พระนครศรอี ยธุ ยา
พพระรนะนคครศรศรอีรีอยยธุ ุธยยาา
วดั พระศรีสรรเพชญ์
การเดนิ ทาง สารบญั สถานทที่ ่ีน่าสนใจ ๘ อำ� เภอพระนครศรีอยุธยำ ๑๐ อ�ำเภอบำงไทร ๑๐ อำ� เภอบำงปะอิน ๓๙ อำ� เภอบำงปะหนั ๔๔ อ�ำเภอนครหลวง ๕๐ อำ� เภอผกั ไห่ ๕๐ อ�ำเภอลำดบวั หลวง ๕๓ ๕๔ กจิ กรรมท่นี า่ สนใจ ๕๔ ๕๔ โฮมสเตย์ ๕๕ กิจกรรมขี่จกั รยำน ๕๖ กิจกรรมนงั่ สำมล้อชมโบรำณสถำน ๕๖ กจิ กรรมนง่ั ช้ำง ๕๗ ๕๗ กิจกรรมท่องเท่ียวทำงน�้ำ ๕๙ ๖๑ เทศกาลงานประเพณี ๖๑ สนิ ค้าพื้นเมอื งและของท่ีระลกึ ๖๕ ส่งิ อา� นวยความสะดวกในจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ๖๙ ๖๙ สถำนทพ่ี ัก ๗๐ รำ้ นอำหำร สนำมกอลฟ์ บริษทั นำ� เทย่ี ว หมายเลขโทรศพั ท์ส�าคญั
วดั พระศรสี รรเพชญ์ พระนครศรอี ยธุ ยา ราชธานีเก่า อ่ขู า้ วอ่นู ้า� เลิศล้�ากานตก์ วี คนดีศรอี ยธุ ยา
๔๑๗ ปแี หง่ กำรเปน็ รำชธำนเี กำ่ แกข่ องสยำมประเทศ สถำนท่ีท่องเท่ียวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ประกอบดว้ ย ๕ รำชวงศ ์ คอื รำชวงศอ์ ทู่ อง รำชวงศ์ สว่ นใหญเ่ ปน็ โบรำณสถำน ได้แก ่ วดั และพระรำชวงั สุพรรณภูมิ รำชวงศ์สุโขทัย รำชวงศ์ปรำสำททอง ต่ำงๆ พระรำชวังในจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำมีอยู ่ และรำชวงศบ์ ำ้ นพลหู ลวง มกี ษตั รยิ ป์ กครองทั้งสน้ิ ๓ แหง่ คอื พระรำชวงั หลวง วงั จนั ทรเกษม หรอื วงั หน้ำ ๓๓ พระองค์ โดยมีปฐมกษัตริย์ คือ สมเด็จ และวังหลัง นอกจำกน้ียังมีวังและต�ำหนักนอกอ�ำเภอ พระรำมำธบิ ดที ี่ ๑ (พระเจำ้ อทู่ อง) พระนครศรอี ยธุ ยำ พระนครศรีอยุธยำซึ่งเป็นที่ส�ำหรับเสด็จประพำส จงึ นบั เปน็ รำชธำนที มี่ อี ำยยุ ำวนำนทสี่ ดุ ในประวตั ศิ ำสตร์ ไดแ้ ก ่ พระรำชวังบำงปะอนิ ในเขตอำ� เภอบำงปะอิน ของชำติไทย ตลอดระยะเวลำ ๔๑๗ ปีท่ีกรุง และตำ� หนกั นครหลวง ในเขตอ�ำเภอนครหลวง ศรีอยุธยำเป็นรำชธำนีแห่งรำชอำณำจักรไทย มิได้ ภูมิประเทศของจังหวัดพระนครศรีอยุธยำเป็นที่ เป็นเพียงช่วงแห่งควำมเจริญสูงสุดของชนชำติไทย รำบลมุ่ มีแม่นำ้� สำยใหญไ่ หลผ่ำน ๓ สำย คอื แม่น�้ำ เท่ำนั้น แต่ยังเป็นกำรสร้ำงสรรค์อำรยธรรมของหมู่ เจ้ำพระยำ ไหลผ่ำนทำงด้ำนทิศตะวันตกและทิศใต้ มวลมนุษยชำติซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่นำนำอำรย- แม่น้�ำป่ำสัก ไหลผ่ำนทำงทิศตะวันออก และแม่น้�ำ ประเทศอีกด้วย แม้ว่ำกรุงศรีอยุธยำจะถูกท�ำลำย ลพบุรี (ปัจจุบันเป็นคลองเมือง) ไหลผ่ำนทำงด้ำน เสียหำยจำกสงครำมกับประเทศเพ่ือนบ้ำนหรือ ทิศเหนือ แม่น�้ำสำมสำยนี้ไหลมำบรรจบกันโอบล้อม จำกกำรบุกรุกขุดค้นของพวกเรำกันเอง แต่ส่ิงที่ รอบพ้ืนท่ีของตัวเมืองพระนครศรีอยุธยำ ตัวเมือง ปรำกฏให้เห็นในปัจจุบันนี้ยังมีร่องรอยหลักฐำน จึงมีลักษณะเป็นเกำะ เรำจะเห็นบ้ำนเรือนปลูก ซ่ึงแสดงอัจฉริยภำพและควำมสำมำรถอันย่ิงใหญ่ เรียงรำยหนำแน่นตำมสองข้ำงฝั่งแม่น�้ำ แสดงถึง ของบรรพบรุ ษุ แหง่ รำชอำณำจกั รผอู้ ทุ ศิ ตนสรำ้ งสรรค์ วิถชี ีวติ ของผู้คนทผี่ กู พนั อยู่กับสำยน้ำ� มำยำวนำน ควำมเจริญรุ่งเรืองทำงศิลปวัฒนธรรมและควำม จังหวัดพระนครศรีอยุธยำอยู่ห่ำงจำกกรุงเทพฯ มั่งค่ังไว้ให้แก่ผืนแผ่นดินไทย หรือแม้แต่ชำวโลก ประมำณ ๗๖ กิโลเมตร มีเน้ือที่ท้ังส้ินประมำณ ท้ังมวล จึงเป็นที่น่ำยินดีว่ำองค์กำรยูเนสโก โดย ๒,๕๕๖ ตำรำงกิโลเมตร แบ่งเขตกำรปกครองออก คณะกรรมกำรมรดกโลกไดม้ มี ตริ บั นครประวตั ศิ ำสตร์ เป็น ๑๖ อ�ำเภอ ได้แก่ อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ พระนครศรีอยุธยำ ซ่งึ มีอำณำเขตครอบคลมุ อทุ ยำน อ�ำเภอนครหลวง อ�ำเภอภำชี อ�ำเภอบ้ำนแพรก ประวัติศำสตร์พระนครศรีอยุธยำ และเป็นพ้ืนที่ อำ� เภอบำงซำ้ ย อ�ำเภอบำงไทร อ�ำเภอลำดบัวหลวง ที่ได้รับกำรจัดต้ังเป็นอุทยำนประวัติศำสตร์มำ อ�ำเภอบำงบำล อ�ำเภอมหำรำช อ�ำเภอบำงปะหัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ไว้ในบัญชีมรดกโลก เมื่อ อ�ำเภอเสนำ อ�ำเภออุทัย อ�ำเภอบำงปะอิน อ�ำเภอ วนั ท ่ี ๑๓ ธนั วำคม ๒๕๓๔ ณ กรงุ คำรเ์ ธจ ประเทศ ผักไห่ อ�ำเภอทำ่ เรือ และอำ� เภอวังน้อย ตูนีเซีย พร้อมกับอุทยำนประวัติศำสตร์สุโขทัย/ อทุ ยำนประวตั ศิ ำสตรศ์ รสี ชั นำลยั /อทุ ยำนประวตั ศิ ำสตร์ อาณาเขต ก�ำแพงเพชร โดยจะมีผลให้ได้รับควำมคุ้มครอง ทศิ เหนือ ติดต่อกับจังหวัดลพบุรี อ่ำงทอง ตำมอนุสัญญำที่ประเทศต่ำงๆ ได้ท�ำร่วมกัน จึงสมควร และสระบุรี ทอี่ นชุ นรนุ่ หลงั จะไดไ้ ปศกึ ษำเยย่ี มชมเมอื งหลวงเก่ำ ทศิ ใต ้ ตดิ ตอ่ กบั จงั หวดั ปทมุ ธำนแี ละนนทบรุ ี ของเรำแหง่ น้ี ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั จังหวัดสระบุรี ทิศตะวนั ตก ติดต่อกับจังหวดั สพุ รรณบรุ ี พระนครศรีอยุธยำ 7
การเดินทาง เขตอ�ำเภอบำงปะอิน อ�ำเภอพระนครศรีอยุธยำ รถยนต์ จำกกรุงเทพฯ สำมำรถเดินทำงไปจังหวัด และอ�ำเภอภำชี แล้วรถไฟจะแยกไปภำคเหนือและ พระนครศรอี ยธุ ยำ ไดห้ ลำยเส้นทำง ดงั นี้ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถำนีชุมทำงบ้ำนภำช ี ๑. ใชท้ ำงหลวงหมำยเลข ๑ (ถนนพหลโยธิน) ผำ่ น นอกจำกนก้ี ำรรถไฟฯ ยงั จดั ขบวนรถจกั รไอนำ�้ เดนิ ทำง ประตนู ำ�้ พระอินทร ์ แล้วแยกเขำ้ ทำงหลวงหมำยเลข ระหวำ่ งกรงุ เทพฯ-พระนครศรอี ยธุ ยำในโอกำสพเิ ศษ ๓๒ เล้ยี วซำ้ ยไปตำมทำงหลวงหมำยเลข ๓๐๙ เข้ำสู่ ปลี ะ ๓ ขบวน คอื วนั ท ี่ ๒๖ มีนำคม (วนั สถำปนำ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยำ กำรรถไฟฯ และเป็นวันที่ระลึกถึงกำรเปิดทำงรถไฟ ๒. ใชท้ ำงหลวงหมำยเลข ๓๐๔ (ถนนแจง้ วฒั นะ) หรอื สำยแรกว่ิงระหว่ำงกรุงเทพฯ-นครรำชสีมำ ใน ทำงหลวงหมำยเลข ๓๐๒ (ถนนงำมวงศว์ ำน) เลี้ยว ป ี พ.ศ. ๒๔๓๓) วนั ท ่ี ๒๓ ตลุ ำคม (วนั ปยิ มหำรำช เพอ่ื ขวำเข้ำทำงหลวงหมำยเลข ๓๐๖ (ถนนติวำนนท์) ร�ำลึกถึงพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว แล้วข้ำมสะพำนนนทบุรี หรือสะพำนนวลฉวี ไปยัง ผู้ทรงให้ก�ำเนิดกิจกำรรถไฟไทย) ติดต่อสอบถำม จงั หวัดปทมุ ธำนี ตอ่ ด้วยเส้นทำง ปทุมธำนี-สำมโคก รำยละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ีกำรรถไฟแห่งประเทศไทย -เสนำ (ทำงหลวงหมำยเลข ๓๑๑๑) เล้ียวแยกขวำ โทร. ๐ ๒๒๐ ๔๓๓๔,๑๖๙๐ สถำนีรถไฟ ท่อี �ำเภอเสนำ เข้ำสทู่ ำงหลวงหมำยเลข ๓๒๖๓ เข้ำสู่ พระนครศรีอยุธยำ โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๒๑ หรือ จังหวดั พระนครศรอี ยุธยำ www.railway.co.th ๓. ใชเ้ สน้ ทำงกรงุ เทพฯ-นนทบรุ -ี ปทมุ ธำน ี (ทำงหลวง เรอื กำรเดนิ ทำงไปจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยำโดยทำง หมำยเลข ๓๐๖) ถงึ ทำงแยกสะพำนปทมุ ธำน ี เลยี้ วเขำ้ นำ�้ เป็นท่นี ยิ มของชำวตำ่ งประเทศ เพรำะนอกจำกจะ สทู่ ำงหลวงหมำยเลข ๓๔๗ แลว้ ไปแยกเขำ้ ทำงหลวง ไดช้ มทศั นยี ภำพและชวี ติ ควำมเปน็ อยขู่ องประชำชน หมำยเลข ๓๓๐๙ ผำ่ นศนู ย์ศิลปำชีพบำงไทร อ�ำเภอ รมิ สองฝง่ั แมน่ ำ้� เจำ้ พระยำแลว้ ยงั เปน็ กำรยอ้ นใหเ้ หน็ บำงปะอนิ เข้ำสจู่ ังหวัดพระนครศรีอยธุ ยำ ถึงประวัติศำสตร์สมัยท่ีกรุงศรีอยุธยำเป็นรำชธำนี ๔. ใช้เส้นทำงด่วนหมำยเลข ๙ (ทำงด่วนศรีรัช) และมีกำรติดต่อค้ำขำยกับชำวต่ำงชำติทำงเรือบน ผ่ำนนนทบุรี-ปทุมธำนี ลงทำงด่วนเข้ำทำงหลวง สำยนำ้� เจ้ำพระยำแห่งนี้ หมำยเลข ๑ ผำ่ นศูนยศ์ ิลปำชีพบำงไทร เลีย้ วซ้ำย เรอื เมฆขลำ มบี รกิ ำรนำ� เทย่ี วสพู่ ระรำชวงั บำงปะอนิ เขำ้ ทำงหลวงหมำยเลข ๓๔๖๙ ตำมปำ้ ยไปบำงปะหนั และจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ แบบ ๒ วัน ๑ คืน ถึงสี่แยกไฟแดง (แยกวรเชษฐ์) เล้ียวขวำเข้ำจังหวัด พร้อมอำหำรและเคร่ืองดื่ม โดยเรือจะออกจำก พระนครศรอี ยุธยำ ทำ่ วดั ยำนวำนำ เวลำ ๑๔.๓๐ น. และเดนิ ทำงกลบั โดย รถตปู้ ระจำ� ทำง บรกิ ำรจำกทำ่ รถอนสุ ำวรยี ช์ ยั สมรภมู ิ รถยนต ์ (หรอื จะเลอื กเดนิ ทำงไปโดยรถยนต ์ ออกเวลำ โดยรถต ู้ VIP ปรบั อำกำศ ออกจำกพระนครศรอี ยธุ ยำ ๐๗.๐๐ น. และเดินทำงกลับโดยทำงเรือจำกท่ำวัด เวลำ ๐๔.๓๐–๑๙.๐๐ น. และออกจำกอนุสำวรีย์ นิเวศธรรมประวตั )ิ อตั รำคำ่ โดยสำร ๑๐,๔๕๐ บำท ชยั สมรภูมิเวลำ ๐๖.๐๐–๒๐.๐๐ น. มบี รกิ ำรทกุ วัน (เฉพำะค่ำเรือ ไม่รวมค่ำรถไปหรือกลับจำกพระนคร รถไฟ กำรเดนิ ทำงไปจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยำสำมำรถ ศรีอยุธยำ) สอบถำมรำยละเอียดเพ่ิมเติมได้ที่ โทร. ใช้บริกำรรถไฟโดยสำรท่ีมีปลำยทำงสู่ภำคเหนือ ๐๘ ๓๕๔๐ ๙๕๒๙ คุณอ้วน หรือ info@asian- และภำคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีบริกำรทุกวัน oasis.com หรอื www.mekhala.com ขบวนรถไฟจะผ่ำนจังหวัดพระนครศรีอยุธยำใน 8 พระนครศรีอยุธยำ
เรือริเวอร์ซันครุ้ยส์ บริกำรเรือน�ำเที่ยวไปเช้ำ-เย็น หมำยเหตุ หำกนักท่องเท่ียวต้องกำรเดินทำงจำก กลับ พร้อมอำหำร สู่พระรำชวังบำงปะอินและน�ำ พระนครศรีอยุธยำไปกรุงเทพฯ ทำงเรือร่วมกับเรือ เทย่ี วในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยำ เชน่ ภำยในอทุ ยำน ริเวอร์ซันครุ้ยส์และเรือแกรนด์เพิร์ลครุ้ยส์ (เพิร์ล ประวัติศำสตร์อันไดแ้ ก ่ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพระศรี ออฟสยำม) กรณุ ำสำ� รองทนี่ งั่ ลว่ งหนำ้ และเดนิ ทำงถงึ สรรเพชญ์ วัดหน้ำพระเมรุ วัดไชยวัฒนำรำม และ ทำ่ เรอื วดั ชอ่ งลม จงั หวดั นนทบรุ ี กอ่ นเวลำ ๑๒.๓๐ น. น�ำนักท่องเท่ียวเดินทำงกลับโดยไปข้ึนเรือท่ีท่ำเรือ เรอื ออกเดินทำงเวลำ ๑๓.๐๐ น. วัดช่องลม จังหวัดนนทบุรี ซ่ึงอยู่ห่ำงจำกตัวเมือง เวลิ ดท์ รำเวลิ เซอรว์ สิ จดั รำยกำรนำ� เทยี่ วสพู่ ระรำชวงั พระนครศรอี ยุธยำประมำณ ๖๐ กิโลเมตร รถออก บำงปะอินและจังหวัดพระนครศรีอยุธยำเป็นประจ�ำ จำกศูนย์กำรค้ำรเิ วอรซ์ ติ ้ี สพ่ี ระยำ เวลำ ๐๘.๐๐ น. ทุกวัน พร้อมอำหำรบุฟเฟต์ รถออกจำกท่ำริเวอร์ และเดินทำงกลับโดยทำงเรือ จำกท่ำเรือวัดช่องลม ซิตี้เวลำประมำณ ๐๗.๓๐ น. และเดินทำงไปขึ้น จงั หวดั นนทบรุ ี เรอื ออกเวลำ ๑๓.๐๐ น. ถงึ กรงุ เทพฯ เรือท่ีวัดช่องลม จังหวัดนนทบุรี เวลำ ๑๓.๓๐ น. เวลำ ๑๖.๓๐ น. อัตรำค่ำโดยสำรปกติรำคำคนละ กลับถึงเวลำ ๑๖.๓๐ น. เดินทำงกลับทำงเรือ ๒,๑๐๐ บำท สำ� หรบั นกั ทอ่ งเท่ยี วท่ตี อ้ งกำรจะร่วม แกรนดเ์ พริ ล์ ครยุ้ ส ์ (เพริ ล์ ออฟสยำม) อตั รำคำ่ บรกิ ำร เดนิ ทำงโดยสำรเรอื เฉพำะกลบั กรงุ เทพฯ รำคำคนละ คนละ ๑,๘๐๐ บำท สอบถำมรำยละเอียดเพิ่มเติม ๑,๕๐๐ บำท สอบถำมรำยละเอียดของเรือริเวอร์ ไดท้ ี่ โทร. ๐ ๒๒๓๔ ๔๘๗๕ ซันครุ้ยส์เพิ่มเติมได้ท่ี โทร. ๐ ๒๒๖๖ ๙๑๒๕-๖, ๐ ๒๒๖๖ ๙๓๑๖ ระยะทางจากอ�าเภอเมืองพระนครศรีอยุธยาไปยัง เรือแกรนดเ์ พิร์ลครยุ้ ส์ (เพิร์ลออฟสยำม) บริกำรเรอื อ�าเภอต่างๆ น�ำเที่ยวไปเช้ำ-เย็นกลับ พร้อมอำหำร สู่พระรำชวัง บำงบำล ๑๑ กโิ ลเมตร บำงปะอินและน�ำเท่ียวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ บำงปะอนิ ๑๕ กิโลเมตร เช่น ภำยในอุทยำนประวัติศำสตร์ อันได้แก่ วัด บำงปะหัน ๒๐ กิโลเมตร พระศรสี รรเพชญ ์ วดั มงคลบพิตร วัดมหำธำตุ และ เสนำ ๒๒ กโิ ลเมตร น�ำนักท่องเท่ียวเดินทำงกลับโดยไปข้ึนเรือท่ีท่ำเรือ อทุ ยั ๒๙ กิโลเมตร วัดช่องลม จังหวัดนนทบุรี ซ่ึงอยู่ห่ำงจำกตัวเมือง บำงซำ้ ย ๓๒ กโิ ลเมตร พระนครศรอี ยุธยำประมำณ ๖๐ กโิ ลเมตร รถออก ผกั ไห่ ๓๒ กิโลเมตร จำกศูนย์กำรค้ำริเวอรซ์ ติ ้ี ส่พี ระยำ เวลำ ๐๗.๓๐ น. นครหลวง ๓๓ กิโลเมตร และเดินทำงกลับโดยทำงเรือจำกท่ำเรือวัดช่องลม วงั น้อย ๓๗ กิโลเมตร จงั หวดั นนทบรุ ี เรอื ออกเวลำ ๑๓.๐๐ น. ถงึ กรงุ เทพฯ มหำรำช ๓๗ กิโลเมตร เวลำ ๑๖.๐๐ น. อัตรำค่ำโดยสำรปกติรำคำคนละ ภำช ี ๔๐ กิโลเมตร ๑,๘๐๐ บำท สำ� หรบั นกั ท่องเที่ยวท่ตี ้องกำรจะรว่ ม บำงไทร ๔๕ กิโลเมตร เดนิ ทำงโดยสำรเรอื เฉพำะกลบั กรงุ เทพฯ รำคำคนละ บ้ำนแพรก ๔๕ กโิ ลเมตร ๑,๓๐๐ บำทท้ังชำวไทยและชำวต่ำงชำติ สอบถำม ท่ำเรือ ๔๖ กิโลเมตร รำยละเอียดของเพมิ่ เตมิ ไดท้ ่ี โทร. ๐ ๒๘๖๑ ๐๒๕๕ ลำดบัวหลวง ๖๓ กโิ ลเมตร กด ๕ หรอื ๐ www.grandpearlcruise.com พระนครศรอี ยธุ ยำ 9
ระยะทางจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปยัง ชั้นที่ ๑ ห้องโถงกลำง เป็นพื้นท่ีโล่งส�ำหรับจัด จังหวัดใกลเ้ คียง กิจกรรมต่ำงๆ ได้แก่ วำดศิลป์วันอำทิตย์ วันเด็ก อำ่ งทอง ๓๗ กิโลเมตร แห่งชำต ิ จัดนทิ รรศกำร และอ่นื ๆ ปทุมธำนี ๔๒ กโิ ลเมตร ชนั้ ท่ี ๒ เปน็ ห้องนทิ รรศกำรด้ำนกำรท่องเทีย่ วของ สพุ รรณบรุ ี ๖๐ กโิ ลเมตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ โดยน�ำเสนอผ่ำนระบบ นนทบุร ี ๖๒ กิโลเมตร เทคโนโลยีอันทันสมัย เช่น Computer Touch สระบรุ ี ๖๗ กิโลเมตร Screen / Ghost Box โดยแบง่ เปน็ ๕ สว่ นคอื สว่ นที่ ๑ สิงห์บุรี ๗๓ กโิ ลเมตร เป็นกำรน�ำเสนอเร่ืองรำวซึ่งแสดงถึงควำมเจริญ กรงุ เทพมหำนคร ๗๙ กโิ ลเมตร รุ่งเรืองของอำรยธรรม ส่วนที่ ๒ เป็นกำรน�ำเสนอ สถำนท่ีท่องเที่ยวภำยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ สถานทท่ี นี่ ่าสนใจ สว่ นที่ ๓ เป็นสถำปตั ยกรรมทสี่ รำ้ งขน้ึ ตำมควำมเชื่อ อา� เภอพระนครศรีอยุธยา ทำงศำสนำเร่ืองไตรภูมิและจักรวำลวิทยำ ส่วนท่ี ๔ ศูนย์ท่องเท่ียวอยุธยา (ATC) อยู่บริเวณอำคำร เป็นกำรแนะน�ำวิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ของคนอยุธยำ ศำลำกลำงจังหวัดพระนครศรีอยุธยำหลังเก่ำ จัดตั้ง ส่วนที่ ๕ สรุปกำรชมนิทรรศกำรด้วยกำรชมวดี ิทัศน ์ ขึ้นตำมแผนแม่บทกำรอนุรักษ์พัฒนำและฟื้นฟูนคร ชุดชีวิตชีวำนครประวัติศำสตร์พระนครศรีอยุธยำ ประวัติศำสตร์พระนครศรีอยุธยำ (กรมศิลปำกร) ฉำยวีดิทัศน์ เปิดทุกวัน เวลำ ๐๘.๓๐–๑๖.๓๐ น. และกำรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ปรับปรุง สอบถำมรำยละเอยี ดไดท้ ี่ โทร. ๐ ๓๕๓๒ ๒๗๓๐-๑ ศำลำกลำงเกำ่ ของจังหวัดนครศรอี ยธุ ยำ เพ่อื ใชเ้ ป็น ศูนย์บริกำรด้ำนกำรท่องเที่ยว โดยภำยนอกยังคง ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา จัดตั้งขึ้นตำม รูปแบบเดิมไว้ ซึ่งหน้ำอำคำรยังเป็นรูปปั้นกษัตริย์ โครงกำรท่ีนักวิชำกำรไทยและนักวิชำกำรญ่ีปุ่นปรับ และวีรกษัตรีย์ส�ำคัญสมัยอยุธยำ ๖ พระองค์ คือ ขยำยมำจำกข้อเสนอเดิมของสมำคมไทย-ญ่ีปุ่น สมเด็จพระเจ้ำอู่ทอง สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ และจังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยำ ซง่ึ เคยเสนอปรับปรุง สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั สมเดจ็ พระนเรศวรมหำรำช สมเดจ็ บริเวณท่ีเคยเป็นหมู่บ้ำนญ่ีปุ่นให้จัดสร้ำงเป็น พระนำรำยณ์มหำรำช และสมเด็จพระเจ้ำตำกสิน พิพิธภัณฑ์หมู่บ้ำนญ่ีปุ่นมำเป็นกำรเสนอให้จัดต้ัง มหำรำช เป็นศูนย์ศึกษำประวัติศำสตร์อยุธยำซ่ึงจะท�ำหน้ำที่ ในอำคำรศูนยท์ ่องเท่ยี วอยุธยำ มกี ำรให้บริกำรดังน้ี เป็นสถำบันวิจัยและพิพิธภัณฑสถำนเกี่ยวกับรำช ชน้ั ที่ ๑ ดำ้ นหนำ้ ปกี ขวำ เปน็ ศนู ยบ์ รกิ ำรนกั ทอ่ งเทยี่ ว อำณำจักรอยุธยำโดยรวม และได้รับงบประมำณ ของกำรท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ ช่วยเหลือแบบให้เปล่ำจำกรัฐบำลญี่ปุ่นเป็นเงิน บรกิ ำรขอ้ มลู ขำ่ วสำรดำ้ นกำรทอ่ งเทย่ี ว ในสว่ นของ ๙๙๙ ล้ำนเยน (๑๗๐ ลำ้ นบำท) เพ่อื เป็นกำรเฉลมิ ศูนย์บริกำรนักท่องเท่ียว เปิดให้บริกำรทุกวันไม่เว้น พระเกียรติในโอกำสที่พระบำทสมเด็จพระปร- วันหยุด ต้ังแต่เวลำ ๐๘.๓๐–๑๖.๓๐ น. สอบถำม มินทรมหำภูมิพล อดุลยเดช ทรงเจริญพระชนม ข้อมูลเพมิ่ เตมิ โทร. ๐ ๓๕๓๒ ๒๗๓๐-๑ พรรษำครบ ๖๐ พรรษำ และเพอื่ เปน็ ทร่ี ะลกึ ในโอกำส ชนั้ ท่ี ๑ ดำ้ นหนำ้ ปกี ซำ้ ย เปน็ หอ้ งแสดงผลงำนศลิ ปนิ ท่ีมิตรภำพระหว่ำงประเทศญี่ปุ่นกับรำชอำณำจักร ชองหอศลิ ปแ์ หง่ ชำติพระนครศรีอยธุ ยำ ไทยไดส้ ถำพรยืนนำนมำครบ ๑๐๐ ปี 10 พระนครศรอี ยธุ ยำ
ศูนย์ศึกษำประวัติศำสตร์อยุธยำแห่งน้ีแบ่งออกเป็น ในกรุงศรีอยุธยำมีจ�ำนวนมำกขึ้น ทำงกำรญี่ปุ่น ๒ สว่ น คอื สว่ นอำคำรหลกั ตงั้ อยทู่ ถ่ี นนโรจนะ ใกลก้ บั ได้อนุญำตให้ชำวญี่ปุ่นเดินเรือออกไปค้ำขำยกับ มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยำเปน็ อำคำร ๒ ชนั้ ชำวต่ำงชำติ ในบรรดำพวกที่ไปค้ำขำยมีพวกหน่ึง มีห้องจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อยู่ชั้นบน และอีกส่วนคือ เดินทำงมำยังกรุงศรีอยุธยำ พระเจ้ำแผ่นดินไทย สว่ นอำคำรผนวก ตงั้ อยู่ท่ตี �ำบลเกำะเรียน ในบริเวณ มีพระบรมรำชำนุญำตให้ชำวญ่ีปุ่นมำตั้งหลักแหล่ง หมบู่ ำ้ นญป่ี นุ่ พพิ ธิ ภณั ฑข์ องศนู ยฯ์ แหง่ นม้ี ลี กั ษณะพเิ ศษ ในกรงุ ศรอี ยธุ ยำรอบนอกเกำะเมอื งเหมอื นชำตอิ น่ื ๆ แตกตำ่ งจำกพพิ ธิ ภณั ฑอ์ นื่ คอื กำรพยำยำมสรำ้ งภำพชวี ติ นับตั้งแต่นั้นมำก็มีชำวญ่ีปุ่นเข้ำมำอำศัยอยู่ใน สังคม วัฒนธรรมในอดีตให้กลับมำมีชีวิตข้ึนใหม่ด้วย อยุธยำมำกข้ึน โดยมีหัวหน้ำปกครองในกลุ่มตน ขอ้ มลู กำรวจิ ยั (Researched Based Reconstruction) หวั หนำ้ ชำวญป่ี นุ่ ในขณะนนั้ คอื นำกำมำซะ ยำมำดะ โดยกำรน�ำเทคโนโลยีของกำรจัดพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ เป็นผู้มีอ�ำนำจและเป็นท่ีโปรดปรำนของสมเด็จ มำใช้จัดแสดงนิทรรศกำรซึ่งจะท�ำให้ผู้ชมสำมำรถ พระเจ้ำทรงธรรม จนได้รับแต่งต้ังเป็นออกญำ เข้ำใจชีวิตในอดีตได้ง่ำย กำรจัดแสดงมีท้ังสิ้น ๕ หัวข้อ เสนำภิมุขรับรำชกำร ต่อมำได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ำเมือง คือ อยุธยำในฐำนะรำชธำนี อยุธยำในฐำนะเมืองท่ำ นครศรธี รรมรำชจนสน้ิ ชวี ติ ปจั จบุ นั สมำคมไทย-ญปี่ นุ่ อยธุ ยำในฐำนะของศนู ยก์ ลำงอำ� นำจทำงกำรเมอื งและ ได้สร้ำงหุ่นจ�ำลอง นำกำมำซะ ยำมำดะ และจำรึก กำรปกครอง ควำมสัมพันธ์ของอยุธยำกับนำนำชำติ ประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำของหมู่บ้ำนญี่ปุ่นใน และชีวิตชำวบ้ำนไทยสมัยก่อน ทั้งน้ีนิทรรศกำร สมัยกรุงศรีอยุธยำมำตั้งไว้ภำยในหมู่บ้ำน มีอำคำร ทุกอย่ำงที่น�ำมำแสดงในศูนย์ฯ ได้รับกำรตรวจสอบ จดั แสดงเรอื่ งควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งอยธุ ยำกบั ตำ่ งประเทศ ข้อมูลทำงประวัติศำสตร์อย่ำงละเอียดจำกคณะ เปิดเวลำ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. ค่ำเข้ำชม ชำวไทย อนกุ รรมกำรดำ้ นวชิ ำกำรของคณะกรรมกำรอำ� นวยกำร และชำวตำ่ งชำต ิ รำคำ ๕๐ บำท สอบถำมรำยละเอยี ด มำแลว้ ศนู ยฯ์ แหง่ นเ้ี ปดิ ทำ� กำรทกุ วนั วนั องั คำร-อำทติ ย์ ได้ทีส่ มำคมไทย-ญป่ี นุ่ โทร. ๐ ๒๒๕๑ ๕๘๕๒ หรอื และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลำ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ๐ ๓๕๒๔ ๔๓๔๐ www.thai-japanasso.or.th อัตรำค่ำเข้ำชมส�ำหรับเด็ก นักเรียน และนักศึกษำ กำรเดินทำง จำกเจดีย์วัดสำมปล้ืม เล้ียวซ้ำยทำงไป ในเครื่องแบบ ๕ บำท ประชำชนท่ัวไป ๒๐ บำท อ�ำเภอบำงปะอิน ผ่ำนวัดใหญ่ชัยมงคล ระยะทำง ชำวตำ่ งชำต ิ ๑๐๐ บำท สอบถำมรำยละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ประมำณ ๒.๕ กโิ ลเมตร โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๕๑๒๓-๔ นอกจำกนี้ด้ำนหลังศูนย์ฯ ประดิษฐำนพระบรมรำชำนุสรณ์พระบำทสมเด็จ วดั บรมพทุ ธาราม อยภู่ ำยในบรเิ วณมหำวทิ ยำลยั รำชภฏั พระจอมเกล้ำเจำ้ อยหู่ ัว มอี ำคำรทอ้ งฟำ้ จำ� ลอง เปิดให้ พระนครศรอี ยธุ ยำ สรำ้ งในสมยั สมเดจ็ พระเพทรำชำ เข้ำชมวันอังคำร-อำทิตย์ เวลำ ๐๘.๐๐-๑๖.๓๐ น. ประมำณ พ.ศ. ๒๒๓๑-๒๒๔๖ ณ บริเวณย่ำน มบี รรยำยวันละ ๒ รอบ ๑๑.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. ป่ำตอง อันเป็นนิวำสสถำนเดิมของพระองค์ คำ่ เขำ้ ชม ผใู้ หญ่ ๒๐ บำท เดก็ ๑๐ บำท สอบถำม ทต่ี งั้ ของวดั ถกู จำ� กดั โดยเสน้ ทำงคมนำคมสมยั โบรำณ รำยละเอยี ดโทร. ๐ ๓๕๒๔ ๕๑๒๓ หรอื ๐๘ ๑๘๕๓ ๕๑๒๓ คือ ด้ำนตะวันออกเป็นแนวคลองฉะไกรน้อย ด้ำน ตะวันตกเป็นแนวถนนหลวง ชื่อถนนมหำรัฐยำ หมู่บ้านญ่ีปุ่น ตั้งอยู่ที่ต�ำบลเกำะเรียน เมื่อปลำย หรือถนนป่ำตอง แนวถนนและคลองดังกล่ำวบังคับ คริสต์ศตวรรษที ่ ๑๖ ชำวต่ำงประเทศเข้ำมำค้ำขำย แผนผังของวัดให้วำงตัวตำมแนวเหนือ-ใต้ โดยหัน พระนครศรีอยธุ ยำ 11
หมบู่ ำ้ นญ่ีปนุ่ หนำ้ วดั ไปทำงทศิ เหนอื วดั นแี้ ตกตำ่ งจำกวดั อนื่ ตรงที่ เปน็ วดั ทส่ี มเดจ็ พระบรมรำชำธริ ำชท ี่ ๒ (เจำ้ สำมพระยำ) โปรดฯ ให้ท�ำกระเบื้องเคลือบสีเหลืองขึ้นมุงหลังคำ ทรงสร้ำง จึงให้ช่ือว่ำ “พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำต ิ พระอุโบสถ วหิ ำร ศำลำกำรเปรยี ญ และใช้ประดบั เจ้ำสำมพระยำ” พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำ เจดีย์และซุ้มประตู จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ำ ภูมิพล อดุลยเดชและสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ “วัดกระเบื้องเคลือบ” ซ่ึงใช้เวลำก่อสร้ำง ๒ ปี จึง พระบรมรำชินีนำถ เสด็จพระรำชด�ำเนินทรงเปิด แล้วเสร็จ ในสมัยพระเจ้ำอยู่หัวบรมโกศโปรดฯ พพิ ิธภณั ฑแ์ ห่งนเ้ี มือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ให้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ครั้งใหญ่และให้ท�ำบำนประตูมุก บรเิ วณพพิ ธิ ภณั ฑแ์ บง่ เปน็ อำคำรจดั แสดง ๓ อำคำร คอื ฝมี อื งดงำม ๓ คู่ บำนประตมู กุ นี้ปัจจบุ นั คู่หน่ึงอย่ทู ี่ อำคำร ๑ ชั้นล่ำง จัดแสดงโบรำณศิลปวัตถุที่ หอพระมณเฑียรธรรมในวัดพระศรีรัตนศำสดำรำม ค้นพบจำกกำรขุดแต่งและบูรณะโบรำณสถำนใน คหู่ นงึ่ อยทู่ ว่ี ดั เบญจมบพติ รดสุ ติ วนำรำม และอกี คหู่ นง่ึ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ระหว่ำง พ.ศ. ๒๔๙๙– มีผู้ตัดไปท�ำตู้หนังสือ ซ่ึงขณะนี้ตั้งแสดงอยู่ท่ี ๒๕๐๐ ได้แก่ พระพุทธรูปศิลปะสมัยทวำรวดี พิพิธภณั ฑสถำนแหง่ ชำติ พระนคร กรุงเทพมหำนคร ลพบุรี อยธุ ยำ พระพุทธรปู สำ� คญั ที่จัดแสดง ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรปู ประทบั นงั่ หอ้ ยพระบำท เปน็ พระพทุ ธรปู พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ต้ังอยู่ ศิลำขำวสมยั ทวำรวดี ในทำ่ ประทับนงั่ หอ้ ยพระบำท ทต่ี ำ� บลประตชู ยั ถนนโรจนะ ตรงขำ้ มกบั มหำวทิ ยำลยั ซึ่งเคยประดิษฐำนในซุ้มพระสถูปโบรำณวัดพระเมรุ รำชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยำ พพิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่ นสี้ รำ้ งขนึ้ ดว้ ย จังหวัดนครปฐม กรมศิลปำกรได้พยำยำมติดตำม เงนิ ทป่ี ระชำชนเชำ่ พระพมิ พท์ ขี่ ดุ ไดจ้ ำกกรวุ ดั รำชบรู ณะ ซงึ่ ชิ้นส่วนต่ำงๆ ขององค์พระที่กระจัดกระจำยไปอยู่ 12 พระนครศรีอยุธยำ
พพิ ธิ ภณั ฑ์เจ้ำสำมพระยำ ในทต่ี ำ่ งๆ มำประกอบขน้ึ เปน็ องคพ์ ระไดอ้ ยำ่ งสมบรู ณ ์ ศรีทองค�ำ องค์พระแสงขรรค์ท�ำด้วยเหล็กมีคม นับเป็นพระพุทธรูปที่มีค่ำมำกองค์หนึ่ง ซ่ึงในโลก ทง้ั ๒ ดำ้ น ฝกั ทำ� ดว้ ยทองคำ� จำ� หลกั ลำยประจำ� ยำม พบเพยี ง ๖ องคเ์ ทำ่ น้นั คือ ในประเทศไทย ๕ องค์ ลำยกนกประดบั อญั มณ ี ดำ้ มทำ� ดว้ ยหนิ เขยี้ วหนมุ ำน และในประเทศอินโดนีเซีย ๑ องค์ ในประเทศไทย หอ้ งทสี่ อง จดั แสดงเครอื่ งทองทพ่ี บในกรพุ ระปรำงค์ ประดิษฐำนอยู่ท่ีวัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม วดั มหำธำตปุ ระดษิ ฐำนพระบรมสำรรี กิ ธำต ุ ซงึ่ บรรจุ ๒ องค์ พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ พระนคร อยใู่ นผอบทองคำ� สว่ นทรี่ อบเฉลยี ง จดั แสดงพระพมิ พ์ กรุงเทพมหำนคร ๑ องค ์ พพิ ธิ ภัณฑสถำนแหง่ ชำต ิ ท่ีท�ำด้วยชิน (โลหะเจือชนิดหน่ึงประกอบด้วยตะกั่ว เจำ้ สำมพระยำ ๑ องค ์ และวดั หนำ้ พระเมร ุ จงั หวดั และดีบุก บทุ องแดง) และดินเผำ สมัยสุโขทัย ลพบรุ ี พระนครศรีอยุธยำ ๑ องค์ เศียรพระพุทธรูปสมัย และสมัยอยุธยำที่ค้นพบในกรุพระปรำงค์ วัดรำช อู่ทอง ท�ำด้วยสัมฤทธ์ิมีขนำดใหญ่มำก ได้มำจำก บูรณะ วัดมหำธำต ุ และวัดพระรำม วัดธรรมมิกรำช แสดงให้เห็นถึงควำมเก่ำแก่ของวัด อำคำร ๒ จัดแสดงโบรำณศิลปวัตถุที่พบใน และฝีมือกำรหล่อวัตถุขนำดใหญ่ในสมัยโบรำณ ประเทศไทยตำมล�ำดับอำยุ สมัยต้ังแต่พุทธศตวรรษ นอกจำกนยี้ ังมีเครื่องไม้จำ� หลักฝีมอื ช่ำงสมัยอยธุ ยำ ท่ี ๑๑-๒๔ คือ ตั้งแต่สมัยทวำรวดี ศรีวิชัย ลพบุรี ชนั้ บน จดั แสดงเครอื่ งทอง ๒ หอ้ ง หอ้ งแรก จดั แสดง เชยี งแสน สโุ ขทัย อ่ทู อง อยธุ ยำ และรัตนโกสนิ ทร์ เคร่ีองทองท่ีพบในกรุพระปรำงค์วัดรำชบูรณะ เมื่อ เพ่ือเป็นกำรศึกษำเปรียบเทียบโบรำณวัตถุส�ำคัญ พ.ศ. ๒๕๐๐ โบรำณวตั ถทุ ส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก ่พระแสงขรรคช์ ยั ที่จดั แสดง เช่น พระพทุ ธรปู ปำงตำ่ งๆ พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร พระคเณศ พระนครศรอี ยุธยำ 13
วิหำรพระมงคลบพติ ร อำคำร ๓ เป็นเรือนไทยที่สร้ำงเป็นหมู่เรือนไทย กำรเดนิ ทำง จำกกรงุ เทพฯ เขำ้ ตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำ ภำคกลำง ปลกู อยกู่ ลำงคนู ำ้� ภำยในเรอื นไทยจดั แสดง แล้วข้ำมสะพำนสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ตรงไป ศิลปะพ้ืนบ้ำน เคร่ืองมือเครื่องใช้ในชีวิตประจ�ำวัน จนถงึ ศำลำกลำงจงั หวดั หลงั เดมิ จะเหน็ สำมแยกแลว้ ของคนไทยสมัยก่อน เช่น หม้อดินเผำ กระต่ำยขูด เล้ียวขวำ ตรงไปไม่ไกลนักจะเห็นคุ้มขุนแผนอยู่ทำง มะพรำ้ ว และเครือ่ งจักสำนต่ำงๆ ซำ้ ยมอื เปิดให้ชมทกุ วนั เวลำ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. คุ้มขุนแผน ตั้งอยู่ท่ีถนนป่ำโทน เป็นตัวอย่ำงของ วิหารพระมงคลบพติ ร ตั้งอยทู่ ำงด้ำนทิศใตข้ องวัด หมู่เรือนไทยภำคกลำง ในรูปแบบเรือนคหบดีไทย พระศรสี รรเพชญ ์ ใชเ้ สน้ ทำงเดยี วกบั ทำงไปคมุ้ ขนุ แผน สมัยโบรำณ เดิมเป็นจวนสมุหเทศำภิบำล มณฑล วิหำรพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก พระ กรงุ เก่ำ พลตรี พระเจำ้ บรมวงศ์เธอ กรมขนุ มรุพงศ์ มงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ ปำงมำรวิชัย สิริพัฒน์ ทรงสร้ำงขึ้นปี พ.ศ. ๒๔๓๗ ท่ีเกำะลอย มีขนำดหน้ำตักกว้ำง ๙.๕๕ เมตร และสูง ๑๒.๔๕ บรเิ วณสะพำนเกลอื ซง่ึ อยตู่ รงขำ้ มกบั ทวี่ ำ่ กำรมณฑล เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนำดใหญ่องค์หน่ึง ตอ่ มำในรำวป ี พ.ศ. ๒๔๘๓ ปรีด ี พนมยงค์ รฐั บุรษุ ในประเทศไทย ไมม่ หี ลกั ฐำนแนช่ ดั วำ่ สรำ้ งในสมยั ใด อำวโุ สไดย้ ำ้ ยจวนหลงั นม้ี ำสรำ้ งในบรเิ วณคกุ นครบำล สันนิษฐำนว่ำสร้ำงในสมัยกรุงศรีอยุธยำตอนต้น เก่ำของพระนครศรีอยุธยำ พร้อมท้ังสร้ำงเรือนไทย ระหว่ำงปี พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๑๔๕ สมเด็จพระเจ้ำ เพ่ิมข้ึนอีกในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ และให้ชื่อเรือนไทยน้ี ทรงธรรมโปรดเกลำ้ ฯ ให้ย้ำยจำกทศิ ตะวนั ออกนอก ว่ำคุ้มขุนแผน ซึ่งเชื่อกันว่ำขุนแผนเคยต้องโทษอยู่ใน พระรำชวังมำไว้ทำงด้ำนทิศตะวันตกท่ีประดิษฐำน คกุ แห่งน ี้ อยู่ในปจั จุบนั และโปรดเกล้ำฯ ให้กอ่ มณฑปสวมไว ้ 14 พระนครศรีอยุธยำ
วดั พระศรสี รรเพชญ์ พระนครศรีอยธุ ยา 15
ในสมยั สมเดจ็ พระเจำ้ เสอื เมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๒๔๙ อสนุ บี ำต (๑๖ เมตร) หมุ้ ด้วยทองคำ� หนัก ๒๘๖ ชั่ง (ประมำณ ตกลงมำต้องยอดมณฑปพระมงคลบพิตรเกิดไฟไหม้ ๑๗๑ กิโลกรัม) ประดิษฐำนไว้ในวิหำร พระนำมว่ำ ท�ำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหำย จึง “พระศรีสรรเพชญดำญำณ” ซึ่งภำยหลังเม่ือครำว โปรดเกลำ้ ฯ ใหซ้ อ่ มแซมใหม ่ แปลงหลงั คำยอดมณฑป เสียกรุง พ.ศ. ๒๓๑๐ พมำ่ ไดเ้ ผำลอกทองค�ำไปหมด เป็นมหำวิหำร และต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรใน ในสมัยรัตนโกสินทร์พระบำทสมเด็จพระพุทธ สมัยสมเด็จพระเจ้ำบรมโกศ (พ.ศ.๒๒๘๕–๒๒๘๖) ยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช โปรดเกล้ำฯ ให้อัญเชิญ ในครำวเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยำครงั้ ท ่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ วหิ ำร ช้ินส่วนช�ำรุดของพระประธำนองค์นี้ลงมำกรุงเทพฯ พระมงคลบพิตรถูกข้ำศึกเผำเครื่องบนโทรมลงมำ และบรรจุช้ินส่วนซ่ึงบูรณะไม่ได้เหล่ำน้ันไว้ในเจดีย์ ต้องพระเมำลีและพระกรขวำของพระมงคลบพิตร องค์ใหญ่ที่สร้ำงข้ึนแล้วพระรำชทำนชื่อเจดีย์ว่ำ หกั รชั กำลที ่ ๕ โปรดเกลำ้ ฯ ใหก้ ำรปฏิสงั ขรณใ์ หม่ “เจดีย์สรรเพชญดำญำณ” สำ� หรบั บรเิ วณขำ้ งวหิ ำรพระมงคลบพติ รทำงดำ้ นทศิ สำ� หรบั เจดยี อ์ งคท์ สี่ ำม ถดั มำทำงทศิ ตะวนั ตก สมเดจ็ ตะวันออกแต่เดิมเป็นสนำมหลวง ใช้เป็นท่ีส�ำหรับ พระบรมรำชำธิรำชท่ี ๔ (สมเดจ็ พระหน่อพุทธำงกรู ) สร้ำงพระเมรุพระบรมศพของพระมหำกษัตริย์และ พระรำชโอรสได้โปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงขึ้นเพ่ือบรรจุ เจำ้ นำยเชน่ เดยี วกบั ทอ้ งสนำมหลวงของกรุงเทพฯ พระบรมอัฐิของสมเด็จพระรำมำธิบดีที่ ๒ เจดีย์ สำมองคน์ เี้ ปน็ เจดยี แ์ บบลงั กำ ระหวำ่ งเจดยี แ์ ตล่ ะองค์ วัดพระศรสี รรเพชญ ์ ตง้ั อย่ทู ำงทิศเหนอื ของวิหำร มีมณฑปก่อค่ันไว้ ซึ่งคงจะมีกำรสร้ำงในรำวรัชกำล พระมงคลบพติ ร เป็นวัดส�ำคัญทสี่ ร้ำงอยใู่ นพระรำช สมเดจ็ พระเจำ้ ปรำสำททอง และมรี อ่ งรอยกำรบรู ณะ วังหลวง เทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศำสดำรำมแห่ง ปฏสิ งั ขรณห์ นงึ่ ครงั้ ในรำวรชั สมยั สมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั กรุงรัตนโกสินทร์ หรือวัดมหำธำตุแห่งกรุงสุโขทัย บรมโกศ ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครำมได้มีกำร ในสมัยสมเด็จพระรำมำธิบดีท่ี ๑ (พระเจ้ำอู่ทอง) บรู ณะเจดยี แ์ หง่ นจ้ี นมสี ภำพทเ่ี หน็ อยใู่ นปจั จบุ นั วดั น้ี ทรงสร้ำงพระรำชมณเฑียรเป็นท่ีประทับในบริเวณนี้ เปดิ ให้เขำ้ ชมทกุ วนั เวลำ ๐๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ตอ่ มำสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถทรงยำ้ ยพระรำชวงั ข้ึนไปทำงเหนือ และอุทิศท่ีดินเดิมให้สร้ำงวัดข้ึน พระราชวังหลวง หรอื พระราชวงั โบราณ ตงั้ อยตู่ ิด ภำยในเขตพระรำชวัง โปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงเขต กบั วดั พระศรสี รรเพชญท์ ำงดำ้ นทศิ เหนอื สนั นษิ ฐำน พุทธำวำสขึ้น เพื่อเป็นที่ส�ำหรับประกอบพิธีส�ำคัญ ว่ำ สมเด็จพระรำมำธิบดีท่ี ๑ (พระเจ้ำอู่ทอง) ทรง ต่ำงๆ จึงเป็นวดั ที่ไม่มีพระสงฆ์จ�ำพรรษำ สร้ำงพระรำชวังต้ังแต่เม่ือครั้งประทับอยู่ที่เวียงเล็ก ต่อมำในสมยั สมเด็จพระรำมำธบิ ดีที ่ ๒ โปรดเกลำ้ ฯ เม่ือ พ.ศ. ๑๘๙๐ และเมื่อสร้ำงพระรำชวังเสร็จใน ใหส้ รำ้ งพระสถปู เจดยี ใ์ หญ ่ ๒ องค ์ เมอื่ พ.ศ. ๒๐๓๕ ปี พ.ศ. ๑๘๙๓ จึงย้ำยมำประทับที่พระรำชวังใหม่ องค์แรกทำงทิศตะวันออกเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิ รมิ หนองโสน ปรำสำทในครง้ั แรกนส้ี รำ้ งดว้ ยเครอ่ื งไม้ ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ พระรำชบิดำ และ อยู่ในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์ ต่อมำเม่ือ พ.ศ. องค์ท่ีสองคือองค์กลำงเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของ ๑๙๙๑ สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถทรงถวำยที่ สมเดจ็ พระบรมรำชำธริ ำชท ี่ ๓ พระบรมเชษฐำ ตอ่ มำ บริเวณปรำสำทให้เป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดใน ในปี พ.ศ. ๒๐๔๒ ทรงสรำ้ งพระวหิ ำรขนำดใหญ่และ เขตพระรำชวัง แล้วทรงสร้ำงปรำสำทใหม่เลื่อนไป ในปี พ.ศ. ๒๐๔๓ ทรงหล่อพระพุทธรูปยนื สูง ๘ วำ ทำงเหนือ ชิดกับแมน่ �้ำลพบรุ ี 16 พระนครศรีอยุธยำ
ย่ืนออกมำเป็นท่ีส�ำหรับพระมหำกษัตริย์เสด็จออก รับแขกเมือง มโี รงชำ้ งเผือกขนำบอยู่ท้งั สองขำ้ ง พระที่นั่งสุริยำสน์อมรินทร์ เดิมช่ือพระที่น่ังสุริยำ มรินทร์ ต่อมำเปลย่ี นชอ่ื เพื่อให้คล้องกบั ช่ือพระท่นี ่ัง สรรเพชญป์ รำสำท เปน็ ปรำสำทจตั รุ มขุ กอ่ ดว้ ยศลิ ำแลง มีพื้นสูงกว่ำพระท่ีน่ังองค์อื่น ๆ ตั้งอยู่ติดก�ำแพง ริมแม่น�้ำ ใช้เป็นท่ีส�ำหรับประทับทอดพระเนตร ขบวนแหท่ ำงน�้ำ ตำมพงศำวดำรกล่ำววำ่ เม่อื สมเดจ็ พระนำรำยณส์ วรรคต สมเดจ็ พระเพทรำชำไดอ้ ญั เชญิ พระบรมศพจำกเมืองลพบุรีมำประดิษฐำนไว้ที่ พระทนี่ ่ังองค์นี้ พระทนี่ งั่ จกั รวรรดไิ์ พชยนต์ สมเดจ็ พระเจำ้ ปรำสำททอง ทรงสร้ำงเมื่อ พ.ศ. ๒๑๗๕ พระรำชทำนนำมว่ำ “พระทนี่ งั่ สริ ยิ โสธรมหำพมิ ำนบรรยงก”์ คลำ้ ยปรำสำท ที่นครธม ต่อมำจึงเปลี่ยนเป็น “พระท่ีน่ังจักรวรรด์ิ ไพชยนต”์ ลกั ษณะเปน็ ปรำสำทตรมี ขุ ตงั้ อยบู่ นกำ� แพง ชน้ั ใน ดำ้ นทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของวดั พระศรสี รรเพชญ์ เปน็ ทส่ี ำ� หรบั ทอดพระเนตรกระบวนแหแ่ ละฝกึ หดั ทหำร พระท่ีน่ังตรีมุข เป็นพระท่ีนั่งศำลำไม้ หลังคำมุง กระเบอื้ งดินเผำ ต้ังอยทู่ ำงทศิ ตะวนั ตกของพระทน่ี ั่ง วัดพระรำม สรรเพชญป์ รำสำท ไมป่ รำกฏปที สี่ ร้ำง เขำ้ ใจวำ่ เดมิ เปน็ พระทน่ี งั่ ฝำ่ ยใน และเปน็ ทป่ี ระทบั ในอทุ ยำน เปน็ บรเิ วณพระรำชวงั หลวงมพี ระท่ีน่ังส�ำคัญ ดังนี้ พระทน่ี ง่ั องคเ์ ดยี วที่อยใู่ นสภำพสมบูรณท์ สี่ ดุ พระที่น่ังวิหำรสมเด็จ ต้ังอยู่ทำงตอนใต้สุด เป็น พระที่น่ังบรรยงก์รัตนำสน์ หรือพระที่นั่งท้ำยสระ ปรำสำทยอดปรำงค์ มีมุขหน้ำหลังยำว แต่มุขข้ำงส้ัน เป็นปรำสำทจัตุรมุข ตั้งอยู่บนเกำะกลำงสระน�้ำ มีก�ำแพงแก้วล้อม ๒ ด้ำน ตำมพงศำวดำรกล่ำวว่ำ สมเด็จพระเพทรำชำโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงข้ึนเป็น สมเดจ็ พระเจำ้ ปรำสำททองโปรดฯ ใหส้ รำ้ งเมอ่ื พ.ศ. ทป่ี ระทบั อยขู่ ำ้ งในและเปน็ ทส่ี ำ� รำญพระรำชอริ ยิ ำบถ ๒๑๘๖ เพื่อแทนพระท่ีน่ังมังคลำภิเษกที่ถูกฟ้ำผ่ำ เมอื่ พ.ศ. ๒๒๓๑ และได้เสด็จประทบั ตลอดรชั กำล ไฟไหม ้ ชำวบ้ำนเรยี กวำ่ “ปรำสำททอง” เนื่องจำก มีพระแท่นส�ำหรับทอดพระเนตรปลำท่ีทรงเล้ียงไว้ เป็นปรำสำทปิดทององค์แรกที่สร้ำงข้ึนส�ำหรับ ในสระนนั้ ดว้ ย ประกอบพระรำชพธิ ตี ำ่ ง ๆ พระท่ีนั่งทรงปืน เป็นพระที่น่ังรูปยำวรี อยู่ริมสระ พระทน่ี ง่ั สรรเพชญป์ รำสำท เปน็ ปรำสำทยอดปรำงค์ ด้ำนตะวันตก ใกล้พระท่ีน่ังบรรยงก์รัตนำสน์ เข้ำใจ ตั้งอยู่ตรงกลำง สร้ำงแบบเดียวกันกับพระท่ีน่ังวิหำร ว่ำเป็นท่ีส�ำหรับฝึกซ้อมอำวุธ และในสมัยสมเด็จ สมเด็จ มีหลังคำซ้อนลดหลั่นกันถึงห้ำชั้น มีมุขเด็จ พระเพทรำชำทรงใชเ้ ปน็ ทอ้ งพระโรงทเี่ สดจ็ ออกขนุ นำง พระนครศรอี ยุธยำ 17
