Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ilovepdf_merged

ilovepdf_merged

Published by Kreangkrai Losuwan, 2020-04-24 00:43:55

Description: ilovepdf_merged

Search

Read the Text Version

แบบบนั ทึกองค์ความร้รู ายบคุ คล สานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอหนองไผ่ อาเภอหนองไผ่ จังหวดั เพชรบรู ณ์

แบบบนั ทกึ องค์ความรูร้ ายบคุ คล ช่อื องค์ความรู้ ธรรมาภิบาลสร้างคนสร้างงานสร้างรากฐานงานพัฒนาชุมชน ชอ่ื เจ้าขององคค์ วามรู้ นางบาเพญ็ จนั ทรก์ ุบ พัฒนาการอาเภอหนองไผ่ องคค์ วามรทู้ ่ีบ่งชี้ (เลอื กได้จานวน 1 หมวด)  หมวดท่ี 1 สร้างสรรคช์ ุมชนพึง่ ตนเองได้  หมวดท่ี 2 ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากใหข้ ยายตวั อยา่ งสมดลุ  หมวดท่ี 3 เสริมสรา้ งทุนชุมชนให้มีธรรมาภิบาล  หมวดที่ 4 เสริมสรา้ งองค์กรให้มีขดี สมรรถนะสงู ความเปน็ มาและความสาคัญในการจดั ทาองคค์ วามรู้ จากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินท่ีมีธรรมาภิบาล และ นโยบายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ ยึดหลักการบริหารกิจการ บ้านเมอื งท่ีดี เพอื่ สรา้ ง ความเชอื่ มั่นและความไวว้ างใจในระบบราชการ จงึ ต้องมีวธิ ีบรหิ ารสานักงานท่ดี ี เพื่อให้ บรรลเุ ปา้ หมายตามตวั ช้วี ัดการปฏิบัติ ราชการกรมการพัฒนาชุมชน การพัฒนาทีมงานและสร้างขวัญกาลังใจ แก่บุคลากรในทีมงาน จึงมคี วามสาคัญมาก แนวคิดเก่ียวกับการบริหารจัดการ การบริหารเป็นเร่ืองที่สาคัญอย่างยิ่ง ต่อการดาเนินงาน ขององค์การ เพราะเปน็ เครือ่ งมอื สาคญั ทจ่ี ะชใี้ หเ้ หน็ ความสาเรจ็ หรือความล้มเหลว ความมีประสิทธิภาพหรือ ความไร้ประสิทธิภาพของ หน่วยงาน ประสิทธิภาพเป็นเคร่ืองบ่งชี้ให้ทราบถึง ความเจริญก้าวหน้าของสังคม ความก้าวหน้าของ วิทยาการต่างๆ ที่สาคัญที่จะนาไปสู่ความเจริญ ก้าวหน้า เป็นลักษณะการทางานร่วมกัน ของกลุ่ม บุคคลในองค์การ นักบริหาร จะต้องคานึงถึงปัจจัยส่ิงแวดล้อมต่างๆ การวินิจฉัย ส่ังการเป็นเครื่อง แสดงให้ทราบถึงความสามารถ โดยเฉพาะการบริหารจัดการสานักงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จึงต้องมีวิธี บริหารสานักงาน ให้เป็นหน่วยงานใสสะอาด เพื่อเป็นมาตรการในการส่งเสริม ให้หน่วยงานในสังกัดมีการ บริหารราชการดว้ ยความโปร่งใส ตลอดจนส่งเสริมให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซื้อสัตย์ สุจริต ปราศจากการทาผิดวนิ ยั รปู แบบ กระบวนการ หรือลาดับขน้ั ตอน ๑. ด้านบทบาทผบู้ รหิ าร พยายามให้หนว่ ยงานเป็นองคก์ รทม่ี ีความโปร่งใส 1.1 การบริหารงานบุคคล มีการบริหารงานบุคคลอย่างโปร่งใส และมี ประสิทธิภาพเพ่ือให้บุลากร เก่งดี มีสุข มีความผูกพันกับองค์กร และมีภาพลักษณ์ที่ดี และชัดเจน ได้รับการ ยอมรับจากหนว่ ยงานภาคี และผู้บงั คบั บัญชาทุกระดบั ชั้น ดว้ ยการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ เพ่มิ พูนความรู้ ผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชามีหน้าที่กากับทิศทาง ทักษะในการทางาน สอนแนะ แจงค่าเป้าหมายการปฏิบัติราชการ ร่วมจัดทาแผนปฏิบัติการ ร่วมดาเนินการ สร้างระบบความผูกพันด้วยการช่วยเหลือเก้ือกูล ดูแลเอาใจใส่ สารทุกข์สุขดิบ ดูแลสวัสดิการ ดูแลโอกาสและ ความเจริญก้าวหน้า ยกย่อง ให้เกียรติ ให้โอกาส เสริมคุณค่า และพฒั นาจติ ใจ ดงั น้ี

-2- ๑.๑.1 การพัฒนาทีมงาน ปรับเปล่ียนทัศนคติ ให้มีความคิดเชิงสร้างสรรค์และเชิงบวก พฒั นาวุฒภิ าวะทางอารมณ์ พฒั นาทกั ษะทมี งานให้มคี วามเชี่ยวชาญตามบทบาทหน้าที่ในลักษณะสหวิทยากร ใช้การ Cross Function และ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เสริมสร้างแรงจูงใจ ยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างความ พึงพอใจ และความสมดุลระหว่าง ชีวิตและการทางาน ส่งเสริม ให้มีความก้าวหน้า และความมั่นคงในหน้าที่ การงาน พฒั นาทักษะการทางานกบั ชุมชนดว้ ยเป้าหมาย เกง่ คน อนั ได้แก่ ต้องรู้จักคน ต้องรู้ใจคน ต้องเข้าถึง คน พัฒนาทักษะด้านองค์ความรู้ เกี่ยวกับงานของกรมฯ งานตามนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อปฏิบัติและ กระบวนการทางานเชิงยุทธศาสตร์ฯ พัฒนาด้านบุคลิกภาพ การวางตน การแต่งกาย การใช้วาจา มิตรไมตรี และการประสานงาน อาจใช้วธิ กี ารต่างๆเชน่ -การเล่าเร่ือง (Story Telling) เร่ืองราวท่ีบอกเล่าทา ให้ผู้ฟังเข้าไปร่วมอยู่ใน ความคิด มีความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหน่ึงของเรื่องที่เล่า มีความต้องการ ที่จะหาคา ตอบ เพ่ือแก้ปัญหา เรอื่ งราวและความคิดตา่ งๆ ในเรอื่ งท่เี ลา่ นนั้ -เพ่ือนช่วยเพ่ือน (Peer Assist) เป็นการประชุมซ่ึงเชิญสมาชิกจากทีมอ่ืน หรือท่ี เรียกว่า เครอื ขา่ ย มาแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจใหแ้ กท่ ีม ซึ่งต้องการความช่วยเหลือ ผู้ท่ีถูกเชิญ มาอาจจะเปน็ คนที่อยู่ใน องค์กรหรือชมุ ชนอ่นื กไ็ ด้ -การใช้ท่ีปรึกษาหรือพี่เล้ียง (Mentoring Programs) เป็นวิธีการพัฒนา ความสามารถบุคคล ซ่งึ สว่ นมาก จะมุ่งเน้นท่ีบุคคลใหม่ท่ีจา เป็นต้องมีการสอนงานอย่างรวดเร็ว เพ่ือสามารถ ปฏิบัตงิ านได้ในเวลาอันสั้น โดยการมอบหมายให้พ่ี เลย้ี งเป็นผูแ้ นะนาและสอนวธิ ีการทา งาน -การ Coaching งาน เพ่อื สอนแนะและตดิ ตามงาน ๑.1.๒ ปรับทัศนคติและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมให้ทุกคนปรับเปลี่ยนทัศนคติ และปฏิบตั ติ ามพระบรมราโชวาท “เขา้ ใจ เข้าถงึ พฒั นา” -ส่งเสริมให้ทุกคนปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล มีจริยธรรม/จรรยาบรรณ เสริมสร้าง วัฒนธรรมองค์กร ใหท้ กุ คนมแี ละปฏิบตั ติ ามค่านิยม ABC DEF S&P / -การทา Dialogue เป็นการปรับฐานความคิด โดยการฟังจากผู้อ่ืน และ ความหลากหลาย ทางความคิดท่ีเกิดขึ้น ทา ให้สมาชิกเห็นภาพ ท่ีใกล้เคียงกัน หลังจากนั้นเราจึงจัดประชุมหรืออภิปราย เพ่ือ แกป้ ญั หา หรือหาขอ้ ยตุ ิต่อไป ได้โดยงา่ ย และผลหรือข้อยุติ ที่เกิดขึ้น จะเกิดจากการท่ีเราเห็นภาพในองค์รวม เปน็ ที่ตง้ั 1.1.3 การบริหารงานบุคคลที่เปน็ ธรรม ( Man) - ดา้ นการบริหารงบประงานท่ีโปรง่ ใส ค้มุ ค่า (Budget) - ดา้ นการบรหิ ารงานท่มี ีประสทิ ธิภาพ บรรลุผลสัมฤทธิ์ (W0rk) - ด้านการจัดการเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ (Conflict)

-3- 1.2. การบริหารงาน/งบประมาณ เพ่ือให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และเกิดความคุ้มค่าใน ภารกจิ ของ ภาครัฐ กาหนดแผนปฏิบัตกิ ารและแผนการบริหารงบประมาณอย่างชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ จดั ทาแผนบรหิ ารความเส่ียง พร้อมทง้ั การบูรณาการทุนชุมชน ใหส้ อดคลอ้ งกับการบรหิ ารงบประมาณ - พัฒนาระบบการทางานแบบมุ่งผลสัมฤทธ์ิ เป้าหมายชัดเจน ด้วยการประชุมวางแผน จัดระบบ จัดลาดับความสาคัญ ความเร่งด่วนของงาน พัฒนาและสร้างนวัตกรรมการทางาน ปรับปรุงและ พฒั นางานอย่างต่อเนื่อง มีการถอดบทเรียน มอบหมายงานตามกลุ่มลักษณะงาน ยืดหยุ่น บริหารจัดการใน แนวราบ เพ่อื สร้างความคล่องตัวในการปฏิบัตงิ าน เสริมสรา้ งภาพลักษณ์ขององคก์ ร ประชาสัมพันธง์ านผ่านส่ือ ทุกชอ่ งทาง สรา้ งบรรยากาศ สรา้ งองคก์ รแห่งความ ผาสุกในการทางาน มีการถา่ ยทอดคา่ เปา้ หมายและตัวชี้วัด การปฏิบัติ ราชการฯ /ทา MOU ร่วมกัน กาหนดแผนปฏิบัติการ ร่วมดาเนินการ และประเมินผลการปฏิบัติ ราชการแบบ มีสว่ นรว่ ม และมีการรายงานผล -การบริหารวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือสารสนเทศ ดูแลระบบ IT ของสานักงานให้ดีมี ประสิทธิภาพ และใช้การได้ดีอยู่เสมอ พัฒนาส่ือต่างๆ โดยเฉพาะสื่อท่ีมีชีวิต ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ของประชาชน พัฒนาระบบสารสนเทศให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สร้างทีมเชี่ยวชาญงานพัฒนาชุมชน และ พฒั นาเครอื ข่าย บรู ณาการการท างานร่วมกนั -การบริหารกิจกรรมและโครงการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน กาหนดแผนการ ดาเนินงานให้ชัดเจน และดาเนินการตามแผน ตามขั้นตอน บูรณาการเชิงพื้นที่ สร้างและพัฒนาทีมวิทยากร ประเมินความเส่ียง และประเมนิ ผลทุกระยะ 2. การบริหารการประชาสัมพนั ธ์ เพื่อใหเ้ กดิ ภาพลกั ษณ์ขององคก์ ร มกี ารเปิดเผยขอ้ มูลข่าวสาร 2.1 สรา้ งสือ่ ประชาสมั พันธ์ พช.ย้ิมเคล่ือนที่ และ ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และสื่อทาง ช่องทางไลน์ 2.2 การรายงาน เพ่ือบริหารยุทธศาสตร์ให้องค์กรมีขีดสมรรถนะสูง ด้วยการพัฒนาระบบ การรายงาน เพิ่มช่องทางการรายงานผ่านส่ือออนไลน์ และส่ืออิเลคทรอนิกส์ให้เอื้อสะดวก รวดเร็วทัน สถานการณ์ กากบั ควบคมุ จดั ระบบการสง่ รายงานตามกาหนด 2.3 จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารสาหรับให้บริการข้อมูลข่าวสาร เพ่ือให้ประชาชนเข้าถึงและ ตรวจสอบขอ้ มลู ข่าวสาร โดยมีเจา้ หนา้ ท่รี ับผิดชอบศูนย์ฯ มีการประสานงาน สร้างภาคีเครือข่ายการเช่ือมโยง สร้างทมี ตดิ ตามใหก้ าลงั ใจและสรา้ งแรงจูงใจ การบริการส่อื ตา่ งๆ เคร่ืองมือ ความรู้ ทักษะ เทคนิค สรุปลการ จัดซื้อจัดจ้าง รายงานผู้บรหิ ารทราบ 3. ด้านการมสี ว่ นร่วมของประชาชน ส่งเสริมประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วม เช่นมีการแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ประชาชน เขา้ มามสี ่วนร่วมในการตรวจสอบ หรือแสดงความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้มารับบริการทางแบบสอบถาม หรอื อิเลคทรอนิกส์ หรอื ลงช่อื ผ้มู าใชบ้ รกิ าร

-4- 4. ด้านการเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรม และจรรยาข้าราชการ - “พช.ร่วมใจ ต้านภัยทุจริต” ติดบริเวณท่ีมองเห็นอย่างชัดเจน ณ สานักงานพัฒนา ชุมชนจังหวัด/อาเภอ เพ่ือรณรงค์และสร้างกระแสการต่อต้านการทุจริต คอรัปช่ัน ของข้าราชการและ ประชาชนผู้มาขอรบั บรกิ ารในวงกวา้ ง -สง่ เสริมใหข้ า้ ราชการมีความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม กล้ายืนหยัดในสิ่ท่ี ถูกต้อง ดารงชวี ิตและปฏิบตั ิงานโดยยึดหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 5.ด้านสภาพแวดลอ้ มทที่ างาน (กจิ กรรม 5 ส) ส่งเสริมให้เกิดการจัดระเบียบเรียบร้อยในที่ทางาน ก่อให้เกิดสภาพการทางานท่ีดีปลอดภัย และสารวจความพงึ พอใจดา้ นสภาพแวดลอ้ มสถานท่ที างานของผมู้ าติดต่อราชการ ๖. จัดเวทีสรุปผลการดาเนินงาน -สรา้ งขวัญกาลังใจ/มอบรางวลั เชดิ ชเู กียรติ -แสดงผลงาน/ถอดบทเรยี น เทคนิคในการปฏิบตั งิ าน 1. ใช้เวทปี ระชุมเจา้ หน้าที่ ในการสร้างความเขา้ ใจ 2. กาหนดบทบาท แบ่งหน้าท่ีอย่างชัดเจนให้แก่แกนนา เพื่อให้มีการติดตามผลการ ดาเนนิ งาน 3. ศึกษาตน้ คว้าหาความรูต้ ลอดเวลาใหท้ นั กับสถานการณ์ 4. สร้างทีมงานภาคประชาชนเข้ามสี ว่ นร่สม 5.ใชแ้ ผนปฏบิ ัตงิ านในการควบคมุ การดาเนินกจิ กรรมทุกขัน้ ตอน ปญั หาทพี่ บและแนวทางการแก้ไขปัญหา ๑. ความเคยชินสมยั เดมิ ๆท่ีปฏิบัติมาบางครงั้ อาจไม่ถกู ระเบยี บฯ ไม่ถูกตอ้ ง เพียงถูกใจ ๒. เอกสารการตรวจสอบ การควบคุมกากับ ไมเ่ ป็นปัจจุบัน 3. แผนป้องกันความเสยี่ งมีนอ้ ยและไม่ค่อยปฏิบัติ 4. การวางแผนการปฏิบตั งาน การจดั ลาดับความสาคญั ความเร่งด่วนของงานมีน้อย 5. เจ้าหน้าท่ี/คนร่นุ ใหม่ บางสว่ นทไ่ี ม่ค่อยทุ่มเทในงาน ไมค่ ่อยเสยี สละเวลา ทางานแบบให้ เสรจ็ แต่ไม่สาเรจ็ 6. การเข้าถงึ พน้ื ท่ี ชมุ ชน การแกไ้ ขปญั หา ๑. สร้างความเข้าใจและปรบั ทัศคติต่อเจ้าหนา้ ที่ และผู้นา ผู้ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ๒. จดั ทาแผนการปฏบิ ัติงาน จัดลาดับความเรง่ ดว่ นของงานส่งทกุ เดอื น/สปั ดาห์ 3. จดั ระบบการกากบั ดูแล โดย ใหแ้ บง่ ความรบั ผดิ ชอบให้เจ้าหนา้ ที่ควบคุม ดแุ ลกนั เองและ รายงานผุ้บงั คบั บัญชา 4. จัดทาแผนระบบป้องกันความเสยี่ งและทาอย่างเป็นรปู ธรรม 5. จดั ต้งั ทีม “อาสาพัฒนากรนอ้ ย” มาจากภาคประชาชนผนู้ ากลุ่มองคก์ ร เพ่ือให้ ประชาชน มาร่วมคิด รว่ มทาร่วมรับผลประโยชน์ และตรวจสอบ ทุกตาบล 6. สร้างแรงจูงใจ โดยการประสานกลุ่ม/กองทนุ เปน็ ผูส้ นบั สนุนรางวัลบคุ คล/หนว่ ยงานที่ สามารถยกย่องใหเ้ ป็นต้นแบบ

-5- ประโยชนข์ ององคค์ วามรู้ 1.ข้าราชการตระหนักและมีทัศนคติที่ดีต่อการทางานด้วยความโปร่งใสตลอดจนรักษา ความเก่ง ความดี มีจิตสานึกใสสะอาดสู่สาธารณะ 2. มีภาคีเครอื ข่ายใสสะอาดเกดิ ขึ้น 3. เกิดภาพลักษณ์องค์กรต้นแบบความใสสะอาด มีข้าราชการเป็นท่ีเชื่อถือศรัทธาและ เปน็ ท่ไี ว้วางใจของประชาชน 4. เจ้าหน้าท่ี เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เปน็ การสร้างฐานงานพฒั นาชุมชนให้แข็งแรง ม่ันคง ม่ัน คัง่ ยง่ั ยนื *สานักงานน่าอยู่ เชิดชู คนเก่ง ดี มคี ุณธรรม*

แบบบนั ทกึ องค์ความร้รู ายบคุ คล ****************************** ๑. ช่ือองค์ความรู้ การแกไ้ ขปัญหาความยากจนอยา่ งยัง่ ยนื โดยผนู้ าอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) ๒. ชอ่ื เจา้ ของความรู้ นายเกรียงไกร โลห่ ส์ ุวรรณ ตาแหนง่ นกั วชิ าการพัฒนาชุมชนชานาญการ ๓. องค์ความร้ทู ่บี ง่ ชี้ (เลือกได้จานวน 1 หมวด)  หมวดที่ 1 สร้างสรรค์ชุมชนพง่ึ ตนเองได้  สง่ เสรมิ เศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตวั อย่างสมดลุ  เสริมสรา้ งทนุ ชุมชนให้มีธรรมาภบิ าล  เสรมิ สรา้ งองคก์ รให้มขี ึดสมรรถนะสูง ๔. ท่มี าและความสาคัญในการจัดทาองค์ความรู้ (อธิบายโดยละเอยี ด) ปญั หาความยากจน ถอื ไดว้ า่ เปน็ ปญั หาทีส่ าคญั ในอนั ดบั แรกๆของประเทศ ซึง่ เป็นทั้งปัญหาเชิง- ระบบ และเชิงโครงสรา้ งในระดับชาติ อีกทง้ั ยงั สงั่ สมมาเป็นระยะเวลายาวนาน แม้วา่ ทกุ รัฐบาลได้พยายามท่ีจะ หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน โดยมีการสนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้องเพื่อให้ดาเนินการขจัดปัญหาความยากจนให้ครอบคลุมทั่วถึงท้ังประเทศ และประสบความสาเร็จ รวมทง้ั ช่วยลดปรมิ าณครวั เรือนยากจนลงได้ แต่รปู แบบในการบริหารจัดการท้ังแผนงานโครงการงบประมาณ ตา่ งๆ รวมถงึ หน่วยงานยังคงเป็นไปแบบแยกดาเนินการ ต่างคนต่างปฏิบัติหน้าท่ี หรืออาจเรียกได้ว่าต่างคน ต่างทา จึงทาใหก้ ารดาเนนิ งานขจัดความยากจนขาดพลังในการขับเคล่ือนในการแก้ไขปัญหา และประชาชน ยงั คงไม่ได้รับความช่วยเหลอื ในการแกไ้ ขปัญหาความยากจนได้อย่างไม่เต็มท่ี อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ ละพ้ืนท่ีน้ันถือได้ว่าประชาชนเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจปัญหาน้ันมากท่ีสุด และเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่าง แท้จริง จึงเหน็ ควรให้ประชาชนเปน็ ผ้แู ก้ไขปัญหาของตนเองโดยทม่ี หี น่วยงานของรฐั ใหก้ ารสนับสนนุ ชว่ ยเหลอื ๕. รูปแบบ กระบวนการ หรือลาดบั ขนั้ ตอน (อธิบายโดยละเอียด) วิธีดาเนนิ การ ๑) ประชุมผู้นาอาสาพฒั นาชุมชน (ผู้นา อช.) เพ่ือสร้างความเข้าใจในนโยบายการดาเนิน “โครงการพัฒนาผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.)” บทบาทหน้าท่ีของอาสาพัฒนาชุมชนและภารกิจ ๑๐ ประการ ทกี่ รมการพัฒนาชมุ ชนมอบหมายให้ผนู้ าอาสาพัฒนาชมุ ชน (ผนู้ า อช.) ร่วมปฏิบัตเิ พ่ือพัฒนาหมู่บ้าน/ ชุมชนให้เข้มแข็ง และนโยบายสาคัญเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยกลยุทธ์การ แก้ไขปัญหาความ ยากจนเชิงบรู ณาการ : ชี้เปา้ ชวี ติ จดั ทาเขม็ ทิศชีวติ บรหิ ารจัดการชวี ติ ดูแลชีวิต ๒) สง่ เสริม/สนบั สนุนให้เจ้าหน้าท่ีพัฒนาชุมชนร่วมกับผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) ในการคัดเลือกครัวเรือนเป้าหมาย จากทะเบียนบัญชีครัวเรือนยากจนเป้าหมายและมอบหมายให้ผู้นาอาสา พฒั นาชมุ ชน (ผู้นา อช.) ๑ คนรับผิดชอบครวั เรอื นเป้าหมาย ๒ ครัวเรือน และให้ผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) จดั ทาแผนปฏิบัติการเย่ยี มเยยี นครวั เรือนเปา้ หมายเป็นประจาทุกเดอื นอยา่ งสม่าเสมอ ๓) ประสานจัดหางบประมาณจากหน่วยงานและท้องถ่ินสนับสนุนปัจจัยการผลิตแก่ผู้นา อาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) ในการยกระดับรายไดใ้ หแ้ ก่ครัวเรอื นยากจน

๒ ๔) นาเสนอผลการดาเนินงานเยี่ยมบ้านครัวเรือนเป้าหมายของผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผนู้ า อช.) ในทีป่ ระชุมรายไตรมาสของผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) ทุกๆ ไตรมาส เพ่ือปรึกษา ประสาน ความร่วมมือ ในการสนับสนุนครัวเรือนเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้ หน่วยงานภาคีการ พัฒนาออกติดตามให้กาลังใจแก่ครัวเรือนเป้าหมายอย่างสม่าเสมอเพ่ือเป็นขวัญและกาลังใจ ตลอดถึงการ ประเมินผลการ ดาเนินงานและสนับสนนุ การดาเนนิ งานได้อย่างตอ่ เนื่อง ๕) สรปุ ผลการดาเนินงาน เผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ทางส่ือต่าง ๆ ทม่ี อี ยู่แล้ว ๖. เทคนคิ ในการปฏิบตั ิงาน (อธิบายโดยละเอียด) ๑. ศกึ ษาหลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ๒. ศกึ ษานโยบายของกระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนาชมุ ชน จงั หวดั และอาเภอ โดยการประชุม สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจแก่ผู้นากล่มุ /องค์กร สมาชกิ กองทุนแมข่ องแผน่ ดนิ และภาคพี ัฒนา ๓. ประสานการดาเนินงาน และจัดทาคาสั่งแต่งต้ังคณะทางาน ได้แก่ แกนนาการพัฒนา ผู้นากลุ่ม/ องค์กรและภาคกี ารพัฒนา ตลอดจนปราชญ์ชมุ ชนที่เกยี่ วขอ้ ง ๔. แต่งตั้งทีมสนับสนุน โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน และชุดปฏิบัติการระดับตาบลเพื่อส่งเสริมและ สนบั สนุนตามบทบาท ภารกจิ และหนา้ ที่ ๗. ปัญหาที่พบและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา (อธิบายโดยละเอยี ด) สาเหตุของปญั หาทีเ่ กิดจากปัจจัยภายใน ได้แก่ การมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพต่า เนอ่ื งจากการขาดโอกาสในการศกึ ษาและพัฒนาทกั ษะต่างๆ รวมทงั้ การขาดโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ เป็น ประโยชน์ นอกจากนี้ การมีปัญหาสขุ ภาพ และการมภี าระ ในการเลย้ี งดูครอบครวั ที่มขี นาดใหญ่ ประกอบ กับ การมีทรัพย์สินและที่ดินในการทากินน้อย ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นสาเหตุภายในบุคคลที่ทาให้บุคคล กลายเป็น คนจนได้ สาเหตุของปัญหาที่พบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ นโยบายการพัฒนาที่ไม่สมดุลของภาครัฐ ท่ีเน้น พฒั นาเมอื ง มากกวา่ พัฒนาชนบทหรือการพัฒนาชนบทที่เน้นแต่ทุนทางกายภาพโดยขาดการส่งเสริมทุนทาง สังคม เน้นการ ส่งเสริมอุตสาหกรรมมากกว่าการเกษตร เน้นการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เพ่ือการ พาณิชยโ์ ดยไม่ได้ คานึงถึงความยั่งยืน เน้นเป้าหมายการเจริญเติบโต ทางด้านเศรษฐกิจมากกว่าการกระจาย รายได้ เน้นการเปิด ประเทศมากเกินไปในขณะที่ยังไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบ ในด้านต่างๆ ท่ีดีพอ กระบวนการทางกฎหมาย ที่เป็นตัวสร้างความเหล่ือมล้าในสังคม และระบบราชการไม่เอ้ือต่อการแก้ปัญหา ความยากจน อีกทั้งขั้นตอนในการปฏิบัติงานท่ีซับซ้อนและล่าช้า รวมไปถึงความซ้าซ้อนของหน่วยงานต่าง ๆ ในข้ันตอนการปฏบิ ัติการ ตลอดจนความไม่สอดคล้องกันของแผนงานและงบประมาณในระดับต่าง ๆ เหล่าน้ี ล้วนเป็นปจั จยั หลกั จาก ภายนอก ทเ่ี ปน็ สาเหตุทาให้เกดิ ปญั หาความยากจนและซา้ เตมิ คนจนมากขน้ึ การหาวิธกี ารจูงใจ ให้ครัวเรือนเป้าหมายเกิดแรงบันดาลใจจากการเรียนรู้ เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติให้ เกดิ ความย่ังยืน รวมทง้ั การเสาะแสวงหาสถานทศี่ ึกษาดงู านที่ประสบความสาเร็จเป็นรูปธรรม และมีภูมิสังคม ท่คี ลา้ ยคลงึ กับหมู่บา้ นเป้าหมายทจ่ี ะขับเคลอ่ื น เพ่อื จะไดน้ ามาปฏบิ ตั ิใหป้ ระสบความสาเร็จ ดงั นี้ ๑) สร้างแกนนาหมบู่ ้าน เพ่อื เปน็ ผู้นาในการปฏิบตั แิ ละเปน็ แบบอย่างใหส้ มาชกิ ไดป้ ฏบิ ัตติ าม ๒) พิจารณาคัดเลือกครัวเรือนต้นแบบที่ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการ ดารงชีวิตเพื่อเปน็ ตน้ แบบปฏบิ ตั สิ าหรับเป็นแรงบนั ดาลใจแกค่ รวั เรือนอน่ื ๆ ๓) จัดเวทีประชาคมจัดทาแผนชุมชน เพื่อเป็นการกระตุ้น แลกเปล่ียนเรียนรู้ และการ มีส่วนร่วมของครวั เรอื นเป้าหมาย โดยประสานกับปราชญ์ชาวบ้าน หน่วยงานภาคีการพัฒนา ตลอดจนกลุ่ม/ องค์กรตา่ งๆ อาทิ กลมุ่ สตรี กลุ่มออมทรพั ย์เพอื่ การผลติ เปน็ ตน้

๓ ๘. ประโยชน์ขององค์ความรู้ (อธบิ ายโดยละเอยี ด) ๑) สามารถใช้ครัวเรือนเป้าหมายเป็นจุดเรียนรู้ หรือแหล่งเรียนรู้ พร้อมฝึกปฏิบัติในการประกอบ อาชีพ โดยยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนินชีวิตของครัวเรือนอ่ืนได้ ๒) สามารถเปน็ แบบอย่างหรือต้นแบบของครัวเรอื นท่ยี ึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๓) สามารถต่อยอดการบริหารจัดการไปยังผู้นา กลุ่ม/องค์กร ตลอดจนภาคีเครือข่ายการพัฒนา เพือ่ ใหเ้ กดิ การขยายผลใหเ้ กิดความเข้มแข็งได้ ****************************

แบบบันทกึ องค์ความรรู้ ายบุคคล ช่ือองคค์ วามรู้ “สารพนั การ “ออม” นวตั กรรมเพอ่ื พฒั นาชุมชนส่คู วามมน่ั คงและยั่งยืน ชอื่ เจา้ ขององค์ความรู้ นางสาวเรณู แสงคาพันธ์ นักวชิ าการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ องค์ความร้ทู ี่บ่งช้ี (เลอื กไดจ้ านวน 1 หมวด)  หมวดที่ 1 สร้างสรรค์ชุมชนพึง่ ตนเองได้  หมวดที่ 2 ส่งเสริมเศรษฐกจิ ฐานรากให้ขยายตัวอยา่ งสมดุล  หมวดท่ี 3 เสริมสร้างทุนชุมชนให้มีธรรมาภิบาล  หมวดที่ 4 เสรมิ สรา้ งองคก์ รให้มีขดี สมรรถนะสงู ความเปน็ มาและความสาคญั ในการจดั ทาองค์ความรู้ ปัจจุบัน หากพูดถงึ การออมคนสว่ นใหญ่มักจะเข้าใจวา่ เปน็ การเกบ็ เงินฝากในรูปแบบต่างๆทงั้ ในระบบของสถาบันการเงนิ และกล่มุ /กองทนุ ในชมุ ชน แต่ความหมายของการ”ออม”ท่ีแท้จรงิ นน้ั มไิ ด้มงุ่ ที่ ออมเงนิ อยา่ งเดยี ว แตห่ มายถงึ การออมชีวิตตนเอง ออมเงิน ออมทรัพยากรธรรมชาติ และปจั จัยในการดารง ชพี ทกุ อย่าง การออมในเบอ้ื งตน้ เป็นเรอ่ื งของคน คอื จุดเรมิ่ ต้นจะเกดิ ทค่ี น การออมจะเกิดได้กเ็ พราะคน ได้รบั การเรยี นรู้ ให้ความสาคัญ ความจาเป็นและตระหนกั ถงึ และผลหรอื คุณประโยชน์ท่ีเกดิ จากการออม เมอื่ ตนเองทาได้เองกจ็ ะสอนผู้อนื่ ต่อไป การออมจึงเปน็ เรอื่ งของการศึกษา การพฒั นาชวี ิตของคนลกั ษณะหนง่ึ คือ การฝกึ ให้รู้ ให้คดิ และให้ทาในส่ิงดมี ปี ระโยชน์ และการออมจะเกิดไดน้ น้ั กต็ ้องเริ่มตน้ ท่ีการเรยี นรู้ การคดิ และ การปฏบิ ัติอย่างจริงจัง รูปแบบ กระบวนการ หรอื ลาดับขัน้ ตอน * กาหนดรปู แบบวิธกี ารออม * เผยแพร่แนวคิด * กาหนดรปู แบบ/วิธดี าเนินการ * รบั สมคั รเข้าร่วมโครงการ * ประชาสัมพันธ/์ เผยแพร่ * ประเมนิ ผล  กาหนดรูปแบบ/วิธีการดาเนินงาน  รบั สมคั ร “ครัวเรอื นอาสา”  รูปแบบการออมครอบคลุมทุนชมุ ชน  ๕ ประเภทๆละ ๓ ครวั เรอื น  สรา้ งเคร่ืองมอื /ตวั ชีว้ ัด/เกณฑ์การวัดผล  หาผรู้ ับผดิ ชอบ  อย่างนอ้ ย ร้อยละ ๑๕ ของครวั เรอื น  เป้าหมาย ครัวเรอื นท่ีรว่ มโครงการ  วิธีการสร้างแรงจงู ใจ หมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ  เผยแพรแ่ นวคิด  ออกแบบ “สมุดการออม  พดู คุยรายตัว วิธีการ/ขน้ั ตอน  เวทีประชมุ หมู่บา้ น  ประชาสมั พันธ์/เผยแพร่  สรปุ ผลการดาเนนิ งาน  ประเมินผลรายเดอื น/ปี  เวทปี ระชุมหมู่บ้าน  เวทีประชุมของผู้นา  จัดระดับครวั เรือน  สร้างแรงจูงใจ ทอ้ งที่/ท้องถิน่ เกียรตบิ ตั ร และรางวัล

เทคนิคในการปฏิบตั งิ าน 1. ใช้เวทีประชุมผู้นาระดับตาบลในการเผยแพร่แนวคิดและสร้างการมีส่วนร่วม 3 ร่วม ไดแ้ ก่ รว่ มคิด รว่ มทาและร่วมรบั ประโยชน์ 2. สร้างกระแสการรับรู้ให้ท้ังแกนนาและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติท่ี เกดิ ผลเปน็ รูปธรรม 3. กาหนดบทบาท แบ่งหน้าท่ีอย่างชัดเจนให้แก่แกนนา เพื่อให้มีการติดตามผลการ ดาเนินงาน 4. ใช้แผนปฏบิ ตั งิ านในการควบคุมการดาเนินกิจกรรมทุกขั้นตอน ปญั หาทีพ่ บและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ๑. เป็นโครงการซึ่งต้องใช้เวลาในการสร้างผลงานทเี่ ป็นรปู ธรรม คนในชมุ ชนจึงให้ ความสาคัญน้อย ๒. คนในชุมชนยงั มีทัศนคติในการดารงชวี ิตแบบเดมิ ๆ จงึ ไมเ่ ห็นความสาคญั หรอื ไม่ยอมรับ วา่ การดาเนนิ โครงการนี้วา่ จะไดผ้ ลและสามารถแก้ไขปญั หาของชมุ ชนสู่การพ่งึ พาตนเองได้ การแก้ไขปัญหา ๑. สร้างความเข้าใจและปรับทัศคติตอ่ คนในชุมชน โดยการเข้ารว่ มประชุมชแี้ จงในโอกาส ตา่ งๆ รวมท้งั การพูดคยุ อยา่ งไมเ่ ป็นทางการ ๒. สรา้ งแรงจงู ใจ โดยการประสานกลุม่ /กองทุน เปน็ ผสู้ นับสนนุ รางวัลใหค้ รวั เรือนทส่ี ามารถ ยกย่องให้เปน็ ครัวเรอื นตน้ แบบ ประโยชน์ขององคค์ วามรู้ * ระดบั บคุ คล * ระดับชมุ ชน * ระดบั หน่วยงาน  มีตน้ ทุนของครอบครวั -  มีครัวเรอื นตน้ แบบของ  ใช้เป็นรปู แบบการสง่ เสรมิ สาหรับการประกอบสัมมาชพี ชุมชน และพฒั นาแกห่ มบู่ ้าน/ ชมุ ชน  เกิดกระบวนการเรยี นรู้ เร่อื ง - เกิดวัฒนธรรมการออม อน่ื ๆ การออมในหลากหลายรูปแบบ ชมุ ชน  เป็นฐานข้อมูลสาหรับการ -  เปน็ ชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ ส่งเสรมิ และพฒั นา ให้เป็นแหล่ง และเปน็ ชุมชนต้นแบบดา้ นการ ออม ศึกษาดูงาน/ศูนย์เรียนรู้ -

แบบบนั ทกึ องคค์ วามรรู้ ายบคุ คล ................................................................... 1. ช่อื องค์ความรู้ เทคนคิ การออมเงนิ แบบงา่ ยๆ ที่ใครๆก็ทาได้ 2. ชอ่ื เจา้ ขององค์ความรู้ นายปวรศิ แสงเมอื ง นกั วิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ สานกั งานพฒั นาชมุ ชนอาเภอหนองไผ่ 3. องคค์ วามรูท้ ่ีบง่ ช้ี (เลอื กไดจ้ านวน 1 หมวด)  หมวดที่ 1 สรา้ งสรรค์ชุมชนพ่ึงตนเองได้  หมวดที่ 2 สง่ เสริมเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวอยา่ งสมดุล  หมวดท่ี 3 เสรมิ สรา้ งทนุ ชมุ ชนให้มีธรรมาภิบาล  หมวดท่ี 4 เสริมสร้างองคก์ รใหม้ ีขีดสมรรถนะสูง 4. ความเปน็ มาและความสาคญั ในการจัดทาองคค์ วามรู้ การออม หมายถึง รายได้ท่ีเหลือจากการใช้จ่ายแล้วนามาเก็บสะสมให้มากข้ึนเมื่อเวลาผ่านไป อย่างแรกเลยคอื ต้องเก็บกอ่ นใช้ ต่อไปคอื พกเงนิ ใหน้ ้อยลง ซึ่งนี้กเ็ ป็นสว่ นหน่งึ ในการวางแผนการบริหารการใช้ เงนิ อย่างมีประสทิ ธิภาพมากท่ีสุด แต่ปัญหาที่สาคญั คือ การมรี ายไดไ้ ม่สมดลุ กบั รายจา่ ย ชักหน้าไม่ถึงหลัง และ มองไปถงึ สภาพเศรษฐกิจทง้ั ภายในและภายนอกประเทศก็เปน็ ปัจจัยท่เี อ้ือกบั การเก็บออมด้วย 5. รูปแบบ กระบวนการ หรือลาดบั ขนั้ ตอน วธิ ีดาเนนิ การ ๑) ประชมุ สร้างความเข้าใจในนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน “ส่งเสริมการออมเป็น วาระแหง่ ชาติ” เป็นตวั ช้ีวดั ท่ีเกย่ี วขอ้ งในภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชน “สัมมาชีพชุมชน หมู่บ้านเศรษฐกิจ พอเพียงตนแบบ และโคกหนองนาโมเดล” กับครัวเรือนสัมมาชีพ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและราษฎรท่ีมี ความสนใจเขา้ ร่วมรบั ฟัง โดยใชเ้ ทคนคิ ดังนี้ ๑.๑) คดั เลอื กแกนนาในหมบู่ า้ น มีหนา้ ทีป่ ระสานเกี่ยวกับการออมเงนิ จานวน ๑ คน ผชู้ ว่ ย ๑ คน (มาจากประธานกองทนุ หม่บู า้ นฯ,ออมทรพั ย์,กข.คจ หรือกองทุนฯอ่นื ๆทม่ี ีในหมบู่ า้ น) ๑.๒) ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของครวั เรือน (จากการพูดคุย สมั ภาษณ)์ ๑.๓) วางแผนการออมดว้ ยการดพู ฤติกรรมการใช้เงนิ ของครวั เรือนนน้ั ๒) ส่งเสริม/สนับสนุนใหเ้ จ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนร่วมกับผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผู้นา อช.) เครอื ข่ายการพัฒนาในพืน้ ท่ี รว่ มใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งของการออมเงินเพิ่มเตมิ ๓) นาเสนอผลการดาเนินงานฯ เยี่ยมบ้านครัวเรือนเป้าหมาย และส่งเสริมให้ หน่วยงาน ภาคกี ารพฒั นาออกตดิ ตามให้กาลงั ใจแกค่ รัวเรือนเป้าหมายอย่างสม่าเสมอเพื่อเป็นขวัญและกาลังใจ ตลอดถึง การประเมนิ ผลการดาเนนิ งานและสนบั สนุนการดาเนินงานได้อย่างตอ่ เน่อื ง ๔) สรปุ ผลการดาเนินงานฯ 6. เทคนิคในการปฏิบตั ิงาน 1) เทคนิคในการคน้ หาศักยภาพในตัวเองและสร้างความเช่อื ม่ันวา่ “เราทาได้” 2) เทคนคิ การเรียนรู้โดยการสอนหรอื บอกต่อจากผูท้ ปี่ ฏิบัตจิ รงิ สถานที่จริง

-๒- 7. ปญั หาท่พี บและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา 1) ครวั เรอื นบางสว่ นยังไม่เชือ่ ม่ันวา่ จะสามารถออมเงินได้ - แนวทางแก้ไขคอื ใชว้ ธิ กี ารออมเงนิ ก่อน ท่เี หลอื ค่อยนาเงนิ ไปใชต้ ามความจาเปน็ 2) ไม่มีแรงจูงใจในการออมเงิน - แนวทางแก้ไขคือ นาผลตอบแทนทจี่ ะไดม้ าขายฝัน และทาให้เปน็ จริง 8. ประโยชน์ขององค์ความรู้หรือตวั ชว้ี ดั ความสาเร็จ ๘.1 เชงิ ปริมาณ - ครัวเรือนในหมู่บ้าน ชุมชน มีการออมเงิน มากกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของครัวเรอื นทีม่ ีอยู่ ๘.2 เชงิ คุณภาพ - ครัวเรอื นในหมบู่ ้าน มคี วามพึงพอใจในการออมเงนิ ของตน มีหลักประกันในการดาเนินชีวิต ต่อไปจะมีเงินเกบ็ และเงนิ บานาญ - หน่วยงานในพื้นที่ให้ความร่วมมือและร่วมกันจัดทาแผนพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต ของครัวเรอื นเปา้ หมายใหด้ ขี ้ึน

แบบบนั ทกึ องคค์ วามรูร้ ายบคุ คล ................................................................... 1. ช่อื องค์ความรู้ การรวบรวมขอ้ มูล (Big Data) และการใช้เทคโนโลยีในการบรหิ ารจดั การ กลุ่มออมทรัพย์เพือ่ การผลิตบ้านวงั ท่าดี หมทู่ ี่ 5 ตาบลวงั ทา่ ดี อาเภอหนองไผ่ 2. ช่ือเจ้าขององค์ความรู้ นางสาวอรพรรณ ทองชว่ ง นกั วิชาการพฒั นาชมุ ชนปฏิบัติการ สานกั งานพัฒนาชุมชนอาเภอหนองไผ่ 3. องคค์ วามรู้ที่บง่ ช้ี (เลือกได้จานวน 1 หมวด)  หมวดที่ 1 สร้างสรรคช์ ุมชนพ่งึ ตนเองได้  หมวดท่ี 2 ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากใหข้ ยายตัวอย่างสมดลุ  หมวดท่ี 3 เสรมิ สรา้ งทนุ ชมุ ชนใหม้ ธี รรมาภบิ าล  หมวดท่ี 4 เสรมิ สรา้ งองคก์ รใหม้ ีขดี สมรรถนะสงู 4. ความเป็นมาและความสาคัญในการจัดทาองคค์ วามรู้ กลุ่มออมทรพั ย์เพอื่ การผลติ เปน็ กองทนุ ชมุ ชนท่ีมีคณะกรรมการมาจากตวั แทนของคนในชุมชน เพ่ือ บรหิ ารจดั การ และดาเนนิ การด้วยชมุ ชนเอง ดังน้ัน ความรูค้ วามสามารถและทักษะของคณะกรรมการแต่ละคน ย่อมแตกต่างกันไป รวมทั้งปัจจุบันมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้การบริหาร จัดการกลมุ่ ฯ เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ สะดวก รวดเรว็ ในการสืบคน้ หาขอ้ มลู จึงต้องมีการเพม่ิ ทกั ษะ เพิ่มความรู้ เพ่ือเพ่ิมศักยภาพของคณะกรรมการในการทางาน และให้การบริหารจัดการกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และลดภาระงานท่ีซ้าซ้อน และทุกคนสามารถทางานแทนกนั ได้ 5. รปู แบบ กระบวนการ หรือลาดบั ข้นั ตอน ๑) ประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กับคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในการพัฒนา ตนเองในแตล่ ะดา้ น ๒) ทบทวนผลการดาเนนิ งานท่ีผา่ นมาของกลมุ่ ออมทรัพย์ ๓) อภิปรายพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคณะกรรมการ แลกเปล่ียนส่ิงที่ต้องการจะ เห็นในอนาคต เพอ่ื ใหไ้ ด้ซ่งึ วิสยั ทศั นข์ องกลมุ่ ออมทรัพยฯ์ ๔) สง่ เสรมิ /สนบั สนุนใหค้ ณะกรรมการเข้าร่วมการอบรมเพ่ือเพิ่มศักยภาพและทักษะในการบริหาร จัดการ เช่น การเข้าร่วมอบรมด้านการจัดทาบัญชีแบบอิเล็คทรอนิค การเข้าร่วมอบรมด้านการบริหารกลุ่ม/ องคก์ ร จากโรงเรียนกลุ่มออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลติ และหน่วยงานตา่ งๆ ๕) เพิ่มองค์ความรู้ด้านการจัดทาบัญชีผ่านโปรแกรมการจัดทาบัญชีอิเล็คทรอนิค และการเก็บ รวบรวมขอ้ มูล (Big Data) และการบูรณาการประยุกตใ์ ชข้ อ้ มลู ในการบรหิ ารงามกลุ่มฯ ตวั อยา่ งโปรแกรมท่สี ามารถเพ่มิ ทักษะ ได้แก่ - โปรแกรมการจัดทาบัญชี (ส จ ร ) ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น Microsoft Excel, Google sheet เปน็ ตน้ - โปรแกรมบญั ชีอย่างง่าย - โปรแกรมสาหรับรวบรวมข้อมูลเป็นไฟล์ต่างๆ เพ่ือให้ง่ายต่อการค้นหาข้อมูล เช่น Google Drive, Dropbox เป็นต้น - เทคโนโลยี แอปพลิเคช่ัน สาหรับการกระจายข้อมูลข่าวสารของกลุ่มฯ เช่น Line, Fecebook เปน็ ต้น

-๒- ๖) เจา้ หน้าทส่ี ่งเสริมสนับสนนุ และให้คาปรกึ ษาในการพัฒนาตนเองของคณะกรรมการในด้านต่างๆ และคอยตดิ ตามผลอย่างสมา่ เสมอ ๗) ประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปผลการดาเนินงาน ปัญหาอุปสรรคท่ีเกิดขึ้น พร้อมแนวทางการ แก้ไข และแนวทางการพฒั นาต่อไป 6. เทคนคิ ในการปฏบิ ัติงาน 1) เทคนิคในก ารค้น หาผู้ปฏิบัติที่มีคว ามสามาร ถและ สามาร ถเรี ยนรู้ และ ถ่ายทอ ด เพอื่ ดาเนนิ การต่อไปได้ โดยการค้นหาศกั ยภาพในตวั เองและสร้างความเชอื่ ม่นั วา่ บุคคลเหล่านน้ั สามารถทาได้ 2) เทคนิคการเรยี นร้จู ากบคุ คล หนว่ ยงาน ทีม่ ปี ระสบการณ์ การเรยี นร้โู ดยการสอนหรือบอกต่อจาก ผทู้ ี่ปฏบิ ตั ิจรงิ 3) การสรา้ งความเช่ือมั่น คอยติดตามและให้คาปรึกษาอยา่ งสม่าเสมอ 7. ปญั หาทีพ่ บและแนวทางการแก้ไขปัญหา 1) คณะกรรมการบางส่วนยังไม่เช่ือม่ันในศักยภาพของตนเอง แนวทางแก้ไขคือค่อยๆ สร้างความ เชอ่ื มั่นวา่ ตนเองสามารถทาได้ 2) คณะกรรมการบางส่วนเป็นผู้สูงอายุ ที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี กลัวการใช้คอมพิวเตอร์ แนว ทางแก้ไขคือ ดงึ เยาวชนมาช่วยในการเรียนรู้ เปน็ ผ้ชู ว่ ยคณะกรรมการดา้ นการใช้เทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ 8. ประโยชน์ขององคค์ วามรู้ ๑) คณะกรรมการมีความรู้และทักษะที่หลากหลายที่เป็นประโยชน์ และสามารถประยุกต์ใช้ในการ บริหารจัดการได้ ๒) มีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล (Big Data) และสามารถสบื ค้นได้งา่ ย สะดวก รวดเรว็ 3) สมาชิกมีความพึงพอใจด้านการบริหารจัดการ การสืบค้นข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล และดา้ นการประชาสัมพันธ์ ของกล่มุ ออมทรัพย์เพอื่ การผลติ

แบบบันทึกองค์ความรรู้ ายบคุ คล ชอื่ องคค์ วามรู้ ส่งเสริมการพฒั นาผลิตภัณฑแ์ ละออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์กลุม่ OTOP ชือ่ เจ้าขององค์ความรู้ น.ส.ชนัฏนนั ท์ ถน่ิ เดิม นกั วชิ าการพฒั นาชมุ ชนปฏบิ ัติการ องคค์ วามรูท้ ่บี ่งชี้ (เลอื กได้จานวน 1 หมวด)  หมวดที่ 1 สรา้ งสรรคช์ ุมชนพง่ึ ตนเองได้  หมวดที่ 2 ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวอยา่ งสมดุล  หมวดท่ี 3 เสริมสร้างทนุ ชมุ ชนให้มธี รรมาภิบาล  หมวดที่ 4 เสรมิ สร้างองคก์ รให้มีขีดสมรรถนะสงู ความเป็นมาและความสาคัญในการจัดทาองคค์ วามรู้ ปัจจบุ ันสนิ ค้าหน่ึงตาบลหนึง่ ผลติ ภัณฑ์ (OTOP) มีความหลายหลายมากยิ่งขึน้ ซ่งึ หากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ต้องการให้สินค้าของตนเองเป็นที่ยอมรับ จาเป็นต้องได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ใน ปัจจุบัน โดยต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่าย OTOP ภายในอาเภอเดียวกัน อาเภอใกล้เคียง อีกท้ังยังต้องมีการศึกษาเรียนรู้กลุ่ม OTOP ประเภทเดียวกันในต่างจังหวัดด้วย นอกจากการพัฒนา ผลิตภัณฑ์แล้วหากต้องการให้ผลิตภัณฑ์เป็นท่ียอมรับ และเป็นเอกลักษณ์ มีความน่าสนใจ จะต้องมีการ พัฒนาบรรจุภณั ฑใ์ หท้ ันตอ่ ยคุ สมัย รูปแบบ กระบวนการ หรือลาดับข้ันตอน 1) แตง่ ตงั้ คณะกรรมการบริหารงานหนึ่งตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ระดับอาเภอหนองไผ่ เพ่ือ ใชใ้ นการบริหารจดั การหนง่ึ ตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ในระดบั อาเภอและเพอื่ เปน็ การกระจายงานให้กับแต่ละฝ่ายให้ มีผ้รู ับผิดชอบ 2) สารวจและรวบรวมข้อมูลกลุ่มหน่ึงตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์อาเภอหนองไผ่ พร้อมท้ังจัด ประเภทของผลิตภณั ฑ์ 3) ประชมุ ผู้ประกอบการเครอื ข่ายหนึ่งตาบลหนงึ่ ผลิตภณั ฑ์อาเภอหนองไผ่ 4) จัดกิจกรรมแลกเปลีย่ นเรยี นรูข้ องผลติ ภณั ฑแ์ ต่ละประเภท 5) จดั กจิ กรรมแลกเปล่ยี นเรียนร้ผู ู้ประกอบการเครือข่ายหน่ึงตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์จังหวัด เพชรบรู ณ์ เทคนคิ ในการปฏิบตั ิงาน 1.) เทคนิคการมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของหน่วยงานแต่ละหน่วยงานเพ่ือช่วยกัน พฒั นาผลิตภัณฑส์ ินค้า 2) เทคนิคการสร้างภาคีเครือข่าย การสร้างเครือข่าย OTOP เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ปัญหาทีพ่ บและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา 1. ผลติ ภณั ฑ์ OTOP ขาดการพัฒนาและมบี รรจุภณั ฑ์ที่ไม่นา่ สนใจในการซือ้ 2. ผ้ปู ระกอบการ OTOP ขาดความคิดสรา้ งสรรคใ์ นการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ ประโยชนข์ ององคค์ วามรู้ ๑) มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ OTOP อาเภอหนองไผ่ ไดร้ ับการพฒั นามากยิ่งขน้ึ ๒) มีบรรจุภณั ฑท์ ่นี ่าสนใจ และดึงดูดผ้ซู อื้ สามารถสรา้ งรายได้ใหก้ บั ผู้ประกอบการ OTOP ๓) รายได้ของผ้ปู ระกอบการ OTOP เพม่ิ ข้ึน

แบบบนั ทึกองคค์ วามร้รู ายบุคคล 1. ชอ่ื องค์ความรู้ ขบั เคล่อื นสมั มาชีพชุมชน ในรูปแบบ Business model 2. ชื่อเจา้ ของความรู้ นางสาววชริ ดา ชดิ ดี นกั วชิ าการพัฒนาชมุ ชนปฏิบตั ิการ 3. องค์ความรู้ที่บง่ ช้ี  หมวดที่ 1 สรา้ งสรรค์ชมุ ชนพึง่ ตนเองได้  หมวดท่ี 2 ส่งเสรมิ เศรษฐกจิ ฐานรากให้ขยายตัวอยา่ งสมดุล  หมวดท่ี 3 เสริมสรา้ งทุนชุมชนใหม้ ธี รรมาภิบาล  หมวดที่ 4 เสรมิ สร้างองค์กรใหม้ ขี ีดสมรรถนะสูง 4. ท่มี าและความสำคัญในการจัดทำองค์ความรู้ ในปัจจุบนั โครงการสรา้ งและพัฒนาสัมมาชีพชุมชน มีการดำเนินการครอบคลุมเกือบทุกหมบู่ า้ นในแต่ ละพ้นื ที่ มีท้ังการต่อยอดอาชีพเดมิ และการเกดิ ข้นึ ของอาชีพใหม่ในทกุ ๆปี แตใ่ นขณะเดียวกนั กม็ หี ลายๆ หมบู่ า้ นท่ีเลิกดำเนนิ การ เน่ืองมาจากสาเหตตุ ่างๆ เช่น โรคระบาด สง่ ผลใหว้ สั ดุสมั มาชีพที่ได้รับมาได้รับความ เสียหาย การขาดการวางแผนทง้ั ด้านการดำเนินงานและดา้ นการตลาด ไมเ่ กิดการนำไปต่อยอดสรา้ งอาชีพท่ี ม่ันคง ทำให้กอ่ ให้เกิดรายได้ไดเ้ พยี งในชวั่ ระยะเวลาหนึง่ อีกท้ังการดำเนินกิจกรรมของโครงการในหลายๆพ้นื ท่ี เปน็ กิจกรรมท่ีคล้ายคลงึ กนั ในหลายๆหมบู่ า้ น ไม่เกิดความยงั่ ยนื หรอื ประสบผลสำเร็จในระยะยาว 5. รูปแบบ กระบวนการหรือลำดบั ข้ึนตอน 5.1 คัดเลือกครวั เรอื นที่เขา้ ร่วมโครงการ นำเสนอให้คดั เลือกครวั เรือนทีม่ ีความสนใจและพร้อมพัฒนาต่อยอด องค์ความร้ตู ่างๆ 5.2 สร้างความรู้ความเขา้ ใจ นอกจากจะสรา้ งความร้คู วามใจในตัวโครงการสัมมาชพี ชุมชนแลว้ ใหส้ รา้ งความรู้ ความเขา้ ใจเพิม่ เติมเก่ียวกบั การตอ่ ยอดสมั มาชพี ชมุ ชนดว้ ยกระบวนการในการดำเนนิ ธุรกิจ นำเสนอความรู้และ แนวคิดเกย่ี วกับการดำเนนิ ธรุ กจิ ทส่ี ามารถนำมาปรับใชก้ ับการทำสัมมาชีพในชุมชนของครัวเรือนได้ โดยเรมิ่ จากน้อยแล้วค่อยขยับขยายพัฒนาตอ่ ยอด 6. เทคนคิ ในการปฏบิ ัติงาน มองวธิ กี ารในการสรา้ งสัมมาชพี ชมุ ชนดว้ ยแนวคดิ /วธิ ีการใหม่ๆ โดยการอาศัย Idea ในการดำเนนิ ธรุ กจิ SME / Start up ซงึ่ เป็นธรุ กิจขนาดเลก็ มาปรับใช้ โดยใหม้ องการดำเนินงานสัมมาชพี ชุมชนเป็นเหมือนการ เร่ิมต้นธุรกจิ ขนาดเล็กในระดับครวั เรือน/หมบู่ า้ น โดยมีวธิ กี าร ดังตอ่ ไปน้ี 6.1 วางแผนการใช้ทุนที่จะได้รบั − เริม่ จากเล็กไปใหญ่ เพมิ่ ขึ้นตอนในการทดลองตลาดก่อนว่ามผี ลตอบรบั อยา่ งไร เกิดปัญหาอยา่ งไร นำมาปรับแก้ให้เกดิ ความแนใ่ จก่อนวา่ จะเปน็ ท่ีต้องการของตลาดทวี่ างแผนไว้ ก่อนดำเนินการตาม กจิ กรรมของโครงการ เพ่ือลดความเส่ยี งในการสญู เสียทนุ ไปอยา่ งไม่ค้มุ คา่ − เดินบัญชีอย่างมีวนิ ยั และต่อเนอ่ื ง มกี ารจดั ทำบัญชีอย่างสมำ่ เสมอ เพอ่ื ที่จะได้มองเห็นภาพรวมของส่งิ ทท่ี ำอยู่และเพอ่ื ใหส้ ามารถวางแผนการดำเนนิ งานในขน้ั ต่อไปได้

6.2 Bussiness Plan นำหลกั การการเขยี นแผนธุรกิจมาปรับใช้กบั การดำเนินงานสัมมาชพี และสภาพเศรษฐกิจ ปจั จุบนั เน่อื งจากการดำเนนิ งานทข่ี าดการวางแผน ทำให้ส่งิ ทเี่ กิดข้ึนตามมาคือการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะ หนา้ ทเี่ กิดข้นึ ไปเร่ือยๆ สง่ ผลตอ่ ความยัง่ ยนื ของการดำเนินงาน − เรียนรูก้ ารเขยี นแผนธรุ กจิ แบบง่าย เพอ่ื นำมาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน − ใช้ Application ที่ช่วยทำ Bussiness Plan ซงึ่ ปัจจุบันมีอยูเ่ ป็นจำนวนมาก 6.3 แยกกระเป๋าธุรกิจกบั กระเป๋าส่วนตัว − ต้ังเงินเดือนใหต้ วั เอง ทำให้สามารถรู้ไดว้ ่าเงนิ ในอาชพี ที่ทำใช้ไปทั้งหมดเทา่ ไหร่ มเี หลือเท่าไหร่ ได้กำไร เทา่ ไหร่ 6.4 ขายดแี ตไ่ ม่มีกำไร เนอื่ งจากขาดการคิดคำนวณ “ตน้ ทุนท่ีแท้จรงิ ” − คำนวณ“ต้นทุนท่ีแทจ้ รงิ ” โดยแยกเปน็ ตน้ ทุนทางตรง คือ ค่าวตั ถดุ บิ ,ค่าอุปกรณ,์ ค่า packaging, คา่ ตอบแทน และต้นทนุ ทางอ้อม เช่น ค่าน้ำ, คา่ ไฟ, ค่าซ่อมบำรงุ ต่างๆ 6.5 ใหค้ วามสำคญั กับการตลาดเพ่อื สรา้ งความแตกตา่ ง − “การสร้างความแตกต่าง” เป็นหนงึ่ ในจุดอ่อนของสมั มาชพี ชมุ ชน หลายๆพ้ืนทม่ี ีกิจกรรมสร้างรายได้ท่ี มีความคลา้ ยคลงึ กนั ดงั นน้ั จึงควรสง่ เสรมิ และแนะนำใหเ้ กิดการหาความรู้ทางการตลาดมาปรบั ใชม้ าก ยง่ิ ขึ้น 6.6 กลา้ ที่จะเปลย่ี นแปลง พร้อมรับส่ิงใหม่ − ในหลายๆพน้ื ท่ี การเปลีย่ นแปลง วิธีการใหม่ๆกลายเป็นสงิ่ ทนี่ า่ กลวั และไมเ่ ปิดใจรับ ท้ังกลวั วา่ เม่ือเริ่ม ส่ิงใหมแ่ ละจะทำใหเ้ กดิ ปัญหาท่ีไมเ่ คยเจอมาก่อน รวมท้งั ขาดการให้ความสำคัญและไมม่ ีเวลาในการหา ขอ้ มลู เพ่ือคดิ สงิ่ ใหม่ๆ ดังนนั้ จึงควรเขา้ ไปส่งเสริมการเปดิ มมุ มองใหม่ๆ สร้างเครอื ข่ายท่มี กี าร แลกเปล่ียนความรู้ แลกเปล่ียน Connection 7 ปัญหาท่ีพบและแนวทางการแก้ไขปัญหา 7.1.ครวั เรือนทีเ่ ข้าร่วมโครงการขาดความรคู้ วามเขา้ ใจพื้นฐานในด้านการดำเนนิ การทางธรุ กิจ มองเป็นเร่ืองไกล ตวั และไมจ่ ำเป็น 7.2.ครัวเรอื นทีเ่ ข้ารว่ มโครงการสว่ นมากขาดความรพู้ น้ื ฐานทจ่ี ำเป็นในดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี ท่ีมีความสำคญั ต่อ การเปดิ กวา้ งในการเรยี นร้คู วามรูใ้ หมๆ่ 7.3. ผลกั ดนั ใหม้ ผี เู้ ขา้ ร่วมโครงการทีเ่ ป็นคนรนุ่ ใหม่ให้เข้ามามีส่วนรว่ มในกลมุ่ มากข้ึน 8 ประโยชนข์ ององคค์ วามรู้ เพอ่ื ให้การสรา้ งสัมมาชพี ชุมชนก่อให้เกิดรายได้ทมี่ ีความยั่งยนื มกี ารนำสมั มาชพี ไปต่อยอด ขยาย จนก่อใหเ้ กดิ รายได้เพ่ิมมากขนึ้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook