สิบ หญิงฮูปฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายรูปทราม ปัญญาพาฮุ่ง (หญงิ ขเ้ี หร่ จะงามอยูท่ ่ีการครองตวั ชายรูปชั่ว จะร่งุ อยทู่ ่ีปญั ญา) ตั้งแตแ่ ต่งงานอยกู่ นิ กบั ท้าวขอ้ หล้อมาเป็นเวลาหลายเดือน นางคันธมาลาก็หม่นหมองลง แม้จะมีความสุขกายเพราะท้าวข้อหล้อ รักใคร่นาง ดูแลอย่างดี มดมิให้ไต่ ไรมิให้ตอม แต่นางก็แสนอึดอัด เพราะสามี เปน็ ที่ซบุ ซบิ นนิ ทาหยามหม่ินของชาวเมือง ครนั้ ถึงเดอื นสี่ พระเจ้าพรหมทัตชวนไปเท่ยี วสวนหลวง นางคนั ธมาลา ก็ย่ิงเศร้าใจ เพราะสามีของนางมีแต่หัว จะข้ึนนั่งช้างเหมือนคนอ่ืนก็ไม่ได้ ท้าว ขอ้ หลอ้ เหน็ นางเศร้าโศก กป็ ลอบโยนวา่ “อย่าเสียอกเสียใจไปเลย ธรรมดาทองคำนั้นไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานที่ เช่นใด ก็คงสุกปล่ังไม่มัวหมอง น้องก็เช่นกัน นารีรูปงามใจงามเช่นน้อง ถึงแม้ จะแต่งงานกับคนรูปชั่วเช่นพ่ี ก็ยังคงต้องสุกใสเปล่งปลั่ง อย่ามีจิตใจขุ่นหมอง เลย สิ่งสำคัญหาได้แลเห็นด้วยตาเปล่าไม่ แต่เล็งเห็นและสัมผัสได้ด้วยใจของ น้อง พี่น้ีก็ใช่ว่าจะเป็นคนช่ัวช้ามาเกิด หากเป็นชาวสวรรค์ช้ันฟ้า พี่จะสำแดง ความจรงิ ใหน้ อ้ งชม แตอ่ ย่าบอกให้ใครรู้ ขอให้นอ้ งไปเอามา้ มาใหพ้ ี่ พี่จะสำแดง ให้ดู”
52 ทา้ วข้อหลอ้ นางคันธมาลาอยากรู้ความจริงจึงไปนำม้ามาให้ ท้าวข้อหล้อก็กลาย รา่ งเปน็ ชายรูปงามโสภา ขน้ึ ควบมา้ เหาะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ชาวเมืองชาววงั รวมทั้งพระเจ้าพรหมทัต หลงคิดว่าเทวดาลงมาเยือนพระนคร จึงพากันก้มลง กราบเปน็ ทวิ แถว เมื่อแสดงฤทธ์ิให้ประจักษ์แล้ว ท้าวข้อหล้อก็ห้อม้ากลับลงมาหานาง แล้วเล่าเร่ืองให้ฟังโดยตลอด เมื่อนางคันธมาลาได้ทราบความจริงก็สบายอก สบายใจขึ้นกว่าเดิม หน้าตาแจ่มใสหายหม่นหมอง จิตใจผ่องแผ้ว ท้ังสองครอง เรอื นกันอย่างมสี ุข แตช่ ีวติ ในรว้ั วังของท้าวข้อหล้อกลบั หาได้ปลอดภยั ไม ่ วนั หนึ่ง เสนาบดีผู้ใหญ่ใจพาลคนหน่ึง มีจิตริษยาท้าวข้อหล้อคิดหาทางกำจัด ได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตว่า ท้าวข้อหล้อหาใช่มนุษย์ไม่ เป็นผีเปรตท่ีจัก ทำลายบ้านเมืองให้ล่มจม ขอให้ประหารเสีย บ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุข พระเจา้ พรหมทัตหลงเชื่อ มีรบั ส่งั ใหห้ านางคนั ธมาลามาเข้าเฝา้ แล้วตรัสว่า “ลูกรู้หรือเปล่าว่าเจ้าข้อหล้อน้ันเป็นผีร้าย มันจะทำให้เมืองหลวงของ เราล่มจม อีกเจ็ดวนั พ่อจะสงั่ ให้เฮ็ดแพ นำมนั ใส่แพลอยนำ้ ไป” นางคันธมาลาร้องไห้ฟูมฟาย ก้มลงกราบเท้าพระบิดา ร้องขอชีวิต ท้าวข้อหล้อ แต่ก็ไม่เป็นผล นางตกใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรได้ จึงรีบกลับเรือน แจ้งเตือนเรือ่ งทง้ั หมดแก่สาม ี “อย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลยคันธมาลา พี่เป็นคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟ ไม่ไหม้ สิ่งศักดิ์สิทธ์ิจะช่วยคุ้มครองให้พี่พ้นภัยในครั้งนี้” ท้าวข้อหล้อปลอบ ภรรยา
หญงิ ฮูปฮา้ ย ครองวตั รพางาม ชายรปู ทราม ปัญญาพาฮุ่ง 53 เจ็ดวันต่อมา ทหารหลวงก็มาจับท้าวข้อหล้อไปลงแพ แพของท้าว ข้อหล้อลอยไปตามน้ำโขงอันเชี่ยวกราก เหว่ียงแพอันทำขึ้นจากไม้ไผ่ เซไป เซมา จมมิจมแหล่ ท้าวข้อหล้อน่ังสงบน่ิงอยู่กลางแพ ตั้งจิตอธิษฐานถึง พระอินทร์บนสวรรค์ ฝ่ายพระอินทร์มีตาทิพย์ เห็นดังนั้น ก็ส่ังให้พญาปลาบึก ใหญ่ไปช่วยประคองแพของท้าวข้อหล้อ พญาปลาบึกจึงผุดขึ้นมาจากถ้ำใต้ ลำนำ้ โขงช่วยประคับประคองมิให้แพของทา้ วข้อหลอ้ จมลงใตท้ ้องนำ้ “ขอบคุณมากจ้ะ พ่อปลาบึก ช่วยพาฉันกลับนครหลวงด้วยเถิดนะพ่อ ฉนั จะไม่ลืมบญุ คณุ พอ่ เลย” พญาปลาบึกใช้ปากดันแพทวนน้ำโขงกลับมาท่ีนครหลวง ชาวเมือง ชาววังเห็นแพของท้าวข้อหล้อลอยทวนน้ำโขงกลับมาพร้อมกับพญาปลาใหญ่ แห่งลุ่มน้ำโขง แพน้ันมาจอดน่ิงสงบอยู่ที่หน้าท่าน้ำของวังพระเจ้าพรหมทัต นับเป็นนิมิตอัศจรรย์ จึงพากันมาต้อนรับนำท้าวข้อหล้อข้ึนจากแพแห่แหนกลับ มาพระนคร
54 ทา้ วข้อหลอ้ เม่ือเหตุการณ์กลับตาลปัตร เสนาผู้ริษยาย่ิงโกรธแค้น จึงใส่ความยุยง ทา้ วข้อหล้ออีก “มันต้องเป็นภูตผีแม่นอีหลี จึงสามารถลอยทวนน้ำมาได้” พระเจ้า พรหมทตั ผหู้ เู บา จงึ สั่งใหไ้ ปจบั ตวั มาประหาร ฝา่ ยพระอนิ ทร์เมื่อเห็นวา่ พระเจา้ พรหมทัตยังไม่เลิกคิดทำช่ัว ก็เสด็จเหาะลงมาปรากฏกายกลางท้องพระโรง มีประกายรัศมีสีมรกตเจิดจ้าอยู่รอบกายา เป็นท่ีต่ืนตาแก่เสนาอำมาตย์ข้าราช- บริพาร “โอท้ า้ วสกั โก องคอ์ นิ ทราเสดจ็ มา” เสยี งพมึ พำไปทวั่ วงั พระเจา้ พรหมทตั นอ้ มองค์ลงกราบไหว้พระอินทร์ “พรหมทัตผโู้ ฉดเขลา วันนข้ี ้ามปี ญั หามาใหเ้ จ้าตอบสข่ี ้อดว้ ยกนั ขอ้ แรก แกผ่ มหงอกแลว้ กลายเป็นเด็ก ได้แก่อะไร ขอ้ สอง ส่ิงสำคัญสำหรับพระเจา้ แผ่นดนิ คอื อะไร ขอ้ สาม รสท่เี ลิศลำ้ กว่ารสทง้ั ปวงคอื รสอะไร และขอ้ สุดทา้ ย แจ้งโลกนี้โลกหน้าเป็นอย่างไร” พระเจ้าพรหมทัตดอ้ ยดว้ ยปญั ญา ก้มหน้าน่ิง “เจ้าตอบไม่ไดก้ ใ็ หเ้ จา้ เสนาข้างกายเจ้าชว่ ยตอบ” เสนาผรู้ ษิ ยาทำท่าลำพองย่งิ ทูลตอบว่า “คำถามสีข่ ้อน้งี ่ายนดิ เดียวพระเจา้ ข้า ขอ้ หนึ่ง แก่ผมหงอกแลว้ กลายเป็นเดก็ ก็คอื เฒ่าทารก ข้อสอง สิ่งสำคัญสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน ก็คอื อำนาจ ข้อสาม รสท่ีเลิศล้ำกว่ารสทั้งปวง ก็คือ รสแห่งกามเยี่ยงชาวฟ้า ชาวสวรรค์ ข้อสี่ แจ้งโลกน้ีโลกหน้า ก็คือ การสะสมพระราชทรัพย์ให้เพ่ิมพูนมีใช้ ทั้งในโลกนแ้ี ละโลกหน้าพะ่ ย่ะค่ะ”
หญิงฮปู ฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายรูปทราม ปัญญาพาฮุง่ 55 “เจ้านี่ช่างโฉดเขลายิ่งนัก” พระอินทร์ตวาดเสียงดัง เสนาผู้ริษยาตกใจ สุดขดี จนหัวใจวายตายไปต่อหน้าชาววงั “ภายในเจ็ดวัน ข้าจะมาทวงคำตอบ ถ้าตอบไม่ได้ ข้าจะส่งเจ้าไปลง หม้อนรก” แลว้ พระอินทรก์ ห็ ายตัวไป พระเจ้าพรหมทัตตกใจมาก ไม่รู้จะแก้ปัญหาน้ันได้อย่างไร ส่ังให้ ประกาศหาผู้มีปัญญามาแก้ปัญหา ใครแก้ปัญหาได้จะให้ครองพระนคร แต่ก็ ไม่มใี ครอาสา ทว่ั พระราชวงั จงึ มแี ตค่ วามกงั วล คร้ันถึงวันกำหนดนัด พระอินทร์เสด็จลงมาประทับกลางท้องพระโรง นางคนั ธมาลาอุ้มท้าวข้อหลอ้ มาเข้าเฝา้ พระบิดา “อ้ายข้อหลอ้ สามีลูกขออาสามาแก้ปญั หาน้”ี ท้าวข้อหล้อทำความเคารพพระอินทร์และพระเจ้าพรหมทัตก่อนท่ีจะ ตอบวา่ “ปญั หาขอ้ ท่ีหนงึ่ แกแ่ ลว้ ผมหงอกกลายเป็นเดก็ หมายถงึ คนแก่ทไ่ี ม่มี ศลี ธรรม ขาดสติไร้เหตุผลก็เหมือนกบั เด็กน้อยไร้เดียงสา ไมร่ ู้อะไรดีอะไรชว่ั ปัญหาข้อที่สอง ส่ิงสำคัญสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน คือ การรักษา พระเกียรตยิ ศ พระเจา้ แผน่ ดนิ ที่ไม่รักษาเกยี รติ หรอื ไมม่ ีเกียรตกิ ็ไม่สมควรเป็น ผู้นำของผคู้ น ปญั หาข้อทีส่ าม รสท่เี ลศิ ลำ้ ย่งิ กว่ารสอืน่ ใด คือ รสพระธรรม ส่วนปัญหาข้อท่ีส่ี แจ้งโลกน้ีโลกหน้า หมายถึง การบำเพ็ญศีลภาวนา ทำบุญทำทาน ซ่งึ จะทำใหจ้ ติ และกายผอ่ งแผ้วท้งั โลกน้ีและโลกหน้า”
56 ทา้ วขอ้ หลอ้ “เจ้าฉลาดมากเทพบุตรพานทอง เจ้าได้เห็นแล้วว่า การมีรูปงามเพียง อย่างเดียวแต่ไร้ปัญญาก็หาประโยชน์อะไรมิได้ ถึงเวลาแล้วท่ีเจ้าจะคืนร่างเดิม ผู้คนจะได้เลิกดูถูกดูหม่ินเจ้า เพราะมนุษย์น้ันโฉดเขลา ชอบตัดสินคนเท่าท่ีตา พาเห็น” พระอินทรอ์ วยชยั ใหพ้ ร แล้วก็เสด็จกลับสวรรคไ์ ป ส่วนท้าวข้อหล้อก็กลับคืนร่างเดิมเป็นชายหนุ่มรูปงามและได้ ครองเมอื งแทนพระเจา้ พรหมทตั
57
ภาคผนวก
60 อธิบายศัพท์ กะทอ เครื่องจกั สานด้วยไมไ้ ผ่ มีลักษณะทรงสูง กะว่า กว็ ่า กเ็ ห็นเปน็ กุ้ม พอคุม้ ขบ กัด ขอ้ หลอ้ ตวั เลก็ ๆ ขอ้ เดียว ขค้ี ร้าน ขเ้ี กียจ ขอ่ื ไมเ้ ครอื่ งบนสำหรับยึดเสาด้านขวาง เขา้ ขา้ ว คนงิ คิด ใคร่ครวญ คำ ทองคำ บ่แลว้ ไมห่ ยดุ ยำ้ คดิ ย้ำทำ ย่าวลง หยดเปน็ ทาง ไหลลง คอง คอย คูณ สริ ิมงคล จั่ง จึง แจ่มเจา้ บาท้าว (คำเดียวกันแต่เลน่ คำ) ลูกรัก ซ่าง ชา่ ง ด่าน แดน เขต ด้าวด่านดง ปา่ รกชัฏ ตาแฮก ผีประจำนา ตบู ต่อเล้า ชานเรอื นที่ตอ่ ออกมาข้างยุง้ ข้าว ทง่ ทุ่ง เที่ยว เดินทอ่ งไพร เทียว เดินทาง นอนสา นอนเสยี (สา เปน็ สรอ้ ยคำ) นำจอ่ ง ผกู พัน ตามไป ไม่ส้นิ สดุ
61 บค่ อื ไมง่ าม ไม่เหมาะ บแ่ ม่น ไมถ่ กู ตอ้ ง เปลา่ ดาย เปลา่ ประโยชน์ ผอื ต้นกกชนดิ สามเหลีย่ ม พุ้น โนน้ เพิ่ง พง่ึ พา เพ่ิน ทา่ น แพง มีคณุ ค่าย่ิง ม่ิง มง่ิ ขวัญ ย้อง ยกยอ่ ง เลา้ ยงุ้ ขา้ ว แลน ตะกวด สมโต ตามอตั ภาพ สาด เสือ่ หย ี ยับยยู่ ่ี หลา้ ลูกคนสุดท้อง เห้ยี น สั้น เอ้ ประดับตกแตง่ อู่ เปลเด็ก แอก ไม้วางขวางบนคอววั หรอื ควายใช้ไถนา แอว่ อ้อน, แอว่ วอน รอ้ งงอแง อ้อนวอน อยากได้ อยากมี ฮ้องฮำ่ ไห้ รอ้ งฟูมฟาย น้ำตาไหลพราก ฮ่อมใด๋ อยา่ งไร ฮา้ ง เกา่ จวนจะพงั ฮ้าย ขเี้ หร่ ร้าย ฮงุ่ ร่งุ เฮียน เรยี น เฮือน เรือน
62 เกร็ดนา่ รู้ อกั ษรตัวธรรมหรืออกั ษรธรรมอสี าน เป็นอักษรที่ใช้อยู่ในกลุ่มชนบริเวณลุ่มน้ำโขงตั้งแต่โบราณและแพร่ไป ยังกลุ่มไทยลื้อในสิบสองจุไทยด้วย จากศิลาจารึกในภาคอีสานและอาณาจักร ล้านช้างพบว่า อักษรตัวธรรมปรากฏในศิลาจารึกครั้งแรกในสมัยพระเจ้าราช- แสนไทย จารึกเกา่ ท่ีสุดท่ีเป็นอักษรตวั ธรรมลงไว้เมอ่ื ปีพ.ศ. 2003 คือจารกึ ฐาน พระพุทธรูป อยู่ที่วัดสีสะเกด เมืองเวียงจันทน์ ส่วนจารึกลงบนแผ่นศิลาที่เป็น อกั ษรตวั ธรรมเกา่ ท่ีสุดคือ จารกึ วัดบา้ นสงั คโลก ลงไวเ้ ม่ือปีพ.ศ. 2070 อกั ษรตวั ธรรมนนี้ ำมาใชใ้ นอาณาจกั รลา้ นชา้ งอยา่ งแพรห่ ลาย ภายหลงั ได้เข้ามายังภาคอีสานของประเทศไทย จึงพบเอกสารใบลานต่างๆ มากมาย ในภาคอสี านยคุ กอ่ นทจี่ ดบนั ทกึ ดว้ ยอกั ษรตวั ธรรม โดยเฉพาะเอกสารดา้ นพทุ ธ- ศาสนา ได้แก่ พระคัมภีร์อรรถกถา ชาดก และตำราวิชาการ ภาคอีสานและอาณาจักรล้านช้างได้ตกเป็นของไทยในสมัยกรุงธนบุรี เม่ือปีพ.ศ. 2322 ส่วนภาคอีสานนั้นได้รวมเข้าเป็นดินแดนประเทศไทยอย่าง จริงจังในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากน้ัน อกั ษรตวั ธรรมหรอื ตวั อกั ษรธรรมอสี านกเ็ สอ่ื มความนยิ มลง เนอ่ื งจากรชั กาลท่ี 5 ได้ให้ข้าราชการหัวเมืองอีสานเรียนภาษาไทยและตัวอักษรไทย อีกทั้งยังจัดต้ัง โรงเรียนสอนหนังสือไทยในทุกหัวเมือง โดยเฉพาะมณฑลลาวกลาง (นครราช- สมี า) มณฑลลาวพวน (อดุ รธาน)ี และมณฑลลาวกาว (อุบลราชธานี) และมกี าร ประกาศให้ใช้ภาษาไทยเปน็ ภาษาราชการนบั แตป่ ีพ.ศ. 2464 เป็นตน้ มา ตวั เลขในอักษรธรรมอีสานมี 10 รปู ดงั นี้ ๑๒๓๔๕๖๗๘๙๐ (เรียบเรียงจากหนงั สอื วรรณกรรมอีสาน โดย ธวชั ปณุ โณทก และหนังสือวรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ไทย โดย กตัญญู ชชู ่นื )
63 เครอื่ งป้ันดินเผาบ้านเชยี ง ท่ีชมุ ชนบ้านเชียงเมื่อ 5,000 กว่าปที ่ีแล้ว เมอ่ื มีคนตาย ญาติพ่ีนอ้ งจะ นำเคร่ืองมือ เครื่องใช้และเครื่องประดับขนาดเล็กบรรจุลงในภาชนะดินเผา เขยี นสี หรอื บางคร้งั ก็เป็นภาชนะดินเผาเขียนสเี ปล่าๆ วางไว้กับศพ โดยวางไว้ บริเวณใดก็ได้ ท้ังเหนือหัวผู้ตาย ปลายเท้า หรือด้านข้าง แล้วแต่แบบแผน พธิ ีการของหมบู่ า้ นนัน้ ๆ พิธีการดังกล่าวเกิดจากคติความเชื่อเกี่ยวกับความตายของชุมชน บ้านเชียงที่ว่า ผู้ตายน้ันยังไม่ตายจริง หากเปลี่ยนสภาพไปสู่อีกสถานะท่ ี ศักดิ์สิทธิ์กว่า ดังน้ันญาติพ่ีน้องจึงต้องจัดเตรียมภาชนะ เครื่องใช้ต่างๆ ทั้งที่ เปน็ ของส่วนตวั ของผตู้ ายและส่วนทค่ี วรได้เพ่ิมขึน้ ติดตัวไปดว้ ย นอกจากนีย้ ังมี ความเชอื่ ทว่ี า่ ผตู้ ายยงั ไมต่ าย หากกลบั ฟน้ื คนื ชวี ติ ขนึ้ มาอกี ครงั้ จะไดม้ เี ครอ่ื งใช้ ไมส้ อยไว้ทำมาหากิน ลวดลายทป่ี รากฏอยบู่ นเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเขยี นสี ของบ้านเชียง ได้แก่ ลายเส้นโค้ง ลายก้นขดและลาย กน้ หอย ลายเรขาคณติ ลายดอกไม้ ลายรปู สตั ว์ และลาย อน่ื ๆเช่น ลายเส้นขนาน ลายสามเหลยี่ มซ้อน เปน็ ตน้ (เรยี บเรยี งจากหนังสือบา้ นเชียง โดย สุจิตต์ วงษเ์ ทศ) ท่ีมาของปก การออกแบบหน้าปกของหนังสือชุดน้ีได้นำลวดลายการ เขียนสีบนภาชนะดินเผาของบ้านเชียงมาดัดแปลงและตัดทอน เพื่อให้เกิด ความสวยงามและเหมาะสมกบั ปกหนงั สือ
ประวัติย่อผู้เขียน รองศาสตราจารย์ สุกัญญา สจุ ฉายา (ชามพ)ู ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ผู้เชย่ี วชาญทางดา้ นคติชนวิทยาและวรรณคดที ้องถ่ิน มผี ลงานมากมายทัง้ ในรปู หนงั สอื งานวจิ ยั บทความวชิ าการ บทความสารคดี อาท ิ หนงั สอื ชอ่ื • เพลงพ้นื บ้านศึกษา โครงการตำราคณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าฯ • ขา้ วขวัญของแผน่ ดนิ มูลนิธิข้าวไทยฯ 2547 • สารานกุ รมวัฒนธรรมไทยภาคกลาง 15 เลม่ มูลนิธิสารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ 2542 • การแสดงพืน้ บ้านภาคกลาง : การปรับปรนในชีวติ ไทยสมยั ใหม่ งานวจิ ัยเรอ่ื ง สถาบันไทยศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย • วฒั นธรรมขา้ วของชนชาติไท : สถาบนั ไทยศกึ ษา จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั • พธิ ีกรรมและวถิ ีชีวติ ของชาวสวนคลองบางระมาด ธนบุร ี ฯลฯ
ประวัติย่อผู้วาดภาพประกอบ เดชาชาติ เทยี นเสม รางวัลท่ีไดร้ ับ • รางวัลชมเชยในการประกวดหนังสือดีเด่น ปี พ.ศ. 2544 ประเภทหนังสือสารคดีสำหรับเด็กเล็กอายุ 6-11 ปี เร่ือง “พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ 3” • ทำงานด้านการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้และ สร้างพฤติกรรมรกั การอ่านในเดก็ ครอบครัว และชมุ ชน • รางวลั ชมเชย การประกวดหนังสอื ดเี ดน่ เซเวน่ บคุ๊ อวอร์ดส ประจำปี พ.ศ. 2546-2547 ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน) เรอื่ ง “พันทา้ ยนรสิงห”์
เปิดโลกกว้างแหง่ การเรียนรู้ บนรากฐานภูมิปัญญาท้องถิน่ การจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาค เป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) เนน้ การถา่ ยทอดบทเรียนการจดั การการเรยี นรู้ ภายใต้บริบทวัฒนธรรมและความสนใจท่ีสอดคล้องกันของคนในท้องถ่ิน เพื่อกระจาย โอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยสามารถเขา้ ถงึ การเรียนรู้ไดอ้ ย่างมคี วามสุข โครงการนิทานพื้นบ้าน 4 ภาค เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเพื่อจัดต้ัง อุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาค โดยจัดทำเนื้อหาสาระในรูปแบบท่ีเด็กและเยาวชนสนใจ ซ่ึงสามารถส่ือให้เห็นความเป็นตัวของตัวเอง ได้รับรู้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม อนั ล้ำคา่ ในทอ้ งถ่ิน รวมทง้ั การรักษาและสบื ทอดมนตเ์ สนห่ แ์ ห่งนิทานพ้นื บ้าน หนังสือชุดนิทานพ้ืนบ้าน 4 ภาค ประกอบด้วยนิทานภาพสำหรับเด็กอายุ ไมเ่ กนิ 9 ปี และวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 9 ปขี ึน้ ไป สำนักงานอทุ ยานการเรยี นรู้ ดำเนนิ การจดั พิมพ์แลว้ เสร็จ และกระจายเผยแพรท่ ัว่ ประเทศแลว้ ดังน ้ี นทิ านภาพภาคใต้ จำนวน 6 เรอ่ื ง จารอกตี อ เมอื งนา่ อยูท่ ีห่ นูรกั ไก่โกง มูสงั เปาะแซเดาะกับซามะ ไขน่ ยุ้ กับแพะน้อย ซีงอ : เจา้ ป่าผ้กู ล้าหาญ ในวันฮารรี ายอ
วรรณกรรมเยาวชนภาคใต้ จำนวน 6 เรือ่ ง ซาไก พระเศวตสุรคชาธาร รายอฆอแน จาโต : เล่หก์ ลบนกระดาน วดั ถ้ำคหู าภิมขุ แดนคนธรรพ์ นิทานภาพภาคเหนือ จำนวน 5 เรอ่ื ง ห้าสหายปราบยกั ษ์ เชยี งใหมเ่ มอื งบุญ เพลงละอ่อน พฉึ อ่ ไกผ่ ู้พชิ ิตพระอาทิตย ์ ดาววไี ก่นอ้ ย วรรณกรรมเยาวชนภาคเหนอื จำนวน 7 เรือ่ ง ผู้เฒา่ เล่าไว ้ กำพรา้ บัวทอง จนั ตะคาด สวุ รรณเมกฆะ นทิ านของอุ๊ย ออ้ มล้อมตอ่ มคำ ผีม้าบ้อง กับหมาขนคำ
นทิ านภาพภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ จำนวน 5 เร่อื ง ช้างดอ้ื อเี กงิ้ ...เดือนดาว เมอื งมหาสารคาม เส่ยี วฮกั เสยี่ วแพง ฮตี สิบสอง วรรณกรรมเยาวชนภาคตะวันออกเฉียงเหนอื จำนวน 7 เรื่อง ผีผบึ พ้มึ ผจญภัยเมอื งฟ้าแดด สินไช ตำนานขูลกู ับนางอ้วั อภนิ หิ ารบาดาลนคร เรื่องเลา่ เจ้ากำพร้า ท้าวขอ้ หลอ้
Search