Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานศิลปหัตถกรรมประเภทผ้าเขียน พิมพ์ลาย บาติก

งานศิลปหัตถกรรมประเภทผ้าเขียน พิมพ์ลาย บาติก

Description: งานศิลปหัตถกรรมประเภทผ้าเขียน พิมพ์ลาย บาติก

Search

Read the Text Version

งานศลิ ปหตั ถกรรมประเภท ผ้าเขยี น-พมิ พล์ าย บาติก ผ้าเขียน-พมิ พล์ าย บาตกิ 1

ผา้ บาตกิ (Batik) หรือ ผา้ บาเตะ๊ (Batek) หรอื ปาเตะ๊ คนไทยรู้จักผ้าบาติกในลักษณะของ “ผ้าพันหรือผ้า เปน็ คำ� ทใ่ี ชเ้ รยี กผา้ ชนดิ หนง่ึ ทม่ี วี ธิ กี ารทำ� ใหเ้ กดิ ลวดลายทเี่ กดิ ปาเตะ๊ พนั ” โดยเรยี กตามวธี นี งุ่ คอื พนั รอบตวั คนในทอ้ งถน่ิ จากการกั้นสีด้วยเทียน หรือวัสดุอื่นปิดส่วนที่ไม่ต้องการให้ ภาคใต้ เรยี กบาติกว่า “ผา้ ปาเตะ๊ ” หรือ “ผ้าบาเตะ๊ ” โดยรบั ติดสี แล้วน�ำไปแตม้ ระบายหรอื ยอ้ มในส่วนทตี่ ้องการใหต้ ิดสี อทิ ธพิ ลมาจากอนิ โดนเี ซยี ผา่ นมาเลเซยี เผยแพรเ่ ขา้ สชู่ ายแดน เฉพาะเนอ้ื ผา้ ทไี่ มม่ รี อยเทยี นหรอื ไมถ่ กู กนั้ สเี ทา่ นนั้ มที งั้ พมิ พ์ ภาคใต้ ซี่งอาจเป็นอิทธิพลทางการค้าและศาสนา จึงเป็นท่ี เทียน แต้มสี ระบายสี ย้อมสี ผ้าบาติกในแต่ละผืนน้ันจึงมี นิยมใชแ้ ละผลติ กันมากในเขตจังหวัดภาคใต้ ความสวยงามแตกต่างกัน ถือเป็นอีกหนึ่งในความมหัศจรรย์ ของศิลปะบนผนื ผ้าท่ไี ด้รบั ความนยิ มเปน็ อย่างมาก ผา้ บาตกิ กบั ทอ้ งทะเลแถบอนั ดามนั กเ็ ปน็ ของคกู่ นั มา นานแล้ว และเป็นบาติกท่ีมีลักษณะโดดเด่น สีสันสวยงาม คำ� วา่ บาตกิ (Batik) เปน็ คำ� ที่ G.P Rouffaer นำ� ไปเผย และเป็นเอกลกั ษณท์ บ่ี ง่ บอกถงึ ดนิ แดนแห่งท้องทะเล ผ้าบา แพรใ่ นปี ค.ศ. 1520 ซงึ่ เปน็ คำ� ทม่ี าจากภาษาชวา คำ� วา่ “Tik” ติกจึงเป็นสินค้าที่สร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในแถบอัน ตริติก หรอื ตารกิ ตกิ มคี วามหมายว่าเลก็ นอ้ ย หรอื จุดเล็กๆ เดามัน และกระจายไปสู่ท้องถ่ินต่างๆ แทบจะทุกภาคของ ส่วนค�ำวา่ Ba อาจมาจากค�ำว่าBa ซึ่งหมายถงึ Art หรือมา ประเทศไทยมาจนถงึ ปัจจบุ นั น้ี จากค�ำวา่ Bayok ซง่ึ แปลวา่ มาก ดังนัน้ ค�ำว่า “บาติก” จงึ มัก หมายถงึ งานศลิ ปะบนผนื ผา้ ทมี่ ลี วดลาย ทเ่ี ปน็ จดุ มากๆ หรอื เปน็ ผา้ ทีม่ รี ายละเอียดของลวดลายนั่นเอง ผ้าเขยี น-พิมพ์ลาย บาติก 2

เอกลักษณ์ท่สี ะทอ้ นภูมปิ ัญญา ลวดลาย โดยวิธกี ารเพ้นท์สหี รอื ย้อมสีตามแตก่ รณี สีบนผนื ผ้า และทกั ษะเชิงช่าง จะต้องซึมผ่านท้ังด้านหน้าและด้านหลัง ซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ ประจ�ำตัวของผา้ บาตกิ ทีอ่ าจมีเพยี งชิน้ เดียวเท่านั้น การท�ำผ้าบาติก เป็นงานศิลปะโบราณในการตกแต่ง ลวดลายบนผนื ผ้าอกี วธิ ีหนง่ึ ท่ีมีประวตั คิ วาม ลวดลายบาตกิ ทสี่ รา้ งสรรคจ์ ะมาจากความคดิ จนิ ตนาการ หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของท้อง เป็นมาทเี่ ก่าแกน่ ับพันปมี าแล้ว การทำ� ผา้ บาตกิ ในช่วง ถิ่น ท่เี กิดจากความคดิ ของผู้ทำ� เทคนิคการทำ� ผ้าบาตกิ นน้ั มี แรก ๆ เป็นการท�ำบาติกท่ีมีลักษณะตามความต้องการด้าน หลายวิธีการ แต่ละเทคนิคจะข้ึนอยู่กับความต้องการในการ ประโยชน์ใชส้ อยมากกว่า แต่เมือ่ บาติกเปน็ ทีน่ ยิ มแพร่หลาย สร้างลวดลาย รูปแบบท่ีแตกต่าง เพื่อการตอบสนองความ ไปตามสว่ นตา่ ง ๆ ทว่ั โลกแลว้ การพฒั นารปู แบบและเทคนคิ ตอ้ งการใน การนำ� ไปใช้ประโยชนใ์ ช้สอยและความงาม หรอื วธิ กี ารของแตล่ ะแหง่ กม็ กี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และมรี ปู แบบ อาจมีลวดลายที่แสดงเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถ่ินสอดแทรก ที่สะทอ้ นและแสดงถงึ เอกลกั ษณข์ องทอ้ งถ่นิ นน้ั ๆ อยู่ในผืนผ้า บาติกที่เขียนด้วยมือต้องใช้ทักษะฝีมือและความ ปราณตี จงึ มกั มรี าคาแพง จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ การเลยี นแบบลวดลาย บาติก มีลักษณะที่เกิดขึ้นจากการเขียนลวดลายตามท่ี ผ้าบาติก ด้วยการน�ำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถท�ำให้เกิด ผผู้ ลติ ตอ้ งการลงผนื ผา้ ดว้ ยดนิ สอแลว้ ใชป้ ากกาเขยี นเทยี นจนั ตง้ิ ลวดลายใหด้ ูคลา้ ยกบั ผา้ บาตกิ แต่จรงิ ๆ แลว้ เป็นการพมิ พ์ (Tjanting) จมุ่ นำ้� เทยี นเขยี นไปตามลวดลายเพอื่ ใหน้ ำ�้ เทยี นนี้ แบบสกรนี และไมเ่ ปน็ ทน่ี ยิ มเทา่ กบั ผา้ บาตกิ ทเ่ี ขยี นดว้ ยเทยี น เป็นแนวป้องกันน�้ำสีไม่ให้ซึมผ่านถึงกัน ซึ่งน้�ำเทียนที่มี หรอื ขผ้ี งึ้ หรอื สารชนดิ อนื่ ๆ ทม่ี ลี กั ษณะทางกายภาพเหมอื นขผี้ งึ้ ประสทิ ธภิ าพจะตอ้ งซมึ ผา่ นทะลทุ ง้ั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ของ ผืนผ้าบาติกโดยไม่ให้เกิดช่องว่างข้ึน จากนั้นจึงท�ำให้เกิด ผา้ เขยี น-พิมพล์ าย บาตกิ 3

เทคนิควธิ ีสรา้ งลวดลายบาตกิ 2. บาติกลายพิมพ์ย้อมสี เป็นงานบาติกท่ีต้องการ ผลิตเพื่อใหไ้ ด้ผลผลิตจำ� นวนมาก ในระยะเวลาอนั สน้ั 1. บาติกลายเขียนย้อมสี เป็นการท�ำผ้าบาติกท่ีใช้ เทคนคิ การเขียนเทยี น เพ่ือกั้นสหี รือปดิ สว่ นทไี่ ม่ ลกั ษณะเทคนคิ การทำ� งานคลา้ ยบาตกิ ลายเขยี นยอ้ มสี แต่จะใช้วิธีการพิมพ์เทียนให้เกิดลวดลายแทนการเขียนด้วย ต้องการให้ติดสี และเพ่ือสร้างรูปแบบลวดลาย หลัง ปากกาเขียนเทียนจันต้ิง ลักษณะของแม่พิมพ์ที่ใช้จะท�ำด้วย จากนน้ั นำ� ผ้าไปยอ้ มสีบาติก ในการยอ้ ทสามารถท�ำใหห้ ลาก โลหะประเภททองแดง ทองเหลอื ง สังกะสี ไม้ฉลุ หรืออาจจะ หลายสีได้ โดยเร่ิมต้นจากการย้อมสีอ่อนเม่ือแช่ผ้าท่ีย้อมไว้ ทำ� มาจากเชอื ก แมพ่ มิ พ์ หรอื บลอ็ กพมิ พ์ เรยี กอกี ชอ่ื หนง่ึ วา่ แคป ตามกำ� หนดเวลาจะน�ำผ้าไปซักเพื่อน�ำกากสที ีย่ อ้ มออก และ (T jap) แมพ่ มิ พท์ ที่ ำ� จากโลหะเปน็ แมพ่ มิ พค์ ณุ ภาพดี โดยเฉพาะ หากตอ้ งการใหผ้ า้ บาตกิ ทยี่ อ้ มมหี ลายสี สามารถทำ� ไดโ้ ดยนำ� ทองแดง สามารถเก็บความร้อนและน�้ำเทียนได้ดีท่ีสุดและ ผ้าท่ีย้อมครั้งแรกท่ีตากไว้จนแห้งสนิทมาเขียนลวดลายเส้น สามารถแสดงรายละเอียดได้มากกว่า หลังจากพิมพ์เทียน เทยี นปิดทับลงไปอกี คร้ังหนง่ึ เมือ่ เขยี นเทียนเสร็จ น�ำไปย้อม เรียบร้อยแล้วจะน�ำผ้าไปย้อมสีตามต้องการ การย้อมจะใช้ สีเป็นครั้งท่ี 2 และใช้เทคนิคเดียวกันในการย้อมสีครั้งต่อไป เทคนิคเดียวกับบาติกลายเขียนย้อมสี คนไทยรู้จักผ้าบาติก จนไดส้ ตี ามตอ้ งการ บาตกิ ลายเขยี นในอนิ โดนเี ซยี จะเรยี กวา่ ชนิดนีใ้ นลกั ษณะของ ผ้าสโรง่ ปาเต๊ะ Tulis Batik เปน็ งานบาตกิ ลายเขยี นโดยใช้ ปากกาเขยี นเทยี น จันต้ิง (Tjanting) และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญงิ ทท่ี ำ� บาติกลาย 3. บาติกพิมพ์เทียนระบายสี เป็นบาติกท่ีใช้ในการ เขียนเน่ืองจากเป็นงานละเอียด ส่วนผู้ชายจะเป็นผู้ท�ำบาติก พมิ พ์เทยี นเพื่อสรา้ งลวดลายส่วนใหญพ่ บในระบบ พิมพด์ ้วยบล็อกพมิ พ์ซง่ึ เป็นงานค่อนขา้ งหนัก อุตสาหกรรมหรือโรงงานที่ต้องการปริมาณการผลิต จ�ำนวนมาก ๆ เพอ่ื พิมพเ์ ทียนด้วยแมพ่ มิ พ์แลว้ ทำ� การระบายสี เพอ่ื ใหเ้ กดิ รปู แบบสสี นั ทสี่ วยงามหลากหลายสกี วา่ การพมิ พย์ อ้ มสี การเขียนย้อมสี การพมิ พเ์ ทยี น ผ้าเขียน-พมิ พ์ลาย บาติก 4

การระบายสี 4. บาติกแบบระบายหรือบาติกลายเขียนระบายสี 5. บาติกเทคนิคผสม เป็นการท�ำบาติกที่มีเทคนิค การทำ� บาติกแบบระบายเปน็ การพฒั นาบาตกิ จาก มากว่า 1 เทคนคิ ซ่งึ อาจเป็นการระบายสแี ละยอ้ มสี งานอตุ สาหกรรม โดยจะเปลย่ี นจากการยอ้ มสเี ปน็ การ หรือท้ังพิมพ์และเขียนลายซึ่งจะท�ำให้ได้ผลงานอีก ระบายด้วยพู่กัน โดยใช้เทคนิคการเขียนเทียน แต่โดยท่ัวไป รปู แบบหน่ึง นิยมการเขียนเทียนด้วยปากกาเขียนเทียน (Tjanting) มากกว่าการเขียนเทียนเพอื่ เป็นการสร้างลวดลายและใชเ้ ป็น ความโดดเด่นของผ้าบาติกอยู่ที่สีและลวดลายอันคม ตัวก้ันสี หรือปิดสีเก็บสีในส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสีซ�้ำอีก ชัดของภาพทสี่ ามารถสะท้อนไดถ้ ึง ถนิ่ ทีม่ า วัฒนธรรมความ ลกั ษณะงานบาตกิ แบบระบายมกั จะเปน็ งานทมี่ เี อกลกั ษณร์ ปู เปน็ อยู่ ธรรมชาติ เอกลกั ษณข์ องแหลง่ ผลติ ความรสู้ กึ นกึ คดิ แบบไม่ซำ้� ซอ้ น ของคนในท้องถ่ินนน้ั ๆ หรอื จินตนาการสรา้ งสรรคข์ องช่างผู้ สร้างสรรค์ลวดลายบนผืนผ้า ส่วนกรรมวิธีท่ีซับซ้อนอยู่ท่ี กระบวนการทั้งพิมพ์เทียน แตม้ สี ระบายสี ยอ้ มสี งานผา้ บา ติแต่ละชิ้นจึงมักมีลวดลายไม่ซ�้ำกัน หรือเรียกได้ว่ามีพียง ช้ินเดียวเทา่ นั้น ผา้ เขยี น-พิมพล์ าย บาตกิ 5

ลายเลขาคณติ สว่ นลวดลายของผา้ บาตกิ หรือปาเต๊ะในแถบจงั หวดั ลายเบญจมาศ ชายแดนใตแ้ ละภาคใต้ เริม่ จากท่ีได้รบั อทิ ธิพลจาก ชวา และ - สีเอซิด (acid dye) เกิดจากสารประกอบอินทรีย์ มาเลยเ์ ซยี ลกั ษณะและเอกลกั ษณล์ งดลายทม่ี กั เปน็ ทน่ี ยิ ม เชน่ ละลายน�้ำไวใ้ ช้ย้อมเส้นใยโปรตนี ขนสตั ว์ ไหม ป่าน ปอ - สไี ดแรก๊ ซ์ (direct dye) นิยมใช้ย้อมเส้นใยเซลลโู ลส ลวดลายเลขาคณิต ซึ่งประกอบไปด้วย เส้นตรง เชน่ ฝ้ายลนิ นิ เป็นสที ไ่ี ม่ทนั ตอ่ การซกั น้ำ� ตกง่าย ราคาถกู เสน้ เฉยี ง สเี่ หลย่ี ม สามเหลย่ี ม ทรงกลม รปู ดาว รปู เรขาคณติ - สีรีแอกทีฟ (reactive dye) เป็นสีละลายนำ�้ เมอื่ อยู่ ตากมากรกุ เสน้ ทแยงมุม ในนำ�้ จะมี คณุ สมบตั เิ ป็นดา่ ง เหมาะนำ� มาใช้ในอตุ สาหกรรม การท�ำผ้าบาติกมากท่ีสุด มีสีสันสดใสสวยงาม และสามารถ ลวดลายท่ีไม่ใช่เรขาคณิต โดยเฉพาะ ลายครุฑ น�ำมาผสมใหม้ สี ที หี่ ลากหลายได้ดี จัดเป็นลวดลายท่ีมีคุณค่าและเป็นสัญลักษณ์ แห่งความเช่ือ - สวี ตั (vat dye) เปน็ สไี มล่ ะลายนำ�้ เมอ่ื ตอ้ งการยอ้ ม ของศาสนาฮินดู ตอ้ งมตี วั ทำ� ละลายดว้ ย สารรดี วิ ส์ และโซดาไฟ เปน็ สที มี่ คี วาม คงทนมากทส่ี ุด ลายเซเมน (semen) คือเมรุ (meru )หรือลาย รูปภูเขา หรือภูเขาพระสุเมรุ ในภาษาไทย ซ่ึงเป็นดินแดนท่ี ประทบั ของพระเจา้ ที่มีความเจรญิ งอกงาม ลาย บูเคตัน เป็นลายท่ีเป็นเรื่องราวของดอกไม้ ชอ่ ดอกไม้ และเหลา่ ผเี สอ้ื ทเ่ี คลอื่ นไหวไปมา ซง่ึ เปน็ ทน่ี ยิ มมาก ผา้ บาตกิ ตง้ั แตส่ มยั โบราณนยิ มใชเ้ สน้ ใยธรรมชาตจิ าก พชื เชน่ ฝ้าย ลนิ นิ ปา่ นมสั ลิน ปา่ นศรนารายณ์ ใยกัญชง ไผ่ และเส้นใยจากสัตว์ เช่น ไหมเป็นต้นรวมทั้งเรยอนท่ีเป็นใย สังเคราะห์จากธรรมชาตสิ ามารถทำ� ได้ สีที่นิยมในการทำ� ผา้ บาติก มี 2 ประเภท คือ สียอ้ ม จากธรรมชาติ ซงึ่ ไดม้ าจากพชื และสตั ว์ และสยี อ้ มจากการใช้ สีสงั เคราะห์ ในการทำ� ผา้ บาตกิ มดี งั นี้ ผ้าเขยี น-พิมพ์ลาย บาติก 6

ผ้าปาเต๊ะท่นี ยิ มกนั มานาน ผา้ บาตกิ ในไทย แหล่งก�ำเนิดผ้าบาติกปาเต๊ะในไทยซึ่งได้รับอิทธิพล แบบอย่างการผลิตแบบเดียวกับประเทศเพ่ือนบ้านที่มีสังคม ผา้ บาตกิ เรม่ิ ตน้ ผลติ จากทใ่ี ดไมม่ ขี อ้ มลู ปรากฎหลกั ฐาน พหุวัฒนธรรมแบบเดียวกันและมมี าช้านานและมอี ยใู่ นระยะ ที่แนช่ ัด แต่มกี ารพบผา้ โบราณทกี่ น้ั ดว้ ยขี้ผงึ้ พาราฟิน หรอื เวลาเดยี วกนั กบั ประเทศมาเลยเซยี แตว่ า่ จะมสี ว่ นทค่ี ลา้ ยคลงึ แปง้ เปยี ก แลว้ ยอ้ มสรี ะบาย หลายแหง่ ในโลก ในแหลง่ สำ� คญั ๆ และแตกตา่ งกนั บา้ งในเชงิ สญั ลกั ษณโ์ ดยอาศยั ภมู ปิ ญั ญาไทย เชน่ เกาะชวา อนิ เดยี ญป่ี นุ่ ศรลี งั กา จนี เตอรก์ สี ถาน แอฟรกิ า และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ตามหลกั ฐานโบราณคดพี บวา่ ประเทศไทย ตะวันตก อียิปต์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากการสรา้ งสรรค์ 2 แหล่งคอื มาเลเซีย และไทย ทางภาคเหนอื ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากจนี ผา่ นชมุ ชน ชาตพิ นั ธ์ุ ผ้าบาตกิ หรือปาเต๊ะเป็นงานศลิ ปะโบราณท่ีมีมานาน มง้ เปน็ ทร่ี จู้ กั ในนามผา้ บาตกิ ใยกญั ชงนอ้ มดว้ ยคราม หรอื หอ้ ม ไม่มีหลักฐานเร่ืองแหล่งก�ำเนิดท่ีแน่ชัดแต่ มีหลักฐานที่นัก ได้มีการผลิตในระบบอุตสาหกรรมในครัวเรือนปรากฏอยู่ใน วิชาการยุโรปเชื่อว่าอียิปต์ใช้เทคนิคการวาดลงบนผืนผ้าเป็น จงั หวดั เชยี งราย เชยี งใหม่ นา่ น แพร่ และเพชรบรู ณ์ มลี กั ษณะ ชาตแิ รก ตอ่ มาพบหลักฐานทง้ั ในเปอร์เซยี อนิ เดีย ญีป่ ุน่ แต่ ลวดลาย รูปเรขาคณติ ส่วนใหญ่เช่ือว่าเป็นของด้ังเดิมของอินโดนีเซียที่ท�ำกันในราช ส�ำนัก การท�ำผ้าบาติกผูกขาดโดยสุลต่าน โดยมีสตรีในราช ทางภาคใตข้ องไทยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากชวาหรอื อนิ โดนเี ซยี สำ� นกั เปน็ ผผู้ ลติ ผา้ บาตกิ ในยคุ นเี้ รยี กวา่ “คราทอน” (kraton) ผ่านชุมชนมาเลยเซียเข้าสู่ประเทศไทย ตามตะเข็บชายแดน เปน็ ผ้าบาตกิ ทน่ี ยิ มเขียนด้วยมอื (batik tulis) แตเ่ มือ่ ผา้ บาติก 4 จงั หวดั ชายแดนใตค้ อื จงั หวดั นราธวิ าส ปตั ตานี ยะลา และสตลู ได้รับความนยิ มมากขึน้ การทำ� ผา้ บาตกิ ก็ไดข้ ยายวงกวา้ งขน้ึ ในรปู แบบของโสรง่ ปาเตะ๊ (Batik sarong)และเครอ่ื งแตง่ กาย การผูกขาดโดยครอบครวั สุลต่านกส็ นิ้ สดุ ลง ศลิ ปะการท�ำผ้า ในวถิ ชี วี ติ ประจำ� วนั โดยเฉพาะจงั หวดั นราธวิ าสเปน็ แหลง่ ผลติ บาตกิ ไดแ้ พร่หลายไปสปู่ ระชาชนโดยท่ัวไป ผา้ บาตกิ ปาเตะ๊ สำ� คญั ของไทยจนไดร้ บั การยอมรบั ในคณุ ภาพ และไดแ้ พรห่ ลายไปยงั ฝง่ั ทะเลอนั ดามนั เชน่ ภเู กต็ กระบ่ี พงั งา ระนอง ตรัง และขยายสู่ภาคใต้อย่างต่อเน่ือง โดยปรากฏ ลวดลายทเี่ ปน็ เอกลกั ษณท์ อ้ งถนิ่ และธรรมชาตทิ ปี่ รากฏอยใู่ น วิถีของชุมชนนน้ั ๆ ผ้าเขียน-พิมพล์ าย บาตกิ 7

คกบัวาวมถิ เชี ชีว่ือติ และเรื่องราวท่เี ก่ียวขอ้ ง ผ้าบาติกตามความเช่ือว่าเป็นงานศิลปหัตถกรรมท่ี เครื่องแตง่ กายของหญงิ สูงศักดิ์ สรา้ งขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เปน็ เวลานานจนถงึ ปจั จบุ นั เปน็ งานทผ่ี า่ น โบราณเปน็ ลวดลายท่ีแสดงถึงความมีอ�ำนาจ ม่ังคัง่ และเป็น การสบื ทอดมาอยา่ งยาวนานสรู่ นุ่ ตอ่ รนุ่ ยอ่ มหนไี มพ่ น้ ถงึ กระแส สิริมงคล ส�ำหรับชนชั้นปกครองเท่านั้นและยังมีความเชื่อว่า ความเชื่อท่ีหลากหลายทั้งในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ สคี ราม สีขาว สนี ำ้� ตาล ทั้งสามสี เป็นสีท่ีถอื เปน็ สญั ลักษณ์แหง่ ส่ิงเร้นลับ และการเกิดแก่เจ็บตาย ซึ่งเก่ียวข้องกับจิตใจช่าง เทพเจา้ ในศาสนาฮนิ ดู คอื พระพรหม พระวษิ ณุ และพระศวิ ะ ท�ำผ้าผู้ชอบลวดลายแล้วน�ำมาสร้างเป็นแรงบันดาลใจในการ ทำ� ผา้ และชา่ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั จติ ใจทส่ี บื ตอ่ เชอ่ื สายจากบรรพบรุ ษุ นอกจากนนั้ ผา้ บาตกิ และผา้ ปาเตะ๊ ยงั มบี ทบาทสำ� คญั หรอื ผชู้ ำ� นาญการทำ� ผา้ บาตกิ ทล่ี ว่ งลบั ไปแลว้ และไดท้ งิ้ มรดก ในพธิ กี รรมเปน็ อยา่ งมาก เชน่ ในพระราชพธิ บี ชู าภเู ขาไฟ ดว้ ย การสรา้ งสรรคไ์ วใ้ หก้ บั ลกู หลานหรอื ผสู้ บื สาน ดงั นน้ั ในชา่ งรนุ่ เกา่ ๆ ผา้ บาตกิ และพธิ กี รรมทง้ิ ทกุ ขโ์ ดยมคี นในชมุ ชนมารวมตวั กนั มักจะสอนลูกหลานและผู้สืบทอดว่า “ก่อนที่จะลงมือท�ำผ้า ที่ชายหาดแลว้ โยนผ้าบาติกท่ีใช้ห่อความทกุ ขน์ นั้ ท้ิงลงทะเล ช่างทุกคนจะต้องเข้าสมาธิและสวดมนต์ขอพรและนึกถึง พระคณุ ของครผู ู้มอบวชิ าเพอ่ื ใหจ้ ิตใจของช่าง สานตอ่ กับจิต วญิ ญาณของครผู มู้ อบวชิ าใหจ้ นสำ� เรจ็ เปน็ ผนื ผา้ จวบจนปจั จบุ นั ความเขม้ ข้นแหง่ พธิ กี รรมคงจืดจางลง แล้วยังมีความเช่ืออีกว่าลายบางลายเป็นตัวก�ำหนด ระดบั ชนั้ การปกครองของผทู้ มี่ ยี ศศกั ดใิ์ นราชวงศ์ เชน่ ลายปารงั รสู าด (Parang rusak) ลายปกี ครฑุ (Sawat garuda) และลาย เซม็ บาเกม็ (Sembagem) ลวดลายทง้ั สามนเ้ี ปน็ ลายทรี่ าชวงศ์ ของเจ้าเมืองมีความเช่ือว่า เป็นลวดลายชั้นสูงตกทอดมาแต่ ผ้าเขยี น-พมิ พล์ าย บาตกิ 8

เตรยี มผ้าขาว ลงสตี ามแบบทต่ี อ้ งการ รอใหผ้ า้ แหง้ ขอ้ ควรระวงั อยา่ ให้ ผ้าโดนอากาศช้นื หรอื ละอองฝน ทง้ิ ผา้ ใหแ้ หง้ สนทิ แลว้ นำ� มาแชย่ ำ้� ยากนั สตี ก ทง้ิ ไว้ 12 ชว่ั โมง จนครบ จากน้ันน�ำผ้าท่ีแช่น้�ำยาน�ำมาล้างให้สะอาดให้สีคาย ออกจากผา้ ใหห้ มด ควรจะลา้ งหลาย ๆ นำ้� และแชผ่ า้ ไวใ้ นนำ�้ จนกวา่ สจี ะคายตวั ออกหมด การลงสี เขียนเทยี น หรือพิมพ์เทียน แชน่ �ำ้ ยากันสตี ก ลา้ งน้ำ� ยาแชผ่ า้ กรรมวิธกี ารทำ� ผ้าบาติก ขัน้ ตอนในการผลติ ผา้ บาตกิ ปาเตะ๊ เตรียมผ้าขาว โดยการน�ำมาต้มเพื่อลอกแป้ง และ คราบสกปรกไขมันตา่ งๆ ออกจากผ้าใหห้ มด รดี ใหเ้ รียบ นำ� ผ้ามารา่ ง สเก๊ต ขดี กะ มารคจ์ ดุ ทเ่ี ราต้องการ น�ำผ้าที่ต้องการมาเขียนเทียน หรือพิมพ์เทียนตาม แบบที่ตอ้ งการ ผา้ ทเ่ี ขยี นหรอื พมิ พเ์ ทยี นแลว้ นำ� ไปขงึ บนเฟรมฝา้ เพอ่ื ทีจ่ ะลงสใี นขัน้ ตอนตอ่ ไป ผา้ เขยี น-พิมพ์ลาย บาติก 9

ต้มผา้ ในน�ำ้ ร้อน ล้างและแช่ผ้าใหส้ ีและเทียนออกจากผ้า น�ำผ้าที่ล้างจนสีออกหมดจนน้�ำใสสะอาดดีแล้ว น�ำผ้า ลงมาตม้ ในนำ้� รอ้ นเดอื ดจดั เพอ่ื ลอกเทยี นออกจากผา้ จนหมด ลา้ งผา้ และแชผ่ า้ ใหส้ แี ละเทยี นออกจากผา้ ใหห้ มดแลว้ น�ำมาซักให้สะอาดอีกครง้ั ผา้ ทตี่ ม้ เทยี นและสอี อกหมดแลว้ นำ� ผา้ ไปตากแขวนไว้ ในที่ร่ม จนแห้งสนทิ น�ำผ้ามารดี ใหเ้ รยี บ พบั เก็บ ใสล่ งบรรจภุ ัณฑ์ ขอ้ ควร ระวงั ในการใชผ้ า้ บาตกิ ปาเตะ๊ เนอื่ งจากเปน็ ผา้ ทำ� มอื ไมค่ วรใชน้ ้ำ� ยาฟอกขาวในการซกั และควรตากในทร่ี ม่ เพ่ือยดื อายุของผืนผ้า ผา้ เขยี น-พิมพ์ลาย บาติก 10

แหล่งทมี่ าข้อมูล และเอกสารท่ีใช้ในการอ้างองิ การจดั ท�ำขอ้ มลู รกั ษาวงศ์ ครูช่า4งศ.ลิ ปหตั ถกรรมปี 2556 สมั ภาษณ์ รศ. นันทา โรจนอุดมศาสตร,์ นางสาวธนนิ ทรธ์ ร ผ้าเขยี น-พมิ พ์ลาย บาตกิ 11