หากถามว่าการเกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ ไมด่ ีอยา่ งไร (อา่ นเพม่ิ เตมิ ได้จากบทความทา้ ยเล่ม เรือ่ ง “เงินเฟอ้ มนั นา่ กลวั จรงิ หรือ ?” โดยนายไพบูลย์ กติ ติศรกี ังวาน รองผู้วา่ การ ด้านบรหิ าร ธนาคารแหง่ ประเทศไทย) 115เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ประการที่ 1 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำ�ให้เงินจำ�นวนเท่าเดิมท่ีเราถืออยู่มีค่าลดลง ทำ�ให้ซ้ือของได้น้อยลง (ใชเ้ งินมากแต่ซอื้ สนิ ค้าไดน้ อ้ ย) ยกตัวอยา่ งเชน่ สมมติว่าวนั นีเ้ งนิ 100 บาท สามารถใช้ซือ้ กว๋ ยเต๋ียวราคาชามละ 25 บาทได้ 4 ชาม แตเ่ ม่อื เกิดภาวะเงนิ เฟ้อขึน้ อยา่ งรุนแรง วนั พรงุ่ นี้ราคาก๋วยเต๋ยี วเพิ่มขึน้ เป็นชามละ 50 บาท ท�ำ ให้เงนิ 100 บาทของเรา ใชซ้ อื้ กว๋ ยเตยี๋ วได้เพยี ง 2 ชามเท่าน้นั หรอื กล่าวได้ว่าอ�ำ นาจซ้อื ของเงนิ 100 บาทลดลงเหลือเพียงคร่งึ เดียว วารู…ไหม? ในปี 2548 ประเทศซิมบับเว เคยเจอวกิ ฤติปญั หาเงินเฟอ้ ทพ่ี ุ่งสูงถึง 2,200,000% คนตอ้ งพกเงินเปน็ กระสอบ ๆ เพ่ือไปจา่ ยตลาด ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะน้นั เทา่ กับ 100,000,000,000 ซมิ บับเวียนดอลลาร์ นเี่ พียงเพราะรฐั บาลท�ำ การพิมพ์เงินมหาศาล เพอ่ื ใชค้ ืนหนส้ี ินของประเทศ แม้จะไดผ้ ล หนี้หายวบั ไปกับตา แตผ่ ลทีต่ ามมา เมอื่ เงิน จำ�นวนมหาศาลไหลกลับเข้ามาในระบบค่าของเงนิ สกุลซมิ บบั เวก็ลดคา่ ลง เพราะใคร ๆ กม็ เี งินอยู่ในมอื ขา้ วของกเ็ ริ่มแพงขนึ้ ๆ รฐั บาลกพ็ มิ พเ์ งินเพอ่ื อดั ฉีดเข้าไปอกี เมอ่ื ปรมิ าณเงนิ มากขน้ึ เร่อื ย ๆ อย่างขาดความสมดุลกบั เศรษฐกจิ ในทส่ี ดุ ค่าของ เงนิ สกุลซิมบับเวก็ด่ิงลงเหว ไม่มใี ครเช่อื ถอื และอยากใช้อีกต่อไป เงินสกลุ ซมิ บับเว จงึ ไมแ่ ตกต่างจากกระดาษใบหนง่ึ ในที่สุดการซือ้ ขายทัว่ ไปจึงถกู ก�ำ หนดราคากนั ใหม่ ด้วยเงินสกุลเงินตราตา่ งประเทศ และท่ีเพิ่งเกดิ ข้ึนกับประเทศเวเนซเุ อลาที่ภาวะเงินเฟอ้ ข้นั รุนแรงราคาสินคา้ แพงข้ึนตอ่ เนอื่ งแบบรวดเรว็ เงนิ เฟ้อพ่งุ ทะลุ 1,000,000% ในปี 2561 สง่ ผลให้เงินด้อยคา่ จนไมม่ ีใครอยากได้ จากประเทศที่เคยรำ่�รวยดว้ ยน้ำ�มนั และทรัพยากรธรรมชาติ แตด่ ว้ ยการอดั ฉีดเงนิ เพอื่ ประชานิยมแบบสดุ โต่ง และการควบคมุ ราคาสนิ ค้าใหต้ ำ่�กว่าความเป็นจรงิ ไดท้ ำ�ลายกลไกตลาด เอกชน ไมส่ ามารถอยรู่ อดได้ รัฐจึงต้องผลิตเอง แต่เม่อื เกดิ วิกฤตริ าคาน้ำ�มนั ตกต�ำ่ ตง้ั แตป่ ี 2557 รายไดห้ ลักหายไป รัฐบาลกลบั แก้ปัญหา ดว้ ยการย่ิงพมิ พ์เงิน ซง่ึ ผลเสียของการพิมพ์เงนิ เพมิ่ เพอ่ื มาเปน็ คา่ ใช้จ่ายของรัฐบาล กย็ ่ิงทำ�ใหเ้ งนิ เฟอ้ ย่ิงทะยานสงู ขนึ้ ไปอกี จนในที่สุดประชาชนขาดความเชื่อมนั่ ในเงนิ สกลุ ตวั เองโดยสนิ้ เชงิ และน�ำ มาส่กู ารลม่ สลายของระบบเศรษฐกิจในทีส่ ุด ประการท่ี 2 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำ�ใหต้ น้ ทุนการผลิตสนิ ค้าสูงขึน้ ท�ำ ให้เราต้องตง้ั ราคาแพงขน้ึ เพอื่ ให้คุ้ม กบั ตน้ ทุน เม่อื ราคาแพง ลูกจา้ งกเ็ รียกรอ้ งปรบั ค่าแรงเพ่ิม (เหมอื นเช่นตอนน)ี้ ก็ย่ิงทำ�ใหต้ ้นทนุ การผลติ สงู ขน้ึ ไปอีก กต็ อ้ งปรับราคาขน้ึ อกี วนแบบน้ไี ปเรื่อย ๆ (spiral) หรอื ท่ีเขาเรยี กว่า วงจรการขนึ้ ราคาสินค้า-ค่าจา้ ง (wage-price spiral) นลี่ ่ะทน่ี า่ กลัว ถ้าไม่สามารถหยดุ วงจรน้ีได้ กจ็ ะนำ�ไปสปู่ ัญหาเงินเฟ้อทีร่ ุนแรงข้นึ ตอ่ ไป 116 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
ประการท่ี 3 การเกดิ ภาวะเงินเฟอ้ ทำ�ใหค้ วามสามารถในการสง่ ออก วารู…ไหม? สนิ คา้ และบรกิ ารของเราลดลง เพราะเราทราบแล้ววา่ เมื่อเกิดเงนิ เฟ้อ ทำ�ให้ ราคาสินคา้ แพงขึ้น ดงั นน้ั ถา้ เงนิ เฟ้อของไทยสูงกวา่ คู่แขง่ ด้วยแลว้ ยิ่งท�ำ ให้ ตน้ ทุนเราสูงกวา่ ราคาสง่ ออกสินค้าของเราจึงแพงกวา่ ด้วย ขายแขง่ กบั ใคร เขาคงไมไ่ ด้ wage-price spiral เคยเกดิ ใน สหรัฐฯ ตอนชว่ งวกิ ฤตกิ ารณ์ ประการที่ 4 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ เพ่ิมความไม่เป็นธรรม น�ำ้ มนั ครงั้ กอ่ น ๆ เนอ่ื งจากระบบ ไม่เท่าเทียมกันในรายได้ เพราะเป็นการซำ้�เติมคนท่ีมีรายได้ประจำ� สหภาพแรงงาน (โดยเฉพาะสหภาพ แรงงานผลิตรถยนต์) เข้มแขง็ มาก เช่น ข้าราชการ ผ้สู ูงอายทุ ่มี รี ายไดจ้ ากบ�ำ นาญ เปน็ ตน้ เน่อื งจากมรี ายได้ ทำ�ให้การหยดุ งานประทว้ งเพอ่ื เรียก เท่าเดิม แต่ราคาสินค้ากลับแพงขึ้น ในขณะที่คนท่ีมีรายได้จากการค้าขาย รอ้ งค่าจา้ งมใี ห้เห็นอยู่บอ่ ย ๆ เชน่ นกั ธรุ กจิ และพอ่ คา้ จะไดร้ บั ผลกระทบนอ้ ยกวา่ เพราะสามารถปรบั ราคา แต่ในปัจจบุ ัน wage-price spiral สินค้าให้แพงขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตที่สูงข้ึนได้ ทำ�ให้รายได้โดยรวม อาจจะเปล่ยี นแปลงไปไม่มากนัก ยงั เห็นไม่ชดั นกั เน่อื งจากตลาด แรงงานมีความยืดหยุ่นมากขน้ึ เพราะบรษิ ทั ต่าง ๆ ไมง่ อ้ แรงงานใน ประเทศอีกต่อไปแล้ว เน่อื งจากมกี าร ใช้เคร่ืองจักรแทนแรงงานมากข้ึน และ ประการที่ 5 การเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำ�ให้ประชาชนคาดการณ์ราคา สามารถหาแรงงานตา่ งดา้ วราคาถูก สินค้าและบริการในอนาคตได้ยากว่า ราคาข้าวของจะเพ่ิมข้ึนเป็นเท่าไร ได้จากทว่ั โลก ทำ�ให้ยากต่อการตัดสินใจในเรื่องการบริโภค การออม และการลงทุนใน ปัจจบุ นั ดว้ ย ตวั อย่างเชน่ ถา้ คุณออมเงนิ 100 บาท ไดร้ ับผลตอบแทน 3% เมอ่ื ครบ 1 ปี คณุ จะได้รับเงนิ 103 บาท แตถ่ ้าระหว่างปีนั้น อตั ราเงินเฟ้อ เทา่ กบั 5% ราคาสนิ คา้ กจ็ ะเพิม่ ขึ้นจาก 10 บาท เปน็ 10.50 บาท หากนำ� คำ�ถามชวนคดิ ...? ผลตอบแทนทไ่ี ด้รับจำ�นวน 103 บาท ไปซือ้ สินค้าชนดิ เดมิ จะซ้อื ไดเ้ พียง ท�ำ ไมเราไม่พิมพ์เงนิ ออกมามาก ๆ 9.81 หน่วย จากเดิมทซ่ี อื้ ได้ 10 หน่วย แสดงใหเ้ ห็นวา่ เมอ่ื เกิดเงนิ เฟ้อขน้ึ เพ่ือใหป้ ระเทศร�่ำ รวยข้ึน จะได้ไม่เป็นหน้ี (5%) จะทำ�ใหผ้ ลตอบแทนทีไ่ ดร้ บั แทจ้ ริงลดลง สะทอ้ นจากจ�ำ นวนสนิ คา้ ที่ เปน็ สนิ ซื้อไดน้ อ้ ยลง (9.81 หน่วย) คราวนีเ้ ปน็ ใครก็คงไม่อยากออมเงิน สู้กนิ ใช้ในวันน้จี ะดกี วา่ ในทีส่ ดุ กจ็ ะกลบั กลายว่า คนกเ็ รง่ ใช้จ่ายซื้อของ มิหน�ำ ซ�ำ้ อาจจะกยู้ มื มาใชจ้ า่ ยดว้ ยซ้�ำ เชน่ ซอื้ บ้าน ซือ้ รถ เพราะซ้ือวันน้ดี ีกว่า แมจ้ ะเสยี ดอกเบี้ยบ้าง แต่เม่ือเทียบกับราคาที่จะสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ยังคุ้มกว่า และหากขืนรอต่อไปราคาอาจสูงข้ึนจนไม่มี ปัญญาซอื้ กเ็ ปน็ ได้ หรอื อาจจะกูไ้ ปลงทุนในสินทรัพย์อืน่ ๆ ท้งั คอนโดมเิ นียม ทองค�ำ ทดี่ นิ เพราะตา่ งกค็ าดวา่ ราคา จะสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ และการเกิดภาวะเงินเฟ้อทำ�ให้ผู้กู้รู้สึกว่าต้นทุนการกู้เงินถูกลง เพราะรายจ่ายดอกเบ้ีย ทีต่ ้องจา่ ยมคี า่ นอ้ ยลง ซึง่ นนั่ ก็เท่ากบั วา่ เปน็ การเพ่มิ ความเสย่ี งให้กับระบบเศรษฐกจิ ดว้ ย และอาจสะสมจนเกดิ เปน็ ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่เหมอื นเม่ือช่วงกอ่ นเกิดวิกฤตปิ ี 2540 ก็เป็นไปได้ 117เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
เสริมความรู้ ภาวะเศรษฐกจิ ฟองสบู่ คือ ภาวะทเ่ี ศรษฐกิจเติบโตอยา่ งรวดเรว็ จนเกดิ ภาพลวงตา ทำ�ให้เห็นว่า ทุกอย่างดูดี ราคาของ สินทรพั ยท์ ถ่ี อื ไว้เพ่ิมขนึ้ อยา่ งมาก คนร้สู กึ รวยขึน้ และแนวโนม้ ของราคาทีเ่ พ่มิ สงู ข้นึ อยา่ งมากนี้ ยังท�ำ ใหค้ นคาดการณ์ว่า ราคาน่าจะเพ่มิ สงู ขึน้ ตอ่ ไปเรือ่ ย ๆ เลยแหก่ นั ซื้อเพอื่ เก็งกำ�ไร ก็ยิ่งทำ�ให้ราคาสนิ ทรัพย์นน้ั ๆ เพิม่ เร็วขึ้นอกี กระทัง่ วนั หน่งึ ทคี่ นเร่มิ ไมม่ น่ั ใจ เพราะราคาสินทรพั ย์นนั้ สงู มากเกนิ ไปกวา่ พื้นฐานทค่ี วรจะเป็น ราคาก็จะเร่ิมลดลง คนก็ตกใจรีบเทขาย แต่สว่ นมากไมม่ ีใครอยากจะซอื้ เพราะเหน็ วา่ ราคาเปน็ ขาลง ท�ำ ให้ราคายิ่งรว่ งเรว็ มากขนึ้ อกี ในทส่ี ดุ ฟองสบู่ที่สวยงาม กแ็ ตกสลายไป สินทรพั ยท์ ี่ซอ้ื มา มลู คา่ ลดหายไป หรือทเี่ รยี กวา่ “ภาวะฟองสบแู่ ตก” น่ันเอง วารู…ไหม? ประการท่ี 6 การเกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อ ทำ�ใหภ้ าคธรุ กิจก�ำ หนดราคาขาย สินคา้ ยาก เพราะคาดการณต์ ้นทุนการผลิตล่วงหนา้ ไม่ได้ และถงึ แม้ผูผ้ ลิต ตอนน้ปี ระเทศไทยเรามกี ารออก อาจจะผลักภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไปยังราคาขายให้กับผู้บริโภค พนั ธบัตรชดเชยเงินเฟอ้ แต่กใ็ ช่ว่าผ้บู ริโภคจะมีกำ�ลงั ซือ้ การที่เงินเฟ้อเพม่ิ ข้ึน ก�ำ ลังซอื้ ของผู้บรโิ ภค (inflation-linked bond) เปน็ ก็ลดลงด้วย ส่งผลต่อยอดขายของผู้ผลิต ผู้ผลิตอาจจะชะลอการผลิต ทางเลือกหนง่ึ ในการออมและ ลดการจ้างงาน ท้ายที่สุดก็ส่งผลต่อรายได้และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนของเราเพ่ือที่จะสูก้ ับ นอกจากนี้ เมื่อเกิดความไม่แน่นอนเช่นน้ี การวางแผนการลงทุนก็ทำ�ได้ เงินเฟอ้ เพราะผลตอบแทนจาก ยากมาก จะทราบได้อย่างไรว่าจะคุ้มกับท่ีลงทุนไปหรือไม่ การเกิดภาวะ พนั ธบตั รนจี้ ะเพ่มิ ขึน้ ตามเงินเฟ้อ เงินเฟ้อจึงเท่ากับเป็นการบ่ันทอนการลงทุนท่ีถือเป็นสิ่งสำ�คัญในการเพิ่ม ด้วย ท้งั น้ี การออกพันธบตั รชดเชย ศักยภาพการผลติ ของประเทศในระยะยาว อันจะมีผลต่อการขยายตวั อย่าง เงินเฟอ้ เกดิ ขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ ยง่ั ยนื ของเศรษฐกจิ องั กฤษเม่อื ปี 1981 118 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
เม่ือเราทราบอย่างนี้แล้ว คงจะเข้าใจแล้วว่า ทำ�ไมธนาคารกลาง วารู…ไหม? ต่าง ๆ ถึงให้ความสำ�คัญกับการดูแลเงินเฟ้อ การดำ�เนินนโยบายการเงิน ของแบงก์ชาติ จึงต้องให้ความสำ�คัญกับการรักษาเสถียรภาพของราคา จรงิ ๆ แลว้ เงินเฟ้อไมใ่ ชเ่ ป็น โดยพยายามให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายท่ีกำ�หนดเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ส่งิ เลวร้ายเสมอไป หากเป็นเงนิ เฟ้อ ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และขัดขวางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ อยา่ งอ่อน ๆ (mild inflation) ในระยะยาว อย่างไรก็ดี นโยบายการคลังก็มีส่วนช่วยชะลอเงินเฟ้อได้ เช่น สกั 2 - 3% จะเปน็ ผลดีชว่ ย โดยรัฐบาลอาจจะลดรายจ่ายท่ีไม่จำ�เป็นลงและเพ่ิมการจัดเก็บภาษีเพื่อดึง กระตุน้ เศรษฐกจิ ได้ เพราะจะชว่ ย เงินออกจากระบบเศรษฐกิจอันจะเป็นการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจลง สรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ ูผ้ ลิตมกี ารลงทุน ซงึ่ จะท�ำ ใหแ้ รงกดดนั เงนิ เฟอ้ ลดลงดว้ ย เพราะไมว่ า่ จะเปน็ การด�ำ เนนิ นโยบาย ขยายการผลิต และมกี ารจ้างงาน การเงนิ หรอื นโยบายการคลงั กม็ เี ปา้ หมายเดยี วกนั คอื ใหป้ ระชาชนกนิ ดอี ยดู่ ี ส่งผลให้เศรษฐกจิ ขยายตวั มากข้นึ ซ่ึงการดูแลเงินเฟ้อมีความจำ�เป็นไม่แพ้กับการสร้างความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกจิ (จะกล่าวอยา่ งละเอียดอกี คร้ังในบทตอ่ ไป) Key Points การเกิดภาวะเงินเฟ้อมีผลเสยี ต่อระบบเศรษฐกิจ ซง่ึ จะส่งผลต่อไปถึงรายได้และการกนิ ดีอยดู่ ีของประชาชนดว้ ย • ทำ�ใหเ้ งนิ ในกระเปา๋ ของทกุ คนมคี า่ น้อยลง เพราะเงนิ จำ�นวนเทา่ เดิม ซอ้ื ของได้น้อยลง • ลดแรงจูงใจในการออมเงิน ขณะทเ่ี รง่ ใหเ้ กดิ การใช้จ่าย และอาจเปน็ บ่อเกิดของการเก็งกำ�ไร เพิม่ ความเสยี่ งให้กบั ระบบเศรษฐกจิ • หากคุมเงินเฟอ้ ไม่ได้ ทกุ คนจะตกอยใู่ นภาวะไมแ่ นน่ อน ผูบ้ รโิ ภคเองก็ไม่ทราบว่าราคาสนิ ค้าและบริการจะปรับข้นึ ไปอีกเทา่ ไร จะบรโิ ภคหรือจะออมเทา่ ไรดี ในส่วนของภาคธุรกจิ จะตั้งราคาขายอยา่ งไรให้คุ้มทนุ เพราะตน้ ทนุ การผลติ สูงขน้ึ เรอ่ื ย ๆ คาดการณ์ ไม่ได้ ยงิ่ ถา้ คิดจะลงทุนดว้ ยแล้ว ความไม่แน่นอนเชน่ นจี้ ะกลา้ ลงทุนไหม ดงั นั้น การเกิดเงนิ เฟอ้ เทา่ กบั เป็นการบ่นั ทอนการบริโภค การออม การผลติ และการลงทุน • สญู เสยี ความสามารถในการแขง่ ขันดา้ นราคา เพราะต้นทุนการผลติ และราคาสนิ ค้าส่งออกไทยแพงกวา่ ค่แู ข่ง • วงจรการข้นึ ราคาสินคา้ -คา่ จา้ ง (price-wage spiral) จะน�ำ ไปสปู่ ัญหาเงนิ เฟ้ออยา่ งรนุ แรงในอนาคต และอาจนำ�ไปสวู่ กิ ฤติ เศรษฐกจิ การเงนิ 119เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
กลอ่ งความรู้ท่ี 7 อตั ราเงนิ เฟ้อต่�ำ ลงท่ัวโลกเพราะอะไร และจะสง่ ผลอยา่ งไร ตอ่ การดำ�เนนิ นโยบายการเงิน ? คงจะเหน็ แลว้ วา่ การดแู ลเงนิ เฟอ้ มคี วามส�ำ คญั อยา่ งไร หากเงนิ เฟอ้ พงุ่ สงู ขนึ้ ตน้ ทนุ การผลติ กจ็ ะสงู ขน้ึ ซง่ึ จะกระทบตอ่ ความสามารถ ในการแข่งขัน และบ่ันทอนการค้าการลงทุน ส่งผลต่อการจ้างงานและการบริโภคด้วย แต่ในทางตรงข้าม เงินเฟ้อที่ต่ำ�มากๆ ก็อาจไม่จูงใจหรือกระตุ้นให้เกิดการผลิตและการจ้างงานก็ได้ ซ่ึงปรากฏการณ์ในขณะน้ี อัตราเงินเฟ้อท่ัวโลกยังคงตำ่�ต่อเน่ือง แม้หลังจากวกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ การเงนิ โลกได้ผ่านพน้ ไปแล้ว ซ่งึ เปน็ ผลจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายอย่างทงั้ จาก 1) ต้นทุนการผลิตท่ีต่ำ�ลงจากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ การขุดเจาะน้ำ�มันในชั้นหินดินดาน (shale oil) ที่ท�ำ ให้ปรมิ าณน้ำ�มนั ดิบในตลาดโลกมมี ากขน้ึ และราคาต่ำ�ลง ความยืดหยุน่ ของอุปทานน�้ำ มนั ตอ่ ราคาจงึ สูงขน้ึ ดว้ ย นั่นคือ จะตอบสนองต่อราคาได้เร็ว โอกาสท่ีราคาน้ำ�มันจะเปล่ียนแปลงเร็วและแรงจึงมีน้อยลง ขณะท่ีการผลิตสินค้าอื่นๆ ก็มกี ารน�ำ เครื่องจักรมาทดแทนแรงงาน (automation) เพิ่มขึ้น 2) กระแสโลกาภิวัตน์ (globalization) ซ่ึงคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายอุตสาหกรรมล้วนมีเครือข่ายการผลิตและลูกค้ากระจายอยู่ ท่ัวโลก กลายเปน็ หว่ งโซอ่ ปุ ทานโลก (global value chain) ท่เี ชือ่ มโยงกันสงู ขนึ้ ท�ำ ใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ สามารถเข้าถงึ วัตถดุ บิ ไดง้ า่ ยและมรี าคาถกู ลง การเคลอื่ นยา้ ยปจั จยั การผลติ คลอ่ งตวั มากขนึ้ และยงั สามารถน�ำ เขา้ สนิ คา้ ราคาถกู จากประเทศเกดิ ใหม่ ไดด้ ว้ ย เชน่ ประเทศจนี ทไี่ ดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในเวทกี ารคา้ โลกมากขนึ้ ท�ำ ใหก้ ารแขง่ ขนั เขม้ ขน้ ขน้ึ ผปู้ ระกอบการจงึ อาจตอ้ งยอม ลดราคาและก�ำ ไรลงบางส่วนเพ่อื รกั ษาส่วนแบง่ ตลาด 3) การขยายตวั ของธรุ กจิ e-commerce กเ็ ปน็ อกี ปจั จยั ทท่ี �ำ ใหก้ ารแขง่ ขนั ดา้ นราคารนุ แรงขนึ้ เพราะการซอ้ื ขายผา่ นระบบออนไลน์ มีสินค้าให้ผู้ซ้ือเลือกมากข้ึน และผู้ซื้อก็สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่ายข้ึนด้วย (price transparency) ผู้ประกอบการจึง ปรบั ราคาสนิ ค้าข้ึนคอ่ นข้างยาก 4) การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (aging society) ที่อาจจะทำ�ให้หลายคนใช้จา่ ยน้อยลงเพ่ือเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ และบางคน กอ็ าจจะมรี ายได้ไมพ่ อ ต้องพ่งึ พาลูกหลาน ซ่ึงจะลดทอนก�ำ ลังซ้ือของประชากรวัยท�ำ งานอีกดว้ ย จะเห็นวา่ ปจั จัยท่กี ล่าวมาทงั้ หมดน้ี จะท�ำ ให้อตั ราเงินเฟ้ออาจไม่สูงหรือเร่งข้นึ มากเท่าในอดีต และอาจใช้เวลาในการส่งผา่ นผลบวก จากเศรษฐกิจท่ีขยายตัวมายังการปรับขึ้นราคาหรืออัตราเงินเฟ้อนานขึ้น ซึ่งจะมีนัยต่อการกำ�หนดเป้าหมายนโยบายการเงิน ที่เหมาะสมในระยะข้างหน้า เพราะหากแบงก์ชาติกำ�หนดเป้าหมายที่อยู่ในระดับสูงเกินไปอาจจะกระทบความน่าเช่ือถือของการ ด�ำ เนนิ นโยบายได้ และดอกเบยี้ ตอ้ งอยใู่ นระดบั ต�ำ่ และยาวนานขนึ้ หรอื ด�ำ เนนิ นโยบายทผี่ อ่ นคลายมากเพอื่ กระตนุ้ เศรษฐกจิ ใหเ้ งนิ เฟอ้ ไปถึงเป้าหมาย ซ่ึงอาจจะสร้างความเส่ียงตอ่ เสถียรภาพระบบการเงนิ ได้ เพราะดอกเบย้ี ทตี่ �ำ่ คนกจ็ ะลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ท่ีมีความเสี่ยงเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงข้ึน ผู้อ่านจะได้ทำ�ความเข้าใจมากข้ึนเกี่ยวกับการดำ�เนินนโยบายการเงินเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายเงินเฟ้อในบทตอ่ ไป 120 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
3. การจ้างงานเตม็ ที่ (full employment) คือ เราสามารถใชก้ �ำ ลัง Exam Tipแรงงานท่ีมีทั้งหมดอย่างเต็มท่ีตามความสามารถหรือศักยภาพของแรงงาน หรือพดู งา่ ย ๆ วา่ คนท่ีอยู่ในวยั ท�ำ งานทกุ คนทตี่ ้องการทำ�งาน สามารถหา งานทำ�ได้ ไมป่ ลอ่ ยให้เกดิ การวา่ งงานและเสยี โอกาสไปฟรี ๆ ซง่ึ จะไมค่ มุ้ คา่ กับส่ิงท่ีได้ลงทุนไปทั้งท่ีลงทุนเองและส่วนท่ีรัฐลงทุนทั้งในด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการดา้ นอื่น ๆ และเมือ่ ไม่มีงานท�ำ ยอ่ มไมม่ รี ายได้ ที่จะไว้จับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม ตามมาอกี มาก การจา้ งงานเตม็ ที่ (full employment) ไม่ได้หมายความว่า แรงงานทกุ คนตอ้ ง มีงานท�ำ อาจจะเกิดการว่างงานชั่วคราว ก็ได้ เชน่ อยรู่ ะหวา่ งการหางานใหม่ การว่างงานหลังฤดทู ำ�นา คนที่เพง่ิ ส�ำ เรจ็ การศึกษา เปน็ ต้น 4. การแกป้ ญั หาการกระจายรายได้ (income distribution) คณุ อาจ จะเคยได้ยินคำ�ว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” คือ ผู้มีรายได้สูงมีไม่ก่ีคน แต่ผู้มีรายได้น้อยมีมาก และรายได้ของผู้มีรายได้สูงและผู้มีรายได้น้อยก็มี ความแตกต่างกันมาก หรอื เกดิ ความไม่เทา่ เทยี มกนั ของรายได้ (income inequality) จริงอยวู่ ่า แต่ละคนมีความรูค้ วามสามารถ และโอกาสในการ หารายได้ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตจำ�นวนมาก ขณะที่บางคนอาจมีน้อย การที่เศรษฐกิจโตหรือรายได้ประชาชาติสูงขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารายได้เฉลี่ยของทุกคนสูงข้ึน หรือทุกคนมีความกินดี อยดู่ มี ากขน้ึ เพราะรายไดข้ องประเทศทเ่ี พม่ิ ขนึ้ อาจจะไปตกอยกู่ บั ประชาชน กลมุ่ ใดกลมุ่ หนงึ่ หรอื เพยี งบางกลมุ่ เทา่ นน้ั ซง่ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความไมเ่ สมอภาค ในการกระจายรายได้ ดังน้ัน เป้าหมายของการเพิ่มระดับรายได้ หรือ การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ตอ้ งควบคไู่ ปกบั เปา้ หมายในการกระจายรายไดด้ ว้ ย คือ ต้องทำ�ให้ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้เพ่ิมข้ึน หรือมีรายได้เพ่ิมขึ้นไป พร้อม ๆ กนั ไมว่ ่าจะเป็นผมู้ รี ายได้สงู หรอื ผู้มีรายไดน้ ้อย 121เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
วารู…ไหม? ระดับราคา เสน้ Phillips Curve การดำ�เนินนโยบายการคลังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการกระจายรายได้ โดยผ่าน (1) การใช้จ่ายของรัฐบาล (government spending) โดยนำ�เงนิ อตั ราการว่างงาน ภาษมี าใชจ้ า่ ยเพอ่ื ผลประโยชนข์ องผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย เชน่ การสรา้ งถนนในชนบท การใช้จ่ายด้านการศึกษาและสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งเสมือนกับเป็นการ ในความเป็นจรงิ เรากอ็ าจเหน็ นำ�เงินจากผู้มีรายได้สูงไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (2) เงินโอน (transfer อตั ราเงนิ เฟอ้ สงู ขึน้ พรอ้ ม ๆ กบั payments) หรือการใหเ้ งินชว่ ยเหลือผมู้ ีรายไดน้ ้อย (โอนใหเ้ ปลา่ ๆ ไมไ่ ด้รบั อัตราการว่างงานไดเ้ หมอื นกัน สินค้าและบริการตอบแทน) เช่น เบ้ียผู้สูงอายุ โครงการบัตรสวัสดิการ อยา่ งในช่วงท่เี ศรษฐกิจทซ่ี บเซามาก แห่งรัฐเพื่อช่วยเหลอื ผูม้ รี ายไดน้ อ้ ย เปน็ ต้น และ (3) การเก็บภาษีผู้มีรายได้ (stagflation) จากตน้ ทุนสินคา้ สูงมากกว่า ซ่ึงอัตราภาษีในลักษณะน้ี เราเรียกว่า เป็นอัตราก้าวหน้า ท่ีสูงข้ึนอย่างรวดเรว็ เช่น ราคา (progressive income tax) หรือก็คือ การเก็บภาษีในอัตราท่ีเพิ่มข้ึน น้�ำ มัน ผู้ประกอบการจึงจ�ำ เป็น ตามรายไดท้ เ่ี พ่มิ ขึ้น อาทิ ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ต้องข้นึ ราคาสนิ คา้ ท�ำ ใหผ้ ู้บริโภคลด การบริโภคลง และเมื่อผ้ปู ระกอบการ การผสมผสานเปา้ หมายของเศรษฐกจิ มหภาค ขายของได้นอ้ ยลงกต็ อ้ งลดการผลิต และการลงทนุ ทำ�ให้มีคนว่างงาน เพิม่ ขึน้ ในทสี่ ุด ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเศรษฐกิจมหภาคที่กล่าวมานี้บางอย่างอาจ จะมีความขดั แย้งกัน เช่น หากต้องการใหเ้ ศรษฐกิจโต โดยการกระตนุ้ การ บรโิ ภค กอ็ าจจะนำ�ไปสู่ปญั หาเงนิ เฟ้อตามมา แตแ่ ท้จริงแลว้ ถา้ เราสามารถ ผสมผสานเปา้ หมายกนั ใหด้ ี เชน่ ใหเ้ ศรษฐกจิ โต ขณะทย่ี อมใหม้ เี งนิ เฟอ้ บา้ ง เล็กนอ้ ย กอ็ าจเป็นผลดี จงู ใจใหม้ กี ารลงทุนขยายการผลิต เกิดการจ้างงาน ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว ก็จะทำ�ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่ถ้าเรามุ่งที่ เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งมากจนเกินไป กจ็ ะทำ�ให้เศรษฐกจิ เสยี สมดุล เช่น หากต้องการให้เศรษฐกิจโตมาก ๆ อย่างรวดเร็วอาจเป็นผลดีในระยะสั้น แตเ่ งนิ เฟอ้ ทีเ่ พ่ิมขน้ึ กลับจะเปน็ อุปสรรคตอ่ การเตบิ โตในระยะยาวได้ 122 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
กล่องความรู้ท่ี 8 ทำ�ไมต้องแบง่ แยกบทบาทหน้าทีร่ ัฐบาลกับธนาคารกลาง หากจะว่าไปแล้ว ระบบเศรษฐกิจสามารถดำ�รงอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนของคนในสังคม ซึ่งแต่ละคนก็ ทราบดวี า่ ตนเองตอ้ งการอะไร แตด่ ว้ ยความไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ของทรพั ยส์ นิ ความรคู้ วามสามารถ จงึ เปน็ ธรรมดาทผ่ี ทู้ มี่ ที รพั ยส์ นิ มากกวา่ หรือมีความรู้ความสามารถสูงกว่าก็จะเป็นผู้ได้เปรียบ บางครั้งผู้ผลิตก็อาจจะกำ�หนดราคาสินค้าและบริการแพงเกินไปจนผู้มี รายได้น้อยหมดโอกาสในการบริโภคของเหล่านั้น หรือบางครั้งเองผู้ผลิตก็อาจไม่ยินดีที่จะผลิตของส่ิงน้ัน หรืออาจจะผลิตแต่น้อย เกนิ ไปส�ำ หรบั ความต้องการของผู้บรโิ ภค จงึ ตอ้ งมีภาครัฐบาลเข้ามาช่วยจัดการ โดยผ่านการใช้จา่ ยของภาครัฐบาล ซ่ึงหากรฐั บาล มเี งนิ มาก ไมว่ า่ จะมาจากรายไดห้ รอื เงนิ กู้ กย็ อ่ มใชจ้ า่ ยไดม้ าก แตน่ นั่ กจ็ ะมผี ลกระทบตอ่ เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ เพราะการใชจ้ า่ ย ท่ีมากเกินไป ก็จะนำ�มาซึ่งเงินเฟ้อท่ีเร่งขึ้น และย่ิงถ้าเงินที่ใช้จ่ายนั้นมาจากเงินกู้ด้วยแล้ว ก็ย่อมกระทบกับวินัยการคลังและ ความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งอาจน�ำ ไปส่ปู ญั หาเสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ตามมา โดยปกติแล้วรัฐบาลมักให้ความสำ�คัญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (economic growth) ซ่ึงเป็นเป้าหมายในระยะส้ันมากกว่า เป้าหมายระยะกลาง - ยาวท่ีต้องรักษาเสถียรภาพเศรษฐกจิ เพือ่ ให้เศรษฐกจิ เตบิ โตในระยะยาว ทง้ั นี้ กเ็ พราะรัฐบาลมีเทอมในการ บริหารประเทศ (อยู่ในตำ�แหนง่ คราวละ 4 ปี หากไมม่ กี ารยบุ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื การท�ำ รัฐประหารกอ่ น) ทำ�ให้ต้องท�ำ นโยบายท่ี เหน็ ผลไดเ้ รว็ เพอื่ หวงั ผลทจ่ี ะไดร้ บั ความนยิ มและคะแนนเสยี งในการเลอื กตงั้ ครงั้ ตอ่ ไป ซงึ่ ความพยายามกระตนุ้ เศรษฐกจิ ในบางครงั้ อาจท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ ตอ้ งประสบกบั ความเสย่ี งทจ่ี ะขาดเสถยี รภาพในระยะยาว ดงั ทอี่ ดตี ประธานธนาคารกลางสหรฐั ฯ Ben Bernanke ไดก้ ลา่ วสนุ ทรพจน์ไวท้ กี่ รุงโตเกียวว่า “การที่รฐั บาลมกั กดดอกเบีย้ ให้ต�ำ่ เพอ่ื กระตุ้นเศรษฐกจิ ผลลัพธด์ งั กลา่ ว อาจดดู ใี นชว่ งแรก และมีประโยชน์มากในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่มันไม่ย่ังยืนเพราะในไม่ช้าผลดีเหล่าน้ันก็เหือดหายไป เหลือไว้แต่ภาวะเงินเฟ้อ ซึง่ ยิง่ ซ�ำ้ เตมิ เศรษฐกจิ ระยะยาวให้ย่งิ ย�ำ่ แย่ลง ดงั นน้ั การแทรกแซงของนักการเมอื งรงั แต่จะทำ�ใหเ้ กดิ วฏั จักรฟองสบู่ ซ่งึ น�ำ ไปสูภ่ าวะ ขาดเสถยี รภาพและเงินเฟ้อในทา้ ยท่ีสุด” แมร้ ฐั บาลจะผลดั เปลยี่ นกนั เขา้ มาบรหิ ารประเทศ และอาจมแี นวนโยบายทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะยคุ สมยั แตส่ �ำ หรบั ธนาคารกลาง ยงั คงมีเปา้ หมายหลกั คือ การรกั ษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ (economic stability) ควบคไู่ ปกบั การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ซงึ่ เป็น ความท้าทายท่ีต้องพยายามหาความพอดี หรือ balance ระหว่างเป้าหมายในระยะส้ันของรัฐบาลกับเป้าหมายในระยะยาว เพราะในฐานะผ้ดู ำ�เนนิ นโยบายไม่วา่ จะเป็นรัฐบาลหรือธนาคารกลางตา่ งกม็ เี ปา้ หมายสุดทา้ ยรว่ มกนั คือ เพ่ือให้เศรษฐกจิ ด�ำ เนินไป ไดด้ ว้ ยดแี ละทกุ คนมคี วามกนิ ดอี ยดู่ ี ซง่ึ แนน่ อนวา่ ไมไ่ ดห้ มายความวา่ เศรษฐกจิ จะตอ้ งโตเพยี งอยา่ งเดยี ว แตต่ อ้ งโตแบบมเี สถยี รภาพ และยั่งยืนด้วย หากเราเปรียบรัฐบาลเป็นกองหน้าในกีฬาฟุตบอลที่ต้องคอยรุกข้ึนทำ�แต้มยิงประตู ธนาคารกลางก็เปรียบเสมือน กองหลังทีม่ หี นา้ ทีป่ อ้ งกันการบุกของคูต่ อ่ สู้ และสกัดกั้นประตูไว้อยา่ งเหนียวแน่น 123เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดียวอยู่
กล่องความรทู้ ่ี 8 (ต่อ) ทำ�ไมต้องแบ่งแยกบทบาทหน้าทร่ี ัฐบาลกบั ธนาคารกลาง บทบาทหนา้ ที่ส�ำ คัญท่สี ดุ ของธนาคารกลางทกุ แหง่ คอื การด�ำ เนินนโยบายการเงนิ โดยการควบคุมปรมิ าณเงินให้เหมาะสมกบั ระบบ เศรษฐกิจ ดังนัน้ ธนาคารกลางจึงมลี ักษณะพเิ ศษ คอื สามารถพิมพ์หรือสรา้ งเงินเองได้ จึงไมน่ ่าแปลกที่จะต้องแยกบทบาทหนา้ ท่ี ของรฐั บาลในฐานะผใู้ ชเ้ งนิ กบั ธนาคารกลางซงึ่ เปน็ ผพู้ มิ พเ์ งนิ เอง ลองคดิ ดหู ากเราไมแ่ ยกบทบาทหนา้ ทขี่ องรฐั บาลและธนาคารกลาง ออกจากกันแล้ว ย่อมจะมีความเส่ียงที่รัฐบาลอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพ่ือให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูด้วยการ “พิมพ์เงิน” เพิ่มเข้าไป ในระบบเศรษฐกจิ จ�ำ นวนมาก ๆ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมเี งนิ ไว้ใชจ้ า่ ย ซง่ึ เป็นการกระตนุ้ เศรษฐกจิ ที่งา่ ยมาก แต่ส่งผลรา้ ยตอ่ เสถยี รภาพ ของประเทศในระยะยาว เพราะการพมิ พ์เงนิ เพิ่มเขา้ ไปอยา่ งไมเ่ หมาะสมกบั สภาวะเศรษฐกจิ ยอ่ ม “ผลกั ” ใหร้ าคาสนิ คา้ และบรกิ าร ทงั้ ระบบ “สูงขน้ึ ” อยา่ งหลกี เลีย่ งไม่ได้ เท่ากับว่ามีเงินเยอะ แต่ต้องไล่ล่าสินค้าท่ีมีจำ�กัด ในที่สุด ราคาสินค้าก็ต้องปรับขึ้นเพราะสินค้าเป็นท่ีต้องการ ทำ�ให้เงินที่พิมพ์ ออกมามหาศาลจะดอ้ ยคา่ ลง เสถยี รภาพของระบบเศรษฐกิจก็จะถูกทำ�ลายไป ดงั ตวั อยา่ ง เมือ่ ครัง้ ประเทศเยอรมนีแพส้ งครามโลก ครั้งที่ 1 และต้องจา่ ยค่าปฏกิ รณส์ งครามเปน็ จ�ำ นวนเงินมหาศาลถงึ 269,000 ล้านมาร์ก (2,790 มารก์ เทยี บเทา่ กับทองคำ�บริสทุ ธ์ิ 1 กิโลกรัม) หรอื คดิ เป็นเงนิ กว่า 23,600 ล้านปอนด์ หรือ 32,000 ล้านดอลลารส์ หรัฐฯ รฐั บาลเยอรมนใี นสมัยน้ันไม่อยากเกบ็ ภาษีจากประชาชนที่ต้องเดอื ดรอ้ นจากภยั สงคราม จึงสัง่ ใหธ้ นาคารกลางพมิ พธ์ นบตั รออกมา ใช้หนแ้ี ทน แม้จะได้ผล ปัญหาหนี้ของรัฐบาลหมดไป แตม่ ปี ัญหาใหม่ตามมาแทน คอื ธนบัตรท่ีพมิ พ์ออกมาจ�ำ นวนมาก ๆ นน้ั กลบั ดอ้ ยคา่ ลงทนั ที เงินท่ปี ระชาชนถืออยใู่ นมือมีค่านอ้ ยลง ไม่สามารถใช้ซ้ือของไดเ้ ท่าเดมิ จากนัน้ รัฐบาลแกป้ ัญหาโดยการขึ้น ค่าแรงเพ่ือเป็นการเพ่ิมรายได้ให้ประชาชนและลดจำ�นวนช่ัวโมงทำ�งาน ด้วยหวังจะทำ�ให้ประชาชนมีความต้องการจับจ่ายใช้สอย เพ่มิ ขึ้น โดยลืมไปว่า การลดชวั่ โมงท�ำ งานกลบั ท�ำ ให้อปุ ทานของสินค้าและบริการมนี ้อยลง จึงเกดิ ปญั หาวา่ อยากซ้อื ของแตข่ องไม่มี จะใหซ้ ือ้ ขณะเดยี วกนั เงินเฟ้อก็พุ่งสงู ขึ้นจนควบคมุ ไม่ได้ เกิดภาวะทเ่ี รียกว่า ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง (hyper inflation) ว่ากนั ว่า ตามร้านอาหาร พนักงานต้องคอยบอกราคาใหม่ทุก ๆ 30 นาทีเลยทีเดียว ราคาสินค้าปรับเพ่ิมขึ้นเท่าตัวในทุก ๆ 2 วัน หรือ เทา่ กบั วา่ อตั ราเงนิ เฟอ้ อยทู่ ี่ 3,250,000% ตอ่ เดอื น เวลาจะซอื้ ของแตล่ ะครงั้ ตอ้ งขนเงนิ ใสร่ ถเขน็ และเมอ่ื คนไดร้ บั คา่ แรงมาแลว้ กต็ อ้ ง รีบไปซื้อของก่อนท่ีราคาจะข้ึนไปอีก ทำ�ให้แม้แต่อาหารที่จะซ้ือก็ลดน้อยลงจนเหลือเพียงแค่ขนมปังและมันฝรั่งเพียงเท่าน้ัน เงินมาร์กของเยอรมนีในขณะนั้นก็เสมือนเป็นเพียงแค่เงินกระดาษที่แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ก็เกิดขึ้น ซ้ำ�รอยในประเทศซิมบับเวในปี 2548 และประเทศเวเนซุเอลาในปี 2561 (อ่านเพ่ิมเติมในบทนี้ หัวข้อ “เสถียรภาพด้านราคา”) เราเหน็ แล้วว่า ธนาคารกลางในฐานะผู้พิมพ์เงินมีบทบาทสำ�คญั มากตอ่ การสร้างเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ สามารถเปน็ ไดท้ งั้ ผสู้ ร้าง ภมู ิคุม้ กนั ทด่ี ี แต่หากขาดวินยั ก็สามารถกลายเปน็ ผ้ทู �ำ ลายภมู ิคมุ้ กนั ได้ง่ายเชน่ กนั 124 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
กลอ่ งความรู้ท่ี 8 (ต่อ) ท�ำ ไมต้องแบ่งแยกบทบาทหนา้ ท่รี ัฐบาลกับธนาคารกลาง การด�ำ เนินนโยบายของธนาคารกลางจึงตอ้ งมีกรอบ กตกิ า และกฎหมายกำ�หนดบทบาทอำ�นาจหน้าที่ชัดเจน และควรมอี สิ ระในการ ด�ำ เนินนโยบาย ซง่ึ สิง่ ที่สังเกตไดง้ ่าย ๆ และสะท้อนความเป็นอิสระของธนาคารกลาง กค็ ือ อัตราการเปลี่ยนผ้วู ่าการธนาคารกลาง (turnover rate for central bank’s governorship) ซึ่งถ้าอัตราการเปล่ียนผู้ว่าธนาคารกลางยิ่งสูงก็แสดงว่ามีการแทรกแซงทาง การเมืองมาก ตัวอย่างเช่น ประเทศอาร์เจนตินาในช่วง 80 ปีท่ีผ่านมานี้ มีการเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารกลางไปแล้วถึง 56 คน เฉลี่ยอยู่ในตำ�แหน่งแค่คนละประมาณ 1 ปีครึ่งเท่าน้ัน จึงไม่น่าแปลกใจที่การดำ�เนินนโยบายการเงินของอาร์เจนตินาค่อนข้าง จะติด ๆ ขดั ๆ และไม่บรรลเุ ปา้ หมายทว่ี างไวม้ ากนัก สำ�หรับธนาคารแห่งประเทศไทย เรามีพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 และพระราชบัญญัติธนาคาร แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ. ธปท.) ที่กำ�หนดอำ�นาจการแต่งต้ังและถอดถอนผู้ว่าการ โดยผู้ว่าการแม้จะ แต่งต้ังโดยคำ�แนะนำ�ของคณะรัฐมนตรี แต่ก็จะมีคณะกรรมการคัดเลือกเป็นผู้เสนอชื่อ มีการกำ�หนดวาระการดำ�รงตำ�แหน่ง และคณะรัฐมนตรีจะถอดถอนได้ต้องแสดงเหตุผลในการถอดถอนอย่างชัดเจนว่าเป็นการขาดคุณสมบัติหรือบกพร่องในหน้าท่ีอย่าง ร้ายแรงอยา่ งไร นอกจากนี้ พ.ร.บ. ธปท. ยังกำ�หนดวตั ถปุ ระสงค์ รวมทั้งอ�ำ นาจหน้าทีข่ องแบงก์ชาตใิ นการดำ�เนนิ งานเพอื่ ใหบ้ รรลุ วตั ถุประสงค์น้นั ๆ ไวอ้ ย่างชัดเจนด้วย คณุ เรียนรู้สงิ่ เหลา่ นี้แลว้ หรอื ยงั • สามารถบอกถึงเปา้ หมายของเศรษฐกจิ มหภาคได้ • อธิบายวา่ เหตุใดจึงกำ�หนดเป้าหมายของเศรษฐกจิ มหภาคเช่นนั้น จากบทนี้เราทราบแล้วว่าเป้าหมายของเศรษฐกิจมหภาค ก็คือ ต้องการให้ทุกคนมีความกินดีอยู่ดี ในบทต่อไป เราจะได้ทราบว่า เราจะต้องดำ�เนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอย่างไรเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย ตามทตี่ อ้ งการน้ี 125เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
บทที่ 9 การดำ�เนนิ นโยบายเศรษฐกิจมหภาค (เพ่อื ให้บรรลเุ ปา้ หมาย) Fiscal Policy IMntoenrentaatriyonPaollicy Monetary Policy บทนี้เป็นการทำ�ความเข้าใจเก่ียวกับการดำ�เนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคทั้งนโยบายการคลัง นโยบาย การเงิน และการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายของเศรษฐกิจโดยรวมที่วางไว้ ซ่ึงนโยบาย การคลงั สามารถกระตนุ้ อปุ สงค์ได้โดยตรงจงึ มกั ใชก้ ระตนุ้ เศรษฐกจิ ในชว่ งซบเซา แตอ่ าจมผี ลตอ่ เสถยี รภาพ เศรษฐกิจได้หากรัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการคลัง ขณะท่ีนโยบายการเงินจะเน้นดูแลเสถียรภาพด้านราคา เพ่ือไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และขัดขวางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว สำ�หรับการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนก็จะเคล่ือนไหวขึ้นลงตามกลไกตลาด การแทรกแซงทำ�ได้เท่าที่จำ�เป็น และตอ้ งไม่ขดั กับการด�ำ เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ 126 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
Exam Tip จากบทกอ่ น เราทราบแลว้ วา่ เป้าหมายของเศรษฐกิจโดยรวม กค็ ือ ความกินดีอยู่ดีของประชาชน อย่างไรก็ตาม การที่จะบรรลุเป้าหมายการ การเพิม่ ปริมาณเงนิ ในระบบ กินดีอยู่ดี โดยมุ่งหวังให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราสูง ๆ อย่างต่อเน่ืองนั้น เศรษฐกิจจะทำ�ให้คนเอาเงินสว่ นน้ี ก็อาจจะก่อให้เกิดความเส่ียงท่ีมากขึ้นได้ เปรียบเทียบเหมือนกับคุณกำ�ลัง ไปซอื้ สนิ ค้าและบริการ ท�ำ ใหอ้ ปุ สงค์ ขับรถ ถ้าคุณเหยียบคันเร่งเต็มที่ อยู่ ๆ เกิดฝนตกถนนล่ืน เจอทางโค้ง รวมในสินค้าและบริการเพิม่ ขึ้น ลาดชัน หรือมีส่ิงกีดขวางอยู่ที่ถนน ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำ�ตอบก็คือ ถ้าอปุ ทานยงั พอท่ีจะสามารถ โอกาสเกิดอันตรายสูงที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง ทางท่ีดีเราควรประคองรถด้วย ตอบสนองได้ อุปสงคท์ เ่ี พิม่ ขนึ้ การผ่อนคันเร่งบ้าง เหยียบเบรกบ้าง เพ่ือชะลอให้รถไปช้า ๆ พอที่จะ ก็จะมผี ลใหเ้ ศรษฐกิจขยายตัว บงั คบั ได้ เศรษฐกจิ ก็เหมอื นกัน เราก็ไมต่ ้องการให้รอ้ นแรงจนเกนิ ไป น่นั คือ แตห่ ากระบบเศรษฐกจิ อยู่ในระดับ ต้องสร้างความสมดุลของระบบเศรษฐกิจท้ังภายในและภายนอกเพ่ือให้ ที่ใชท้ รัพยากรเตม็ ทีแ่ ล้ว อปุ ทาน เศรษฐกิจโตไปได้อย่างไม่สะดุดจากปัจจัยท้ังภายในและภายนอกที่เข้ามา ไม่สามารถตอบสนองอปุ สงค์ท่ี กระทบ ซ่ึงก็ต้องมกี ารผสมผสานของนโยบายการเงนิ นโยบายการคลัง และ เพิ่มขน้ึ ได้ กจ็ ะท�ำ ให้เกดิ เงนิ เฟอ้ หรอื การบรหิ ารอตั ราแลกเปลย่ี นใหเ้ หมาะสมเพอ่ื เออ้ื ใหเ้ ศรษฐกจิ สามารถเตบิ โตได้ มีผลตอ่ ราคามากกวา่ การขยายตวั ตามศกั ยภาพและยงั่ ยนื นโยบายทง้ั 3 อยา่ งทก่ี ลา่ วมานใี้ นทางเศรษฐศาสตร์ ของเศรษฐกจิ จะเรียกว่า “นโยบายเศรษฐกจิ มหภาค” ทฤษฎีลูกโป่ง 3 สูบของ ดร.ป๋วย เป็นกรอบที่แสดงให้เห็นถึงการ ผสมผสานของนโยบายเศรษฐกจิ มหภาคทง้ั 3 อย่างเข้าด้วยกนั โดยใหค้ วาม ส�ำ คญั กบั เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ซง่ึ จะตอ้ งควบคมุ ปรมิ าณเงนิ ทหี่ มนุ เวยี น ในระบบเศรษฐกิจใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเหมาะพอควรกับปรมิ าณผลผลิตท่ีระบบ เศรษฐกจิ ผลิตได้ หากปริมาณเงินทหี่ มนุ เวยี นมีนอ้ ยเกนิ ไป ยอ่ มเกิดปัญหา การขาดสภาพคล่องและอาจตามมาด้วยปัญหาเงินฝืด แต่ถ้าหากปริมาณ เงนิ เพมิ่ ขน้ึ มากเกนิ ไปยอ่ มสร้างแรงกดดันให้เกดิ ภาวะเงินเฟอ้ ได้ ดร.ป๋วย ได้อุปมาอุปไมยปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เสมอื นหนง่ึ ลกู โปง่ ในยามทร่ี ะบบเศรษฐกจิ มปี รมิ าณเงนิ เพม่ิ ขน้ึ เปรยี บประดจุ ลูกโป่งพองลม ในยามที่ปริมาณเงินลดลงเปรียบประดุจลูกโป่งแฟบลม การกำ�กับปริมาณเงินท่ีหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกับ การกำ�กับปริมาณลมในลูกโป่ง โดยที่ช่องทางที่กระทบต่อปริมาณเงิน ในระบบเศรษฐกิจมีอยู่ 3 ช่องทาง เสมือนหนึ่งว่าลูกโป่งมี 3 ลูกสูบ อนั ประกอบดว้ ย (1) ลกู สบู การคลงั (การเกบ็ ภาษแี ละการใชจ้ า่ ยของรฐั บาล) 127เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
(2) ลูกสูบการเงินภายในประเทศ (การขยายหรือลดสินเชื่อของระบบสถาบันการเงิน) และ (3) ลูกสูบการเงิน ระหว่างประเทศ (การเคล่ือนย้ายเงินเข้าและออกระหวา่ งประเทศ) หัวใจของการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค อย่ทู ่กี ารก�ำ กบั ลูกสบู ทั้งสามนี้ หากสว่ นใดส่วนหนึง่ ท�ำ ให้ปริมาณเงินในระบบมากเกินไป สว่ นท่ีเหลือกต็ ้องทำ�หนา้ ที่ ดูดเงินออกจากระบบ มิฉะน้ัน ก็จะนำ�ไปสู่เงินเฟ้อและเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ และหาก ปริมาณเงินในระบบน้อยเกินไป ส่วนท่ีเหลือก็ต้องทำ�หน้าที่เพ่ิมเงินเข้าสู่ระบบเพ่ือไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง และปญั หาเงนิ ฝดื ตามมา ซง่ึ กจ็ ะเปน็ อนั ตรายตอ่ เศรษฐกจิ โดยรวมเชน่ กนั ดงั นนั้ จะเหน็ วา่ นโยบายเศรษฐกจิ มหภาค ทั้ง 3 อย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย แล้วนโยบายเศรษฐกิจมหภาคทง้ั 3 อย่าง ทำ�งานกนั อยา่ งไร ทฤษฎลี ูกโปง่ 3 สบู ของ ดร.ปว๋ ย ภายในปกราะรเเทงศน กระาหรวเงา นงประเทศ ขยายเครดติ สูบเขา ชำระเงนเขาประเทศ สูบเขา หดเครดิต สบู ออก ชำระเงนออก สูบออก การคลัง รายจา ย สบู เขา รายรับ สบู ออก 128 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
นโยบายการคลงั เราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าเครื่องมือของรัฐบาลในการดำ�เนินนโยบาย การคลังมีหลัก ๆ อยู่ 2 อยา่ ง คือ การใช้จ่าย (รายจ่าย) กับการเก็บภาษี (รายได)้ ถา้ ตอ้ งการกระตุน้ เศรษฐกจิ ก็จะใชน้ โยบายการคลงั เพอ่ื เพม่ิ ปริมาณ เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ โดยผ่านการใช้จ่ายของรัฐบาลอาจออกมา ในรูปของการซื้อสินค้าและบริการ หรือเงินลงทุนต่าง ๆ ของภาครัฐ ซ่ึงส่งผลโดยตรงต่อการเพ่ิมการใช้จ่ายโดยรวม ทำ�ให้มีการผลิตสินค้า และบริการมากข้ึน และ/หรือ ผ่านการลดภาษีให้ประชาชนมีเงินเหลือไว้ ใชจ้ ่ายมากข้นึ รวมถึงการใช้จ่ายในลกั ษณะของเงนิ โอน (โอนเงนิ ให้เปลา่ ๆ) สู่มือประชาชน อาทิ เบ้ียผสู้ งู อายุ เงินชว่ ยเหลอื ผู้มีรายไดน้ ้อย นโยบายชอ้ ป ช่วยชาติ ชิมช้อปใช้ ก็มีผลทางอ้อมทำ�ให้การบริโภคของประชาชนเพ่ิมขึ้น ซง่ึ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การใชจ้ า่ ยนจ้ี ะสง่ ผลใหก้ ารผลติ และการจา้ งงานเพมิ่ ขนึ้ ประชาชนมีรายได้เพิ่มข้ึน น่ันก็คือ เศรษฐกิจขยายตัว เราเรียกนโยบาย การคลงั แบบนวี้ า่ “นโยบายการคลงั แบบขยายตวั ” หรอื “นโยบายงบประมาณ แบบขาดดุล” (รายจา่ ยมากกวา่ รายได)้ นน่ั เอง ในทางกลับกนั ถา้ ตอ้ งการชะลอเศรษฐกิจ ไมใ่ ห้รอ้ นแรงจนเกนิ ไป กจ็ ะใช้ นโยบายการคลงั เพอื่ ดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ โดยลดการใช้จ่าย และ/ หรือเพ่ิมภาษี การใช้จ่ายก็จะน้อยลง ส่งผลให้การผลิตและการจ้างงาน ก็ลดลง การขยายตัวทางเศรษฐกิจกจ็ ะชะลอตวั ลง เราเรยี กนโยบายการคลัง แบบนี้ว่า “นโยบายการคลังแบบหดตัว” หรือ “นโยบายงบประมาณแบบ เกนิ ดลุ ” (รายไดม้ ากกวา่ รายจา่ ย) นน่ั เอง แต่ก็มีเหมือนกันที่เห็นว่า เศรษฐกิจสมดุลและมีเสถียรภาพแล้ว ไม่จำ�เป็น ต้องใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นหรือชะลอเศรษฐกิจ ก็อาจใช้ “นโยบาย การคลงั แบบสมดลุ ” หรอื “นโยบายงบประมาณสมดลุ ” ซง่ึ กค็ อื รายไดเ้ ทา่ กบั รายจา่ ยนั่นเอง 129เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
กลอ่ งความรทู้ ี่ 9 ใครคอื ผู้ชที้ ิศทางแนวนโยบายการคลงั ? ถ้าพูดถึง “นโยบายการคลัง” คนทั่วไปก็คงเข้าใจว่าเป็นเร่ืองของรัฐบาลนำ�โดยกระทรวงการคลังเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก กระทรวงการคลงั แล้ว ยังมอี กี 3 หนว่ ยงาน ซ่งึ เปน็ ผูร้ ่วมกำ�หนดนโยบายการคลงั เราเรยี ก 4 หน่วยงานหลักนีอ้ ย่างไมเ่ ป็นทางการ วา่ “Gang of Four ดา้ นเศรษฐกจิ ” ซง่ึ กจ็ ะประกอบไปด้วย กระทรวงการคลงั สำ�นกั งบประมาณ สำ�นกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ (สศช. หรอื สภาพฒั น์ฯ) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. หรอื แบงกช์ าติ) ลองมาดูกนั ว่าแต่ละหนว่ ยงานมีหนา้ ท่อี ะไรกันบ้าง เรมิ่ จากกระทรวงการคลงั เปรียบเสมอื นพอ่ บ้าน มหี น้าทีใ่ นการจัดหาเงิน ท้ังการ จดั เกบ็ ภาษแี ละรายไดท้ มี่ ิใช่ภาษี รวมถึงบริหารการใชจ้ า่ ยให้มีประสิทธิภาพ ขณะท่ีส�ำ นกั งบประมาณก็เปรียบเสมือนแม่บ้านทต่ี ้อง จดั สรรเงนิ งบประมาณของแผน่ ดนิ ทมี่ อี ยจู่ �ำ กดั อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ทางดา้ น สศช. กจ็ ะเปน็ ผทู้ �ำ แผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตเิ พือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการพฒั นาประเทศในแต่ละชว่ งเวลา รวมถึงยงั เปน็ ผู้พิจารณาแผนการลงทุนของ ประเทศให้เป็นไปตามแนวทางการพัฒนาท่ีวางไว้ ส่วน ธปท. มีหน้าท่ีสำ�คัญในการสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เอ้ือต่อ การพัฒนาประเทศ โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสถาบันการเงิน และสร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจ รวมทั้ง การรกั ษาระดบั เงนิ เฟ้อไมใ่ หส้ งู จนเปน็ อุปสรรคต่อการขยายตวั ทางเศรษฐกิจ ในแต่ละปี 4 หน่วยงานน้ีจะประชุมร่วมกันเพ่ือกำ�หนดกรอบและวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปีนั้น ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยจะดูว่าแรงกระตุ้นทางด้านการคลังจากงบประมาณรายจ่ายสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมหรือไม่ เช่น ถ้าเศรษฐกิจ ชะงักงัน ภาคเอกชนอ่อนแรง การฟ้ืนตัวของเศรษฐกิจต้องการแรงกระตุ้นจากภาครัฐ รัฐบาลก็ควรทำ�นโยบายงบประมาณ แบบขาดดุลเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการคิดถึงรายจ่ายด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพ่ือให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ ในระยะยาว แตก่ ย็ ังต้องไม่ลืมที่จะรกั ษาวนิ ัยทางการคลังไปพร้อม ๆ กับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกจิ แล้วพิจารณาอย่างไรถึงเรียกว่าเหมาะสม นโยบายท่ีผ่านมามักจะเป็นการขาดดุลเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลักการของขนาด การขาดดลุ ทเ่ี หมาะสมจะพจิ ารณา 5 เรอ่ื งดว้ ยกนั คอื (1) งบประมาณมเี พยี งพอตอ่ รายจา่ ยลงทนุ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การขยายตวั ของเศรษฐกจิ ในระยะยาวและรายจา่ ยเพอื่ การด�ำ เนนิ นโยบายของรฐั บาล (2) การขาดดลุ จะตอ้ งไมก่ ระทบตอ่ เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ซง่ึ พจิ ารณา ท้ังการขาดดุลในงบประมาณ ดุลเงินนอกงบประมาณ และรัฐวิสาหกิจ หรือเราเรียกรวมกันว่า ดุลของภาครัฐ (public sector balance) (3) ไมเ่ ปน็ การแยง่ การใช้ทรพั ยากรกบั ภาคเอกชน (crowding out) ท่ีมากเกนิ ไป (4) หนีส้ าธารณะต้องอยูใ่ นระดับท่ี จัดการได้ และ (5) ควรเปน็ การขาดดุลจากการใชจ้ า่ ยสำ�หรบั การพฒั นาประเทศหรอื เพอ่ื การลงทนุ มากกวา่ ท่จี ะขาดดลุ เพื่อนำ�มา ใช้จ่ายทว่ั ไป ไมเ่ พยี งแต่ในเรือ่ งการก�ำ หนดวงเงินงบประมาณเทา่ นั้น แม้ในด้านพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ 4 หน่วยงานน้ียงั ร่วมกนั ทำ�หน้าท่ีเสนอแนะและให้ความเห็นเกี่ยวกับแผนงานการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพ่ือให้การลงทุนของภาครัฐ ดำ�เนินไปในทิศทางท่ีถูกต้องและคุ้มค่า โดยในแง่การก่อหน้ีเพ่ือมาลงทุน ก็จะมีคณะกรรมการนโยบายและกำ�กับการบริหาร หน้สี าธารณะเข้ามาดแู ล ซง่ึ ท้ัง 4 หน่วยงานตา่ งก็มสี ่วนรว่ มเชน่ เดยี วกนั 130 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
ประสทิ ธผิ ลของนโยบายการคลงั 2021 แม้นโยบายการคลังจะถูกกำ�หนดจาก รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐในด้านเศรษฐกิจ 2020 แต่จะต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเพ่ือ 2018 2019 ออกเปน็ กฎหมาย จึงทำ�ใหก้ ารดำ�เนินนโยบาย 2017 การคลังไม่สามารถทำ�ได้ทันที แต่นโยบาย การคลังมีข้อดีตรงที่ว่า นโยบายการคลังโดย การใช้จ่ายสามารถกระตุ้นอุปสงค์ได้โดยตรง Stage 1 Stage 2 Stage 3 Stage 4 Stage 5 โดยรัฐบาลใช้เงินเข้าไปซ้ือสินค้าและบริการ ในตลาด สง่ ผลใหก้ ารผลติ และการจา้ งงานเพมิ่ ขนึ้ นโยบายการคลงั จงึ มกั จะ ใช้ในช่วงท่ีเศรษฐกิจซบเซาที่คนไม่ค่อยใช้จ่ายเพ่ือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็อาจมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงระยะส้ัน ๆ หากการดำ�เนินนโยบาย การคลังไม่ไดส้ ร้างความมัน่ ใจใหภ้ าคเอกชนอย่างเพียงพอว่าเศรษฐกิจจะโต ต่อเนือ่ งไป หรอื ขยายตัวอยา่ งย่ังยนื ดงั นน้ั การด�ำ เนนิ นโยบายการคลงั ใด ๆ จงึ ตอ้ งท�ำ ควบคไู่ ปกบั การสรา้ งความยง่ั ยนื ของการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ในระยะยาวดว้ ย ซึ่งคงหนีไม่พ้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการลงทุนทางด้าน การศึกษา สาธารณสุข รวมทั้งดูแลในเรื่องสังคมและสวัสดิการ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ยังมีความจำ�เป็นท่ีจะต้องพัฒนาโครงสร้าง พนื้ ฐานอกี เปน็ จ�ำ นวนมาก เชน่ ถนน ไฟฟา้ ประปา การคมนาคมขนสง่ และ การชลประทาน เป็นตน้ เพื่อให้เออ้ื ต่อการพัฒนาประเทศ ซ่ึงจะชว่ ยดึงดูด การลงทุนของภาคเอกชน หรือศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ท่ีเรียกกันว่า crowding in effect แต่แน่นอนมี in ก็ต้องมี out นนั่ คอื การด�ำ เนนิ นโยบาย การคลงั ทีไ่ ม่เหมาะสมก็อาจจะเกิดในลักษณะ crowding out effect ได้ด้วย เชน่ กนั หากการใชจ้ า่ ยของรฐั บาลอยใู่ นชว่ งทเี่ ศรษฐกจิ ดี ภาคเอกชนมคี วาม ต้องการสินค้าและบริการมากจนเต็มความสามารถในการผลิตของระบบ เศรษฐกิจแล้วการใช้จ่ายของรัฐบาลในสภาวะเช่นนี้จะเป็นการแย่งใช้ ทรพั ยากรกับภาคเอกชน ซ่ึงจะทำ�ให้การลงทุนของเอกชนลดลงได้ 131เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
อย่างไรก็ดี นโยบายการคลังอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของ วารู…ไหม? เศรษฐกิจได้ด้วยเช่นกัน หากรัฐบาลไม่รักษาวินัยทางการคลัง ซ่ึงก็คงไม่ แตกต่างไปจากวินัยการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ต้องพยายามไม่ใช้จ่ายเกินตัว ปี 2554 บางประเทศในยโุ รป แมแ้ ต่ หรือก็คือ ต้องดูแลให้รายจ่ายสมดุลกับขีดความสามารถในการหารายได้ ยักษ์ใหญ่อยา่ งสหรัฐอเมรกิ าเอง น่นั เอง ถ้าจำ�เปน็ ต้องกอ่ หน้บี า้ ง การใช้จ่ายนัน้ กต็ อ้ งมีผลตอบแทนท่ีคมุ้ คา่ กป็ ระสบปญั หาวินยั การคลงั จากการ เม่อื เทยี บกบั ตน้ ทุนการกยู้ ืมท่เี สียไป น่นั กค็ อื ควรเปน็ การก้มู าลงทนุ ไมใ่ ช่กู้ ใช้จ่ายเกินตัว ท�ำ ให้หนส้ี งู ต่างประเทศ เพือ่ มาบรโิ ภค หากลองนกึ ถงึ บริษัทสักแห่งหนึ่ง หากตอ้ งกเู้ งินมาเพ่อื ใชจ้ ่าย ไมเ่ ชื่อมั่นจนเกอื บต้องพกั ช�ำ ระหนี้ ประจ�ำ วนั ไมว่ า่ จะเปน็ คา่ น�ำ้ คา่ ไฟ เงนิ เดอื นคา่ จา้ ง บรษิ ทั นนั้ จะอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร หรอื เบ้ยี วหน้ี ส่งผลตอ่ ความเช่อื มนั่ ผู้ให้กู้ก็คงต้องคิดดอกเบ้ียแพงเพราะเป็นการให้กู้กับผู้ท่ีมีความเส่ียงสูง ทางเศรษฐกิจของสหรฐั อเมรกิ าและ ซงึ่ อาจจะเปน็ หนสี้ ญู ได้ ดอกเบยี้ ทคี่ ดิ จงึ ตอ้ งชดเชยกบั ความเสยี่ งทม่ี ที ง้ั หมด ยโุ รป และสง่ ผลลามไปถงึ เศรษฐกจิ ท�ำ ให้ตน้ ทุนการกู้ยมื สงู ขน้ึ หรอื อาจถงึ ข้นั ไม่มใี ครกล้าใหก้ เู้ ลยกไ็ ด้ และการเงินโลก นโยบายการเงิน จากบทกอ่ น เราทราบแลว้ วา่ การเกดิ ภาวะเงนิ เฟอ้ มผี ลเสยี ตอ่ ระบบ เสรมิ ความรู้ เศรษฐกิจอย่างไร นโยบายการเงนิ ของทุกประเทศทวั่ โลกจงึ มเี ปา้ หมายหนึ่ง ท่สี ำ�คัญ คอื การดแู ลเสถียรภาพดา้ นราคา เพราะเสถียรภาพด้านราคาหรือ วิธกี ารของการด�ำ เนินนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อท่ีต่ำ�จะช่วยให้ภาระค่าครองชีพของประชาชนไม่เพ่ิมข้ึนมาก ท่ธี นาคารกลางของแตล่ ะประเทศใช้เพ่ือ อย่างรวดเร็ว ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตไม่สูงนัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความ ควบคุมดูแลระดบั ราคานนั้ มหี ลายรูปแบบ สามารถในการผลิตและการลงทุนของผู้ประกอบการ เกิดการผลิตและ ไดแ้ ก่ การจ้างงานในระบบเศรษฐกิจที่ย่ังยืนในระยะยาว เศรษฐกิจขยายตัว 1. การตง้ั เป้าหมายทีอ่ ตั ราแลกเปลยี่ น แม้ธนาคารกลางจะมีเป้าหมายของนโยบายการเงินท่ีเหมือนกัน แต่ในทาง (exchange rate targeting) ปฏิบตั แิ ล้ว วิธีการด�ำ เนินนโยบายการเงนิ เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายมีหลายแบบ 2. การตง้ั เปา้ หมายทป่ี รมิ าณเงิน ซ่ึงได้พัฒนามาเรื่อย ๆ จนในปัจจุบันหลายประเทศหันมาใช้การดำ�เนิน (monetary targeting) นโยบายการเงนิ ภายใตก้ รอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ แบบยดื หยนุ่ (flexibleinflation 3. การต้ังเป้าหมายเงินเฟอ้ (inflation targeting) ซ่ึงประเทศไทยก็ได้เปล่ียนมาใช้กรอบนโยบายน้ีมาต้ังแต่ปี targeting) 2543 การดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อมีข้อดี คือ 4) ไม่ได้ใช้ตัวใดตัวหนึง่ เป็นหลัก มีความชัดเจน (clarity) เพราะมีการประกาศเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อให้ อยา่ งชดั เจน แต่จะปรบั เปล่ียน สาธารณชนทราบ เป็นตัวเลขท่ีชัดเจนช่วยให้ประชาชนสามารถคาดการณ์ แนวนโยบายการเงินไปตาม เงนิ เฟ้อในอนาคต และมกี ระบวนการทำ�นโยบายที่โปรง่ ใส (transparency) สถานการณ์ หรอื เรยี กว่า เพราะมีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นผู้พิจารณาและกำ�หนด just-do-it approach 132 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมทั้งส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจเหตุผลของการ ขึ้นลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ละครั้ง ซ่ึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะต้องรับผิดชอบ (accountability) ในการดำ�เนินนโยบายการเงินเพ่ือให้ อัตราเงินเฟ้อในอนาคตเป็นไปตามที่ประกาศไว้ ซึ่งประชาชนสามารถ ตรวจสอบได้ ทง้ั หมดนจี้ ะทำ�ใหก้ ารดำ�เนนิ นโยบายการเงินมีความนา่ เชื่อถือ (creditability) ซึ่งความน่าเชื่อถือนี้เองจะเป็นหัวใจสำ�คัญท่ีจะทำ�ให้การ ดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อประสบผลสำ�เร็จ นอกจากน้ี การด�ำ เนนิ นโยบายการเงนิ ตามกรอบนโยบายนยี้ งั มีความยดื หยนุ่ (flexibility) สามารถใช้เครื่องมือผสมผสานได้ท้ังการส่งสัญญาณผ่าน อัตราดอกเบ้ียนโยบาย และมาตรการกำ�กับดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน เพ่ือสามารถให้นำ้�หนักในการดูแลเสถียรภาพราคา เสถียรภาพเศรษฐกิจ และเสถียรภาพระบบการเงินให้เหมาะสมในแต่ละสภาวการณ์ได้ กเปาา้ หรมดา�ำยเเนงินนิ เนฟโยอ้ บแบายบกยาดื รหเงยนิ ่นุ ภายใต้กรอบ (flexible inflation targeting) เม่ือเรากล่าวว่า แบงก์ชาติดำ�เนินนโยบายการเงินน้ัน หมายถึง การปรับขึ้น คง หรือลดอัตราดอกเบ้ียนโยบายโดยคณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) เช่น ปรับข้ึนอัตราดอกเบ้ียนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี ซ่ึงเมื่อประกาศแล้ว แบงก์ชาติ ก็จะดำ�เนินการให้อัตราดอกเบ้ียนโยบายปรับตัวเข้าสู่อัตราที่กำ�หนดไว้ โดยอาศยั เครื่องมอื ตา่ ง ๆ ท่แี บงกช์ าติมี เสรมิ ความรู้ การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบ้ียนโยบายก็เพ่อื ควบคุมอตั ราเงนิ เฟอ้ ให้อยใู่ นเปา้ หมายทก่ี ำ�หนดไว้ โดยเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ ที่ใช้ อยใู่ นปจั จบุ นั คอื อัตราเงินเฟ้อท่ัวไป ซ่งึ กค็ อื อตั ราการเปล่ียนแปลงของราคาสินคา้ และบริการทีม่ ีความจ�ำ เปน็ ในการดำ�รงชีวิต ประจำ�วนั ทซ่ี ื้อขายกนั ในตลาด สอดคล้องกับคา่ ครองชพี ของประชาชน จึงงา่ ยต่อการสือ่ สารและช่วยใหส้ าธารณชนคาดการณ์ เงนิ เฟอ้ ไดด้ ี นอกจากนี้ เป้าหมายดังกล่าว ยังเปน็ เปา้ หมายนโยบายการเงินในระยะปานกลางและมีความยืดหยนุ่ มากขนึ้ ด้วย หมายความว่า การปรบั อัตราดอกเบย้ี นโยบายในวันนี้ ม่งุ ควบคมุ อตั ราเงินเฟ้อในชว่ งเวลาหลายปีขา้ งหน้าเพราะใชเ้ วลาสง่ ผา่ น ผลไปยังภาคเศรษฐกจิ จริง จงึ ไมย่ ดึ ติดวา่ นโยบายการเงินตอ้ งดแู ลเฉพาะเงินเฟ้อตลอดเวลา เพ่ือเพ่ิมความยดื หยุ่นใหอ้ ตั รา ดอกเบย้ี นโยบายสามารถปรับขนึ้ หรอื ลงเพื่อดูแลการขยายตัวของเศรษฐกจิ และดูแลเสถียรภาพระบบการเงนิ ควบคู่กนั ไปได้ 133เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
มกาี 2รดแำ�บเนบินนคโยือบายการเงนิ Exam Tip 1. นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แม้ว่านโยบายการเงินแบบผอ่ นคลาย จะสามารถใชเ้ ปน็ เครอื่ งมือในการ หากในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา ไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อ เนื่องจาก กระต้นุ เศรษฐกจิ ได้ แต่หากผู้ผลติ ผู้คนไม่ค่อยมีการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้การผลิตสินค้าและบริการลดลง ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทนั กบั หรือเลิกกิจการ เกิดปัญหาการว่างงาน ซึ่งก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจตามมา ความต้องการ ราคาสนิ ค้าก็จะ เป็นลูกโซ่ เม่ือเป็นเช่นน้ี แบงก์ชาติก็จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย สูงขึน้ แทน ซง่ึ จะนำ�ไปสปู่ ญั หา โดยลดอัตราดอกเบ้ียนโยบายลงมาเพ่ือส่งสัญญาณไปยังอัตราดอกเบ้ียเงินกู้ เงินเฟอ้ และท�ำ ใหเ้ ศรษฐกิจ และเงนิ ฝากในตลาดใหเ้ ปลยี่ นแปลงไปในทศิ ทางเดยี วกนั เมอื่ อตั ราดอกเบยี้ กลับชะลอตวั ลงได้ในที่สุด เงินฝากลดลง ก็คือ ต้นทุนคา่ เสียโอกาสของเงนิ ลดลงด้วย (ดอกเบี้ยเงินฝาก กค็ อื ตน้ ทนุ ของเงนิ จากการทีเ่ ราจะถอื ไว้เพื่อใชจ้ า่ ย) คนก็อาจจะนำ�เงนิ ไป ใชจ้ า่ ยซอื้ สนิ คา้ และบรกิ ารมากขน้ึ ได้ ขณะเดยี วกนั การทอี่ ตั ราดอกเบยี้ เงนิ กู้ ลดลง คนก็อยากซ้ือบ้าน ซื้อรถ รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น ส่วนผู้ผลิตก็อาจจะขยายการผลิตมากขึ้นเพราะความต้องการบริโภค มมี ากขึน้ และต้นทนุ การกู้ยมื กถ็ ูกลงด้วย จะเหน็ วา่ เศรษฐกจิ กจ็ ะกลับมา คกึ คกั เนอ่ื งจากการบรโิ ภคและการลงทนุ เพมิ่ ขน้ึ ซงึ่ กจ็ ะท�ำ ใหม้ กี ารผลติ และ การจา้ งงานมากขึน้ ดว้ ย แตก่ ็อาจจะทำ�ใหร้ าคาสินคา้ และบริการสูงข้ึนบ้าง ค�ำ ถามชวนคดิ ...? กลไกท่ีอตั ราดอกเบยี้ นโยบายสง่ ผ่านไปยังอัตราดอกเบยี้ ในตลาด และมผี ลกระทบตอ่ ตวั แปรทางเศรษฐกจิ ไมว่ ่าจะเปน็ การบริโภค การลงทุน การจา้ งงาน จนกระทัง่ ถึงระดบั ราคานน้ั เราเรยี กว่า กลไกการส่งผา่ นนโยบายการเงิน ซงึ่ การส่งผา่ นชอ่ งทางนี้เราเรียกว่า “ชอ่ งทางอัตราดอกเบ้ีย” แต่คุณรู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แลว้ ผลของอตั ราดอกเบยี้ นโยบายยังเดินทางไปสเู่ ศรษฐกจิ และอัตราเงนิ เฟอ้ ผา่ นช่องทางอืน่ ๆ ได้อีก ลองคิดว่าจะมชี ่องทาง อะไรไดอ้ กี บ้าง (คำ�ใบ้ : เฉลยอยใู่ นหวั ขอ้ “กลไกการสง่ ผ่านนโยบายการเงิน”) 134 เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
วารู…ไหม? 2. นโยบายการเงินแบบตึงตัว การขน้ึ ดอกเบ้ีย แมจ้ ะกระทบต้นทนุ ในทางกลับกนั หากเศรษฐกจิ เตบิ โตอย่างรอ้ นแรง จนทำ�ให้ราคา ของผู้ผลติ ใหส้ ูงขน้ึ บ้าง และอาจ สินคา้ และบริการโดยทั่วไปแพงขึน้ อยา่ งตอ่ เนอื่ งหรอื เงนิ เฟอ้ สูงขน้ึ เนอ่ื งจาก เป็นการชะลอเศรษฐกจิ แตก่ ็ ผู้คนแย่งกันซ้ือสินค้า ผู้ผลิตแข่งกันขายสินค้าและขยายกิจการ และมีการ เป็นเพียงผลในระยะสนั้ เทา่ นน้ั กว้านซ้ือวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าเพ่ิมขึ้น เม่ือเป็น แตใ่ นระยะยาว ต้นทนุ ของผู้ผลติ เช่นนี้ แบงก์ชาติก็จะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยจะปรับข้ึน จะลดลง เพราะการขึ้นดอกเบ้ยี อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้อัตราดอกเบ้ียเงินกู้และเงินฝากในตลาด จะชว่ ยชะลอเงนิ เฟอ้ ส่งผลให้เกิด ปรับเพิม่ ขึ้นด้วย เช่นเดียวกนั เมือ่ อตั ราดอกเบ้ียเงินฝากเพิม่ ขนึ้ คนก็อาจจะ การผลิตและการจ้างงาน เศรษฐกจิ นำ�เงินไปฝากธนาคาร การจับจ่ายซ้ือสินค้าและบริการก็น้อยลง และเม่ือ จะกลบั มาเตบิ โต อัตราดอกเบ้ียเงินกู้เพิ่มขึ้น ต้นทุนการกู้แพงข้ึน คนก็จะไม่อยากซ้ือบ้าน ซ้ือรถ รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็จะลดลง เมื่อการบริโภคน้อยลง และต้นทุนการกู้แพงขึ้น ผู้ผลิตก็จะผลิตน้อยลง ไม่มีการขยายการผลิต ในชว่ งน้ี จะเหน็ วา่ เศรษฐกจิ กจ็ ะลดความรอ้ นแรงลง ราคาสนิ ค้า โดยทั่วไป จะเพิ่มข้ึนช้าลง อัตราเงินเฟ้อจะลดลง และเศรษฐกิจกลับมาเติบโต แบบค่อยเป็นค่อยไปในท่สี ดุ ค�ำ ถามชวนคดิ ...? หากสมมตใิ หร้ ะบบเศรษฐกจิ ไทยเปรยี บเสมอื นรถยนต์ โดยมแี บงกช์ าติ เปน็ ผขู้ บั แนน่ อนวา่ ในขณะขบั รถ ผขู้ บั จะตอ้ งมองทง้ั กระจกหนา้ และกระจก หากสมมติใหร้ ะบบเศรษฐกจิ ไทย มองหลัง โดยการมองไปข้างหน้าผ่านกระจกหนา้ รถกเ็ พ่อื ดเู สน้ ทางและดูว่า เปรียบเสมือนรถยนต์โดยมแี บงก์ชาติ ระยะทางข้างหน้ามีอุปสรรคใด ๆ หรือไม่ ซ่ึงถ้ามีอุปสรรค เช่น ฝนตก เป็นผขู้ บั และอัตราดอกเบยี้ นโยบาย ถนนล่ืน ผู้ขับก็จะผ่อนคันเร่งหรืออาจต้องแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว เปรียบเสมือนคันเร่งและเบรกที่ใช้ควบคุม ของรถลง แต่หากระยะทางข้างหน้าไม่มอี ุปสรรคและรถยงั แล่นช้าอยู่ ผู้ขบั ก็ ความเร็วของรถให้อยใู่ นระดบั ที่เหมาะสม สามารถเหยยี บคนั เรง่ เพอื่ เพม่ิ ความเรว็ ของรถขน้ึ อกี ได้ ดงั นน้ั คณุ สมบตั ขิ อง ถามวา่ การมองกระจกหนา้ รถเปรียบ ผู้ขับที่ดีต้องขับอย่างระมัดระวังและสามารถควบคุมความเร็วให้เสมอต้น เสมอื นวิธีการใดของการด�ำ เนนิ นโยบาย เสมอปลาย ไมเ่ รว็ เกนิ ไปจนอาจเสย่ี งทจี่ ะเกดิ อนั ตราย และตอ้ งขบั ใหน้ ม่ิ นวล การเงิน สำ�หรับผู้โดยสารและเป็นการถนอมรถด้วย ดังนั้น อัตราดอกเบ้ียนโยบาย จงึ เปรยี บเสมอื นคนั เรง่ และเบรก และการมองไปขา้ งหลงั ผา่ นกระจกมองหลงั ของผู้ขับ ก็เปรียบเหมือนการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ 135เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดยี วอยู่
ในปัจจุบันท่ีได้เกิดข้ึนแล้ว แต่เท่านั้นยังไม่พอ การดำ�เนินนโยบายการเงิน คำ�ถามชวนคิด...? ภายใต้กรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นยังต้องมองไปข้างหน้า เพราะกวา่ เบรกและคนั เรง่ จะสง่ ผา่ นไปสเู่ ครอ่ื งยนตเ์ ศรษฐกจิ และท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ มคี นพดู ว่า เงนิ เฟอ้ ทเ่ี กดิ จากตน้ ทุน ชะลอหรือกลับมาคึกคัก ในความเป็นจริงต้องใช้เวลา การดำ�เนินนโยบาย การผลิตท่สี ูงข้นึ เช่น ราคาน้ำ�มันเพิม่ ขน้ึ การเงินจึงต้องคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจล่วงหน้า แรงงานขาดแคลนท�ำ ใหค้ า่ จ้างสงู ข้นึ กล่าวคอื หากธนาคารกลางคาดการณ์วา่ เศรษฐกิจในระยะต่อไปมแี นวโนม้ เช่นน้ีไม่ได้เกี่ยวกับการจบั จ่ายใช้สอย ท่ีจะร้อนแรง แรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีมาก แบงก์ชาติก็จะปรับข้ึนอัตรา ทีร่ ้อนแรงเลย แต่เปน็ เรื่องของต้นทนุ ดอกเบี้ยนโยบายเพ่ือสกัดการคาดการณ์เงินเฟ้อท่ีจะเร่งข้ึน ชะลอความ ของภาคการผลิตท่เี พมิ่ ขน้ึ กรณเี ช่นน้ี รอ้ นแรงของเศรษฐกจิ เป็นต้น แบงกช์ าติก็ไมค่ วรขน้ึ ดอกเบีย้ แนวคิด แบบน้ีถอื ว่าถกู หรือผดิ อยา่ งไร ? แแนบวงทกาง์ชกาาตรดจิ �ำ ะเยนินดึ นหโยลบกั าย3กาขร้อเงินของ คงตอ้ งตอบวา่ ถ้าเงินเฟอ้ เกิดจากตน้ ทนุ (1) ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพด้านราคา การผลิตสงู ขึ้นเพียงชั่วคราว และผ้ผู ลิต (long-term price stability) และการเติบโตทางเศรษฐกจิ อยา่ งมี ตอ้ งปรบั ราคาขน้ึ ตามตน้ ทนุ อย่างไรกด็ ี เสถียรภาพ หากผู้บรโิ ภคไม่มีความต้องการ (2) ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยให้ม่ันใจว่า ระดับราคาของสินคา้ และบริการเหล่านัน้ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีการขยายตัวในเกณฑ์ดี กจ็ ะไม่ได้เพิม่ ขน้ึ มาก แบงกช์ าตกิ ็ไม่ควร ตอ่ เนื่อง เข้าไปทำ�อะไร แต่หากต้นทนุ การผลติ สงู ข้ึน (3) ไมช่ า้ จนกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาความไมส่ มดลุ เชน่ การคงอตั ราดอกเบย้ี เรือ่ ย ๆ และสง่ ผ่านไปยังสินค้าอื่น ๆ ไว้ต�ำ่ นาน ๆ อาจจะสง่ เสริมใหม้ ีการลงทุนในสนิ ทรัพย์เสย่ี งหรอื ในวงกว้าง เช่น ค่าขนส่ง ค่าอาหาร เปน็ ตน้ การลงทุนในรูปแบบที่ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลิตภาพการผลิตใน และถ้าบวกกับมคี วามตอ้ งการสนิ คา้ ระยะยาวทั้งคอนโดมเิ นียม ทองคำ� และโภคภัณฑอ์ นื่ ๆ ซ่งึ อาจ และบรกิ ารน้ัน ๆ เขา้ มาเสริม กจ็ ะทำ�ให้ จะสะสมจนเกดิ ภาวะเศรษฐกจิ ฟองสบตู่ ามมา สง่ ผลตอ่ เสถยี รภาพ ระดบั ราคาสงู ข้ึน และมีการคาดการณ์วา่ ของระบบเศรษฐกิจ ระดบั ราคาจะสูงตอ่ เนอ่ื งไปอีก สดุ ทา้ ยแลว้ จะสง่ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ อยา่ งมาก เมือ่ นั้น แบงก์ชาติก็ควรเข้าไปดแู ล โดย ข้นึ ดอกเบีย้ เพอื่ ควบคมุ เงนิ เฟ้อและลด การคาดการณเ์ งินเฟอ้ ของประชาชน เพอ่ื ไมใ่ หป้ ญั หาเงินเฟอ้ รุนแรงขึน้ ไปอีก 136 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
ชอ่ งทางการสง่ ผ่านผลของนโยบายการเงนิ และ ประสิทธผิ ลของนโยบายการเงนิ INTEREST RATES เราทราบแล้วว่าเม่ือมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบ้ียนโยบายจะส่งผล ให้อัตราดอกเบ้ียในตลาดมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งอัตราดอกเบ้ีย ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ จะมีผลต่อพฤติกรรมของประชาชนและนักธุรกิจ ท�ำ ใหก้ จิ กรรมทางเศรษฐกจิ ไมว่ า่ จะเป็นการผลิต การบรโิ ภค การคา้ และ การลงทุนเพิ่มข้ึนหรือลดลง และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและอัตรา เงินเฟ้อในที่สุด เราเรียกขั้นตอนการส่งผลกระทบของนโยบายการเงิน ตอ่ ระบบเศรษฐกิจ ซ่งึ เรมิ่ ตั้งแตอ่ ตั ราดอกเบีย้ นโยบายจนไปถึงอัตราเงินเฟอ้ นวี้ า่ กลไกการสง่ ผา่ นนโยบายการเงนิ ซง่ึ มชี อ่ งทางหลกั อยู่ 5 ชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ 1. ช่องทางอัตราดอกเบ้ีย หากแบงก์ชาติดำ�เนินนโยบายการเงิน แบบตึงตัว (ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) เพ่ือควบคุมเงินเฟ้อ จะทำ�ให้ อัตราดอกเบ้ียในตลาดเพิ่มข้ึนตามไปด้วย อัตราดอกเบี้ยตลาดที่เพิ่มขึ้นนี้ จะทำ�ให้ต้นทุนการบริโภคและการลงทุนสูงข้ึน การบริโภคและการลงทุน ก็จะน้อยลง การผลิตและการจ้างงานก็จะน้อยลง ช่วยชะลอความร้อนแรง ของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโดยท่ัวไปจะเพ่ิมขึ้นช้าลง อัตราเงินเฟ้อจะลดลง ซง่ึ ไดก้ ลา่ วไปแล้ว 2. ชอ่ งทางสนิ เชอ่ื เมอ่ื อตั ราดอกเบยี้ เงนิ กเู้ พม่ิ ขน้ึ ภาระการผอ่ นช�ำ ระ เงินกู้ของธุรกิจและประชาชนจะเพ่ิมข้ึน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ทราบดีว่า ภาระท่ีสูงข้ึนน้ีทำ�ให้ความสามารถในการผ่อนชำ�ระหนี้ของลูกค้าลดลง ดงั นั้น เม่อื มกี ารมาขอสนิ เชอ่ื ใหม่ ธนาคารพาณิชย์มกั จะเพ่มิ ความเข้มงวด ในการอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า เมื่อประชาชนกู้เงินได้ยากขึ้น กิจกรรมทาง เศรษฐกจิ กจ็ ะชะลอลง ซ่ึงส่งผลให้อตั ราเงนิ เฟ้อลดลงในทีส่ ดุ 137เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
3. ช่องทางมูลค่าสินทรัพย์ หรือก็คือ ช่องทางความมั่งค่ัง เมื่ออัตรา คำ�ถามชวนคิด...? ดอกเบ้ียนโยบายปรับสูงข้ึนและอัตราดอกเบ้ียเงินฝากก็ปรับสูงข้ึนตาม ผู้ออมหรือนักลงทุนจะมีแนวโน้มต้องการนำ�เงินของตนมาฝากไว้กับ ทำ�ไมเม่ือ กนง. มีการปรับเปลย่ี นอตั รา ธนาคารพาณิชยม์ ากขึ้น โดยบางส่วนอาจถอนมาจากการลงทุนในสินทรัพย์ ดอกเบ้ียนโยบายแลว้ จงึ ท�ำ ใหอ้ ัตรา ประเภทอ่นื เช่น หุ้น คอนโดมเิ นยี ม และทด่ี นิ เป็นตน้ ซึ่งจะสง่ ผลใหร้ าคา ดอกเบีย้ ในตลาดมแี นวโน้มเปลย่ี นแปลง ของสนิ ทรพั ยเ์ หลา่ นด้ี อ้ ยลงไป(ความตอ้ งการลดลง สง่ ผลใหร้ าคาลดลงดว้ ย) ตามไปในทศิ ทางเดียวกนั ด้วย ประชาชนท่ีถือสินทรัพย์เหล่านั้นอยู่จะรู้สึกมั่งคั่งน้อยกว่าเดิมและลดการ จบั จ่ายใช้สอย คำ�ตอบก็คอื เพราะเป็นท่ีทราบกันดี 4. ชอ่ งทางอัตราแลกเปล่ยี น ช่องทางน้คี ่อนขา้ งจะซบั ซอ้ น คือ อัตรา อยแู่ ลว้ วา่ แบงกช์ าตมิ หี นา้ ทใ่ี นการพมิ พเ์ งนิ ดอกเบย้ี มคี วามสมั พนั ธเ์ กยี่ วโยงกบั อตั ราผลตอบแทนในประเทศ ซงึ่ จะสง่ ผล จึงสามารถเพมิ่ หรือลดอปุ ทานของเงนิ ต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยที่สูงข้ึน ในระบบได้ ดงั นน้ั เมื่อใดที่ กนง. ประกาศ เมอื่ เทยี บกบั ตา่ งประเทศ กเ็ ปน็ แรงจงู ใจใหน้ กั ลงทนุ ตา่ งชาตนิ �ำ เงนิ มาลงทนุ ปรับอัตราดอกเบ้ยี นโยบาย แบงกช์ าติ ในประเทศไทยมากข้นึ ท�ำ ให้มีการขายเงนิ ตราตา่ งประเทศแลกเป็นเงนิ บาท ก็พรอ้ มทจ่ี ะเพ่ิมหรือลดสภาพคลอ่ ง เพื่อมาลงทุนมากข้ึน เงินบาทก็จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และการท่ีเงินบาท แบบไม่อ้นั (อุปทานของเงนิ ) เพอ่ื ใหอ้ ตั รา แข็งค่าก็จะทำ�ให้ต้นทุนการนำ�เข้าสินค้าวัตถุดิบ ตลอดจนสินค้าสำ�เร็จรูป ดอกเบ้ียในตลาดปรับตวั ตามอตั รา ตา่ ง ๆ จากต่างประเทศเม่อื คิดเป็นเงนิ บาทกจ็ ะถกู ลง มกี ารน�ำ เข้ามากขึ้น ดอกเบีย้ นโยบายท่ี กนง. ประกาศไว้ แต่ขณะเดียวกันการที่เงินบาทแข็งค่าก็จะทำ�ให้ราคาสินค้าส่งออกของเรา โดยด�ำ เนนิ การผา่ นการปลอ่ ยกู้ข้ามคนื แพงข้ึนในสายตาของต่างชาติ เมื่อการส่งออกลดลง การนำ�เข้ามากข้ึน ใหก้ บั ธนาคารพาณชิ ย์ (ไม่จำ�กดั ปรมิ าณ เศรษฐกิจก็จะขยายตัวในอัตราท่ีชะลอลง อัตราเงินเฟ้อก็จะลดลง ตราบใดทีธ่ นาคารพาณิชยม์ ีหลักทรพั ย์ 5. ช่องทางการคาดการณ์ ผลของนโยบายการเงินผ่านช่องทางนี้ ชนั้ ดีมาวางเป็นหลกั ประกนั ) หรอื ทเี่ รยี กว่า มีความไม่แน่นอน ข้ึนอย่กู บั ความคดิ ของประชาชนสว่ นใหญ่วา่ การดำ�เนนิ หนา้ ต่าง standing facility ลองคดิ ดวู า่ นโยบายการเงนิ ตามทีแ่ บงก์ชาตปิ ระกาศจะมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร แมว้ า่ ถา้ กนง. ประกาศขน้ึ อตั ราดอกเบยี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพ่ิมขึ้นตามอัตราดอกเบ้ียนโยบาย ก็ไม่จำ�เป็นท่ีอัตรา นโยบาย แล้วธนาคารพาณชิ ยแ์ ห่งหนงึ่ เงนิ เฟ้อจะลดลง อาจเพิ่มขึน้ กไ็ ด้ คณุ คิดวา่ จะเกิดขน้ึ ในกรณีไหน จะขอก้ทู อ่ี ัตราดอกเบีย้ เท่าเดมิ คงไม่มใี คร ยอมให้กู้ท่อี ัตราดอกเบีย้ เท่าเดิมอีกตอ่ ไป เพราะอยา่ งนอ้ ยถ้าเอาไปให้แบงกช์ าติ กผู้ ่านหน้าตา่ ง standing facility จะตอ้ ง ได้ผลตอบแทนมากกวา่ การใหก้ ู้ของ แบงก์ชาติข้างตน้ จึงท�ำ ใหอ้ ตั ราดอกเบี้ย ในตลาดมีแนวโน้มทีจ่ ะตอ้ งปรับตาม แตท่ ้งั นกี้ อ็ าจไมเ่ หน็ การปรับอตั ราดอกเบยี้ ของธนาคารพาณชิ ย์ในทันที เพราะการ ปรับดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขึน้ อยู่กบั หลายปัจจัยด้วยกนั ทง้ั ในเร่ือง สภาพคล่องและโครงสรา้ งตน้ ทนุ ของ ธนาคาร รวมถึงการแข่งขันระหว่าง ธนาคาร 138 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
“ หากแบงก์ชาติเห็นว่า เศรษฐกิจร้อนแรงจนทำ�ให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แบงก์ชาติจึงประกาศข้ึนอัตราดอกเบ้ียนโยบายส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยใน หากประชาชนเช่ือว่าการข้ึน ตลาดเพิ่มตามไปด้วย แต่ถ้าประชาชนพากันเช่ือว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ ดอกเบยี้ ของแบงกช์ าติ ในอนาคตจะยงั คงดี และมกี ารเตบิ โตอยา่ งแขง็ แกรง่ กจ็ ะสง่ ผลใหป้ ระชาชน จะส่งผลใหภ้ าวะเศรษฐกจิ มีความเช่ือม่ันและจับจ่ายใช้สอยมากข้ึนแม้อัตราดอกเบ้ียจะสูงข้ึนก็ตาม ในอนาคตจะชะลอตัว นักธุรกิจเองก็ยังต้องการขยายกิจการเพื่อรองรับความต้องการท่ีเพิ่มข้ึนน้ี ประชาชนก็จะชะลอ ส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มข้ึน เศรษฐกิจคึกคัก ราคาสินค้าและบริการก็จะ การจับจา่ ยใช้สอย แพงข้ึน จนท�ำ ใหแ้ รงกดดนั เงินเฟอ้ เพมิ่ ขึ้นไปอกี ไดเ้ ช่นกนั ในทางกลับกัน หากประชาชนเช่ือว่า การข้ึนดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ” จะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจในอนาคตจะชะลอตัว ประชาชนก็จะชะลอการ จับจ่ายใช้สอย ธุรกิจอาจจะยังไม่ปรับราคาสินค้าและบริการเพ่ิมข้ึน เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะลดการบริโภคลงไปอีก ยิ่งไปกว่าน้ันอาจ ปรับราคาลดลงด้วยเพ่ือกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง ในขณะเดียวกัน นักธุรกิจท่ีคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในอนาคตจะชะลอ การลงทุนหรือขยายกิจการ งดการจ้างงานเพิ่ม หรือลดจำ�นวนคนงานลง เศรษฐกจิ ก็จะชะลอลง แรงกดดันเงินเฟ้อก็จะลดลง จะเหน็ ไดว้ า่ ผลลพั ธข์ องนโยบายการเงนิ ผา่ นชอ่ งทางการคาดการณน์ ้ี มีความสำ�คัญและค่อนข้างอ่อนไหว เป็นไปได้ท้ังสองทาง เศรษฐกิจคึกคัก แรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หรือเศรษฐกิจชะลอตัว แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ท้ังน้ี ก็ข้ึนอยู่กับความคิดของประชาชนหลังจากการรับรู้ข่าวสารเป็นสำ�คัญ ไมว่ า่ จะเปน็ ขา่ วการก�ำ หนดอตั ราดอกเบย้ี นโยบายของ กนง. หรอื ขา่ วเกย่ี วกบั ภาวะเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ดงั นนั้ การสอ่ื สารและสรา้ งความเชอื่ มน่ั ในนโยบายการเงินท่ีประกาศออกไปจึงมีความสำ�คัญเพราะจะส่งผลต่อ ประสิทธภิ าพของนโยบายการเงนิ ดว้ ย 139เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
จากชอ่ งทางการสง่ ผา่ นทว่ี า่ มาขา้ งตน้ จะเหน็ วา่ การปรบั เปลยี่ นอตั ราดอกเบยี้ นโยบายจะมผี ลตอ่ อตั ราเงนิ เฟอ้ มากน้อยแค่ไหน ข้ึนอยู่กับหลายปัจจัยที่สำ�คัญ ได้แก่ (1) การเปล่ียนแปลงของอัตราดอกเบ้ียในตลาดตาม อัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะอัตราดอกเบ้ียของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ยังคงเป็นตัวกลางทาง การเงินที่มีบทบาทมากท่ีสุด (2) พฤติกรรมการตอบสนองของประชาชนและนักธุรกิจต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาด ท่เี ปล่ยี นแปลงไป และ (3) การคาดการณแ์ นวโน้มเศรษฐกจิ ของประชาชน นอกจากนี้ การส่งผ่านผลของนโยบายการเงินยังค่อนข้างจะซับซ้อนและอาจจะใช้เวลานานกว่านโยบาย การคลัง ซ่ึงในแต่ละช่องทางก็ใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน โดยช่องทางการคาดการณ์จะมีผลกระทบเร็วที่สุด เพราะเม่ือแบงก์ชาติประกาศข้ึนดอกเบี้ย คนก็จะคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตทันทีว่า จะดีข้ึนหรือแย่ลง และ ตัดสนิ ใจวา่ เขาควรจะบรโิ ภคและลงทุนมากน้อยแคไ่ หน ซึ่งย่อมสง่ ผลต่อเศรษฐกิจในทนั ที ในขณะที่ช่องทางอ่ืน ๆ เช่น ชอ่ งทางอตั ราดอกเบยี้ ตลาดและชอ่ งทางสนิ เชอื่ ต้องอาศัยระยะเวลาสักพักหน่ึงจึงจะเร่มิ ส่งผล เนอ่ื งจากต้องรอ ให้อัตราดอกเบ้ียในตลาดปรับตัวก่อน โดยอัตราดอกเบ้ียตลาดอาจจะไม่สามารถปรับตัวตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ได้ทนั ที เช่น อัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจ�ำ ระยะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน จะสง่ ผลต่อการออมเงินจรงิ ๆ กต็ อ้ งรอใหเ้ งนิ ฝากประจ�ำ กอ้ นเดมิ ครบก�ำ หนดแลว้ จงึ จะไดร้ บั อตั ราดอกเบยี้ ใหม่ เมอ่ื ฝากเงนิ เขา้ ระบบอกี ครงั้ เปน็ ตน้ แต่เราก็จะเห็นอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อย ๆ ปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบ้ียนโยบายเม่ือเวลาผ่านไป ดงั นั้น ช่องทางอน่ื ๆ จะมีผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงช้ากวา่ จะเหน็ ไดว้ า่ ประสทิ ธผิ ลของนโยบายการเงนิ มขี อ้ จ�ำ กดั เพราะการสง่ ผา่ นผลของนโยบายขน้ึ อยกู่ บั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ทงั้ หลายในระบบเศรษฐกิจ ไม่วา่ จะเปน็ ธนาคารพาณชิ ย์ นักธุรกิจ หรือประชาชนซ่ึงเป็นผ้บู รโิ ภค ทำ�ให้ประสทิ ธิผล ของนโยบายการเงนิ จึงขึน้ อย่กู ับความเชื่อมนั่ ของภาคเอกชนเปน็ ส�ำ คญั นอกจากน้ี ผลของนโยบายการเงินยงั อาจจะ กระตนุ้ ไดเ้ พยี งในระยะสน้ั แตไ่ มส่ ามารถยกระดบั ศกั ยภาพในระยะยาวได้ ไมเ่ หมอื นกบั นโยบายการคลงั ทที่ �ำ ไดผ้ า่ น การลงทนุ ในโครงสรา้ งพน้ื ฐาน นโยบายการเงนิ เพยี งแคช่ ว่ ยสรา้ งบรรยากาศในการลงทนุ ของประเทศเพราะการรกั ษา ระดับราคาไม่ให้สูงจะทำ�ให้ผู้ผลิตควบคุมและสามารถคาดการณ์ต้นทุนได้ ถ้าสามารถรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อได้ ตน้ ทนุ การผลติ กจ็ ะไมส่ งู กวา่ คแู่ ขง่ ขนั ท�ำ ใหส้ ง่ ผลดตี อ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ อนั จะท�ำ ใหเ้ ศรษฐกจิ ขยายตวั ไดใ้ นระยะยาว 140 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
เพิ่มอตั ราดอกเบี้ยนโยบาย แลว จะเกดิ อะไรขึน้ ? เมื่อแบงกช าติประกาศเพม่ิ อตั ราดอกเบ้ียนโยบายเพ่ือชะลอความรอ นแรงของเศรษฐกจิ จะสง ผลมาถึงประชาชนและภาคธุรกิจผา น 5 ชอ งทางดว ยกนั 1. ชองทางอตั ราดอกเบยี้ (Interest Rate Channel) แบงกช าติขน้ึ ดอกเบ้ยี เงินฝาก+เงนิ กู ประชาชนตองการบรโิ ภค กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบ้ยี นโยบาย ปรับเพ่ิมขึน้ ตน ทนุ การ และลงทนุ ลดลง และเงนิ ฟอ ลดลง ลงทุนและบรโิ ภคเพิ่มข้ึน 2. ชองทางสินเชอ่ื (Credit Channel) แบงกช าตขิ ้นึ ดอกเบ้ียเงนิ ฝาก+เงนิ กู ภาคธรุ กจิ มภี าระหนี้เพมิ่ ขึน้ ธในนากคาารรปเพลอ่มิ ยคสวินามเชเข่อื ม ภาคธุรกจิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ อตั ราดอกเบ้ยี นโยบาย ปรบั เพม่ิ ขึ้น ตนทุนการ ฐานะการเงินดอ ยลง ลงทนุ และบริโภคเพิม่ ขน้ึ ใหภาคธุรกิจ กมู าขยายการผลิต และเงินเฟอชะลอลง และลงทนุ ยากขึ้น 3. ชองทางมลู คาสนิ ทรัพย (Asset Price Channel) แบงกชาตขิ ้ึน ดอกเบย้ี เงนิ ฝาก+เงนิ กู ประชาชนถอนการลงทนุ ราคาสินทรพั ยล ดลง ประชาชนใชจายลดลง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบยี้ นโยบาย ปรับเพิ่มขึ้น ตนทุนการ ในรปู แบบอน่ื มาฝากธนาคาร ประชาชนรสู ึกมงั่ คงั่ ลดลง และเงินเฟอ ชะลอลง ลงทนุ และบรโิ ภคเพม่ิ ขึ้น 4. ชอ งทางอตั ราแลกเปล่ียน (Exchange Rate Channel) แบงกช าตขิ ึ้น สวนตา งอตั ราดอกเบี้ย เงนิ บาทแขง็ คา ข้นึ การสง ออกลดลง การผลิตในประเทศ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ชะลอลง และเงินเฟอลดลง อตั ราดอกเบย้ี นโยบาย กับตา งประเทศเพ่ิมขึน้ การนําเขา มากขึน้ เงินทุนไหลเขา 5. ชอ งทางการคาดการณ (Expectations Channel) ถาภาคธรุ กิจและประชาชน การบริโภคและการลงทนุ กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ คิดวาเศรษฐกจิ ยงั คงดี เพิม่ ขนึ้ และเงนิ เฟอเพ่มิ ข้นึ แบงกช าตขิ นึ้ ถาภาคธรุ กิจและประชาชน การบรโิ ภคและการลงทุน กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ อตั ราดอกเบ้ียนโยบาย คิดวาเศรษฐกจิ จะแยล ง ลดลง และเงินเฟอชะลอลง 141เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
กลอ่ งความรทู้ ่ี 10 การดำ�เนนิ นโยบายการเงนิ แบบพเิ ศษ (unconventional monetary policy) ของประเทศเศรษฐกิจหลัก เราร้แู ล้ววา่ ธนาคารกลางจะสง่ สัญญาณผา่ นอตั ราดอกเบ้ยี นโยบายเปน็ เครอ่ื งมือในการด�ำ เนินนโยบายการเงนิ แลว้ ปลอ่ ยใหก้ ลไก ตลาดเป็นตัวกำ�หนดให้ดอกเบ้ียตลาดปรับตาม หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายลงมา อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีแนวโน้มลดลงด้วย ทำ�ให้การบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ในช่วง global financial crisis ปี 2551 ธนาคารกลางสหรฐั อเมรกิ า ธนาคารกลางยโุ รป (ECB) และธนาคารกลางญีป่ นุ่ ตา่ งใช้นโยบายการเงนิ และ เคร่อื งมือปกติ โดยลดดอกเบ้ยี นโยบายลงเหลอื ศูนย์ ซงึ่ เปน็ อตั ราทตี่ �ำ่ ท่ีสุดในประวตั ศิ าสตร์ แตก่ ็ยงั ไม่สามารถพลกิ ฟืน้ เศรษฐกจิ ได้ อตั ราการวา่ งงานเพม่ิ สงู ขน้ึ สถาบนั การเงนิ ออ่ นแอ ไมส่ ามารถท�ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั กลางทางการเงนิ สง่ ผลตอ่ ภาคธรุ กจิ และภาคครวั เรอื น เครอื่ งมอื ท่ธี นาคารกลางใช้ตามปกติถงึ ทางตัน จงึ เปน็ ที่มาของการใชน้ โยบายการเงินแบบพเิ ศษ หรือ unconventional monetary policy ซึง่ วธิ กี ารหนึง่ ที่ใช้กันแพร่หลาย คอื การผอ่ นคลายนโยบายการเงนิ เชงิ ปริมาณ (Quantitative Easing : QE) เพือ่ ชว่ ยประคอง เศรษฐกจิ และท�ำ ให้ระบบการเงินท�ำ งานไดเ้ ป็นปกติ QE หรือพูดงา่ ยๆ คือ การอัดฉดี สภาพคล่อง (หรอื พิมพเ์ งนิ ) เข้าไปในระบบเศรษฐกจิ แบบมหาศาล เพ่อื ช่วยลดตน้ ทุนการระดมทนุ ในระบบเศรษฐกจิ การเงนิ เพราะการซ้ือสนิ ทรัพย์จากสถาบันการเงิน ท�ำ ใหส้ ถาบนั การเงนิ มสี ภาพคล่องมากข้นึ และเป็นการเพมิ่ อุปสงค์ของสินทรัพย์ที่เข้าซื้อ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เพ่ิมขึ้น ในกรณีของพันธบัตรรัฐบาล เมื่อราคาเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้อัตรา ผลตอบแทนพนั ธบตั รรฐั บาลปรบั ลดลง และเมอ่ื อตั ราผลตอบแทนพนั ธบตั รลดลง ยอ่ มสง่ ผลใหท้ ง้ั รฐั บาลและเอกชนสามารถระดมทนุ โดยการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้ได้ในต้นทุนที่ถูกลง เป็นการลดต้นทุนทางการเงินให้ผู้ผลิต ผู้บริโภค และนักลงทุนกู้เงินได้ถูกลง กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังทำ�ให้สถาบันการเงินและผู้ที่ถือพันธบัตรอยู่มีความมั่งค่ังมากขึ้น ช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจอีกด้านหนึ่งด้วย อีกเครื่องมือหน่ึง คือ การส่ือสารทิศทางของนโยบายการเงินในอนาคต (forward guidance) ทั้งนี้ ก็เพ่ือให้ประชาชนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคตว่า จะอยู่ในระดับตำ่�ไปอีกนาน (low for long) ซึ่งจะทำ�ให้อัตราดอกเบี้ย ระยะยาวลดลง ชว่ ยผอ่ นคลายตน้ ทนุ ทางการเงนิ และกระต้นุ เศรษฐกจิ ไดต้ ่อเนอ่ื งมากขนึ้ การใช้นโยบายการเงินและเครื่องมือการเงินแบบพิเศษน้ีต้องมั่นใจว่า เศรษฐกิจจะไม่กลับไปยำ่�แย่จนต้องกลับมาแก้ปัญหาอีกรอบ เพราะการดำ�เนินนโยบายจะมีขีดจำ�กัด (policy space) ที่จะน้อยลง อีกทั้งการดำ�เนินนโยบายลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ธนาคารกลาง ไมเ่ คยท�ำ มากอ่ นในอดตี หากธนาคารกลางไมส่ ามารถสรา้ งความเชอ่ื มนั่ วา่ จะสามารถยตุ แิ นวนโยบายเชน่ นี้ และกลบั มาใชน้ โยบาย การเงนิ แบบปกติในเวลาทเ่ี หมาะสม กจ็ ะกระทบตอ่ ความน่าเชื่อถือในการด�ำ เนนิ นโยบาย ซึ่งเป็นหวั ใจของธนาคารกลาง และหาก ประชาชนไมเ่ ช่ือถอื นโยบายของธนาคารกลาง ความเชอื่ มัน่ ในการถือเงินของประชาชนจะหมดไป เงนิ เฟอ้ ก็จะไร้เสถยี รภาพเพราะ ประชาชนจะไม่เชอื่ ถือเปา้ หมายเงินเฟอ้ ทธี่ นาคารกลางประกาศอกี ตอ่ ไป การคาดการณ์ต้นทนุ และเงินเฟ้อในอนาคตของผ้ผู ลติ และ นักลงทุนจะทำ�ได้ยาก ส่งผลต่อการลงทุนและศักยภาพในการผลิตของประเทศ ซึ่งจะกระทบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศในระยะยาว เราได้เรียนเร่อื ง no free lunch มาแลว้ คงทราบว่า การด�ำ เนินนโยบายทกุ อย่างต้องมีต้นทนุ เสมอ การท�ำ QE ของเหล่าธนาคารกลางคร้ังนี้ จึงต้องประเมินผลได้เสียให้รอบคอบเพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจถึงแม้จะสำ�เร็จในระยะส้ัน แต่ก็ต้อง แลกมาดว้ ยความน่าเชอ่ื ถือในการดำ�เนนิ นโยบายในระยะยาว 142 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดียวอยู่
ท้ังน้ี การดำ�เนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ แบบยืดหยุ่น (flexible inflation targeting) แบงก์ชาติไม่ได้ดูเพียง แค่เฉพาะเสถียรภาพด้านราคาเท่าน้ัน แต่ได้พิจารณาเสถียรภาพของ ระบบการเงินด้วย ซึ่งมีความสำ�คัญมากขึ้นหลังเกิดวิกฤติการเงินโลก ในช่วงปี 2551 เพื่อประเมินความเปราะบางหรือความเสี่ยงในระบบ การเงินที่อาจสร้างความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ (อ่านเพิ่มเติมได้จาก บทความในกรอบ “การกำ�หนดกรอบและเป้าหมายนโยบายการเงินท่ี เหมาะสมของไทยท่ามกลางความท้าทายจากบริบททางเศรษฐกิจและ การเงินท่ีเปล่ียนแปลงไป” ในรายงานนโยบายการเงิน ฉบับเดือนธันวาคม 2561) การประเมินเสถียรภาพระบบการเงินสามารถพิจารณาจาก 7 ด้านหลัก ได้แก่ (1) ภาคครัวเรือน เช่น ภาคครัวเรือนมีหนี้มากเกินควรหรือไม่ (2) ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เช่น มีกลุ่มธุรกิจใดท่ีหากธุรกิจ หยดุ ชะงกั แลว้ จะสง่ ผลกระทบใหเ้ กดิ ปญั หาลกุ ลามตอ่ ระบบเศรษฐกจิ และระบบการเงนิ หรอื ไม่ (3) ภาคสถาบนั การเงนิ เชน่ ธนาคารพาณิชย์มฐี านะการเงินทแี่ ข็งแกรง่ หรอื ไม่ มีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่ (4) ตลาดการเงนิ เช่น ตลาด อัตราแลกเปล่ียนและตลาดทุนทำ�หน้าที่ได้ปกติหรือไม่ (5) ภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น มีสัญญาณฟองสบู่ในราคา อสงั หารมิ ทรพั ยห์ รอื ไม่(6) ภาคตา่ งประเทศ เชน่ เกดิ ความผดิ ปกตใิ นดลุ การช�ำ ระเงนิ หรอื มสี ญั ญาณหนต้ี า่ งประเทศ เร่งขึ้นมากหรือไม่ และ (7) ภาคการคลัง เช่น หนี้ภาครัฐมีแนวโน้มเร่งขึ้นจนน่ากังวลหรือไม่ ซึ่งเสถียรภาพท้ัง 7 ด้านน้ีมคี วามเชอ่ื มโยงกัน เชน่ แมใ้ นภาวะทเ่ี ศรษฐกิจเติบโตไดด้ ี และไมม่ ีปญั หาเงนิ เฟอ้ แตห่ ากภาคครัวเรือน มีหน้ีสินมากจนไม่สามารถชำ�ระคืนเงินที่กู้ยืมมาจากธนาคารพาณิชย์ได้ ภาคสถาบันการเงินก็จะเกิดความเส่ียงท่ีมี หนเี้ สยี (Non-performing Loans : NPLs) ตามมา หรอื หากรฐั บาลก้ยู ืมต่างประเทศมาใชจ้ า่ ยในโครงการต่าง ๆ มากจนเกนิ ไป เสถียรภาพด้านหนี้ตา่ งประเทศและภาคการคลังกจ็ ะมีความเสี่ยงสงู ข้ึน ต่างประเทศอาจหมดความ เชือ่ มั่นและเรียกคืนหนจี้ นเกดิ ภาวะวิกฤติขนึ้ ได ้ จากความเช่ือมโยงระหว่างภาคเศรษฐกิจที่สูงนั้นอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ หากภาคใดภาคหน่ึงเกิดปัญหาและส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ ดังจะเห็นได้ชัดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ปี 2551 ซงึ่ มจี ุดเรม่ิ ต้นท่ีภาคสถาบนั การเงินในสหรฐั ฯ แตท่ ้ายสดุ ก็ลกุ ลามไปถึงตลาดเงนิ ตลาดทุน รวมไปถึงปญั หา ในภาคการคลงั (ใชจ้ ่ายเกินตวั เพือ่ มาพยุงเศรษฐกิจ) จนส่งผลกระทบต่อการจา้ งงานและเศรษฐกิจโดยรวม ดังนนั้ การเฝ้าดูแลความเสี่ยงแต่ละภาคส่วนจึงมีความจำ�เป็นอย่างยิ่ง เพ่ือไม่ให้ความเสี่ยงก่อตัวและสะสมจนเกิดปัญหา ทีร่ นุ แรงและลุกลามไปยงั ภาคสว่ นอน่ื ๆ ซงึ่ จะท�ำ ใหก้ ารปรบั ตวั ในภายหลงั อาจรนุ แรงและมตี น้ ทุนสงู กวา่ การจัดการ ต้งั แตเ่ น่นิ ๆ การประเมินความเสย่ี งตอ่ เสถยี รภาพระบบการเงินจงึ ต้องมองไปขา้ งหน้า (forward looking) เพื่อให้ 143เศรษฐศาสตร์...เล่มเดียวอยู่
เท่าทันพัฒนาการและความเชือ่ มโยงของความเส่ยี งใหม่ ๆ ทอ่ี าจเกิดข้นึ ในรปู แบบทีห่ ลากหลายและคาดเดาได้ยาก รวมทั้งอาจทวีความรุนแรงข้ึน อาทิ ความเสี่ยงเก่ียวกับสกุลเงินดิจิทัล นวัตกรรมใหม่ ๆ ลักษณะนี้ ยังมีเข้ามา อีกมากภายใต้สภาวะแวดล้อมของโลกท่ีกำ�ลังเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ทางการและประชาชนจึงต้องติดตาม และประเมนิ ความเส่ียงต่าง ๆ อย่างใกล้ชดิ เพือ่ ให้รเู้ ท่าทนั การเปล่ียนแปลงและเตรยี มตวั รองรับ ในการดำ�เนินนโยบายการเงิน นอกจาก กนง. จะติดตามพัฒนาการของเสถียรภาพท้ัง 7 ด้านอย่าง สมำ่�เสมอแล้ว กนง. ยังให้นำ้�หนักกับการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินในการตัดสินนโยบายด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เศรษฐกจิ ทยอยฟน้ื ตัวและอตั ราเงนิ เฟอ้ อาจอยู่ในระดบั ตำ�่ แตห่ น้คี รัวเรอื นยงั ก่อตวั และอยูใ่ นระดับสงู กนง. อาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบ้ียนโยบายไว้ในระดับตำ่�เพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ แต่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพ่ิม เพ่ือป้องกันการก่อหนี้เพ่ิม และ ธปท. อาจใช้เคร่ืองมือหรือมาตรการทางการเงินอื่นเพ่ือร่วมดูแลเสถียรภาพ การเงินดว้ ย กล่องความรู้ท่ี 11 กระบวนการท�ำ นโยบายการเงินของแบงก์ชาติในปจั จุบนั หลังจากเข้าใจทฤษฎีกันแล้ววา่ นโยบายการเงนิ คืออะไร เหตไุ ฉนจงึ ส�ำ คัญ คำ�ถามตอ่ ไปคอื ในทางปฏิบัติแบงก์ชาตมิ กี ระบวนการ การทำ�นโยบายการเงนิ กนั อยา่ งไร... เริ่มแรกมาทำ�ความรู้จักกับผู้กำ�หนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายกันก่อน โดยผู้กำ�หนดอัตราดอกเบ้ียนโยบายว่าจะเพิ่มขึ้น คงท่ี หรือ ลดลง เราเรยี กกนั ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือเรยี กส้ัน ๆ วา่ กนง. ซง่ึ มีท้งั หมด 7 คน ได้แก่ ผ้วู ่าการ ธปท. รองผวู้ า่ การ ธปท. 2 คน และผทู้ รงคุณวฒุ จิ ากภายนอก ธปท. 4 คน ซ่งึ จะมกี ารประชุมทุกๆ 6 - 8 สปั ดาห์ หรือปีละ 8 คร้ัง โดยหลังจาก การประชมุ กนง. แตล่ ะคร้งั จะมกี ารแถลงข่าวเพอ่ื แสดงเหตุผลของการตดั สนิ ใจทกุ ครง้ั อาจมีคนเคยสงสัยวา่ การตัดสนิ นโยบายท่ีส�ำ คัญอยา่ งนี้ กนง. พจิ ารณาอะไรกนั บา้ ง แนน่ อนวา่ กนง. จะพิจารณาจากข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบด้านเพือ่ ประเมินแนวโน้มการขยายตวั ของเศรษฐกจิ แนวโน้มเงนิ เฟอ้ และเสถยี รภาพระบบการเงิน - สำ�หรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กนง. พิจารณาจากการวิเคราะห์ประเด็นเศรษฐกิจสำ�คัญท้ังในและต่างประเทศ ครอบคลมุ การผลติ การบรโิ ภค การลงทุน การส่งออก การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและปัจจยั เสีย่ งท้งั ในด้านเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื ง สภาพแวดลอ้ มทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ระบบเศรษฐกจิ เชน่ วกิ ฤตเิ ศรษฐกจิ ในประเทศอตุ สาหกรรมส�ำ คญั ภยั ธรรมชาติ ความไม่สงบทางการเมอื ง การกดี กนั ทางการคา้ ระหว่างประเทศ เปน็ ต้น - สำ�หรับด้านเสถียรภาพระบบการเงิน กนง. พิจารณาจากความเสี่ยงและความเปราะบางท้ัง 7 ด้าน ได้แก่ ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ภาคสถาบันการเงิน ตลาดเงินและตลาดทุน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคต่างประเทศ และ ภาคการคลัง 144 เศรษฐศาสตร.์ ..เลม่ เดียวอยู่
กล่องความร้ทู ี่ 11 (ตอ่ ) กระบวนการทำ�นโยบายการเงินของแบงก์ชาติในปัจจุบัน นอกจากนี้ กนง. ยังใช้ข้อมูลจากงานศึกษาวิจัยที่เก่ียวข้องประกอบการตัดสินใจ และยังพิจารณาข้อมูลจากการลงพ้ืนท่ีพบกับ นักธุรกจิ และประชาชนด้วยเพือ่ ใหป้ ระเมินภาพเศรษฐกิจการเงินได้ชัดเจนขน้ึ การพิจารณาในด้านตา่ ง ๆ ข้างต้นน้ี ไม่ใชป่ ระเมิน แคส่ ิ่งท่เี กดิ ขึ้นในปจั จุบันเทา่ น้ัน กนง. ยังตอ้ งมองไปในอนาคตดว้ ย โดยค�ำ นงึ ถงึ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเงนิ ที่อาจเกิดข้นึ ได้ เพราะการตัดสินใจของ กนง. ไม่มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน แต่จะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะ เกิดขนึ้ ในอนาคต หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ การตดั สินใจของ กนง. ในวนั นี้ เป็นการตัดสนิ ใจเพื่ออนาคตนนั่ เอง กนง. จะมกี ารแถลงผลการประชุมทุกคร้ังเพอื่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจถึงเหตผุ ลในการตัดสนิ ใจในแต่ละครง้ั ว่า กนง. พจิ ารณาข้อมูลใด และประเมินขอ้ ดีขอ้ เสยี รอบดา้ นกอ่ นตดั สนิ ใจ การประเมินของ กนง. ไม่ได้ดแู ค่เงินเฟ้ออย่างเดยี ว แต่จะมีการชง่ั นำ้�หนกั ระหว่าง ความเสี่ยงของเงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพระบบการเงินมาอย่างดีแล้ว และการตัดสินใจทุกครั้งคิดถึง ผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายท้ายสุดเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนผ่านการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่ไปกับการดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน นอกจากนี้ กนง. ยังให้ความสำ�คัญ ต่อข้อความในเอกสารแถลงข่าวอย่างมากเพราะข้อความท่ีจะส่ือสารออกไปจะมีผลต่อความเข้าใจและพฤติกรรมของนักธุรกิจ และประชาชน การแถลงผลการตัดสินใจของ กนง. จะมีขึ้นในเวลา 14.00 น. ของวันประชุม กนง. โดยผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ในฐานะเลขานุการ กนง. จะท�ำ หน้าทแี่ ถลงผลการประชุม ซึ่งถา่ ยทอดสดผา่ นส่ือสงั คมออนไลน์ และตอบข้อซักถามของสอื่ มวลชน หลังจากนั้นในส่วนของภาคปฏิบัติ แบงก์ชาติจะเตรียมทำ�ธุรกรรมในตลาดเงินเพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบ้ียนโยบายให้เป็นไป ตามที่ กนง. กำ�หนด ท้ังนี้ ท่านสามารถอ่านผลการประชุม กนง. โดยสรุปได้ท่ีเว็บไซต์ของแบงก์ชาติในเวลา 14.30 น. ของวนั ประชุมหลงั การแถลงข่าว สังเกตได้วา่ กนง. ใหค้ วามสำ�คญั กบั การอธบิ ายเหตผุ ลในการตดั สนิ ใจนโยบายในแตล่ ะครง้ั โดยส่อื สารกบั สาธารณชนอย่างตอ่ เนอื่ ง ซ่ึงสรปุ ชอ่ งทางการติดตามทง้ั เหตุผลการตัดสนิ ใจและมมุ มองต่าง ๆ ของ กนง. ได้ดงั นี้ ก�ำ หนดการ เน้ือหาการเผยแพร่และสอื่ สาร ขอ้ มูลท่ปี ระชาชนทราบ ชอ่ งทางการติดตาม กนง. วนั ประชมุ กนง. แถลงข่าวการประชุมและข่าว ธปท. ผลการตดั สนิ และเหตุผลสรุป เวบ็ ไซตแ์ ละสื่อออนไลน์ ประกอบการตัดสนิ ใจ ธปท. 2 สปั ดาห์หลงั การประชมุ รายงานผลการประชมุ กนง. ฉบับยอ่ เนื้อหาข้อมูลและมุมมองท่ี กนง. พิจารณาในหอ้ งประชุม เวบ็ ไซต์ ธปท. 2 สปั ดาห์หลงั การประชุม รายงานนโยบายการเงนิ รายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกจิ ของทุกสิ้นไตรมาส เงนิ เฟอ้ และเสถยี รภาพระบบการเงนิ ทง้ั ในปจั จบุ นั และการมองไปข้างหนา้ ทุกไตรมาส หลงั รายงาน งานประชมุ นักวิเคราะห์ (คลิปวดี ิทัศน ์ สรุปแนวโนม้ เศรษฐกจิ และนโยบาย นโยบายการเงนิ เผยแพร่ และสไลด์น�ำ เสนอ) การเงิน พรอ้ มคำ�ตอบขอ้ ซักถาม แกน่ กั วิเคราะห์และสือ่ มวลชน 145เศรษฐศาสตร์...เล่มเดยี วอยู่
กล่องความรูท้ ่ี 11 (ตอ่ ) กระบวนการทำ�นโยบายการเงินของแบงก์ชาติในปัจจบุ ัน นอกจากน้ี เพ่ือให้เข้าถึงรูปแบบของการสื่อสารสมัยใหม่ แบงก์ชาติยังส่ือสารผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ Twitter Facebook Youtube และ Line ด้วยภาพท่ีเข้าใจ ไดง้ า่ ยและรวดเร็วอย่าง infographic หลายคนอาจสงสยั วา่ ท�ำ ไมตอ้ งสอ่ื สารกนั หลายทาง ทเ่ี ปน็ แบบน้ี เพราะการส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจถึงกระบวนการทำ�งานและ เหตุผลการตัดสินใจของ กนง. นอกจากจะสร้างความโปร่งใส ของการดำ�เนินนโยบายการเงินอันจะนำ�ไปสู่ความเช่ือมั่นแล้ว ยังช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชนเข้าใจแนวทางการดำ�เนิน นโยบายการเงนิ ของ กนง. ไดด้ ขี น้ึ ท�ำ ใหส้ าธารณชนปรบั ตวั และ ตดั สนิ ใจวางแผนกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวโนม้ เศรษฐกิจการเงินในอนาคตไดด้ ียิ่งข้นึ กจิ กรรมทดสอบความเขา้ ใจ หากตอนน้ี เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ต่อเน่ือง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มข้ึนตามต้นทุนการผลิต และความต้องการใช้จ่ายในประเทศยังขยายตัวได้ดี รวมท้ังการดำ�เนินการตามการใช้จ่ายของรัฐบาล ยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านราคา คุณคิดว่าในสภาวการณ์เช่นนี้ นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ทีเ่ หมาะสมควรเป็นเชน่ ไร 146 เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
การบริหารอัตราแลกเปลย่ี น การด�ำ เนนิ นโยบายการเงนิ ของแบงกช์ าตภิ ายใตก้ รอบเปา้ หมายเงนิ เฟอ้ แบบยดื หยนุ่ เชน่ ในปจั จบุ นั จะด�ำ เนนิ การ ควบคู่ไปกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนในลักษณะลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) ซึ่งหมายความว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (เช่น 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) จะเป็นไปตามกลไกตลาด น่ันคือ อตั ราแลกเปลยี่ นในแตล่ ะวนั จะไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการซอื้ ขายเงนิ บาทและเงนิ ตราตา่ งประเทศของคนไทย และคนต่างชาติ (อุปสงค์และอุปทานของเงินบาทเทียบกับเงินตราต่างประเทศ) หากมีความต้องการซ้ือเงินบาท มากกว่าขาย เงินบาทจะแข็งค่าข้ึนเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศ (มีราคาแพงข้ึน) ในทางกลับกัน หากมีความ ตอ้ งการขายเงนิ บาทมากกวา่ ซอ้ื เงนิ บาทจะออ่ นคา่ ลงเมอ่ื เทยี บกบั เงนิ ตราตา่ งประเทศ (มรี าคาถกู ลง) ตลาดซอ้ื ขาย เงินตราตา่ งประเทศมีขนาดท่ใี หญม่ าก เพราะมผี ้ซู ้อื ขายจากท่วั โลก ดงั นน้ั จะเหน็ ว่าแบงก์ชาติไม่สามารถกำ�หนด ค่าเงินบาทให้อยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่งได้ ทำ�ได้เพียงเข้าไปแทรกแซง โดยซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศเพื่อลด ความผันผวนในบางช่วงที่ค่าเงินบาทมีความผันผวนมาก โดยเฉพาะการเคล่ือนไหวจากเงินทุนไหลเข้าออกเพื่อ เกง็ ก�ำ ไร ซึ่งอาจทำ�ใหค้ า่ เงนิ บาทออ่ นคา่ หรือแขง็ คา่ อยา่ งรวดเรว็ ทัง้ นี้ กเ็ พอื่ ให้ภาคเอกชนมีเวลาในการปรับตวั เสริมความรู้ แม้คา่ เงินบาททแ่ี ขง็ ขน้ึ เม่ือเทียบกับดอลลารส์ หรฐั ฯ จะท�ำ ใหค้ วามสามารถในการสง่ ออกของไทยแยล่ ง เนื่องจากราคาสินคา้ ของไทยทีอ่ ยู่ในรูปดอลลารส์ หรฐั ฯ จะแพงข้ึน แตจ่ รงิ ๆ แล้วถ้าค่าเงนิ ของประเทศค่คู ้าของเราปรับแขง็ คา่ ข้นึ เทียบกบั ดอลลารส์ หรฐั ฯ ดว้ ยเชน่ เดยี วกบั เรา การแข็งคา่ ของเงนิ บาทก็จะไมส่ ่งผลต่อการส่งออกของไทยมากนกั นอกจากค่าเงนิ ของคู่ค้า เราตอ้ งพิจารณาถงึ ค่าเงินของคู่แข่งดว้ ย เพราะถ้าคา่ เงนิ ของประเทศคูแ่ ขง่ ปรับแขง็ ค่าขน้ึ เทียบกบั เงนิ ดอลลาร์ สหรฐั ฯ ไปพร้อม ๆ กับการแข็งคา่ ของเงนิ บาทก็จะทำ�ใหร้ าคาสินคา้ ทงั้ จากไทยและประเทศคแู่ ข่งตา่ งสูงข้นึ เชน่ กนั ตดิ ตามข้อมูล NEER และ REER ไดท้ ่ี การพจิ ารณาความสามารถในการแข่งขันจึงตอ้ งพิจารณาค่าเงนิ ของประเทศคู่คา้ และคู่แข่งไปพร้อม ๆ กนั ซึง่ ธปท. จึงไดจ้ ัดท�ำ ดชั นีค่าเงินบาท (Nominal Effective Exchange Rate : NEER) ขน้ึ ซึ่งเปน็ การ ค�ำ นวณจากอัตราแลกเปลย่ี นระหวา่ งเงินบาทกบั สกลุ เงนิ ของประเทศต่าง ๆ 21 ประเทศ ทัง้ ทเ่ี ป็นคู่คา้ และค่แู ขง่ ของไทยโดยใหน้ ำ้�หนกั ตามความส�ำ คัญด้านการคา้ โดยเผยแพรเ่ ปน็ รายเดือนในเว็บไซต์ ธปท. ความสามารถในการแข่งขันนอกจากขนึ้ อยกู่ ับอตั ราแลกเปลี่ยนแลว้ ยงั ข้ึนอย่กู ับตน้ ทุนการผลติ ของเราว่า จะมากหรือน้อย กว่าคู่ค้าค่แู ขง่ ด้วย ซึ่งถา้ ราคาสินคา้ ของประเทศเราแพงกว่าประเทศคคู่ า้ และคู่แข่ง ต้นทนุ การผลิตของเราก็จะสงู กวา่ เราก็จะ เสยี เปรียบในการแขง่ ขันดา้ นราคา ซึง่ การพจิ ารณาความสามารถในการแขง่ ขนั ท่ีแทจ้ ริงท่ีรวมเอาผลจากทง้ั อตั ราแลกเปล่ียน และราคาสนิ คา้ เปรยี บเทียบกับประเทศคคู่ า้ คแู่ ข่งเข้ามาด้วยนี้ สะทอ้ นได้จากดัชนีคา่ เงินบาททแี่ ท้จริง (Real Effective Exchange Rate : REER) ซงึ่ ก็ได้เผยแพรท่ างเว็บไซต์ ธปท. เชน่ กัน 147เศรษฐศาสตร์...เลม่ เดยี วอยู่
การดูแลค่าเงนิ บาทของแบงกช์ าติ วารู…ไหม? จะยึดหลกั 3 ข้อ เชน่ กัน คอื นับตง้ั แตป่ ระเทศไทยได้เปลยี่ นมาใช้ การดำ�เนนิ นโยบายการเงินภายใต้ (1) ดแู ลความผนั ผวน(volatility) ของคา่ เงนิ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ทเ่ี ศรษฐกจิ กรอบเปา้ หมายเงินเฟอ้ แบบยืดหยนุ่ รับได้ ควบคู่ไปกับระบบอตั ราแลกเปลี่ยน (2) รกั ษาความสามารถในการแขง่ ขนั โดยพจิ ารณาจากดชั นคี า่ เงนิ บาท แบบลอยตวั กลไกการทำ�งานของ (Nominal Effective Exchange Rate หรอื เรยี กย่อ ๆ ว่า NEER) เปน็ หลกั ระบบเศรษฐกิจมคี วามยืดหยนุ่ ข้นึ ซึ่งประกอบด้วยสกุลเงินของคู่ค้าและคู่แข่งท่ีสำ�คัญ ไม่ใช่เฉพาะดอลลาร์ นโยบายการเงนิ สามารถใชร้ ักษา สหรฐั ฯ (อ่านเพม่ิ เตมิ ในกลอ่ งเสริมความร้)ู เสถยี รภาพของระดบั ราคาได้ (3) ไม่ฝืนแนวโน้มท่ีสอดคล้องกับปัจจัยพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ โดยไม่ถูกจำ�กัดทจ่ี ะตอ้ งใช้เพ่ือ เพราะจะน�ำ ไปสูค่ วามไม่สมดลุ ของเศรษฐกจิ (imbalances) รักษาระดับอตั ราแลกเปล่ียน เราทราบแล้วว่า การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทมีผลกระทบ โดยตรงตอ่ ผสู้ ง่ ออก ผู้นำ�เข้า ผู้ลงทุน และผทู้ กี่ ้เู งินตราต่างประเทศ ซ่งึ มที งั้ กลมุ่ คนทไ่ี ดแ้ ละเสยี ประโยชนเ์ สมอ การดแู ลคา่ เงนิ บาทของแบงกช์ าตจิ งึ ตอ้ ง พิจารณาผลกระทบให้รอบด้าน อาจจะมีบางกลุ่มท่ีพยายามกดดันให้ แบงกช์ าตดิ �ำ เนนิ นโยบายเพอื่ ใหค้ า่ เงนิ บาทออ่ นหรอื แขง็ ตามแตผ่ ลประโยชน์ ท่ีไดร้ ับ แต่สง่ิ ที่ต้องทำ�ความเข้าใจ คอื การด�ำ เนนิ นโยบายการเงินภายใต้ กรอบเปา้ หมายเงินเฟ้อแบบยดื หยนุ่ (flexible inflation targeting) ควบคูไ่ ป กบั นโยบายอตั ราแลกเปลย่ี นลอยตวั แบบมกี ารจดั การ (managed float) นนั้ การดำ�เนินนโยบายการเงินโดยการข้ึนลงอัตราดอกเบ้ียนโยบายก็เพ่ือดูแล รักษาเสถียรภาพด้านราคา ในขณะที่อัตราแลกเปล่ียนจะเป็นไปตามกลไก ตลาด แบงก์ชาติจะไม่สามารถกำ�หนดระดับอัตราแลกเปล่ียนให้อยู่ท่ีค่าใด ค่าหนึ่งได้ หรือพยายามฝืนกลไกตลาดเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็งไป ขา้ งใดข้างหนงึ่ ได้ เช่น หากเศรษฐกิจรอ้ นแรง เราส่งออกสนิ คา้ ไดม้ ากกว่า การน�ำ เขา้ และมกี ารลงทนุ จากตา่ งประเทศ กจ็ ะท�ำ ใหเ้ งนิ ทนุ ไหลเขา้ มามาก ส่งผลให้เงนิ บาทแขง็ คา่ ข้นึ จึงเปน็ ไปไมไ่ ดท้ ่แี บงก์ชาตจิ ะฝืนตลาดเพือ่ ทำ�ให้ ค่าเงนิ บาทออ่ นลงเพ่อื ประโยชน์ของบางกลมุ่ 148 เศรษฐศาสตร.์ ..เล่มเดยี วอยู่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172