Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Thinking

Thinking

Published by Ampika Rachakom, 2019-08-24 05:02:27

Description: synthesis thinking
creative thinking

Keywords: synthesis thinking,creative thinking

Search

Read the Text Version

การทางานเชงิ สงั เคราะห์ เสถยี ร คามศี กั ด์ิ บคุ ลากรเชยี่ วชาญ

การสงั เคราะห์ การผสมผสานรวมกนั อยา่ ง กลมกลนื ของสว่ นประกอบ ตา่ ง ๆ จนกลายเป็ นสง่ิ ใหมท่ มี่ ี เอกลกั ษณ์และ คณุ สมบตั เิ ฉพาะ

การสงั เคราะห์ -ยาเม็ด -การสงั เคราะหแ์ สงของพชื -การสกดั ยาจากสมนุ ไพร -นา้ มนั เครอื่ งสงั เคราะห์ -ใยสงั เคราะห์ -เรซนิ สงั เคราะห์ -ยางสงั เคราะห์ -การสงั เคราะหง์ านวจิ ยั

“ การสงั เคราะหง์ านวจิ ยั หมายถงึ การนา ผลงานวจิ ยั ตง้ั แต่ 2 ชนิ้ ขน้ึ ไปมาบรู ณา การเป็ นผลงานใหม”่

ผลงานเชงิ วเิ คราะห์ ผลงานทแ่ี สดง การแยกแยะองคป์ ระกอบ ตา่ ง ๆ ของเรอื่ งอยา่ งมรี ะบบ มกี ารศกึ ษา ในแตล่ ะองคป์ ระกอบและหาความสมั พนั ธ์ ขององคป์ ระกอบตา่ ง ๆ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งนน้ั ๆ ซงึ เป็ น ประโยชนต์ อ่ หนว่ ยงาน หรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษา( ก.พ.อ.)

งานทเี่ กดิ จากการสงั เคราะห์ 1. เป็ นการรวบรวม ดา้ นเนอ้ื หา องคป์ ระกอบ ในเรอ่ื งทจี่ ะสงั เคราะหเ์ ขา้ ดว้ ยกนั 2. เรอ่ื งนนั้ ตอ้ งเป็ นประโยชนต์ อ่ งานใน หนา้ ท่ี /ตอ่ หนว่ ยงาน/ตอ่ สถาบนั 3. ตอ้ งเป็ นความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ เพอื่ ให้ เกดิ แนวคดิ หรอื เทคนคิ วธิ กี ารใหม่

“การวเิ คราะห์ คอื การแยกแยะหาตน้ ตอ สาเหตุ หาตวั แปรทสี่ าคญั การใช้ เครอื่ งมอื ทางสถติ ิ ใชเ้ ครอื่ งมอื อปุ กรณ์ มาทาการวเิ คราะห์ หรอื คดิ แบบวเิ คราะห์ ผงั กา้ งปลา ผงั รากไม้ กราฟ การดู แนวโนม้ ฯ การสงั เคราะห์ คอื การรวบรวม การสรปุ การคดิ รวบยอด เป็ นเรอ่ื งทท่ี าจะ ยากกวา่ การวเิ คราะห”์ (วรภทั ร์ ภเู่ จรญิ :2546)

“ การสงั เคราะห์ หมายถงึ ความสามารถใน การรวบรวมสว่ นยอ่ ยของสงิ่ ตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพอื่ ใหก้ ลายเป็ นเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณห์ รอื ปรากฏการณห์ รอื แนวคดิ รปู แบบใหม”่ (เยาวลกั ษณ์ พพิ ฒั นจ์ าเรญิ กลู กศม เทคโนโลยที างการศกึ ษา)

“การสงั เคราะห์ ถอื เป็ นเครอื่ งมอื ทาง ความคดิ ของตวั เรา ใหอ้ ยใู่ นฐานะผแู้ ตง่ / ผปู้ ระพนั ธ”์ (Allene Cooper :1996)

ผลงานเชงิ สงั เคราะห์ ผลงานทแ่ี สดงกระบวนการรวบรวมเนอื้ หา สาระตา่ ง ๆ หรอื องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั โดยตอ้ งอาศยั ความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการสรา้ งรปู แบบหรอื โครงสรา้ งเบอ้ื งตน้ เพอื่ ใหเ้ กดิ แนวทาง หรอื เทคนคิ วธิ กี ารใหมใ่ นเรอ่ื งนน้ั ๆ ซง่ึ เป็ นประโยชนต์ อ่ งานของหนว่ ยงานหรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษา (ก.พ.อ.)

“ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ ป็ นการสงั เคราะหค์ วาม คดิ เห็นตา่ ง ๆ ใหม้ ารวมตวั กนั เป็ น ของใหม่ โดยยดึ หลกั ผลรวมทง้ั หมดของ รปู พรรณสณั ฐานใหมม่ คี า่ มากกวา่ ผลบวกของสว่ นยอ่ ย ๆแตล่ ะสว่ น” (Robert W. Olson)

การคดิ สรา้ งสรรค์ -เป็ นการสรา้ งสรรคส์ งิ่ ใหม่ ๆ ทแ่ี ตกตา่ งไป จากเดมิ ทใ่ี ชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม -การขยายขอบเขตความคดิ ออกไปจาก กรอบความคดิ เดมิ ทม่ี อี ยู่ สคู่ วามคดิ ใหม่ ๆ ทไ่ี มเ่ คยมมี ากอ่ น เพอ่ื คน้ หา คาตอบทดี่ ที สี่ ดุ ใหก้ บั ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ -องคป์ ระกอบของความคดิ สรา้ งสรรค์ (1)ตอ้ งเป็ นสงิ่ ใหม่ (2)ตอ้ งใชก้ ารได้ (3)ตอ้ งมคี วามเหมาะสม

การสงั เคราะห์ SYNTHESIS มาจากคาวา่ SYN (ซนิ ) แปลวา่ รวม และคาวา่ THESIS (ธซิ ซิ ) แปลวา่ ปรากฏการณใ์ หม่ “การคดิ สงั เคราะห์ –ความสามารถในการคดิ ทด่ี งึ องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ มาหลอมรวมกนั ภายใตโ้ ครงรา่ งใหมอ่ ยา่ งเหาะสม เพอ่ื เกดิ สง่ิ ใหมท่ ม่ี ลี กั ษณะเฉพาะแตกตา่ งไป จากเดมิ

“การคดิ เชงิ สงั เคราะห์ –ความสามารถในการ ทด่ี งึ องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ มาหลอมรวมหรอื ถกั ทอภายใตโ้ ครงรา่ งใหมอ่ ยา่ งเหมาะสม ตรงตามวตั ถปุ ระสงค”์ “1.การคดิ ทต่ี อ้ งออกแรงทงั้ ในการคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอื่ งทจี่ ะคดิ ทมี่ จี านวนมากและกระจดั กระจายอยู่ ตามทต่ี า่ ง ๆ 2.ตอ้ งมาคดั กรองเอาเฉพาะ เรอื่ งทเี่ กยี่ วโยงกบั เรอ่ื งทคี่ ดิ 3.แลว้ เอามา หลอมรวมกนั ใหอ้ ยภู่ ายใตแ้ บบ/โครงรา่ ง เดยี วกนั ”

การคดิ เชงิ สงั เคราะห์ 1.สรา้ งสง่ิ ใหม-่ การประดษิ ฐส์ งิ่ ของ เครอื่ งใช้ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ งานศลิ ปะ 2.สรา้ งแนวคดิ ใหม-่ พฒั นาแนวคดิ ใหม่ ๆ คดิ ในมติ ใิ หม่ ๆ ใชเ้ ทคนคิ ระดมสมอง ใช้ เทคนคิ เดลฟาย

ประเด็นสาคญั ของงานสงั เคราะห์ 1.ทาสงิ่ ใหม-่ มี 2 ลกั ษณะ 1.1 เปลยี่ นแปลงรปู ลกั ษณแ์ ทบไมเ่ หลอื เคา้ โครงเดมิ –นากระดาษมาทาเป็ นโตะ๊ 1.2ผสมผสานสว่ นประกอบยอ่ ย ตา่ ง ๆ กลายเป็ นของใหม-่ ทากบั ขา้ ว

2.หาทางเลอื กใหม่ สงิ่ ทป่ี ฏบิ ตั อิ ยเู่ ดมิ ไร้ ประสทิ ธภิ าพ /บรบิ ทเปลย่ี นแปลง /พบ อปุ สรรคไมค่ าดคดิ

3.สรปุ สงิ่ ทกี่ ระจดั กระจา่ ยเกย่ี วกบั เรอ่ื งใด เรอ่ื งหนงึ่ เอาไวด้ ว้ ยกนั -สงั เคราะหเ์ ชงิ วพิ ากษ์ นาขอ้ มลู ทม่ี อี ยู่ หลากหลายมาตรวจสอบวพิ ากษห์ า จดุ เดน่ ขอ้ จากดั ความเหมาะสม-ไม่ เหมาะสม อยา่ งละเอยี ดแลว้ นามา สงั เคราะหห์ ลอมรวมเขา้ ดว้ ยกนั ใน รปู แบบทวี่ างไว้ - สงั เคราะหเ์ ชงิ สรา้ งสรรค์ นาขอ้ มลู ตา่ ง ๆมาหาความสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงอยา่ ง สมเหตสุ มผล กลายเป็ นสง่ิ ใหม่ ทงั้ 2 ดงั กลา่ ว ไมส่ ามารถแยกออกจากกนั อยา่ งชดั เจน

ลกั ษณะนสิ ยั ของนกั คดิ เชงิ สงั เคราะห์ 1.ไมช่ อบสง่ิ เดมิ -ชอบถามหาสง่ิ ใหม่ 2.ไมน่ ง่ิ เฉย-ชอบสะสมขอ้ มลู 3.ไมช่ อบจบั แพะชนแกะ-ชอบเชอ่ื โยงเหตุ และผล 4.ไมช่ อบแปลกแยก-ชอบผสมผสาน 5.ไมช่ อบคลมุ เครอื -ชอบคมชดั ในประเด็น 6.ไมล่ าเอยี ง-ชอบวางตนเป็ นกลาง

ลกั ษณะนสิ ยั ของนกั คดิ เชงิ สงั เคราะห์ 7.ไมช่ อบยงุ่ เหยงิ -ชอบระเบยี บระบบ 8.ไมท่ อ้ ถอย-ชอบมานะพรากเพยี ร 9.ไมค่ ดิ แยกสว่ น-ชอบคดิ หลายมติ ิ

ตวั อยา่ งทเ่ี กดิ จากการสงั เคราะห์ หนงั สอื เกดิ จากการสงั เคราะหแ์ นวคดิ ตา่ ง ๆ ถกั ทอกนั เป็ นหนงั สอื หรอื บทประพนั ธ์ รถยนต์ เกดิ จากการสงั เคราะหส์ ว่ นประกอบ ตา่ ง ๆ พวงมาลยั เบาะ กระจก ลอ้ เครอ่ื งยนตฯ์ ขา้ ผดั เกดิ จากการสงั เคราะห์ สว่ นประกอบ ตา่ ง ๆ นามนั ขา้ ว ไข่ หมู ฯ

การเลอื กเรอื่ งทจี่ ะทางานเชงิ สงั เคราะห์ 1.งานในหนา้ ที่ 2.งานทต่ี นมคี วามชานาญเชย่ี วชาญ 3.เป็ นเรอื่ งทต่ี นสนใจ Hot ในชว่ งนน้ั 4.เรอ่ื งทห่ี าขอ้ มลู ไดส้ ะดวก ทนั สมยั 5. ประโยชน์ หนา้ ท่ี หนว่ ยงาน สถาบนั 6.ขอบเขตไมก่ วา้ ง แคบจนเกนิ ไป 7.เวลา ตอ้ งมน่ั ใจวา่ มเี วลาพอ

งานสงั เคราะหท์ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ การทาโครงการเสนอผบู้ รหิ าร โดยตอ้ ง เอาขอ้ มลู มาจากหลายแหลง่ (ผลงานวจิ ยั ตารา หนงั สอื บทความ สมั ภาษณ์ รายงานการประชุม) แลว้ นามารอ้ ยเรยี ง กนั เชอ่ื มโยงกนั อยา่ งมรี ะบบอยใู่ น รปู แบบใหมท่ เ่ี ราตอ้ งการ ไมไ่ ดน้ าขอ้ มลู มาเรยี งตอ่ กนั ไวเ้ ฉย ๆ แตเ่ อามาหลอม รวม มคี ณุ สมบตั เิ ฉพาะเจาะจงเป็ นไปตาม วตั ถปุ ระสงค์ และสามารถนาไปใช้ ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม “

งานสงั เคราะห์ ทไ่ี ดจ้ ากการประชุมสมั มนา ชอื่ “รายงานการสงั เคราะห์ ขอ้ เสนอแนะ ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาบคุ ลากร มศว” โดยทาการสงั เคราะหค์ วามคดิ เห็นของ ทกุ คนทไี่ ดจ้ ากการประชุมสมั มนา มา จดั ทาเป็ นรายงาน จดั เรยี งเป็ นหมวดหมู่ ขนึ้ ใหม่ โดยลาดบั โครงรา่ งความคดิ ใหม่ เรมิ่ ตง้ั แต่ ความหมาย ความสาคญั เป้ าหมาย ยทุ ธศาสตร์ การแบง่ หมวดหมู หวั ขอ้ บท ตอนใหช้ ดั เจน

งานสงั เคราะหท์ ไี่ ดจ้ ากการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ควร เลอื กงานทม่ี ผี ลสมั ฤทธต์ิ าตวั ชว้ี ดั อธบิ ายวา่ งานชนิ้ นส้ี าเร็จ ตอบสนองนโยบาย ของหนว่ ยงาน/สถาบนั อยา่ งไร เป็ นงาน ทตี่ อ้ งใชค้ วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรคอ์ ยา่ งไร ตอ้ งใชค้ วามรตู้ ามทฤษฎี ขอ้ กฎหมายท่ี เกย่ี วขอ้ งอะไรบา้ ง มขี น้ั ตอนการทางาน อยา่ งไร มเี งอื่ นเวลาในการปฏบิ ตั งิ าน อยา่ งไรบา้ ง มคี วามยงุ่ ยากซบั ซอ้ น อยา่ งไร ใชเ้ ทคนคิ อยา่ งไร ขอ้ ควรระวงั สมรรถนะ มปี รมิ าณและคณุ ภาพ มี ปญั หา/ขอ้ เสนอแนะ มปี ระโยชน์

ตวั อยา่ ง “การพฒั นาบคุ ลากร ทป่ี ระสบ ความสาเร็จตามตวั ชว้ี ดั ของ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ” “เทคนคิ ในการปฏบิ ตั งิ านพฒั นา บคุ ลากร สงั กดั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ”

บทท่ี 1 ความสาคญั ความหมายและ มาตรฐานความสาเร็จ -ความสาคญั -ความหมาย -มาตรฐานวดั ความสาเร็จ บทท่ี 2 การบนั ทกึ ปรมิ าณ คณุ ภาพของาน และขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน -การบนั ทกึ ปรมิ าณงานและ คณุ ภาพของงาน -ขนั้ ตอนการทางาน -แผนกลยทุ ธใ์ นการปฏบิ ตั งิ าน

บทท่ี 3 เทคนคิ ในการปฏบิ ตั งิ าน -หลกั กฎหมาย/ทฤษฎี -ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ -สมรรถนะ -จรรยาบรรณ/จรยิ ธรรม -ขอ้ ควรระวงั /ขอ้ สงั เกต -การทาใหผ้ รู้ บั บรกิ ารพงึ พอใจ

บทท่ี 4 ปญั หา อปุ สรรค แนวทางแกไ้ ขและ พฒั นางาน -ปญั หาอปุ สรรค -แนวทางแกไ้ ข -แนวทางพฒั นางาน -ขอ้ เสนอแนะ

การกาหนดกรอบแนวคดิ ขน้ั ที่ 1 รวบรวมความคดิ ขอ้ มลู ทมี่ ี ขน้ั ท่ี 2 จดั หมวดหมคู่ วามคดิ ขอ้ มลู ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั ท่ี 3 จดั ลาดบั ความรคู้ วามคดิ นาขอ้ มลู มา เรยี งลาดบั ขนั้ ที่ 4 วางโครงรา่ ง จดั ทาสารบญั

รปู แบบของโครงรา่ ง Outline แบบท่ี 1 เนอ้ื หามาก แบง่ เป็ นตอน แบง่ เป็ น บท ประเด็นหลกั ประเด็นยอ่ ย แบบท่ี 2 เนอ้ื หาไมม่ ากเหมอื นแบบที่ 1 แต่ พอแบง่ เป็ นบท ๆ ได้ แบบท่ี 3 เนอื้ หาไมม่ ากพอทจี่ ะแบง่ เป็ นบท ตอ้ งแบง่ ออกเป็ นตอน ๆ

ตวั อยา่ งแบบท่ี 1 ตอนท่ี 1..... บทที่ 1... ประเด็นหลกั ... ประเด็นหลกั ... ประเด็นยอ่ ย... บทที่ 2... ประเด็นหลกั ... ประเด็นยอ่ ย... ตอนท่ี 2... บทท่ี 3....

ตวั อยา่ งแบบที่ 2 เรอ่ื ง พฤตกิ รรมผนู้ าสาย สนบั สนนุ วชิ าการในสถาบนั อดุ มศกึ ษา บทท่ี 1 ความหมาย ความสมั พนั ธข์ องอานาจ หนา้ ทแ่ี ละผนู้ ากบั การบรหิ าร -ความหมาย -ความสมั พนั ธข์ องอานาจหนา้ ที่ -ผนู้ ากบั การบรหิ าร -สรปุ

บทที่ 2 ลกั ษณะของผนู้ า -ลกั ษณะของผนู้ าทปี่ ระสบผลสาเร็จ -ลกั ษณะของผนู้ าทปี่ ระสบความลม้ เหลว -ลกั ษณะของผนู้ า 3 แบบ -การเป็ นผนู้ าโดยสถานการณ์ -ขอ้ บกพรอ่ งของผนู้ า -การพฒั นาผนู้ า -สรปุ

บทท่ี 3 งานของผนู้ าสายสนบั สนุนวชิ าการ -ดา้ นแผนงาน -ดา้ นบรหิ าร -ดา้ นบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล -ดา้ นบรหิ ารทรพั ยากรและงบประมาณ -สรปุ

บทท่ี 4 แบบของผนู้ า -แบบเนน้ คนและแบบเนน้ งาน -แบบเนน้ หวั หนา้ และแบบเนน้ ลกู นอ้ ง -แบบเนน้ มติ รสมั พนั ธก์ บั กจิ สมั พนั ธ์ -แบบอาศยั แรงจงู ใจ -แบบคณุ ลกั ษณะเฉพาะตวั -แบบการครองตาแหนง่ -แบบเปิ ดโอกาส -แบบแนวคดิ PERT -แบบแนวคดิ LEVINE -แบบ BLACK&MOUTON -แบบทฤษฎี X แบบทฤษฎี Y -สรปุ

บทที่ 5 พฤตกิ รรมผนู้ าสายสนบั สนนุ วชิ าการ -การสอื่ ความหมาย -การตดั สนิ ใจเพอื่ แกป้ ญั หา -มนษุ ยสมั พนั ธ์ -สรปุ บรรณานุกรม ประวตั ผิ เู้ ขยี น

ตวั อยา่ งแบบท่ี 3 เรอื่ ง การทางานเชงิ สงั เคราะห์ ขา้ ราชการประเภททว่ั ไป วชิ า ชะเฉพาะ เชย่ี วชาญเฉพาะ พนกั งาน มหาวทิ ยาลยั สายสนบั สนนุ วชิ าการ (ฉบบั เรง่ รดั พ.ศ.2554) ตอนท่ี 1 ความสาคญั ความหมาย และการ เลอื กเรอื่ งทางานเชงิ สงั เคราะห์ -ความสาคญั -ความหมาย -การเลอื กเรอื่ งทางานเชงิ สงั เคราะห์

ตอนที่ 2 กรอบแนวคดิ และรปู แบบงานเชงิ สงั เคราะห์ -การกาหนดกรอบแนวคดิ -รปู แบบโครงรา่ ง -การทาบรรณานุกรม คานยิ ม คานา ภาคผนวก และประวตั ผิ เู้ ขยี น

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ สว่ นประกอบตอนตน้ *ปกนอก *ปกใน *คานยิ ม *คานา *สารบญั *บญั ชตี าราง/บญั ชภี าพประกอบ

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ วเิ คราะห์ สว่ นประกอบเนอื้ หา *สว่ นทจ่ี ดั ทาสารบญั เป็ นบท ๆ สว่ นประกอบตอนทา้ ย *บรรณานุกรม *ภาคผนวก *ประวตั ผิ เู้ ขยี น

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ คานยิ ม *รบั รองจากผบู้ งั คบั บญั ชา ผเู้ ชย่ี วชาญ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ผมู้ ชี อ่ื เสยี งเป็ นทยี่ อมรบั ในชว่ งนน้ั เพอื่ ใหผ้ ลงานเป็ นที่ นา่ เชอื่ ถอื มากยง่ิ ขนึ้ คานา *บอกขอบขา่ ยของเรอ่ื ง *สาเหตทุ ส่ี นใจ *จดุ มงุ่ หมาย *ขอบคผุ ชู้ ว่ ยเหลอื

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ สารบญั เป็ นบญั ชบี อกแตล่ ะบท หวั ขอ้ สาคญั ที่ เรยี งลาดบั ปรากฏอยหู่ นา้ ใดในเลม่ บญั ชตี าราง/ภาพประกอบ *แยกตารางและภาพประกอบ วา่ มี อะไรบา้ งอยหู่ นา้ ใด *ตอ้ งกลา่ วนาตาราง/ภาพประกอบกอ่ น วา่ จะแสดงอะไร และตอ้ งมเี ลขกากบั

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ บรรณานกุ รม *จะอยตู่ อ่ จากบทสดุ ทา้ ย เป็ นการบอกวา่ ผเู้ ขยี นไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ มาจากทไี่ ด้ บา้ ง ของใคร เมอื่ ไร *อา้ งองิ นาม - ปี เอามาจากการอา้ งองิ ในเนอ้ื หา * ใหเ้ อาภาษาไทยขน้ึ กอ่ น และตามดว้ ย ภาษาตางประเทศ

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ ภาคผนวก เป็ นสงิ่ ทช่ี ว่ ยใหผ้ คู้ น้ ควา้ ไดเขา้ ใจชดั เจนยงิ่ ขนึ้ ไมใ่ ช้ เนอื้ หาของงาน จะมหี รอื ไม่ แลว้ แตค่ วามจาเป็ น สง่ิ สาคญั อยทู่ เี่ นอื้ หา

สว่ นประกอบของรปู เลม่ งานเชงิ สงั เคราะห์ ประวตั ผิ เู้ ขยี น เขยี นประวตั อิ ยา่ ยอ่ วา่ มคี วามรคู้ วามชานาญ เชย่ี วชาญอยา่ งไร ทาใหผ้ ลงาน เป็ นทน่ี า่ เชอ่ื ถอื ใหผ้ ศู้ กึ ษา คน้ ควา้ ตดิ ตอ่ สอบถามเรอื่ งราว เพมิ่ เตมิ ได้

“นกั สงั เคราะห์ เป็ นคนชอบความทา้ ทาย ชอบการเผชญิ กบั สง่ิ ใหม่ ๆ แสวงหาสง่ิ ใหม่ ๆ ไมจ่ บั แพะชนแกะ ชอบความ เชอื่ มโยงอยา่ งมเี หตแุ ละผล” “นกั สงั เคราะหท์ ดี่ ี จะตอ้ งสามารถเห็นความ เหมอื นกนั ทา่ มกลางความแตกตา่ งท่ี เดน่ ชดั ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ทนี่ ามาเชอ่ื มโยง ได”้ แฮรสิ นั และแบรมสนั 2002

ตน้ ไม้ ..ยงั สงั เคราะหแ์ สงเพอ่ื ให้ ไดพ้ ลงั งานในการเตบิ โต.. คนเรา..ก็สามารถทางานเชงิ สงั เคราะหจ์ ากงานประจา เพอื่ ความกา้ วหนา้ ไดเ้ ชน่ กนั ..

สวสั ดี ขอบคณุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook