจะกรอบและฉกี ขาดง่าย 3) เวลาในการตัดใบตอง ควรเลือกตัดใบตองในตอนเช้าเวลาสาย เพือ่ ให้น้าคา้ งท่ีเกาะบนใบตองแห้ง หรือตอนเยน็ พอใหใ้ บตองเรมิ่ ฟน้ื จากแดดในตอนกลางวนั ใบตองจะไม่เห่ยี ว เหมาะแกก่ ารใชง้ าน 4) วธิ ีการตัดใบตอง ควรเลอื กตดั ให้เหลอื หใู บตอง เพ่ือให้กา้ นทาหนา้ ทสี่ งั เคราะห์แสงเลี้ยงลาตน้ วธิ ีเตรยี มวัสดุ อุปกรณใ์ นการประดิษฐ์งานใบตอง ซ่ึงถือวา่ เป็นงานประณีตใช้ฝมี ือและทกั ษะความชานาญ ใบตองมีหลายชนดิ แต่ที่มคี ุณสมบัตเิ หมาะสมใน การประดิษฐท์ ่สี ุด คือ ใบตองกลว้ ยตานี วัสดุ อุปกรณ์ท่ีต้องใชใ้ นงานใบตอง จาเปน็ ต้องจดั เตรียมไว้ใหเ้ หมาะสมกบั ชนิ้ งาน และมีประสิทธภิ าพ ดังน้ี 1) ใบตองตานี มผี ิวเปน็ มนั สเี ขียวเขม้ ไมแ่ ห้งกราก เหนยี วนมุ่ ไม่เปราะ ไม่ฉีกขาดง่ายมีความหนา บางพอเหมาะ สขี องใบตองจะไม่ตกตดิ อาหารถึงแม้จะถูกความร้อน

2) กรรไกร ขนาดและรปู ร่างเหมาะมือ น้าหนักเบาและคมตลอดปลาย เวลาจบั นว้ิ ท้งั หมดเข้าชอ่ งได้ พอดี ตัดใบตองใช้กรรไกรขนาดใหญ่ ตัดดา้ ยใช้กรรไกรขนาดเลก็ 3) เขม็ มือ ถา้ งานละเอียดชิน้ เล็กมากใช้เบอร์ 9 ถ้างานปกตใิ ช้เบอร์ 7-8 เลอื กที่แขง็ แรงรูกว้างและ ตวั ยาว 4) เขม็ หมดุ ชนิดหวั มกุ ใช้ในบางครั้งทต่ี ้องการกลัด หรือตรึงให้อย่กู ับท่ชี ั่วคราว สว่ นชนิดหัวเล็กใช้ บ่อย ตอ้ งเลือกตวั ยาวและปลายแหลม 5) ไมก้ ลัด ขนาดเลก็ แหลมแขง็ แรง ใชไ้ มต้ ิดผิดหรือใกลผ้ วิ

6) ดา้ ย สีเขยี วเขม้ หรอื สีดาเบอร์ 60 ใช้สองเส้นดีกว่าเส้นเดียว เพราะใชเ้ สน้ เดียวจะมคี วามคมตดั ใบตองใหข้ าดงา่ ย 7) ผา้ ขาวบาง สาหรบั ห่อใบตองทฉี่ กี แลว้ หรอื ห่อผลงานทีแ่ ช่น้าพอแล้ว 8) ผา้ เช็ดใบตอง ใช้ผ้าฝาู ยดีกวา่ ผา้ ผสมใยสังเคราะห์ เพราะนุ่มและดดู ซึมได้ดีกวา่ 9) ไม้บรรทัด เลือกทเ่ี หน็ เสน้ ชดั เจน 10) นอกจากน้ี บางครงั้ ยังต้องใชค้ ีม ปากคบี ลวด กรรไกรตัดลวด มดี คตั เตอร์ วงเวยี น เขียง ถาด กะละมงั กระบอกฉดี น้าและภาชนะต่างๆ ตามความจาเป็นของแต่ละเร่ือง ควรจะเลือกใหด้ ีพอเหมาะท้ังขนาดและ คณุ สมบัติท่ีตอ้ งการ ( ท่มี า: https://tithichaya.wordpress.com/ )

วธิ ีการดูแลรกั ษางานใบตอง ถ้าตอ้ งการใหใ้ บตองสดทนนาน เม่อื ประดิษฐ์เสรจ็ แลว้ ต้องแชน่ า้ อยา่ งน้อย 3ช่วั โมง หรอื 1คนื แลว้ นามา วางในภาชนะ คลมุ ด้วยผ้าชุบน้าหมาดๆ จะอย่ไู ด้หลายวนั ( 3-5 วนั ) แต่ถ้าช้นิ งานไม่ใหญ่มากใส่ถงุ พลาสติกรดั ปากถงุ ใหแ้ นน่ เก็บในตู้เย็นก็สามารถเกบ็ ได้นานยิง่ ข้นึ ( ประมาณ 1 เดือน ) อุปกรณ์ท่คี วรดูแลเป็นพเิ ศษคือ กรรไกรและเข็มมือ หลงั จากใชแ้ ลว้ มยี างเหนยี วของใบ ตองเกาะอยู่ ควรลา้ งดว้ ยผงซักฟอก เชด็ ใหแ้ หง้ ก่อนเก็บ ถ้าเกบ็ ไวน้ านๆจงึ หยิบใช้ ควรทาดว้ ยนา้ มนั จักร เพอ่ื ปูองกนั สนิม ตวั อย่างการประดษิ ฐผ์ ลงานจากใบตอง เชน่ การห่ออาหารหวานคาว ลักษณะของกระทงจะมคี วาม แตกต่างกันตามชนดิ ของอาหารและขนม ทาให้มองเห็นลกั ษณะ สสี ันของอาหาร มองดสู วยงาม มกี ล่ินหอมชวนให้ น่ารบั ประทาน การประดิษฐ์กระทงนั้นยังมีความจาเป็นในชีวิตประจาวนั ใชใ้ สส่ ่งิ ของเพ่อื ความเป็นระเบยี บ เรยี บร้อยมองดสู วยงาม และสะดวกในการจาหน่าย เชน่ ใสพ่ ริก ดอกขจร ดอกจาปี ดอกจาปา ฯลฯ

การห่ออาหารหวานคาว













(ที่มา: http://online.anyflip.com/cufvi/yhkk/mobile/index.html?fbclid=IwAR2txLeVZTgIy4biVIpyjzjOak_FA 8SPdCKgd51F_jDIPYM1LuT3psV917M )

การพบั กลบี ใบตอง













(ที่มา: http://online.anyflip.com/cufvi/yhkk/mobile/index.html?fbclid=IwAR2txLeVZTgIy4biVIpyjzjOak_FA 8SPdCKgd51F_jDIPYM1LuT3psV917M )



ความรูเ้ บื้องต้นเกย่ี วกับงานแกะสลักผกั และผลไม้ ประวัติและความเปน็ มาของการแกะสลัก ประวัตแิ ละความเปน็ มา งานศลิ ปะดงั้ เดิมของไทยนั้นมีอยูม่ ากมายหลายอยา่ งหลายแขนง การแกะสลักกเ็ ปน็ งานศิลปะอย่างหนึง่ ท่ีถอื เป็นมรดกมีค่าทีส่ บื ทอดกันมาชา้ นาน เปน็ งานฝมี ือทีต่ ้องใช้ความถนัด สมาธิ ความสามารถเฉพาะตัว และความ ละเอยี ดอ่อนมาก การแกะสลักผักและผลไม้ เปน็ การแสดงออกทางวัฒนธรรมท่ีเปน็ เอกลกั ษณป์ ระจาของชาตไิ ทย เลยทเี ดียว ซ่งึ ไม่มชี าติใดสามารถเทียบเทียมได้ แตส่ ่งิ ทน่ี ่าเป็นห่วงที่สุดในปัจจุบันนค้ี งจะเปน็ เร่อื งของการอนุรักษ์ ศิลปะแขนงนีท้ ม่ี ีแนวโน้มจะสูญหายไปและลดน้อยลงไปเร่อื ยๆ การแกะสลกั ผักและผลไม้เดมิ เปน็ วชิ าทเี่ รยี นขัน้ สูงของ กุลสตรใี นรั้วในวงั ทีต่ ้องมีการฝกึ ฝนและเรยี นรู้จน เกิดความชานาญ บรรพบุรษุ ของไทยเราไดม้ ีการแกะสลกั กัน มานานแล้ว แต่จะเรม่ิ กันมาตงั้ แตส่ มัยใดนนั้ ไมม่ ีใคร รแู้ น่ชัด เน่ืองจากไม่มีหลักฐานแน่ชดั จนถงึ ในสมยั สโุ ขทยั เป็นราชธานี ในสมัยของสมเด็จพระร่วงเจา้ ได้มนี างสนม คนหนึง่ ชอื่ นางนพมาศ หรือทา้ วศรจี ุฬาลกั ษณ์ ได้แต่งหนังสอื เลม่ หน่ึงชอ่ื วา่ ตารบั ท้าวศรจี ุฬาลกั ษณข์ ้นึ และใน หนงั สือเล่มน้ี ได้พูดถึงพิธตี ่าง ๆ ไว้ และพธิ หี นง่ึ เรียกวา่ พระราชพธิ จี องเปรยี งในวันเพญ็ เดือนสิบสอง เป็นพิธีโคม ลอย นางนพมาศไดค้ ดิ ตกแตง่ โคมลอยท่ีงดงามประหลาดกว่าโคมของพระสนมคนอ่ืนทั้งปวง และไดเ้ ลอื กดอกไมส้ ี ต่าง ๆ ประดับใหเ้ ปน็ ลวดลายแลว้ จงึ นาเอาผลไม้ มาแกะสลักเปน็ นกและหงสใ์ หเ้ กาะเกสรดอกไม้อยตู่ ามกลีบดอก เป็นระเบียบสวยงามไปดว้ ยสีสันสดสวย ชวนน่ามองยง่ิ นัก รวมท้ังเสียบธปู เทยี น จงึ ได้มีหลกั ฐานการแกะสลกั มา ต้ังแต่สมัยน้ัน ในสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย ทรงโปรดการประพันธ์ยง่ิ นกั พระองค์ ทรงพระราชนิพนธ์กาพยแ์ ห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน และแห่ชมผลไม้ได้พรรณนา ชมฝีมือการทาอาหาร การปอกคว้าน ผลไม้ และประดดิ ประดอยขนมสวยงาม และอร่อยทั้งหลาย ว่าเป็นฝมี อื งามเลิศของสตรีชาววงั สมัยน้นั และทรง พระราชนิพนธบ์ ทละครเร่ือง สังขท์ อง พระองค์ทรงบรรยายตอนนางจนั ทร์เทวี แกะสลกั ช้ินฟกั เป็นเรื่องราวของ นางกับพระสงั ข์ นอกจากน้ันยังมีปรากฏในวรรณกรรมไทยแทบ ทกุ เรื่อง เม่ือเอ่ยถึงตัวนางซงึ่ เป็นตวั เอกของเรื่อง ว่า มคี ุณสมบัติของกลุ สตรี เพรยี กพร้อมด้วยฝมี ือการปรุงแต่งประกอบอาหารประดิดประดอยให้สวยงามทั้งมี ฝมี ือ ในการประดษิ ฐ์งานช่างท้ังปวง ทาใหท้ ราบว่า กลุ สตรสี มยั นนั้ ได้รับการฝึกฝนใหพ้ ิถีพิถันกับการจดั ตกแต่งผัก ผลไม้ และการปรุงแตง่ อาหารเป็นพิเศษ จากขอ้ ความนีน้ ่าจะเป็นท่ยี ืนยันได้ว่า การแกะสลกั ผัก ผลไม้ เปน็ ศิลปะของไทย ท่กี ุลสตรีในสมยั ก่อนมีการฝึกหดั เรยี นรผู้ ูใ้ ดฝกึ หดั จนเกิดความชานาญ กจ็ ะไดร้ บั การยกย่อง

งานแกะสลักใชก้ บั ของอ่อน สลักออกมาเป็นลวดลายต่างๆอย่างงดงาม มสี ลักผกั สลักผลไม้ สลกั หยวก กล้วยถอื เป็นงานช่างฝีมอื ของคนไทยทม่ี ีมาแตโ่ บราณ งานสลกั จงึ อยใู่ นงานช่าง 10 หมู่ เรยี กวา่ ชา่ งสลัก ในชา่ ง สลักแบง่ ออกย่อย คือ ช่างฉลุ ช่างกระดาษ ชา่ งหยวก ชา่ งเครอื่ งสด สว่ นช่างอีก 9 หมู่ทเ่ี หลือไดแ้ ก่ ชา่ งแกะ ทีม่ ี ทง้ั ช่างแกะตรา ช่างแกะลาย ชา่ งแกะพระหรือภาพชา่ งหุ่น มชี า่ งไม้ ช่างไมส้ ูง ชา่ งปากไม้ ชา่ งป้ัน มีชา่ งข้ีผ้ึง ชา่ ง ปนู เป็นชา่ งขน้ึ รูปปนู มีชา่ งปั้น ชา่ งปูนก่อ ช่างปนู ลอย ช่างปนั้ ปูน ชา่ งรัก มชี า่ งลงรกั มีปิดทอง ช่างประดบั กระจก ช่างมุก ชา่ งบุ บบุ าตรพระเพียงอยา่ งเดียว ช่างกลึง มีช่างไม้ ช่างหล่อ มีชา่ งห่นุ ดิน ช่างขผ้ี ้งึ ช่างผสมโลหะ ชา่ งเขียน มีช่างเขียน ช่างปิดทอง การสลกั หรือจาหลัก จัดเป็นศิลปกรรมแขนงหนึ่งในจาพวกประตมิ ากรรม เปน็ การประดิษฐว์ ัตถเุ นอ้ื ออ่ น อยา่ งผกั ผลไม้ ท่ยี ังไมเ่ ปน็ รปู รา่ ง หรือมีรูปรา่ งอย่แู ลว้ สรา้ งสรรค์ใหส้ วยงามและพิสดารขึ้น โดยใช้เคร่อื งมือทีม่ ี ความแหลมคม โดยใชว้ ิธตี ดั เกลา ปาด แกะ ควา้ น ทาใหเ้ กิดลวดลายตามตอ้ งการ ซ่ึงงานสลกั นเ้ี ปน็ การฝกึ ทักษะ สัมพนั ธ์ของมือและสมอง เปน็ การฝกึ จิตให้นง่ิ แนว่ แนต่ ่องานขา้ งหน้า อันเปน็ การฝกึ สมาธิได้อย่างดีเลิศ การสลกั ผักผลไม้นอกจากจะเปน็ การฝึกสมาธแิ ลว้ ยงั เปน็ การฝึกฝมี อื ให้เกดิ ความชานาญเปน็ พิเศษ และ ตอ้ งมีความมานะ อดทน ใจเย็น และมสี มาธิเป็นทต่ี ้ัง รู้จักการตกแตง่ มีความคิดสรา้ งสรรค์ การทางานจอ้ งใหจ้ ิตใจ ทาไปพร้อมกบั งานท่ีกาลังสลักอยู่ จึงได้งานสลักที่สวยงามเพริศแพรว้ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ ดัดแปลงเป็นลวดลาย ประดษิ ฐ์ตา่ งๆ ตามใจปรารถนา ปัจจุบันวชิ าการชา่ งฝีมือเหลา่ น้ี ถกู บรรจุอยใู่ นหลักสูตร ตงั้ แต่ชนั้ ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษามาจนถึง อดุ มศึกษาเปน็ ลาดบั ประกอบกับรฐั บาลและภาคเอกชนไดใ้ หก้ ารสนับสนนุ จึงมกี ารอนุรกั ษศ์ ิลปะต่าง ๆ อย่าง แพรห่ ลาย โดยเฉพาะการแกะสลกั ผลงานประเภทเครื่องจม้ิ จนกระท่ังงานแกะสลักได้กลายเปน็ สงิ่ ท่ีตอ้ งประดิษฐ์ ตกแตง่ บนโต๊ะอาหารในการจัดเลี้ยงแขกต่างประเทศ ตามโรงแรมใหญ่ ๆ ภตั ตาคาร ตลอดจนรา้ นอาหาร กจ็ ะใช้ งานศิลปะการแกะสลักเข้าไปผสมผสานเพือ่ ให้เกิดความสวยงาม หรหู รา และประทับใจแกแ่ ขกในงาน หรือสถานที่ นนั้ ๆ งานแกะสลักผลไม้ จงึ มีส่วนชว่ ยตกแตง่ อาหารได้มาก คงเปน็ เช่นน้ตี ลอดไป ( ท่มี า: https://sites.google.com/site/nuwilaiwonmk/sma-chi-kh-khn-rak-kar-kaea-slak )

หลักการเลือกซือ้ ผกั และผลไม้ทใ่ี ชใ้ นงานแกะสลกั หลกั การแกะสลักผกั และผลไม้ 1. การเลอื กซื้อผกั และผลไม้ ควรเลือกชนิดที่มีความสดใหม่ เพ่อื จะชว่ ยให้ผลงานทีแ่ กะสลกั มีอายุ การใช้งานได้นานขึ้น 2. นาผักและผลไม้ไปลา้ งน้าให้สะอาด 3. การเลือกมีดแกะสลัก ควรเป็นมดี สแตนเลส หรอื มีดทองเหลอื ง 4. ควรเลอื กชนิดของผักและผลไมใ้ หเ้ หมาะกับประโยชนก์ ารนาไปใช้ 5. ควรเลอื กรูปแบบหรือลวดลายที่จะแกะให้เหมาะกบั การนาไปใช้ประโยชน์ 6. การเลือกผัก ผลไม้ตกแต่งอาหารควรเลือกชนิดที่มีสสี วยงาม หลากหลาย เพ่ือจะทาให้อาหารนา่ รบั ประทานข้นึ 7. การแกะสลักต้องพยายามรักษาคุณคา่ อาหาร โดยไม่ควรแช่นา้ นานเกนิ ไป (ทีม่ า : http://citizenaddams.blogspot.com/2017/06/blog-post.html ) วัสดุทใี่ ช้ในการแกะสลกั ผกั และผลไม้ ซงึ่ ประกอบไปด้วยวสั ดอุ ปุ กรณ์ ดังตอ่ ไปนี้  มดี ตดั และห่นั ใชส้ าหรบั ตัด หั่นและเกลาผกั และผลไม้ ควรมคี วามคม และมีดห่ันควรมีความยาวของ ใบมดี 5-7 นว้ิ  มดี คว้าน ใช้คว้านเมล็ดผลไม้ออก ควรมคี วามคม ควรเลือกที่ทาจากสแตนเลส  มดี ปอก ใชส้ าหรบั ปอกเปลอื กผกั และผลไม้ ควรเลือกขนาดใหเ้ หมาะสมกับผกั และผลไม้ท่จี ะใช้  ทต่ี กั ผลไม้ทรงกลม ใชส้ าหรับตกั ผกั หรือผลไม้ใหเ้ ป็นทรงกลม ชอ้ นกลมใชส้ าหรับควกั ไสผ้ ักและผลไม้ ควรเลอื กที่ทาจากสแตนเลส  ที่ตดั แบบหยกั ใชต้ ักและห่ันผัก ผลไม้ใหเ้ ป็นลวดลายสวยงาม ควรเลือกใหเ้ หมาะกบั ผักและผลไม้ มี ความคมและควรเลอื กท่ีทาจากสแตนเลส  พิมพ์กดรูปตา่ งๆ ใชก้ ดผกั ผลไมใ้ ห้มีรปู แบบตามตอ้ งการ ควรเลอื กใหม้ ีความคมและควรเลอื กท่ีทา จากสแตนเลส  กรรไกร ใชต้ ดั และตกแตง่ ผกั ผลไมท้ ่สี ลัก ควรเลอื กให้เหมาะกบั ผกั และผลไม้ มีความคมและควรเลือก ท่ีทาจากสแตนเลส

 หนิ ลับมดี หรือกระดาษทราย ใชส้ าหรับลับมดี ใหม้ ีความคม ควรเลือกเนื้อละเอยี ดๆ เพ่อื จะได้ไมท่ าให้ มีดสกึ กร่อนเรว็  เขยี ง ใช้สาหรับรอง เวลาหนั่ ตดั ผกั และผลไม้ ควรเลอื กเขียงไมห้ รือเขียงพลาสติก ท่ีมีขนาดเหมาะสม ในการใชง้ านและมนี ้าหนักเบา  อ่างน้า ใช้สาหรับใส่น้าเพ่อื แช่ผกั และผลไม้ทีแ่ กะสลักแลว้ ให้สดขึน้ ควรเลือกให้เหมาะกับปรมิ าณผัก และผลไมท้ จี่ ะแช่  ถาด ใชส้ าหรบั รองเศษผกั และผลไมเ้ วลาแกะสลัก ควรเลือกใหเ้ หมาะกับขนาดของผักหรือผลไมท้ ่ี แกะสลัก  ผา้ เช็ดมอื ใชส้ าหรบั เช็ดมอื และอปุ กรณต์ า่ งๆในการแกะสลัก ควรเลอื กท่ีซบั น้าได้ดี อาจเป็นผา้ ขาว บางหรือผา้ ขนหนผู ืนเล็ก  พลาสตกิ ห่ออาหาร ใชส้ าหรบั หอ่ ผักและผลไม้ เพ่ือไม่ใหผ้ ักและผลไมเ้ หยี่ วเฉาเมอื่ แกะสลกั เสร็จ ควร เลอื กขนาดให้เหมาะสมกับผักและผลไมท้ ่ีแกะสลกั  ถุงมือยาง ใชส้ าหรบั สวมมอื เพือ่ เพ่มิ ความสะอาดเวลาหยิบจบั ผกั และผลไม้ในการแกะสลัก ควรเลอื ก แบบทก่ี ระชบั แนบเน้ือ (ทม่ี า: https://sites.google.com/a/borkruwittaya.ac.th/group-one-31/wasdu-xupkrn-kar-kaea-slak )

การจบั มดี แกะสลัก เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้แกะสลกั ผกั ผลไม้ทส่ี าคัญ คือ มีดแกะสลกั หรือมดี คว้าน การใชม้ ีด แล้วแต่ความถนัด ของผู้ใช้ มี 2 วิธี คือ แบบท่ี 1 จับมดี แบบห่ันผัก ควรจบั มดี ด้วยมือขวา นว้ิ หัวแมม่ ือวางอยู่บนสนั มดี ในลักษณะสบาย ๆ ไมต่ ้องเกร็งมือ นิ้วชว้ี างอย่บู นงานทีแ่ กะสลกั สว่ นสามนว้ิ ทีเ่ หลอื ให้งอลงเพื่อชว่ ยจับมดี สาหรับมอื ซา้ ยจับงาน แกะสลกั ตามลักษณะของงาน แบบท่ี 2 จับมีดแบบจบั ดินสอ มือขวาจับดา้ มมีด นิว้ ชกี้ ดสนั มีด เหลือปลายมีดประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร น้ิวท่ีเหลือแตะอยู่บนงานท่ีแกะสลกั มือซ้ายจบั งานแกะสลักตามลักษณะของงาน 1.2.2 มีดปอก หรอื มีดบาง มีลกั ษณะปลายมนหรือปลายแหลมกไ็ ด้ ควรมคี วามคมบางไมเ่ ปน็ สนิมความยาวของตัวมีด สว่ นที่คมยาวประมาณ 4 – 5 นว้ิ มีความกวา้ งประมาณ 1/2 – 1 นวิ้ ดา้ มมดี ไมค่ วรมีนา้ หนกั มากเพราะจะทาใหเ้ ม่ือยเร็ว มดี ชนดิ น้ีใชป้ ระกอบการแกะสลกั เชน่ ปอก เปลือก ตัด ผ่า ปาดผกั ผลไม้ เพ่ือเตรียมท่จี ะแกะสลัก

มีดเลขที่ 1, 3, 4 มดี ปอก หรือมดี บาง มลี ักษณะแตกตา่ งกันมปี ลายหลายแบบ ปลายแหลมข้ึน ปลาย แหลมลง ปลายมน มีความกวา้ งประมาณ 1 ? ซม. – 1 ? ซม. ใชป้ อก บาก ปาด ฝาน มีดเลขท่ี 2 มดี แล่เนือ้ ใช้ในครัว หรอื บนโต๊ะอาหาร มคี มมีดหยักเหมือนฟนั เลอื่ ย เพ่ือชว่ ยห่นั งา่ ย และใชแ้ รงน้อย มีดเลขที่ 5 มดี หน่ั มีความยาวใบมดี 5 – 7 น้ิว ปลายแหลมหยกั เป็นฟันปลา ใช้ตัด ห่นั ผกั ผลไม้ มดี เลขท่ี 6 มดี ปอกผลไม้ ยาวประมาณ 2 ? – 3 น้ิว ลักษณะดา้ มโคง้ เข้าหาสว่ นคมของมดี ใช้ สาหรับปอกเข้าหาตวั เปน็ การปอกแบบยุโรป 1.2.3 มีดใหญ่ มดี ดา้ มใหญ่ ตวั มดี ยาวปลายแหลม ใชต้ ดั หรอื ห่ันผักผลไม้ ท่ีมีขนาดใหญ่ เนือ้ แน่น เชน่ ฟักทอง เผือก มะละกอ ฯลฯ เพื่อเตรียมผัก – ผลไม้ ก่อนท่จี ะนามาแกะสลัก หรอื ทาการตกแตง่ ให้มขี นาดและลักษณะ ตามลกั ษณะของงานท่จี ะแกะสลกั มีดเลขท่ี 1 มดี หน่ั มดี า้ มใหญ่ ตวั มีดยาวปลายโคง้ แหลมใช้หัน่ หรอื แบ่งของช้นิ ใหญ่ ทัง้ ผกั และผลไม้ มดี เลขท่ี 2 มีดห่ัน หรือมีดฝรงั่ เศส มใี บมดี ยาวปลายแหลม ความกว้างของใบมีดอยูใ่ กลม้ ือจับ ใชต้ ดั หรอื ห่ัน และปอกผัก – ผลไม้ เพือ่ เตรียมแกะสลักไว้ในงานตามจุดประสงค์ มดี เลขท่ี 3 – 5 มีดห่นั ทต่ี ้องใช้ตดั หรอื หัน่ ของชนิ้ ใหญ่ มีดเลขท่ี 6 มดี สบั เปน็ มีดมนี า้ หนกั ใชต้ ัด สบั ผกั ผลไม้ ช้นิ ใหญ่ที่แข็งหรอื ต้องการให้มขี นาดเล็กลง (ท่มี า : https://sutthasinee.page.tl/%26%233585%3B%26%233634%3B%26%233619%3B%26%233592%3B%26 %233633%3B%26%233610%3B%26%233617%3B%26%233637%3B%26%233604%3B%26%233649%3B% 26%233585%3B%26%233632%3B%26%233626%3B%26%233621%3B%26%233633%3B%26%233585%3 B.htm )

ศิลปะและหลักการออกแบบตกแต่งผักผลไม้อยา่ งง่าย ความหมายของการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การวางแผนหรอื การกาหนดรปู แบบของงานต่าง ๆ ซ่งึ อาจคิดทาขน้ึ ใหม่ หรอื ดัดแปลงสิ่งทม่ี อี ยู่แลว้ ให้ใช้ประโยชน์ไดด้ กี วา่ เดิม การออกแบบมมี าตง้ั แตส่ มยั ยุคดึกดา บรรพท์ ง้ั นนั้ มนุษยต์ ้องปรบั ตัวและววิ ฒั นาการใหเ้ ขา้ กับส่ิงแวดล้อมต่างๆ เพ่ือการดารงเผา่ พนั ธุ์สืบมาอีกท้ังความ ต้องการทางด้านปจั จัยสี่ก็ก่อเกดิ 1. ปัจจัยส่ที กี่ ล่าว ไดแ้ ก่ อาหาร มนุษย์รู้จักการเลอื กกินอาหาร ประกอบอาหารต่าง ๆ การจัดแต่งอาหาร ให้สวยงาม และรับประทานได้ง่าย 2. ที่อยู่อาศัย มกี ารดัดแปลงถ้า จนกลายเป็นบ้านเรือน และอื่น ๆ ดังในปัจจุบนั 3. เครื่องนงุ่ ห่ม เช่น การคิดออกแบบตดั เยบ็ เครื่องนงุ่ ห่ม เพ่ือประโยชนใ์ ชส้ อย สวมใส่เพอ่ื ความสวยงาม 4. ยารกั ษาโรค การค้นควา้ ออกแบบใหส้ ามารถใช้ไดส้ ะดวกและรบั ประทานง่าย ทง้ั สปี่ ัจจัยทา ใหเ้ กดิ ผลงานการออกแบบมากมาย ดังทีท่ ราบกนั แล้ว ดงั นนั้ ผอู้ อกแบบ งานแกะสลัก ที่จะ ใหผ้ ลงานสวยงามวจิ ิตร ต้องเปน็ ผู้มคี วามคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ในใจส่ิงแปลกใหม่ ช่างสงั เกต รู้จักใชห้ ลกั ศิลปะ ท้ังนา มาดดั แปลงผสมผสานให้เข้ากับ สิ่งแวดลอ้ มรอบข้าง จากตัวเรา ธรรมชาตวิ รรณคดี ประเพณี วัฒนธรรม มา ประยกุ ต์ใช้กบั หลักศลิ ปะ เพ่ือความสวยงาม และ เหมาะสม ตอ้ งฝกึ ปฏิบตั จิ รงิ จงึ จะบรรลุตามจุดมงุ่ หมายที่ ต้องการ การออกแบบ หมายถึง การวางแผนหรือการกาหนดรปู แบบของงานต่างๆ ซ่ึงอาจคิดทาข้ึนใหม่ หรอื ดัดแปลงสิง่ ทีม่ ีอยแู่ ลว้ ให้ใช้ประโยชนไ์ ดด้ ีกว่าเดิม การออกแบบมมี าตั้งแต่สมัยยุคดึกดาบรรพ์ ทง้ั นม้ี นุษย์ต้อง ปรบั ตวั และววิ ัฒนาการใหเ้ ข้ากบั สิ่งแวดล้อมต่างๆ ดังน้นั ผู้ออกแบบงานแกะสลกั ทจ่ี ะให้ผลงานสวยงามวิจติ ร ต้อง เป็นผู้มคี วามคิดสรา้ งสรรค์สนใจสิง่ แปลกใหมช่ ่างสงั เกต รจู้ ักใชห้ ลักศลิ ปะ ท้ังนามาดดั แปลงผสมผสานให้เข้ากับ สง่ิ แวดลอ้ มรอบขา้ งจากตัวเรา ธรรมชาติ วรรณคดี ประเพณี วฒั นธรรม มาประยุกต์ใช้กับหลกั ศลิ ปะ เพอื่ ความ สวยงามและเหมาะสม ต้องฝึกปฏิบัตจิ รงิ จงึ จะบรรลตุ ามจุดมงุ่ หมายที่ตอ้ งการ โดยรปู แบบตอ้ งแปลกใหม่ ความ งามทางศิลปะต้องเป็นท่นี า่ สนใจ ความวิจิตรของรปู แบบต้องสร้างสรรค์ สะดดุ ตา รักษาคุณสมบตั ิของวสั ดทุ ี่ใชไ้ ดค้ งคุณคา่ สว่ นลักษณะของนักออกแบบ นัน้ จะตอ้ งมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ - มคี วามเชอ่ื ม่ันในความสาเรจ็ ของผลงาน มีวธิ กี ารและส่งิ ใหมๆ่ อยเู่ สมอ - มคี วามคิดจนิ ตนาการ - มีความคิดสรา้ งสรรค์

- มีพรสวรรค์และประสบการณ์ ความสาคัญของการออกแบบ การออกแบบในสมัยเร่ิมแรกน้ันสบื เนอ่ื งมาจากวิศวกรทาการออกแบบ เครอ่ื งจักร แต่ไม่สามารถน ำมาใชใ้ หเ้ หมาะกบั คนได้จึงให้นักจติ วิทยาเขามาช่วย จุดมงุ่ หมายคอื เพ่อื ทม่ี นุษย์ได้ใช้ ผลิตภัณฑห์ รือส่งิ ประดิษฐ์ท่ดี ีสะดวกสบาย ปลอดภยั และมีประสิทธภิ าพ นกั จติ วิทยาจึงตอ้ งศึกษาความรู้สึกนึกคิด และจติ ใจของมนุษย์ ตลอดจนการแสดงออกของมนุษย์เพื่อนามากาหนดเปน็ รูปแบบ หรอื รูปร่างของส่ิงประดษิ ฐ์ ผู้ออกแบบมักสร้างเอกลักษณ์ใหเ้ กดิ กับงานของตนเพื่อดงึ ดูดความสนใจของผู้ซ้ือและกาหนดราคาให้สงู ขึ้น และ การออกแบบยังสามารถช่วยพฒั นารปู แบบของงานให้หลากหลายอีกดว้ ย หลักการสรา้ งงานแกะสลกั ให้น่าสนใจ ซง่ึ ควรคานึงถึงสงิ่ ต่อไปนี้ - ความกลมกลืน หมายถงึ ความสอดคล้องกนั เหมาะสม และเขา้ กันได้ดี ของลวดลายท่ีต้องการ เช่น ลายกลุม่ ดอกไมแ้ บบต่างๆ และใบไม้ - ความขัดแย้ง หมายถึง ความไม่เข้ากนั การสรา้ งงานที่ดี ตอ้ งมีความกลมกลืนสว่ นใหญแ่ ละขดั แย้ง ส่วนน้อย จงึ จะดีงาม เชน่ ลวดลายเปน็ กลมุ่ ดอกไม้ใบไม้ เป็นสว่ นใหญม่ ีผีเส้อื เกาะกลุ่มดอกไมเ้ พียง 1ตัว เป็นตน้ - ความลกึ ลบั และซับซอ้ น ไม่ควรสับสนมาก และไมเ่ รียบเกินไปจึงจะดสู วยงาม - ความเรียบงา่ ย ออกแบบเรยี บๆงา่ ยๆแต่ดูงาม - ความตน้ื ลึก หนา บาง เช่น สว่ นของลวดลายที่ตอ้ งการให้นูน ก็ปาดเน้ือของวสั ดุรอบๆลายให้ตา่ ลง - ความเสนอแนะ หมายถงึ การช้ีแนะใหค้ ล้อยตามไปสู่จดุ สาคัญของชิน้ งาน - ความสาเรจ็ หมายถงึ เสรจ็ เรียบร้อย จะเพิม่ เติมหรือตัดออกไม่ได้อกี แลว้ รปู แบบการออกแบบงานแกะสลัก มีท้ังหมด 6 รูปแบบดว้ ยกนั คอื - รูปแบบในแนวนอน - รูปแบบในแนวตัง้ - รูปแบบซา้ กัน - รปู แบบสามเหลยี่ ม - รปู แบบวงกลม - รูปแบบรศั มี (ทม่ี า: https://www.mns.ac.th/2556/images/stories/PDF/vasinee/20269-4.pdf )

การแกะสลักผักและผลไมอ้ ย่างง่าย ตามแบบของการแกะสลกั พื้นฐาน โดยมีลายพื้นฐานเป็นแม่แบบอยู่ 2 ประเภท คอื ประเภทใบไม้ การแกะสลักใบไม้สามารถแกะไดห้ ลายขนาด ท้งั ใบเล็กใบใหญ่ ใบสน้ั ปอู ม ใบยาว ริมใบเรียบ หยกั ริมใบ มีเสน้ กลางใบเป็นร่องลกึ หรือเปน็ สันนนู แล้วแต่จะประดิษฐข์ ึน้ มา การแกะสลกั ผกั และผลไมเ้ ป็นใบไม้ สามารถแกะสลกั ได้หลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ - ใบไมแ้ บบไมเ่ ซาะร่องใบ การแกะใบแบบไมเ่ ซาะร่องใบ เป็นการแกะสลักใบไม้ทไ่ี ม่ต้องการมีรอ่ งใบ จะใชว้ ธิ ีแกะเส้นกลางใบและเส้นรมิ ใบใหอ้ ่อนช้อยสวยงามเท่านน้ั - ใบไมแ้ บบเซาะร่องใบ การแกะใบแบบเซาะร่องใบ เปน็ การแกะสลักใบไม้ใหม้ ีลกั ษณะของรอ่ งจากริม ใบจนเกอื บถงึ เส้นกลางใบ ให้เหน็ ลายได้ชดั เจน - ใบไม้แบบฉลุ การแกะใบไม้แบบลุ เป็นการแกะสลักเส้นใบ โดยวิธีฉลใุ หเ้ ป็นช่องระหวา่ งรมิ หยกั ใบ ทุกหยัก ใหเ้ ฉยี งกับเส้นกลางใบไปทางด้านปลายใบ การแกะใบแบบฉลเุ ปน็ การแกะสลักทีต่ ้องใชท้ ักษะและความ ระมดั ระวัง เพราะจะทาใหใ้ บขาดได้ง่าย

การแกะสลักประเภทดอกไม้ สมามารถแกะสลักได้หลายรปู แบบ ดงั นี้ - ลายดอกขา่ เปน็ ลายพนื้ ฐานในการแกะสลกั เพราะการแกะสลักใหเ้ ปน็ กลีบดอกเกือบทุกชนิด หรือ ภาชนะ รูปสตั ว์ และอ่นื ๆ จะประยุกต์ดัดแปลงมาจากลายดอกข่าทั้งส้นิ มวี ธิ ีการแกะ คือ ใช้มีดกรีดโค้งกลีบมา บรรจบกันปลายกลีบแหลม แซะเน้ือใต้กลบี ออกทั้งสองข้างใหก้ ลีบเดน่ ชัด จากนั้นใช้มีดสักตรงกลางกลบี ดอกให้ เปน็ รอ่ งลึก แกะสลกั เป็นช้ันๆ โดยใหก้ ลีบ แต่ละกลบี ชั้นสบั หว่างกันทุกชั้น ลายดอกขา่ สามารถแกะได้หลาย รูปแบบ เชน่ ดอกขา่ แบบเซาะร่องหนึง่ ร่อง ดอกขา่ แบบเซาะร่องสองร่อง ดอกขา่ แบบเซาะร่องสองชนั้ - ลายดอกรกั เร่ วธิ ีแกะเหมือนกับการแกะสลกั ลายดอกข่า แต่ต้องแกะสลกั กลางร่องกลีบให้ลกึ เพอื่ ให้ กลีบเด่นขึน้ วธิ ีเกลารูปดอกใหเ้ ปน็ รูปกลมหรือครงึ่ วงกลมควรใชส้ ่วนนนู ของผักหรอื ผลไม้ข้ัน แลว้ เรมิ่ ต้นแกะจาก ยอดสดุ ลงมาเปน็ ชั้นๆโดยให้กลีบแตล่ ะชัน้ สับหวา่ งกัน - ลายรวงข้าว เปน็ การกะสลกั วัสดุทม่ี ีลกั ษณะเหมือนรวงขา้ ว มคี วามอ่อนชอ้ ยการแกะสลกั กลีบ แกะ เช่นเดยี วกับลายดอกขา่ แต่ไมต่ ้องแกะสลกั ตรงกลางกลีบดอกให้เป็นร่องเทา่ นัน้

- ลายคดกรชิ เปน็ ลายแกะสลักแบบง่ายๆ แกะสลกั ได้รวดเร็ว โดยใชม้ ีดกรีดโคง้ แตล่ ะสว่ นมาบรรจบ กนั ใหป้ ลายกลบี แหลมจนครบทกุ กลีบ แลว้ แซะเน้ือให้เป็นรอยหยกั และไม่ต้องสบั หวา่ งกลบี (ทมี่ า: http://www.itdacultural.com/TH/th_fruit_carving.html )

การแกะสลกั ดอกไม้อยา่ งง่าย การแกะสลักดอกรกั เร่ ซงึ่ เป็นลวดลายดอกไมพ้ น้ื ฐานที่ตอ้ งเรยี นรู้ โดยมีวัสดุอปุ กรณ์ และขนั้ ตอนการทา ดังนี้ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการแกะสลัก - มีดแกะสลัก - มดี ปอก - ฟักทองหรอื ผลไม้ชนิดอ่ืนก็ได้ ขน้ั ตอนการแกะสลัก - ขั้นที่ 1 เกลาฟักทองให้มน ทาวงเกสร แกะสลักเกสรหันปลายกลบี เขา้ หาจดุ ศนู ยก์ ลาง ปาดเนอ้ื กลาง กลีบใหเ้ ป็นร่อง - ข้นั ท่ี 2 ปาดเนื้อใต้กลบี แกะสลกั ขนั้ ตอ่ ไปให้สับหว่าง - ขั้นท่ี 3 แบ่งระยะกลบี ปาดเนอ้ื กลางกลีบใหเ้ ป็นร่อง แล้วจงึ แกะสลักกลบี ให้ปลายแหลม - ขัน้ ที่ 4 ดอกรักเร่ขา้ งกลบี จะโค้งน้อยๆ ปลายแหลม เซาะเนื้อข้างกลบี ออก - ข้นั ที่ 5 ปาดเน้ือใต้กลีบออกทุกคร้ัง กลบี จะเดน่ - ขั้นท่ี 6 แกะสลักกลบี ข้ันต่อไปให้สบั หว่าง เชน่ นี้ จนจบ - ขนั้ ท่ี 7 ตัดเน้ือใต้ฐานกลบี ออกใหห้ มด - ข้ันท่ี 8 ดอกรกั เร่ กลบี จะค่อยๆ ขยายใหญข่ ึน้ ที่ละน้อย

การแกะสลกั ดอกบานชนื่ ซ่งึ เปน็ ลวดลายดอกไม้พืน้ ฐานลายท่ี 2 ทตี่ อ้ งเรียนรโู้ ดยมวี สั ดุอปุ กรณ์ และ ข้นั ตอนการทาดังน้ี วัสดุอุปกรณใ์ นการแกะสลัก - มีดแกะสลกั - มดี ปอก - ฟักทองหรือผลไมช้ นิดอ่นื ก็ได้ ข้นั ตอนการแกะสลกั - ขั้นท่ี 1 เกลาฟักทองให้เปน็ รูปคร่ึงวงกลม เซาะตรงกลางดอกให้เป็นรปู วงกลม - ขน้ั ที่ 2 ลบเหลี่ยมวงกลมเกสรตรงกลางดอกให้โคง้ มน - ข้นั ที่ 3 วาดกลีบเกสรใหก้ ลีบโค้ง แต่ละกลบี พยายามแกะให้เทา่ กันและเซาะเน้อื ให้เห็นกลีบทว่ี าด เอาไว้โดยรอบของเกสร ให้วาดกลีบสบั หวา่ งกับชั้นแรกจนเตม็ - ขน้ั ที่ 4 กลบี นอกของดอกชัน้ ที่1 ใชม้ ีดปาดเนือ้ ออกให้เป็นร่องโคง้ เทา่ ๆกันโดยรอบ - ขัน้ ท่ี 5 วาดกลบี โค้งในรอ่ งท่ีปาดไว้ พยายามวาดกลบี ให้เทา่ กนั โดยรอบ และเซาะเน้อื ข้างกลบี เพ่ือให้ เห็นกลีบชดั เจนขน้ึ - ขั้นที่ 6 ชนั้ ท่ี2 ใหท้ าเช่นเดียวกันกบั ชนั้ ท่ี1 แตส่ บั หว่างไปเร่ือยๆจนเหน็ เปน็ ดอกสวยงาม

การแกะสลักดอกขา่ ซ่งึ เปน็ ลวดลายดอกไม้พื้นฐานลายที่ 3 ทต่ี ้องเรียนรู้ ดงั น้ี วสั ดุอุปกรณใ์ นการแกะสลัก - มีดแกะสลัก -มดี ปอก - แครอทหรือผลไม้ชนิดอ่นื ขั้นตอนการแกะสลัก - ขน้ั ที่ 1 ปอกเปลอื กแครอทให้เปน็ รปู ทรงดอกขา่ แบ่งขว้ั แครอทออกเปน็ 4-5 ส่วน โดยสลกั ลอยลงที่ เน้อื แครอทเพื่อแบง่ ส่วนเท่าๆกนั - ขน้ั ท่ี 2 แกะสลกั กลีบเล้ยี งก่อนเพ่ือความสวยงาม โดยกรีดมีดเป็นเสน้ เฉียงแล้วบดิ มดี ข้นึ เฉียงเป็นลาย ฟนั ปลา - ขนั้ ท่ี 3 กอ่ นแกะสลกั กลีบดอกรักเร่ ตอ้ งปาดเนื้อแครอทให้เป็นรอ่ งก่อนลงกลบี ดอกรักเร่ จานวน 8- 10 กลบี - ขั้นที่ 4 ช้นั ท่ี 1 ลงกลีบในรอ่ งใหก้ ลบี โคง้ ปลายแหลม ปาดเนื้อสว่ นใตก้ ลีบช้นั ที่ 1 โดยรอบเพือ่ ให้กลบี เด่นชัด ช้ันท่ี 2 ปฏิบตั เิ ชน่ เดียวกันทาเป็นร่องก่อนลงกลีบให้สับหวา่ งกบั กลีบชั้นที่ 1 ปาดเนื้อสว่ นใต้ กลีบออก ช้นั ที่ 3 ทาเชน่ เดยี วกนั ให้กลบี สับหวา่ งกับกลบี ชนั้ ท่ี 2 ปาดเนื้อส่วนใต้กลบี ออก ทาชนั้ ต่อไปในลกั ษณะเดยี วกันจนถึงปลายแครอท - หมายเหตุ ผลไมท้ ีใ่ ชแ้ กะสลักสามารถเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และการแกะสลักกลีบดอกรักเรใ่ ห้ ทารอ่ งก่อนลงกลีบ

การแกะสลกั ดอกกุหลาบ ซงึ่ เปน็ ลวดลายดอกไม้พื้นฐานลายที่ 4 ทตี่ อ้ งเรียนรู้ ดังนี้ วสั ดุอุปกรณใ์ นการแกะสลัก - มดี แกะสลัก - มีดปอก - แครอทหรือผลไม้ชนิดอืน่ ขั้นตอนการแกะสลกั - ขั้นท่ี 1 เลือกแครอททสี่ ด ผวิ เรยี บไม่มีรอยช้าหรอื รอยแมลงกินล้างใหส้ ะอาด หนั่ แครอทออกเป็น ท่อนหนาประมาณ 1.5 นวิ้ - ข้ันท่ี 2 เกลาให้มนเกลาแครอทเปน็ รปู ครึง่ วงกลม เซาะตรงกลางดอกให้เปน็ รูปวงกลม โดยลบเหลยี่ ม วงกลมเกสรตรงกลางใหโ้ ค้งมน - ขัน้ ที่ 3 วาดเกสรให้โค้งเขา้ ตรงกลางเกสรรอบนอก วาดเกสรชั้นในเซาะให้เหน็ กลีบซ้อนกันไปเร่อื ยๆ จนถึงกลางดอก - ขน้ั ท่ี 4 วาดกลีบรอบนอกให้มีลักษณะโคง้ เขา้ หาเกสร วาดกลบี โค้งซ้อนกนั ไปเรื่อยๆจนสุดดอก - ขั้นท่ี 5 ตดั เศษแครอททโ่ี คนกลบี ออก ดอกกุหลาบมอญสามารถนาไปตกแต่งสถานที่ ใช้จดั แจกนั ตกแตง่ อาหาร หรอื หวั จานอาหารใหด้ สู วยงามนา่ รบั ประทานขน้ึ ได้ (ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=1gKG4CMRowM https://www.youtube.com/watch?v=Sn73ECVssYI https://www.youtube.com/watch?v=eYpH3ouEfes https://www.youtube.com/watch?v=nb2XeNDfAC8



ความรูเ้ บอื้ งตน้ เกยี่ วกับดอกไมส้ ด ความหมายและความสาคญั ของงานดอกไม้สดของไทย งานดอกไม้สดของไทย หมายถงึ การนาดอกไมส้ ดของไทยชนดิ ตา่ งๆ มาประดษิ ฐใ์ ห้เปน็ ช้นิ งานทปี่ ระณีต งดงามดว้ ยวธิ กี ารกรอง เยบ็ มดั ร้อย ซึง่ สามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ความสาคญั ของงานดอกไม้สดไทยมีหลายประการดงั นี้ 1. เปน็ งานฝมี ือที่นาไปใชใ้ นพธิ กี รรมทางศาสนา พิธกี รรมท่ัวไป ตกแต่งสถานที่ทีใ่ ช้ประกอบพิธีและใช้เปน็ ของ ชาร่วยเพอื่ แสดงความขอบคุณผู้ทีม่ ารว่ มงาน 2. เปน็ งานฝมี ือท่ีแสดงถงึ เอกลักษณ์ วัฒนธรรมและความเป็นอยูข่ องชนชาติไทยซง่ึ ออกมาใหเ้ กน็ จากความ ประณตี บรรจง 3. เป็นงานฝีมือท่ีสามารถสร้างอาชพี รายได้ใหแ้ ก่ผู้ทีม่ ีทกั ษะความชานาญในการทา สามารถรับจา้ งร้อยมาลัย ทา เคร่ืองแขวนดอกไม้สด ทาพานพุ่ม เป็นตน้

วิธีการประดษิ ฐ์ดอกไมส้ ดของไทย การประดิษฐด์ อกไมส้ ดของไทยเปน็ มาลัย เครื่องแขวน เคร่ืองประดับตกแต่งสถานทใี่ นงานพธิ ีตา่ งๆ มักจะ ใช้วิธกี ารกรอง การร้อย การเยบ็ การมัด เพ่ือให้เกดิ เป็นช้ินงาน การกรอง คอื การเอาบางสว่ นของดอกไมท้ ี่ไดจ้ ากการเฉือนเปน็ แว่นๆหรือผก่ ลางชน้ิ แล้วนามาเสียบหรือร้อยในไม้ไผ่ที่เหลา แหลม หรือกา้ นมะพร้าว ( ทางมะพรา้ ว ) ซอ้ นกัน การกรองมี 2 แบบ ได้แก่ การกรองดอก และการกรองเส้น การเย็บ คือ การนาดอกไมท้ ้งั ดอก หรือกลีบดอกมาเยบ็ ลงบนใบตองทีต่ ดั เป็นแบบ โดยใบตองทามาจากการนาใบตองสด มาซ้อนสบั ทางตองกันต้ังแต่ 4 ชน้ั ขึ้นไป แล้วตดั เป็นรูปร่างต่างๆ ตามต้องการ การมดั คือ การนาดอกไม้ทง้ั ดอก หรือกลบี ดอกมามัดติดกับแกนใบตองท่ีมดั เป็นกรวยแข็ง หรอื มดั ตดิ กา้ นดอกรัก กา้ น ผักบุ้ง กา้ นมันสาปะหลงั กาบกล้วย โดยใช้ดา้ ยมดั ท้ังดอกหรอื กลบี ดอกท่จี ับจีบแลว้ มดั ติดเป็นแกน ใหม้ ลี ักษณะ เหมอื นดอกตุ้ม หรอื ดอกข่า

การรอ้ ย คือ การนาดอกไม้ทง้ั ดอก หรือกลบี ดอกมาร้อยลงในเขม็ ลวดเส้นเลก็ หรือทางมะพรา้ วเป็นตน้ ดพอื่ ใหไ้ ดร้ ปู ทรง และลวดลายตามทต่ี ้องการ ซ่ึงรูปแบบการร้อยมีหลายแบบ ไดแ้ ก่ การรอ้ ยมาลัยตมุ้ มาลัยกลม มาลยั ซกี การร้อย เส้นดอกไม้ (ที่มา: http://nattiyacomm4.blogspot.com/2017/01/5.html ) การคานึงในเรื่องของสีไดเ้ ปน็ สิ่งทีพ่ ึงระมดั ระวงั เปน็ กรณพี เิ ศษทีเดยี ว เพราะรสนยิ มของคนในสมยั ใหมน่ ั้น ส่วนมากมักไมใ่ ครช่ อบสที ่ีตดั กันอยา่ งแท้จรงิ หากแต่ชอบสีท่ีกลมกลนื คลา้ ยคลงึ กันมากกวา่ เช่น ห้องสแี ดง ก็ มักจะจัดดอกไม้สีแดงแก่หรอื อ่อน หรอื สีชมพู หรอื สสี ้ม อย่างใดอยา่ งหนงึ่ หรอื ทัง้ สองสามอยา่ งควบคู่กัน ท้ังน้ีตอ้ ง แลว้ แต่รสนิยมของแต่ละบุคคล ย่ิงไปกวา่ น้ัน แม้การเลอื กสจี ะเปน็ สีท่ีมีโทนเดียวกัน แต่ก็ยงั ต้องคานงึ ถึงนา้ หนัก ของสีอีกดว้ ย กลา่ วคือ มกั จะไมน่ ิยมใชส้ ีทสี่ ดกวา่ หรอื แกก่ วา่ กนั จนเกินไป ถา้ สมมุติวา่ หอ้ งน้ันเปน็ สีอ่อนหรอื สี จางๆ กม็ ักจะต้องใชด้ อกไมส้ ีออ่ นหรือจางด้วย จะเข้มกว่าหรือจางกวา่ ก็เพียงเล็กนอ้ ย ไมแ่ ตกตา่ งกันจนเกนิ ไปนัก

ประเภทของงานดอกไม้สด ซงึ่ สามารถแบ่งได้ตามลกั ษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี - การจดั ดอกไมต้ ามโทนสี สีโทนรอ้ นได้แก่ สีแดง สสี ้มหรอื สแี สด สเี หลอื ง สมี ว่ ง เป็นต้น โดยสีต่อไปนมี้ ีความสัมพันธก์ ับสิง่ ทรี่ อ้ น อยา่ งเช่น พระอาทิตย์ ความร้อน เปลวไฟ สโี ทนร้อนเป็นสีทแ่ี สดงถึงพลัง ความต่นื เตน้ เร้าใจ ความสนุกสนาน ความกระฉับกระเฉง และไมพ่ ่ายแพง้ า่ ย ๆ ถ้าคุณจะจัดดอกไม้โทนร้อนในบ้าน ควรเลือกมุมทแี่ สงแดดสอ่ งถึง การ จดั ลาดับสีโทนร้อนมีความหลากหลายทจี่ ะทาให้คุณมีความคดิ สร้างสรรคแ์ บบไมจ่ ากัด สีโทนเย็นได้แก่ นา้ เงิน นา้ เงินคราม ม่วงคราม เขยี วเหลือง เขียวแก่ เปน็ ต้น โดยสตี อ่ ไปนี้มีความสมั พันธ์ กบั สงิ่ ทเ่ี ยน็ อย่างเช่น หญ้า นา้ น้าแขง็ สีโทนเยน็ เป็นสที ่แี สดงถงึ ความผ่อนคลาย ความสงบ และความอ่อนหวาน ละมุนละไม การจดั ดอกไม้แบบนคี้ วรระวงั เพราะจะทาใหช้ ่อดอกไม้มขี นาดเล็กกว่าทเ่ี ปน็ จริง เน่ืองจากจะกลนื ไป กบั พนื้ หลงั และมองไมเ่ หน็ ในระยะไกล สีโทนอ่อนเปน็ สเี ย็นตา ไดแ้ ก่ สีขาว เป็นตน้ สใี นกลุ่มนีไ้ ม่อยูใ่ นกลุ่มหรอื วรรณะใด และใหค้ วามรสู้ กึ ราบเรียบ สะอาดตา มักใชใ้ นโอกาสสาคัญ เชน่ งานแตง่ งาน การแบ่งลักษณะตามช่อดอกไม้ ไดด้ ังน้ี - การจัดดอกไม้แบบช่อกลม ชอ่ ดอกไม้รูปแบบกลม มคี วามนิยมใชก้ นั อยู่ทวั่ ไป โดยเฉพาะในงานรบั ปริญญา วันเกดิ และการใหด้ อกไม้กับคนรัก เพราะดูน่ารกั ถือไปมาสะดวก ไม่เกะกะเทา่ ช่อแบบทรงยาว แต่ทง้ั นีก้ ็ ขน้ึ อยกู่ ับกาลเทศะ และความชอบสว่ นบุคคลด้วย - การจัดดอกไม้แบบชอ่ ยาว ช่อดอกไมร่ ปู แบบทรงสงู มีความนยิ มใชก้ นั มานาน โดยเฉพาะการใหบ้ น เวที งานแสดงความยนิ ดี โดยเฉพาะหากต้องการใหช้ อ่ ดอกไม้กับผูช้ าย เพราะดูคลาสสกิ เป็นทางการ และใช้ได้ใน เกอื บทกุ โอกาส แตท่ ้ังน้ีก็ขน้ึ อยู่กับกาลเทศะ และความชอบสว่ นบคุ คลเช่นกัน

การจดั ดอกไม้ขนาดใหญ่ - การจัดดอกไม้ในภาชนะใหญ่ การจดั ดอกไมใ้ นภาชนะใหญ่ อาจเปน็ แจกันใหญ่ โอง่ เล็กหรอื กลาง ย่งิ เปน็ การจดั ดอกไม้ขนาดใหญเ่ ท่าไร ความสาคญั ของภาชนะกย็ ่ิงเพ่ิมมากขึ้น เน่ืองจากเปน็ จดุ สนใจด้วย - การจดั สไตล์โทปิอารี่ (Topiary) เป็นศิลปะการตกแต่งไม้พุ่ม ดอกไม้ หรอื กระทั่งผลไม้ ใหเ้ ปน็ รปู ทรง ต่างๆ โดยเฉพาะรูปทรงเรขาคณติ เช่น รูปทรงกลม รปู สามเหลี่ยม หรือรปู สเี่ หล่ียม รวมท้งั การตกแต่งให้เป็นรูป คน สตั ว์ หรอื ส่งิ ของต่างๆ ซึ่งศลิ ปะการตกแต่งดงั กลา่ วน้เี ป็นท่ีนิยมตั้งแตย่ ุคโบราณจนกระทง่ั ถงึ ปัจจบุ นั นี้ โดยโทปิ อารท่ี จ่ี ัดงา่ ยทีส่ ดุ คือรปู ทรงกลม และดอกไม้ท่ีจัดโทปิอาร่ไี ด้สวยท่สี ดุ ก็คอื ดอกกุหลาบน่ันเอง (ท่ีมา : https://sites.google.com/site/nisakornsermchan03/kar-cad-dxkmi )

รูปแบบการจดั ดอกไม้ การจดั ดอกไมโ้ ดยท่วั ๆ ไปแบ่งออกเปน็ 3 แบบ ดงั นี้ 1. การจดั ดอกไมเ้ ลียนแบบธรรมชาติ ( เพือ่ ใชเ้ อง) เป็นการจดั ดอกไมแ้ บบง่าย ๆ เพ่อื ประดับตกแต่งบ้าน โดยอาศยั ความเจริญเติบโตของตน้ ไม้ ดอกไม้ ก่งิ ไม้ นามาจดั ลงภาชนะ โดยใช้กงิ่ ไม้ขนาดตา่ ง ๆ 3 ก่งิ การจัด ดอกไม้แบบนี้ นิยมนาหลกั การจัดดอกไม้จากประเทศญ่ปี ุนมาประยุกต์ 2. การจัดดอกไม้แบบสากล นิยมจดั 7 รปู แบบ คือ รปู ทรงแนวดงิ่ ทรงกลม ทรงสามเหลี่ยมมมุ ฉากทรง สามเหลย่ี มดา้ นเท่า ทรงพระจันทร์ควา่ ทรงพระจันทร์เสยี้ ว ทรงตัวเอส 3. การจัดดอกไมแ้ บบสมันใหม่ เปน็ การจดั ดอกไม้ท่ีมีรูปแบบอสิ ระ เนน้ ความหมายของรปู แบบบางครั้งไม่ จาเป็นตอ้ งใช้ดอกไม้แตอ่ าจใชว้ ัสดุหรอื ภาชนะเปน็ จดุ เดน่ เปน็ การสร้างความรูส้ กึ ใหผ้ พู้ บเหน็ การจัดดอกไม้แบบนี้ ยังอาศัยหลักเกณฑ์ สัดส่วนและความสมดลุ ดว้ ย การเตรยี มดอกไม้ก่อนจดั 1. ดอกไม้ ใบไม้ ที่ซอ้ื มาจากตลาดต้องนามาพักไว้ในนา้ อย่างน้อย 45 นาที - 2 ช่วั โมง 2. นาดอกไม้มาลิดใบท่ีไมส่ วย เหีย่ ว หรือไมจ่ าเป็นออกไป 3. ตดั กา้ นดอกไมใ้ ตน้ ้า หากก้านไม่แข็งใหต้ ัดตรง หากก้านแข็งใหต้ ัดเฉยี งประมาณ 1 นว้ิ 4. แช่ดอกไม้พกั ไว้ในน้ามาก ๆ 5. ดอกไมท้ ี่ซอ้ื มาค้างคืนใหห้ ่อดว้ ยใบตองหรอื กระดาษ นาไปแชไ่ วใ้ นถังนา้ เพื่อไม่ให้ดอกบานเร็ว

หลกั ทว่ั ไปในการจดั แจกันดอกไม้ 1. หนา้ ทแ่ี ละประโยชนใ์ ช้สอย กอ่ นจัดควรจะทราบวตั ถุประสงค์ในการจัดตกแต่งกอ่ นวา่ จะใช้ในงานอะไร และจะจัดวางทไี่ หน เชน่ วางกลางโต๊ะ วางมุมโต๊ะ ชดิ ผลกั หรือแจกันติดผนงั เปน็ ต้น และควรดดู ว้ ยว่า ลกั ษณะ ของห้องท่ีจะจดั วางเป็นห้องลักษณะแบบใด ทรงใด และขนาดเลก็ ปานกลางหรือใหญ่ เพ่ือเราจะไดเ้ ลือกแจกัน และดอกไมท้ เ่ี หมาะสมกับหอ้ งนั้น ๆ ดว้ ย 2. สดั สว่ น สดั ส่วนเปน็ เร่อื งสาคญั มาก ทจี่ ะกาหนดว่าแจกนั ท่ีจดั เสร็จจะสวยหรอื ไมส่ วย ถา้ สดั ส่วนไม่ สมดลุ ยแ์ จกนั ทจ่ี ดั ออกมาก็ไม่สวย สงิ่ ทต่ี อ้ งคานึง 2.1 ภาชนะทรงเต้ีย ความสูงท่ีจัดควรเปน็ 1.5-2 เทา่ ของความกวา้ งของภาชนะ 2.2 ภาชนะทรงสูง ความสูงท่ีจดั ควรเป็น 1.5-2 เทา่ ของความสงู ของภาชนะ 3. การเทียบสว่ น ระหวา่ งดอกไม้กบั แจกนั , แจกันกับขนาดของหอ้ ง 4. ความสมดลุ ย์ เป็นความถว่ งดุล เช่น ซ้ายขวาเทา่ กัน หรือ สองขา้ งไมเ่ ทา่ กนั แต่หนักไปทางใดทางหน่งึ ก็ได้ ทง้ั น้ขี ึน้ อย่กู ับวตั ถปุ ระสงค์ของผจู้ ดั 5. การเลือกสี เสน้ และขนาดใหแ้ ตกต่าง กัน เชน่ สกี ลาง อ่อน เสน้ ท่ีโคง้ เรยี ว ขนาดดอกมใี หญเ่ ล็กเป็นต้น 6. ความกลมกลืน คือ การเขา้ กันอยา่ งสอดคลอ้ งระหวา่ งองค์ประกอบตา่ ง ๆ 7. ความแตกต่าง เชน่ สีของดอก ใบ และภาชนะที่มีสแี ตกต่างกัน แตค่ วามแตกต่างไมค่ วรเกิน 20% 8. การสร้างจุดเด่น คือ จดั ให้มีตวั เด่น ตวั รอง และใหม้ กี ารส่งเสรมิ กันและกนั การจดั ดอกไม้สาหรับงานเเตง่ งาน หลกั ในการจัดดอกไม้ในงานเเต่งงาน ดอกไม้ในงานแต่งงาน เปรียบไดก้ บั เคร่อื งประดบั ชิ้นสวยของงาน ทเี่ จ้าภาพจดั เตรยี มไวต้ ้อนรบั สร้างความ ประทบั ใจให้กบั แขกเหรื่อ และยังเป็นอกี สว่ นหนึง่ ทจี่ ะช่วยทาให้ความทรงจาท่ีเกบ็ ไว้ในภาพถา่ ยงดงาม นกั จดั ดอกไมไ้ ด้เหน็ พ้องต้องกนั วา่ การจัดดอกไมใ้ นงานแตง่ งานไม่ไดย้ ึดถือเรื่องเทรนด์เปน็ สาคัญ ขึน้ อยู่กับ ฤดกู าลของดอกไม้และความชอบของคบู่ า่ ว-สาวมากกวา่ ดงั นน้ั กอ่ นจะไปพบนักจดั ดอกไม้ คุณควรทาการบา้ นโดย การพูดคุยตกลงกันว่าดว้ ยประเด็นตา่ งๆดังต่อไปนี้ ต้องมีคอนเซป็ ต์ชัดเจนในใจ วา่ จะจัดงานแต่งงานแบบไหน ชอบดอกไมโ้ ทนสีอะไร สไตลไ์ หน ทุกวนั นีค้ นนิยม จดั ดอกไม้โทนสีขาว-เขียว เพราะเปน็ สที ี่ปลอดภัยหายห่วง ดเู รยี บร้อยและโก้หรู แต่เวลาถ่ายรปู ออกมาสอี าจจืด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook