ภาพเก่าเล่าเร่ืองเมืองตราด จากอดตี สู่ปัจจุบนั เล่าขานเป็ นตานานสู่ลกู หลาน เสด็จพระรำชดำเนินทอดพระกฐินพระรำชทำน ณ วดั ไผล่ อ้ ม พ.ศ.๒๕๑๑ คลองบางพระ ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ ภาพคลองบางพระ ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด สภำวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด โทร.,โทรสำร ๐ ๓๙๕๒ ๓๙๔๘, ๐ ๓๙๕๒ ๓๙๗๐ http//intranet.m-culture.go.th/trad
คำนิยำม ของนำยแพทย์ บูรพำ รัตน์นรำทร ประธำนสภำวฒั นธรรมจังหวดั ตรำด ผมมีความยนิ ดีอยา่ งยง่ิ จากการประชุมคณะกรรมการสภาวฒั นธรรมจงั หวดั เมื่อวนั ที่ 28 มกราคม พ.ศ.2552 สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั เสนอโครงการจดั ทาหนงั สือรวบรวบภาพเก่า คณะกรรมการ สภาวฒั นธรรมไดม้ ีการอภิปรายในดา้ นตา่ ง ๆ และเห็นความสาคญั ดา้ นวฒั นธรรมมีมติอนุมตั ิงบประมาณในการ จดั ทาหนงั สือข้ึน ภาพเก่า ๆ ท่ีรวบรวมจะไดเ้ ป็ นแหล่งขอ้ มูลเพ่ือใชใ้ นการศึกษาหรือแหล่งเรียนรู้วฒั นธรรมใน ดา้ นต่าง ๆ อาจจะเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี , ศาสนา , ศิลปวฒั นธรรมทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง , ประวตั ิศาสตร์ส่วนบุคคล , ครอบครัว , บา้ นเมือง , ประเทศชาติ เพื่อให้ ทุกคนตลอดจนคนรุ่นหลงั ไดศ้ ึกษา และภูมิใจในความเป็นชาติไทย วถิ ีชีวติ ทางวฒั นธรรม เพ่อื สะสมเป็นทุนทางวฒั นธรรมสืบไป หนงั สือเล่มน้ีจึงมีประโยชน์กบั ทุก ๆ คนในทุก ๆ ดา้ น ดงั กล่าวแลว้ ในยคุ ของขอ้ มูลขา่ วสาร (นายแพทยบ์ ูรพา รัตน์นราทร) ประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวดั ตราด
คำปรำรภของ นำยสุรินทร์ ดีมี วฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด \"วฒั นธรรมคือสิ่งทมี่ นุษย์เปลยี่ นแปลง ปรับปรุงหรือผลติ สร้างขึน้ เพื่อความเจริญงอกงามในวถิ ีชีวติ และส่วนรวม ทถ่ี ่ายทอดกนั ได้ เรียนกันได้ เอาอย่างกนั ได้ จึงเป็ นผลผลติ ของส่วนรวมทม่ี นุษย์ได้เรียนรู้มาจาก คนสมัยก่อน สืบต่อกนั มาเป็ นประเพณี วฒั นธรรมจึงเป็ นท้งั ความคิดเห็น หรือการกระทาของมนุษย์ใน ส่วนรวมทเ่ี ป็ นลกั ษณะเดียวกนั และแสดงให้ปรากฏเป็ นภาษา ความเชื่อ ระเบยี บประเพณี ท้งั รูปธรรมและ นามธรรม วฒั นธรรมจึงเป็ นลกั ษณะพฤติกรรมต่าง ๆ ซ่ึงเป็ นวถิ ีชีวติ ของมนุษย์ ท้งั บุคคลและสังคม ทไ่ี ด้ ววิ ฒั นาการต่อเน่ืองมาอย่างมแี บบแผนและ มนุษย์กเ็ ป็ นผู้รู้จักเปลย่ี นแปลงปรับปรุงสิ่งต่างๆ จึงนาเอา วฒั นธรรมทไี่ ด้จากการเห็น หรือจากการสัมพนั ธ์ตดิ ต่อมาใช้ โดยอาจรับมาเพม่ิ เติมเป็ นวฒั นธรรมของตนเอง โดยตรงหรือนาเอามาดดั แปลงแก้ไขให้สอดคล้องเหมาะสมกบั สภาพวฒั นธรรมทมี่ ีอยู่เดิม จังหวดั ตราด มีวฒั นธรรมประเพณีทดี่ ีงามสืบทอดกนั มาหลายช่ัวอายุคน แต่วฒั นธรรมบางอย่าง กาลงั หายไปจากสังคมเมืองตราด สานักงานวฒั นธรรมจังหวดั ตราด ซ่ึงเป็ นหน่วยงานหลกั ในการอนุรักษ์ ส่งเสริม ฟื้ นฟูด้านศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม จึงได้มอบหมายให้มผี ู้รับผดิ ชอบดาเนินการรวบรวมข้อมูล ศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม ประเพณใี นอดตี ของชนชาวตราด จากข้อมูลต่าง ๆ และจากการประกวดภาพเก่า เล่าเร่ืองเมืองตราด ในปี พ.ศ.๒๕๔๕และ พ.ศ. ๒๕๔๗ นามาร้อยเรียงเป็ นสารัตถะความรู้จากอดดี สู่ปัจจุบัน สืบ เล่าขานเป็ นตานานสู่ลูกหลาน ได้เรียนรู้สืบทอดต่อกนั ไป (นายสุรินทร์ ดีมี) วฒั นธรรมจงั หวดั ตราด
คำนำ สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด เป็นส่วนรำชกำรบริหำรส่วนภูมิภำค สังกดั สำนกั งำน ปลดั กระทรวงวฒั นธรรม มีบทบำทและอำนำจหนำ้ ที่ ๑ . ประสำนและปฏิบตั ิหนำ้ ท่ีในฐำนะตวั แทนของกระทรวงในส่วนภูมิภำค รวมท้งั ดำเนินกำร ประสำนและสนบั สนุนกำรปฏิบตั ิงำนดำ้ นศำสนำ ศิลปะ และวฒั นธรรมในเขตพ้ืนท่ีจงั หวดั ๒. ส่งเสริมกำรพฒั นำองคค์ วำมรู้และแหล่งเรียนรู้ดำ้ นศำสนำ ศิลปะ และวฒั นธรรมในเขต พ้นื ท่ีจงั หวดั ๓. จดั ทำแผนยทุ ธศำสตร์เกี่ยวกบั งำนดำ้ นศำสนำ ศิลปะและวฒั นธรรม ใน เขตพ้ืนท่ีจงั หวดั ๔. ส่งเสริม สนบั สนุนและประสำนกำรดำเนินกำรของสภำวฒั นธรรมจงั หวดั /อำเภอ/ตำบล รวมท้งั หน่วยงำนอ่ืนท่ีดำเนินงำนดำ้ นศำสนำ ศิลปะและวฒั นธรรม ในเขตพ้นื ที่จงั หวดั ๕. ปฏิบตั ิงำนตำมกฎหมำยในควำมรับผดิ ชอบของกระทรวงซ่ึงกำหนดใหเ้ ป็นอำนำจหนำ้ ที่ ของผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั หรือตำมท่ีไดร้ ับมอบหมำย ๖. ปฏิบตั ิงำนร่วมกบั หรือสนบั สนุนกำรปฏิบตั ิงำนของหน่วยงำนท่ีเก่ียวขอ้ ง หรือที่ไดร้ ับ มอบหมำย ฝ่ ำยบริหำรทวั่ ไป สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ไดร้ ับมอบจำกวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด และไดต้ ระหนกั ถึงภำระหนำ้ ท่ีดงั กล่ำว จึงไดด้ ำเนินงำนเชิงรุก ดำเนินกำรรวบรวมขอ้ มูลสำรัตถะควำมรู้ทำง วฒั นธรรมประเพณี และวถิ ีชีวติ ในอดีตของชนชำวจงั หวดั ตรำด จำกขอ้ มูลตำ่ ง ๆ และจำกกำรประกวดภำพเก่ำ เล่ำเร่ืองเมืองตรำด จำกอดีตสู่ปัจจุบนั สืบเล่ำขำนเป็นตำนำนสู่ลูกหลำน โดยไดร้ ับกำรสนบั สนุนเงินงบเงิน อุดหนุนส่งเสริมสนบั สนุนกำรดำเนินงำนขององคก์ รเครือข่ำยทำงวฒั นธรรมของสภำวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด จำนวน ๕๐,๐๐๐ บำท เพ่อื เป็นคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรจดั ทำหนงั สือ พมิ พค์ ร้ังท่ี ๑/๒๕๕๒ จำนวน ๕๐๐ เล่ม เพ่อื เผยแพร่สู่ประชำชนทวั่ ไป ไดใ้ ชเ้ ป็นขอ้ มูลในกำรศึกษำ คน้ ควำ้ สืบไป สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ตราด ฝ่ ายบริหารทว่ั ไป งานบริหารทว่ั ไป โทร. ๐ ๓๙๕๒ ๓๙๔๘, ๐ ๓๙๕๒ ๓๙๗๐ http//intranet.m-culture.go.th/trad
สารบัญ หน้า คานิยามของประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวดั ตราด ๑ คาปรารภของวฒั นธรรมจังหวดั ตราด ๑ คานา ๒ ๒ แนะนำจงั หวดั ตรำด ๒ ประวตั ิควำมเป็นมำของตรำด ๓ สภำพภูมิประเทศ ๓ สภำพภูมิอำกำศ ๔ กำรปกครอง ๘ พ้นื ที่และอำณำเขต ๙ สินคำ้ พ้นื เมืองและของดีเมืองตรำด ๙ กำรศำสนำ ศิลปะและวฒั นธรรม ประเพณี จงั หวดั ตรำด ภำรกิจและอำนำจหนำ้ ท่ีของสำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ๑๐ วสิ ยั ทศั นข์ องสำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ๑๑ ยทุ ธศำสตร์ในกำรปฏิบตั ิงำน ๑๑ ๑๒ สารบญั ภาพ ๑๒ ๑๓ ภำพพระรำชทำนพระบรมรูปทรงเคร่ืองตน้ ๑๔ ภำพพลบั พลำรับเสดจ็ ที่เมืองตรำด ในปี ร.ศ.๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๐) ๑๔ ภำพน้ำตกธำรสนุกเกำะกดู พ.ศ.๒๔๕๔ ๑๔ ภำพประทบั เรือกลไฟเล็กประพำสเมืองตรำด ๑๕ ภำพแหลมพลบั พลำเกำะกระดำด ในปี จ.ศ.๑๒๓๕-๑๒๖๙ ๑๕ ภำพกำรส่งมอบเมืองตรำดที่ตีพมิ พล์ งในหนงั สือพมิ พฝ์ ร่ังเศส ๑๖ ภำพพระยำพพิ ิธพไิ สยสุนทรำกำร (สุข ปริชญำนนท)์ ผวู้ ำ่ รำชกำรเมืองตรำด ๑๖ ภำพพระยำศรีสหเทพ (เส็ง วริ ิยะศิริ) หรือพระยำมหำอำมำตยำธิบดี ๑๖ ภำพขำ้ หลวงไทย – ฝรั่งเศส ปักปันเขตแดนไทยใหฝ้ ร่ังเศส ๑๗ ภำพท่ีพกั ขำ้ หลวงฝ่ ำยไทย – ฝรั่งเศส ณ เมืองตรำด สมยั รัชกำลท่ี ๕ ๑๗ ภำพขำ้ หลวงฝ่ ำยไทยและฝร่ังเศสปักปันเขตแดนที่เมืองตรำด ภำพรำษฎรเมืองตรำดสมยั รัชกำลท่ี ๕ รับจำ้ งขนเครื่องใช้ ภำพขำ้ หลวงใหญ่ฝรั่งเศสปักปันเขตแดนไทยที่เมืองตรำด ภำพพวกนำทำงเมืองตรำด สมยั รัชกำลท่ี ๕ ภำพกำนนั ผใู้ หญ่บำ้ น และรำษฎรเมืองตรำดร่วมงำนปักปันเขตแดนไทย ภำพขำ้ หลวงใหญฝ่ รั่งเศสกบั ขำ้ หลวงสยำมกำลงั ปฤกษำกำรปักปันเขตแดน
๒ ภำพขำ้ หลวงท้งั ไทยและฝร่ังเศสอยใู่ นท่ีพกั เมืองตรำด ๑๗ ภำพขำ้ หลวงใหญฝ่ ร่ังเศสกบั ขำ้ หลวงสยำมกำลงั ส่องกลอ้ งปักปันเขตแดน ๑๘ ภำพรำษฎรนำทำงครำวปักปันเขตแดนใหฝ้ ร่ังเศสที่เมืองตรำด ๑๘ ภำพสตรีพ้นื เมืองชำวตรำด สมยั รัชกำลท่ี ๕ ๑๙ ภำพรำษฎรชำวตรำดในสมยั รัชกำลท่ี ๕ ๑๙ ภำพเรือนรำษฎรชำวตรำดสมยั รัชกำลท่ี ๕ ๑๙ ภำพเรือสุริยมณฑล ๒๐ ภำพเรืออรรครำชวรเดช ๒๑ ภำพพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั พระรำชทำนพระแสง สำหรับเมืองตรำด ๒๒ ภำพพระแสงศำสตรำประจำเมืองตรำด ๒๒ ภำพพระบรมนำมำภิไธย ว.ป.ร.ศก ๑๓๐ (คร้ังที่ ๑) และศกั รำช ๒๔๖๕ (คร้ังท่ี ๒) ที่น้ำตกธำรมะยม ๒๓ ภำพพระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั ฯ เสดจ็ พระรำชดำเนินทอดพระกฐินพระรำชทำน ณ วดั ไผล่ อ้ ม พ.ศ.๒๕๑๑ ๒๔ ภำพสมเด็จพระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเด็จยำ่ ) เสดจ็ เกำะกูด ๒๔ ภำพสมเดจ็ พระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเด็จยำ่ ) เสด็จเกำะชำ้ ง ๒๕ ภำพสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี เสดจ็ พระรำชดำเนิน เป็นองคป์ ระธำนพิธีเปิ ดพิพธิ ภณั ฑว์ ดั บุปผำรำม พ.ศ.๒๕๓๕ ๒๕ ภำพสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี เสด็จพระรำชดำเนิน เป็นองคป์ ระธำนพิธีบรรจุพระบรมสำริกธำตุในพระเจดียว์ ดั คีรีวหิ ำร พ.ศ.๒๕๓๙ ๒๖ ภำพประเพณีกำรแข่งเรือพำยของชำวไทยมุสลิมบำ้ นน้ำเช่ียว พ.ศ.๒๔๙๕ ๒๖ ภำพร่วมแรงแขง็ ขนั กำรทำถนนรำดยำง ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๘ ๒๗ ภำพนำงงำมจงั หวดั ตรำดคนแรก พ.ศ.๒๔๘๓ ๒๗ ภำพทำบุญตกั บำตรวนั ข้ึนปี ใหม่ พ.ศ.๒๔๗๔ ๒๘ ภำพนกั เรียนโครงเรียนตรำษตระกำรคุณ สวนสนำม พ.ศ.๒๕๐๓ ๒๘ ภำพวิ ถีชีวติ คนชนบท เยบ็ จำกมุงหลงั คำ พ.ศ.๒๕๑๐ ๒๙ ภำพนกั เรียนโรงเรียนกิตตวทิ ยำ พ.ศ.๒๕๐๖ ๒๙ ภำพร่อนพลอยในอำเภอบ่อไร่ พ.ศ.๒๕๐๙ ๓๐ ภำพสะพำนแหลมงอบในอดีต พ.ศ.๒๕๐๘ ๓๐ ภำพคณะพรรคจงั หวดั ตรำด ปี พ.ศ.๒๔๗๙ ๓๑ ภำพขบวนแห่นำค พ.ศ.๒๕๐๗ ๓๑ ภำพหอนำฬิกำเมืองตรำดในอดีต พ.ศ.๒๕๐๗ ๓๒
๓ ๓๒ ภำพหลวงพอ่ ไกร วดั ไทรทอง พ.ศ.๒๔๖๖ ๓๓ ภำพยวุ ชนทหำร พ.ศ.๒๔๘๐ ๓๓ ภำพวทิ ยกุ ระจำยขำ่ ว หน่วยประชำสมั พนั ธ์แห่งแรกของจงั หวดั ตรำด ๓๔ ภำพเรือใบ พ.ศ.๒๔๙๕ ๓๔ ภำพกำรบริกำรน้ำ พ.ศ.๒๕๐๑ ๓๕ ภำพศูนยอ์ พยพชำวกมั พชู ำ พ.ศ. ๒๕๑๗ ๓๕ ภำพจวนเรสิดงั ส์กมั ปอร์ด พ.ศ.๒๔๙๘ ๓๖ ภำพโรงไฟฟ้ำจงั หวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๙๘ ๓๖ ภำพผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตรำดกบั งำนฉลองปี ใหม่ พ.ศ.๒๔๗๖ ๓๗ ภำพหลกั เขต ๗๓ พ.ศ.๒๕๑๓ ๓๗ ภำพวถิ ีชีวติ ของชำวนำจงั หวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๗๙ ๓๘ ภำพป้ัมน้ำมนั แห่งแรกของจงั หวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๙๕ ๓๘ ภำพลูกผหู้ ญิงในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ๓๙ ภำพนกั ศึกษำผใู้ หญโ่ รงเรียนกำรศึกษำผใู้ หญ่ ปี ๒๔๘๔ ๓๙ ภำพกระโจมไฟแหลมงอบ พ.ศ. ๒๕๑๑ ๔๐ ภำพอ่ำวตำลคู่ พ.ศ.๒๕๐๕ ๔๐ ภำพประเพณีตกั บำตรเทโววดั ลำดวน พ.ศ.๒๕๐๕ ๔๑ ภำพกำรชุมนุมลูกเสือจงั หวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๗๖ ๔๑ ภำพศำลำท่ำน้ำ และโรงฆ่ำสัตว์ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ ๔๒ ภำพประเพณีกำรจดั งำนศพ พ.ศ.๒๕๐๕ ๔๒ ภำพขำ้ รำชกำรตำรวจถ่ำยรูปหมู่ ณ สถำนีตำรวจภูธรจงั หวดั ตรำด พ.ศ........... ๔๓ ภำพกำรจดั งำนวนั เด็กบริเวณสนำมหนำ้ สำนกั งำนเทศบำลเมืองตรำด พ.ศ.๒๔๘๒ ๔๓ ภำพขบวนแห่ศพ พ.ศ.๒๔๙๕ ๔๔ ภำพฉลองงำนวนั ชำติ พิธีเปิ ดศำลำสนำมบิน พ.ศ.๒๔๘๓ ๔๔ ภำพโป๊ ะจบั ปลำ พ.ศ.๒๕๐๙ ๔๕ ภำพคลองบำงพระ พ.ศ.๒๕๑๒ ๔๕ ภำพสะพำนแหลมงอบในอดีต พ.ศ.๒๕๐๘ ๔๖ ภำพโรงเรียนสตรีตรำด พ.ศ.๒๕๐๖ ๔๖ ภำพกำรสร้ำงสะพำนบำ้ นคลองมะขำม พ.ศ.๒๕๑๗ ๔๗ ภำพนกั เรียนรุ่นแรกของโรงเรียนอนุบำลตรำด พ.ศ.๒๔๙๖ ๔๗ ภำพวถิ ีชีวติ สังคมเมืองตรำด พ.ศ.๒๔๗๐ ๔๘ ภำพผหู้ ญิงไทยใจโจงกระเบน พ.ศ.๒๔๗๐
๔ หนำ้ ๔๘ ภำพคณะทวั ร์เกำะชำ้ ง – น้ำตกธำรมะยม พ.ศ.๒๔๙๗ ๔๙ ภำพน้ำตกธำรมะยม พ.ศ.๒๔๙๔ ๔๙ ภำพกำรปรำบจระเข้ พ.ศ.๒๔๙๕ ๕๐ ภำพตลำดขวำงในอดีต พ.ศ.๒๔๙๕ ๕๐ ภำพรถแทก็ ซีคนั แรกของจงั หวดั ตรำด ๕๑ ภำพกำรซอ้ มยงิ ปื นของขำ้ รำชกำรเพอ่ื ป้องกนั ตนเอง พ.ศ.๒๕๐๕ ๕๑ ภำพขนุ ภูมิประศำสน์ ผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๘๒ ๕๒ ภำพสำววยั รุ่น ปี พ.ศ.๒๔๘๒ ๕๒ ภำพผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตรำด ตรวจกองร้อย อ.ส. พ.ศ.๒๕๐๔ ๕๓ ภำพชุมชนบำ้ นคลองสน พ.ศ.๒๕๑๘ ๕๓ ภำพขบวนพำเหรดนกั เรียนโรงเรียนกำรช่ำงตรำด พ.ศ.๒๕๐๕ ๕๔ ภำพพอ่ และเพื่อนร่วมรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม พ.ศ.๒๔๙๙ ๕๔ ภำพกฏุ ิวดั ไผล่ อ้ ม พ.ศ.๒๕๑๒ ๕๕ ภำพศำลำกลำงจงั หวดั ตรำดหลงั เก่ำ ๕๖ ภำพหมู่ท่ีระลึกกำรเปิ ดประชุมสภำเทศบำลเมืองตรำดคร้ังแรก พ.ศ.๒๔๗๕ ๕๖ ภำพหลวงพอ่ ไกร วดั ไทรทอง พ.ศ.๒๔๕๖ ๕๗ ภำพบำ้ นพกั ขำ้ รำชกำรเรือนจำจงั หวดั ตรำดในอดีต ๕๗ ภำพกำรก่อสร้ำงสนำมบินเกำะตะเคียน พ.ศ.๒๕๐๖ ๕๘ ภำพกำรประปำเมืองตรำด พ.ศ.๒๕๐๓ ๕๘ ภำพสนำมเดก็ เล่นของเทศบำลเมืองตรำด พ.ศ.๒๕๐๔ ๕๙ ภำพผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตรำดเยยี่ มรำษฎรชำยแดน พ.ศ.๒๕๐๔ บรรณานุกรม ภาคผนวก ผู้จดั ทา
แนะนำจงั หวดั ตรำด ประวตั คิ วำมเป็ นมำของตรำด “ตรำด” สันนิษฐำนกนั ว่ำเพยี้ นมำจำกคำว่ำ “ตรำษ” เป็ นภำษำเขมร อ่ำนออกเสียงว่ำ “ตรัด” หมำยถงึ ไม้ยำง ซึ่งเป็ นไม้พืน้ เมืองท่ีขนึ้ อย่ทู วั่ ไปในจังหวัดตรำด ชื่อเมืองตรำดปรำกฏคร้ังแรกในเอกสำรสมัย กรุงศรีอยธุ ยำ ในรัชสมัยของสมเดจ็ พระเจ้ำปรำสำททอง (ระหว่ำงปี พ.ศ.๒๑๗๒ - ๒๑๘๖) ว่ำเป็ นเมืองหนึ่งใน หัวเมืองชำยทะเลฝ่ังตะวนั ออกของกรุงศรีอยธุ ยำ สังกดั ฝ่ ำยต่ำงประเทศ ทำหน้ำทเี่ กยี่ วกบั คลงั ต่อมำ ช่ือเมือง ตรำดปรำกฏอกี คร้ังครำวใกล้เสียกรุงศรีอยธุ ยำคร้ังที่ ๒ เม่ือปี พ.ศ. ๒๓๑๐ คร้ังน้ัน สมเด็จพระเจ้ำตำกสิน มหำรำชยงั เป็ นพระยำกำแพงเพชร ได้ฝ่ ำทพั ข้ำศึกทต่ี ้ังล้อมกรุงศรีอยธุ ยำออกมำทำงหวั เมืองฝ่ ำยตะวนั ออก ได้ รวบรวมผู้คนเพ่ือจะกลบั ไปก้กู รุงศรีอยุธยำ เมื่อตีได้เมืองจันทบูรหรือเมืองจันทบุรีแล้ว สมเดจ็ พระเจ้ำตำกสิน มหำรำชทำงเดนิ ทพั ต่อไปยงั เมืองตรำด ประวตั ิศาสตร์ช่วงสาคญั ที่สุดของเมืองตราดท่ีกระทบกระเทือนถึงความมนั่ คงของประเทศ คือ ประวตั ิศาสตร์ช่วงล่าอาณานิคมของประเทศตะวนั ตก ในรัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ระหวา่ งปี พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) คร้ังน้นั ประเทศทางตะวนั ออกของไทย ไดแ้ ก่ ญวณ เขมร และลาว ไดอ้ ยู่ ภายใตก้ ารยดึ ครองของประเทศฝรั่งเศส และลาดบั ต่อมาฝรั่งเศสไดส้ ่งเรือปื นมาปิ ดลอ้ มอา่ วไทย เพ่ือบีบบงั คบั ใหย้ กดินแดนฝ่ังซา้ ยของแม่น้าโขงใหแ้ ก่ฝร่ังเศส แลว้ ยดึ เมืองจนั ทบุรีเป็ นประกนั เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๖ ต่อมาไทย ไดล้ งนามในสนธิสญั ญากบั ฝร่ังเศสใหย้ ดึ ครองเมืองตราดและหมู่เกาะต่าง ๆ ในทะเลตราดไวแ้ ทนจนั ทบุรี เม่ือ วนั ท่ี ๓๐ ธนั วาคม ๒๔๔๗ ตอ่ มาในวนั ที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๙ ฝรั่งเศสยอมคืนเมืองตราดใหไ้ ทย แต่ไทยจาตกยก ดินแดนเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณใหฝ้ รั่งเศสเป็ นการแลกเปลี่ยน ซ่ึงตอ่ มาในรัชสมยั ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๖ (ระหวา่ งปี พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๘) โปรดเกลา้ ฯ ให้เปลี่ยน คาวา่ “เมือง” เป็น “จงั หวดั ”เวลาน้นั จงั หวดั ตราดมีเขตการปกครอง ๓ อาเภอ คือ อาเภอเมือง อาเภอเขาสมิง และอาเภอเกาะชา้ ง และไดต้ ้งั ก่ิงอาเภอข้ึนอีก ๒ แห่ง คือ ก่ิงอาเภอคลองใหญ่ และกิ่งอาเภอบ่อไร่ ซ่ึงไดม้ าไดร้ ับ การยกฐานะเป็นอาเภอ ส่วนอาเภอเกาะชา้ งน้นั เหตุที่ต้งั ที่วา่ การอาเภออยบู่ นเกาะ ประชาชนท่ีอยบู่ นฝ่ังขา้ ม ไปติดต่อราชการลาบาก โดยเฉพาะในช่วงมรสุม ทางราชการจึงต้งั ตาบลแหลมงอบข้ึนเป็นอาเภอแทน แลว้ ลด ฐานะอาเภอเกาะชา้ งเป็นตาบลเกาะชา้ ง (ปัจจุบนั เป็ นอาเภอเกาะชา้ ง) ในสมยั ตอ่ มา ไทยมีกรณีพพิ าทกบั ฝรั่งเศสที่เมืองตราดอีกคร้ังหน่ึงในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นกรณี พพิ าทเก่ียวกบั ดินแดนระหวา่ งไทยกบั อินโดจีนของฝรั่งเศสฝ่ ายไทยจึงตอ้ งส่งกองเรือไปลาดตระเวนในน่านน้า จงั หวดั ตราด เพ่อื ป้องกนั การรุกรานทางทะเลจนเกิดการปะทะกนั ระหวา่ งเรือรบไทยกบั ฝร่ังเศส การปะทะกนั คร้ังน้นั แมว้ า่ ฝรั่งเศสจะล่าถอยไปก็ตาม แตฝ่ ่ ายไทยตอ้ งสูญเสียนายทหารเรือไปท้งั หมด ๓๖ นาย สูญเสียเรือรบ หลวงอีก ๓ ลา คือ เรือรบหลวงสงขลา เรือรบหลวงชลบุรี และเรือรบหลวงธนบุรี ปัจจุบนั กองทพั เรือไดจ้ ดั ให้ มีพธิ ีลอยมาลาเพอ่ื ราลึกถึงวรี กรรมอนั ยงิ่ ใหญ่และเกียรติคุณ รวมท้งั เพื่อเป็ นการบาเพญ็ กศุ ลใหแ้ ก่วรี ชน ผเู้ สียสละชีวติ เหล่าน้นั โดยจดั ใหม้ ีข้ึนทุกวนั ท่ี ๑๗ มกราคม ของทุกปี ในทอ้ งทะเลจงั หวดั ตราดบริเวณเกาะชา้ ง
๒ ซ่ึงเรียกวนั น้ีวา่ “วนั ยทุ ธนาวีท่ีเกาะชา้ ง” สภำพภูมปิ ระเทศ จงั หวดั ตราดต้งั อยทู่ างภาคตะวนั ออกตอนล่างของประเทศไทย มีขนาดหรือรูปร่างของพ้นื ที่ ตามแนวยาวมากกวา่ แนวกวา้ ง โดยทางตอนใตข้ องจงั หวดั ติดกบั ทะเล ส่วนทางตอนบนเป็นพ้นื ท่ีต่อเน่ืองกบั ผืน แผน่ ดินใหญ่ โดยพ้ืนท่ีตอนบนและตอนกลางของจงั หวดั มีพ้นื ที่ใกลเ้ คียงกนั ส่วนพ้ืนท่ีตอนใตม้ ีขนาดเล็กเรียว ทอดยาวลงไปลกั ษณะภูมิประเทศของจงั หวดั ตราดส่วนใหญ่พ้นื ที่มีลกั ษณะเป็นลูกคล่ืนลอนต้ืน หรือที่ราบ ลูกระนาดจนถึงที่สูงและภูเขา โดยเฉพาะพ้ืนท่ีทางตอนเหนือและทางตะวนั ออกของจงั หวดั จะมีทิวเขาบรรทดั ทอดตวั ยาวจากเหนือจรดใต้ พ้นื ท่ีตอนกลางของจงั หวดั จะเป็นที่ราบ บริเวณตอนเหนือบางแห่งและชายทะเล ตอนใตจ้ ะมีที่ราบแคบ ๆ ส่วนพ้ืนท่ีชายทะเลน้นั ส่วนใหญ่เป็นโคลน ยกเวน้ ชายทะเลในเขตอาเภอคลองใหญ่ อาเภอแหลมงอบ ซ่ึงมีบางบริเวณเป็นหาดทราย นอกจากน้ี ยงั มีเกาะนอ้ ยใหญ่เรียงรายอยทู่ ว่ั ไปในทะเล จานวน ๕๒ เกาะ ดว้ ยสภาพภูมิประเทศท่ีจงั หวดั ตราดมีท้งั ชายทะเล ป่ าเขา ป่ าชายเลน หาดทราย น้าตกและยงั เป็น แหล่งกาเนิดของพลอยแดง กะปิ ระกาหวาน จึงมีคาขวญั ท่ีวา่ “เมืองเกาะคร่ึงร้อย พลอยแดงคา่ ล้า ระกาแสน หวาน หลงั อานหมาดี ยทุ ธนาวที ี่เกาะชา้ ง สุดทางบูรพา” สภำพภูมอิ ำกำศ จงั หวดั ตราดมีอากาศไม่ร้อนจดั หรือหนาวจดั เกินไป แต่มีฝนตกชุกมาก เพราะมีพ้นื ท่ีติดทะเล ภูเขาโอบลอ้ ม จึงทาใหไ้ ดร้ ับอิทธิพลของลมมรสุม มี ๓ ฤดู คือ ฤดูหนำว ช่วงเดือนพฤศจิกำยน ถงึ เดือนกุมภำพนั ธ์ อำกำศไม่หนำวมำกนัก อณุ หภูมิ โดยเฉลย่ี ประมำณ ๒๐ องศำเซลเซียส ฤดูร้อน ช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยไม่เกิน ๓๔ องศาเซลเซียส ฤดูฝน เกิดจากอิทธิพลมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตพ้ ดั ผา่ นอา่ วไทย ในช่วงเดือน พฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทาใหฝ้ นตกชุกในเกือบทุกพ้ืนที่ โดยเฉลี่ยมีฝนประมาณ ๔,๐๐๐ มิลลิเมตรต่อปี จงั หวดั ตราดไดช้ ่ือวา่ เป็นเมือง “ฝนแปด แดดสี่” คือ จะมีฝนตกเกือบตลอดท้งั ปี กำรปกครอง จงั หวดั ตราดแบ่งการปกครองเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. การปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งเขตการปกครอง เป็น ๗ อาเภอ ๓๙ ตาบล ๒๖๐ หมู่บา้ น ๒. การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ๔๔ แห่ง ประกอบดว้ ย องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ๑ แห่ง องคก์ ารบริหารส่วนตาบล ๓๔ แห่ง เทศบาลเมือง ๑ แห่ง และเทศบาลตาบล ๘ แห่ง
๓ พืน้ ทแี่ ละอำณำเขต ตราด เป็นเมืองสุดทา้ ยทางทะเลดา้ นทิศตะวนั ออกของประเทศไทย มีประชากรประมาณ ๒๒๔,๓๔๑ คน มีที่ต้งั ทางภูมิศาสตร์ท่ีละติจูด ระหวา่ ง ๑๑ - ๑๒ องศาเหนือ และลองติจูด ๑๐๒ องศา ตะวนั ออก มีเน้ือท่ีประมาณ ๒,๘๑๙ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑,๗๖๑,๘๗๕ ไร่ มีชายฝ่ังทะเลยาวประมาณ ๑๖๕ กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกบั จงั หวดั ใกลเ้ คียงและประเทศเพือ่ บา้ น ดงั น้ี ทิศเหนือ ติดต่อกบั อาเภอขลุง จงั หวดั จนั ทบุรี และประเทศกมั พูชา โดยมีเทือกเขา บรรทดั เป็นเส้นแบง่ ก้นั พรมแดน ทิศใต้ ติดต่อกบั ชายทะเลดา้ นอาเภอคลองใหญ่ ซ่ึงมีความยาวประมาณ ๑๖๕ กิโลเมตร จากปากแม่น้าเวฬุวนั ลงไปทางทิศใตจ้ นถึงพรมแดนเป็ นเขตติดตอ่ กบั ประเทศกมั พูชา ทิศตะวนั ออก ติดต่อกบั ประเทศกมั พูชา โดยมีเทือกเขาบรรทดั เป็นแนวก้นั เขตแดนซ่ึงมี ความยาวท้งั สิ้นประมาณ ๑๑๔ กิโลเมตร ทิศตะวนั ตก เป็นเขตพ้นื ท่ีอาเภอแหลมงอบ มีเขตติดต่อกบั อาเภอขลุง จงั หวดั จนั ทบุรี โดย มีแม่น้าเวฬุซ่ึงเกิดจากเทือกเขาและป่ าทึบในเขตจงั หวดั จนั ทบุรีก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล สินค้ำพืน้ เมืองและของดีเมืองตรำด พลอยแดง ตราดเป็นแหล่งของพลอยแดงน้างามที่มีชื่อเสียงโด่งดงั ในนาม “ทบั ทิมสยาม” ปัจจุบนั หาซ้ือไดย้ าก ระกาแสนหวาน ตราดมีผลไมห้ ลากหลายชนิด แต่ผลไมท้ ่ีมีช่ือเสียงมาก คือ ระกา หวาน เป็ นระกาท่ีงอกงามอยตู่ ามธรรมชาติ มีรสชาติหอมหวานเม่ือแก่จดั เป็นที่นิยมของนกั บริโภคระกาหวาน งอบน้าเช่ียว เป็นหตั ถกรรมพ้ืนบา้ นของชาวชุมชนน้าเชี่ยว ที่สืบทอดกนั มานาน มี แหล่งผลิตและจาหน่ายที่ชุมชนน้าเช่ียว ตาบลน้าเช่ียว อาเภอแหลมงอบ สุนขั พนั ธุ์ไทยหลงั อาน มีลกั ษณะพิเศษ คือ มีอานหรือขวญั บนแผน่ หลงั มีความฉลาดและ ซื่อสตั ย์ สบั ปะรดตราดสีทอง เป็นสบั ปะรดท่ีมีลกั ษณะพเิ ศษ คือ ผวิ สีเหลือง รสชาติหวานฉ่า กรอบอร่อยท้งั ผล น่ารับประทานยงิ่ นกั สามารถบริโภคไดท้ ้งั แกน ไก่ชนพ้นื บา้ น เป็นไก่พนั ธุ์ที่เลื่องชื่อในดา้ นการชนของจงั หวดั ตราด เน่ืองจากมี ลกั ษณะช้นั เชิง จงั หวะต่าง ๆ ในการชนท่ีเยยี่ ม มีการคดั สายพนั ธุ์ท่ีดี มีความสวยงาม ไดร้ ับการดูแลอยา่ งดี น้ามนั เหลืองสมุนไพร เป็นน้ามนั ที่ผลิตข้ึนในจงั หวดั ตราด นาคุณสมบตั ิของสมุนไพร หลากหลายชนิดมาผสมเป็นยาใชท้ าภายนอก บรรเทาอาการปวดเมื่อย แกล้ ม วงิ เวยี นศีรษะ แกผ้ ดผนื่ คนั หาซ้ือ ไดท้ ี่ร้านขายของท่ีระลึกทว่ั ไป
๔ สินคา้ หน่ึงตาบล หน่ึงผลิตภณั ฑข์ องจงั หวดั ตราด (OTOP) ท่ีข้ึนชื่อของจงั หวดั ตราดมีหลาย ชนิด เช่น ปลากะตกั สามรสชนิดมีงาและไมม่ ีงา กะปิ ปลาแหง้ ปลากเุ ลาเคม็ ปลาอินทรียเ์ คม็ ปลาสละเคม็ ทุเรียนทอด กลอ้ ยอบแผน่ ไวน์ลูกหวา้ ไวน์สับปะรด น้าผลไม้ พืชผกั สมุนไพรเพ่อื สุขภาพ (น้านมขา้ วโพด) จกั สานงอบใบจากผลิตภณั ฑจ์ ากกะลามะพร้าว น้ามนั เหลือง เป็นตน้ กำรศำสนำ ศิลปะ และวฒั นธรรมธรรม ประเพณี จังหวดั ตรำด กำรศำสนำจังหวดั ตรำด จงั หวดั ตราดมีประชากรนบั ถือศาสนาพุทธ ๙๐% รองลงมานบั ถือ ศาสนาอิสลาม ๙% ศาสนาคริสตแ์ ละศาสนาอ่ืน ๆ ๑% วดั มีวดั ท้งั หมดจานวน ๑๒๗ วดั จาแนกเป็นมหานิกาย ๑๑๖ วดั ธรรมยตุ ๑๑ วดั แบ่งเป็น อาเภอเมืองตราด ๔๓ วดั ธรรมยตุ ๓ วดั อาเภอเขาสมิง ๔๑ วดั ธรรมยตุ ๔ วดั อาเภอแหลมงอบ ๑๑ วดั ธรรมยตุ ๑ วดั อาเภอคลองใหญ่ ๘ วดั ธรรมยตุ ๑ วดั อาเภอบอ่ ไร่ ๑๖ วดั ธรรมยตุ ิ ๑ วดั อาเภอเกาะกูด ๓ วดั ธรรมยุต ๑ วดั อาเภอเกาะชา้ ง ๕ วดั ธรรมยตุ - วดั พระอำรำมหลวง ๑ วดั คือ วดั โยธานิมิต อาเภอเมืองตราด จงั หวดั ตราด สงั กดั มหานิกาย เจ้ำคณะจังหวดั ตรำด จานวน ๒ รูป คือ ๑. พระเทพเมธาจารย์ สังกดั ธรรมยุต สานกั วดั วรดิตถาราม ตาบลวงั กระแจะ อาเภอเมืองตราด ๒. พระเทพสุเมธมุนี สงั กดั มหานิกาย สานกั วดั โยธานิมิต ตาบลวงั กระแจะ อาเภอเมืองตราด มัสยดิ จงั หวดั ตราดมีมสั ยดิ ที่จดทะเบียนถูกตอ้ งตามกฎหมายเรียบร้อยแลว้ จานวน ๑๓ มสั ยดิ ดงั น้ี เลขที่ทะเบียน ๑ อลั กุบรอ จดทะเบียน ๒๖ ต.ค.๙๘ ต้งั อยบู่ า้ นน้าเชี่ยว ต.น้าเชี่ยว อ.แหลมงอบ มีนายสาธิต ถนอมวงศ์ อิหม่าม เลขท่ีทะเบียน ๒ นูรุ้ลมูบีน จดทะเบียน ๑๖ พ.ย.๐๓ ต้งั อยบู่ า้ นแหลมทองหลาง ต.แหลมทองหลาง อ.แหลมงอบ มีนายซาฟาอี วรรนิกาพก อิหม่าม เลขที่ทะเบียน ๓ นูรุ้ลการีม จดทะเบียน ๑๖ พ.ย.๐๓ ต้งั อยบู่ า้ นยายม่อม ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ มีนายทองดี สง่างาม อิหม่าม เลขที่ทะเบียน ๔ นูรุ้ลมูฮายรี ีน จดทะเบียน ๒๘ มิ.ย.๐๕ ต้งั อยบู่ า้ นเนินตาแมว ม. ๘ ต.วงั กระแจะ อ.เมืองตราด มีนายอานวย หมดั ตาเฮด อิหมา่ ม เลขที่ทะเบียน ๕ เราดอตุล้ ยนี าน จดทะเบียน ๒๑ ธ.ค.๑๔ ต้งั อยบู่ า้ นชลประทาน ม.๓ ต.วงั กระแจะ อ.เมืองตราด มีนายยอ มดั รอ อิหมา่ ม
๕ เลขท่ีทะเบียน ๖ คอยรู้ลบารียะห์ จดทะเบียน ๒๙ ธ.ค.๑๔ ต้งั อยบู่ า้ นคลองใหญ่ ม.๑ ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ มีนายปริญญา สะนิละ อิหม่าม เลขท่ีทะเบียน ๗ เน๊ียะมาตุล้ เลาะห์ จดทะเบียน ๑๖ พ.ค.๑๘ ต้งั อยบู่ า้ นวงั ตะเคียน ม. ๒ ต.เทพนิมิต อ.เขาสมิง มีนายอบั ดุลฆอนี อาดมั อิหมา่ ม เลขท่ีทะเบียน ๘ นูรู้ลฮิดายะห์ จดทะเบียน ๑๒ ม.ค.๒๔ ต้งั อยบู่ า้ นเกษมสุข ม.๒ ต.เทพนิมิต อ.เขาสมิง มีนายหมาน แสงศรี อิหมา่ ม เลขที่ทะเบียน ๙ นูรุ้ลฮุดา้ จดทะเบียน ๑๙ ม.ค.๓๙ ต้งั อยบู่ า้ นตากแวง้ ม.๕ ต.วงั ตะเคียน อ.เขาสมิง มีนายนคร มิตรธรรมนะ อิหม่าม เลขที่ทะเบียน ๑๐ เอี๊ยะห์ยาอุสสันนะห์ จดทะเบียน ๑๗ ส.ค.๔๒ ต้ังอยู่บ้านเนินตาแมว ม.๘ ต.วงั กระแจะ อ.เมืองตราด มีนายหมดั นาวี บุรีเจริญ อิหมา่ ม เลขที่ทะเบียน ๑๑ เราดอตุล้ ยนั นะห์ จดทะเบียน ๒๔ พ.ย.๔๒ ต้งั อยบู่ า้ นทบั มะกอก ม.๕ ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ มีนายชม วงศส์ มนั อิหม่าม เลขที่ทะเบียน ๑๒ ยนั นะตุล้ การีม จดทะเบียน ๑๕ ก.ค.๔๗ ต้งั อยู่ ม.๑ ต.น้าเชี่ยว อ.แหลมงอบ มีนายนราทร ถนอมวงษ์ อิหม่าม เลขท่ีทะเบียน ๑๓ นูรุ้ลอิบาดะห์ จดทะเบียน - ต้งั อยู่ ม.๕ บา้ นฆอ้ ต.วงั ตะเคียน อ.เขาสมิง มีนายมูฮาหมดั มะตงั อิหมา่ ม โบสถ์คำธอลกิ ๑ แห่ง ต้งั อยใู่ นโรงเรียนมารดานุสรณ์ บา้ นท่าเรือจา้ ง ต.วงั กระแจะ อ.เมืองตราด โบรำณสถำน จงั หวดั ตราดมีโบราณสถานท่ีข้ึนทะเบียนของกรมศิลปากรและประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเรียบร้อยแลว้ จานวน ๕ แห่ง คือ ๑. เขาโตะ๊ โมะ อยใู่ นพ้ืนที่บา้ นอีเร็ม หมูท่ ี่ ๗ ต.ประณีต อ.เขาสมิง ประกาศฯ เม่ือ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๑๙ เล่มท่ี ๙๓ ตอนที่ ๑๐๗ ๒. จวนเรสิดงั ส์กมั ปอร์ต ต.บางพระ อ.เมืองตราด ประกาศฯ เมื่อ ๑๙พ.ย.๒๕๓๑ เล่มท่ี ๕ ตอนที่ ๑๘๘ ฉบบั พิเศษ หนา้ ๒๒ ๓. ศาลากลางจงั หวดั ตราดหลงั เก่า ต.บางพระ อ.เมืองตราด ประกาศฯ เม่ือ ๑๘ ธ.ค.๒๕๓๙ เล่มท่ี ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ง หนา้ ๓ ๔. วดั บุปผาราม บา้ นปลายคลอง หมู่ท่ี ๓ ต.วงั กระแจะ อ.เมืองตราด ประกาศฯ เมื่อ ๑๘ ธ.ค.๒๕๓๙ เล่มท่ี ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ง หนา้ ๓ ๕. วดั ลาดวน หมูท่ ่ี ๕ ต.หนองเสมด็ อ.เมืองตราด ประกาศฯ เล่มท่ี ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๓๘ง วนั ที่ ๒๐ พ.ค.๒๕๔๑
๖ เครือข่ำยวฒั นธรรม ๑. ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั ๑ แห่ง (โรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ ) ๒. ศูนยว์ ฒั นธรรมอาเภอ ๑ แห่ง (โรงเรียนแหลมงอบวทิ ยาคม) ๓. ศูนยบ์ ูรณาการวฒั นธรรมไทยสายใยชุมชน ๒ แห่ง ๔. สภาวฒั นธรรมจงั หวดั ๑ แห่ง ๕. สภาวฒั นธรรมอาเภอ ๗ สภา ๖. สภาวฒั นธรรมตาบล ๒๔ แห่ง งำนประเพณปี ระจำปี งานวรี กรรมทหารเรือไทยยทุ ธนาวที ี่เกาะชา้ ง วนั ที่ ๑๗ -๒๑ มกราคม ณ บริเวณอนุสรณ์ สถานยทุ ธนาวี อาเภอแหลมงอบ และเกาะชา้ ง จดั ข้ึนเพอ่ื ระลึกถึงการทายทุ ธนาวขี องกองทพั เรือไทยกบั กองเรือ ฝรั่งเศส เม่ือวนั ท่ี ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ โดยมีการอุทิศส่วนกุศลใหแ้ ก่ทหารเรือไทยท่ีไดส้ ละชีพปกป้อง แผน่ ดินไทยในงานมีการแสดงนิทรรศการของกองทพั เรือและส่วนราชการต่าง ๆ มีมโหรสพสมโภชตลอดงาน งำนวนั ตรำดรำลกึ วนั ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙ เป็ นวนั ไดร้ ับเอกราชของจงั หวดั ตราดจาก ฝร่ังเศส ชาวจงั หวดั ตราดจึงไดจ้ ดั งานวนั ตราดราลึกข้ึน ระหวา่ งวนั ท่ี ๒๓ - ๒๗ มีนาคม ณ บริเวณสนามหนา้ ศาลากลางจงั หวดั ตราด สืบเน่ืองมาจากในรัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดม้ ีการทา สนธิสัญญากบั ฝรั่งเศสยกดินแดนจงั หวดั ตราด รวมท้งั เมืองปัจจนั ตคีรี (เกาะกง) เพ่อื ใหฝ้ ร่ังเศสถอนทหารออก จากจนั ทบุรี ต่อมาวนั ท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙ ไดท้ รงยอมยกดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ใหก้ บั ฝร่ังเศส เพื่อแลกเอาจงั หวดั ตราดและดินแดนดา้ นฝ่ังขวาของแม่น้าโขงคืนมา ในงานน้ี จะมีริ้วขบวน เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นิทรรศการทางประวตั ิศาสตร์จงั หวดั ตราด การ จาหน่ายสินคา้ และผลิตภณั ฑ์การเกษตร การแสดงวฒั นธรรมพ้ืนบา้ น เป็นตน้ งำนวนั ผลไม้จังหวดั ตรำด จดั ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ณ บริเวณสนามหนา้ ศาลา กลางจงั หวดั ตราด ในงานจะมีการออกร้านจาหน่ายสินคา้ และผลผลิตทางการเกษตรของจงั หวดั การประกวด ผลไม้ และการจดั นิทรรศการของหน่วยงานต่าง ๆ แหล่งท่องเทยี่ วทส่ี ำคญั - ชายหาดสวยงามหมูเ่ กาะชา้ ง และชายทะเลจงั หวดั ตราด - เรสิดงั ส์กมั ปอต อาเภอเมืองตราด - อนุสรณ์สถานยทุ ธนาวเี กาะชา้ ง - วดั เมืองเก่าแสนตุ่ม อาเภอเขาสมิง - พพิ ิธภณั ฑว์ ดั บุปผาราม อาเภอเมืองตราด
๗ - น้าตกคลองแกว้ อาเภอบอ่ ไร่ - น้าตกธารมะยม อาเภอเกาะชา้ ง - น้าตกคลองพลู อาเภอเกาะชา้ ง - น้าตกคลองเจา้ อาเภอเกาะกูด - น้าตกสะพานหิน อาเภอเมืองตราด - ตลาดสินคา้ ชายแดนบา้ นหาดเล็ก อาเภอคลองใหญ่ - ศูนยร์ าชการุณยส์ ภากาชาดไทยเขาลา้ น อาเภอคลองใหญ่ - ฯลฯ
๘ ภำรกจิ และอำนำจหน้ำท่ขี องสำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ตามบทบญั ญตั ิมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบญั ญตั ิปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ กาหนดใหก้ ระทรวงวฒั นธรรมมีอานาจหนา้ ที่เก่ียวกบั ศิลปะ ศาสนา และวฒั นธรรม และราชการอ่ืนตามท่ีมี กฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นอานาจหนา้ ท่ีของกระทรวงวฒั นธรรม หรือส่วนราชการท่ีสงั กดั กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรมในมิติใหม่ การสถาปนากระทรวงวฒั นธรรมข้ึนใหม่ ภายใตก้ ารบริหาร ของพนั ตารวจโททกั ษิณ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรี เม่ือวนั ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๔๕ ถือเป็นอีกกา้ วหน่ึงของการพฒั นา หน่วยงานดา้ นวฒั นธรรมในประเทศไทย เป็นผลให้มีเจา้ ภาพรับผดิ ชอบงานวฒั นธรรมอยา่ งชดั เจนเป็นการ เฉพาะ และยงั เกิดผลดีกบั การพฒั นาประเทศในยคุ โลกาภิวตั น์ โดยรวมหน่วยงานระดบั กรมที่มีภาระรับผดิ ชอบ งานที่เกี่ยวเน่ืองกบั ศิลปวฒั นธรรม เขา้ มาอยใู่ นสังกดั กระทรวงวฒั นธรรมประกอบดว้ ย กรมศิลปากร กรมการ ศาสนา สานกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ และจดั ต้งั หน่วยงานระดบั กรมข้ึนอีกหน่ึง คือ สานกั งาน ศิลปะวฒั นธรรมร่วมสมยั นอกจากน้ี ยงั มีหน่วยงานท่ีมีฐานะเป็นองคก์ ารมหาชนข้ึนตรงกบั รัฐมนตรีวา่ การ กระทรวงวฒั นธรรม คือ ศูนยม์ านุษยวทิ ยาสิรินทร และกาหนดใหม้ ีสานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั เป็ นส่วน ราชการบริหารส่วนกลาง มีฐานะเทียบเท่ากอง มีภารกิจและอานาจหนา้ ที่ในฐานะตวั แทนกระทรวง และปฏิบตั ิ หนา้ ที่เกี่ยวกบั ศิลปะ ศาสนาและวฒั นธรรมในเขตพ้นื ที่จงั หวดั และปัจจุบนั มีกรมข้ึนมาใหม่สังกดั กระทรวง วฒั นธรรม คือ สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป์ จดั ต้งั ข้ึนเม่ือ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐ การดาเนินงานของกระทรวงวฒั นธรรมในมิติใหม่ นอกจากภารกิจเก่ียวกบั ศิลปะ ศาสนา และ วฒั นธรรมของชาติแลว้ ยงั ตอ้ งขบั เคล่ือนงานใหส้ อดคลอ้ งกบั การปฏิรูประบบราชการ ดาเนินตามพระราช กฤษฎีกาวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการบริหารกิจการบา้ นเมืองท่ีดี กาหนดมาตรฐานคุณภาพงานวฒั นธรรม เพือ่ ใหก้ า้ วทนั กบั กระแสโลกาภิวตั น์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ซ่ึงถาโถมมาอยา่ งไมห่ ยดุ ย้งั ตอ่ มาไดม้ ีการผลกั ดนั ใหส้ านกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั แยกออกไปเป็นส่วนราชการ สงั กดั ส่วน ราชการบริหารส่วนภูมิภาค อยา่ งตอ่ เน่ือง เพื่อใหส้ ามารถมีอานาจการบริหารราชการไดอ้ ยา่ งเบด็ เสร็จ ภายใต้ การควบคุมการบริหารราชการของผวู้ า่ ราชการจงั หวดั จนในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ไดม้ ีกฎกระทรวงแบ่งส่วน ราชการสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงวฒั นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๙ ลงวนั ที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙ กาหนดใหส้ านกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั เป็นส่วนราชการการบริหารส่วนภูมิภาค และถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง แบง่ ส่วนราชการสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงวฒั นธรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวนั ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑ กาหนดใหส้ านกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั เป็นส่วนราชการการบริหารส่วนภูมิภาค มีอานาจหนา้ ที่ ดงั น้ี ๑ . ประสานและปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในฐานะตวั แทนของกระทรวงในส่วนภูมิภาค รวมท้งั ดาเนินการ ประสานและสนบั สนุนการปฏิบตั ิงานดา้ นศาสนา ศิลปะและ วฒั นธรรมในเขตพ้ืนที่จงั หวดั ๒ . ส่งเสริมการพฒั นาองคค์ วามรู้และแหล่งเรียนรู้ดา้ นศาสนา ศิลปะ และ วฒั นธรรมในเขต พ้นื ที่จงั หวดั ๓. จดั ทาแผนยทุ ธศาสตร์เก่ียวกบั งานดา้ นศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม ใน เขตพ้ืนที่จงั หวดั
๙ ๔. ส่งเสริม สนบั สนุนและประสานการดาเนินการของสภาวฒั นธรรม จงั หวดั /อาเภอ/ตาบล รวมท้งั หน่วยงานอื่นที่ดาเนินงานดา้ นศาสนา ศิลปะและ วฒั นธรรม ในเขตพ้ืนที่จงั หวดั ๕. ปฏิบตั ิงานตามกฎหมายในความรับผดิ ชอบของกระทรวงซ่ึงกาหนด ใหเ้ ป็น อานาจหนา้ ที่ ของผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หรือตามที่ไดร้ ับมอบหมาย ๖. ปฏิบตั ิงานร่วมกบั หรือสนบั สนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง หรือที่ไดร้ ับ มอบหมาย วสิ ัยทัศน์ของสำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด “สำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด เป็ นศูนย์กลำงในกำรบูรณำกำรงำนด้ำนศำสนำ ศิลปะ และ วฒั นธรรม เพื่อก้ำวสู่กำรพฒั นำอย่ำงยง่ั ยืน” ยุทธศำสตร์ในกำรปฏิบตั งิ ำน เพือ่ ใหก้ ารดาเนินงานดา้ นศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรมของสานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ตราด เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประชาชน สถาบนั ทางศาสนาและผทู้ ี่ เก่ียวขอ้ งไดร้ ับประโยชน์ สูงสุด สานกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ตราดไดก้ าหนดยทุ ธศาสตร์ในการดาเนินงานโดยสรุป ดงั น้ี ๑. รักษา สืบทอดวฒั นธรรมของชาติและความหลากหลายของวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินใหค้ งอยอู่ ยา่ ง มน่ั คง ๒. สร้างค่านิยม จิตสานึกและภูมิปัญญาชาวตราด ๓. นาทุนทางวฒั นธรรมของตราดมาสร้างคุณคา่ ทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ๔. บูรณาการและบริหารจดั การองคค์ วามรู้ดา้ นศาสนา ศิลปวฒั นธรรม จำกบทบำทอำนำจหนำ้ ที่ และยทุ ธศำสตร์ในกำรปฏิบตั ิงำนของสำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ดงั ท่ีกล่ำวมำ ฝ่ ำยบริหำรทวั่ ไป สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด จึงไดด้ ำเนินงำนเชิงรุก จดั ทำรำยละเอียด โครงกำรจดั ทำหนงั สือภำพเก่ำเล่ำเร่ืองเมืองตรำด นำเสนอคณะกรรมกำรบริหำรสภำวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ครำวประชุมคณะกรรมกำรฯ เม่ือวนั ที่ ๒๘ มกรำคม ๒๕๕๒ ณ หอ้ งประชุมตรำดสีทอง ช้นั ๔ ศำลำกลำง จงั หวดั ตรำด ในกำรของบประมำณสนบั สนุนเพอ่ื นำไปเป็ นคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรจดั ทำหนงั สือภำพเก่ำเล่ำเรื่อง เมืองตรำด อดีตสู่ปัจจุบนั สืบเล่ำขำนเป็นตำนำนสู่ลูกหลำน และไดร้ ับกำรเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรบริหำร สภำวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำดอนุมตั ิโครงกำร โดยสนบั สนุนเงินงบเงินอุดหนุนส่งเสริมสนบั สนุนกำรดำเนินงำน ขององคก์ รเครือข่ำยทำงวฒั นธรรมของสภำวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด จำนวน ๕๐,๐๐๐ บำท เพอื่ เป็ นค่ำใชจ้ ำ่ ย ในกำรดำเนินกำรตำมโครงกำรดงั กล่ำว ฝ่ ำยบริหำรทวั่ ไป สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด จึงไดด้ ำเนินกำร
๑๐ รวบรวมวฒั นธรรมประเพณีในอดีตของชนชำวตรำด จำกแฟ้มภำพเก่ำท้งั จำกกำรสืบคน้ จำกหลกั ฐำนเอกสำร ต่ำง ๆ และจำกกำรที่จดั ประกวดภำพเก่ำเล่ำเร่ืองเมืองตรำด ในปี พ.ศ.๒๕๔๕ และ พ.ศ. ๒๕๔๗ นำมำร้อยเรียง เป็นสำรัตถะควำมรู้จำกอดีตสู่ปัจจุบนั สืบเล่ำขำนเป็ นตำนำนสู่ลูกหลำน และประสำนผมู้ ีควำมรู้ดำ้ นวฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ีชีวติ ในอดีตของชนชำวตรำด เพ่อื ตรวจสอบสำรัตถะควำมรู้ท่ีดำเนินกำรแลว้ ใหถ้ ูกตอ้ ง และ เป็นจริง ก่อนส่งเขำ้ โรงพมิ พด์ ำเนินกำรจดั ทำเป็นหนงั สือภำพเก่ำเล่ำเร่ืองเมืองตรำด คร้ังที่ ๑/๒๕๕๒ จำนวน ๕๐๐ เล่ม และนำออกเผยแพร่ประชำสัมพนั ธ์สู่หน่วยงำนภำครัฐ เอกชน รัฐวสิ ำหกิจ องคก์ รปกครองส่วน ทอ้ งถ่ิน สถำนศึกษำ และหน่วยงำนท่ีเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงจำกกำรรวบรวมขอ้ มูลภำพเก่ำเล่ำเรื่องเมืองตรำด อดีตสู่ ปัจจุบนั สืบเล่ำขำนเป็นตำนำนสู่ลูกหลำน ไดร้ วบรวมพอสงั เขป ดงั ปรำกฏ ดงั น้ี ในปี จ.ศ. ๑๒๔๖ (พ.ศ.๒๔๒๗) พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั เสดจ็ ออก ประทบั หอ้ งออกขนุ นำง ทรงปิ ดทองพระแลว้ เสดจ็ ข้ึนพระแท่นออกขุนนำง... แลว้ นำพระยำพพิ ธิ พไิ สย สุนทรกำรเมืองตรำด เฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำทถวำยผำ้ พ้ืนสีแดงตำ่ งสีมำก แลว้ นำพระแกลงแกว้ กลำ้ เมืองตรำด กรำบถวำยบงั คมลำไปรักษำบำ้ นเมือง ทรงพระรำชปฏิสนั ถำรพระยำตรำดและโปรดเกลำ้ ฯ พระรำชทำน พระบรมรูปทรงเครื่องตน้ พระยำตรำดองค์ ๑ ทรงพระรำชดำริวำ่ ไดเ้ สด็จไปประพำสบำ้ นเมืองและไดเ้ สด็จ ประทบั ท่ีบำ้ นพระยำตรำดหลำยหนแลว้ (ปัจจุบนั ประดิษฐำน ณ พิพิธภณั ฑว์ ดั บุปผำรำม อ.เมืองตรำด) อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๒๗๘
๑๑ พลบั พลำรับเสดจ็ ทเ่ี มืองตรำด ในปี ร.ศ.๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๐) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ฯ ออกหนา้ พลบั พลา ขา้ ราชการมณฑลจนั ทบุรี และ เมืองตราดและราษฎรฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกนั พระบริรักษภ์ ูธร ผวู้ า่ ราชการเมืองอ่านคาถวายชยั มงคล จบแลว้ บรรจุคาถวายไชยมงคลในกล่องงา ซ่ึงทาเป็นรูปกระบอก ยอดเป็นพระเก้ียวทองคา นาข้ึนทูลเกลา้ ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มีพระราชดารัสตอบแลว้ ราษฎรไดร้ ้องสาธุพร้อมกนั อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๓๔๖ นำ้ ตกธำรสนุกเกำะกดู พ.ศ.๒๔๕๔ น้าตกน้ีตกลงมาจากหนา้ ผาลงมาในแอ่งลึกเป็ นรูปกลมราวกบั คนทา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จฯ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ และไดท้ รงจารึกอกั ษรพระบรมนามาภิธยั ยอ่ ว.ป.ร. แลศก ๑๓๐ ไวท้ ่ีหนา้ ผาใหญข่ า้ งแอง่ แห่งหน่ึง และไดพ้ ระราชทานนามธารแห่งน้ีวา่ “ธารสนุก” อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๔๓๒
๑๒ เรือกลไฟเลก็ ในปี รศ.๑๒๖(พ.ศ.๒๔๕๐) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จฯ ประทบั เรือกลไฟเล็กประพาสเมืองตราด เมื่อเรือ พระที่นง่ั แล่นข้ึนไปตามลาน้า ผใู้ หญ่บา้ นและราษฎร ลงเรือมาคอยเฝ้าละอองธุลีพระบาท โห่ถวายชยั มงคลและ ประโคมพิณพาทย์ เรือพระที่นง่ั เทียบทา่ เมืองตราดเชา้ ๕ โมงเศษ ในที่น้ีมีขา้ ราชการมณฑลจนั ทบุรี และ ขา้ ราชการเมืองตราดแตง่ เตม็ ยศมาคอยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๓๔๓ แหลมพลบั พลา เกาะกระดาด ในปี จ.ศ.๑๒๓๕-๑๒๖๙ (พ.ศ.๒๔๑๖ – ๒๔๕๐) แหลมพลบั พลาน้ี เป็นแหลมอยทู่ ่ีปลายเกาะกระดาด ดา้ นที่ติดกบั เกาะนกนอก เกาะนกใน ดงั ที่ พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ วิภาวดีรังสิต ทรงพระนิพนธ์ถึงเหตุท่ีมาของภูมินามน้ีไวว้ า่ “ ท่ีเกาะกระดาด มีแหลมแห่งหน่ึง เรียกกนั วา่ แหลมพลบั พลา เพราะเคยมีพลบั พลาสร้างข้ึนสาหรับรับเสด็จพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั หวั เม่ือคร้ังกระโนน้ ” อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๓๔๓ หนา้ ๓๘๓
๑๓ การส่งมอบเมืองตราดที่ตีพิมพล์ งในหนงั สือพมิ พฝ์ รั่งเศส (๓๐ ธนั วาคม พุทธศกั ราช ๒๔๔๗) พธิ ีส่งมอบเมืองตราดน้นั รัฐบาลสยามไดม้ อบหมายใหพ้ ระยามหาอามาตยาธิบดี ซ่ึงขณะน้นั บรรดาศกั ด์ิเป็นพระยาศรีสหเทพ เดินทางไปจงั หวดั ตราดโดยเรือรบหลวงมกุฎราช กมุ าร ซ่ึงในวนั ท่ีมีการ มอบหมายส่งดินแดนใหแ้ ก่เจา้ พนกั งานฝ่ าฝรั่งเศสน้นั ไดก้ ระทากนั ณ ศาลาวา่ การจงั หวดั ตราด (บริเวณสนาม หนา้ ศาลากลางจงั หวดั ตราดในปัจจุบนั ) ต่อหนา้ พระยาพพิ ิธพิไสยสุนทรการ (สุข ปริชญนนท)์ ซ่ึงเป็นผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ตราดและพระจรูญภาระการ (โป๊ กูรมะโรหิต) ซ่ึงในขณะน้นั เป็นหลวงรามฤทธิรงค์ ตาแหน่ง ยกกระบตั รเมืองตราดพระยามหาอามาตยาธิบดีไดท้ าหนงั สือสาคญั โดยลงชื่อมอบใหเ้ รสิดงั ตก์ าปอตผเู้ ป็น ขา้ หลวงฝ่ ายฝร่ังเศส เสร็จแลว้ พระยามหาอามาตยาธิบดีพร้อมดว้ ยขา้ ราชการเมืองตราด และเมืองประจนั ตคีรี เขตต์ (เกาะกง)บางคน มีพระยาพิพิธพิไสยสุนทรการ พระจรูญภาระการ และนายวาศผพู้ ิพากษาศาลจงั หวดั ประจนั ตคีรีเขตต์ และครอบครัว ไดพ้ ากนั ออกจากจงั หวดั ตราดโดยเรือรบหลวงมกฎุ ราชกมุ ารกลบั เขา้ สู่ กรุงเทพมหานคร ในการมอบหมายจงั หวดั ตราดใหแ้ ก่ฝร่ังเศสในคร้ังน้นั ยงั ความโทมนสั เสียใจใหแ้ ก่บรรดาขา้ ราชการ ที่อยใู่ นเหตุการณ์เป็นอยา่ งยง่ิ ดงั ความปรากฏในบนั ทึกของหลวงสาครคชเขตต์ ความตอนหน่ึงวา่ “กล่าวกนั วา่ ในวนั น้นั พวกไทยเราถึงกบั พากนั น้าตาตกและเตม็ ต้ืนไปดว้ ยกนั ทุกคน” อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๓๔
๑๔ พระยำพพิ ธิ พไิ สยสุนทรกำร (สุข ปริชญำนนท์) พระยำศรีสหเทพ (เส็ง วริ ิยะศิริ) ผ้วู ่ำรำชกำรเมืองตรำด พระยาพิพิธพไิ สยสุนทรการ (สุข ปริชญานนท)์ ผวู้ า่ ราชการเมืองตราด และพระยาศรีสหเทพ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๓๗.๑๕๒ ขา้ หลวงไทย – ฝร่ังเศส ท้งั สองฝ่ ายซ่ึงปักปันเขตแดนไทยใหฝ้ รั่งเศส อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๓๕
๑๕ ท่ีพกั ขา้ หลวงฝ่ ายไทย - ฝรั่งเศส ณ เมืองตราด สมยั รัชกาลท่ี ๕ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๓๖ ขา้ หลวงฝ่ ายไทยและฝรั่งเศสปักปันเขตแดนท่ีเมืองตราด อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๓๖
๑๖ ราษฎรเมืองตราดสมยั รัชกาลที่ ๕ รับจา้ งขนเครื่องใช้ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๓๗ ขา้ หลวงใหญฝ่ รั่งเศสปักปันเขตแดนไทย ที่เมืองตราด อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๓๘ พวกนาทางเมืองตราด สมยั รัชกาลท่ี ๕ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๓๙
๑๗ กานนั ผใู้ หญบ่ า้ นและราษฎรเมืองตราดร่วมงานปักปันเขตแดนไทยใหฝ้ รั่งเศส อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๓๙ ขา้ หลวงใหญฝ่ ร่ังเศสกบั ขา้ หลวงสยามกาลงั ปฤกษาการปักปันเขตแดน อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๔๐ ขา้ หลวงท้งั ไทยและฝร่ังเศส อยใู่ นท่ีพกั เมืองตราด อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๔๑
๑๘ ขา้ หลวงใหญ่ฝร่ังเศสกบั ขา้ หลวงสยามกาลงั ส่องกลอ้ งปักปันเขตแดน อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๔๒ พวกราษฎรนาทาง คราวปักปันเขตแดนใหฝ้ ร่ังเศส ท่ีเมืองตราด อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๔๓
๑๙ สตรีพ้ืนเมืองชาวตราด สมยั รัชกาลท่ี ๕ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๑๗๑ ราษฎรชาวตราดในสมยั รัชกาลท่ี ๕ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๗๓ เรือนราษฎรชาวตราดสมยั รัชกาลท่ี ๕ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๑๗๔
๒๐ เรือสุริยมณฑล พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว รัชกำลท่ี ๕ ครำวเสด็จพระรำชดำเนินประพำส เกำะชำ้ งคร้ังท่ี ๔ น้ีปรำกฏควำมวำ่ ในวนั เสำร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ พ.ศ.๒๔๒๓ เวลำบ่ำยเสด็จออกในพระที่ นงั่ อนนั ตสมำคมโปรดให้ พระองคเ์ จำ้ สำยสนิทวงศเ์ ฝ้ำเรื่องจะเสด็จพระรำชดำเนินประพำสทะเล ต่อมำวนั เสำร์ข้ึน ๕ ค่ำ เดือนอำ้ ย พ.ศ.๒๔๒๔ เวลำเช้ำเสด็จออกโปรดให้พระองค์สำยเฝ้ำดว้ ยเรื่องจะเสด็จฯ ทะเล อีก คร้ัง อน่ึง ในกำรเสดจ็ พระรำชดำเนินครำวน้ี ทรงพระชนมำยุ ๒๘ พรรษำ นบั เป็นปี ที่ ๑๓ ในรัชกำลน้ี คร้ันเม่ือ วนั อำทิตยข์ ้ึน ๑๕ ค่ำ เดือนอำ้ ย พ.ศ.๒๔๒๔ จึงเสด็จพระรำช-ดำเนินออกจำก กรุงเทพมหำนคร เสด็จพระรำชดำเนินโดยเรือพระท่ีนง่ั เวสำตรี สมเดจ็ เจำ้ พระยำบรมมหำศรีสุริยวงศไ์ ปกบั เรือ สุริยมณฑล เจำ้ พระยำภำณุวงศไ์ ปกบั เรืออุบลบุรทิศ ถึงเมืองตรำดในวนั จนั ทร์ ข้ึน ๗ ค่ำ เดือนอำ้ ย ประทบั อยู่ ในเขตเมืองตรำด ๖ รำตรี จึงเสดจ็ กลบั ยงั พระบรมมหำรำชวงั อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๒๕๘
๒๑ เรืออรรคราชวรเดช เม่ือพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยูห่ วั ทรงพระชนมำยุ ๓๑ พรรษำไดเ้ สด็จพระรำช ดำเนินมำประพำสเมืองตรำดเป็นคร้ังท่ี ๗ น้ี เป็นปี ท่ี ๑๖ ในรัชกำลน้ี ในคร้ังน้ีไดเ้ สด็จพระรำชดำเนินออก จำกพระนครเม่ือวนั อำทิตย์ ข้ึน ๙ ค่ำ เดือน ๓ รำวเดือนกุมภำพนั ธ์ พ.ศ.๒๔๒๗ เสดจ็ พระรำชดำเนินถึง เมืองตรำดวนั อำทิตย์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๓ รำวเดือนกุมภำพนั ธ์ เสด็จประทบั อยู่ ณ เขตเมืองตรำด เป็นเวลำ ๔ รำตรี วนั รุ่งข้ึนจึงเสด็จพระรำชดำเนินไปยงั เมืองจนั ทบุรีและกลบั กรุงเทพมหำนคร ในกำรเสด็จพระรำช ดำเนินในครำวน้ีเสด็จประทบั เรือพระที่นง่ั เวสำตรี มีเรือตำมเสดจ็ ในครำวน้ีคือ เรืออรรครำชวรเดช เรือนฤเบนทร์บุตรี เรือสุริยมณฑล เรือมูรธำวสิตสวสั ด์ิ เรือสปอร์ตแมน เรือแรบปิ ด เรือเหรำ อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกูล หนา้ ๒๘๑
๒๒ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระราชทานพระแสงสาหรับเมืองตราด ธรรมเนียมกำรพระรำชทำนพระแสงสำหรับเมืองน้นั เร่ิมมำนบั แตร่ ัชสมยั พระบำทสมเด็จ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั โดยทรงพระรำชทำนแก่มณฑลกรุงเก่ำ (จงั หวดั พระนครศรี-อยธุ ยำ) เป็นเมืองแรก เมื่อวนั ที่ ๒๙ กนั ยำยน พ.ศ.๒๔๔๔ และสิ้นสุดลงในรัชสมยั พระบำทสมเดจ็ พระปกเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั โดยมณฑล ปรำจีนบุรีเป็ นเมืองสุดทำ้ ย ซ่ึงพระแสงสำหรับเมืองน้ีในรัชสมยั พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั น้นั ไดร้ ับพระรำชทำนเพียง ๑๓ เมืองเท่ำน้นั เมืองตรำดไดร้ ับพระรำชทำนเป็นลำดบั ท่ี ๑๑ เมื่อวนั ท่ี ๑๓ พฤศจิกำยน พ.ศ.๒๔๕๐ พระบริรักษภ์ ูธร (ป๋ิ ว บุนนำค) ผูว้ ำ่ รำชกำรเมืองตรำดเป็นผรู้ ับพระรำชทำน ณ พลบั พลำโรงพิธีเมืองตรำด ดำ้ มฝักทองยำว ๑๐๘.๕ ซม. ดำ้ มยำว ๓๕ ซม. ฝักยำว ๗๓.๕ ซม. ใบยำว ๖๕.๙ ซม. ใบกวำ้ ง ๒.๘ ซม. ทอดบนบนั ไดแกว้ ปลอกดำ้ นขวำจำรึกวำ่ “เน้ือ ๖ หนกั ๙/๕๐ ” ปลอกดำ้ นซำ้ ยจำรึกวำ่ “เน้ือ ๕ น้ำหนกั ๔๑/๓๐” ปัจจุบนั เก็บรักษำที่คลงั จงั หวดั ตรำด (พระแสงราชศาสตราประจาเมือง. (กรุงเทพฯ: คณะกรรมกำรอำนวยกำรจดั งำนฉลองสิริรำชสมบตั ิ ๕๐ ปี , ๒๕๓๙), หนำ้ ๑๔๓. พระแสงรำชศำสตรำประจำเมืองตรำด อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสด็จฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๓๕๑,๓๕๒
๒๓ พระบรมนำมำภไิ ธย ว.ป.ร. ศก ๑๓๐ (คร้ังท่ี ๑) และศักรำช ๒๔๖๕ (คร้ังท่ี ๒) ทต่ี กธำรมะยม วนั ที่ ๒๓ เมษำยน เวลำเชำ้ ๓ โมงเศษ ทอดสมอเรือพระที่นงั่ ท่ีเกำะชำ้ ง เวลำบ่ำย ๔ โมงเศษ พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกลำ้ เจำ้ อยูห่ ัว ทรงเรือกรรเชียง เรือยนตร์จูงไปข้ึน ทำงหำดทรำยท่ีธำรคลองมะยม ทรงพระดำเนินไปถึงธำรน้ำตกช้นั ล่ำง ทรงฉำยพระบรมรูป และไดท้ รงจำฤกอกั ษรพระบรมนำมำภิธยั ยอ่ ว.ป.ร. แลศก๒ ๑๓๐ ไวท้ ี่ศิลำริมแอ่งที่ธำรน้ำตก น้นั แห่งหน่ึง เวลำย่ำค่ำ ๔๐ นำที เสดจ็ กลบั ถึงเรือพระที่นง่ั เวลำ ๑๑ ทุม่ ออกเรือพระท่ีนง่ั ...... อา้ งอิงขอ้ มูล : ตามรอยเสดจ็ ฯ เกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู หนา้ ๔๓๒,๔๓๓
๒๔ ๒๒ เสดจ็ พระรำชดำเนินทอดพระกฐินพระรำชทำน ณ วดั ไผล่ อ้ ม พ.ศ.๒๕๑๑ พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั ฯ และสมเด็จพระนำงเจำ้ พระบรมรำชินีนำถเสดจ็ พระรำชดำเนิน ทรงทอดพระกฐินพระรำชทำน ณ วดั ไผล่ อ้ ม อำเภอเมืองตรำด จงั หวดั ตรำด ในปี พุทธศกั รำช ๒๕๑๑ และเสด็จ พระรำชดำเนินพบประชำชนที่รอรับเสด็จฯ ยงั ควำมปลำบปล้ืมแก่พสกนิกรชำวตรำดเป็ นลน้ พน้ เจำ้ ของภำพ : นำยเสริมทรัพย์ จินตกำนนท์ สมเดจ็ พระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเด็จยำ่ ) เสดจ็ เกำะกดู สมเดจ็ พระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเดจ็ ยำ่ ) เสดจ็ เย่ยี มพสกนิกรชำวตรำดในพ้ืนที่ กิ่งอำเภอเกำะกดู เมื่อปี พทุ ธศกั รำช ๒๕๑๑ สร้ำงควำมปลำบปล้ืมและปิ ติแก่ขำ้ รำชกำรและพสกนิกรชำวตรำด เป็นลน้ พน้ ในภำพผทู้ ี่มีโอกำสไดเ้ ขำ้ เฝ้ำอยำ่ งใกลช้ ิด คือ นำงสิริลกั ษณ์ มำนิตย์ ซ่ึงในขณะน้นั เป็ นขำ้ รำชกำร ตำแหน่งเจำ้ หนำ้ ที่กำรเงิน และบญั ชี ๒ องคก์ ำรบริหำรส่วนจงั หวดั ตรำดอำเภอแหลมงอบ ปัจจุบนั เป็น ขำ้ รำชกำรบำนำญ พกั อำศยั อยทู่ ี่ ๗๙/๓๐ ม.๔ ต.บำ้ นสวน อ.เมืองชลบุรี เจำ้ ของภำพ นำงสิริลกั ษณ์ มำนิตย์
๒๕ สมเด็จพระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเดจ็ ยำ่ ) เสด็จเกำะชำ้ ง สมเดจ็ พระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี (สมเดจ็ ยำ่ ) เสดจ็ เยย่ี มพสกนิกรชำวตรำดที่หมูบ่ ำ้ น คลองนนทรี ตำบลเกำะชำ้ ง อำเภอแหลมงอบ เม่ือวนั ที่ ๒๔ ตุลำคม พุทธศกั รำช ๒๕๑๒ สร้ำงควำมปลำบปล้ืม และปิ ติแก่ขำ้ รำชกำรและพสกนิกรชำวตรำดเป็นลน้ พน้ ในภำพผทู้ ี่มีโอกำสไดเ้ ขำ้ เฝ้ำอยำ่ งใกลช้ ิดและไดม้ ี โอกำสถือของตำมเสด็จเพ่ือแจกแก่เด็ก และผทู้ ี่มำเฝ้ำรับเสดจ็ ในวนั น้นั คือ นำงสำวอรุณี โกศำคำร ซ่ึงใน ขณะน้นั เป็นขำ้ รำชกำรในสังกดั สำนกั งำนกำรประถมศึกษำจงั หวดั ตรำด (สปจ.) ปัจจุบนั เป็นขำ้ รำชกำรบำนำญ พกั อำศยั อยทู่ ี่บำ้ นพกั เลขท่ี ๓๓ ถนนชยั มงคล ต.บำงพระ อ.เมืองตรำด จ.ตรำด เจำ้ ของภำพ น.ส.อรุณี โกศำคำร เสด็จพระรำชดำเนินเป็ นองคป์ ระธำนพธิ ีเปิ ดพพิ ิธภณั ฑว์ ดั บุปผำรำม สมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี เสดจ็ พระรำชดำเนินเป็ นองคป์ ระธำน พิธีเปิ ดพิพธิ ภณั ธ์วดั บุปผำรำม อำเภอเมืองตรำด จงั หวดั ตรำด เม่ือวนั ที่ ๒๙ เมษำยน พุทธศกั รำช ๒๕๓๕ ยงั ควำมปลำบปล้ืมแก่พสกนิกรชำวตรำดเป็ นลน้ พน้ มีนำยอมร อนนั ตชยั เป็นผวู้ ำ่ รำชกำรจงั หวดั ตรำด และ พระครูสุวรรณสำรวบิ ูล เป็นเจำ้ อำวำสวดั บุปผำรำม ในขณะน้นั เจำ้ ของภำพ : สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด
๒๖ เสดจ็ พระรำชดำเนินเป็นองคป์ ระธำนพิธีบรรจุพระบรมสำริกธำตุ ในพระเจดียว์ ดั คีรีวหิ ำร สมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี เสด็จพระรำชดำเนินเป็ นองคป์ ระธำนพธิ ีบรรจุ พระบรมสาริกธาตุในพระเจดียว์ ดั คีรีวิหาร และถวำยผำ้ ป่ ำ และทรงปลูกตน้ ไมท้ ี่ดำ้ นหนำ้ พระเจดียว์ ดั คีรีวหิ ำร อำเภอเมืองตรำด จงั หวดั ตรำด และพระรำชทำนของท่ีระลึกแก่ผบู้ ริจำคเงินโดยเสด็จพระรำชกุศลในกำร ทอดผำ้ ป่ ำ เม่ือวนั ที่ ๒๒ พฤศจิกำยน พุทธศกั รำช ๒๕๓๙ ยงั ควำมปลำบปล้ืมแก่พสกนิกรชำวตรำดเป็นลน้ พน้ เจำ้ ของภำพ : สำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ตรำด ประเพณีกำรแข่งขนั เรือพำยของชำวไทยมุสลิม ประเพณีกำรแข่งขนั เรือพำยของชำวไทยมุสลิม ตำบลน้ำเช่ียว อำเภอแหลมงอบ จงั หวดั ตรำด หลงั จำกวนั ออกตรุษอีดิ๊ลฟิ ตริ ซ่ึงเป็นเดือนที่ชำวไทยมุสลิมทำกำรอดอำหำร (ถือศีล) เป็นเวลำ ๑ เดือน ในภำพ เป็นกำรแข่งขนั เรือพำยเมื่อปี พทุ ธศกั รำช ๒๔๙๕ ที่คลองน้ำเช่ียว อำเภอแหลมงอบ ปัจจุบนั ประเพณีกำรแขง่ ขนั เรือพำยของชำวไทยมุสลิมบำ้ นคลองน้ำเช่ียว ยงั มีใหช้ มเป็นประจำทุกปี เจา้ ของภาพ : น.ส.เยาวภา ภูมิมาโนส
๒๗ ร่วมแรงแขง็ ขัน ช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๔ - ๒๕๐๘ กำรทำถนนรำดยำงถนนสำยท่ีอยหู่ ลงั โรงเรียนอนุบำลตรำด เมื่อประมำณปี พ.ศ.๒๕๐๔ – ๒๕๐๘ ซ่ึงในขณะน้นั ยงั มีบำ้ นเรือนไม่มำก ป้อมที่เห็นอยดู่ ำ้ นหลงั คือป้อมสงั เกตกำรณ์ภำยในเรือนจำจะมีตำรวจอยเู่ วร เพ่อื กนั นกั โทษหนี เจำ้ ของภำพ : นำงกำรุณี สมั มำ นำงงำมจังหวดั ตรำดคนแรก พ.ศ.๒๔๘๓ นางสาวรัศมี โชติมา ในสมยั ดารงตาแหน่งนางงามจงั หวดั ตราดคนแรก ในภาพกาลงั ทุ่มฟุตบอล เปิ ดการแข่งกีฬาจงั หวดั ตราด ในปี พ.ศ.๒๔๘๓ ณ บริเวณสนามหนา้ ศาลากลางจงั หวดั ตราด เจา้ ของภาพ : นายภทั ราวธุ หิรัญรัตน์
๒๘ ทาบุญตักบาตรวนั ขนึ้ ปี ใหม่ พ.ศ.๒๔๗๔ เทศกำลทำบุญตกั บำตรเน่ืองในวนั ข้ึนปี ใหม่ของชำวจงั หวดั ตรำด เริ่มจดั ข้ึนต้งั แต่ปี พ.ศ.๒๔๗๔ ณ บริเวณหนำ้ ศำลำกลำงจงั หวดั ตรำด สืบมำจนถึงปัจจุบนั ในภำพจดั ข้ึน ณ บริเวณสนำมหนำ้ ศำลำกลำงจงั หวดั ตรำด (หลงั เก่ำ) ขำ้ งสำนกั งำนเทศบำลเมืองตรำด ปัจจุบนั ถูกไฟไหมแ้ ละไดป้ รับปรุงซ่อมแซมใหมส่ วยงำมมำก แตย่ งั คงสภำพรูปแบบเดิม เจำ้ ของภำพ : นำยภทั รำวธุ หิรัญรัตน์ สนำมหน้ำศำลำกลำงจังหวดั ตรำด พ.ศ.๒๕๐๓ ภาพนกั กีฬานกั เรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ กาลงั เดินสวนสนามที่หนา้ ศาลากลางจงั หวดั ตราด ดา้ นหลงั ที่มีตนไมป้ ัจจุบนั เป็ นที่ต้งั ของศาลากลางจงั หวดั ในปัจจุบนั ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ จะใชส้ นามหลวงแห่งน้ี เป็นท่ีแขง่ ขนั กีฬาระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษา ภาพท่ีเห็นใกลส้ ุด คือ นายมณี มณีเรืองขา้ ราชการบานาญ ปัจจุบนั ยงั มีชีวติ อยู่ เจา้ ของภาพ : นายอรรถนพ โกศาคาร
๒๙ เยบ็ จากมุงหลงั คา พ.ศ.๒๕๑๐ วถิ ีชีวติ คนชนบท ตดั ใบจำกซ่ึงเป็นพนั ธุ์ไมท้ ่ีข้ึนอยตู่ ำมชำยคลอง นำมำเรียงร้อยเป็ นตบั โดยมีไมไ้ ผ่ เหลำขนำด ๒ ซ.ม. ยำว ๑.๒ เมตร พร้อมดว้ ยหวำยลิง ซ่ึงเป็นพืชท่ีอยตู่ ำมน้ำเคม็ ท่วมถึงลกั ษณะเส้นกลม ๆ สี เขียว ตน้ หน่ึงผำ ๔ เหลำ คลี่ออกนำมำเป็นตวั ยดึ เสร็จแลว้ นำไปมุงหลงั คำ เจำ้ ของภำพ : นำยปรีดำ เขียวขจี โรงเรียนกติ ตวิ ทิ ยำ พ.ศ.๒๕๐๖ โรงเรียนกิตติวทิ ยาเป็นโรงเรียนเอกชน (โรงเรียนราษฎร์) แห่งแรกของจงั หวดั ตราด ก่อต้งั เม่ือ วนั ท่ี ๑๖ มิถุนายน ๒๔๘๔ โดยนายทะ นิรันตพ์ านิช เป็ นผกู้ ่อต้งั เจา้ ของภาพ : นางกิตติวรรณ ธีระตระกลู
๓๐ ร่อนพลอย พ.ศ.๒๕๐๙ ภาพขดุ พลอยในอาเภอบอ่ ไร่ เม่ือปี พ.ศ.๒๕๐๙ สมยั น้นั ยงั ไมม่ ีเคร่ืองจกั รกล ตอ้ งใชว้ ธิ ีขดุ ดว้ ย มือ แลว้ นาดินที่ขดุ ไดไ้ ปร่อนหาพลอยในคลอง เม่ือไดพ้ ลอยดิบมาแลว้ ตอ้ งนาไปเจียระไน แลว้ นาไปขายใน ตลาดพลอยท่ีจงั หวดั จนั ทบุรี เจา้ ของภาพ : นายประเสริฐ ศิริ สะพานแหลมงอบในอดีต พ.ศ.๒๕๐๘ ชำว อ.แหลมงอบ จ.ตรำด ในอดีตบง่ บอกถึงควำมเป็นอยเู่ รียบง่ำย ในภำพเป็นสะพำนแหลม งอบท่ีสร้ำงดว้ ยไม้ มีเสำคอนกรีตบำงตน้ และมีสะพำนไมเ้ ป็นประตูก้นั ไปยงั เรือนรับรองซ่ึงเคยใชเ้ ป็นท่ี รับประทำนอำหำรของจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัตน์ เมื่อครำวมำตรวจรำชกำรที่จงั หวดั ตรำด ประมำณปี ๒๕๐๖ ปัจจุบนั ไดร้ ้ือถอนไปแลว้ ส่วนอีกหลงั หน่ึงที่อยใู่ กลก้ นั ปัจจุบนั คือร้ำนแสงจนั ทร์ เจำ้ ของภำพ : น.ส.จินตนำ ประทุมวงษ์
๓๑ คณะพรรคจังหวดั ตรำด ปี พ.ศ.๒๔๗๙ หนุ่มเส้ือเชิ้ตกางเกงแพรปังหลิน (แบบชาวจีน) เป็ นกลุ่มหนุ่มท่ีกา้ วหนา้ ดา้ นแฟชน่ั และ ทนั สมยั ในสมยั น้นั ไดม้ ารวมตวั กนั ท่ีวดั กลางชยั มงคล เพ่ือวตั ถุประสงคอ์ ะไรไมม่ ีใครทราบ ทิวทศั น์ดา้ นหลงั เป็นอาคารศาลาการเปรียญเก่าแก่แบบโบราณมุ่งกระเบ้ืองดินเผา ปัจจุบนั ท่ีตรงน้ีกลายเป็นศูนยก์ ารคา้ ไปแลว้ อีกดา้ นหน่ึงเป็นเจดียแ์ บบชาวเหนือท่ีสร้างมานานนบั ร้อยปี เจา้ ของภาพ : น.ส.นิภา มว่ งหวาน แห่นาค พ.ศ.๒๕๐๗ ขบวนแห่นำคไปอุปสมบท ณ วดั ไผล่ อ้ ม ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ผำ่ นถนนหลกั เมือง บริเวณหนำ้ โรงแรม บวั ผอ่ ง (ปัจจุบนั คลินิกนพ.บุญมี) ขบวนแห่ผำ่ นหนำ้ โรงแรมโกวทิ ปัจจุบนั ไดเ้ ลิกกิจกำรแลว้ ดำ้ นหลงั ป้ำย โรงแรมจะเป็นป้ำย “รับแกน้ ำฬิกำ” ปัจจุบนั จะเขียนกนั วำ่ “รับซ่อมนำฬิกำ” เจำ้ ของภำพ : นำยเกียรติชยั โภคพบิ ูลย์
๓๒ หอนาฬิกาในอดตี พ.ศ.๒๕๐๗ หอนำฬิกำซ่ึงต้งั อยกู่ ลำงใจเมืองตรำดในอดีต ปัจจุบนั ไมม่ ีแลว้ แตไ่ ดป้ รับปรุงเป็นตลำดศูนยก์ ำรคำ้ เทศบำลเมืองตรำด ท่ีเห็นดำ้ นหนำ้ กำลงั ก่อสร้ำงเป็ นอุโบสถวดั กลำงชยั มงคล ส่วนตึกไมด้ ำ้ นหนำ้ ทำงขวำมือ ปัจจุบนั เป็ นหำ้ งตรำดสรรพสินคำ้ เจำ้ ของภำพ : นำงวมิ ล ภิรมยภ์ กั ด์ิ ท่านก๋งไกร วดั ไทรทอง พ.ศ.๒๔๖๖ ทำ่ นก๋งไกร เป็นพระนกั สังคมสงเครำะห์ นกั สำธำรณสุข โดยใชค้ วำมรู้ หมอยำรักษำโรคบำ้ และ โรคอื่น ๆ จนชำวบำ้ นทวั่ ไปเรียกวำ่ “ท่ำนก๋ง” เป็นพระนกั ปครอง ขจดั ควำมขดั แยง้ โดยใช้ “ธรรมรัฐ” เป็น พระนกั อนุรักษ์ ขดุ ลอกคลองแนวเขตวดั เป็นท่ีอำศยั ของสัตวน์ ้ำ เป็นพระนกั ปฏิบตั ิ โดยประพฤติพรหมจรรย์ มีบริสุทธิศีล เจริญมนั่ ในธรรมำนุสติ รู้เวลำแห่งกำรละสังขำร เป็นครูผสู้ อนศิษย์ “อยำ่ ประมำท อยำ่ เอำเปรียบ” เจำ้ ของภำพ : นำงอุไรวรรณ สกลุ พำนิช
๓๓ ยวุ ชนทหาร พ.ศ.๒๔๘๐ คุณตำ (นำยยง นองเนือง) แถวกลำงคนที่ ๕ ในขณะกำลงั เรียนอยู่ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี ๑ โรงเรียน ตรำษตระกำรคุณ ถ่ำยร่วมกบั เพ่อื น และอำจำรยส์ ำแดง รธนิตย์ แถวนงั่ คนท่ี ๔ คนท่ีนงั่ คุกเขำ่ ดำ้ นหนำ้ คน เดียว คือ นำยเฉลียว เจำ้ ของภำพ : นำงสำวสมใจ ตะพองมำตร วทิ ยกุ ระจายข่าว ปี พ.ศ.๒๕๐๐ วทิ ยกุ ระจำยข่ำว หน่วยประชำสัมพนั ธ์แห่งแรกของจงั หวดั ตรำด อุปกรณ์ต่ำง ๆ ท่ีเห็นกลำยเป็น ของโบรำณท่ีควรอนุรักษไ์ ว้ บุคคลในภำพคือ คุณลำไย สมพยคั ฆ์ ประชำสัมพนั ธ์หญิงคนแรกของจงั หวดั ตรำด คร้ังหน่ึงส่ิงต่ำง ๆ เหล่ำน้ี เป็ นส่ิงท่ีใหป้ ระโยชนแ์ ก่ประชำชนในเร่ืองของกำรกระจำยขำ่ ว กำลเวลำผำ่ นไปปี แลว้ ปี เล่ำ จนกระท้งั กลำยเป็ นอดีตของชำวตรำดตรำบจนทุกวนั น้ี เจำ้ ของภำพ : นำงกำรุณี สัมมำ
๓๔ เรือใบ พ.ศ.๒๔๙๕ ในภำพเป็นกิ่งอำเภอคลองใหญ่ในอดีต พ.ศ.๒๔๙๕ ปัจจุบนั ยกฐำนะเป็นอำเภอคลองใหญ่ ในสมยั น้นั กำรเดินทำงจำกตวั เมืองตรำดไปคลองใหญจ่ ะเดินทำงโดยอำศยั เรือใบ หรือเรือยนต์ ซ่ึงเป็นเรือโดยสำรและ ขนส่งสินคำ้ โดยเรือใบจำกตวั เมืองตรำด (ทำ่ เรือ) จะใชเ้ วลำประมำณ ๓-๔ ชวั่ โมง ข้ึนอยกู่ บั ควำมเร็วและ ทิศทำงของลมดว้ ย เจำ้ ของภำพ : นำยอรพนั ธ์ ลำยทิพย์ การบริการนา้ พ.ศ.๒๕๐๑ ในปี พ.ศ.๒๕๐๑ ชำวตรำดยงั ไม่มีน้ำประปำใช้ สำนกั งำนเทศบำลเมืองตรำดไดจ้ ดั เจำ้ หนำ้ ท่ีคอย ใหบ้ ริกำรน้ำแก่ชำวตรำด ณ บริเวณหนำ้ สำนกั งำนฯ ซ่ึงมีประชำชนมำรอรับบริกำรจำนวนมำก และยงั สร้ำง รำยไดใ้ หก้ บั ประชำชนบำงคนในกำรรับจำ้ งเข็นน้ำใหแ้ ก่ชำวบำ้ นดว้ ย เจำ้ ของภำพ : นำงกำรุณี สมั มำ
๓๕ ศูนย์อพยพชาวกมั พูชา พ.ศ.๒๕๑๗ เมื่อครำวเขมรแตกใหม่ ๆ ชำวเขมรไดล้ ้ีภยั จำกกำรสู้รบเขำ้ มำในประเทศไทย โดยเขำ้ มำพกั พิงอยทู่ ี่ เขำลำ้ น อำเภอเมืองตรำดในภำพเป็นผอู้ พยพเขำ้ มำใหม่ ๆ เจำ้ หนำ้ ท่ีฝ่ ำยไทยสั่งใหท้ ุกคนนง่ั เป็นกำรจดั ระเบียบ เพือ่ ท่ีจะเขำ้ พกั ในศูนยพ์ กั พิง โดยกำรสร้ำงกระท่อมอยอู่ ำศยั กนั ตำมสภำพกำรณ์ปัจจุบนั ศูนยอ์ พยพดงั กล่ำวไม่มี แลว้ คงเหลือแต่ตำนำนใหเ้ ล่ำขำนกนั ต่อไป เจำ้ ของภำพ : นำยเกียรติชยั โภคพบิ ูลย์ จวนเรสิดงั ส์กมั ปอร์ด พ.ศ.๒๔๙๘ เรสิดงั ส์กมั ปอร์ดยอดก่อสร้ำง เป็นแนวทำงอนุชนคนรุ่นหลงั มีหอกระจำยข่ำวใหเ้ รำฟัง เพ่อื ประทงั ควำมไม่รู้ทุกผคู้ น ปัจจุบนั จวนเรสิดงั ส์กมั ปอร์ด ไดข้ ้ึนทะเบียนเป็นโบรำณสถำน และพฒั นำ ปรับปรุงซ่อมแซมใหมเ่ ป็นตึกคอนกรีตแตย่ งั คงสภำพรูปทรงแบบเดิม เจำ้ ของภำพ : นำงกำรุณี สัมมำ
๓๖ โรงไฟฟ้ำจังหวดั ตรำด พ.ศ.๒๔๙๘ โรงไฟฟ้าแห่งน้ีมีความหมาย คร้ังป่ ูยา่ ตายายทา่ นไดเ้ ห็น จา่ ยกระแสไฟฟ้าทุกค่าเยน็ ดงั ที่เห็นเป็นมาแตช่ า้ นาน มาบดั น้ีไม่มีมนั อีกแลว้ เหลือแต่แนวพอยงั ใหเ้ ล่าขาน เพลิงไหมโ้ หมกระหน่า เวลานาน เหลือไวเ้ ป็ นอดีตกาลท่ีเตือนใจ เจา้ ของภาพ : นางการุณี สัมมา ผ้วู ่าราชการจังหวดั ตราดกบั งานฉลองปี ใหม่ พ.ศ.๒๔๗๖ นำวำโทพระประยทุ ธชลธี (แป๊ ะ วรี ำสำ) ขำ้ หลวงประจำจงั หวดั ตรำด ร่วมขบวนแห่ในงำนฉลอง รัฐธรรมนูญ เป็ นขบวนแห่รอบเมืองตรำด เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๖ เจำ้ ของภำพ : นำยภทั รำวธุ หิรัญรัตน์
๓๗ หลกั เขค ๗๓ พ.ศ.๒๕๑๓ ภำพหลกั เขตแดนไทย – กมั พูชำ ที่บำ้ นหำดเล็ก ถ่ำยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ หลกั เขต ๗๓ ในสมยั น้นั ยงั เป็นป่ ำใหญ่ ไม่มีบำ้ นคน เป็นเขตหวงหำ้ ม อนั ตรำย บุคคลภำยนอกจะเขำ้ ไปไม่ได้ ปัจจุบนั บริเวณหลกั เขต เป็นที่ต้งั แหล่งคำ้ ขำยชำยแดนบำ้ นหำดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ กบั กมั พูชำ เจำ้ ของภำพ : นำยประเสริฐ ศิริ คน-เชิง-ควาย ไม่ต้องใช้นา้ มนั พ.ศ.๒๔๗๙ วถิ ีชีวติ ของชำวนำจงั หวดั ตรำด ในสมยั ก่อนใชค้ วำยทำนำ นวดขำ้ ว ลำกเชิงหรือเลื่อนบรรทุกของ รวมท้งั ใชล้ ำกเกวยี นไปในสถำนที่ต่ำง ๆ มีชีวติ อยำ่ งเรียบง่ำยไมต่ อ้ งพ่งึ น้ำมนั ประหยดั และลดตน้ ทุนกำรผลิต เจำ้ ของภำพ : นำยเกียรติชยั โภคพบิ ูลย์
๓๘ ป้ัมนา้ มันแห่งแรกของจังหวัดตราด พ.ศ. นำยกวน สำธรำลยั เจำ้ ของกิจกำ๒ร๔เด๙ิน๕รถโดยสำร “เธียรไท” ไดต้ ้งั ป้ัมน้ำมนั เป็นแห่งแรกของ จงั หวดั ตรำด ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ เพ่อื ใชก้ บั รถยนตโ์ ดยสำรของตนเองและรถยนตท์ ว่ั ไป ซ่ึงมีนอ้ ยคนั ป้ัมน้ำมนั ต้งั อยใู่ นบริเวณท่ีต้งั ของธนำคำรกรุงไทย จำกดั ปัจจุบนั เจำ้ ของภำพ : อำจำรยธ์ ีรไท สำธรำลยั ลูกผ้หู ญงิ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ งานการเรือนเป็นหนา้ ที่ของลูกผหู้ ญิง ตอ้ งทอผา้ เป็น ตดั เยบ็ เส้ือผา้ เป็น เม่ือเป็นสาวรุ่นกต็ อ้ ง ถูกจบั ใหห้ ดั ตดั เยบ็ เส้ือผา้ โดยจะหดั กนั เองในครอบครัว ไม่ตอ้ งเขา้ เรียนท่ีไหน ป่ ูยา่ ตายาย จะเป็นคนหดั ให้ ลูกผหู้ ญิงในยคุ น้นั จะตอ้ งทอผา้ ตดั เยบ็ เส้ือเป็น น่ีแหละท่ีเขาเรียกสืบขานกนั มาวา่ “กุลสตรีไทย” โดยแท้ เจา้ ของภาพ : นายเกียรติชยั โภคพบิ ูลย์
๓๙ กำรศึกษำผ้ใู หญ่ ๒๔๘๔ นกั ศึกษาผใู้ หญ่โรงเรียนการศึกษาผใู้ หญ่ ปี ๒๔๘๔ ของโรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ ประมาณ ๓๕ คน ไดถ้ ่ายรูปเป็ นท่ีระลึกกบั ขนุ ภูมิประศาสน์ อดีตผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ตราด (๒๔๘๒-๒๔๘๔) เจา้ คุณ พระวมิ ลเมธาจารยว์ รญาณคณานุรักษ์ อดีตเจา้ คณะจงั หวดั ตราด (ผูร้ ิเริ่มการศึกษาคนแรกของชาวตราด) และ นายทะ นิรันตพ์ านิช อดีตนายกเทศมนตรีเมืองตราด (สส.ตราด คนแรก) พร้อมดว้ ยคณะครูอาจารยโ์ รงเรียน สตรีประเสริฐศิลป์ โรงเรียนเทศบาลชุมชนวมิ ลวทิ ยา ในโอกาสเปิ ดเรียนโรงเรียนการศึกษาผใู้ หญ่ ซ่ึงมีอยู่ โรงเรียนเดียวในสมยั น้นั ณ บริเวณดา้ นขา้ งโรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ หลงั เก่า เจา้ ของภาพ : โรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ กระโจมไฟแหลมงอบ พ.ศ.๒๕๑๑ สะพำนท่ำเทียบเรือแหลมงอบในอดีตเป็นสะพำนไมม้ ีกระโจมไฟ (ประภำคำร) สำหรับเป็นที่ สงั เกตของคนเรือท่ีจะนำเรือเทียบทำ่ ในยำมค่ำคืน ชำวตรำดเรียกวำ่ กระโจมไฟแหลมงอบ ปัจจุบนั ทำ่ เทียบเรือ แห่งน้ี ไดป้ รับปรุงเป็นสะพำนคอนกรีตเสริมเหลก็ มีป้ำยจำรึกใกลก้ ระโจมไฟ “สุดแผน่ ดินตะวนั ออก” เจำ้ ของภำพ : นำยยทุ ธนำ เปมำนุกรณ์รักษ์
๔๐ อ่ำวตำลคู่ พ.ศ.๒๕๐๕ อา่ วตาลคู่เป็ นดินแดนท่ีติดทะเล มีหาดทราย ลกั ษณะเป็นอ่าวขนาดเล็ก ห่างจากตวั จงั หวดั ตราด ประมาณ ๓๕ ก.ม.เป็นท่ีท่องเท่ียวของชาวไทยและตา่ งประเทศ ถา้ หนั หนา้ ออกทะเลจะมองเห็นเกาะชา้ งใหญ่ เกาะชา้ งนอ้ ย ยามเยน็ จะเห็นพระอาทิตยต์ กน้า เหตุที่มาของชื่อ “อ่าวตาลคู่” เพราะมีตน้ ตาล ๒ ตน้ ข้ึนอยบู่ ริเวณ หวั อ่าว ปัจจุบนั สญั ลกั ษณ์ตน้ ตาลคูไ่ มม่ ีแลว้ เจา้ ของภาพ : นายกาธร นิรันตพ์ านิช ประเพณีตกั บำตรเทโวท่ีวดั ลำดวน พ.ศ.๒๕๐๕ กำรตกั บำตรเทโว เป็นประเพณีท่ีสืบทอดกนั มำชำ้ นำน จะจดั หลงั วนั ออกพรรษำ ๑ วนั คือ เดือน ๑๑ แรม ๑ ค่ำ เป็นกำรทำบุญตกั บำตรเพ่ือรับพระพทุ ธองค์ เพ่ือเป็ นกำรรักษำประเพณีอนั ดีงำมไวท้ ุกปี หลงั ออกพรรษำ วดั ต่ำง ๆ ในจงั หวดั ตรำดที่จดั งำนเทโว จะจำลองภำพเหตุกำรณ์คร้ังพทุ ธกำลวนั เสด็จลงจำก ดำวดึงษส์ วรรคข์ ององคส์ มเดจ็ พระสมั มำสัมพุทธเจำ้ มำไวใ้ นงำนน้ี ในภำพเป็นเทพธิดำนำงฟ้ำประเพณี ตกั บำตรเทโว บริเวณหนำ้ โบสถว์ ดั ลำดวน ต.หนองเสมด็ อ.เมืองตรำด เจำ้ ของภำพ : พระอธิกำรสมจิต สุจิตโต
Search