วัดมหำธำตุ พระท่ีน่ังต่ำงๆ ท่ีปรำกฏให้เห็นซำกหลงเหลือในปัจจุบัน พระบรมราชานุสาวรียพ์ ระเจา้ อทู่ อง ประดิษฐำน เป็นอำคำรท่ีสร้ำงในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ อยู่ระหว่ำงบึงพระรำมกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นทปี่ ระทับของพระมหำกษตั รยิ ์ทกุ รัชกำล พระบรมรูปของพระเจ้ำอู่ทองมีขนำดเท่ำครึ่งของ คนธรรมดำ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์และรมด้วยน้�ำยำ วัดพระราม อยู่นอกเขตพระรำชวังไปทำงด้ำน สีเขียว ในพระอิริยำบถประทับยืน พระหัตถ์ขวำ ทิศตะวันออก ตรงข้ำมกับวิหำรพระมงคลบพิตร ทรงพระขรรค์ พระเกล้ำเกศำ ฉลองพระองค์แบบ สมเด็จพระรำเมศวรทรงสร้ำงขึ้นตรงบริเวณท่ีถวำย พระมหำกษตั รยิ ส์ มยั กรงุ ศรอี ยธุ ยำตอนตน้ พระบำท พระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรำมำธิบดีท่ี ๑ สมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดชเสด็จ (พระเจ้ำอู่ทอง) พระรำชบิดำ วัดน้ีมีบึงขนำดใหญ่ พระรำชด�ำเนินทรงเปิดพระบรมรำชำนุสำวรีย์เมื่อ อยู่หน้ำวัด เมื่อมีกำรสร้ำงกรุงศรีอยุธยำ คงจะมีกำร วนั ที ่ ๒๔ มิถนุ ำยน ๒๕๑๓ ขุดเอำดินในหนองมำถมพื้นที่วังและวัด พื้นท่ีท่ีขุด เอำดินมำได้กลำยเป็นบึงใหญ่ บึงมีชื่อปรำกฏใน วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่เชิงสะพำนป่ำถ่ำน ทำงทิศตะวัน กฎมณเฑยี รบำลวำ่ “บึงชขี ัน” ต่อมำเปลยี่ นชือ่ เปน็ ออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศำวดำรบำงฉบับ “บงึ พระรำม” ปจั จบุ นั คอื “สวนสำธำรณะบงึ พระรำม” กล่ำวว่ำวัดนี้สร้ำงในสมัยสมเด็จพระบรมรำชำธิรำช ใช้เป็นที่ส�ำหรับพักผ่อนหย่อนใจของชำวจังหวัด ท่ี ๑ ต่อมำสมเด็จพระรำเมศวรโปรดเกล้ำฯ ให้ พระนครศรีอยุธยำและนักท่องเที่ยวที่มำเยือน เปิด อัญเชิญพระบรมสำรีริกธำตุมำบรรจุไว้ใต้ฐำนพระ ใหเ้ ขำ้ ชมทกุ วนั เวลำ ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ น. ปรำงค์ประธำนของวดั เมอื่ พ.ศ. ๑๙๒๗ พระปรำงค์ 18 พระนครศรอี ยธุ ยำ
วัดมหำธำตุถือเป็นปรำงค์ที่สร้ำงในระยะแรกของ จะหลน่ ลงมำอยทู่ โี่ คนตน้ ไมใ้ นสมยั เสยี กรงุ จนรำกไม้ สมัยอยุธยำซ่ึงได้รับอิทธิพลจำกปรำงค์ขอม ชั้นล่ำง ขึน้ ปกคลมุ มคี วำมงดงำมแปลกตำไปอีกแบบ ก่อสร้ำงด้วยศิลำแลง แต่ท่ีเสริมใหม่ตอนบนเป็นอิฐ กำรเดนิ ทำง จำกกรงุ เทพฯ เขำ้ ตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำ ถอื ปนู สมเดจ็ พระเจำ้ ปรำสำททองไดท้ รงปฏสิ งั ขรณ์ แล้วข้ำมสะพำนสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ตรงไป พระปรำงค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่ำเดิม แต่ขณะนี้ จนถึงสี่แยกไฟแดงท่ี ๒ เล้ียวขวำตรงไปไม่ไกลนัก ยอดพังลงมำเหลือเพียงช้ันมุขเท่ำน้ัน จึงเป็นท่ีน่ำ ผ่ำนบึงพระรำม จะเห็นวัดมหำธำตุอยู่ทำงซ้ำยมือ เสียดำยเพรำะมีหลักฐำนว่ำเป็นปรำงค์ท่ีมีขนำด เปดิ ทุกวนั เวลำ ๐๘.๐๐–๑๘.๐๐ น. ใหญ่มำกและก่อสร้ำงอย่ำงวิจิตรสวยงำมมำก เมื่อ หมำยเหตุ ตง้ั แต่เวลำประมำณ ๑๙.๓๐-๒๑.๐๐ น. พ.ศ. ๒๔๙๙ กรมศิลปำกรได้ขุดแต่งพระปรำงค์ จะมกี ำรสอ่ งไฟชมโบรำณสถำน แห่งนี้ พบของโบรำณหลำยชิ้น ที่ส�ำคัญคือผอบ ศิลำ ภำยในมีสถูปซ้อนกัน ๗ ช้ัน แบ่งออกเป็นชิน วัดราชบูรณะ อยู่ตรงเชิงสะพำนป่ำถ่ำน ตรงข้ำม เงิน นำก ไมด้ ำ� ไมจ้ ันทร์แดง แกว้ โกเมน และทองค�ำ วัดมหำธำตุ สมเด็จพระบรมรำชำธิรำชท่ี ๒ (เจ้ำ ชนั้ ในบรรจพุ ระบรมสำรรี กิ ธำตแุ ละเครอื่ งประดบั อนั สำมพระยำ) โปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ รำ้ งขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๑๙๖๗ มคี ำ่ ปจั จบุ นั พระบรมสำรรี กิ ธำตนุ ำ� ไปประดษิ ฐำนไว้ ณ บริเวณท่ีถวำยพระเพลิงเจ้ำอ้ำยพระยำกับ ท่ีพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ เจ้ำสำมพระยำ สิ่งที่น่ำ เจ้ำย่ีพระยำซ่ึงชนช้ำงกันจนถึงแก่พิรำลัย และ สนใจในวดั อีกอยำ่ ง คอื เศยี รพระพุทธรูปหนิ ทรำย โปรดเกล้ำฯ ใหก้ อ่ เจดยี ์ ๒ องค์บริเวณนนั้ วัดน้แี ละ ซึ่งมีรำกไม้ปกคลุม เข้ำใจว่ำเศียรพระพุทธรูปนี้ วัดมหำธำตุเมื่อครำวเสียกรุงถูกไฟไหม้เสียหำยมำก ซำกที่เหลืออยู่แสดงว่ำวิหำรและส่วนต่ำงๆ ของ วัดนี้ใหญ่โตมำก วิหำรหลวงมีขนำดยำว ๖๓ เมตร กว้ำง ๒๐ เมตร ด้ำนหน้ำมีบันไดข้ึน ๓ ทำง ที่ ผนังวิหำรเจำะเป็นบำนหน้ำต่ำง ปัจจุบันยังปรำกฏ ซำกของเสำพระวิหำรและฐำนชุกชีพระประธำน เหลืออยู่ พระปรำงค์ประธำน เป็นศิลปะอยุธยำ สมัยแรกซ่ึงนิยมสร้ำงตำมแบบสถำปัตยกรรมขอม ท่ีให้พระปรำงค์เป็นประธำนของวัด ช่องคูหำของ พระปรำงค์มีพระพุทธรูปยืนปูนปั้นประดิษฐำน ช่องละ ๑ องค์ องค์ปรำงค์ประดับด้วยปูนปั้นรูป ครฑุ ยกั ษ์ เทวดำ นำค พระปรำงค์องค์นม้ี ีลวดลำย สวยงำมมำก ภำยในกรุปรำงค์มีห้องกรุ ๒ ชั้น สำมำรถลงไปชมได้ ชั้นบนมีภำพจิตรกรรมฝำผนัง เลือนรำง ช้ันล่ำงซ่ึงเคยเป็นท่ีเก็บเครื่องทอง มี ภำพจิตรกรรมเขียนด้วยสีแดงชำด ปิดทอง เป็นรูป พระพุทธรปู ปำงลีลำและปำงสมำธ ิ รวมท้ังรปู เทวดำ และรูปดอกไม ้ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๐ คนร้ำยได้ลักลอบ วดั รำชบูรณะ พระนครศรอี ยธุ ยำ 19
วัดไชยวัฒนาราม ต้ังอยู่ริมแม่น�้ำเจ้ำพระยำฝั่ง ตะวันตก นอกเกำะเมือง เป็นวัดท่ีพระเจ้ำปรำสำททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยำองค์ที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๑๗๓- ๒๑๙๘) โปรดใหส้ รำ้ งขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๑๗๓ ไดช้ อื่ วำ่ เปน็ โบรำณสถำนทม่ี คี วำมงดงำมมำกแหง่ หนงึ่ ควำม ส�ำคัญอีกประกำรหน่ึงคือ วัดนี้เป็นท่ีฝังพระศพของ เจ้ำฟ้ำธรรมธิเบศร์ (เจ้ำฟ้ำกุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยำ ตอนปลำย กับเจ้ำฟำ้ สงั วำลยซ์ ึง่ ต้องพระรำชอำญำโบย จนสนิ้ พระชนมใ์ นรัชสมัยของพระเจำ้ อยูห่ วั บรมโกศ สง่ิ ทน่ี ำ่ ชมภำยในวดั ไดแ้ ก ่ พระปรำงคศ์ รรี ตั นมหำธำตุ เป็นปรำงค์ประธำนของวัด ตั้งอยู่บนฐำนส่ีเหล่ียม จัตุรัส ที่มุมฐำนมีปรำงค์ทิศประจ�ำอยู่ทั้งส่ีมุม กำรที่สมเด็จพระเจ้ำปรำสำททองซ่ึงเป็นกษัตริย์ สมัยอยุธยำตอนปลำยทรงสร้ำงปรำงค์ขนำดใหญ่ เป็นประธำนของวัด เท่ำกับเป็นกำรรื้อฟื้นศิลปะ สมัยอยุธยำตอนต้นที่นิยมสร้ำงปรำงค์เป็นประธำน ของวัด เช่น กำรสร้ำงปรำงค์ท่ีวัดมหำธำตุและวัด รำชบูรณะ เน่ืองจำกพระองค์ทรงได้เขมรมำอยู่ใต้ อ�ำนำจ จึงมีกำรน�ำรูปแบบสถำปัตยกรรมเขมรเข้ำมำ ใช้ในกำรก่อสร้ำงปรำงค์อีกครั้งหนึ่ง นอกจำกนี้ยังมี วดั ไชยวฒั นำรำม พระระเบียงรอบปรำงค์ประธำน ภำยในพระระเบยี ง มีพระพุทธรูปปูนปั้นปำงมำรวิชัย ผนังระเบียงก่อ ขดุ โบรำณวตั ถทุ ฝ่ี งั ไวใ้ นกรปุ รำงคป์ ระธำนวดั รำชบรู ณะ ด้วยอิฐถือปูน มีลูกกรงหลอกเป็นรูปลำยกุด่ัน โดยขุดเจำะจำกพื้นคูหำเรือนธำตุลงไปพบห้องท่ีฝัง พระอุโบสถ อยู่ด้ำนหน้ำของวัด ภำยในมีซำก โบรำณวัตถุ ๒ ห้อง ต่อมำทำงรำชกำรติดตำมจับ พระประธำนเป็นพระพุทธรูปปำงมำรวิชัย สร้ำง คนร้ำยและยึดโบรำณวัตถุได้เพียงบำงส่วน โบรำณ ด้วยหินทรำย ใบเสมำของพระอุโบสถท�ำด้วยหินสี วัตถุในกรุพระปรำงค์วัดรำชบูรณะท�ำด้วยทองค�ำ ค่อนข้ำงเขียว จ�ำหลักเป็นลำยประจ�ำยำมและลำย สัมฤทธ์ิ หิน ดินเผำ และอัญมณี เมื่อกรมศิลปำกร ก้ำนขด และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ทำงด้ำนหน้ำ ขุดแต่งพระปรำงค์วัดรำชบูรณะต่อ ได้น�ำโบรำณ พระอุโบสถมีเจดีย์ ๒ องค์ ฐำนกว้ำง ๑๒ เมตร วตั ถทุ มี่ คี ำ่ ไปเกบ็ รกั ษำไวใ้ นพพิ ธิ ภณั ฑสถำนแหง่ ชำต ิ สงู ๑๒ เมตร ซงึ่ ถอื เปน็ ศลิ ปะทเ่ี รมิ่ มแี พรห่ ลำยตงั้ แต่ เจ้ำสำมพระยำ ซึ่งสร้ำงโดยเงินบริจำคจำกกำรน�ำ สมยั สมเดจ็ พระเจ้ำปรำสำททอง วัดไชยวัฒนำรำม พระพิมพ์ขนำดเล็กที่ได้จำกกรุน้ีมำจ�ำหน่ำยเป็น ไดร้ บั กำรประกำศขนึ้ ทะเบยี นเปน็ โบรำณสถำนของชำติ ของช�ำร่วย เม่ือวนั ท ่ี ๘ มนี ำคม พ.ศ. ๒๔๗๘ และกรมศิลปำกร ได้ด�ำเนินกำรบูรณะตลอดมำ ปัจจุบันไม่มีสภำพรกร้ำง 20 พระนครศรอี ยุธยำ
อยู่ในป่ำอีกแล้ว และยังคงมองเห็นเค้ำแห่งควำม ของสมเดจ็ พระยพุ รำชและพระมหำกษตั รยิ ห์ ลำยพระองค์ สวยงำมยง่ิ ใหญต่ ระกำรตำ ซง่ึ ผไู้ ปเยอื นไมค่ วรพลำดชม เช่น สมเด็จพระเอกำทศรถ เจ้ำฟ้ำสุทัศน์ สมเด็จ อย่ำงยิ่ง เปดิ ทกุ วัน เวลำ ๐๘.๐๐–๑๘.๐๐ น. พระนำรำยณ์มหำรำช สมเด็จพระเจ้ำบรมโกศ ฯลฯ เมอื่ ครำวเสียกรงุ ในป ี พ.ศ. ๒๓๑๐ วงั น้ีได้ถูกขำ้ ศึก เรือ สำมำรถเช่ำเหมำเรือหำงยำวจำกบริเวณหลัง เผำท�ำลำยเสียหำยมำกและถูกท้ิงร้ำง จนถึงสมัย ลำนจอดรถฝั่งตรงข้ำมพระรำชวังจันทรเกษม ด้ำน รัชกำลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้ำฯ ให้ ตะวันออกของเกำะเมือง เช่ำจำกท่ำเรือด้ำนหน้ำ ซอ่ มพระทนี่ ง่ั พมิ ำนรตั ยำและพลบั พลำจตั รุ มขุ ไวเ้ ปน็ วดั พนญั เชิงวรวิหำร / เชำ่ ได้จำกท่ำเรอื ตรงสำมแยก ท่ีประทับเมื่อเสด็จประพำสพระนครศรีอยุธยำ ถนนปำ่ มะพรำ้ ว ลอ่ งไปตำมลำ� นำ�้ ปำ่ สกั ลงไปทำงใต ้ และพระรำชทำนนำมว่ำพระรำชวังจันทรเกษม ผำ่ นวทิ ยำลยั กำรตอ่ เรอื พระนครศรอี ยธุ ยำ วดั พนญั เชงิ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ต่อมำในสมัย วรวิหำร วัดพุทไธสวรรย์ โบสถ์โปรตุเกส วัด รชั กำลท ี่ ๕ ไดพ้ ระรำชทำนพระทนี่ ง่ั พมิ ำนรตั ยำเปน็ ไชยวัฒนำรำม วัดกษัตรำธิรำชวรวิหำร และเจดีย์ ทท่ี ำ� กำรของมณฑลกรุงเก่ำเม่อื พ.ศ. ๒๔๔๒ และ พระศรีสุริโยทัยอันสง่ำงำม หำกล่องเรือในเวลำ จนกระทั่งเมื่อพระยำโบรำณรำชธำนินทร์ได้เข้ำมำ พลบคำ�่ จะเหน็ ภำพบรเิ วณวดั ไชยวฒั นำรำมงดงำมมำก ด�ำรงต�ำแหน่งสมุหเทศำภิบำลมณฑลกรุงเก่ำ จึงได้ รถยนต์ สำมำรถใช้เส้นทำงเดียวกับวัดกษัตรำธิรำช จัดสร้ำงอำคำรท่ีท�ำกำรภำคบริเวณก�ำแพงทำงด้ำน วรวิหำร เมื่อข้ำมสะพำนวัดกษัตรำธิรำชไปแล้ว ทิศตะวันตกต่อกับทิศใต้ แล้วย้ำยที่ว่ำกำรมณฑล ใหเ้ ลย้ี วขวำ แลว้ ตรงไปเรอื่ ยๆ จะเหน็ วดั ไชยวฒั นำรำม จำกพระทนี่ งั่ พมิ ำนรตั ยำมำตง้ั ทอี่ ำคำรทท่ี ำ� กำรภำค ตัง้ เดน่ เป็นสง่ำอยู่ทำงดำ้ นหนำ้ ในขณะนั้น กรมศิลปำกรจึงได้เข้ำมำดูแลและจัดท�ำ หมำยเหตุ โบรำณสถำนในควำมดูแลของอุทยำน เป็นพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ จันทรเกษม จนกระท่ัง ประวัติศำสตร์พระนครศรีอยุธยำ จ�ำนวน ๖ แห่ง ปจั จบุ นั ได้แก่ วดั พระศรสี รรเพชญ์ วดั พระรำม วดั มหำธำตุ โบรำณสถำน โบรำณวัตถุท่ีน่ำสนใจในพระรำชวัง วัดรำชบูรณะ วัดมเหยงคณ์ และวัดไชยวัฒนำรำม จนั ทรเกษม มีดังน้ี นักท่องเที่ยวท้ังชำวไทยและต่ำงประเทศสำมำรถ ก�ำแพงและประตูวัง ปัจจุบันก่อเป็นก�ำแพงอิฐ ซอ้ื บตั รรวมส�ำหรบั ๖ แห่งได้ในรำคำ ๕๐ บำท/คน มีใบเสมำ มีประตูด้ำนละ ๑ ประตู รวม ๔ ด้ำน และสำมำรถใชไ้ ดใ้ นระยะเวลำ ๓๐ วนั เป็นส่ิงท่ีสร้ำงใหม่ในรัชกำลที่ ๔ ก�ำแพงของเดิม มีอำณำเขตกว้ำงขวำงกว่ำท่ีเห็นในปัจจุบัน เพรำะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม เรียกอีก ขุดพบรำกฐำนของพระที่น่ังนอกก�ำแพงวัดด้ำนใน ชื่อหน่ึงว่ำวังจันทรเกษม หรือวังหน้า ต้ังอยู่ถนน และพบซำกอิฐในบริเวณเรือนจ�ำหลำยแห่ง แต่เดิม อู่ทอง ริมแม่น้�ำป่ำสัก มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นั้น ค�ำให้กำรชำวกรุงเก่ำกล่ำวว่ำ วังจันทรเกษม ของเกำะเมือง ใกล้ตลำดหัวรอ วังจันทรเกษม มกี ำ� แพง ๒ ช้ัน เช่นเดียวกบั วงั หลวง ปรำกฎหลักฐำนพงศำวดำรว่ำสร้ำงในสมัยสมเด็จ พลบั พลำจตั รุ มขุ ตง้ั อยใู่ กลป้ ระตวู งั ดำ้ นทศิ ตะวนั ออก พระมหำธรรมรำชำธิรำช ประมำณ พ.ศ. ๒๑๒๐ เปน็ พลบั พลำเครอ่ื งไม ้ มมี ขุ ดำ้ นหนำ้ ๓ มขุ ดำ้ นหลงั โดยมีพระรำชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ประทับของ ๓ มุข เดิมใช้เป็นท้องพระโรงส�ำหรับออกงำน สมเด็จพระนเรศวรมหำรำช และเคยใช้เป็นท่ีประทับ ว่ำรำชกำรและเป็นท่ีประทับของพระบำทสมเด็จ พระนครศรอี ยธุ ยำ 21
พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั รชั กำลท ี่ ๔ ในครำวเสดจ็ ประพำส ขนำนไปกับแนวก�ำแพงด้ำนทิศตะวันตกต่อกับ ต่อมำในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ พระองค์โปรดฯ ให้ใช้ ทิศใต ้ จดั นิทรรศกำรถำวร ๕ เรอื่ ง คือ เร่ืองศิลปะ พลับพลำจัตุรมุข เป็นท่ีจัดแสดงโบรำณวัตถุ สถำปัตยกรรมอยุธยำ เคร่ืองปั้นดินเผำสินค้ำน�ำเข้ำ เรียกว่ำอยุธยำพิพิธภัณฑสถำน ในสมัยรัชกำลที่ ๗ และส่งออกท่ีส�ำคัญของอยุธยำ อำวุธยุทธภัณฑ์ พระยำโบรำณรำชธำนินทร์ได้ท�ำกำรซ่อมแซม ศลิ ปวัตถพุ ทุ ธบูชำ และวถิ ีชวี ติ รมิ น้ำ� ชำวกรงุ เก่ำ คร้ังใหญ่และเปลี่ยนหน้ำบันจำกรูปปูนปั้นมำเป็น ระเบียงจัดตั้งศิลำจำรึก แต่เดิมสร้ำงเป็นระเบียง ไม้แกะสลัก ปัจจุบันจัดแสดงเคร่ืองใช้ส่วนพระองค์ หลงั คำมงุ สงั กะสยี ำวไปตำมแนวกำ� แพงดำ้ นทศิ เหนอื ที่มอี ยู่เดิมภำยในพระรำชวังน้ี เชน่ พระแท่นบรรทม และทิศตะวันออก ใช้ส�ำหรับเป็นที่เก็บรักษำบรรดำ พระรำชอำสน ์ พรอ้ มเศวตฉตั ร พระบรมฉำยำลกั ษณ์ โบรำณวตั ถแุ ละศลิ ปวตั ถซุ งึ่ พระยำโบรำณรำชธำนนิ ทร์ และเครื่องรำชูปโภคของพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำ ได้รวบรวมไว้ เจำ้ อยู่หัว กำรเดนิ ทำง จำกกรงุ เทพฯ เขำ้ ตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำ พระทน่ี ง่ั พิมำนรัตยำ เป็นตึกหมู่อยู่กลำงพระรำชวงั เม่ือข้ำมสะพำนสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชแล้ว ประกอบด้วยอำคำร ๔ หลัง คือ อำคำรปรัศว์ซ้ำย ให้เลี้ยวซ้ำย ตรงไปจนถงึ สำมแยก เลยี้ วซ้ำยอีกครง้ั อำคำรปรัศว์ขวำ พระที่นั่งพิมำนรัตยำ และศำลำ และตรงไปอีกประมำณ ๒ กิโลเมตร จะผ่ำนตลำด เชิญเคร่ือง เคยเป็นที่ตั้งศำลำกลำงมณฑลและ เจ้ำพรหม จำกนั้นจะเห็นพิพิธภัณฑ์ฯ อยู่ทำงซ้ำยมือ จังหวัดมำหลำยปี ปัจจุบันจัดแสดงประติมำกรรม เปิดให้เข้ำชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ วันอังคำร และ ที่สลักจำกศิลำเป็นเทวรูปและพระพุทธรูปนำคปรก วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลำ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ศิลปะสมัยลพบุรี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยอยุธยำ ค่ำเข้ำชม ชำวไทย ๓๐ บำท ชำวต่ำงชำติ ๑๐๐ พระพิมพ์สมัยต่ำงๆ และเครื่องไม้แกะสลักฝีมือ บำท สอบถำมรำยละเอียดเพ่ิมเติมที่ โทร. ชำ่ งสมยั อยุธยำตอนปลำยและรัตนโกสินทร์ ๐ ๓๕๒๕ ๑๕๘๖, ๐ ๓๕๒๕ ๒๗๙๕ โทรสำร พระท่ีน่ังพิสัยศัลลักษณ์ หรือหอส่องกล้อง เป็นหอ ๐ ๓๕๒๕ ๑๕๘๖ สงู ๔ ชน้ั สรำ้ งครง้ั แรกในรชั สมยั สมเดจ็ พระนำรำยณ์ มหำรำช แต่หักพังลงมำเม่ือครำวเสียกรุงครั้งท่ี ๒ วดั เสนาสนาราม อยู่ทำงด้ำนหลังพพิ ธิ ภณั ฑสถำน หอที่เหน็ อยู่ในปจั จบุ ันสร้ำงในสมยั รัชกำลท่ี ๔ ตำม แหง่ ชำต ิ จนั ทรเกษม เปน็ วดั โบรำณเดมิ ชอื่ “วดั เสอ่ื ” รำกฐำนอำคำรเดิมและทรงใช้เป็นที่ประทับทอด พระอุโบสถเป็นสถำปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยำ พระเนตรดวงดำว ลักษณะพระอุโบสถมีมุขทั้งด้ำนหน้ำและด้ำนหลัง อำคำรสโมสรเสือป่ำ สร้ำงขึ้นในสมัยพระบำท ดำ้ นหนำ้ พระอโุ บสถหนั หนำ้ สทู่ ศิ ตะวนั ออก มพี ระยนื สมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ต้ังอยู่ริมก�ำแพง ประดิษฐำนอยู่บนหน้ำบันทั้งด้ำนหน้ำและด้ำนหลัง หลังพระที่น่ังพิมำนรตั ยำ เป็นภำพปั้นลงรักปิดทอง เป็นรูปช้ำงเอรำวัณขนำบ ตึกโรงม้ำพระที่น่ัง เป็นอำคำรก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้น ด้วยแตร เหนือเศียรช้ำงเอรำวัณเป็นพระอลัญจกร ตงั้ อยรู่ มิ กำ� แพงด้ำนทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว รัชกำลที่ ๔ ตึกท่ีท�ำกำรภำค สร้ำงข้ึนในสมัยพระยำโบรำณ เป็นที่ประดิษฐำนพระพุทธรูปส�ำคัญ ๒ องค์ คือ รำชธำนินทร ์ เมอื่ ครงั้ ด�ำรงตำ� แหนง่ สมุหเทศำภบิ ำล “พระสัมพุทธมุนี” เป็นพระพุทธรูปหล่อปำงมำรวิชัย มณฑลกรุงเก่ำ มีลักษณะเป็นอำคำรชั้นเดียว สร้ำง สมยั อยธุ ยำ ลงรกั ปดิ ทอง ขนำดหนำ้ ตกั กวำ้ ง ๒ ศอก 22 พระนครศรอี ยธุ ยำ
๒ นิ้ว สูง ๓ ศอก ๑ นิ้ว ประดิษฐำนเหนือบุษบก พระเจดีย์ ต้ังอยู่ด้ำนหลังพระอุโบสถ เป็นพระ ปูนปั้นลงรักปิดทอง ฝำผนังพระอุโบสถเป็นภำพ เจดีย์ทรงระฆังคว่�ำก่ออิฐฉำบปูน ศิลปะสมัยอยุธยำ จิตรกรรม ด้ำนบนเป็นภำพของเทพและอัปสรที่มำ สงู ประมำณ ๑๓ วำเศษ มฐี ำนทักษิณสี่เหล่ียม บูชำพระประธำน ระหว่ำงช่องหน้ำต่ำงเป็นภำพ พระรำชพิธีสิบสองเดือนซ่ึงหำชมได้ยำก ผนังด้ำน วดั สวุ รรณดารารามราชวรวหิ าร อยใู่ นเขตพระนคร หน้ำภำยในพระอุโบสถมีพระบรมฉำยำลักษณ์ทรง ด้ำนทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกำะเมือง เหนือ เคร่ืองต้นเฉลิมพระมหำพิชัยมงกุฎประทับเหนือ บริเวณป้อมเพชร สำมำรถใช้เส้นทำงเดียวกับ พระรำชบลั ลังก์ในกรอบไม้สกั พิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ จันทรเกษม แต่พอถึง วิหำรพระพทุ ธไสยำสน์ อย่ตู ิดกับพระเจดียอ์ งคใ์ หญ่ สำมแยกใหเ้ ลย้ี วขวำแลว้ ตรงไปประมำณ ๑ กโิ ลเมตร พระวิหำรนีส้ ร้ำงขวำงกบั แนวพระอุโบสถ พระพุทธ- จะเห็นป้ำยทำงเข้ำวัดอยู่ทำงด้ำนขวำมือ วัดน้ีเดิม ไสยำสน์เป็นศิลปะแบบอยุธยำ ประกอบด้วยศิลำ ช่ือว่ำ“วัดทอง”เป็นวัดที่พระบรมมหำชนกของ เป็นท่อนๆ น�ำมำเรียงต่อกันแล้วสลักเป็นองค์พระ พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช มีขนำดยำว ๑๔.๑๒ เมตร แต่เดิมประดิษฐำนอยู่ ทรงสร้ำงไว้ต้ังแต่คร้ังกรุงศรีอยุธยำ ต่อมำเมื่อ ที่วัดพระมหำธำตุ รัชกำลท่ี ๕ ทรงพระกรุณำ พระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำช โปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงวิหำรพระนอนข้ึนในวัด แล้ว เสด็จขึ้นครองรำชย์ จึงโปรดเกล้ำฯ ให้สถำปนำ อัญเชิญพระพุทธไสยำสน์จำกวัดมหำธำตุมำประดิษฐำน วัดทองข้ึนใหม่ และพระรำชนำมว่ำ “วัดสุวรรณ ไวท้ ่ีวดั นี้ ดำรำรำม” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระบรมชนกนำถ พระอินทร์แปลง เป็นพระพุทธรูปหล่อปำงมำรวิชัย และพระบรมรำชชนนี ตำมพระนำมเดิมของทั้งสอง ทอ่ี ญั เชิญมำจำกนครเวยี งจนั ทนเ์ มอื่ ปี พ.ศ. ๒๔๐๑ พระองค ์ คอื “ทองด”ี และ“ดำวเรอื ง” หนำ้ ตักกว้ำง ๒ ศอกเศษ สงู ๓ ศอกเศษ ประดษิ ฐำน วัดแห่งนีม้ สี ิ่งต่ำงๆ ท่ีน่ำชม ไมว่ ่ำจะเปน็ พระอโุ บสถ อยใู่ นวหิ ำรซงึ่ ตดิ กบั วหิ ำรพระพทุ ธไสยำสน ์ มตี ำ� นำน ซง่ึ ยงั คงรปู แบบสถำปตั ยกรรมสมยั อยธุ ยำตอนปลำย เล่ำกันว่ำ พระอินทร์แปลงทรงแปลงร่ำงมำสร้ำง คือ ท�ำส่วนฐำนโค้งอ่อนลงตรงกลำงคล้ำยปำก พระพุทธรูปองค์น้ี ด้ำนหลังพระอินทร์แปลงเป็น เรือส�ำเภำ หน้ำบันอุโบสถสลักลำยเป็นรูปนำรำยณ์ ซุ้มศรีมหำโพธ์ิ ภำยในพระวิหำรปูด้วยกระเบ้ือง ทรงครุฑ มีภำพจิตรกรรมฝำผนังเทพชุมนุมที่ผนัง หินอ่อน ท้ังสองข้ำงองค์พระอินทร์แปลง พ้ืนเป็น อุโบสถตอนบน ตอนล่ำงเขียนเรื่องเวสสันดรชำดก อัฒสงฆ์ พร้อมท้ังมีธรรมำสน์หินปิดทอง ๒ แท่น เตมีย์ชำดก และสุวรรณสำมชำดก ผนังด้ำนหน้ำ ฝำผนังภำยในพระวิหำรด้ำนบน เป็นภำพวำดรูป พระประธำนเขียนภำพมำรวิชัย มีแม่พระธรณี ทวยเทพบูชำองค์พระอินทร์แปลงและระหว่ำงช่อง บีบมวยผมอยู่ตรงกลำง ส่วนพระประธำนใน หน้ำต่ำงเป็นภำพวำดเก่ียวกับกำรด�ำเนินชีวิตของ พระอุโบสถ รัชกำลที่ ๑ โปรดเกล้ำฯ ให้จ�ำลอง ประชำชนอันเกี่ยวเน่ืองด้วยวัดและพระศำสนำ ขยำยส่วนจำกพระแก้วมรกต นอกจำกน้ันภำยใน บำนหนำ้ ตำ่ งเปน็ ภำพลำยรดนำ้� เปน็ รปู สตั ว ์ ๑๐ อยำ่ ง พระวิหำรมีลักษณะรูปแบบฐำนเป็นเส้นตรง ไม่ใช้ ทีภ่ ิกษุไม่ควรบริโภค ฐำนอ่อนโค้งตำมรูปแบบสถำปัตยกรรมสมัยอยุธยำ บัวหัวเสำมีลักษณะเป็นบัวกลีบยำวหรือบัวแวง พระวิหำรสร้ำงข้ึนในสมัยรัชกำลท่ี ๒ ภำยใน พระนครศรีอยุธยำ 23
ชนั้ ลำ่ งเจำะประตเู ปน็ รปู โคง้ แหลม ชน้ั บนเปน็ สว่ นของ หอระฆัง สันนิษฐำนว่ำสร้ำงขึ้นในสมัยรัชกำลที่ ๔ พรอ้ มกบั กำรปฏสิ งั ขรณว์ ดั ครงั้ ใหญ่ วดั แมน่ างปลมื้ ตงั้ อยรู่ มิ คลองเมอื ง ตรงขำ้ มกบั ตลำด หวั รอ เปน็ วดั ทส่ี รำ้ งกอ่ นสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยำ เคยเปน็ ที่ตั้งของค่ำยพม่ำในสมัยก่อนเสียกรุงศรีอยุธยำ ปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ชำวบำ้ นเรยี กกนั วำ่ “โคกพมำ่ ” ปจั จบุ นั ไม่เห็นร่องรอยของเนินค่ำยแล้ว วัดน้ีเป็นวัดหน่ึง ทมี่ ไิ ดถ้ กู ทำ� ลำยเหมอื นวดั อนื่ ๆ ในพระนครศรอี ยธุ ยำ จึงยังปรำกฏโบรำณสถำนส�ำคัญต่ำงๆ ให้ชม เช่น เจดีย์ทรงระฆังมีสิงห์ล้อมรอบ ซ่ึงสร้ำงเป็นประธำน ของวดั อยบู่ นฐำนสงู ฐำนลำ่ งลอ้ มรอบดว้ ยสงิ หป์ นู ปน้ั เหนือข้ึนไปเป็นฐำนบัวประดับด้วยบัวลูกฟัก ลำย บัวแบบน้ีสืบทอดมำจำกศิลปะเขมร-ลพบุรี นิยม ใช้ในศิลปะสมัยอยุธยำตอนต้น เป็นไปได้ว่ำรับ แบบอย่ำงมำจำกเขมร สันนิษฐำนจำกหลักฐำนใน พงศำวดำรกล่ำวว่ำในรัชสมัยสมเด็จเจ้ำสำมพระยำ รำวปลำยพุทธศตวรรษท่ี ๒๐ ทรงยกทัพไปปรำบ เขมร ลกั ษณะพเิ ศษของเจดยี แ์ บบนพี้ บเพยี ง ๒ องค์ ในเมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำ สว่ นวหิ ำรไดร้ บั กำรปฏสิ งั ขรณ์ วดั สวุ รรณดำรำรำมรำชวรวหิ ำร ในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ โดยดจู ำกลวดลำยปนู ปน้ั ท่ีหน้ำบันด้ำนหน้ำเป็นลวดลำยที่ได้รับอิทธิพล พระวิหำรมีภำพเขียนสีในสมัยรัชกำลท่ี ๗ แสดง จำกจีน ภำยในวิหำรประดิษฐำนหลวงพ่อขำว พระรำชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชทรง (พระพุทธนิมิตมงคลศรีรัตนไตร) เป็นพระพุทธรูป กระท�ำยุทธหัตถี นับเป็นจิตรกรรมฝำผนังที่มีฝีมือ ศกั ด์สิ ิทธ์ิสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยำ ยอดเยี่ยมงดงำมมำก กรมศลิ ปำกรได้ถำ่ ยแบบภำพ เขียนน้ีไปไว้ที่อนุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุร ี ป้อมปราการรอบกรุง กำ� แพงเมืองทพี่ ระเจ้ำอู่ทอง บริเวณหน้ำพระอุโบสถจะเห็นแท่นพระศรีมหำโพธิ์ ทรงสร้ำงคร้ังแรกนั้นเป็นเพียงเชิงเทินดิน และมีเสำ ลกั ษณะเปน็ แทน่ ฐำนบวั ควำ�่ และบวั หงำย ประดษิ ฐำน ไม้ระเนียดปักข้ำงบน ต่อมำในรัชสมัยสมเด็จพระ ตน้ พระศรมี หำโพธ ิ์ ซง่ึ พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ มหำจักรพรรดิจึงได้ก่ออิฐถือปูนข้ึน ตำมพระรำช เจ้ำอยู่หัวได้น�ำหน่อโพธิ์มำจำกประเทศอินเดีย พงศำวดำรมีกำรสร้ำงป้อมต่ำงๆ เช่น ป้อมมหำไชย ไม่ไกลกันนนั้ มีหอระฆัง ลกั ษณะแบบสถำปัตยกรรม ป้อมซัดกบ ป้อมเพชร ป้อมหอรำชคฤห์ ป้อม ตะวันตก ก่ออิฐถือปูน มีผังเป็นรูปสี่เหล่ียมสองชั้น จำ� ปำพล เปน็ ตน้ ปอ้ มขนำดใหญๆ่ มกั ตงั้ อยใู่ นบรเิ วณ 24 พระนครศรีอยุธยำ
ทำงแยกระหว่ำงแม่น้�ำ เช่น ป้อมเพชรตั้งอยู่ตรงท่ี เจดีย์พระศรสี ุรโิ ยทัย อยใู่ นเกำะเมอื งดำ้ นทศิ ตะวัน บรรจบของแม่น้�ำเจ้ำพระยำกับแม่น้�ำป่ำสัก จัดเป็น ตก ติดกับส�ำนักงำนโบรำณคดีและพิพิธภัณฑสถำน สวนสำธำรณะริมน้�ำส�ำหรับนั่งเล่น ป้อมมหำไชยต้ัง แห่งชำติที่ ๓ ถนนอู่ทอง พระเจดีย์แห่งนี้เป็น อยู่ตรงมุมวังจันทรเกษม บริเวณท่ีเป็นตลำดหัวรอ โบรำณสถำนท่ีส�ำคัญยิ่งแห่งหน่ึงในเขตอุทยำน ในปจั จบุ นั ตวั ปอ้ มไดถ้ กู รอื้ เพอ่ื นำ� อฐิ ไปสรำ้ งพระนคร ประวัตศิ ำสตรพ์ ระนครศรีอยธุ ยำ เป็นอนุสรณ์สถำน ใหมท่ ่กี รงุ เทพมหำนครตงั้ แตส่ มัยรชั กำลที ่ ๑ ของวีรสตรีไทยพระองค์แรก สมเด็จพระสุริโยทัย ส้ินพระชนม์ในกำรท�ำสงครำมยุทธหัตถีระหว่ำง สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ต้ังอยู่ถนนอู่ทอง ในเขต สมเด็จพระมหำจักรพรรดิกับพระเจ้ำแปร เป็น อุทยำนประวัติศำสตร์ ทำงด้ำนทิศตะวันตกเฉียงใต้ กำรยืนยันเกียรติแห่งสตรีไทยท่ีได้รับกำรยกย่อง ของเกำะเมอื ง เปน็ สวนสำธำรณะขนำดใหญก่ วำ้ งขวำง จำกสังคมไทยมำแตค่ ร้ังบรรพกำล ในพ้ืนทปี่ ลูกต้นไมต้ ่ำงๆ ในวรรณคดี ศำลำไทยและ ปี พ.ศ. ๒๐๙๑ สมเด็จพระมหำจักรพรรดิทรงข้ึน มีซำกโบรำณสถำน นอกจำกนี้ยังมีโครงกำรพัฒนำ ครองรำชสมบัติ มีสมเด็จพระสุริโยทัยเป็นพระมเหส ี พ้ืนที่เป็นสวนป่ำสมุนไพรอีกด้วย สมเด็จพระเจ้ำ ลูกเธอ เจ้ำฟ้ำจุฬำภรณ์วลัยลักษณ์ อัครรำชกุมำรี เสด็จแทนพระองค์มำเปิดพระรำชำนุสำวรีย์สมเด็จ พระศรนี ครินทรำบรมรำชชนนีเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๓ กำรเดนิ ทำง จำกกรงุ เทพฯ เขำ้ ตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำแลว้ ให้ข้ำมสะพำนสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ตรงไปจน สุดถนน เม่ือถึงมหำวิทยำลัยรำชภัฏพระนครศรีอยุธยำ จะเห็นสำมแยกข้ำงหน้ำ ให้เลี้ยวซ้ำยตรงไป จนถึงสำมแยกไฟแดง แล้วเล้ียวขวำตรงไป ผ่ำน โรงพยำบำลจังหวัดไปไม่ไกลนักจะเห็นสวนสมเด็จ พระศรีนครินทร์อยูท่ ำงขวำมอื วงั หลงั ตั้งอยูร่ มิ ก�ำแพงพระนครศรีอยธุ ยำดำ้ นทิศ ตะวันตก ตรงข้ำมกบั วดั กษัตรำธิรำช เดมิ เป็นอทุ ยำน ส�ำหรับเสด็จประพำสเป็นครั้งครำว เรียกว่ำสวนหลวง และมีเพียงต�ำหนักท่ีพัก ต่อมำในสมัยสมเด็จ พระมหำธรรมรำชำ ได้โปรดเกลำ้ ฯ ให้สร้ำงเพมิ่ เติม เป็นพระรำชวังเพ่ือให้เป็นท่ีประทับของสมเด็จ พระเอกำทศรถ หลังจำกนั้นได้กลำยเป็นที่ประทับ ของเจ้ำนำยในพระรำชวงศ์ ปัจจุบันเป็นที่ต้ังของ เจดีย์พระศรสี รุ ิโยทยั เจดยี พ์ ระศรีสุริโยทยั พระนครศรีอยธุ ยำ 25
หลงั จำกครองรำชยไ์ ด้ ๗ เดอื น พระเจ้ำตะเบ็งชะเวตี้ ปัจจุบันเก็บรักษำไว้ในพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำต ิ และบุเรงนองยกทัพเข้ำมำล้อมกรุงศรีอยุธยำ โดยผ่ำน เจ้ำสำมพระยำ มำทำงด้ำนด่ำนพระเจดีย์สำมองค์ จังหวัดกำญจนบุรี และตัง้ ค่ำยล้อมพระนคร สมเดจ็ พระมหำจกั รพรรดิ สวนศรีสุริโยทัย สำมำรถใช้เส้นทำงเดียวกับทำง ทรงช้ำงออกไปพร้อมกับพระรำชโอรส สมเด็จ ไปเจดีย์พระศรีสุริโยทัย ต้ังอยู่ในเขตทหำร กอง พระสุริโยทัยทรงเป็นห่วงพระรำชสวำมีจึงได้ทรง สรรพำวุธซ่อมยำง สวนศรีสุริโยทัยจะอยู่ด้ำนหลัง เครื่องแบบอย่ำงนักรบชำยประทับช้ำงตำมเสด็จ องค์กำรสุรำเป็นผู้สร้ำงสวนน้ีเพื่ออุทิศส่วนกุศล ออกไป กองทัพกรุงศรีอยุธยำปะทะกับทัพหน้ำของ ถวำยอดีตพระมหำกษัตริย์ทุกพระองค์ในที่ดิน กรุงหงสำวดีซึ่งมีพระเจ้ำแปรเป็นแม่ทัพ สมเด็จ ซึ่งเคยเป็นเขตพระรำชฐำนช้ันใน พระบำท พระมหำจักรพรรดิทรงไสช้ำงเข้ำชนกับช้ำงของ สมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดชได้ พระเจ้ำแปรและบังเอิญช้ำงทรงเกิดเพล่ียงพล�้ำ พระรำชทำนชื่อ “สวนศรีสุริโยทัย” เมื่อวันที่ ๒๕ สมเด็จพระสุริโยทัยจึงไสช้ำงพระท่ีน่ังเข้ำขวำง พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๓๒ และองค์กำรสุรำได้ พระเจ้ำแปรด้วยเกรงว่ำสมเด็จพระมหำจักรพรรดิ ทูลเกล้ำฯ ถวำยสวนนี้แด่สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระรำชสวำมจี ะเปน็ อนั ตรำย จนถูกพระแสงของ้ำว พระบรมรำชินีนำถ เนื่องในโอกำสเฉลิมพระชน ฟันพระอังสำขำดสะพำยแล่งสิ้นพระชนม์อยู่บนคอ มพรรษำครบ ๕ รอบ เม่ือวันท่ี ๑๒สิงหำคม พ.ศ. ช้ำง เม่ือสงครำมยุติลง สมเด็จพระมหำจักรพรรดิ ๒๕๓๔ สวนนี้มีพ้ืนท่ีประมำณ ๕ ไร่ ประกอบด้วย ทรงปลงพระศพของพระนำง และสถำปนำวัดที่ปลง ศำลำอเนกประสงค์ พลับพลำสมเด็จพระสุริโยทัย พระศพขึ้นเป็นวัดสวนหลวงสบสวรรค์ (เดิมช่ือ อนุสำวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย แสดงเหตุกำรณ์ตอน วัดสบสวรรค์ ตั้งอยู่ในเขตสวนหลวงของวังหลัง สู้รบบนหลงั ชำ้ ง ในสวนดำ้ นหลังมีเนินเสมำหนิ ออ่ น สมัยน้ัน) ต่อมำในรัชสมัยพระบำทสมเด็จ โบรำณ อำยุกวำ่ ๔๐๐ ป ี บรรจชุ น้ิ สว่ นพระพุทธรูป พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ได้มีกำรสอบสวน ทชี่ ำ� รดุ ซง่ึ อญั เชญิ มำจำกวดั พทุ ไธสวรรย ์ (พระตำ� หนกั หำต�ำแหน่งสถำนท่ีต่ำงๆ ท่ีกล่ำวถึงในพระรำช- เวยี งเหล็กของพระเจำ้ อูท่ อง) สวนนีเ้ ปิดทกุ วัน เวลำ พงศำวดำรเพื่อเรียบเรียงเป็นหนังสือประชุม ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. พงศำวดำรขึ้นทูลเกล้ำฯ ถวำย จึงเป็นเหตุให้ทรำบ ต�ำแหน่งของวัดสบสวรรค์ ซ่ึงยังคงพบเจดีย์แบบ วัดโลกยสุธาราม อยู่ใกล้กับเจดีย์พระศรีสุริโยทัย ย่อมุมไม้สิบสองสูงใหญ่ปรำกฏตำมที่ตั้งในปัจจุบันน ี้ ใช้เส้นทำงถนนหลังพลับพลำตรีมุขในบริเวณ ตอ่ มำพระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ไดท้ รง พระรำชวังโบรำณ ผ่ำนวัดวรโพธ์ิและวัดวรเชษฐำรำม ขนำนนำมเรียกชือ่ เจดยี ์ว่ำ “เจดยี ์พระศรสี รุ โิ ยทัย” เข้ำไปจนถึงพระพุทธไสยำสน์องค์ใหญ่ซ่ึงต้ังอยู่ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ รัฐบำลได้มอบให้กรมศิลปำกร กลำงแจ้ง พระพุทธไสยำสน์องค์นี้ก่อด้วยอิฐถือปูน และ กรป.กลำง ด�ำเนินกำรบูรณะซ่อมแซม ยำวประมำณ ๒๙ เมตร มีซำกเสำหกเหลี่ยมต้ังอยู่ เสริมรูปทรงพระเจดีย์ท่ีช�ำรุดให้อยู่ในสภำพเดิม ชดิ กบั องคพ์ ระ หลงเหลอื ใหเ้ ห็นอยหู่ ลำยต้น เขำ้ ใจ จำกกำรบูรณะ กรมศิลปำกรได้พบวัตถุโบรำณ ว่ำอำจเคยเปน็ ซำกพระอโุ บสถ เช่น พระพุทธรูปผลึกแก้วสีขำวปำงมำรวิชัย พระ เจดีย์จ�ำลอง ผอบทองค�ำบรรจุพระธำตุ เป็นต้น 26 พระนครศรีอยธุ ยำ
วดั โลกยสธุ ำรำม วัดกษัตราธริ าชวรวหิ าร อยนู่ อกเกำะเมอื ง ตรงข้ำม เจำ้ พระยำ / พระอโุ บสถประดษิ ฐำนพระพทุ ธรตั นมงคล กบั เจดยี พ์ ระศรสี รุ โิ ยทยั รมิ แมน่ ำ้� เจำ้ พระยำ สำมำรถ หรือหลวงพ่อยิ้ม นอกจำกนี้ วัดท่ำกำร้องยังเคย ใช้เส้นทำงเดียวกับสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ไป ได้รับรำงวัลชนะเลิศประเภทส้วมสะอำดจำก จนถงึ สแี่ ยกแลว้ เลย้ี วซำ้ ยขำ้ มสะพำนวดั กษตั รำธริ ำช กระทรวงสำธำรณสขุ อกี ด้วย วรวิหำร จำกนั้นเล้ียวขวำตรงไปไม่ไกลนักก็จะถึงวัดนี้ ตลาดนา้� วดั ท่าการ้อง เนอ่ื งจำกวัดท่ำกำรอ้ งอย่ตู ดิ วดั นเี้ ดมิ ชอื่ “วดั กษตั รำ” หรอื “วดั กษตั รำรำม” เปน็ ริมแม่น�้ำเจ้ำพระยำ ทำงวัดจึงจัดภูมิทัศน์ด้ำนหน้ำ วัดโบรำณในสมัยกรุงศรีอยุธยำ มีพระปรำงค์ใหญ่ เป็นตลำดน�้ำ มีอำหำรคำวหวำนนำนำชนิดให้นัก เป็นประธำนหลักของวัด และยังมีพระอุโบสถสมัย ท่องเที่ยวเลือกซ้ือรับประทำน เปิดบริกำรทุกวัน อยุธยำซึ่งมีลำยดำวเพดำนจ�ำหลักไม้งดงำมมำก เวลำ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. ภำยในวัดมีภำพจิตรกรรมฝำผนังสมัยรัตนโกสินทร ์ เปน็ วดั ที่มีควำมสวยงำมมำกวัดหนง่ึ วดั พุทไธสวรรย ์ ต้งั อยู่ริมแมน่ ำ้� ทำงด้ำนใต ้ ฝัง่ ตรงขำ้ ม ของเกำะเมอื ง หำกเดนิ ทำงโดยรถยนต ์ และใชเ้ สน้ ทำง วดั ทา่ การอ้ ง ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ำ�้ เจำ้ พระยำ เปน็ วดั เกำ่ แก่ สำยอยธุ ยำ-เสนำ ขำ้ มสะพำนวดั กษตั รำธริ ำชวรวหิ ำร ในสมัยกรุงศรีอยุธยำ ในประวัติศำสตร์กล่ำวว่ำสร้ำง แล้วเลี้ยวซ้ำย ผ่ำนวัดไชยวัฒนำรำม มีป้ำยบอกทำง ในสมัยสมเด็จพระชัยรำชำธิรำช สมัยอยุธยำตอนต้น เป็นระยะไปจนถึงทำงแยกซ้ำยเข้ำวัดพุทไธสวรรย์ อีกท้ังก่อนอยุธยำจะเสียกรุง บริเวณแห่งน้ีเคยเป็น วดั นส้ี รำ้ งขน้ึ ในบรเิ วณตำ� หนกั ทป่ี ระทบั เดมิ ของสมเดจ็ ท่ีตั้งค่ำยของแม่ทัพใหญ่แห่งพม่ำ คือเนเมียวสีหบดี พระเจ้ำอู่ทอง ซึ่งเรียกว่ำ “ต�ำหนักเวียงเหล็ก หรือ ปัจจุบันยังคงเหลือสถำปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยำ เวียงเล็ก” หลังจำกนั้นพระองค์ไปสร้ำงพระรำชวัง หลำยแห่ง ได้แก่ ศำลำกำรเปรียญไม้สักริมแม่น�้ำ ใหม่ท่ีต�ำบลหนองโสน (บึงพระรำม) จึงสถำปนำ พระนครศรีอยุธยำ 27
อยู่ในสภำพไมช่ ัดเจนนกั นอกจำกนย้ี ังมพี ระอุโบสถ อยู่ทำงด้ำนทิศตะวันตกของปรำงค์ หมู่พระเจดีย์ สิบสององค ์ และวหิ ำรพระนอน วัดภูเขาทอง ต้ังอยู่ทำงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่ำงจำกพระรำชวังหลวงไปประมำณ ๒ กิโลเมตร สำมำรถใช้เส้นทำงเดียวกับทำงไปจังหวัดอ่ำงทอง (ทำงหลวงหมำยเลข ๓๐๙) กิโลเมตรที่ ๒๖ จะมี ป้ำยบอกทำงแยกซ้ำยไปวดั น ้ี วดั ภูเขำทองนีห้ นงั สอื คำ� ใหก้ ำรชำวกรงุ เกำ่ กลำ่ ววำ่ พระเจำ้ หงสำวดบี เุ รงนอง เป็นผู้สร้ำงเม่ือ พ.ศ. ๒๑๑๒ ครำวยกทัพมำตีกรุง ศรีอยุธยำ ในเวลำที่ประทับอยู่พระนครศรีอยุธยำ ได้สร้ำงพระเจดีย์ภูเขำทองใหญ่แบบมอญข้ึนไว้เป็น ท่ีระลึกเม่ือครำวรบชนะไทย โดยรูปแบบของฐำนเจดีย์ มีลักษณะคล้ำยกับแบบมอญพม่ำ สันนิษฐำนว่ำ สร้ำงเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพ่ือชัยชนะ แต่ท�ำได้เพียงรำกฐำน แล้วยกทัพกลับ ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ทรงกอบกู้เอกรำชกลับคืนมำเมื่อ พ.ศ. ๒๑๒๗ จึง โปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ ร้ำงเจดยี แ์ บบไทยไวเ้ หนือฐำนแบบ มอญและพม่ำท่ีสร้ำงเพียงรำกฐำนไว้ ณ สมรภูมิ วดั พุทไธสวรรย์ ทงุ่ มะขำมหยอ่ ง ฝมี อื ชำ่ งมอญเดมิ จงึ ปรำกฏเหลอื เพยี ง ฐำนทกั ษณิ สว่ นล่ำงเทำ่ นนั้ เจดีย์ภเู ขำทองจงึ มีลกั ษณะ สถำนที่นี้เป็นวัดพุทไธสวรรย์ ภำยในวัดมีส่ิงท่ี สถำปตั ยกรรมสองแบบผสมกนั ปจั จบุ นั กรมศลิ ปำกร นำ่ สนใจ คอื ปรำงคป์ ระธำน องคใ์ หญศ่ ลิ ปะแบบขอม ได้สร้ำงพระบรมรำชำนุสำวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ต้ังอยู่กึ่งกลำงอำณำเขตพุทธำวำสบนฐำนไพที ซ่ึง มหำรำชทรงมำ้ บริเวณดำ้ นหน้ำวัดภเู ขำทอง มีลักษณะย่อเหล่ียมมีบันไดข้ึน ๒ ทำง คือ ทำงทิศ ตะวันออกและทำงทิศตะวันตก ส่วนทิศเหนือ ทิศใต้ พระราชานสุ าวรีย์สมเด็จพระสรุ ิโยทัย (ทุ่งมะขำม มีมณฑปสองหลัง ภำยในพระมณฑปมีพระประธำน หย่อง) ตั้งอยู่ท่ีต�ำบลบ้ำนใหม่ ทุ่งมะขำมหย่อง พระต�ำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษำจำรย์ สมเด็จ ตั้งอยู่ทำงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่ำงจำกเกำะ พระพทุ ธโฆษำจำรยเ์ ปน็ พระเถระชน้ั ผใู้ หญป่ ระจำ� อยู่ เมืองพระนครศรีอยุธยำออกไปประมำณ ๓-๔ ในสมยั กรุงศรีอยธุ ยำ ตำ� หนักน้ีอยู่ในสภำพคอ่ นข้ำง กิโลเมตร มีสภำพเป็นที่รำบลุ่มริมฝั่งแม่น้�ำเจ้ำพระยำ ทรุดโทรม แต่ภำยในผนังของต�ำหนักมีภำพสีเกี่ยวกับ ทิศตะวันออก ภำยในมีพระรูปสมเด็จพระสุริโยทัย เรือ่ งหมู่เทวดำ นกั พรต นมสั กำรพระพุทธบำท และ หล่อด้วยสัมฤทธ์ิ มีขนำดหน่ึงเท่ำครึ่งขององค์จริง เรอื สำ� เภำตอนพระพทุ ธโฆษำจำรยไ์ ปลงั กำ ภำพเหลำ่ นี้ ประทับบนหลังพระคชำธำร พร้อมด้วยกลุ่มอนุสำวรีย์ 28 พระนครศรีอยธุ ยำ
วดั ภเู ขำทอง ประติมำกรรมประกอบกันท้ังสิ้น ๔๙ ชิ้น มี พม่ำหลำยครั้ง โดยจะใช้ปำกคำบพระแสงดำบ ประติมำกรรมจ�ำลองประวัติศำสตร์ อ่ำงเก็บน้�ำ ปีนเสำระเนียดเข้ำไปในค่ำยพระเจ้ำหงสำวดีและได้ ขนำดใหญ่ และสวนสำธำรณะพักผ่อนหย่อนใจ ชัยชนะทุกคร้ัง พระแสงดำบนั้นจึงปรำกฏนำมว่ำ ส�ำหรับประชำชน ทุ่งมะขำมหย่องแห่งน้ีเคยเป็น “พระแสงดำบคำบคำ่ ย” สมรภูมิกำรสู้รบระหว่ำงไทย-พม่ำหลำยคร้ัง จนเกิด ด้วยทุ่งมะขำมหย่องเคยเป็นสมรภูมิท่ีมีควำมส�ำคัญ เป็นมหำวีรกรรม คือ เม่ือครั้งที่สมเด็จพระสุริโยทัย ทำงประวัติศำสตร์ ทำงรัฐบำลจึงได้จัดท�ำโครงกำร พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหำจักรพรรดิทรงท�ำ สร้ำงพระรำชำนุสำวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เป็น ยุทธหัตถีกับพระเจ้ำแปรจนต้องพระแสงของ้ำว โครงกำรจัดสร้ำงข้ึนตำมพระรำชด�ำริ รัฐบำล สิ้นพระชนม์บนคอช้ำง และในรัชกำลสมเด็จ และพสกนิกรชำวไทยได้ร่วมกันสร้ำงน้อมเกล้ำฯ พระมหำธรรมรำชำเป็นกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยำ ถวำยเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ หลังจำกที่สมเด็จพระนเรศวรมหำรำชทรงประกำศ พระบรมรำชนิ นี ำถ ในวำระมหำมงคลเฉลมิ พระชนม อิสรภำพได้ ๒ ปี พระเจ้ำหงสำวดีนันทบุเรงได้ พรรษำครบ ๕ รอบ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้มังมอดรำชบุตรยกทัพมำตั้งท่ีทุ่งมะขำมหย่อง และทัพพระเจ้ำหงสำวดีตั้งค่ำยหลวงบริเวณขนอน พระทนี่ งั่ เพนยี ด ตง้ั อยใู่ นตำ� บลสวนพรกิ หำ่ งจำกตวั ปำกคู่ซึ่งอยู่ถัดจำกทุ่งมะขำมหย่องลงมำทำงใต ้ เมอื งประมำณ ๔ กโิ ลเมตร ไปตำมเส้นทำงหมำยเลข สมเด็จพระนเรศวรมหำรำชน�ำพลออกมำปล้นค่ำย ๓๔๗ กโิ ลเมตรที่ ๔๒–๔๓ ( เสน้ ทำงเดยี วกบั ทำงไป พระนครศรอี ยุธยำ 29
ดินประกอบอิฐเสมอยอดเสำ ด้ำนหลังคอกตรงข้ำม แนวปกี กำเปน็ พลบั พลำทป่ี ระทบั ซง่ึ ไดร้ บั กำรบรู ณะ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๐ และกำรท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย ยังได้สนับสนุนงบประมำณแก่กรมศิลปำกรในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ เพื่อบูรณะเพนียดให้อยู่ในสภำพเดิม อีกดว้ ย วดั หนา้ พระเมร ุ ตงั้ อยรู่ มิ คลองสระบวั ดำ้ นทศิ เหนอื ของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น�้ำลพบุรี) ตรงข้ำมกับ พระรำชวงั หลวง สรำ้ งในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยำตอนตน้ พทุ ธศกั รำช ๒๐๔๖ มชี อ่ื เดมิ วำ่ “วดั พระเมรรุ ำชกิ ำรำม” ทต่ี ง้ั ของวดั นเี้ ดมิ คงเปน็ สถำนทส่ี ำ� หรบั สรำ้ งพระเมรุ ถวำยพระเพลิงพระบรมศพของพระมหำกษัตริย์ พระองค์ใดพระองค์หน่ึงสมัยอยุธยำตอนต้น ต่อมำ จึงได้สร้ำงวัดข้ึน มีต�ำนำนเล่ำว่ำพระองค์อินทร์ใน รัชกำลสมเด็จพระรำมำธิบดีท่ี ๒ ทรงสร้ำงวัดนี้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๐๔๖ วดั นมี้ คี วำมสำ� คญั ทำงประวตั ศิ ำสตร ์ สมเด็จพระมหำจักรพรรดิเมื่อคร้ังท�ำศึกกับพระเจ้ำ บเุ รงนองไดม้ ีกำรทำ� สัญญำสงบศึกเมื่อ พ.ศ. ๒๑๐๖ พระรำชำนุสำวรยี ์สมเด็จพระสรุ ิโยทัย ไดส้ รำ้ งพลบั พลำทปี่ ระทบั ขน้ึ ระหวำ่ งวดั หนำ้ พระเมรุ กับวดั หัสดำวำส วัดภูเขำทอง ) แต่ให้เล้ียวขวำแล้วตรงไปตำมถนน วดั นเ้ี ปน็ วดั เดยี วในกรงุ ศรอี ยธุ ยำทไ่ี มไ่ ดถ้ กู พมำ่ ทำ� ลำย จะมีป้ำยบอกเส้นทำงไปพระท่ีนั่งเพนียด เพนียด และยังคงปรำกฏสถำปัตยกรรมแบบอยุธยำอยู่ใน แห่งนี้มีขนำดใหญ่มำกสร้ำงข้ึน เพ่ือเป็นที่ส�ำหรับ สภำพสมบูรณม์ ำกทีส่ ดุ ในจังหวดั พระนครศรีอยุธยำ พระมหำกษตั รยิ ป์ ระทบั ทอดพระเนตรกำรคลอ้ งชำ้ ง พระอุโบสถมขี นำดยำว ๕๐ เมตร กวำ้ ง ๑๖ เมตร หรือจับช้ำงเถ่ือนในเพนียด ซึ่งเป็นประเพณีท่ีท�ำกัน เป็นแบบอยุธยำตอนต้นซึ่งมีเสำอยู่ภำยใน ต่อมำ มำแต่โบรำณเพ่ือน�ำช้ำงมำใช้ประโยชน์ในรำชกำร สร้ำงขยำยออกโดยเพิ่มเสำรับชำยคำภำยนอกใน ทั้งในยำมปกติและยำมสงครำม หรือในเวลำท่ีมี รัชสมัยสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวบรมโกศ หน้ำบันเป็น แขกบำ้ นแขกเมอื งมำ พระมหำกษตั รยิ ก์ จ็ ะโปรดฯ ให้ ไม้สักแกะสลักเป็นรูปพระนำรำยณ์ทรงครุฑเหยียบ ท�ำพิธีคล้องช้ำงให้ชมทุกคร้ังไป กำรคล้องช้ำงน้ีท�ำกัน เศียรนำค และมีรูปรำหูสองข้ำงติดกับเศียรนำค เรื่อยมำต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำจนถึงสมัยรัชกำลท ่ี หน้ำต่ำงเจำะเป็นช่องยำวตำมแนวตั้ง เสำเหล่ียม ๕ จึงไดเ้ ลิกไป พระท่ีนงั่ เพนยี ดและตัวเพนียดท่เี ห็น สองแถว แถวละแปดต้น มีบัวหัวเสำเป็นบัวโถแบบ ในปัจจุบันนั้น ลักษณะเป็นคอกล้อมด้วยซุงท้ังต้น มี อยธุ ยำ ดำ้ นบนประดบั ดว้ ยดำวเพดำนเปน็ งำนจำ� หลกั ปกี กำแยกเปน็ รวั้ ไปสองขำ้ ง รอบเพนยี ดเปน็ กำ� แพง ไม้ลงรักปิดทอง ส่วนลำยแกะสลักบำนประตูพระ 30 พระนครศรีอยธุ ยำ
วิหำรน้อย เป็นลำยแกะสลักด้วยไม้สักหนำ แกะ สลักจำกพื้นไม้ ไม่มีกำรน�ำชิ้นส่วนท่ีอ่ืนมำติดต่อ เป็นลำยซ้อนกันหลำยช้ัน พระประธำนในอุโบสถ สร้ำงปลำยสมัยอยุธยำเป็นพระพุทธรูปปำงมำรวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธ์ิทรงเคร่ืองแบบกษัตรำธิรำช มีนำมว่ำ“พระพุทธนิมิตวิชิตมำรโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตรโลกนำถ” จัดเป็นพระพุทธรูปทรงเคร่ือง สมัยอยุธยำท่ีมีขนำดใหญ่ท่ีสุดเท่ำที่มีปรำกฏอยู่ใน ปจั จุบนั และมีควำมสมบรู ณง์ ดงำมมำก สูงประมำณ ๖ เมตร หนำ้ ตกั กวำ้ งประมำณ ๔.๔๐ เมตร ในสมัย รชั กำลที่ ๓ แหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์ได้มกี ำรปฏิสังขรณ์ วดั นโ้ี ดยรกั ษำแบบอยำ่ งเดมิ ไว ้ และไดเ้ ชญิ พระพทุ ธรปู ศลิ ำสเี ขยี วหรอื พระคนั ธำรรำฐประทบั นงั่ หอ้ ยพระบำท สมัยทวำรวดจี ำกวัดมหำธำตมุ ำไว้ในวิหำรสรรเพชญ์ (หรือเรียกว่ำวิหำรน้อย เพรำะขนำดวิหำรเล็ก มี ควำมยำว ๑๖ เมตร กว้ำงประมำณ ๖ เมตร) ซ่ึง อยู่ข้ำงพระอุโบสถ พระพุทธรูปศิลำแบบนั่งห้อย พระบำทสมัยทวำรวดีนี้ นับเป็น ๑ ใน ๕ องค์ที่มี อยู่ในประเทศไทย จึงนับเป็นส่ิงที่มีค่ำควรแก่กำร เกบ็ รกั ษำไว ้ พระอโุ บสถเปดิ เวลำ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. วัดหน้ำพระเมรุ ค่ำเข้ำชม ชำวตำ่ งชำติ ๒๐ บำท เยอรมันที่ท�ำงำนในบริษัทอีสต์อินเดียของฮอลันดำ วดั กฎุ ีดาว อยหู่ นำ้ สถำนรี ถไฟ ฝง่ั ตะวันออก เป็น เดินทำงเข้ำมำกรุงศรีอยุธยำเมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๓ ใน วัดเก่ำแก่ ฝีมือกำรสร้ำงงดงำมย่ิง เห็นได้จำกซำก รชั กำลสมเด็จพระเพทรำชำ ไดบ้ ันทกึ ไวว้ ่ำ หำ่ งจำก อำคำร เสำบัวและยอดพระเจดยี ท์ ่หี ักโคน่ ลงมำ แม้ ตัวเมืองไปทำงตะวันออกมีวัดท่ีมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง จะปรักหกั พงั ไปหมดแลว้ แตย่ ังคงสะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ เรยี กว่ำ วัดพระยำคลงั แผนผงั ทีน่ ำยแกมเฟอร์เขยี น ควำมงดงำมในอดีต ปัจจุบันเป็นวัดร้ำง ไม่ปรำกฏ ประกอบไว้ปรำกฏว่ำเป็นวัดสมณโกฎฐำรำมและ แน่ชัดวำ่ ใครเป็นผู้สรำ้ ง วัดกุฎีดำว และยังระบุว่ำสมเด็จพระเพทรำชำได้ เสดจ็ ไปทวี่ ดั นเ้ี พอื่ รำชทำนเพลงิ ศพเจำ้ แมด่ สุ ติ ซงึ่ เปน็ วดั สมณโกฎฐาราม สนั นษิ ฐำนวำ่ สรำ้ งในสมยั อยธุ ยำ มำรดำของเจ้ำพระยำโกษำ (เหล็ก) และเจ้ำพระยำ ตอนต้น และปฏิสังขรณ์ข้ึนใหม่ในสมัยอยุธยำตอน โกษำ (ปำน) และยังเป็นพระแม่นมของสมเด็จพระ ปลำยโดยเจำ้ พระยำโกษำ (เหลก็ ) และเจำ้ พระยำโกษำ นำรำยณ์มหำรำชเมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๓” ส่ิงท่ีน่ำสนใจ (ปำน) อำจเป็นในช่วงสมัยของสมเด็จพระนำรำยณ์ ภำยในวัดได้แก่ พระอุโบสถ เป็นพระอุโบสถสมัย มหำรำช “ในจดหมำยเหตุของแกมเฟอร์ แพทยช์ ำว อยุธยำก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้ำออกทำงด้ำนข้ำง พระนครศรีอยธุ ยำ 31
วดั ใหญ่ชยั มงคล ๔ ด้ำน ภำยในพระอุโบสถมีหลังคำต่อเป็นโครงไม้ วดั ใหญช่ ยั มงคล เดมิ ชอ่ื วดั ปำ่ แกว้ หรอื วดั เจำ้ พระยำไท แบบหนำ้ จว่ั ประดษิ ฐำนพระประธำน กวำ้ งประมำณ ตงั้ อยทู่ ำงฝง่ั ตะวนั ออกของแมน่ ำ�้ ปำ่ สกั จำกกรงุ เทพฯ ๓.๕ เมตร ทำงด้ำนทิศตะวนั ออกมีวิหำรขนำดใหญ ่ เขำ้ ตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำแลว้ จะเหน็ เจดยี ว์ ดั สำมปลม้ื วัดน้ีมีพระปรำงค์องค์ใหญ่รูปทรงสัณฐำนแปลกตำ (เจดยี ก์ ลำงถนน) ใหเ้ ลยี้ วซำ้ ยตรงไปประมำณ ๑ กโิ ลเมตร กว่ำแห่งอื่น เข้ำใจว่ำเลียนแบบเจดีย์เจ็ดยอดของ จะเหน็ วดั ใหญช่ ยั มงคลอยทู่ ำงซำ้ ยมอื วดั นต้ี ำมขอ้ มลู เชยี งใหม ่ เป็นพระปรำงคท์ ี่สร้ำงบนเจดียอ์ งค์เดมิ มี ประวตั ศิ ำสตรส์ นั นษิ ฐำนวำ่ พระเจำ้ อทู่ องทรงสรำ้ งขน้ึ มขุ ยน่ื ออกไปทำงทศิ ตะวนั ออก มบี นั ไดทำงขน้ึ สลู่ ำน เม่ือ พ.ศ. ๑๙๐๐ ส�ำหรับเป็นส�ำนักของพระสงฆ์ ประทกั ษิณ ๒ ทำง สนั นิษฐำนวำ่ พระปรำงคอ์ งคน์ ้ี ซึ่งไปบวชเรียนมำแต่ส�ำนักพระวันรัตน์มหำเถรใน สร้ำงข้ึนในรำวสมัยอยุธยำตอนกลำง นอกจำกนี้ยังม ี ประเทศลงั กำ คณะสงฆท์ ไี่ ปศกึ ษำพระธรรมวนิ ยั เรยี ก เจดีย์ระฆังขนำดใหญ่ต้ังอยู่ระหว่ำงพระปรำงค์และ นำมนิกำยในภำษำไทยวำ่ “คณะปำ่ แก้ว” วัดน้จี ึงได้ พระอุโบสถ สันนิษฐำนว่ำน่ำจะมีมำแต่แรกเริ่มกำร ชื่อว่ำวัดคณะป่ำแก้ว ต่อมำเรียกให้สั้นลงว่ำ “วัด สรำ้ งวดั ตำมลกั ษณะของเจดยี แ์ ละลวดลำยทป่ี ระดบั ปำ่ แกว้ ” ตอ่ มำคนเลอื่ มใสบวชเรยี นพระสงฆน์ กิ ำยนี้ อยู่บนบัลลังก์ ซึ่งโบรำณสถำนเหล่ำน้ีได้สร้ำงทับ พระรำชำธิบดีจึงตั้งอธิบดีสงฆ์นิกำยน้ีเป็นสมเด็จ รำกฐำนอำคำรเดิมอันเป็นงำนที่สร้ำงขึ้นในสมัย พระวันรัตน์ มีต�ำแหน่งเป็นสังฆรำชฝ่ำยขวำคู่กับ อยุธยำตอนต้น พระพุทธโฆษำจำรย์เป็นอธิบดีสงฆ์ฝ่ำยคันถธุระ มีต�ำแหน่งเป็นสังฆรำชฝ่ำยซ้ำย หลังจำกน้ันได้เปล่ียน 32 พระนครศรอี ยธุ ยำ
ช่ือเป็น “วัดเจ้ำพระยำไท” สันนิษฐำนว่ำมำจำกที่ เป็นผู้สร้ำง ตำมพงศำวดำรเหนือกล่ำวว่ำ พระเจ้ำ สมเด็จพระรำมำธิบดีที่ ๑ ทรงสร้ำงวัดป่ำแก้วข้ึน สำยน�้ำผ้ึงซ่ึงครองเมืองอโยธยำเป็นผู้สร้ำงข้ึนตรง ณ บริเวณทซ่ี ง่ึ ไดถ้ วำยพระเพลิงพระศพของเจำ้ แก้ว ทพี่ ระรำชทำนเพลงิ ศพพระนำงสรอ้ ยดอกหมำก และ เจ้ำไท หรืออำจมำจำกกำรท่ีวัดนี้เป็นท่ีประทับของ พระรำชทำนนำมวัดว่ำ “วัดพระเจ้ำพระนำงเชิง” พระสงั ฆรำชฝำ่ ยขวำ ซง่ึ ในสมยั โบรำณเรยี กพระสงฆ์ (หรือวดั พระนำงเชิง) วำ่ “เจำ้ ไท” ฉะนนั้ เจำ้ พระยำไทจงึ หมำยถงึ ตำ� แหนง่ พระสังฆรำช พระวิหำรเป็นที่ประดิษฐำนพระพุทธรูปขนำดใหญ่ ในปี พ.ศ. ๒๑๓๕ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ตำมพงศำวดำรกล่ำววำ่ สรำ้ งเม่ือ พ.ศ. ๑๘๖๗ ก่อน ทรงท�ำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหำอุปรำชแห่งพม่ำ กำรสถำปนำกรุงศรอี ยธุ ยำ ๒๖ ป ี เดมิ ชอ่ื “พระพุทธ ที่ต�ำบลหนองสำหร่ำย เมืองสุพรรณบุรี ทรงสร้ำง เจ้ำพนัญเชิง”(พระเจ้ำพะแนงเชิง) แต่ในรัชกำลที่ พระเจดยี ใ์ หญข่ น้ึ ทว่ี ดั นเ้ี ปน็ อนสุ รณแ์ หง่ ชยั ชนะ กำร ๔ เมื่อมีกำรบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์น้ี ได้ สร้ำงพระเจดีย์อำจสร้ำงเสริมพระเจดีย์เดิมท่ีมีอยู่ พระรำชทำนนำมใหม่ว่ำ “พระพุทธไตรรัตนนำยก” หรืออำจสร้ำงใหม่ท้ังองค์ก็ได้ ไม่มีหลักฐำนแน่นอน (ชำวบ้ำนนิยมเรียกหลวงพ่อโต ชำวจีนนิยมเรียกว่ำ ขนำนนำมว่ำ “พระเจดีย์ชัยมงคล” แต่รำษฎร ซ�ำปอกง ผู้คุ้มครองกำรเดินทำงทำงทะเล) เป็น เรียกว่ำ “พระเจดีย์ใหญ่” ฉะน้ันนำนวันเข้ำวัดน้ี พระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทอง ปำงมำรวิชัย จึงเรียกชื่อเป็น “วัดใหญ่ชัยมงคล” วัดน้ีร้ำงไป ลงรักปิดทอง มีขนำดหน้ำตักกว้ำง ๑๔ เมตร และ เมื่อครำวเสียกรุงครั้งสุดท้ำย และเพ่ิงจะตั้งขึ้น สูง ๑๙.๑๓ เมตร ฝีมือปั้นงดงำมมำก เบื้องหน้ำ เป็นวัดท่ีมีพระสงฆ์จ�ำพรรษำเม่ือไม่นำนมำนี้ มีตำลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสำวกที่ท�ำด้วย นอกจำกน้ียังมีวิหำรพระพุทธไสยำสน์ สร้ำงในสมัย ปนู ปน้ั ลงรกั ปดิ ทองประดษิ ฐำนอยเู่ บอ้ื งซำ้ ยและขวำ สมเด็จพระนเรศวร เพ่ือเป็นที่ถวำยสักกำรบูชำ อำจนับได้ว่ำเป็นพระพุทธรูปน่ังสมัยอยุธยำตอนต้น และปฏิบัติพระกรรมฐำน ปัจจุบันมีกำรสร้ำง ท่ีมีขนำดใหญ่มำกที่สุดท่ีเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นที่ พระต�ำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช มีผู้นิยม เคำรพสักกำระของชำวจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ไปนมัสกำรอยำ่ งสม่�ำเสมอเป็นจำ� นวนมำก เปดิ เวลำ และจงั หวดั ใกลเ้ คียง เขำ้ ใจว่ำเมอื่ สรำ้ งพระองคใ์ หม่ ๐๘.๐๐–๑๗.๐๐ น. ทุกวัน ค่ำเข้ำชม ชำวตำ่ งชำต ิ เสร็จแล้ว จึงสร้ำงพระวิหำรหลวงขึ้นคลุมอีกทีหนึ่ง ๒๐ บำท ตำมต�ำนำนกล่ำววำ่ เมื่อครำวพระนครศรีอยุธยำจะ เสียกรุงแก่ข้ำศึกนั้น พระพุทธรูปองค์น้ีมีน้�ำพระเนตร วัดพนัญเชิงวรวิหาร ต้ังอยู่ในท้องที่ต�ำบล ไหลออกมำทั้งสองข้ำง ส่วนในพระวิหำร เสำพระวิหำร คลองสวนพลู ริมแม่น้�ำป่ำสักทำงทิศใต้ ฝั่งตรงข้ำม เขยี นสเี ปน็ ลำยพมุ่ ขำ้ วบณิ ฑก์ ำ้ นแยง่ สแี ดง ทหี่ วั เสำมปี นู ปน้ั ของเกำะเมือง ห่ำงจำกตัวเมืองรำว ๕ กิโลเมตร เป็นบัวกลุ่มที่มีกลีบซ้อนกันหลำยช้ัน ผนังทั้งสี่ด้ำน หรอื เมอ่ื ออกจำกวดั ใหญช่ ยั มงคล ใหเ้ ลยี้ วซำ้ ยตรงไป เจำะเป็นซุ้มเล็กประดิษฐำนพระพุทธรูปขนำดเล็ก ตำมถนนประมำณ ๑ กโิ ลเมตร กจ็ ะเหน็ วัดพนัญเชิง โดยรอบจ�ำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์เท่ำกับจ�ำนวน อยทู่ ำงขวำมอื วดั พนญั เชงิ เปน็ พระอำรำมหลวงชนั้ โท พระธรรมขันธ์ตำมควำมเช่ือทำงพุทธศำสนำ ส่วน ชนิดวรวิหำร แบบมหำนิกำย เป็นวัดท่ีมีมำก่อน ประตูทำงเข้ำด้ำนหน้ำซ่ึงอยู่ทำงทิศตะวันออก เป็น กำรสร้ำงกรุงศรีอยุธยำ ไม่ปรำกฏหลักฐำนว่ำใคร บำนประตูไม้แกะสลักลอยตัวเป็นลำยก้ำนขดยก พระนครศรีอยุธยำ 33
(ขื่อ) ด้ำนในศำลำมีภำพเขียนสีบนผ้ำเป็นภำพพุทธ ประวตั อิ ยโู่ ดยรอบ มตี วั อกั ษรเขยี นไวว้ ำ่ ภำพเขยี นสนี ้ี เขยี นขน้ึ เมอ่ื ป ี พ.ศ. ๒๔๗๒ ภำยในศำลำมธี รรมำสนอ์ ย ู่ ๑ หลงั สลกั ลวดลำยสวยงำมเปน็ ศลิ ปะแบบรตั นโกสนิ ทร์ ภำยในวดั พนญั เชงิ ยงั จะพบ ตกึ เจำ้ แมส่ รอ้ ยดอกหมำก ต้ังอยู่ริมแม่น�้ำป่ำสัก ก่อสร้ำงเป็นตึกแบบจีนเป็นท่ี ประดิษฐำนรูปปั้นเจ้ำแม่สร้อยดอกหมำกในเครื่อง แต่งกำยแบบจีน ชำวจีนเรียกว่ำ “จูแซเน๊ีย” เป็น ท่ีเคำรพนับถือของชำวจีนท่ัวไป คนไทยเข้ำชมฟร ี ส�ำหรบั ชำวต่ำงชำติเสยี ค่ำเขำ้ ชมคนละ ๒๐ บำท หมบู่ ้านโปรตเุ กส ตงั้ อยทู่ ี่ตำ� บลส�ำเภำล่ม บริเวณรมิ ฝั่งแม่น�้ำเจ้ำพระยำทำงทิศตะวันตก อยู่ทำงใต้ของ ตัวเมือง ชำวโปรตุเกสเป็นชำวยุโรปชำติแรกที่เข้ำ มำตดิ ตอ่ ค้ำขำยกับกรุงศรีอยธุ ยำเม่ือป ี พ.ศ. ๒๐๕๔ โดยอลั ฟองโซ เดอ อลั บูเคอรก์ ผสู้ ำ� เร็จรำชกำรของ โปรตเุ กส ประจำ� เอเซยี ไดส้ ง่ นำยดอู ำรเ์ ต ้ เฟอรน์ นั เดส เปน็ ทตู เขำ้ มำเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั สมเดจ็ พระรำมำธบิ ดี ท่ี ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยำ ชำวโปรตุเกสเข้ำมำตั้ง หลักแหล่งค้ำขำยและเป็นทหำรอำสำในกองทัพ กรุงศรีอยุธยำ สร้ำงโบสถ์ข้ึนเพ่ือเผยแผ่ศำสนำและ วัดพนญั เชงิ วรวหิ ำร เปน็ ศนู ยก์ ลำงของชมุ ชน ปจั จบุ นั บรเิ วณนย้ี งั มรี อ่ งรอย ดอกนูนออกมำ เป็นลักษณะของศิลปะอยุธยำ ซำกสง่ิ กอ่ สรำ้ งปรำกฏใหเ้ หน็ คอื โบรำณสถำนซำนเปโตร ท่ีงดงำมมำกแหง่ หนง่ึ หรือเรียกในสมัยอยุธยำว่ำโบสถ์เซนต์โดมินิค เป็น โบสถใ์ นคณะโดมนิ กิ นั นบั เปน็ โบสถแ์ หง่ แรกทสี่ รำ้ งขน้ึ พระอโุ บสถ ประดิษฐำนพระพุทธรปู ๕ องค ์ ศิลปะ ในแผ่นดินไทยเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๘๓ ตั้งอยู่ในบริเวณ สุโขทยั วิหำรเซยี น อยดู่ ำ้ นหน้ำของพระวหิ ำรหลวง เกือบก่ึงกลำงหมู่บ้ำนโปรตุเกส มีเนื้อท่ีประมำณ เปน็ อำคำรรปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผำ้ ซงึ่ แตเ่ ดมิ มภี ำพจติ รกรรม ๒,๔๐๐ ตำรำงเมตร ยำวตำมแนวทิศตะวันออกไป เขียนไว้บนผนังทั้งส่ีด้ำน แต่ถูกโบกปูนทับไปแล้ว ตะวันตกหันหน้ำสู่แม่น�้ำเจ้ำพระยำ ตัวอำคำรแบ่ง เมื่อครำวบูรณปฏิสังขรณ์ ข้ำงในพระวิหำรหลังน้ี ออกเป็นสำมส่วน คือ ส่วนหน้ำเป็นสุสำนของชำว ประดิษฐำนพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอยุธยำ คำทอลิกคณะโดมินิกัน ส่วนกลำงใช้ประกอบพิธี ศำลำกำรเปรียญ หลังเก่ำย้ำยจำกริมแม่น�้ำมำอยู่ ทำงศำสนำและฝังศพบำทหลวง ส่วนด้ำนหลังและ ด้ำนหลังของวดั เป็นศำลำทรงไทยสรำ้ งด้วยไม้ หน้ำ ด้ำนข้ำงเป็นท่ีพักอำศัยและมีกำรขุดค้นพบโบรำณ บันประดับช่อฟ้ำใบระกำ หำงหงส์ บริเวณคอสอง วัตถุที่ส�ำคัญได้แก่ โครงกระดูกมนุษย์ กล้องยำสูบ 34 พระนครศรอี ยุธยำ
เหรียญกษำปณ์ เคร่ืองปั้นดินเผำ เครื่องประดับ พระพุทธรูปซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ พระเศียร ก�ำไลแก้วและเครื่องประกอบพิธีทำงศำสนำ เช่น ตอนเหนือพระนลำฏ (หน้ำผำก) เปิดออกได้และ ไม้กำงเขน เหรยี ญรปู เคำรพในศำสนำ ลกู ประคำ� พระเกศมำลำถอดได้ ภำยในพระเศียรเป็นบ่อกว้ำง ในส่วนของสุสำน พบโครงกระดูกจ�ำนวนมำกมำย ลกึ ลงไปเกอื บถึงพระศอ มนี ้�ำไหลซึมออกมำตลอดเวลำ ถึง ๒๕๔ โครง ฝังเรียงรำยอย่ำงเป็นระเบียบและ เหมือนหยำดเหงื่อ เป็นน�้ำใสเย็นบริสุทธิ์ปรำศจำก ทับซ้อนกันหนำแน่นท้ังภำยในและภำยนอกอำคำร มลทิน สำมำรถด่ืมได้โดยปรำศจำกอันตรำยใดๆ และ จำกแนวโครงกระดกู ทพี่ บแบง่ ขอบเขตสสุ ำนออกเปน็ ไมแ่ ห้งขำดหำย พระพทุ ธรปู องค์นเี้ ป็นพระพทุ ธรปู ๓ ส่วน ส่วนในสุดกลำงตัวอำคำรท่ีเป็นฐำนโบสถ ์ สัมฤทธ์ิทรงเคร่ือง ปำงมำรวิชัย นำมเดิมของท่ำน อำจเป็นโครงกระดูกของบำทหลวงหรือนักบวช คือ “หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธ์ิ” เรียกกันเป็นสำมัญ ถัดมำส่วนที่สอง ส่วนนี้อำจเป็นผู้มีฐำนะทำงสังคม ว่ำ “หลวงพ่อสุข” หน้ำตักกว้ำง ๘๗ เซนติเมตร ในค่ำยโปรตุเกสสูงกว่ำคนธรรมดำทั่วไป ส่วนที่สำม สูง ๑.๕๐ เมตร สร้ำงสมัยใดไม่ปรำกฏ เป็นพระ นอกแนวฐำนโบสถม์ กี ำรฝงั ซอ้ นกนั มำกถงึ ๓-๔ โครง ทรงเครอ่ื งแบบมหำจกั รพรรดริ ำชำอธวิ ำสสวมมงกฎุ โครงกระดูกเหล่ำน้ีมีท้ังที่อยู่ในสภำพสมบูรณ์และ มีกุณฑล ทับทรวง สังวำล พำหุรัด ประดับด้วย บำงส่วนช�ำรุด จำกหลักฐำนเอกสำรประวัติศำสตร์ เนำวรัตน์ ประทับนั่งขัดสมำธิ พระพุทธรูปองค์นี้ กล่ำวถึงกำรเกิดโรคระบำดร้ำยแรงในปลำยแผ่นดิน จะเปดิ เศียรพระทกุ วันที่ ๑ ของเดือน พระเพทรำชำเมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๒๓๙ มีผคู้ นลม้ ตำยมำก และในปี พ.ศ. ๒๒๕๕ ในสมัยพระเจ้ำอยู่หัวทำ้ ยสระ วัดช้างใหญ่ ต้ังอยู่ที่ต�ำบลวัดตูม เป็นวัดที่มีควำม ก็เกิดโรคระบำดอีกครั้งมีผู้คนล้มตำยมำก อำจเป็น เกี่ยวข้องกับชำวมอญท่ีมีควำมสำมำรถพิเศษในกำร เหตใุ หม้ กี ำรขยำยสสุ ำนออกมำจำกเดิม ฝึกเลี้ยงช้ำงถวำยกษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยำ หวั หนำ้ ชำวมอญไดร้ บั กำรแตง่ ตง้ั เปน็ จตั ลุ งั คบำทควบคมุ วัดตูม ตั้งอยู่บริเวณริมคลองวัดตูม ถนนอยุธยำ ช้ำงศึก ต่อมำได้เลื่อนยศเป็นทหำรเอกแม่ทัพหน้ำ -อำ่ งทอง ตำ� บลวดั ตมู หำ่ งจำกตวั เมอื งพระนครศรอี ยธุ ยำ ชนะศึกหลำยครงั้ ได้รับแตง่ ตง้ั เปน็ “พระยำรำชมนู” ประมำณ ๖-๗ กิโลเมตร มีเน้ือท่ีประมำณ ๑๕ ไร ่ และไดร้ บั ตำ� แหนง่ สงู สดุ เปน็ เจำ้ พระยำอคั รมหำเสนำธบิ ดี วดั นไี้ ม่ปรำกฏหลักฐำนวำ่ สร้ำงตง้ั แต่เม่อื ไร ใครเป็น สมหุ กลำโหม ชำ้ งทฝ่ี กึ ถวำย ไดแ้ ก ่ ชำ้ งพระทนี่ งั่ ของ ผ้สู ร้ำง ทรำบกนั แตเ่ พียงวำ่ เป็นวดั โบรำณตั้งแต่สมัย สมเดจ็ พระนเรศวรมหำรำช ชอ่ื เจ้ำพระยำไชยยำนภุ ำพ เมืองอโยธยำ ก่อนท่ีจะตั้งกรุงศรีอยุธยำเป็นรำชธำนี ระวำงสูงสุดที่เจ้ำพระยำปรำบหงสำวดี และช้ำง วัดน้ีคงเป็นวัดร้ำงมำคร้ังหน่ึงเมื่อครำวเสียกรุง พระที่น่ังของสมเด็จพระเอกำทศรถ ช่ือเจ้ำพระยำ ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ คร้ันถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร ์ ปรำบไตรจักร เพ่ือเป็นอนุสรณ์ของชำวมอญและ ในสมัยพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลก ควำมสำมำรถของพระยำช้ำง จึงได้ร่วมแรงร่วมใจ มหำรำช ได้มีผู้ปฏิสังขรณ์ขึ้นอีกครั้งและเป็นวัด กนั สรำ้ งวดั ไวใ้ นพระพทุ ธศำสนำชอื่ วำ่ “วดั ชำ้ งใหญ”่ ท่ีพระสงฆ์อยู่จ�ำพรรษำมำจนทุกวันน้ี วัดตูมน้ี เป็นที่ส�ำหรับลงเคร่ืองพิชัยสงครำมแต่ด้ังเดิมมำ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเกริก ยุ้นพันธุ์ ๔๕ หมู่ ๒ คงเป็นแต่แรกตั้งกรุงอโยธยำตลอดจนถึงทุกวันนี้ ต�ำบลท่ำวำสุกรี เป็นสถำนที่ท่ีสำมำรถชมได้ทั้ง ไม่ต�่ำกว่ำ ๑,๐๐๐ ปี สิ่งที่น่ำสนใจภำยในวัดได้แก ่ ครอบครัว ภำยในจดั แสดงของเก่ำ ภำพถ่ำยโบรำณ พระนครศรอี ยุธยำ 35
พิพธิ ภัณฑ์ลำ้ นของเล่นเกริก ยุ้นพันธ์ ฟิล์มกระจกสมัยรัชกำลท ี่ ๔ เหรยี ญเงินตรำ แสตมป ์ ทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๕๓) ทรงบรู ณะวดั และสรำ้ งวหิ ำร พระพุทธรูป ภำพวำด ชั้นที่ ๒ มีของเล่นหำยำก หลวงเพ่ือฟังธรรมในวันธรรมสวนะ ที่วิหำรหลวง เปน็ ล้ำนช้นิ มีอำยุกว่ำ ๑๐๐ ป ี ท่นี ่ำศึกษำมำกมำย แห่งน้ีเคยเป็นท่ีประดิษฐำนของเศียรพระพุทธรูป เปิดทกุ วัน ยกเวน้ วันจันทร์ เวลำ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. หล่อสัมฤทธ์ิศิลปะสมัยอู่ทอง ปัจจุบันกรมศิลปำกร ค่ำเขำ้ ชม ชำวไทย ผูใ้ หญ ่ ๕๐ บำท เด็ก ๒๐ บำท น�ำไปไว้ท่ีพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ เจ้ำสำมพระยำ ชำวต่ำงชำติ ๑๐๐ บำท สอบถำมรำยละเอียด สำ� หรบั วหิ ำรพระพทุ ธไสยำสนน์ นั้ พระรำชมเหสขี อง โทร. ๐ ๓๕๓๒ ๘๙๔๙-๕๐ หรือ www.million พระองค์ทรงสร้ำงพระวิหำรถวำยตำมค�ำอธิษฐำน toymuseum.com ท่ีขอให้พระรำชธิดำทรงหำยประชวร ไว้ทำงหน้ำ ประตูด้ำนทิศเหนือของพระเจดีย์สิงห์ล้อม ๕๒ ตัว วัดธรรมิกราช เป็นวัดสงฆ์มหำนิกำย เดิมชื่อวัด ที่แตกต่ำงไปจำกเจดีย์ช้ำงล้อม พระพุทธไสยำสน์ มุขรำช เมื่อพระเจ้ำสำยน้�ำผึ้งสร้ำงวัดพนัญเชิงนั้น มคี วำมยำว ๑๒ เมตร หนั พระพกั ตร์ไปทำงทศิ เหนอื พระรำชโอรส คือ พระเจ้ำธรรมิกรำชโปรดให้สร้ำง ท่ีฝ่ำพระบำทปิดทองประดบั กระจก วัดน้ีข้ึนท่ีบริเวณเมืองเก่ำชื่อเมืองสังขบุรี ก่อนสร้ำง กรงุ ศรอี ยธุ ยำ พระมหำกษตั รยิ อ์ งคต์ อ่ มำไดท้ รงบรู ณะ อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ ต้ังอยู่ริมแม่น้�ำเมือง มำโดยตลอด ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ ตรงข้ำมวัดพนมยงค์ เป็นอนุสรณ์สถำนแด่ท่ำน 36 พระนครศรีอยธุ ยำ
ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอำวุโสซึ่งเป็นผู้น�ำฝ่ำย ท่ีโปรดปรำนขององค์พระมหำกษัตริย์ในสมัยน้ัน พลเรอื นในกำรเปลยี่ นแปลงกำรปกครองจำกระบอบ ต่อมำเม่ือแม่นมยงค์ชรำภำพลงและหมดอำยุขัย สมบูรณำญำสิทธิรำชย์มำเป็นกำรปกครองระบอบ พระมหำกษตั รยิ ใ์ นสมยั นนั้ จงึ ทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ ประชำธปิ ไตยโดยมพี ระมหำกษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ ทำ่ น พระรำชทำนสวนหลวงเป็นที่ธรณีสงฆ์และให้สร้ำง ไดร้ บั ประกำศเกียรตคิ ุณให้เปน็ บคุ คลส�ำคัญของโลก วัดข้ึนท่ีน่ันโดยให้พ้องกับชื่อแม่นมยงค์เพื่อบุญกุศล โดยองค์กำรยูเนสโกในปี ๒๕๔๒ อนุสำวรีย์ปรีดี จะได้ตกแก่แม่นมยงค์ เมื่อสร้ำงวัดพนมยงค์แล้ว พนมยงค์ เปน็ รูปสญั ลกั ษณท์ ่ีแสดงถึงอดุ มกำรณ์อนั ก็สร้ำงพระอุโบสถขึ้น มีควำมงดงำมมำก ทุกส่วน สำ� คัญย่ิงของท่ำน ๓ ประกำร คือ สนั ติภำพ เสรีไทย อ่อนช้อยเปน็ ทอ้ งส�ำเภำ ส่วนทำงด้ำนทศิ ตะวนั ออก และประชำธิปไตย สร้ำงด้วยโลหะสัมฤทธิ์ประกอบ เฉียงเหนือมีวิหำรพระนอนองค์ใหญ่ท�ำด้วยปูนปั้น ดว้ ยเสำกลม ๖ ต้น รองรบั หลังคำเรือนไทย ตงั้ อยู่ใน สวยงำม พระนอนองค์น้ีมีพุทธลักษณะละม้ำย สระวงกลมมีน้ำ� ล้อมรอบ ไปทำงสุโขทัย เพรำะพระศกท่ำนคล้ำยก้นหอยขม ภำยในอนุสรณส์ ถำนประกอบด้วย ส่วนในเรื่องของควำมศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ เรือนไทยพิพิธภัณฑ์ เดิมเป็นเรือนแพทรงปั้นหยำ น้ันเป็นท่ีโจษขำนกันมำก ตำมควำมเช่ือเข้ำใจว่ำ มีอำยุกว่ำ ๑๐๐ ปี หลังคำเป็นทรงไทยโบรำณ ฝำ แม่นมยงค์น่ำจะเกิดวันอังคำร จึงได้สร้ำงพระนอน สำยบวั และประตมู สี ลกั แบบไทยผสมจนี สวยงำมมำก องค์ใหญ่ไว้ประจ�ำวัด และได้บรรจุกรุพระตลอดจน เรือนไทยหลังนี้ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เคร่ืองประดับ ของล�ำ้ ค่ำไวเ้ ปน็ จำ� นวนมำก นอกจำกน ้ี วัดพนมยงค์ บ้ำน และเครื่องมือเคร่ืองใช้กันอยู่ในสมัยนั้นและ ยังมีพระพุทธรปู เกำ่ แก่อกี ๒ องคด์ ว้ ยกนั องคห์ นึง่ เกย่ี วข้องกบั ท่ำน รวมทั้งภำพถ่ำยแสดงชีวติ ผลงำน อยู่ในพระอุโบสถ เป็นพระประธำนสร้ำงในสมัย และเหตุกำรณ์เกย่ี วกับตัวท่ำน พระเจ้ำอู่ทอง พระพักตร์งดงำมมำก หน้ำนำงสร้ำง เรอื นไทยหอประชมุ เปน็ เรอื นไทยประวตั ศิ ำสตรอ์ ำยุ ด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ อีกองค์หนึ่งเป็นรูปหล่อ ๑๒๐ ปี เดมิ เปน็ เรอื นแพจอดอยใู่ นคลองเมอื งหนำ้ พระศรีอำริยเมตไตรยสมยั ปลำยสมยั อยธุ ยำ วัดพนมยงค์ ถัดจำกเรือนแพซึ่งเป็นที่เกิดของท่ำน ตอ่ มำภำยหลงั ไดย้ ำ้ ยไปปลกู บนบก ภำยในเรอื นไทย พิพิธภัณฑ์เรือไทย เป็นพิพิธภัณฑ์เรือของเอกชน มซี มุ้ ประตลู ำยสลกั แบบไทย จนี และฝรงั่ สวยงำมมำก ตง้ั อยบู่ รเิ วณฝง่ั ตรงขำ้ มกบั วดั มหำธำต ุ ถนนบำงเอยี น ไดส้ ร้ำงตำมแบบเดมิ ภำยในบรเิ วณบำ้ นพกั ของอำจำรยไ์ พฑรู ย ์ ขำวมำลำ ผู้มีควำมรักและผูกพันกับเรือและน้�ำมำต้ังแต่เด็ก วัดพนมยงค์ หรือวัดแม่นมยงค์ ต้ังอยู่ทำงด้ำน ท่ำนมีควำมคิดท่ีจะอนุรักษ์เพื่อให้เยำวชนได้เห็นถึง ทิศเหนือของกรุงเก่ำ ริมคลองเมือง เยื้องหน้ำ ภมู ปิ ญั ญำชำวบำ้ น พพิ ธิ ภณั ฑแ์ หง่ นเี้ ปน็ บำ้ นทรงไทย โรงเรียนประตูชัย ต�ำบลท่ำวำสุกรี (ในเขตเทศบำล ขนำดใหญไ่ ม้สกั ฝำเฟ้ยี ม ชนั้ ล่ำงจัดแสดงเรอื จ�ำลอง นครพระนครศรีอยุธยำ) วัดน้ีเป็นนำมของแม่นม ต่ำงๆ เรือพระรำชพิธี โดยต่อขึ้นตำมแบบเรือจริง ของพระมหำกษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยำ เดิมเป็น ทกุ ประกำร ปจั จบุ นั มผี ลงำนนบั รอ้ ยลำ� ตง้ั แตเ่ รอื เดนิ สมทุ ร สวนหลวงของแมน่ มยงค์ซง่ึ เปน็ คนดี สัตย์ซ่อื ยึดถอื ไปจนถงึ เรอื แจวลำ� เลก็ ๆ และมสี ว่ นทจี่ ดั แสดงเรอื ไทย คุณธรรมเป็นหลักของชีวิต ขยันต่อหน้ำที่ที่ได้รับ พน้ื บำ้ นนำนำชนดิ หลำยรปู แบบทป่ี จั จบุ นั หำดไู ดย้ ำกตำม มอบหมำยและปฏิบัติงำนจนส�ำเร็จทุกเรื่อง จึงเป็น แมน่ ำ�้ ลำ� คลอง เปดิ ใหผ้ สู้ นใจเขำ้ ชมทกุ วนั ในบรรยำกำศ พระนครศรีอยธุ ยำ 37
ทำงศำสนำและให้กำรศึกษำแก่เด็ก พระองค์ท่ำน จงึ ได้พระรำชทำนทด่ี ินแปลงหนง่ึ ริมน้ำ� เพอ่ื สรำ้ งวัด และโรงเรียนซึ่งเรียกช่ือในสมัยน้ันว่ำ “ค่ำยนักบุญ ยอแซฟ” คนไทยได้อำศัยวัดนี้เป็นป้อมต่อสู้กับ พม่ำจนกระทั่งถึงวันที่ ๒๓ มีนำคม พ.ศ. ๒๓๑๐ กอ่ นกรุงศรีอยธุ ยำจะเสียแก่พม่ำเพยี ง ๑๐ วัน พม่ำ ได้เผำและปล้นสะดมทรัพย์สินไปจนหมดส้ิน กวำดต้อนพระสังฆรำชบริโกต์และคณะไปพม่ำด้วย หลังเสียกรุงศรีอยุธยำวัดนี้จึงกลำยเป็นวัดร้ำง ไม่มีพระสงฆ์ดูแล ต่อมำในปี พ.ศ. ๒๓๗๔ คุณพ่อ ปัลเลอกัวและคณะได้เดินทำงมำเมืองไทยจึงได้มี กำรบูรณะฟื้นฟูอีกคร้ัง เมื่อไม่นำนมำนี้ทำงอัคร- สงั ฆมณฑลกรุงเทพฯ ไดม้ ีกำรบรู ณะฟ้นื ฟสู ่วนต่ำงๆ และประดับตกแต่งภำยในท้ังหมด พร้อมทั้ง จัดที่บรรจุศพของพระสังฆรำชปีแอร์ ลอมแบรต์ เดอ ลำม็อต และพระสังฆรำชหลุยส์ ลำโน ไว้ ภำยในวัดบริเวณด้ำนพระแท่นทั้งสองข้ำง ส่วนศพ (กระดกู ) ของพระสงั ฆรำชอกี ๖ องค์ รวมท้ังบรรดำ มิชชันนำรีอีก ๒๓ องค์ได้ย้ำยไปบรรจุไว้ในอนุสรณ์ วดั นกั บุญยอแซฟ สถำนในสุสำนของวดั สอบถำมรำยละเอียดเพิม่ เตมิ ทอี่ บอนุ่ เป็นกนั เอง ตั้งแต่เวลำ ๐๘.๐๐–๑๗.๐๐ น. ได้ท่ี โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๒๕๘๙, ๐ ๓๕๓๒ ๑๔๔๗ กรณีเข้ำชมเป็นหมู่คณะต้องแจ้งล่วงหน้ำ สอบถำม รำยละเอียดเพม่ิ เติม โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๑๙๕ โบราณสถานวัดนางกุย ตั้งอยู่เลขท่ี ๓๐ หมู่ ๕ ตำ� บลสำ� เภำลม่ เปน็ วดั ทตี่ ง้ั อยนู่ อกเกำะเมอื งดำ้ นใต้ วัดนักบญุ ยอแซฟ ตงั้ อยู่เลขท ี่ ๓๐ หมู่ ๑๑ ต�ำบล ติดกับแม่น�้ำเจ้ำพระยำฝั่งตะวันตก สร้ำงในสมัย ส�ำเภำล่ม สร้ำงเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๐๙ ในสมัยสมเด็จ กรุงศรีอยุธยำ อำยกุ วำ่ ๔๐๐ ป ี ผทู้ ่ีสร้ำงวดั นำงกยุ พระนำรำยณ์มหำรำช กษัตริย์องค์ท่ี ๒๗ แห่งกรุง ชื่อ “นำงกุย” เป็นผู้มีทรัพย์สินเงินทองมำกมำยจึง ศรีอยุธยำ หลังจำกคณะธรรมทูตรุ่นแรกแห่งปำรีส ได้สร้ำงวัดข้ึน ในสมัยก่อนวัดนี้มีควำมเจริญรุ่งเรือง คือ ฯพณฯ ลอมแบรต์ เดอ ลำม็อต กับพระสงฆ์ มำก ต่อมำหลังจำกเสียกรุงศรีอยุธยำครั้งท่ี ๒ วัด อีก ๒ รปู ไดเ้ ดินทำงมำกรุงศรีอยธุ ยำ เม่อื วันท ี่ ๒๒ นำงกุยได้ถูกปล่อยให้ช�ำรุดทรุดโทรม จนมำถึงใน สงิ หำคม พ.ศ. ๒๒๐๕ ทำ่ นและคณะไดท้ ำ� ประโยชน์ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร ์ รชั กำลท ่ี ๓ ไดม้ ำทำ� กำรบรู ณ- ต่อชำวกรุงศรอี ยุธยำ เปน็ ทีพ่ อพระทัย พร้อมกันนน้ั ปฏิสงั ขรณ์วดั ตำ่ งๆ ในพระนครศรอี ยธุ ยำ วดั นำงกยุ ท่ำนได้เข้ำเฝ้ำสมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช เพ่ือทูล เปน็ วดั หนงึ่ ทไี่ ดร้ บั กำรบรู ณะในสว่ นตำ่ งๆ เชน่ อโุ บสถ ขอสถำนทสี่ รำ้ งวดั และโรงเรยี น เพอื่ ประกอบพธิ กี ำร หน้ำบันรูปนำรำยณ์ทรงครุฑ และเสมำคู่ รวมทั้ง 38 พระนครศรีอยธุ ยำ
วดั นำงกุย เจดยี แ์ ละพระปรำงค ์ กรมศลิ ปำกรไดป้ ระกำศขน้ึ ทะเบยี น อ�าเภอบางไทร โบรำณสถำน ในวนั ท ่ี ๑๘ มนี ำคม พ.ศ. ๒๔๘๔ วัดช้างใหญ่ ตั้งอยู่ท่ีต�ำบลช้ำงใหญ่ (อยู่ห่ำงจำก ภำยในพระอุโบสถ ประดิษฐำน “พระพุทธรูปศิลำ ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรประมำณ ๑ กิโลเมตร) เป็น สมยั ทวำรวด”ี ปำงสมำธิ และ “หลวงพ่อย้มิ ” เปน็ วัดเก่ำแก่สร้ำงก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยำ เดิมเรียกว่ำ พระพุทธรูปปำงมำรวิชัยที่แกะจำกไม้สักทองและ “วัดเสำธงหิน” เพรำะมีเสำธงเก่ำแก่ต้ังอยู่ ต่อมำ ลงรักปิดทองเป็นพระเก่ำแก่อยู่คู่กับวัดมำนำน จำก ได้เปล่ียนช่ือเป็น “วัดช้ำงเฉย” และเปลี่ยนมำเป็น ค�ำบอกเล่ำของคนเก่ำแก่ว่ำสมัยก่อน หลวงพ่อยิ้ม “วดั ชำ้ งใหญ”่ เพรำะเคยเปน็ ทต่ี งั้ ของเพนยี ดคลอ้ งชำ้ ง ลอยมำตำมแม่น้�ำเจ้ำพระยำมำติดอยู่บริเวณหน้ำวัด เป็นท่ีต่อช้ำงฝึกช้ำงป่ำ และเป็นที่อยู่ของช้ำงป่ำ ทำงเจ้ำอำวำสได้อัญเชิญหลวงพ่อยิ้มมำประดิษฐำน จ�ำนวนมำก วัดนี้ได้รับพระรำชทำนวิสุงคำมสีมำ ต้งั แต่นนั้ เป็นต้นมำ นอกจำกนี้ยงั มี ศำลแม่ตะเคียน เมื่อปีพ.ศ.๒๓๖๐ ภำยในโบสถ์ประดิษฐำน ทอง เป็นศำลต้นตะเคียนใหญ่ที่อยู่คู่วัดมำนำนกว่ำ พระประธำนเดิมช่ือว่ำ “หลวงพ่อทอง” ต่อมำ ๔๐๐ ปี และได้ยืนตน้ ตำยเม่ือประมำณ พ.ศ. ๒๕๔๐ เปลี่ยนช่ือเป็น “หลวงพ่อด�ำศักดิ์สิทธ์ิ” เชื่อกันว่ำ ทำงวัดจึงได้น�ำมำแกะสลักเป็นรูปแม่ตะเคียนทอง หลวงพ่อสำมำรถหย่ังถึงจิตใจของผู้ที่เข้ำไปสักกำระ และน�ำมำไว้บนตอตะเคียนต้นเดิม เพื่อได้ให้คนมำ ได้ โดยจะรู้ว่ำมีควำมสุขหรือทุกข์โดยสังเกตจำก สักกำระบูชำ สอบถำมรำยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วัด สหี นำ้ ของหลวงพอ่ (เปน็ ควำมเช่อื ส่วนบุคคล) นำงกยุ โทร. ๐๘ ๙๑๐๕ ๓๔๔๑, ๐๘ ๙๑๔๑ ๐๕๐๙ พระนครศรอี ยุธยำ 39
ศนู ยศ์ ิลปาชพี บางไทร จดั กำรปฏริ ปู ทด่ี นิ เพอ่ื ใหร้ ำษฎรผยู้ ำกไรไ้ ดม้ ที อ่ี ยแู่ ละ ประวัติควำมเป็นมำ พระรำชกรณียกิจท่ีส�ำคัญ ทำ� มำหำกนิ ตำมอตั ภำพ แปลงหนงึ่ อยทู่ อ่ี ำ� เภอบำ้ นนำ อย่ำงหน่ึงของสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรม จังหวัดนครนำยก อีกแปลงหนึ่งอยู่ที่อ�ำเภอบำงไทร รำชินีนำถ คือกำรเสด็จพระรำชด�ำเนินตำมพระ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ล้นเกล้ำฯ ท้ังสอง บำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดช พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ พระรำชดำ� เนนิ ไปทอดพระเนตรทดี่ นิ ไปทรงเยี่ยมรำษฎรในทุกแห่งหน ท่ัวทุกภำคของ แปลงที่อยู่ท่ีอ�ำเภอบำงไทรด้วยพระองค์เอง ซึ่ง ประเทศไทย พระรำชกรณียกิจนี้ ได้ทรงปฏิบัติ ท่ีดินแปลงน้ีมีพ้ืนท่ีทั้งหมดประมำณ ๗๕๐ ไร่เศษ ติดต่อกันมำนำนนับเป็นระยะเวลำหลำยสิบปี และมีพระบรมรำชวินิจฉัยว่ำสมควรจะสร้ำงศูนย์ แลว้ จงึ ทำ� ใหท้ รงเหน็ สภำพควำมเปน็ อยทู่ แี่ ทจ้ รงิ ของ ศลิ ปำชีพ ณ ท่ีนี้ วันท่ ี ๓ มิถนุ ำยน ๒๕๒๓ รัฐบำล รำษฎรว่ำมีควำมทกุ ขส์ ขุ อย่ำงไร ที่ทรงเปน็ ห่วงมำก ได้น้อมเกล้ำฯ ถวำยท่ีดินแปลงน้ีแด่สมเด็จ ก็คือ ควำมยำกจนของรำษฎร จึงมีพระรำชประสงค์ พระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ เน่ืองใน จะจัดหำอำชีพให้รำษฎรท�ำ เพื่อเพิ่มพูนรำยได้ โอกำสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษำครบ ๔ รอบ ให้เพียงพอแก่กำรยังชีพในภำวะปัจจุบัน สมเด็จ และรัฐบำลยังได้มีมติให้หน่วยรำชกำรต่ำง ๆ พระนำงเจำ้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมรำชนิ นี ำถ ทรงสนพระรำช สนับสนุนโครงกำรของศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรฯ หฤทยั ในงำนฝมี อื พนื้ บำ้ นหรอื ศลิ ปกรรมพนื้ บำ้ นทจ่ี ดั ทำ� ขน้ึ ซึ่งสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ โดยใชว้ สั ดใุ นทอ้ งถนิ่ มำก พระองคจ์ งึ สง่ เสรมิ ในเรอื่ งน้ี ทรงจัดต้ังขึ้น โดยมอบหมำยให้กระทรวงเกษตร โดยกำรจัดให้มีครูออกไปฝึกสอนรำษฎรเป็นกำร และสหกรณ์ โดยส�ำนักงำนกำรปฏิรูปท่ีดินเพ่ือ ชว่ ยปรับปรุงคณุ ภำพของงำนให้ดียิ่งขนึ้ เม่อื รำษฎร เกษตรกรรมเป็นผู้รับผิดชอบในด้ำนกำรดูแล มีควำมช�ำนำญแล้วผลงำนที่ผลิตออกมำ ก็จะทรง สถำนที่และกำรฝึกอบรม และมีหน่วยทหำรรำบ รับซ้ือไว้ด้วยพระรำชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งงำนน้ี ท ่ี ๒๑ รกั ษำพระองค ์ มำชว่ ยดแู ลในด้ำนกำรรักษำ ต่อมำได้ขยำยออกเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพ ควำมสงบเรียบร้อย และประสำนงำนกับหน่วยงำน ในสมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ ต่ำงๆ ในกำรจัดฝึกอบรมศิลปำชีพเร่ือยมำ และ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎำคม ๒๕๑๙ และได้ทรงจัดต้ัง มีกำรซื้อท่ีดินเพิ่มเติมอีก ๒๐๐ ไร่เศษ รวมเป็น โรงฝึกอบรมศิลปำชีพข้ึนแห่งแรกที่พระต�ำหนัก เน้อื ทขี่ องศูนย์ฯ ทัง้ หมดเกอื บ ๑,๐๐๐ ไรใ่ นปจั จบุ นั สวนจิตรลดำ ในวันฉัตรมงคลปี ๒๕๒๓ สมเด็จ สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ พระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ ทรงพระ เสด็จพระรำชด�ำเนินเปิดศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรฯ กรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้นำยธำนินทร์ กรัยวิเชียร อย่ำงเป็นทำงกำร เมื่อวันท ่ี ๗ ธันวำคม ๒๕๒๗ รองประธำนกรรมกำรมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพฯ สง่ิ ท่นี ำ่ สนใจ สรรหำท่ีดินท่ีใกล้เคียงกับพระรำชวังบำงปะอิน ศนู ยศ์ ลิ ปำชีพบำงไทรฯ ต้ังอยู่ริมแมน่ ำ้� เจ้ำพระยำใน เพื่อจัดตั้งศูนย์ศิลปำชีพอีกแห่งหนึ่ง นำย เขตอำ� เภอบำงไทร จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยำ มเี นอื้ ที่ ธำนนิ ทร ์ กรยั วเิ ชยี ร จดั หำทดี่ นิ ได ้ ๒ แปลง เปน็ ทดี่ นิ ประมำณ ๑,๐๐๐ ไร่ ภำยในศนู ย์ศลิ ปำชีพบำงไทรฯ ของส�ำนักงำนทรัพย์สินส่วนพระมหำกษัตริย ์ ประกอบดว้ ยสถำนทแ่ี ละสงิ่ ทน่ี ำ่ สนใจหลำยแหง่ เชน่ ทพ่ี ระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ล อดลุ ยเดช ศำลำพระมง่ิ ขวญั เปน็ อำคำรทรงไทยประยกุ ต ์ จตั รุ มขุ ไดท้ รงพระกรณุ ำ โปรดเกลำ้ ฯ พระรำชทำนใหร้ ฐั บำล สูง ๔ ช้นั ต้ังตระหงำ่ นอยกู่ ลำงศูนย์ศลิ ปำชีพบำงไทร 40 พระนครศรีอยธุ ยำ
ศนู ย์ศิลปำชีพบำงไทร ชน้ั ลำ่ ง เปน็ ศนู ยส์ ำธติ และจำ� หนำ่ ยผลติ ภณั ฑศ์ ลิ ปำชพี ด้วยในวันเสำร์-อำทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ ์ ของศูนยศ์ ลิ ปำชีพบำงไทรฯ และศนู ยศ์ ลิ ปำชพี อื่น ๆ วนั ละ ๑ รอบเวลำ ๑๖.๓๐ - ๑๗.๓๐ น. ทั่วประเทศ ชัน้ ท่ ี ๒ และ ชัน้ ที ่ ๓ เป็นนิทรรศกำร นอกจำกนี้ หมู่บ้ำนศิลปำชีพบำงไทรยังมีควำมยินดี ผลิตภัณฑ์ศิลปำชีพชิ้นยอดเยี่ยมของศูนย์ศิลปำชีพ ทจ่ี ะนำ� เสนอพธิ มี งคลสมรสแบบประเพณไี ทยโบรำณ บำงไทรฯ ชั้นท่ี ๔ เป็นห้องประชุมสัมมนำ เปิดให้ ภำคกลำง โดยจัดกจิ กรรมตำมประเพณีไทยสมบูรณ์ ชมทุกวัน วันธรรมดำ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. วันหยุด แบบ เช่น พธิ สี งฆ ์ ขบวนแหข่ นั หมำก พิธีรดนำ้� สงั ข์ รำชกำร ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น. ไมเ่ สียคำ่ เข้ำชม ตกแต่งสถำนท่ี เสียงดนตรี-เพลงบรรเลงตลอดงำน หมู่บ้ำนศิลปำชีพ กำรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อำหำรและนำ้� ดม่ื สำ� หรบั ญำตแิ ละผมู้ ำรว่ มงำน ตดิ ตอ่ (ททท.) ได้ให้กำรสนับสนุนหมู่บ้ำนแห่งนี้ให้แก่ สอบถำมรำยละเอียดได้ที่หมู่บ้ำนศิลปำชีพ บำงไทร ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรฯ เพ่ือเป็นสถำนที่แสดงถึง โทร. ๐ ๓๕๓๖ ๖๖๖๖-๗, ๐๘ ๙๑๓๒ ๐๓๐๓ (คณุ อจั ฉรำ) สถำปัตยกรรม ในกำรสร้ำงบ้ำนเรือนของคนไทย อำคำรฝกึ อบรมศลิ ปำชพี ตง้ั อยใู่ นบรเิ วณใจกลำงของ ภำคต่ำง ๆ กำรจ�ำลองชีวิตควำมเป็นอยู่ ตลอดจน ศูนย์ฯ ประกอบด้วยอำคำรฝึกอบรมศิลปำชีพของ ศิลปวัฒนธรรมไทยจำกทั่วประเทศ ภำยในหมู่บ้ำน แผนกตำ่ ง ๆ ปจั จุบันทำงศูนยไ์ ดเ้ ปิดอบรมศิลปำชีพ มีกำรสำธิตวิถีชีวิตควำมเป็นอยู่อย่ำงไทย ๆ ด้ำนหัตถกรรมพื้นบ้ำนและอำชีพเสริมให้กับ ในแต่ละภำค และกำรสำธิตงำนศิลปำชีพ เปิดให้ เกษตรกรจำกทุกภูมิภำคของประเทศ รวมท้ังสิ้น ชมทุกวัน เวลำ ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น. วันเสำร-์ อำทติ ย ์ ๒๙ แผนก ซงึ่ นักทอ่ งเท่ยี วสำมำรถเข้ำไปชมวิธีกำร เวลำ ๐๙.๐๐-๑๙.๐๐ น. นอกจำกนี้ยังมีกำรแสดง ฝึกอบรมศิลปำชีพของศูนย์ฯ ได้ทุกข้ันตอนและ นำฏศิลป์และกำรละเล่นพื้นบ้ำนท้ัง ๔ ภำค ให้ชม กำรผลิตงำนศิลปำชีพ ที่มีควำมประณีตวิจิตร พระนครศรอี ยธุ ยำ 41
ซงึ่ ตอ้ งใชเ้ วลำอนั ยำวนำนเพอื่ ใหไ้ ดม้ ำซงึ่ ผลติ ภณั ฑท์ ่ี นกพันธุ์ที่หำชมได้ยำกมำกกว่ำ ๓๐ ชนิด มีกำร มคี ณุ ภำพ เปดิ ใหช้ มทกุ วนั เวลำ ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. จัดสภำพแวดล้อมภำยในให้เหมือนธรรมชำติ เช่น ยกเวน้ ช่วงทป่ี ดิ รนุ่ กำรฝึกอบรม น�้ำตกและธำรน�้ำจ�ำลอง มีป่ำจ�ำลองท่ีร่มร่ืนใกล้เคียง พระโพธสิ ัตว์กวนอมิ พันพระหัตถ์ นำยถู เจย๋ี ในนำม กับธรรมชำติ นอกจำกน้ียังมีสะพำนแขวนให้นัก ของประชำชนชำวจีน ได้น้อมเกล้ำฯ ถวำยพระรูป ท่องเท่ยี วเดนิ ขน้ึ ไปชม และถำ่ ยภำพนกจำกดำ้ นบน พระโพธิสัตว์กวนอิมพันพระหัตถ์ซึ่งแกะสลักจำก ของกรงได้อย่ำงชัดเจน และบริเวณรอบ ๆ กรงนก ไมจ้ นั ทนเ์ หลอื งสงู ๖ เมตร จำ� นวน ๑ องค ์ แดพ่ ระบำท ยังมีสัตว์ป่ำอ่ืน ๆ ให้ชมอีกด้วย เปิดให้ชมทุกวัน สมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดช เน่ืองใน เวลำ ๐๙.๐๐-๑๙.๐๐ น. คำ่ เขำ้ ชม ผใู้ หญ ่ ๒๐ บำท โอกำสพระรำชพิธีมหำมงคลเฉลิมพระชนมพรรษำ เดก็ ๑๐ บำท ครบ ๖ รอบ และทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ ใหน้ ำ� มำ ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรเปิดให้เข้ำชมวันจันทร์-ศุกร ์ ประดิษฐำนไว ้ ณ พระตำ� หนกั ชว่ั ครำว ศำลำโรงช้ำง เวลำ ๐๘.๓๐–๑๗.๐๐ น. วันเสำร์ อำทติ ย ์ วนั หยดุ ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทรฯ เพ่ือให้ประชำชนที่มี นกั ขตั ฤกษ ์ เวลำ ๐๘.๓๐–๑๘.๐๐ น. อตั รำคำ่ เขำ้ ชม จิตเล่ือมใสศรัทธำในพระโพธิสัตว์กวนอิมได้มำ ชำวไทย ผู้ใหญ ่ ๕๐ บำท เด็ก ๒๐ บำท ชำวต่ำงชำต ิ นมัสกำรและสักกำรบูชำทุกวัน ต้ังแต่เวลำ ผใู้ หญ ่๑๐๐ บำท เดก็ ๕๐ บำท เทยี่ วชมภำยในหมบู่ ำ้ น ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ศลิ ปำชพี ฯ “วงั ปลำ” พพิ ธิ ภณั ฑป์ ลำนำ้� จดื ทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ พระต�ำหนัก เป็นเรือนไทยภำคกลำงใต้ถุนสูง สร้ำง ในประเทศไทย อำคำรฝกึ อบรมงำนศลิ ปำชพี “ศำลำ โดยวัสดุที่หำได้ง่ำยในท้องถิ่น มีควำมสวยงำมตำม พระม่ิงขวัญ” ซึ่งเป็นอำคำรจ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์ แบบฉบับเรือนไทยด้ังเดิม พระต�ำหนักน้ีสร้ำงข้ึน ศิลปำชีพของนักเรียนศิลปำชีพ สักกำรบูชำพระ เพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนของพระบำทสมเด็จพระ โพธสิ ตั วก์ วนอมิ ฯ ณ ศำลำโรงชำ้ ง และนง่ั รถไฟเล็ก ปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดช และสมเด็จพระ โดยไมเ่ สยี คำ่ บรกิ ำร สอบถำมรำยละเอยี ดทป่ี ระชำสมั พนั ธ์ นำงเจำ้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมรำชนิ นี ำถ และสมเดจ็ พระเจำ้ ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทร โทร. ๐ ๓๕๓๖ ๖๒๕๒-๔, ลกู เธอทุกพระองค ์ พระต�ำหนกั นีแ้ วดลอ้ มไปดว้ ยไม้ ๐ ๓๕๒๘ ๓๒๔๖-๙ หรอื www.bangsaiarts.com ดอกไมป้ ระดับและน้ำ� ตกจ�ำลองที่สวยงำม กำรเดนิ ทำง วังปลำ จัดสร้ำงและดำ� เนนิ งำนโดยกรมประมง เป็น ๑. เสน้ ทำงที่ ๑ ทำงหลวงหมำยเลข ๙ (ถนนวงแหวน สถำนแสดงพนั ธุส์ ตั วน์ �้ำจดื ตัวอำคำรหลักมีตกู้ ระจก ตะวนั ตก) จำกแยกทำงหลวงหมำยเลข ๓๔๕ (อำ� เภอ ขนำดใหญ่ จ�ำนวน ๒ ตู้ ตู้ใหญ่รูปเมล็ดถ่ัวมีขนำด บำงบัวทอง) ซงึ่ มำไดจ้ ำก จงั หวดั สพุ รรณบรุ -ี ตลงิ่ ชนั ควำมจุ ๑,๔๐๐ ตัน อีกตู้หนงึ่ ทรงกลม ขนำดควำมจุ หรอื ปทมุ ธำน ี ผำ่ นแยกตำ่ งระดบั สำมโคก–ขำ้ มสะพำน ๖๐๐ ตัน ภำยในตู้จะแสดงให้เห็นถึงกำรอยู่อำศัย ขำ้ มแมน่ ำ้� เจำ้ พระยำ–เลยี้ วซำ้ ยทำงแยกบอ่ สำ่ -เดนิ รถ รว่ มกนั ของปลำน้ำ� จืดชนิดตำ่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ ปลำพื้นเมอื ง ตรงจนถงึ ศนู ยฯ์ ของไทย เปิดให้ชมเวลำ ๑๐.๐๐-๑๖.๐๐ น. ปิด ๒. เส้นทำงท่ี ๒ ทำงหลวงหมำยเลข ๓๐๖ (ถนน ทกุ วนั จันทร์และวันองั คำร ตวิ ำนนท)์ จำกหำ้ แยกปำกเกรด็ -ผำ่ นแยกสวนสมเดจ็ สวนนก ด�ำเนินงำนโดยมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่ำและ –ผำ่ นแยกปำกคลองรงั สติ -ผำ่ นแยกบำงพนู - เลย้ี วขวำ พรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมรำชินูปถัมภ์ ทแ่ี ยกเทคโนฯ ปทมุ ธำนเี ขำ้ ทำงหลวงหมำยเลข ๓๔๗ สวนนกเป็นกรงนกขนำดใหญ่ ๒ กรง ภำยในมี (ปทมุ ธำน-ี บำงปะหนั ) ผำ่ นแยกเชยี งรำกนอ้ ย-เลย้ี วซำ้ ย 42 พระนครศรีอยุธยำ
ทำงต่ำงระดับเชียงรำกน้อย เดนิ รถทำงตรงผ่ำนแยก สถำนีรถไฟอ�ำเภอบำงปะอิน มีบริกำรทุกวัน ต้ังแต่ บ่อส่ำ-กลับรถใต้สะพำนแม่น�้ำเจ้ำพระยำ-เล้ียวซ้ำย เวลำ ๐๖.๔๐-๒๒.๐๐ น. จำกน้ันต่อรถสองแถว ทำงแยกบอ่ สำ่ -เดนิ รถตรงมำจนถงึ ศนู ย์ฯ ไปศูนย์ศิลปำชีพบำงไทร สอบถำมรำยละเอียด ๓. เส้นทำงท่ี ๓ ทำงด่วนสำยปำกเกร็ดบำงปะอิน โทร. ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔, ๑๖๙๐ สถำนีรถไฟอยธุ ยำ -ลงทำงด่วนบำงปะอินตรงผ่ำนแยกบ่อส่ำ-กลับรถ โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๒๐ หรือ www.railway.co.th ใต้สะพำนแม่น�้ำเจ้ำพระยำ-เลี้ยวซ้ำยทำงแยกบ่อส่ำ -เดินรถตรงมำจนถงึ ศูนย์ฯ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์กำร ๔. เส้นทำงท่ี ๔ ทำงหลวงหมำยเลข ๑ (ถนน มหำชน) (ศ.ศ.ป.) ตง้ั อยบู่ นฝง่ั ซำ้ ยของแมน่ ำ�้ เจำ้ พระยำ พหลโยธิน) จำกรงั สิต หรอื ภำคเหนือ หรอื ภำคอสี ำน เลขท ่ี๕๙ หม ู่๔ ตำ� บลชำ้ งใหญ ่ บนพน้ื ท ี่๔๕ ไร ่ บรเิ วณ - ผำ่ นแยกตำ่ งระดบั บำงปะอนิ เขำ้ ทำงหลวงหมำยเลข ภำยในศูนยฯ์ ประกอบดว้ ย ๒ อำคำรหลกั คือ ศำลำ ๙ (ถนนวงแหวนตะวันตก)–ตรงผ่ำนแยกต่ำงระดับ พระมิง่ มงคล และ อำคำรตลำด เชยี งรำกนอ้ ย–เดนิ รถทำงตรงผำ่ นแยกบอ่ สำ่ -กลบั รถ ศำลำพระมง่ิ มงคล อำคำรขนำดใหญ่ ๓ ชั้น ซ่ึงเปน็ ใต้สะพำนแม่น้�ำเจ้ำพระยำ–เล้ียวซ้ำยทำงแยกบ่อส่ำ อำคำรแสดงสนิ คำ้ และนทิ รรศกำรศลิ ปหตั ถกรรมเพอื่ -เดนิ รถตรงมำจนถงึ ศนู ย์ฯ กำรสง่ ออก ในพ้นื ท ่ี ๓๔,๓๔๐ ตำรำงเมตร บรเิ วณ ๕. เสน้ ทำงที่ ๕ ทำงหลวงเอเชยี จำกอำ� เภอบำงปะหนั ชั้น ๑ พ้ืนทจ่ี ดั แบง่ ออกเป็น ๔ สว่ น ไดแ้ ก่ ส่วนท ี่ ๑ -พระนครศรีอยธุ ยำ มำตำมทำงหลวงหมำยเลข ๓๔๗ หอศิลปำชีพ จัดแสดงของตกแต่ง เคร่ืองแต่งกำย (ปทมุ ธำน-ี บำงปะหนั )-ขำ้ มสะพำนขำ้ มแมน่ ำ้� เจำ้ พระยำ ของขวญั หรอื ของชำ� รว่ ยและของใชใ้ นครวั เรอื น สว่ นท ี่ ๒ -แยกตำ่ งระดบั เชยี งรำกนอ้ ยเลย้ี วขวำ–เดนิ รถทำงตรง จดั แสดงผลงำนศลิ ปหตั ถกรรมของศนู ยศ์ ลิ ปหตั ถกรรม ผ่ำนแยกบ่อส่ำ กลับรถใต้สะพำนแม่น�้ำเจ้ำพระยำ ของศนู ยศ์ ลิ ปำชพี บำงไทรฯ และยงั มรี ำ้ นคำ้ ทจี่ ดั จำ� หนำ่ ย -เลีย้ วซำ้ ยทำงแยกบ่อส่ำ-เดินรถตรงมำจนถงึ ศูนยฯ์ สนิ คำ้ ศลิ ปำชพี ซงึ่ ผลติ จำกฝมี อื นกั เรยี นศลิ ปำชพี บำงไทร ๖. เสน้ ทำงที่ ๖ ทำงหลวงหมำยเลข ๓๓๐๙ (บำงปะอนิ - จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ และศูนย์ศิลปำชีพต่ำงๆ เชียงรำกน้อย) จำกทำงหลวงสำยเอเชีย หรือ ส่วนท่ี ๓ ร้ำนค้ำจ�ำหน่ำยสินค้ำศิลปหัตถกรรมไทย พระนครศรีอยุธยำ ผ่ำนหน้ำโรงงำนกระดำษ ซง่ึ มที ง้ั รำ้ นคำ้ จำ� หนำ่ ยสนิ คำ้ หนง่ึ ตำ� บลหนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์ บำงปะอิน-ลอดใต้สะพำนข้ำมแม่น้�ำเจ้ำพระยำ- และร้ำนค้ำจ�ำหน่ำยสินค้ำผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม เลยี้ วซำ้ ยทำงแยกทำ่ นำ้� บำงไทร-เดนิ ตรงมำจนถงึ ศนู ยฯ์ จำกภำคต่ำงๆ ทั่วประเทศส่วนที่ ๔ พ้ืนที่สำธิต รถโดยสำรประจำ� ทำง สำมำรถนงั่ รถโดยสำรประจำ� ทำง กำรแสดงศลิ ปหัตถกรรมไทยที่หำชมไดย้ ำก สำย ๘๓๘ (รังสิต-ศูนย์ศิลปำชีพบำงไทร) จำกฟวิ เจอร ์ บรเิ วณชนั้ ๒ และชน้ั ๓ ใชเ้ ปน็ หอ้ งประชมุ และหอ้ งเจรจำ พำรค์ รงั สติ ถนนพหลโยธนิ ตงั้ แตเ่ วลำ ๐๖.๐๐-๒๑.๐๐ น. กำรค้ำ เพื่อเป็นกำรสร้ำงตลำดและกระจำยสินค้ำ หรือรถโดยสำรประจ�ำทำงจำกสถำนีขนส่งหมอชิต ศิลปำชีพไปยังตลำดต่ำงประเทศอย่ำงกว้ำงขวำง ถนนก�ำแพงเพชร ๒ ทุกวัน สอบถำมรำยละเอียด รวมถงึ รองรบั ระบบพำณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๕๒-๖๖ สถำนีขนสง่ พระนครศรี อำคำรตลำด สร้ำงขึ้นเพ่ือเป็นสถำนที่จัดจ�ำหน่ำย อยธุ ยำ โทร.๐ ๓๕๓๓ ๕๓๐๔ บรษิ ัท ขนสง่ จำ� กดั สินค้ำศิลปหัตถกรรมและสินค้ำหน่ึงต�ำบลหนึ่ง โทร. ๑๔๙๐ หรอื www.transport.co.th ผลิตภัณฑ์จำก ๗๖ จังหวัด เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ รถไฟ สำมำรถข้ึนรถไฟจำกสถำนีรถไฟหัวล�ำโพงมำ เวลำ ๑๐.๐๐-๑๗.๐๐ น. วันเสำร์ - อำทิตย์และ พระนครศรีอยุธยำ 43
อา� เภอบางปะอนิ พระราชวงั บางปะอนิ อย่หู ำ่ งจำกเกำะเมืองมำทำง ทิศใต้ประมำณ ๑๘ กโิ ลเมตร ประวตั คิ วำมเป็นมำ ตำมพระรำชพงศำวดำรกลำ่ ววำ่ พระเจำ้ ปรำสำททอง เป็นผู้สร้ำงพระรำชวังแห่งน้ี เนื่องจำกบริเวณเกำะ บำงปะอินเป็นที่ประสูติของพระองค์และเป็น เคหสถำนเดิมของพระมำรดำซึ่งเป็นหญิงชำวบ้ำน ท่ีสมเด็จพระเอกำทศรถทรงพบเม่ือครั้งเสด็จ พระรำชด�ำเนินโดยเรือพระที่นั่งแล้วเรือเกิดล่ม ตรงเกำะบำงปะอิน พระเจ้ำปรำสำททองทรงพระ กรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ รำ้ งวดั ขน้ึ บนเกำะบำงปะอิน บรเิ วณเคหสถำนเดมิ ของพระมำรดำในป ี พ.ศ. ๒๑๗๕ พระรำชทำนช่ือว่ำ “วัดชุมพลนิกำยำรำม” และให้ ขดุ สระนำ้� สรำ้ งพระรำชนเิ วศนข์ นึ้ กลำงเกำะเปน็ ทสี่ ำ� หรบั เสดจ็ ประพำส แลว้ สรำ้ งพระทน่ี งั่ องคห์ นง่ึ ทร่ี มิ สระนำ้� นน้ั พระรำชทำนนำมว่ำ พระท่นี ่งั ไอศวรรย์ทพิ ยอำสน์ พระรำชวังบำงปะอินได้รับกำรบูรณะฟื้นฟูอีกคร้ัง ในสมัยรัชกำลที่ ๔ ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้ สรำ้ งพระทนี่ ง่ั องคห์ นงึ่ สำ� หรบั เปน็ ทป่ี ระทบั มเี รอื นแถว ศนู ยส์ ง่ เสริมศลิ ปำชีพระหว่ำงประเทศ ส�ำหรับฝ่ำยในและมีพลับพลำริมน้�ำ ต่อมำในสมัย รัชกำลที่ ๕ พระองค์ทรงโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำง วนั หยดุ รำชกำร เวลำ ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น. สอบถำม พระทน่ี ง่ั และสงิ่ กอ่ สรำ้ งตำ่ งๆ ขน้ึ ดงั ทปี่ รำกฏใหเ้ หน็ ขอ้ มูลเพ่ิมเติม โทร. ๐ ๓๕๓๖ ๗๐๕๔-๙ โทรสำร ในปัจจุบันนี้ ซ่ึงยังคงใช้เป็นที่ประทับและต้อนรับ ๐ ๓๕๓๖ ๗๐๕๑ พระรำชอำคันตุกะและพระรำชทำนเล้ียงรับรอง สวนกล้วยไม้บางไทรการ์เด้น เป็นสวนกล้วยไม้ ในโอกำสต่ำงๆ เป็นครั้งครำว พระรำชวังบำงปะอนิ ปลกู บนดนิ แหง่ แรกในประเทศไทยทจี่ ดั ตกแตง่ อยำ่ ง แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ เขตพระรำชฐำนช้ันนอก สวยงำม สกลุ มอคำลำและกลว้ ยไม้หลำกหลำยพันธ์ุ และเขตพระรำชฐำนชัน้ ใน เขตพระรำชฐำนชนั้ นอก เหมอื นสวนทวิ ลปิ ในประเทศเนเธอรแ์ ลนด ์ เปน็ แหลง่ ใชเ้ ปน็ ทส่ี ำ� หรบั กำรออกมหำสมำคมและพระรำชพธิ ตี ำ่ งๆ เรยี นร้ทู ่ีสอนกำรปลกู กลว้ ยไม้เพื่อกำรทอ่ งเทย่ี วและ สว่ นเขตพระรำชฐำนชน้ั ในใชเ้ ปน็ ทปี่ ระทบั สว่ นพระองค ์ ทัศนศึกษำ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ำเยี่ยมชมทุกวัน สงิ่ ทนี่ ำ่ สนใจในเขตพระรำชวงั ชน้ั นอกของพระรำชวงั โดยไม่เก็บค่ำเข้ำชม ต้ังอยู่ริมถนนสำมโคก-เสนำ บำงปะอินมดี ังน้ี ต�ำบลบำงไทร เปิดเวลำ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. โทร. หอเหมมณเฑยี รเทวรำช เป็นปรำงค์ศิลำจ�ำลองแบบ ๐ ๓๕๓๗ ๒๔๔๓-๖ โทรสำร ๐ ๓๕๓๗ ๒๔๔๑ จำกปรำงค์ขอม พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำ เจ้ำอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้ำงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ เพ่ือ 44 พระนครศรีอยุธยำ
ทรงอุทิศถวำยแด่พระเจ้ำปรำสำททอง กษัตริย์กรุง ศรีอยุธยำ ภำยในเป็นที่ประดิษฐำนพระรูปฉลอง พระองค์สมเดจ็ พระเจ้ำปรำสำททอง พระทนี่ งั่ ไอศวรรยท์ พิ ยอำสน์ เปน็ พระทนี่ งั่ ปรำสำทโถง ทรงจัตุรมุขอยู่กลำงสระน�้ำ รูปแบบสถำปัตยกรรม แบบไทย พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจ้ำอยหู่ ัว โปรดฯ ให้สร้ำงเม่ือ พ.ศ. ๒๔๑๙ โดยจ�ำลองแบบ มำจำกพระที่น่ังอำภรณ์พิโมกข์ปรำสำทในพระบรม มหำรำชวงั ทก่ี รงุ เทพฯ และพระรำชทำนนำม “ไอศวรรย์ ทพิ ยอำสน”์ ตำมพระทนี่ งั่ องคแ์ รกซงึ่ พระเจำ้ ปรำสำททอง โปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงขึ้น เดิมพระท่ีน่ังสร้ำงด้วยไม้ ทั้งองค์ ต่อมำรัชกำลท่ี ๖ โปรดเกล้ำฯ ให้เปล่ียน เสำและพน้ื เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กท้งั หมด ปัจจบุ ัน เป็นที่ประดิษฐำนพระบรมรูปหล่อสัมฤทธ์ิของ พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวในฉลอง พระองค์เต็มยศจอมพลทหำรบก ซง่ึ พระบำทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้สร้ำงขึ้น พระท่ีนั่งวโรภำษพิมำน อยู่ทำงตอนเหนือของ “สะพำนเสดจ็ ” รชั กำลท ี่๕ ทรงพระกรณุ ำโปรดเกลำ้ ฯ พระท่ีน่ังไอศวรรยท์ ิพยอำสน์ ใหส้ รำ้ งขนึ้ เมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๔๑๙ เดมิ เปน็ เรอื นไมส้ องชนั้ รัชกำลที ่ ๕ ส�ำหรบั ใช้เปน็ ทีป่ ระทับของเจำ้ นำยฝ่ำย ใช้เป็นที่ต้ังประทับและท้องพระโรงร่วมกัน ต่อมำ หน้ำ และข้ำรำชบรพิ ำร โปรดเกลำ้ ฯ ใหร้ ้อื สรำ้ งใหมต่ ำมแบบสถำปัตยกรรม สว่ นเขตพระรำชฐำนชนั้ ในเชอ่ื มตอ่ กบั เขตพระรำชฐำน ตะวันตก ก่อด้วยอิฐ ทรงวิหำรกรีกแบบคอรินเธียน ชนั้ นอกดว้ ยสะพำนทเ่ี ชอ่ื มจำกพระทน่ี ง่ั วโรภำษพมิ ำน ออร์เดอร ์ มมี ขุ ตอนหนำ้ ใช้เป็นทอ้ งพระโรงส�ำหรบั กบั ประตเู ทวรำชครรไลซง่ึ เปน็ ประตทู ำงเขำ้ พระรำชฐำน เสด็จออกขุนนำงในงำนพระรำชพิธี และเคยเป็น สะพำนนมี้ ลี กั ษณะพเิ ศษคอื มแี นวฉำกคลำ้ ยบำนเกลด็ ที่รับรองแขกเมืองหลำยครั้ง สิ่งท่ีน่ำชมภำยใน กั้นกลำงตลอดแนวสะพำนเพื่อแบ่งเป็นทำงเดินของ พระทน่ี ง่ั วโรภำษพมิ ำน ไดแ้ ก ่ อำวธุ โบรำณ ตกุ๊ ตำหนิ ฝ่ำยหน้ำด้ำนหนึ่งและฝ่ำยในอีกด้ำนหน่ึงซึ่งฝ่ำยใน สลกั ดว้ ยฝมี อื ประณตี และภำพเขยี นสนี ำ้� มนั เปน็ เรอื่ งรำว สำมำรถมองลอดออกมำโดยตัวเองไม่ถูกแลเห็น ภำพชุดพระรำชพงศำวดำร อกี ทง้ั ภำพวรรณคดีไทย บริเวณพระรำชฐำนชั้นในประกอบด้วยที่ประทับ เรื่องอิเหนำ พระอภยั มณี สงั ขท์ อง และจนั ทรโครพ พลบั พลำและศำลำตำ่ งๆ ตลอดจนเปน็ ทเี่ กบ็ เครอื่ งรำชบรรณำกำรตำ่ งๆ ส่ิงทีน่ ่ำสนใจไดแ้ ก่ สภำคำรรำชประยูร เป็นตึกสองชน้ั ริมนำ้� ตรงขำ้ ม พระทนี่ งั่ อทุ ยำนภมู เิ สถยี ร อยทู่ ำงทศิ ตะวนั ออกตรงขำ้ ม พระที่น่ังวโรภำษพิมำน สร้ำงเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒ ใน กบั สระนำ้� เปน็ พระทน่ี งั่ เรอื นไม ้ สองชนั้ ตำมแบบชำเลต์ พระนครศรีอยธุ ยำ 45
ของสวสิ คอื มเี ฉลยี งชนั้ บนและชน้ั ลำ่ ง ทำสเี ขยี วออ่ น อนสุ ำวรยี ส์ มเดจ็ พระนำงเจำ้ สนุ นั ทำกมุ ำรรี ตั น์ หรอื และสีเขียวแก่สลับกัน ภำยในประดับตกแต่งด้วย เรียกเป็นสำมัญว่ำอนุสำวรีย์พระนำงเรือล่ม ต้ังอยู่ เครื่องเรือนไม้มะฮอกกำนีจัดสลับลำยทองทับที่ส่ัง ทำงด้ำนทิศตะวันออกของพระรำชวัง ก่อสร้ำงด้วย จำกยโุ รปทง้ั สนิ้ นอกนน้ั เปน็ สงิ่ ของหำยำกในประเทศ หินอ่อนก่อเป็นแท่งหกเหลี่ยม สูง ๓ เมตร บรรจุ อันเป็นเคร่ืองรำชบรรณำกำรจำกหัวเมืองต่ำงๆ พระสรรี งั คำรของสมเดจ็ พระนำงเจำ้ สนุ นั ทำกมุ ำรรี ตั น ์ ท่ัวรำชอำณำเขตรอบๆ มีสวนดอกไม้สวยงำม เป็น พระมเหสใี นพระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ท่ีน่ำเสียดำยอย่ำงย่ิงท่ีพระท่ีน่ังอุทยำนภูมิเสถียร พร้อมท้ังจำรึกค�ำไว้อำลัยที่ทรงพระรำชนิพนธ์ด้วย ได้เกิดเพลิงไหม้ขณะที่มีกำรซ่อมแซมเม่ือวันที่ ๙ พระองคเ์ องไว้ทง้ั ภำษำไทยและภำษำองั กฤษ ธันวำคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ทำ� ให้พระทีน่ ั่งเสยี หำยไปกบั อนุสำวรีย์พระอัครชำยำเธอพระองค์เจ้ำเสำวภำคย์ กองเพลิงหมดสิ้นทั้งองค์ คงเหลือแต่หอน้�ำลักษณะ นำรีรัตน์ และเจ้ำฟ้ำสำมพระองค์ หรืออนุสำวรีย์ คลำ้ ยหอรบของยุโรปเท่ำน้ัน ต่อมำในป ี พ.ศ. ๒๕๓๑ รำชำนุสรณ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๐ พระบำทสมเด็จ สำ� นกั พระรำชวงั ไดก้ รำบบงั คมทลู พระกรณุ ำขอพระรำชทำน พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงเศร้ำโศกเสียพระทัย พระบรมรำชำนุญำตสร้ำงขึ้นใหม่ตำมแบบเดิมทุก เป็นอย่ำงย่ิงอีกครั้งหน่ึง ด้วยทรงสูญเสียพระอัคร ประกำร แตเ่ ปลยี่ นวสั ดจุ ำกไมเ้ ปน็ อำคำรคอนกรตี แทน ชำยำเธอฯ พระรำชโอรส และพระรำชธิดำถึง ๓ พระที่นั่งเวหำศน์จ�ำรูญ พระที่นั่งองค์นี้มีนำมเป็น พระองค ์ ในปเี ดยี วกนั คอื สมเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ ภำษำจนี วำ่ “เทยี นเมง่ เตย้ ” (เทยี น = เวหำ, เมง่ = จำ� รญู , เจำ้ ฟำ้ สริ ริ ำชกกธุ ภณั ฑ ์ เมอื่ วนั ท ่ี ๓๑ พฤษภำคม พ.ศ. เตย้ = พระทน่ี งั่ ) พระยำโชดกึ รำชเศรษฐ ี(ฟกั ) เปน็ นำยงำน ๒๔๓๐ พระอรรคชำยำเธอ พระองคเ์ จำ้ เสำวภำคยน์ ำรรี ตั น์ สรำ้ งถวำยพระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั เมอ่ื วันท ่ี ๒๑ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๔๓๐ สมเด็จพระเจ้ำ ในป ี พ.ศ. ๒๔๓๒ เพ่ือเป็นพระที่น่งั สำ� หรบั ประทับ บรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำพำหุรัดมณีมัย เม่ือวันที่ ๒๗ ในฤดูหนำว พระที่นั่งน้ีเคยใช้เป็นท่ีรับรองเจ้ำนำย สงิ หำคม พ.ศ. ๒๔๓๐ และสมเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ ต่ำงประเทศในสมัยรัชกำลท่ี ๕ มีลักษณะเป็น เจ้ำฟ้ำตรีเพ็ชรุตม์ธ�ำรง เม่ือวันท่ี ๒๒ พฤศจิกำยน สถำปัตยกรรมแบบจีนมีลวดลำยแกะสลักงดงำม พ.ศ. ๒๔๓๐ ดงั นน้ั ในป ี พ.ศ. ๒๔๓๑ จงึ ทรงพระกรณุ ำ วิจิตรยิ่ง โถงด้ำนหน้ำปูด้วยกระเบ้ืองแบบกังไส โปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ รำ้ งอนสุ ำวรยี ท์ รี่ ะลกึ ทำ� ด้วยหนิ ออ่ น เขียนดว้ ยมอื ทุกช้ิน แกะสลักพระรูปเหมือนไว้ใกล้กับอนุสำวรีย์สมเด็จ เก๋งบุปผำประพำส เปน็ ตำ� หนกั เกง๋ เลก็ อยู่กลำงสวน พระนำงเจ้ำสุนันทำกุมำรรี ตั น ์ พระบรมรำชเทวี รมิ สระนำ�้ ในเขตพระรำชวงั ชน้ั ใน สรำ้ งในสมยั รชั กำล พระรำชวังบำงปะอิน เปิดให้เข้ำชมทุกวัน เวลำ ท่ ี ๕ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๒๔ ๐๘.๐๐–๑๗.๐๐ น. (เปดิ จำ� หนำ่ ยบตั ร ๐๘.๐๐–๑๕.๐๐ น.) หอวิฑูรทัศนำ เป็นพระท่ีน่ังหอสูงยอดมน ตั้งอยู่ อัตรำค่ำเข้ำชม ผู้ใหญ่ ๕๐ บำท เด็กนักเรียน กลำงเกำะน้อยในสวนเขตพระรำชวังช้ันใน ระหว่ำง นิสิตนักศึกษำ (ในเครื่องแบบ ต้องมีบัตรประจ�ำตัว พระทน่ี งั่ อทุ ยำนภมู เิ สถยี รกบั พระทนี่ งั่ เวหำศนจ์ ำ� รญู นักศึกษำ) ๒๐ บำท พระภิกษุ สำมเณร ไม่เสีย เปน็ พระท่นี ่ัง ๓ ชัน้ มบี นั ไดเวยี น เป็นหอส่องกลอ้ ง คำ่ เขำ้ ชม ชำวตำ่ งชำต ิ ๑๐๐ บำท สอบถำมรำยละเอยี ด ชมภมู ปิ ระเทศบำ้ นเมอื งโดยรอบ สรำ้ งในสมยั รชั กำล ไดท้ สี่ ำ� นกั พระรำชวงั บำงปะอนิ โทร. ๐ ๓๕๒๖ ๑๐๔๔, ท ่ี ๕ เมือ่ ป ี พ.ศ. ๒๔๒๔ ๐ ๓๕๒๖ ๑๕๔๙, ๐ ๓๕๒๖ ๑๖๗๓ 46 พระนครศรอี ยธุ ยำ
รถไฟ สำมำรถขึ้นรถไฟจำกสถำนีรถไฟหัวล�ำโพงมำ สถำนีรถไฟอ�ำเภอบำงปะอิน จำกน้ันต่อรถสองแถว รถสำมลอ้ เครอ่ื ง หรอื รถจกั รยำนยนตไ์ ปยงั พระรำชวงั บำงปะอิน สอบถำมรำยละเอียด โทร. ๑๖๙๐, ๐ ๒๒๐ ๔๓๓๔, ๐ ๒๒๒๐ ๔๔๔๔ สถำนีรถไฟ พระนครศรีอยุธยำ โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๒๐ หรือ www.railway.co.th วัดนิเวศธรรมประวัติ ต้ังอยู่บนเกำะกลำงแม่น้�ำ เจ้ำพระยำ ฝั่งตรงข้ำมกับพระรำชวังบำงปะอิน หลัง จำกเท่ียวชมพระรำชวังบำงปะอิน นักท่องเที่ยว สำมำรถนั่งกระเช้ำข้ำมแม่น�้ำไปเยี่ยมชมวัดน้ีได้ พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวโปรด ใหส้ รำ้ งวดั นเ้ี มอื่ พ.ศ. ๒๔๑๙ เพอื่ ใชเ้ ปน็ ทท่ี รงบำ� เพญ็ พระรำชกุศลต่ำงๆ ขณะเสด็จประทับท่ีพระรำชวัง บำงปะอิน วัดน้ีมีลักษณะพิเศษคือ มีกำรตกแต่ง หอวิฑรู ทศั นำ เป็นแบบตะวนั ตก พระอโุ บสถคล้ำยกับโบสถ์ฝรง่ั ใน กำรเดินทำง ศำสนำคริสต์ มีหลังคำยอดแหลมและช่องหน้ำต่ำง เจำะโค้งแบบกอทิก ผนังอุโบสถเหนือหน้ำต่ำงด้ำน รถยนต์ จำกกรุงเทพฯ ใช้เส้นถนนพหลโยธิน เมื่อ หน้ำพระประธำนประดับกระจกสีเป็นพระบรม ถึงประตูน�้ำพระอินทร์แล้วให้ข้ำมสะพำนวงแหวน ฉำยำลักษณ์ของรัชกำลท่ี ๕ ฐำนชุกชีท่ีประดิษฐำน รอบนอก จะมีทำงแยกโดยให้เล้ียวซ้ำยประมำณ พระประธำน “พระพทุ ธนฤมลธรรโมภำส” ทำ� เหมอื น บริเวณกิโลเมตรที่ ๓๕ ไปพระรำชวังบำงปะอิน ท่ีตั้งไม้กำงเขนในโบสถ์คริสต์ศำสนำ ด้ำนขวำมือ ระยะทำงประมำณ ๗ กิโลเมตร หรือจะผ่ำนเข้ำ ของพระอุโบสถนั้นมีหอประดิษฐำนพระคันธำรรำฐ มำยังตัวเมืองพระนครศรีอยุธยำ พอมำถึงเจดีย์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปำงขอฝน ตรงข้ำมกับหอ วัดสำมปลื้ม (เจดีย์กลำงถนน) ให้เล้ียวซ้ำย พระคันธำรรำฐเป็นหอประดิษฐำนพระพุทธรูปศิลำ โดยผ่ำนวัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง ตัวอ�ำเภอ เก่ำแก่ปำงนำคปรก อันเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี บำงปะอิน พอมำถึงสถำนีรถไฟบำงปะอินแล้วให้ ฝีมือช่ำงขอมอำยุเก่ำนับพันปี พระนำคปรกน้ีอยู่ติด เลย้ี วขวำไปตำมเส้นทำงจนถึงพระรำชวังบำงปะอนิ กับต้นพระศรีมหำโพธิ์ใหญ่ท่ีแผ่กิ่งไปท่ัวบริเวณหนำ้ รถโดยสำรประจ�ำทำง มีรถโดยสำรปรับอำกำศ พระอโุ บสถ ถดั ไปไมไ่ กลนกั มสี วนหนิ “ดศิ กลุ อนสุ รณ”์ กรุงเทพฯ-บำงปะอิน ออกจำกสถำนีขนส่งหมอชิต ซึ่งรวบรวมหินชนิดต่ำงๆ เช่น หินปูน หินทรำย ถนนก�ำแพงเพชร ๒ ทุกวัน สอบถำมรำยละเอียด หนิ กรวด หนิ ชนวน และยังเป็นสถำนทบ่ี รรจุอัฐขิ อง โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๕๒-๖๖ สถำนีขนส่งอยธุ ยำ โทร. สมเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยำดำ� รงรำชำนภุ ำพ ๐ ๓๕๓๓ ๕๔๑๓ หรือ www.transport.co.th และอฐั ขิ องเจำ้ จอมมำรดำชมุ่ พระสนมเอกในรชั กำลท ่ี ๔ พระนครศรีอยธุ ยำ 47
ซงึ่ ตดิ อยูท่ ่ีพระเจดียท์ ้งั สององค์หลงั พระอุโบสถ (แต่ ปจั จบุ นั อำ่ นไมอ่ อกเพรำะลบเลอื น) ในสมยั รชั กำลท ี่ ๕ พ.ศ. ๒๔๕๑ ได้ทรงปฏสิ ังขรณ์ ทรงซอ่ มพระอุโบสถ และพระวิหำร พระประธำนปูนปั้นหินทรำยใน พระอุโบสถทั้ง ๗ พระองค์ และมีพระประวัติจำรึก แผ่นศิลำติดอยู่ตำมผนังพระอุโบสถด้วยทุกพระองค์ ในพระอุโบสถมีภำพเขียนพระพุทธประวัติ หอระฆัง ดำ้ นใตพ้ ระอโุ บสถมรี ะฆงั ขนำดใหญแ่ ละเสยี งดงั มำก วัดลาดระโหง (ศนู ยว์ ปิ ัสสนำภำษำองั กฤษ) ตง้ั อย่ทู ่ี ตำ� บลวดั ยม เปน็ วดั ทม่ี พี ระอำจำรยผ์ มู้ ปี ระสบกำรณ์ ในกำรสอนฝึกสมำธิวิปัสสนำแก่ชำวต่ำงประเทศ ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกำ เป็นเวลำนำนหลำยปี โดยมีกำรฝึกสมำธิท้ังในระยะส้ันและระยะยำว สอบถำมข้อมูลเพ่ิมเติมได้ท่ีพระครูเกษมวุฒิกร เจ้ำอำวำสวัดลำดระโหง โทร. ๐ ๓๕๒๕ ๕๐๐๐, ๐๘ ๑๘๕๒ ๙๐๐๕ วัดนเิ วศธรรมประวตั ิ ตลาดโกง้ โคง้ ตง้ั อยหู่ ม ู่ ๕ ถนนบำงปะอนิ -วดั พนญั เชงิ (ติดวัดบ้ำนเลน) ต�ำบลขนอนหลวง ตั้งอยู่ใกล้กับ บรเิ วณ “บำ้ นแสงโสม” (ลกั ษณะเปน็ บ้ำนเรือนไทย ซง่ึ เปน็ พระมำรดำของสมเดจ็ ฯ กรมพระยำดำ� รงรำชำนภุ ำพ หมใู่ หญ ่ คงควำมเปน็ สถำปตั ยกรรมไทยแบบโบรำณ) และมอี ัฐิของเจำ้ นำยรำชสกุลดิศกลุ อกี หลำยองค์ เปน็ ตลำดโบรำณยอ้ นยคุ คำ� วำ่ “ตลำดโกง้ โคง้ ” เปน็ ค�ำที่ใช้เรียกตลำดในสมัยโบรำณ ที่คนนั่งขำยสินค้ำ วดั ชมุ พลนกิ ายารามราชวรวหิ าร อยบู่ รเิ วณหวั เกำะ จะนงั่ อยบู่ นพนื้ คนทม่ี ำซอื้ จะตอ้ งโกง้ โคง้ เลอื กดสู นิ คำ้ ตรงสะพำนขำ้ มไปยงั สถำนรี ถไฟบำงปะอนิ ตำ� บลบำงเลน ทตี่ นสนใจ สถำนทแี่ หง่ นใ้ี นอดตี กำลเปน็ ดำ่ นขนอน ดำ้ นเหนือติดกับพระรำชวังบำงปะอิน ด้ำนตะวันตก (ดำ่ นเกบ็ ภำษใี นสมยั นน้ั ) และเปน็ สถำนทที่ มี่ กี ำรซอ้ื ติดกับแม่น�้ำเจ้ำพระยำ สมเด็จพระเจ้ำปรำสำททอง ขำยแลกเปลย่ี นสนิ คำ้ นำนำชนดิ ทง้ั ทเี่ ปน็ สนิ คำ้ ชมุ ชน โปรดเกลำ้ ฯ ใหส้ รำ้ งวดั นขี้ นึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๑๗๕ บรเิ วณ และสินค้ำที่มำจำกต่ำงเมือง ผู้ที่สนใจสำมำรถเข้ำ เคหสถำนเดมิ ของพระรำชชนนขี องพระองค ์ ตอ่ มำ มำสัมผัสบรรยำกำศเก่ำๆ แบบสมัยกรุงศรีอยุธยำ ขุนหลวงท้ำย สระซึ่งผนวชอยู่ท่ีวัดโคกแสงได้เสด็จ พบวิถีชีวิตไทยในอดีต มีกำรจัดจ�ำหน่ำยพืช ผัก มำปฏสิ งั ขรณใ์ นครง้ั กระนน้ั และในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ผลไม้ปลอดสำรพิษจำกสวน สินค้ำอุปโภคบริโภค ได้รับกำรปฏิสังขรณ์อีกคร้ังในสมัยรัชกำลที่ ๔ เมื่อ รวมทง้ั อำหำรคำวหวำนนำนำชนดิ พอ่ คำ้ แมค่ ำ้ แตง่ กำย พ.ศ. ๒๔๐๖ ดังมีพระรำชปรำรภอยู่ในศิลำจำรึก ย้อนยุค นอกจำกน้ีในช่วงเช้ำก่อนเปิดตลำด พ่อค้ำแม่ค้ำ 48 พระนครศรีอยธุ ยำ
ตลำดโก้งโค้ง จะมีพิธีร�ำวงถวำยพ่อปู่โสม สิ่งศักด์ิสิทธิ์ในบริเวณ เศรษฐกิจ ตลอดจนมีพระรำชประสงค์เพ่ืออนุรักษ์ ตลำดแห่งน้ี ตลำดแห่งนี้เปิดทุกวัน เวลำ ๐๙.๐๐- ศิลปวัฒนธรรมของไทย และเป็นศูนย์รวมศิลป- ๑๖.๐๐ น. ปดิ วนั จนั ทร ์ องั คำร สอบถำมรำยละเอยี ด วัฒนธรรมของทุกภำค จัดให้มีพิพิธภัณฑ์ อำคำร ได้ที่คุณนภำพร เวชพฤกพิทักษ์ (บ้ำนแสงโสม) จัดแสดง และสถำนที่จ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์ โรงฝึกงำน โทร. ๐ ๓๕๗๒ ๘๒๘๖, ๐๘ ๙๑๐๗ ๘๔๔๓ และแผนกตำ่ งๆ หมบู่ ำ้ นศลิ ปำชพี ๔ ภำค ในปจั จบุ นั ได้มีกำรขยำยพ้ืนท่ีโครงกำรมำกขึ้นเป็นงบประมำณ ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด ตั้งอยู่ที่ต�ำบลเกำะเกิด ๑,๕๐๐ ไร่ มีกำรจัดงำนดำ้ นกำรเกษตร ได้แก ่ สมเด็จพระนำงเจำ้ สิริกิต ์ิ พระบรมรำชนิ นี ำถ ได้ทรง ๑. พชื สวนครวั โดยทำ� กำรปลกู พชื หมนุ เวยี นหลำยชนดิ มพี ระรำชเสำวนยี เ์ มอ่ื วนั ท ่ี ๑๕ ธนั วำคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ส่งจ�ำหน่ำยท่ีพระต�ำหนักจิตรลดำฯ ร้ำนพระดำบส ใหก้ ่อสรำ้ งศูนยศ์ ลิ ปำชีพแห่งใหม ่ ในเขตพ้นื ท่ีต�ำบล ตลำดในหมู่บ้ำน มีร้ำนจ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์อยู่ด้ำน เกำะเกิด และได้มอบแนวทำงกำรด�ำเนินโครงกำร หนำ้ โครงกำร จดั ตงั้ หมบู่ ำ้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง และทำ� ศิลปำชีพเกำะเกิด โดยให้ใช้เงินของมูลนิธิส่งเสริม กำรคัดเลือกเกษตรกรในจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ศลิ ปำชพี ในสมเดจ็ พระนำงเจำ้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมรำชนิ นี ำถ เพ่ือเขำ้ รบั กำรอบรมให้ควำมรูด้ ำ้ นเกษตรตำ่ งๆ เช่น จดั ซอ้ื ผลงำนทเ่ี กษตรกรจดั ทำ� ขนึ้ เพอ่ื ชว่ ยใหม้ รี ำยได้ พชื ไร ่ พชื สวน ผกั สวนครวั ทำ� นำ เลย้ี งปลำ เลย้ี งสตั ว์ เพม่ิ ขนึ้ มกี จิ กรรมศลิ ปำชพี ควบคไู่ ปกบั กำรประกอบ รวมทั้งให้ควำมรู้เรื่องปุ๋ย ยำเคมี ปุ๋ยชีวภำพ เสริม อำชพี เกษตรกรรมแบบดง้ั เดมิ ทำ� ใหเ้ กษตรกรไมล่ ะทงิ้ สรำ้ งควำมคิดด้ำนกำรท�ำกนิ ถิ่นฐำนไปประกอบอำชีพอ่ืนในยุคท่ีเกิดวิกฤตทำง ๒. ไม้ผล มีกำรปลูกไม้ผลหลำยชนิด ได้แก่ มะม่วง พระนครศรีอยธุ ยำ 49
มะพร้ำวนำ�้ หอม ขนนุ ชมพู่ และทำ� สวนผลไม ้ กล้วย มำบรู ณะและตง้ั เปน็ สำ� นกั สงฆข์ น้ึ และในป ี พ.ศ. ๒๕๔๐ กระทอ้ น สม้ ทเุ รียน ทับทิม ได้รับพระรำชทำนวิสุงคำมสีมำเป็นวัด และให้ช่ือ ๓. การเลยี้ งสตั ว ์ ไดแ้ ก ่ สตั วป์ กี เปด็ อเี้ หลยี ง เปด็ เทศ ว่ำ “วัดไก่”เนื่องจำกมีไก่โดนโรคระบำดตำยไป ไก่ป่ำ ไก่พันธ์เุ นื้อ ไก่พันธ์ุไข ่ นกกระจอกเทศ นกยูง จ�ำนวนมำก ส่วนฝูงลิงป่ำท่ีอำศัยอยู่ที่วัดนี้ไม่มีใคร กระบอื บอกว่ำอยู่มำตั้งแต่เมื่อใด เป็นลิงแสมหรือลิงกัง ๔. การประมง มแี ผนงำนกำรเลยี้ งปลำพชื สำธติ กำร มีอยู่เป็นจ�ำนวนมำก เป็นลิงท่ีมีนิสัยน่ำรัก เชื่อง เล้ยี งปลำในนำขำ้ ว กำรเล้ียงปลำนิลแปลงเพศ กำร ไม่ดุรำ้ ย เลย้ี งปลำแรดในกระชงั กำรเลย้ี งปลำในรอ่ งสวน กำร ปลอ่ ยปลำเพอ่ื กำรอนรุ กั ษ ์ กำรเลยี้ งปลำตะเพยี นขำว วดั ตาลเอน เปน็ วดั ทม่ี ฝี งู คำ้ งคำวแมไ่ กแ่ ละนกนำ้� นำนำ หมู่บำ้ นประมงปลำนลิ ชนดิ อำศยั อยเู่ ปน็ จำ� นวนมำก เชน่ นกกำนำ�้ นกเปด็ นำ�้ ๕. การทา� นา โดยศนู ยบ์ รกิ ำรวชิ ำกำรด้ำนพืช และ นกกระยำง เป็นต้น แวดล้อมด้วยบรรยำกำศร่มรื่น ปจั จยั กำรผลติ มแี ผนงำนปลกู ขำ้ ว จำ� นวน ๒๖๐ ไร่ และธรรมชำติอันเงียบสงบ ด้ำนหลังของวัดติดกับ เม่ือวันที่ ๘ กรกฎำคม ๒๕๔๘ สมเด็จพระนำงเจ้ำ คลองชลประทำน มฝี งู ปลำนำ�้ จดื อำศยั อยนู่ ำนำชนดิ สิริกิต์ิ พระบรมรำชนิ ีนำถ ไดท้ รงเสด็จเย่ยี มโครงกำร กำรเดินทำง สำมำรถใช้เสน้ ทำงหลวงหมำยเลข ๓๒ ศูนย์ศิลปำชีพเกำะเกิด นับเป็นพระมหำกรุณำธิคุณ (ถนนสำยเอเชีย) ไปจนถึงแยกอ�ำเภอบำงปะหัน แก่คณะท�ำงำนฯ และพสกนิกรชำวจังหวัดพระนคร แล้วเล้ียวขวำ จำกน้ันใช้ทำงหลวงหมำยเลข ๓๔๗ ศรีอยุธยำอย่ำงหำท่ีสุดมิได้ นับเป็นคร้ังที่ ๒ ที่ ปำกทำงเข้ำวัดจะอยู่ทำงขวำมือ และเข้ำไปอีก เสด็จเย่ียมโครงกำรฯ หลังจำกเคยเสด็จครั้งท่ี ๑ ๒ กโิ ลเมตร ระยะทำงประมำณ ๒๐ กโิ ลเมตร เม่ือวันที่ ๗ มกรำคม ๒๕๔๘ กำรเสด็จครั้งนี้ เปน็ กำรเสดจ็ สว่ นพระองค ์ สมเดจ็ พระนำงเจำ้ สริ กิ ติ ์ิ อา� เภอนครหลวง พระบรมรำชินีนำถ ทรงปลื้มพระรำชหฤทัยที่ทรง ปราสาทนครหลวง ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ำ้� ปำ่ สกั ฝง่ั ทศิ ตะวนั ทรำบวำ่ งำนต่ำงๆ เป็นไปตำมพระรำชเสำวนยี ์ และ ออก ในเขตตำ� บลนครหลวง เดมิ เปน็ ตำ� หนกั ทป่ี ระทบั ทรงรับส่ังว่ำ “ฉันจะกรำบบังคมทูลพระบำทสมเด็จ ของกษตั รยิ ใ์ นระหวำ่ งเสดจ็ ไปนมสั กำรพระพทุ ธบำท พระปรมินทรมหำภูมิพล อดุลยเดช ว่ำได้ประสบ สระบุรี และเป็นที่ประทับแรมในระหว่ำงเสด็จไป ควำมสำ� เรจ็ แลว้ ” ลพบุรี สันนิษฐำนว่ำสร้ำงในสมัยสมเด็จพระเจ้ำ ทรงธรรม แต่มำสร้ำงเป็นที่ประทับก่ออิฐถือปูนใน อ�าเภอบางปะหัน รัชสมัยสมเดจ็ พระเจำ้ ปรำสำททองเมือ่ พ.ศ. ๒๑๗๔ วัดไก่ ตั้งอยู่ที่ต�ำบลหันสัง จำกตัวเมืองพระนคร พระองค์โปรดให้ช่ำงถ่ำยแบบมำจำกปรำสำทศิลำท่ี ศรอี ยธุ ยำไปประมำณ ๒๕ กโิ ลเมตร ไปตำมทำงหลวง เรียกว่ำ “พระนครหลวง” ในประเทศกัมพูชำ น�ำมำ แผ่นดินหมำยเลข ๓๒ จะเห็นทำงเข้ำวัดอยู่ทำง สรำ้ งใกลก้ บั วดั เทพจนั ทรเ์ พอื่ เปน็ กำรเฉลมิ พระเกยี รติ ขวำมือ เข้ำไป ๖๐๐ เมตร (ปำกทำงเข้ำจะมีป้ำย ที่ได้กรุงกัมพูชำกลับมำเปน็ ประเทศรำชอีก แต่สรำ้ ง สัญลักษณ์เป็นรูปลิง) วัดน้ีเป็นวัดเก่ำแก่ตั้งแต่สมัย ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณด์ ว้ ยประกำรใดไมป่ รำกฏ องคป์ รำสำท กรงุ ศรอี ยธุ ยำ ตอ่ มำกลำยเปน็ วดั รำ้ งภำยหลงั จำกกำร สเี หลอื งงดงำม ตอ่ มำจงึ มผี สู้ รำ้ งมณฑปและพระพทุ ธบำท เสียกรุงแกพ่ ม่ำ ประมำณปี พ.ศ. ๒๕๓๕ มพี ระสงฆ์ ส่ีรอยขึ้นบนปรำสำทน้ี ส่วนต�ำหนักที่สร้ำงอยู่ข้ำง 50 พระนครศรีอยธุ ยำ
Search