ขิง ชื่อวิทยำศำสตร์ : Zingiber officinale Roscoe ชื่อวงศ์ : Zingiberaceae ชอื่ อ่นื ๆ : ขงิ แกลง ขงิ แดง ขงิ เผือก สะเอ ถ่นิ กา� เนดิ ขิง ไดม้ ผี นู้ า� ไปจา� หนา่ ยในประเทศแถบทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น มชี อ่ื ภาษสนั สฤตวา่ “Singsbera” พวกกรกี และลาตนิ เรยี กวา่ “Zingiber” ซึ่งคา� น้ีปัจจุบันคือ ช่อื สกุล (Genus) ของขิง เช่ือวา่ แหลง่ ก�าเนิดของขงิ น่าจะมาจากประเทศในบริเวณเอเชยี อาคเนย์ ปจั จบุ นั ขิงเปน็ พืชท่ีปลกู มากในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในบริเวณอาคเนย์ ปัจจุบนั แหล่งผลติ ท่ีส�าคัญในประเทศไทย ไดแ้ ก่ เชียงราย พะเยา เลย เพชรบรู ณ์ และศรี สะเกษ กองการแพทยท์ างเลือก 41 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ขงิ เปน็ พชื ลม้ ลกุ มลี า� ตน้ แทอ้ ยใู่ ตด้ นิ ลกั ษณะเปน็ เหงา้ นยิ มเรยี ก กนั วา่ แงง่ ขงิ หรอื หวั ขงิ มลี กั ษณะเปน็ แทง่ สนั้ แตกแขนงออกเปน็ แงง่ ยอ่ ย รปู รา่ งเหมือนฝา่ มอื ประกอบดว้ ยแงง่ เล็ก ๆ คลา้ ยนวิ้ มือ รสชาติหวาน เผ็ดรอ้ น เหง้าหรือล�าตน้ แทน้ ้ีสามารถด�ารงชวี ติ อยู่ไดข้ ้ามฤดูหรือหลาย ฤดู ซ่ึงต่างจากล�าต้นเทียมเหนือดินท่ีมีอายุอยู่ได้เพียงฤดูเดียว หรือ ประมาณ 8-12 เดอื น ลักษณะใบ ใบและกาบใบเป็นส่วนหนึ่งของล�าต้นเทียมที่แทง ออกจากเหงา้ หรอื ล�าตน้ ใต้ดิน ใบเปน็ ใบเลย้ี งเดีย่ ว ลักษณะคลา้ ยหอก เกลี้ยง ๆ ยาวประมาณ 15-17 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1.8-3 เซนตเิ มตร ใบออกเรยี งสลบั กนั เปน็ สองแถว หลงั ใบหอ่ จบี เปน็ รปู รางนา้� ใบส่วนยอดชันตัง้ ตรง ใบลา่ งโค้งพบั ลงด้านลา่ ง ขอบใบเรยี บ ปลายใบ สอบเรยี วแหลมมเี สน้ กลางใบมองเหน็ อยา่ งชดั เจน โคนใบสอบแคบ และ จะเปน็ กาบหมุ้ ล�าต้นเทยี ม มีสีเขียวเขม้ มีขนเล็ก ๆ ข้นึ ตามใบ 42 กองการแพทย์ทางเลอื ก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
ลกั ษณะดอก ขิงเป็นพชื ที่ไม่ค่อยออกดอกหรอื ติดเมลด็ มากนกั จะพบบ้างบางสายพันธุ์และสภาพแวดล้อมท่ีปลูก โดยขิงจะออกดอก เป็นชอ่ แทงขน้ึ มาจากเหง้า มกี า้ นชอ่ ยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร ชอ่ ดอกมลี กั ษณะเปน็ กาบ ประกอบดว้ ยดอก และกลบี ดอกจา� นวนมาก ยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร กลีบดอกมีสีเหลืองแกมเขียว เมื่อดอก บานมีสีแดงสด สว่ นทใ่ี ช้ประโยชน์ : ทงั้ ต้น กองการแพทยท์ างเลอื ก 43 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
สารส�าคัญ ในเหงา้ ขงิ มนี า�้ มนั หอมระเหยอยปู่ ระมาณ 1-3% ประกอบดว้ ย สารที่สา� คญั คือ ซิงจเิ บอรีน (Zingiberene) ซิงจเิ บอรอล (zingiberol) ไบซาโบลีน (bisabolene) และแคมฟีน (Camphene) นอกจากนั้น ในเหง้ายังมี นา้� มันชนั (oleo-resin) ในปรมิ าณสูง ซงึ่ เปน็ ส่วนทีท่ า� ให้ ขิงมีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ด ส่วนประกอบส�าคัญในน�้ามันขิง ได้แก่ จินเจอรอล (gingerol) โชกาออล (shogaol) ซงิ เจอโรน (zingerone) และขงิ ยงั มสี ารประกอบฟนี อล (phenolic componds) ทมี่ คี ณุ สมบตั ิ เปน็ สารกันบดู (preservative) และกนั หนื (antioxidant) สรรพคุณ ขิงเปน็ พชื รสเผด็ อ่นุ มีฤทธ์แิ ก้หวดั เย็น ขับเหงือ่ บา� รงุ กระเพาะ แกอ้ าการคลน่ื ไสอ้ าเจยี น ลดคลอเลสเตอรอลทสี่ ะสมในตบั และเสน้ เลอื ด เหง้ำ เหง้าขิงแก่ท้ังสดและแห้ง รสหวานเผ็ดร้อน ช่วยขับลม แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ เสยี ดทอ้ ง อาหารไมย่ อ่ ยปวดเกรง็ ชอ่ งทอ้ ง ชว่ ยขบั ลมขับเหงื่อ ขับเสมหะ แกค้ ลื่นไสอ้ าเจียนจากการเมารถ เมาเรือ และ หลังการผ่าตัด บรรเทาอาการท้องเสีย ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร รักษาอาการหวัด รักษาอาการปวดศีรษะเน่ืองจากไมเกรน และรักษา อาการปวดขอ้ ปวดกลา้ มเนอ้ื ชว่ ยฆา่ พยาธิ แกป้ ากคอเปอ่ื ย แกท้ อ้ งผกู และลดความดนั เป็นยาบ�ารงุ ธาตไุ ฟ รักษาระดมู าไมส่ มา่� เสมอหรอื มา น้อยกวา่ ปกติ บรรเทาอาการปวดประจ�าเดอื น และขับนา�้ คาวปลาใน หญิงหลังคลอดบุตร 44 กองการแพทยท์ างเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข
ต้น รสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้นิ่ว แก้คอเปื่อย ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ แก้โรคตา แก้บิด แก้ลมป่วง แก้ทอ้ งรว่ ง แกอ้ าเจียน บา� รงุ ธาตุไฟ ใบ รสเผ็ดร้อน บ�ารงุ ก�าเดา แกฟ้ กชา้� แก้น่ิว แกข้ ดั ปสั สาวะ แก้โรคตา ฆ่าพยาธิ ขับผายลม แก้น่ิว แก้คอเปื่อย ช่วยย่อยอาหาร ขับลมในลา� ไส้ แก้ขดั ปัสสาวะ บา� รุงไฟธาตุ ดอก รสฝาดร้อน ท�าให้รู้สึกชุ่มช่ืนแก้โรคประสาทซ่ึงท�าให้ ใจขุ่นมัว ช่วยย่อยอาหาร แก้ขัดปัสสาวะ แก้โรคตาแฉะ ฆ่าพยาธิ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร แกค้ อเปอ่ื ย แกน้ วิ่ แกข้ ดั เบา แกบ้ ดิ แกข้ ดั บา� รงุ ไฟธาตุ รำก รสหวานเผด็ รอ้ นขม ขบั ลม ฆา่ พยาธิ แกแ้ นน่ เจรญิ อาหาร แกล้ ม แกเ้ สมหะ แกบ้ ิด ช่วยเจริญอาหาร ผล รสหวานเผด็ เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ รกั ษาอาการไข้ บา� รงุ นา้� นม แกไ้ ข้ แกค้ อแห้ง เจบ็ คอ แก้ตาฟาง แก่น ฝนท�ายาแก้คัน นอกจากนน้ั นา้� มนั หอมระเหยจากขงิ ยงั ชว่ ยบรรเทาอาการ เหนอื่ ยลา้ ของจติ ใจโดยจะทา� ใหเ้ กดิ อาการตน่ื ตวั และรสู้ กึ อบอนุ่ ชว่ ยเพม่ิ ความจ�า กระตุ้นการไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการปวดรูมาตอยด์ ปวดกล้ามเนื้อ และเคล็ดขดั ยอก การปลูก 1. ฤดูเพำะปลูก ปลูกได้ดีในช่วงต้นฤดูฝน ระหว่างเดือน เมษายน-พฤษภาคมของทุกปี จะเป็นขิงแก่ จะเก็บเก่ียวได้ประมาณ เดือนมกราคม-กุมภาพนั ธ์ (อายุ 10-12 เดอื น) กองการแพทยท์ างเลือก 45 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสขุ
2. กำรเตรียมพื้นท่ี ระบบแวดล้อมท่ีห่างจากเกษตรเคมีหาก หลีกเล่ียงจากแปลงปลูกเคมีไม่ได้ ท�าแนวป้องกัน เช่น ชั้นท่ี 1 ปลูก หญ้าเนเปียร์ ชนั้ ท่ี 2 ปลกู กล้วย หรือปลกู ไผ่เปน็ แนว หรอื ปลูกพืชทใ่ี ช้ ประโยชนไ์ ด้ 3. กำรเตรยี มดนิ 3.1 ตรวจเชค็ ดิน - สารพษิ ตกคา้ ง - โลหะหนกั อาทเิ ชน่ สารหนู ทองแดง ตะกว่ั แคดเมยี ม - ตรวจเชค็ ชนิดของดนิ - ตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ดา่ ง (PH) 3.2 ตรวจธาตอุ าหาร การเตรียมดนิ ปลูกขงิ จ�าเปน็ ตอ้ งไถพรวน เพ่อื ให้ดินร่วนซยุ ขน้ึ ถ้าเป็นพ้ืนท่ีท่ีมีวัชพืชมากและหน้าดินแข็งควรไถพรวนไม่น้อยกว่า 2 ครงั้ คอื ไถดะ เพอื่ กา� จดั วชั พชื และเปดิ หนา้ ดนิ ใหร้ ว่ นซยุ แลว้ ตากดนิ ไว้ 1-2 สปั ดาห์ เพอ่ื ทา� ลายไขแ่ มลง เชอื้ โรคในดนิ และไถแปร อยา่ งนอ้ ย 2 รอบ เพื่อใหด้ นิ ฟรู ว่ นซุย 46 กองการแพทยท์ างเลือก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ
4. กำรเตรยี มพันธุ์ พนั ธทุ์ ี่นยิ มปลกู ในปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ 4.1 ขงิ ไทย เช่น ขงิ ขาว ขิงมาเลย์ ขิงไทย ขิงเผด็ ขงิ เล็ก หรอื ขงิ ด�า ฯลฯ มลี กั ษณะทีเ่ ห็นชดั คือ มีข้อถี่ แงง่ ขิงมีขนาดเลก็ และสน้ั แง่งเบยี ดชิดกนั มาก มีเส้ยี นมาก รสชาตคิ ่อนขา้ งเผ็ด เม่ือลอกเปลือก ออกด้านในมีสีน้�าเงินหรือน�้าเงินปนเขียว ตาบนแง่งมีลักษณะแหลม ปลายใบแหลม การแตกกอดี นยิ มใชท้ า� ยาสมนุ ไพรและทา� ขงิ แหง้ เพราะ ให้น�้าหนกั ดีกวา่ ขงิ ใหญ่ 4.2 ขิงใหญ่ ขิงหยวกหรือขิงขาว มีลักษณะคือ มีข้อห่าง แง่งขิงมีขนาดใหญ่ ไม่เบียดและขิงกัน เนื้อละเอียดมีเสี้ยนน้อยจนถึง ไม่มีเสย้ี น รสเผ็ดน้อย เม่อื ลอกเปลอื กออกเนื้อในไมม่ สี ี หรือมีสเี หลอื ง เรอื่ ๆ แงง่ มลี กั ษณะกลมมน ปลายใบปา้ นและมคี วามสงู มากกวา่ ขงิ เลก็ เหมาะสา� หรบั รบั ประทานเปน็ ขงิ ออ่ นหรอื ขงิ ดอง ขงิ โดยทวั่ ไปในทอ้ งตลาด มกั จะเปน็ ขงิ ชนดิ นี้ กอ่ นนา� ไปปลกู ควรแชห่ วั พนั ธใ์ุ นเชอื้ ราไตรโคเดอรม์ า แลว้ นา� ไปผ่งึ ให้แหง้ ก่อนน�าไปปลูก (หัวพนั ธุอ์ ินทรีย์) กองการแพทยท์ างเลอื ก 47 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ
5. กำรเตรียมแปลง การเตรียมแปลงปลูก มีดังนี้ 5.1 หลงั จากไถพนื้ ทแ่ี ลว้ ปรบั พน้ื ทวี่ ดั ระดบั นา�้ เพอื่ หาระดบั การลาดเทของพน้ื ท่ีหาทิศทางการไหลของน�้า ไม่ให้นา้� ท่วมขงั แปลง 5.2 แปลงปลกู สภาพยกสนั รอ่ ง หรอื ยกแปลงใหส้ งู จากระดบั ดนิ เดมิ 40-50 เซนตเิ มตร แปลงกวา้ ง 120 เซนตเิ มตร (ปลกู สลบั ฟนั ปลา ได้ 2 แถว) ระหว่างแปลงควรห่างกันอย่างน้อย 80 เซนตเิ มตร-1 เมตร เพ่ือให้มีร่องระบายน้�าได้ดี หรือยกร่องเหมือนปลูกมันส�าปะหลัง แต่สนั แปลงควรกว้าง 80 เซนติเมตร (ปลูกได้ 1 แถว) การยกแปลงสงู เพื่อลดการดูดสารโลหะหนักของรากพืช การดูดอาหารของรากพืชจะ อยู่ทีค่ วามลึกประมาณ 30-50 เซนตเิ มตร 48 กองการแพทย์ทางเลอื ก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
5.3 การใสอ่ นิ ทรยี วตั ถใุ นแปลงปลกู อนิ ทรยี วตั ถทุ กุ ชนดิ ตอ้ ง ตรวจเช็คสารพิษตกค้างในอินทรียวัตถุทุกชนิดก่อนการหมัก และหลัง การหมกั อินทรยี วัตถุหมกั อย่างนอ้ ย 3 เดือน หรอื 90 วนั ประกอบไป ด้วย มูลวัว แกลบดบิ ขุยมะพรา้ ว เศษใบไมห้ รอื อนิ ทรียวัตถใุ นทอ้ งถน่ิ ในอัตราสัดสว่ น 1:1 ตอ่ ตารางเมตร และใส่ ฮวิ มัสธรรมชาติ เพอ่ื ใหด้ นิ รว่ นซยุ เพ่มิ ประสิทธภิ าพใหก้ ับรากพืช รากพืชนา� ไปใช้ในการสรา้ งหัว แลว้ ใช้รถพรวนดินผสมคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั และแต่งแปลงอีกครั้ง 5.4 ระบบน้า� แตล่ ะแปลงจะประกอบไปด้วย 2 ระบบคอื 1) สปริงเกอร์ ความสูงของหลกั สปรงิ เกอร์ 1.20 เมตร ระยะหา่ งของหวั สปรงิ เกอร์ 4 เมตร เพอ่ื ลา้ งใบ ลา้ งนา้� คา้ ง ลา้ งเชอ้ื ราชนดิ ตา่ ง ๆ ลา้ งไขแ่ มลง ลา้ งสงิ่ สกปรก และสรา้ งความชน้ื สมั พทั ธใ์ นแปลงปลกู 2) นา้� หยด จะเปน็ เทปนา้� หยด หรอื สายนา้� หยด ระยะหา่ ง รเู ทปนา้� หยด 60 เซนติเมตร 1 แปลงจ�าเป็นต้องใช้เทปน�้าหยดทงั้ หมด กองการแพทย์ทางเลือก 49 กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสขุ
2 เสน้ ระยะหา่ งแตล่ ะเสน้ 50 เซนตเิ มตร เพอื่ ใหน้ า�้ และอาหาร ใหเ้ พยี ง พอต่อความต้องการของพืช และลดการสูญเสียอาหารและน้�าที่พืช จะไดร้ บั เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการใหป้ ยุ๋ และนา�้ และระบบนา�้ แตล่ ะชนดิ จะแยกท่อเมนย่อยของแต่ละชนิด เพื่อให้การควบคุมการให้น้�าได้ สะดวกมากข้นึ ระบบนา้� ตอ้ งเปน็ ระบบนา�้ ทส่ี ะอาด ไมค่ วรใชแ้ หลง่ นา�้ ในธรรมชาติ เนื่องจากมีการปนเปื้อนสูง หากมีการใช้แหล่งน�้าธรรมชาติ ควรน�ามา พกั ทิ้งไวใ้ นบอ่ ท่เี ตรียมไว้ (บ่อทีม่ ีขอบสูงกวา่ ทางน้า� ไหลบา่ ของน้า� ฝน) และต้องบา� บัดดว้ ยการเพิ่มออกซเิ จน หรอื บา� บัดด้วยพืช ทีม่ ีคุณสมบตั ิ ในการดดู ซับสารพิษได้ดี เช่น จอก ผกั ตบชวา เป็นตน้ 5.5 กำรคลุมฟำง ฟางควรมีการหมักอย่างน้อย 1 เดือน และ มกี ารตรวจหาสารพิษตกค้างและสารโลหะหนักในฟาง กอ่ นคลมุ แปลง ในการคลมุ แปลงแตล่ ะแปลง ใหม้ คี วามหนาประมาณ 20-30 เซนตเิ มตร 50 กองการแพทยท์ างเลือก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข
คลุมตลอดจนถึงขอบแปลงด้านล่าง เพ่ือรักษาความช้ืนในดิน และ ป้องกันวัชพืชข้ึนแซม และรดด้วยเชื้อปฏิปักษ์ (เช้ือราไตรโคเดอร์มา) 1 สปั ดาหก์ อ่ นปลกู เพอ่ื ปอ้ งกนั และกา� จดั เชอื้ ราชนดิ อน่ื ทส่ี ง่ ผลตอ่ การ เกิดโรคราเน่าโคนเน่า และลดปริมาณก๊าซการหายใจของจุลินทรีย์ เนือ่ งจากการย่อยสลายของอนิ ทรยี วตั ถุ (เกิดความร้อน ท�าใหอ้ ุณหภมู ิ ในดนิ สงู ) และเพม่ิ จลุ นิ ทรียใ์ นดนิ 6. วิธีปลูก หลังจากเตรียมแปลงและคลุมฟางเสร็จเรียบร้อย แลว้ การปลกู ขงิ ระยะปลกู 30x30 เซนตเิ มตร โดยใชไ้ มแ้ หลมหรอื เสยี ม เจาะหลมุ ใหใ้ กลเ้ คยี งหวั นา�้ หยด แลว้ วางหวั พนั ธใ์ุ ชด้ นิ กลบ เกลย่ี ฟางคลมุ เปน็ การปลกู เสรจ็ เรียบรอ้ ย ขอ้ ห้ำม ห้ามบคุ คลภายนอกทไี่ ม่มีส่วนเก่ียวข้องกับการปฏบิ ัติ หน้าท่ีในแปลง เข้าแปลงก่อนได้รับอนุญาต พนักงานที่จะต้องปฏิบัติ งานในแปลง ตอ้ งมีการฉดี พ่นฆ่าเชื้อก่อนเข้าแปลง เพอื่ ปอ้ งกนั การนา� เชือ้ โรคจากภายนอกเขา้ สู่แปลง ทุกครั้งทม่ี ีการฉีดพน่ เช้อื ปฏิปกั ษ์ และ สารสกัดสมุนไพร ตอ้ งมกี ารใสช่ ุดคลมุ ปอ้ งกนั ทุกครั้ง กองการแพทย์ทางเลอื ก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก 51 กระทรวงสาธารณสขุ
การดูแลรักษา 1. กำรใหน้ ำ�้ ขงิ เปน็ พชื ทตี่ อ้ งการนา้� มาก แตไ่ มต่ อ้ งการสภาพท่ี ชนื้ แฉะและนา้� ขงั การใหน้ า้� แบง่ ออกเปน็ 2 ชว่ ง คอื ชว่ งเชา้ และชว่ งบา่ ย หรอื ตามความเหมาะสม 2. กำรให้ปยุ๋ จะให้ปยุ๋ อยู่ 3 ประเภทคอื 2.1 ปุ๋ยหมักอินทรียวัตถุทุกชนิด ต้องตรวจเช็คสารพิษ ตกคา้ งในอนิ ทรยี วตั ถทุ กุ ชนดิ กอ่ นการหมกั และหลงั การหมกั อนิ ทรยี วตั ถุ หมักอยา่ งน้อย 3 เดือน หรอื 90 วัน ประกอบไปดว้ ย มูลววั แกลบดิบ ขุยมะพรา้ ว เศษใบไม้หรืออนิ ทรยี วตั ถุในท้องถนิ่ หลงั จากนน้ั กน็ �ามาใส่ ในแปลงปลกู การหมักอินทรียวัตถุทุกคร้ังต้องใช้จุลินทรีย์ท้องถ่ิน และ ไตรโคเดอร์มา ผสมน�้ารดอนิ ทรียวตั ถุท่ีหมกั 2.2 อาหารพืชชนิดนา้� และฮอรโ์ มนพชื ตา่ ง ๆ จะใช้ทง้ั หมด 2 แบบ คอื 1) ฉดี พน่ ทางใบ 2) ใหท้ างนา�้ หยด การใหอ้ าหารพชื ชนดิ นา�้ และฮอร์โมนพชื ต่าง ๆ จะใหใ้ นช่วงเวลาเชา้ เทา่ น้นั 2.3 ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด จะใส่ในแปลงปลูกใส่ในอัตราตาม ชว่ งอายขุ องพชื แตล่ ะช่วง 3. กำรกำ� จดั วชั พชื ควรเอาใจใสด่ แู ลกา� จดั วชั พชื อยา่ งสมา่� เสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังต้นงอกและระยะที่ต้นยังเล็ก กรณีที่มีวัชพืช ขนึ้ มากควรใชม้ อื ในการกา� จดั หา้ มใชจ้ อบดายหญา้ และของมคี มดายหญา้ โดยเด็ดขาด ลดการทา� ลายรากพชื (งดการพรวนดิน งดการใช้อปุ กรณ์ มีคมทุกชนิดในการกา� จัดวชั พชื เพราะเป็นการทา� ลายรากพชื จะทา� ให้ พชื ชะงักการเจริญเติบโต) 52 กองการแพทย์ทางเลอื ก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ
การป้องกนั ก�าจดั โรคและแมลง โรคของขิง หม่ันตรวจเช็คโรคพืชและแมลงศัตรูพืช ในช่วงเช้า และเยน็ ทกุ วนั โรคของขงิ ทพ่ี บไดแ้ ก่ โรคเหงา้ และรากเนา่ เกดิ จากนา้� ขงั หรอื การใหน้ า�้ มากเกนิ ไป โรคใบจดุ รานา�้ คา้ ง ฉดี พน่ เชอ้ื ราไตรโคเดอรม์ า (ฉดี พน่ ตอนเยน็ เทา่ นนั้ และพน่ ตอ่ เนอ่ื ง 4 วนั เพอื่ ตดั วงจรการขยายเชอื้ รา) ศตั รพู ชื ไดแ้ ก่ 1) แมลงดดู กนิ น�้าเลยี้ ง (Scale insect หรอื Sucking insect) เชน่ เพลย้ี หอย มกั วางไขไ่ วท้ ผ่ี วิ เปลอื กเหงา้ เหน็ เปน็ สะเกด็ สขี าว ดดู กนิ นา�้ เลย้ี งทา� ความเสยี หายแกต่ น้ และเหงา้ พบไดท้ งั้ ในแปลงและในระยะ หลงั เกบ็ เกย่ี ว ใชส้ ารสกดั จากพชื และสมนุ ไพรในการปอ้ งกนั และกา� จดั เชน่ สารสกดั จากพรกิ ขา่ แก่ และเปลอื กไม้ และการฉดี พน่ เชอ้ื ราบวิ เวอรเ์ รยี เมธาไรเซ่ียม (ฉดี พ่นตอนเย็นเทา่ น้ัน และพ่นตอ่ เน่ือง 4 วัน เพ่ือทา� ลาย ในแตล่ ะการเจรญิ วยั ของแมลง) และใชถ้ งุ กาวเหลอื งดกั แมลง ทกุ ระยะ 4 เมตร เพอื่ ตรวจสอบชนดิ และปรมิ าณของแมลง และระยะการเจรญิ วยั ของแมลง 2) หนอนหรือแมลงกัดกินใบ ซ่ึงจะมีผลกระทบต่อการเจริญ เตบิ โตของพืชการป้องกนั กา� จัด ในเบ้ืองต้นควรทา� ลาย ใชส้ ารสกัดจาก พืชและสมุนไพรในการป้องกันและกา� จดั เชน่ สารสกดั จากพรกิ ข่าแก่ และเปลือกไม้ และการฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย เมธาไรเซ่ียม (ฉีดพ่น ตอนเยน็ เทา่ นนั้ และพน่ ตอ่ เนอื่ ง 4 วนั เพอื่ ทา� ลายในแตล่ ะการเจรญิ วยั ของแมลง) และใชถ้ งุ กาวเหลอื งดกั แมลง ทกุ ระยะ 4 เมตร เพอื่ ตรวจสอบ ชนิดและปริมาณของแมลง และระยะการเจริญวยั ของแมลง กองการแพทยท์ างเลือก 53 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสขุ
การป้องกนั และกา� จัด ในส่วนของโรคพืช จะใชเ้ ช้อื ราไตรโคเดอร์มา และเปลอื กไมท้ ม่ี ี รสฝาด ในการป้องกันและก�าจัด สว่ นของแมลงศัตรพู ชื จะใชส้ ารสกัด จากธรรมชาตใิ นการปอ้ งกนั และกา� จดั และเชอื้ ราบวิ เวอรเ์ รยี เมธาไรเซย่ี ม และสารจบั ใบจากธรรมชาติร่วมด้วยทุกคร้งั ในการฉดี พน่ เช้อื รา และ สารสกัดจากพืช จะท�าการฉีดพ่นในช่วงเย็นการพ่นป้องกันและก�าจัด โรคพืชและแมลงควรผสมสารจับใบจากธรรมชาติ เพ่ือให้สารจับใบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการท�างานของสารสกัดและเชื้อปฏิปักษ์ ใหเ้ กาะตดิ กับตวั แมลง ใบของพชื ไดน้ าน การเกบ็ เกีย่ ว 1. กำรเก็บเกยี่ ว เกบ็ เก่ียวขงิ แก่ (อายุ 10 เดอื นขนึ้ ไป) การ เก็บเก่ียวนิยมถอนด้วยมือ ก่อนเก็บเกี่ยวจึงควรรดน�้าในแปลงปลูกให้ ชนื้ เสยี กอ่ นเพอ่ื ใหง้ า่ ยตอ่ การถอน การถอนใชม้ อื ถอนตน้ ขงิ ขนึ้ มาทงั้ กอ พร้อมกบั เขย่าให้ดินหลุดออกจากแง่ง ให้ถอนขน้ึ ตรง ๆ เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ ใหแ้ ง่งขิงขาด (มีการตรวจสารส�าคัญและสารพิษตกคา้ ง ต้ังแต่ 5 เดือน ถึงระยะการเกบ็ เกย่ี ว) 2. วิธีกำรขดุ การเก็บเกีย่ วนิยมถอนดว้ ยมือ ถา้ ดนิ แหง้ เกนิ ไป ในขณะทจ่ี ะขดุ กใ็ หร้ ดนา้� กอ่ นทกุ ครง้ั เพอื่ ใหส้ ะดวกตอ่ การขดุ และงา่ ยตอ่ การเอาดนิ ออกจากหัวขงิ เสรจ็ แล้วจงึ ตัดใบ ราก และลา้ งนา�้ ใหส้ ะอาด 3. ผลผลติ ขงิ แก่ จะไดผ้ ลผลติ ประมาณ 2,000-5,000 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ และแงง่ ขิงแก่นเ้ี ก็บไดน้ านถงึ 3 เดือน 54 กองการแพทย์ทางเลอื ก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ
4. กำรทำ� ควำมสะอำด คดั แยกหวั และแงง่ ออกจากกนั ตดั ราก และส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการทิ้ง คัดเลือกส่วนที่สมบรูณ์ปราศจากโรค และแมลงนา� มาลา้ งดว้ ยนา้� สะอาดหลาย ๆ ครงั้ จากนนั้ คดั แยกสว่ นของ ผลผลติ ที่จะน�าไปทา� แห้งและเก็บรกั ษาไวท้ า� หวั พันธุ์ต่อไป การบรรจุและการเก็บรักษา 1. กำรเก็บรักษำหัวพันธุ์ขิง เมื่อขุดมาแล้ว จะมีระยะพักตัว ประมาณ 1-3 เดือน ควรเก็บไว้ในท่ีแห้งและเย็น มีอากาศถ่ายเทได้ สะดวก เพื่อปอ้ งกันเช้ือราและแมลงศตั รู 2. กำรแปรรูป 2.1 การท�าใหแ้ ห้ง กระท�าไดโ้ ดยนา� ขงิ ไปทา� ความสะอาด หลังจากน้ันน�ามาห่ันเป็นแว่น ๆ ความหนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วน�าเขา้ ตอู้ บลมรอ้ น ที่อณุ หภูมิ 30-55 องศาเซลเซียส อบประมาณ 12-16 ชัว่ โมง ขึน้ อยู่กบั ปริมาณขงิ และน้�าในขงิ ขิงที่แหง้ แล้วควรบรรจุ ในถงุ พลาสตกิ เขา้ เครอ่ื งแวคคม่ั (สญู ญากาศ) และเกบ็ ไวใ้ นหอ้ งควบคมุ อุณหภูมิ เพอื่ ให้สามารถเก็บได้นานขนึ้ อตั ราการท�าแห้ง ผลผลิตสด : ผลผลิตแห้ง เท่ากับ 6 : 1 กองการแพทย์ทางเลอื ก 55 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข
2.2 บดละเอียดเปน็ ผง 2.3 การสกดั น�า้ มนั 3. กำรบรรจแุ ละกำรเกบ็ รกั ษำ 3.1 หัวสด ผง่ึ ลมให้แห้ง แลว้ จดั เก็บในพน้ื ที่ระบายอากาศ ไดด้ ี ไม่ให้เกดิ ความช้ืน 3.2 ขิงที่แห้งแล้วควรเก็บในภาชนะที่เหมาะสม และห้อง ควบคุมอณุ หภูมิ เพื่อรอการแปรรปู ขั้นตอนตอ่ ไป 56 กองการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข
เอกสำรอ้ำงองิ 1. ข้อมูลพืชสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 6 มิถุนายน 2564 .ขิง (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/ text/herb_detail.php?herbID=59 2. โครงการเผยแพรข่ อ้ มูลทรัพยากรชีวภาพและภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินบนพื้นที่สูง. 6 มถิ นุ ายน 2564. Ginger Zingiber officnale Roscoe (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ได้จาก https:// www.eherb.hrdi.or.th/search_result_details.php?herbarium 3. ไทยเกษตรศาสตร.์ 2555 . 6 มิถนุ ายน 2564 ขงิ (ออนไลน)์ . เข้าถึงได้จาก https:// www.thaikasetsart.com 4. นางสาววภิ าวี พัดศร.ี 6 มถิ ุนายน 2564 . ขิง (ออนไลน)์ . เข้าถึงได้จาก https://www. sites.google.com/site/khingnaca/info 5. วกิ ิพีเดีย สารานุกรมเสรี. 6 มิถุนายน 2564. ขิง (ออนไลน์). เข้าถงึ ได้จาก https://www. th.wikipedia.org/wiki/ 6. สจั จะ ประสงค์ทรัพย์ 2555 . 6 มถิ ุนายน 2564. ขิง (ออนไลน์). เขา้ ถงึ ได้จาก http:// www.hort.ezathai.org/?p=207 7. อับดุลฮาเลม็ มาล.ี 6 มิถนุ ายน 2564. สมุนไพรขงิ HERBER OF GINGER (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก https://www.baanjomyut.com/library_2/extension-4/ herb/34.html 8. Disthai แหล่งรวบรวมข้อมูลสมุนไพร.6 มิถุนายน 2564. ขิง งานวิจัยและสรรพคุณ 15 ข้อ (ออนไลน์). เข้าถงึ ได้จากhttps://www.disthai.com 9. THAI-THAIFOOD.COM. 2559. 6 มถิ นุ ายน 2564. ขงิ (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https:// www.thai-thaifood.com/th/ 10. Watamon.2560. 6 มิถุนายน 2564. ถ่ินก�าเนิดและลักษณะทั่วไปขิง (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก https://www.lcdtvthailand.com/webboard/index. php?topic=344526.0 กองการแพทย์ทางเลอื ก 57 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: