Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Slow is beautiful วิถีทางเลือกนั้นเป็นไปได้จริง มุมงดงามของโลกตะวันออกที่น้อยคนจะรู้จัก

Slow is beautiful วิถีทางเลือกนั้นเป็นไปได้จริง มุมงดงามของโลกตะวันออกที่น้อยคนจะรู้จัก

Description: Slow is beautiful วิถีทางเลือกนั้นเป็นไปได้จริง มุมงดงามของโลกตะวันออกที่น้อยคนจะรู้จัก

Search

Read the Text Version

Slow is Beautiful วถิ ีทางเลือกน้นั เปน็ ไปไดจ้ ริง มุมงดงามของโลกตะวนั ออกทนี่ ้อยคนจะรจู้ ัก

วถิ ีทางเลือกนัน้ เป็นไปไดจ้ ริง มมุ งดงามของโลกตะวันออกที่น้อยคนจะรู้จกั จดั ทำ�โดย โครงการพฒั นาภาวะการนำ�ดว้ ยพทุ ธกระบวนทศั น์ มลู นธิ ิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ๒๕๖๒ สนับสนุนโดย สำ�นกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.)

สารบัญ ทางออกจากวกิ ฤต 1 ถอดถอดความรู้เกา่ (Unlearn) และเรยี นร้ใู หม่ (Relearn) 4 ความสุขมวลรวมประชาชาต ิ 7 เปลี่ยนจาก GNP และ GDP เปน็ GNH 7 ทอ้ งถ่นิ ภวิ ตั น์ (Localization) 9 มานษุ ยวทิ ยาว่าด้วยความแขง็ แรงและอ่อนแอ 10 ประวตั ิศาสตร์ชีววิทยา 11 วัฒนธรรมทีช่ ้า เรียบงา่ ย และงดงามของญป่ี ุ่น 12 วฒั นธรรมทีช่ า้ เรียบงา่ ย และงดงามของญป่ี ุ่น 13 เกษตรธรรมชาตแิ บบคาวากจู ิ 16 นันทนา ศวิ ะ 17

ทางออกจากวกิ ฤต “คณุ ไม่สามารถแกป้ ัญหาได้ด้วยการคดิ แบบเดียวกับทเ่ี คยสร้างปัญหามากอ่ น - อัลเบิร์ต ไอนส์ ไตน์ โลกทุกวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยชุดความคิดแบบเศรษฐศาสตร์ มนุษย์แข่งขันกันเพื่อให้เร็วขึ้น ทำ�สิ่งที่ ใหญ่โตขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลทั้งต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต และจิตวิญญาณ การจะแก้ไขสถานการณ์นี้ ได้ เราต้องรื้อถอนความเชื่อเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก และเรียนรู้วิถีชีวิตแบบใหม่จากภูมิปัญญาของตะวัน ออกที่ให้คุณค่ากับสิ่งที่ “ช้า (Slow) เล็ก (Small) และง่าย (Simple)” เราอยู่ในยุคแห่งวิกฤต ความเจ็บป่วยทางสังคม จิตใจ และจิตวิญญาณ การล่มสลายของชุมชน ความ ทุกข์ การฆ่าตัวตาย กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา และรากของปัญหาเหล่านี้ล้วนเกี่ยวพันกัน และไม่อาจแก้ไข ด้วยด้วยกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ กรอบแนวคิด (mindset) คือความคิดความเชื่อที่ฝังอยู่ในโครงสร้างสังคม เราถูกทำ�ให้เชื่อว่ามันเป็น เรื่องที่ช่วยไม่ได้ เราจำ�เป็นต้องทำ�เพื่อความมั่งคั่งและความเจริญก้าวหน้า เราคิดและทำ�ตามกรอบคิดนี้ โดยไม่รู้ตัว เศรษฐศาสตร์ที่เน้นเรื่องการแข่งขัน การผลิตที่มากขึ้นๆ ความเร็ว ความมั่งคั่ง ฯลฯ เหล่านี้สร้าง ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น แม้แต่สงครามก็เกิดขึ้นได้เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจรูปแบบนี้ แนวคิดนี้กลาย เป็นศาสนาในโลกสมัยใหม่ มันทำ�ให้เราเชื่อว่า ถ้าเรามีมากขึ้น เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น 1

กรอบแนวคิดที่สร้างปัญหา มีดังนี้ มนุษย์คือสัตว์เศรษฐกิจ นี่คือรากของเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ แนวคิดนี้เชื่อว่า มนุษย์คือผู้มีเหตุผลและ เห็นแก่ประโยชน์ตนเอง และมุ่งแสวงหาความพอใจสูงสุด ในฐานะผู้บริโภคมนุษย์จะพยายามใช้ประโยชน์ สูงสุด ส่วนผู้ผลิตก็จะหากำ�ไรสูงสุด การบริโภค เป็นความเชื่อที่ทำ�ให้เรามองหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อจะซื้อ ยิ่งบริโภคมากเท่าไร ยิ่งมีคุณค่ามาก ขึ้นเท่านั้น ดังที่อาดัม สมิธ กล่าวว่า “การบริโภคคือปลายทางและเป็นเป้าหมายของการผลิตทุกอย่าง” ไม่ว่า เราจะมาจากชนชั้นใด เราก็ต่างเป็นผู้บริโภคเหมือนกัน ความก้าวหน้า สังคมสมัยใหม่เช่ือในความกา้ วหนา้ ไม่รู้จบ แตใ่ นความเป็นจริง ผลจากความพยายาม กา้ วหน้า เรากลับตอ้ งพบกบั ชวี ิตทว่ี ุน่ วาย ซึมเศร้า และไร้พลัง ความวนุ่ วายไร้ระเบียบ โลกนเ้ี ตม็ ไปด้วยความสับสนวนุ่ วาย ไม่วา่ จะเป็นความวนุ่ วายทางพนื้ ที่ ตกึ สงู เสยี ดฟา้ สง่ิ กอ่ สร้าง ตา่ งๆ ผดุ ขึ้นมาตลอดเวลา ความวนุ่ วายทางจติ วิญญาณจากการทม่ี นุษย์ในยคุ สมยั ใหม่ไมเ่ คยหยดุ ท�ำ ตอ้ ง พยายามท�ำ ใหไ้ ด้มากท่ีสดุ ในเวลาทจ่ี ำ�กดั และความวุ่นวายทางจิตใจ คนสมัยใหม่รสู้ ึกพรอ่ งอยู่ภายใน เตม็ ไปด้วยความเสียใจ กงั วล เป็นทุกขก์ ับปัญหาต่างๆ สงั คมทแ่ี ขง่ ขนั ทำ�ให้เราไมใ่ ชส่ ิง่ มชี ีวิตทด่ี �ำ รงอยู่จริง ๆ (human being) อกี ตอ่ ไป เรากลายเปน็ มนษุ ย์ท�ำ (human doings) กลา่ วคือ เราตอ้ งทำ�โนน่ ทำ�น่อี ยตู่ ลอดจึง รสู้ กึ ดี แต่เอาเข้าจรงิ เราหลงลมื การดำ�รงอยอู่ ยา่ งแทจ้ รงิ และไรค้ วามสขุ 2

ทางออกจากวกิ ฤต ค�ำ ว่าวิกฤตในภาษาจนี มคี วามหมายสองอยา่ ง คือ อนั ตรายและโอกาส ฉะน้ัน ปัญหาทมี่ ีอย่ใู นโลกตอน นคี้ ือโอกาสอนั ดีท่ที ำ�ใหเ้ ราต้องเปล่ยี นแปลงตนเองและโลก อยา่ งไรก็ตาม การตดิ อย่ใู นกระบวนทศั นแ์ บบเดิม ทท่ี ำ�ให้เราทำ�อะไรอยา่ งรวดเร็ว อาจท�ำ ใหเ้ ราไม่พงึ พอใจกับการเปลย่ี นแปลงท่เี กดิ ข้นึ ช้าๆ แตด่ ้วยกรอบความ คิดใหม่แบบสลอธ เราจะปฏวิ ตั ิชีวติ ตนเอง เปล่ยี นแปลงส่ิงตา่ งๆ และอดทนรอคอยกบั ผลของมัน ช้า เลก็ และเรียบง่าย แบบตัวสลอธ การจะช่วยโลกจากความล่มสลายได้ เราตอ้ งเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมโดยกลับไปสคู่ วาม “ช้า เลก็ และ เรียบงา่ ย” สามค�ำ นี้มาจากภมู ิปัญญาของญ่ปี ุ่น แต่ในโลกปจั จบุ ันกลายเปน็ คำ�ที่มคี วามหมายด้านลบ ชา้ หมายถึงไมเ่ รว็ พอ เล็ก หมายถงึ ไม่ใหญ่พอ เรียบง่ายหมายถึงยงั ดีไมพ่ อ แตต่ ัวสลอธ-สัตวเ์ ล้ียงลกู ด้วยนม ขนาดกลางท่ีอาศยั อยูบ่ นตน้ ไม้ในป่าอเมรกิ ากลางและอเมรกิ าใต้ มีคุณสมบตั เิ หล่านคี้ รบถ้วน มนั ทง้ั ชา้ และข้ี เกยี จ สลอธเคล่ือนไหวชา้ เพราะมีกลา้ มเน้อื ไมม่ าก มนั เปน็ สัตว์กินพชื และระบบย่อยอาหารทำ�งานชา้ ในการยอ่ ย อาหารครั้งหน่งึ ใชเ้ วลานานถงึ ๘ วัน สลอธจึงมนี �้ำ หนกั เบา มนั อาศยั อยบู่ นตน้ ไมเ้ ป็นหลักและสามารถเกาะ ตวั อยบู่ นกิง่ ไม้ขนาดเลก็ ได้ การเคลื่อนไหวชา้ และนอ้ ยท�ำ ให้ประหยดั พลงั งานในร่างกาย เมอื่ จะขับถ่ายมันจะ ปนี ลงมาจากตน้ ไมข้ ุดหลุมบนดนิ หรอื บนกองใบไม้ที่เน่าเปือ่ ย นกั วทิ ยาศาสตรบ์ างคนกล่าววา่ สาเหตทุ ี่มัน ไมข่ บั ถา่ ยลงมาจากกิ่งไมส้ ูงๆ เหมือนลงิ เพราะมนั ตอ้ งการใหแ้ นใ่ จวา่ มลู ของมนั จะกลายเปน็ ปยุ๋ ใหต้ น้ ไม้เพ่อื ตอบแทนตน้ ไม้ท่มี นั อาศัยอยู่ สลอธไมช่ อบการแข่งขัน สตั วอ์ ่ืนอาจต้องแยง่ อาหารกนั เพ่อื ความอยู่รอด แต่ สลอธใช้เวลา ๓ ใน ๔ สว่ นของแต่ละวันไปกับการนอน ความช้าของสลอธเป็นกลยทุ ธในการอยู่รอดในปา่

ถอดถอดความรูเ้ ก่า (Unlearn) และเรยี นรู้ใหม่ (Relearn) เราสรา้ งปัญหาแก่โลกและส่งิ แวดล้อมดว้ ยวิถี นกฮัมม่ิงเบิร์ด ชีวติ สมยั ใหม่ สลอธสอนใหร้ ู้ว่าเราควรใชช้ ีวติ อย่างไร มันคอื สัตวท์ ีอ่ ยู่อยา่ งสงบ เคลื่อนไหวเชื่องชา้ มีชีวิตท่ี ครง้ั หนง่ึ ไฟปะทุข้ึนมาในป่าแหง่ หนง่ึ พ้ืนทปี่ า่ มหาศาลถกู ไฟเผาจน เปน็ มิตรกบั สง่ิ แวดล้อม น่ีคือต้นแบบของการเปลยี่ น ราบเรียบ สตั ว์ทกุ ตวั พากนั วง่ิ หนีเอาตัวรอดไปอยูท่ ่ีรมิ ล�ำ ธาร ตา่ งรูส้ กึ ส้นิ หวงั และ ผา่ นไปสูแ่ นวคิดชา้ เลก็ และเรียบง่าย การใช้ชีวิตอยา่ ง คร�ำ่ ครวญทีบ่ า้ นจะไมเ่ หลืออะไรอีกแลว้ ต่างคดิ วา่ คงช่วยอะไรไม่ไดเ้ สียแล้ว ยกเวน้ สลอธจะทำ�ให้เราบริโภคนอ้ ยลง เราตอ้ งถอดถอน นกฮัมม่ิงเบริ ์ดตวั เลก็ ๆ ตัวหน่งึ มนั ตดั สินใจวา่ ต้องทำ�อะไรสกั อยา่ ง ความร้จู ากกรอบแนวคดิ เก่าๆ (unlearn) และเรียนรู้ มนั บินไปทล่ี ำ�ธารใช้จงอยปากวักนำ�้ และบินกลบั ไปทก่ี องไฟคายหยดน้ำ� ใหม่ (relearn) รจู้ ักใช้ชวี ิตชา้ ลง ทำ�ใหเ้ ล็กลง เรียบง่าย เล็กๆ ราดรดลงมาเพอ่ื ดับไฟในป่า มนั บนิ กลับไปกลับมา คร้งั แล้วคร้ังเล่า สัตว์ทุก มากข้ึน โดยเริม่ ทกี่ ิจวตั รประจำ�วันในชีวิตของเรา ตวั มองมันด้วยความเหลอื เชือ่ บางตวั กบ็ อกวา่ “เสยี เวลาน่า ไฟใหญ่ขนาดน้นั เจา้ ตัวเล็กนดิ เดยี ว ดับไมไ่ ดห้ รอก เด๋ียวกโ็ ดนไฟครอกเสยี เปล่าๆ” แตส่ ิ่งทีน่ กฮมั มิง่ เบิร์ ดมองเหน็ คอื สตั ว์เหลา่ นดี้ ทู อ้ แท้สนิ้ หวงั เหลือเกนิ มีสตั ว์ตัวหนึ่งถามขน้ึ มาวา่ “เจา้ คิดวา่ เจา้ ก�ำ ลงั ท�ำ อะไรอยู่หรือ?” นกฮมั มง่ิ เบิรด์ ตอบวา่ “ฉนั ก็แค่ทำ�ส่งิ ทฉี่ ันพอท�ำ ได้นะ่ ส”ิ รฐั บาลแต่ละประเทศอาจสนใจปญั หาสิ่งแวดลอ้ มไม่เทา่ กัน หลายประเทศไม่เคยสนใจด้วยซ้�ำ ไป แตเ่ รา สามารถเปน็ ผู้นำ�การเปลีย่ นแปลงไดใ้ นระดบั ปจั เจกบุคคล เพราะวิถชี วี ิตในตัวมนั เองคือสารทีด่ ีทีส่ ุดทจี่ ะบอก แกโ่ ลก การเปลีย่ นแปลงตวั เองจะเป็นแบบอย่างแก่ผู้อน่ื เพือ่ น�ำ ไปส่กู ารเปล่ยี นแปลงทางสังคมอกี ทอดหนึง่ เหมอื นเรอ่ื งราวของนกฮมั มง่ิ เบิร์ดทพ่ี ยายามดับไฟปา่ ดว้ ยเรย่ี วแรงตัวเอง ทำ�ส่ิงท่เี ราทำ�ไดอ้ ยา่ งไมร่ ะยอ่ แม้จะ เปน็ สงิ่ ท่คี นอื่นมองว่าบา้ หรือไร้ประโยชน ์ 3

คำ�ตอบจากวัฒนธรรม ถอดถอนความรู้ (unlearn) ในกระบวนทัศนเ์ กา่ และมองหาภูมปิ ัญญาดั้งเดมิ ทดี่ งี าม ในโลกนม้ี ีแนวทาง ท่ีดีมากมายจากแนวคิดเก่าแก่ของชนพื้นเมอื ง มีตัวอย่างและวิธีแก้ปญั หาท่ีหลากหลายจากวฒั นธรรมที่มนี บั ร้อยนับพนั เราจึงไม่จำ�เปน็ ต้องคดิ คน้ วธิ ใี หม่ แตแ่ สวงหาภูมิปัญญาเก่าแกท่ ดี่ อี ยแู่ ลว้ และหาวิธกี ารน�ำ เสนอ แบบใหม่ๆ เมอ่ื พจิ ารณาดเู ราจะเห็นวา่ มนษุ ย์คือสง่ิ มชี วี ิตที่มีวัฒนธรรม แตป่ ัจจบุ นั วัฒนธรรมของเราถูกผลิต ด้วยบรรษัทยักษใ์ หญต่ า่ งๆ ผคู้ นท�ำ งานรบั ใชร้ ะบบเศรษฐกจิ เหมอื นทาส เราจ�ำ เปน็ ตอ้ งเรียนรู้เรื่องวฒั นธรรม ใหม่ ค้นหาวัฒนธรรมทเ่ี ป็นไปเพือ่ ความยั่งยนื ของโลก ดงั ที่ ฮิซาชิ อิโนอเู อะ (Hisashi Inoue) นกั เขยี นชาว ญี่ป่นุ กลา่ วไวว้ ่า “ความเจรญิ รงุ่ เรอื งบอกว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน ทว่าวฒั นธรรมบอกเราวา่ เม่อื ใดทคี่ วร หยดุ ” วฒั นธรรมมาจากเครือข่ายความสมั พันธท์ ี่ต้องพง่ึ พาอาศัยกนั ท้งั ในด้านนิเวศ ดา้ นสงั คม และจติ วิญญาณ มีประเพณพี ธิ ีกรรมเพ่อื สื่อสารกับธรรมชาติ หรือสะท้อนภาพของธรรมชาติ มีระบบอาหารของ ตนเอง มีคุณค่าความเชื่อของตนเอง มีศิลปะดนตรขี องตนเอง ทว่ งท�ำ นองเหล่านี้เป็นเครอ่ื งมอื ท่ที ำ�ใหส้ งั คม รู้จกั หยดุ รู้จักพอ รูจ้ กั ประมาณตน และอยูอ่ ยา่ งสมถะ และใหค้ ณุ คา่ แก่ความเป็นท้องถิน่ ชมุ ชน และระบบ นเิ วศ วฒั นธรรมจึงเป็นทงั้ ความช้า เล็ก และเรยี บง่ายในเวลาเดยี วกัน ดงั เช่น แนวคดิ วาบิซาบิจากวฒั นธรรม ญ่ีปุน่ ท่เี น้นในความเรยี บง่าย ศลิ ปะของการทำ�ให้นอ้ ยลง

คลา้ ยกบั ท่ี อี.เอฟ. ชูมากเกอร์ (E.F. Schumacher) ผูเ้ ขียนหนังสือ “จิว๋ แต่แจว๋ ”(Small Is Beautiful) กลา่ วไว้วา่ ธรรมชาตริ ูว้ า่ จะหยดุ เตบิ โตตรงจดุ ไหนและเมื่อใด และร้วู า่ จะสรา้ งสภาวะท่สี มดลุ ได้อยา่ งไร ธรรมชาติทุกชนิดมขี ีดจำ�กดั ไมว่ ่าจะเป็นด้านขนาด ความเรว็ หรอื ความรนุ แรง ระบบของธรรมชาตจิ ะรักษา สมดุลของตวั เอง ปรับตัวเอง และมกี ลไกฟืน้ ฟรู ักษาตวั เอง แต่แนวคดิ ทบี่ อกวา่ เราจะเจริญก้าวหน้าได้อยา่ ง ไมม่ วี ันสิ้นสดุ ท�ำ ให้เราไมน่ กึ ถึงขีดจ�ำ กัดเหลา่ นเ้ี ลย อารยธรรมหรือความเจรญิ ไมเ่ รียนรทู้ จ่ี ะหาสมดุล ปรับตัว หรอื ฟ้ืนฟตู ัวเอง แตว่ ัฒนธรรมดง้ั เดิมเกือบทั้งหมดควบคุมให้มนุษยเ์ ปน็ อยูอ่ ย่างสมถะ และตระหนักรเู้ มอ่ื มสี ง่ิ ทเี่ กินขดี จำ�กดั แตใ่ นโลกสมยั ใหม่ปัจจุบนั วัฒนธรรมเหลา่ นก้ี ำ�ลงั ลม่ สลายลง ความช้า เล็ก และเรยี บงา่ ยเร่มิ สูญหายไป มนษุ ย์บรโิ ภคอยา่ งไมย่ ั้งคิด จงึ กลา่ วได้วา่ การทำ�ลายธรรมชาติเกยี่ วพนั กบั ปัญหาการเสือ่ มลงของ วฒั นธรรมอย่างแยกไมอ่ อก นักเคลื่อนไหวดา้ นส่งิ แวดลอ้ มจงึ ควรทำ�งานในประเด็นการฟื้นฟูวฒั นธรรมดว้ ย ทำ�เพ่อื อยู่ ไม่ใชอ่ ยเู่ พ่อื ทำ� เราตอ้ งท�ำ ลายมายาคติทวี่ ่าโลกน้ีเตบิ โตได้อยา่ งไม่มที ีส่ ิ้นสดุ และหนั มาน้อมรับถ้อยคำ�ทีโ่ ลกมองไปใน ทางลบอย่างค�ำ ว่า ช้า เล็ก และเรยี บง่าย เปลีย่ นจากคำ�วา่ “มากเกินไป” เป็นค�ำ ว่า “พอ” ลดลงใหม้ ากทสี่ ุด ใน ระดับชีวิตประจ�ำ วัน นอกไปจากท�ำ รายการสิ่งทตี่ ้องท�ำ แลว้ พวกเราควรมีรายการส่งิ ทีไ่ ม่ต้องทำ�ด้วย เพื่อเตือน ตวั เองให้กลับมาเป็นมนษุ ยท์ ท่ี �ำ สง่ิ ตา่ งๆ เพอ่ื ให้ชวี ิตดำ�รงอยูไ่ ด้ (human beings) ไม่ใช่มนุษย์ทดี่ �ำ รงอยูเ่ พ่ือ ท�ำ (human doings) ดังหลักการ “หวู เหว่ย” หรอื หลกั แหง่ การไมก่ ระท�ำ ของเตา๋ เพราะการอยู่นงิ่ ๆ เฉยๆ ช้า ไมท่ �ำ อะไร ปลอ่ ยให้ทกุ ส่งิ เปน็ ไปตามธรรมชาติ กลบั หมายถงึ การรบกวนโลกนี้นอ้ ยลง 4

ความสขุ มวลรวมประชาชาติ เปล่ียนจาก GNP และ GDP เปน็ GNH โรเบริ ์ต เคนเนดี้ (Robert Kennedy) ไดก้ ล่าวไวใ้ นค�ำ ปราศรัยของเขาเม่ือสองเดอื นสุดท้ายกอ่ นถกู ลอบ สังหารว่า เราควรตัง้ คำ�ถามกนั ใหมว่ า่ GNP (Gross National Product หรอื ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมประชาชาติ) สามารถช้วี ดั และไมส่ ามารถชี้วัดอะไรไดบ้ ้าง GNP แคบ่ อกวา่ มเี งินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกจิ มากนอ้ ยแคไ่ หน แตไ่ มส่ นใจว่าเงนิ น้ันถูกใช้ไปเพ่ือสงิ่ ทีด่ ีหรือช่วั รา้ ย ในประเทศอเมรกิ าขณะนัน้ มียอด GNP อยู่ในอนั ดบั สูง ทีส่ ุดในโลก แต่เงินท่ใี ช้จ่ายในระบบเปน็ ไปเพ่ือเหลา้ บหุ รี่ ยา การหยา่ รา้ ง อบุ ัตเิ หตุ อาชญากรรม มลภาวะ ทางสง่ิ แวดล้อม แม้กระทัง่ คา่ ระเบิดนิวเคลียรก์ ็รวมอยใู่ น GNP แตส่ ิ่งส�ำ คญั หลายๆ อยา่ งกลับไม่ได้ถกู นับ อย่ใู น GNP ทงั้ สุขภาพเดก็ คณุ ภาพของการศกึ ษา ความสุขของเด็ก ความงามของบทกวี ความกล้าหาญ ปญั ญา ความกรุณา การอทุ ิศตัวเพ่อื สงั คม คณุ ค่าทั้งหลายเหลา่ นีไ้ มถ่ ูกนบั รวมอยทู่ ง้ั ใน GNP และ GDP (Gross Domestic Products หรือผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ) GNP และ GDP เป็นเคร่ืองมือวัดความมั่งค่ังและม่ันคงทใี่ ชก้ นั ทั่วโลก มันคอื คา่ ทบ่ี ง่ บอกวา่ เงนิ ทม่ี า จากการแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ของประเทศมเี ทา่ ใด แตท่ ีป่ ระเทศภฏู านใชว้ ธิ กี ารแบบใหมท่ เี่ รยี กวา่ GNH (Gross National Happiness) หรอื ความสขุ มวลรวมประชาชาติ กษตั รยิ ข์ องประเทศนเ้ี หน็ วา่ GNH สำ�คญั กว่า GNP จากนั้นคนในประเทศกน็ �ำ ไปปรบั ใช้ในระดบั นโยบายอยา่ งจรงิ จงั มีเสาหลัก ๔ ประการ ไดแ้ ก่ สขุ ภาพของ ส่ิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ วัฒนธรรมพนื้ เมือง ธรรมาภบิ าล และเศรษฐกจิ ทยี่ งั่ ยนื รัฐธรรมนูญทร่ี วมนโยบาย GNH ไวป้ ระกาศใชค้ ร้ังแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๑ 7

ภูฏานเป็นประเทศเลก็ ๆ ท่ีต้งั อยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหวา่ งอนิ เดียกับจีน ประชากรนับถือพทุ ธศาสนา แบบธเิ บต ระบบเศรษฐกจิ ท้องถนิ่ รากเหงา้ วฒั นธรรมยงั มัน่ คง ทกุ สง่ิ ทุกอยา่ งมีทมี่ าจากท้องถ่นิ ไมว่ ่าจะเปน็ อาหาร เสือ้ ผ้า บา้ นเรือน คนส่วนใหญ่มีวถิ ีชีวติ แบบพ่ึงตนเอง เพาะปลูกเอง ผลติ อาหารเอง ทอเส้อื ผา้ เอง ฯลฯ ทกุ อยา่ งเกิดขนึ้ ในทอ้ งถิน่ ทค่ี นยังมคี วามสัมพนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ิด ชุมชนยังเขม้ แข็ง ในขณะที่สงั คมสมยั ใหม่ การพึง่ ตนเองให้น้อยที่สุดกลบั ถอื เปน็ ความกา้ วหนา้ เราใชเ้ งินซือ้ ทุกสง่ิ ทกุ อย่าง เรา สญู เสยี ความสัมพันธ์ สญู เสยี ความเปน็ ชุมชน วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ ท่ีมีอยหู่ ลากหลายทวั่ โลกสูญหายไป เหลอื แคว่ ัฒนธรรมเชงิ เด่ยี ว (monoculture) ท่เี กิดจากความทันสมยั และบรโิ ภคนิยม ทวา่ ความสขุ ภายในมาจาก สิ่งแวดลอ้ ม ชุมชน และจติ วิญญาณคอื สงิ่ บม่ เพาะความสขุ การท่ีคนบรโิ ภคโดยไมย่ ัง้ คดิ ส่วนหนึง่ เปน็ เพราะ ข้างในเรารู้สกึ พรอ่ งและโดดเดี่ยว การจะฟื้นฟูโลกได้ จงึ ตอ้ งฟนื้ “ความเปน็ ชมุ ชน” กลับมาอีกครง้ั โดยเรยี นรู้ จากวฒั นธรรมเก่าแก่และปรับปรงุ วฒั นธรรมของโลกสมัยใหม่ใหส้ ร้างสรรค์ เราใช้เทคโนโลยไี ด้ ถา้ อยใู่ นความ พอดแี ละเหมาะสม เพราะมนั ท�ำ ให้ชวี ติ เรางา่ ยขนึ้ และมีทางเลือกมากขน้ึ ถา้ ไมส่ ามารถผลติ เองได้ กเ็ ลอื ก ซ้อื สิง่ ทผี่ ลิตในท้องถนิ่ เช่ือมกบั เกษตรกรในท้องถิน่ ซ้ือพืชผกั ปลอดสารท่ีเกิดตามฤดูกาล เหล่าน้ีคือวิถีทางที่ เราจะนำ�มาเปลี่ยนแปลงตวั เองไดใ้ นโลกสมยั ใหม่ ท่สี �ำ คัญคือการตระหนักรเู้ ท่าทนั มจี ติ สำ�นกึ ในการบริโภค ความต้องการของมนุษยไ์ ม่มที สี่ ้นิ สุด เราจงึ ตอ้ งรจู้ กั หยดุ ตวั เอง เศรษฐกจิ โลกสมัยใหมเ่ ชอื่ ว่าเราจะมีความสุขไดเ้ มอ่ื มคี วามม่งั ค่ัง และความม่งั ค่งั หมายถงึ เงินและการ ครอบครองทรัพยากร แต่ส�ำ หรบั ชาวภฏู าน การไดอ้ ยูร่ ่วมกนั เป็นครอบครัวและชมุ ชน ได้ท�ำ งาน และมอี าหาร กิน นนั่ คือความมัง่ คั่งและความสุขแลว้ ภาพโดย เคโบะ โออิวะ 8

ทอ้ งถน่ิ ภิวัตน์ (Localization) เศรษฐกจิ โลกาภิวัตน์คือการผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารของรัฐหรอื ธรุ กจิ เอกชน แลว้ จ�ำ หน่ายจา่ ยแจกไปตาม ทอ้ งถ่ินตา่ งๆ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตกับผบู้ รโิ ภคจึงมรี ะยะห่างมาก ผผู้ ลิตไมร่ วู้ ่าสินค้าของตนไปจบลงท่ี ใดและส่งผลอยา่ งไรตอ่ ท้องถ่ินท่ีรบั ไป ในขณะทผี่ ู้บรโิ ภคกไ็ มร่ ้วู า่ สนิ คา้ ของตนมาจากทีใ่ ด ผ่านกระบวนการ ผลิตอะไร และมใี ครได้รับผลกระทบจากการผลติ นนั้ บ้าง ทอ้ งถิน่ ภวิ ัตน์ คือการยน่ ระยะทางจากการผลติ ไปสกู่ ารบรโิ ภคอปุ โภคให้สนั้ ทีส่ ุด เพื่อลดปัญหาสิง่ แวดล้อมท่ี เกิดจากกจิ กรรมเหลา่ น้ี ไม่วา่ จะเป็นกระบวนการขนส่ง ขยะจากนอกพน้ื ท่ี ทง้ั ยงั เปน็ การพึ่งตนเอง สรา้ งงาน และรายไดใ้ ห้แกค่ นในทอ้ งถน่ิ ด้วย ท้องถนิ่ ภวิ ัตน์จึงเปน็ วิธกี ารทีจ่ ะน�ำ ไปสเู่ ศรษฐศาสตร์แหง่ ความสุข ในขณะที่โลกาภิวัตน์ทำ�ให้วฒั นธรรมทห่ี ลากหลายของโลกหายไป อัตลักษณ์ทอ้ งถิ่นหายไป เหลอื เพยี งวฒั นธรรมตะวนั ตกท่มี าพร้อมกบั สื่อและอนิ เตอร์เน็ต แต่ท้องถ่ินภวิ ัตนค์ อื การรเิ ริม่ ธรุ กิจเพอ่ื สงั คมและ ออกแบบวฒั นธรรมใหม่ทีใ่ หค้ วามสำ�คัญแก่ระบบนเิ วศ ความหลากหลาย ครอบครวั และความยตุ ิธรรมทาง สงั คม นอกจากนีย้ ังชว่ ยฟ้ืนฟแู ละสรา้ งสรรค์ความสัมพนั ธ์ในท้องถ่ินดว้ ย ผู้ผลติ และผ้บู รโิ ภคคือส่วนหนง่ึ ของ ชมุ ชนเดยี วกัน และมีส่วนช่วยเหลือเกอ้ื กูลกันและกัน ผูค้ นจะรูว้ ่าตนเองเปน็ ใคร ร้วู ่าเราตา่ งพง่ึ พาอาศัยกัน เราจะไม่ใช่เพียงผู้ซ้ือผู้ขาย แต่จะเป็นคนท่ีมีความสมั พนั ธต์ อ่ กนั นคี่ อื จดุ เรมิ่ ต้นของการบม่ เพาะจิตส�ำ นกึ ท่ีมี ต่อโลก เพราะเรารวู้ า่ เราคอื ชนิ้ สว่ นเล็กๆ ของโลกและจักรวาลทีก่ ว้างใหญ่ เศรษฐกจิ ท้องถ่ินภวิ ัตน์มีหลักส�ำ คญั ประการแรกคือ การพง่ึ พาอาศัยซงึ่ กนั และกัน ซึ่งเป็นส่งิ ทีม่ ีในเกอื บ ทกุ วฒั นธรรม ยกเว้นวัฒนธรรมของระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมและบรโิ ภคนยิ ม ประการที่สองคอื กระจาย รายได้เพือ่ ลดช่องว่างระหวา่ งคนรวยกบั คนจนใหม้ ากท่ีสดุ และสาม คือการแลกเปลี่ยนสินค้าและบรกิ ารใน ท้องถนิ่ นีค่ อื วิธที ีจ่ ะทำ�ให้เกดิ ความม่นั คงทัง้ ทางเศรษฐกิจและทางจิตใจ ภาพโดย icoro ท่มี า: http://www.flickr.com/photos/35962451@N04/6184546140/ 9

มานษุ ยวิทยาวา่ ดว้ ยความแข็งแรงและอ่อนแอ เม่อื ตน้ ไมต้ น้ สุดทา้ ยถกู โค่น แม่น้ำ�สายสดุ กลายเป็นพษิ ปลาตัวสดุ ทา้ ยถูกฆา่ เมือ่ นัน้ เธอจะร้วู ่าเธอกนิ เงินไม่ได้ - สภุ าษิตอินเดยี นแดง เฮอร์เบิรต์ สเปนเซอร์ (Herbert Spencer) กลาวไว้ว่า “ผู้ทีเ่ หมาะสมที่สดุ เท่านนั้ ทจี่ ะอยูร่ อด” (The sur- vival of the fittest) สอดคลอ้ งกบั แนวคิดการคดั เลอื กของธรรมชาตขิ องชารล์ ดารว์ นิ (Charles Darwin) ทเี่ ช่ือ วา่ สิง่ มชี ีวติ ท่ปี รับตัวเขา้ กับส่ิงแวดล้อมไดด้ ที ่ีสดุ ทจี่ ะสามารถวิวฒั นาการตอ่ ไปได้ คำ�วา่ เหมาะสมในท่นี ี้ไม่ได้ หมายความวา่ แขง็ แรงทสี่ ุดและรุนแรงที่สุด มนุษยแ์ ข็งแรง มพี ลงั งานและกล้ามเนอื้ มาก เพราะบริโภคอาหารท่ีมีโปรตนี สงู แต่การกินเนอ้ื สัตวค์ อื หนง่ึ ในสาเหตุของปญั หาสงิ่ แวดล้อม เพราะต้องใชผ้ นื ดนิ ขนาดใหญใ่ นการเลี้ยงสตั ว์ ตอ้ งผลติ อาหารจ�ำ นวน มากเพ่อื เลี้ยงสัตว์ รวมถึงมลู สัตวแ์ ละขยะทง้ั หลายทีเ่ กิดจากกจิ กรรมน้ีด้วย ความอย่รู อดของเราจึงแลกมา ด้วยการเสียสละของธรรมชาติ ถา้ ความอ่อนแอหมายถงึ การพงึ่ พงิ มนษุ ยก์ ็ไม่ใช่ส่งิ มีชีวิตที่แข็งแรงอยา่ งท่ี ตนเองเข้าใจ เราพ่งึ พิงทกุ สง่ิ ทุกอยา่ ง ไมส่ ามารถอยไู่ ดด้ ้วยลำ�พังตัวเอง เราเป็นหนขี้ ่ายใยชวี ิตทย่ี ิง่ ใหญ่น้ี แต่ เพราะความอ่อนแอทเี่ ชอ่ื มมนษุ ยไ์ ว้ดว้ ยกนั เพราะทำ�ใหเ้ ราต้องอยู่ร่วมกนั เปน็ ชุมชนและช่วยเหลือเกื้อกลู กนั ความอ่อนแอจึงดีตอ่ โลกน้ีมากกว่าความเขม้ แขง็ ท่เี ตม็ ไปดว้ ยความรนุ แรง 10

ประวตั ิศาสตร์ชวี วิทยา ประวัติศาสตร์ชวี วิทยา (Biohistory) คอื ความรสู้ ายใหมท่ ีศ่ ึกษารปู แบบของชวี ติ ว่าวิวฒั นาการมา อยา่ งไร นบั ตงั้ แต่จุดกำ�เนดิ แรกทีส่ ิง่ มีชวี ิตถือกำ�เนิดขึ้นในทะเลเมือ่ สามพันแปดร้อยล้านปกี ่อน นากามรู ะ เค โกะ (Nakamura Keiko) นกั ชวี วทิ ยาชาวญี่ปนุ่ กลา่ วว่าสิง่ มีชีวติ ทกุ ชนดิ เร่ิมต้นจากตน้ ก�ำ เนดิ เดยี วกัน มนุษย์ เป็นเพียงหน่ึงในสง่ิ มีชวี ิตที่มีอยมู่ ากมายหลากหลาย ทกุ สรรพส่ิงลว้ นมปี ระวตั ศิ าสตรร์ ว่ มกัน และมนุษย์ก็เปน็ สว่ นหนงึ่ ของธรรมชาติ เราไม่ไดแ้ ยกตา่ งหากจากสงิ่ อ่ืน เราจะต้องร้ือฟื้นความรสู้ กึ ในฐานะท่ีเราเป็นหนึง่ ในส่งิ มชี วี ิตทัง้ หลายกลับมา รูปขา้ งบนแทนแนวคิดประวตั ศิ าสตร์ชีววทิ ยา ตรงกลางรปู พัดหมายถงึ จุดก�ำ เนดิ ส่ิงมีชวี ิตบนโลกต้ังแต่ สามพนั แปดรอ้ ยล้านปีที่แล้ว วิวฒั นาการเร่ิมตั้งแต่ตอนน้นั จากส่ิงมชี ีวิตเซลลเ์ ดียว สิง่ มชี ีวิตชนิดมเี ยือ่ หมุ้ นิวเคลียส (Eukaryotes) พัฒนามาเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ จนโลกเปลี่ยนจากนำ้�ทะเลกลายเป็นผนื ดิน จน กลายมาเปน็ สายพนั ธุส์ ่งิ มชี วี ิตท่หี ลากหลาย จากภาพจะเหน็ ได้ว่า มนุษย์ไมใ่ ช่ศนู ย์กลางของโลก แต่เป็นเพียง สว่ นหนง่ึ ของความหลากหลายในธรรมชาติ ท่มี า: http://www.brh.co.jp/en/about/emaki.html 11

ในโลกน้มี สี งิ่ มชี วี ิตประมาณ ๓๐ ลา้ นสายพัน เพิ่งค้นพบประมาณ ๑.๕ ลา้ นสายพันธ์ุ นัน่ หมายความว่า มนษุ ยแ์ ทบไมร่ อู้ ะไรเกี่ยวกบั ธรรมชาตเิ ลย มอี ยู่ ๖ ชนิดท่สี ูญพันธ์ุไปแลว้ จากน�้ำ มือของมนษุ ย์ เม่อื สัตวม์ อบ ชีวติ เปน็ ของขวญั แกน่ ายพราน เม่อื น้ันนายพรานกก็ ลายเป็นหนเี้ สยี แล้วและตอ้ งชดใชค้ ืนสกั วัน ของขวญั ทำ�ใหเ้ ราพึงพอใจ แตข่ ณะเดยี วกนั ก็มีความเสยี่ งตามมา เราจึงต้องดแู ลส่งิ ทีเ่ รารับมาอย่างระมดั ระวงั ทีส่ ดุ วัฒนธรรมโบราณตอบแทนของขวญั เหลา่ นีผ้ ่านการสวดภาวนาและประกอบพธิ กี รรม ทำ�ใหม้ นษุ ยส์ ่ือสารและ เชือ่ มโยงกบั ธรรมชาติ ความคิดแบบทวนิ ิยม (Dualism) ท�ำ ใหม้ นษุ ยแ์ ยกตัวเองออกมาจากธรรมชาติ เราเปลยี่ นโลกและส่ิง มีชวี ติ ตา่ งๆ ให้กลายเปน็ เครอื่ งจักรและวัตถุ จากท่ีเคยมองว่าธรรมชาตเิ ปน็ เหมอื นแม่ก็เปล่ยี นมามองวา่ เป็นทรพั ยากรและสนิ ค้า เราไมม่ คี วามเคารพแกธ่ รรมชาติอีกต่อไป เราสละชีวิตแม่ธรรมชาตแิ กค่ วามเจริญ กา้ วหนา้ เราจะกา้ วพ้นแนวคิดทวนิ ิยมดังกล่าวนไี้ ดอ้ ยา่ งไร • ฝึกฝนตนเองให้เข้าใจผู้ท่ีออ่ นแอกว่าโดยจินตนาการว่าถ้าเราอยใู่ นสถานะน้ันเราจะรูส้ กึ อยา่ งไร • มองเหน็ คุณคา่ ของความแตกต่าง • น้อมรบั และเฉลมิ ฉลองให้แกก่ ารพ่งึ พาผู้อืน่ และการพึ่งพาอาศยั กันและกัน นค่ี อื การบ่มเพาะความ กตัญญรู ู้คุณตอ่ ธรรมชาติและสง่ิ อ่ืนๆ ทช่ี ่วยใหเ้ ราอยู่ได้ นอ้ มรับความออ่ นแอของตัวเรา 12

วฒั นธรรมท่ีช้า เรียบง่าย และงดงามของญีป่ ุน่ ในการเรียนชุดการเรียนน้ี ผเู้ รยี นได้มีโอกาสสัมผสั กับวฒั นธรรมดัง้ เดิมของญปี่ ุ่น ทใ่ี หค้ ณุ คา่ แกค่ วามช้า และเรียบง่าย ทง้ั พิธชี งชา การจดั ดอกไม้ และการเขยี นบทกวไี ฮก ุ พธิ ีชงชา ในภาษาญ่ปี นุ่ เรียกวา่ “ชาโด” หรอื วถิ ีแหง่ ชา (the way of tea) พิธีนีไ้ มไ่ ดม้ เี พ่อื การด่ืมชาเท่าน้ัน แต่ยังมี เปา้ หมายเพอื่ ใหเ้ รยี นร้วู ัฒนธรรมของญ่ีปุ่นและวถิ ีแหง่ เซนดว้ ย พิธีชงชามีประวตั ิยาวนาน ย้อนไปถงึ ศตวรรษที่ ๑๒ เม่ือภกิ ษชุ าวญีป่ ่นุ ช่ือเอไซ (Eisai) เขา้ ไปเรียนพทุ ธ ศาสนาที่เมอื งจนี และไดด้ ม่ื ชาเพอื่ ให้ต่นื ระหวา่ งท�ำ สมาธิภาวนา เมอ่ื เดนิ ทางกลบั มาญี่ปนุ่ จึงนำ�ชากลับมา ดว้ ย และชากไ็ ด้ผสานเขา้ กับพทุ ธนกิ ายเซนท่ีเพงิ่ เขา้ มาจากจนี ในชว่ งเวลานั้นเช่นกัน พร้อมพฒั นาวิธีชงชา แบบใหมโ่ ดยใช้แปรงไมไ้ ผช่ งชาเขยี วกบั น้ำ�รอ้ น ชาโดของญีป่ นุ่ เป็นกระบวนการเพอื่ ท�ำ ความสงบและทำ�ใจให้บริสทุ ธ์ิ องคป์ ระกอบของชาโดมี ๔ แง่มุม ไดแ้ ก่ วะ (Wa) เค (Kei) เซ (Sei) จาขุ (Jaku) วะ หมายถึง ความปรองดอง เค หมายถึง ความเคารพ เซ หมายถึง ความบรสิ ทุ ธ์ิ จาขุ หมายถึง ความสงดั 13

ในทุกขัน้ ตอนของพิธีจงึ ต้องทำ�ด้วยความสงบ ช้า และมสี ติรู้ตัวทกุ การเคลอ่ื นไหว ต้งั แต่การชงไปจนถงึ ด่มื ทัง้ เจา้ ภาพและแขกที่มารว่ มพธิ ดี ื่มชาจะไดร้ ว่ มชื่นชมศิลปะของญ่ีปนุ่ ท้งั สถาปตั ยกรรม สวน การจดั ดอกไม้ ศิลปะอักษรประดษิ ฐท์ ่ีเขียนดว้ ยพ่กู นั ศิลปะการจัดดอกไม้ของญี่ปนุ่ การจัดดอกไมใ้ นภาษาญป่ี ุ่นเรียกวา่ อเิ คบานะหรอื คาโด คำ�ว่า อเิ คบานะ (Ikebana) มาจากค�ำ วา่ อเิ ค หมายความว่า ชวี ิต และบานะ หมายถึง ดอกไม้ ส่วนคำ�ว่า คาโด (Kado) หมายถงึ “วถิ แี ห่งดอกไม”้ ศิลปะแขนงนเ้ี กิดข้ึนในญ่ีปุ่นชว่ งเดียวกบั พิธีชงชา ในชว่ งแรกใช้สำ�หรบั ไหวพ้ ระ อิเคบานะคือศลิ ปะการจดั ดอกไม้ จงึ ไม่ใช่การจบั ดอกไมใ้ สแ่ จกนั แตผ่ ู้จัดดอกไมจ้ ะตอ้ งมีสติอยกู่ ับกาย และใจ ถ่ายทอดความหมายของธรรมชาติไว้ในแจกนั ใหไ้ ด้มากที่สุด เนน้ ความเรยี บง่ายและใหค้ วามสำ�คัญ กับพ้ืนท่ีวา่ ง อเิ คบานะมี ๒ รูปแบบ ได้แก่ ริกกะหรอื การจัดดอกไม้แนวตัง้ น่ีคือวิถจี ดั ดอกไม้แบบด้งั เดิมเกิด ขึ้นตง้ั แต่ศตวรรษท่ี ๑๕ วธิ นี ีไ้ ดแ้ รงบันดาลใจมาจากเขาพระสุเมรที่กลา่ วไว้ในพุทธศาสนา อกี แบบคอื โชขะ การจัดแบบนจ้ี ะดงึ ลักษณะเด่นของดอกไม้ออกมา ในแจกันหนึ่งๆ จึงใช้ดอกไม้น้อยชนดิ อาจใช้แค่ ๑ หรอื ๒ ชนิดเทา่ น้ัน เพอ่ื ให้ดอกไม้โดดเด่นท่ีสดุ นอกจากน้ี ยงั มีการจัดเพื่อสือ่ ถึงฤดูกาลต่างๆ ด้วย การจดั ดอกไมแ้ บบนี้ท�ำ ให้ผู้เรยี นได้มชี ่วงเวลาชืน่ ชมความงามของดอกไม้ไดด้ ว้ ยวิถแี บบญี่ปนุ่ ทเี่ นบิ ช้า งดงาม และเรียบงา่ ย และไดต้ ระหนกั รูว้ า่ เปา้ หมายของศลิ ปะชนดิ นี้ไม่ไดอ้ ยูท่ ี่การตกแต่ง แต่อย่ทู ่ีการบ่มเพาะจิตใจ ใหอ้ ่อนโยนและมองเห็นความงามของธรรมชาติ

บทกวีไฮกุ คือบทกวขี นาดส้ันที่ชาวญปี่ นุ่ เขยี นเพือ่ ช่นื ชมความงามของธรรมชาติ ไฮกมุ ฉี ันทลักษณ์ท่ีเรยี บง่าย งดงาม และทรงพลัง ประกอบด้วย ๓ บรรทัด บรรทัดละ ๕, ๗ และ ๕ พยางค์ ตามล�ำ ดบั ก่อนจะเขียนไฮกุ ผ้แู ต่งตอ้ งมองโลกกายภาพให้เหน็ ความลกึ ซึ้งท่ีซ่อนอยู่ ไฮกุจะกล่าวถึงฤดกู าลตา่ งๆ อาจเปน็ คำ�ตรงๆ เชน่ ใบไ้ ม้ผลิ ฤดูรอ้ น ฤดู ฝน กไ็ ด้ หรอื จะใช้คำ�ท่ีมนี ยั ยะถึงฤดูนั้นๆ เช่น ลม น้�ำ แข็ง ใบไม้รว่ ง ทงุ่ นาสที อง เป็นต้น แลว้ จบดว้ ยการกล่าวถึงส่ิงอื่นๆ ในชีวติ ตวั อยา่ งไฮกุ (แปลจากภาษาญี่ปนุ่ จึงมีจำ�นวนพยางค์ไม่ตรงกับฉันทลักษณเ์ ดิม) The old pond A frog jumps in Plop! สระโบราณ กบกระโดดลงไป จ๋อม! ตัวอย่างจากดา้ นบน บรรทดั แรก the old pond หรอื บึงเกา่ มีนยั ยะถงึ ฤดูใบไม้ผลิ เพราะฤดนู หี้ มายถงึ ความอบอนุ่ และชีวติ สว่ นความ หมายของบทกวีน้นั แล้วแต่ผู้อ่านจะตีความ เพราะผเู้ ขยี นไฮกุมักจะใช้สญั ลกั ษณแ์ ทนความหมายมากกว่าจะเขียนถึงสงิ่ ใดสง่ิ หน่งึ โดยตรง 15

เกษตรธรรมชาติแบบคาวากูจิ โยชิคาสึ คาวากจู ิ (Yoshikazu Kawaguchi) คอื หน่ึงในชาวนาญ่ปี นุ่ ผูเ้ ป็นต้นแบบของเกษตรธรรมชาติ เขาเรยี นจบศลิ ปะและเคยทำ�งานเป็นศิลปนิ เดินทางไปทว่ั ประเทศ ระหวา่ งนั้นกก็ ลับบา้ นไปเพาะปลูกเป็นคร้งั คราว ในการเดินทางครงั้ หนึง่ เขาสังเกตเหน็ ท่งุ นาจากหน้าตา่ งรถไฟ ความงามอนั ลึกซง้ึ นัน้ ท�ำ ใหเ้ ขาตระหนกั ว่าการเดนิ ทางภายในสำ�คัญยงิ่ กว่าการเดนิ ทางขา้ งนอก เขาตัดสินใจเลกิ อาชีพการสรา้ งงานศิลปะและหันมา ทำ�ให้ชีวติ ของเขากลายเป็นผลงานศิลปะแทน ตัง้ แต่นั้นมาคาวากูจิกก็ ลายเป็นเกษตรกรเตม็ ตัว หลังจากเพาะปลกู โดยใชส้ ารเคมีมากกว่า ๒๐ ปี สุขภาพของเขาเรม่ิ แย่และเมอ่ื ไดอ้ า่ นหนังสือเกีย่ วกับ อันตรายของสารเคมตี อ่ รา่ งกาย จงึ ตัดสนิ ใจเปลยี่ นวถิ เี กษตรของตนเอง โดยปรบั ใช้วิธขี องฟูกโู อกะทีไ่ มใ่ ช้การ ไถ ไมใ่ ชป้ ุย๋ ไมก่ ำ�จัดวัชพืช ไมใ่ ช้สารเคมี และพัฒนาวิธกี ารของตนเองด้วย ผ้เู รียนไดส้ รุปหลกั การเพาะปลูก ของเขาไว้ดงั นี้ • กฎท่สี �ำ คัญทส่ี ุดสำ�หรับเขาคอื การไมไ่ ถดิน เขาเชื่อว่าธรรมชาตสิ ามารถจดั การตวั เองได้ พชื แมลง และจุลินทรยี จ์ ะชว่ ยกันทำ�ให้ดนิ อดุ มสมบรู ณเ์ หมาะแก่การเพาะปลูกเอง โดยไม่จ�ำ เปน็ ตอ้ งไถ และใสป่ ุ๋ยเลย การไถเป็นการรบกวนธรรมชาติ ทำ�ลายทั้งแมลงและจลุ นิ ทรยี ์ • ไม่แทรกแซงธรรมชาติและไม่ใส่สง่ิ ท่ีมาจากข้างนอก แม้แตป่ ุ๋ยอินทรยี ์กไ็ ม่ใส่ เพราะคาวากูจเิ ชอ่ื ว่า ผนื ดินอุดมสมบรู ณอ์ ยู่แลว้ การใส่ส่ิงท่มี าจากภายนอกลงไปจะรบกวนระบบ นอกจากไมแ่ ทรกแซงดิน และธรรมชาตแิ ลว้ ยงั ไม่ควรแทรกแซงพืชด้วย ปลอ่ ยให้พชื ผักเตบิ โตอย่างอิสระ จะยนื่ มอื เขา้ ไปช่วย ตดั หญา้ ก็ในกรณีทีห่ ญ้าสูงเกินกว่าพืชท่ปี ลูกเท่าน้ัน และเมอ่ื ตดั แล้วกว็ างหญา้ ไว้ในบริเวณเดิม เพือ่ คงสภาพของธรรมชาติไว้อย่างทเ่ี ป็น • ปลกู พชื ใหเ้ หมาะกบั สภาพอากาศ ถ้าอยใู่ นทอี่ ากาศอบอนุ่ ควรปลกู พืชที่ชอบอากาศอบอนุ่ อยูใ่ น ทหี่ นาวก็ปลูกพืชทีช่ อบอากาศหนาว • เมื่อเราไมค่ วบคมุ ธรรมชาติ สารอาหารในดินจะเพมิ่ ขึน้ เร่ือยๆ ตัวอยา่ งเชน่ พชื ตระกูลถ่วั มี แบคทเี รยี ไรโซเบียมอยทู่ ี่ราก มันสามารถดงึ แก๊สไนโตรเจนในอากาศแล้วปล่อยไว้ในดิน ทำ�ใหด้ นิ อุดม สมบูรณ์ • แมลงและวชั พืชไม่ใชศ่ ัตรู ไม่ตอ้ งกำ�จดั ส่งิ เหล่านช้ี ่วยรกั ษาสมดลุ ของส่ิงแวดล้อม คาวากจู กิ อ่ ตั้งโรงเรยี นสอนการทำ�เกษตรกรรมธรรมชาตเิ มอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๔ ปจั จุบนั มคี นผา่ นการเรยี นกับ เขาหลายพันคนแล้ว เขาไมเ่ คยใชช้ ื่อของตนเองมาเปน็ ช่อื รปู แบบการเกษตร เพราะเขาเชื่อวา่ ทุกคนมวี ิถีทาง ของตวั เอง และสามารถนำ�วิธกี ารของเขาไปปรบั ใชใ้ หเ้ หมาะกบั พืน้ ท่ไี ด้ 16

นนั ทนา ศวิ ะ วนั ทนา ศิวะ นกั เคลือ่ นไหวดา้ นส่งิ แวดล้อมและด้านอาหารชาวอินเดยี กลา่ วถงึ ประเด็นตา่ งๆ ไวด้ ังน้ี จเี อม็ โอ (Genetically Modified Organisms หรอื GMOs) หมายถึงการดัดแปลงพนั ธุกรรมของพชื และสตั ว์ วันทนากลา่ ววา่ น่ีคือเทคโนโลยที ่ีเลวรา้ ยอย่างย่งิ จเี อ็มโอทำ�ลายความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะเมลด็ พนั ธท์ุ ่มี าจากการดัดแปลงอยใู่ นมือของบรรษัทขนาดใหญ่ บรรษทั เหลา่ น้ีนำ�เกษตรเชงิ เด่ียวไปสู่ประเทศต่างๆ เพอื่ นำ�ผลผลิตจากเมลด็ พันธุ์จีเอ็มโอเหลา่ น้นั มาผลติ สินค้าของตน จากที่เกษตรกรเคยปลูกพืชหลากหลายก็ เหลอื แคพ่ ืชเศรษฐกิจอยา่ งขา้ วโพด ออ้ ย มันฝรงั่ ฯลฯ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารในหลายพนื้ ที่ ปจั จุบัน เมล็ดพนั ธทุ์ ่ัวโลกอยใู่ นกำ�มอื ของบรรษัทยกั ษ์ใหญ่ ทงั้ ไดม้ าจากการกว้านซอื้ การดดั แปลง พนั ธกุ รรม และจดทะเบียนลิขสิทธ์เิ พอื่ ครอบครองเมล็ดพนั ธนุ์ ้นั บรรษัทเหลา่ น้ีกดดันให้รฐั ออกกฎหมาย ควบคมุ ชาวบ้านจงึ ไม่มีเสรีภาพในการเกบ็ และจ�ำ หนา่ ยจ่ายแจกเมล็ดพนั ธุ์ ตอ้ งผ่านกระบวนการข้ันตอน และมีคา่ ใชจ้ า่ ย ชาวนาในอนิ เดียนับแสนฆ่าตัวตายเพราะเมล็ดพนั ธ์ุถูกท�ำ ลาย และต้องซ้อื จากมอนซานโต้ ทุกปีในราคาทแี่ พงมาก วนั ทนาตระหนักว่าการมีเมล็ดพันธ์ุของตนเองคอื ความม่ันคงของชาวนา และเปน็ ท้งั ความม่ันคงด้านอาหาร เธอจึงตง้ั ธนาคารเมลด็ พนั ธ์ขุ ้นึ ในชมุ ชน และแจกจ่ายใหก้ บั ชาวนาเหล่านั้น ปจั จบุ ันมี ธนาคารเมลด็ พันธ์เุ กิดข้นึ ท่วั อินเดยี รอ้ ยกว่าแหง่ และเกษตรกรชาวอนิ เดยี เกือบ ๑๐ ลา้ นคนหนั มาทำ�เกษตร ยั่งยนื นอกจากนี้ เธอยังมสี ว่ นชว่ ยกอ่ ต้งั ระบบเครือข่ายการคา้ ทีเ่ ป็นธรรมด้วย วนั ทนามองวา่ เราไมส่ ามารถแก้ไขปัญหาอยา่ งแยกส่วนได้ แมแ้ ตเ่ รอ่ื งอาหารกม็ ีการเมอื งมาเกย่ี วข้อง วกิ ฤตสิ่งแวดลอ้ มก็เชน่ กัน รากของปญั หานม้ี าจากโครงสร้างทซี่ บั ซอ้ นและเกย่ี วพนั ท้งั ทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง ถ้าไม่มีอสิ รภาพทางเศรษฐกจิ ก็ไม่มีอสิ รภาพทางสังคมและการเมอื ง เศรษฐกิจแบบตลาดอาศัยเชือ้ เพลงิ ฟอสซลิ เปน็ หลกั และมีกระบวนการผลติ ทีส่ ร้างมลภาวะ ทำ�ลายวิถีชวี ติ ของชุมชนและระบบนเิ วศ ระบบเศรษฐกจิ เช่นนไี้ ม่มีความย่งั ยนื เลย เมอื่ โรงงานผลิตอยทู่ จี่ นี ผู้บรโิ ภคอยูท่ ี่ อเมรกิ า วนั หน่งึ ระบบการเงินอเมรกิ าลม่ สลาย แรงงานทจี่ นี กต็ กงาน เราจงึ ต้องสรา้ งระบบเศรษฐกิจทยี่ ัง่ ยืน และเป็นไท ส�ำ หรบั วันทนา ทางออกคอื ระบบเศรษฐกจิ ชมุ ชนทีเ่ น้นการท�ำ กินเพ่ือยงั ชีพ ไมม่ ุง่ แสวงหากำ�ไร แต่เน้น ในเรื่องความยง่ั ยืน ปกปอ้ งแหล่งน�ำ้ ผืนดนิ และความหลากหลายทางชวี ภาพ ทำ�ให้คนมอี ย่มู ีกิน ส่งเสริมวถิ ี ชีวิตท้องถิน่ แตเ่ ช่ือมโยงกับโลก ใชก้ ารเปน็ เจา้ ของรว่ มกัน ผลติ รว่ มกัน และแบ่งปนั กัน เศรษฐกิจไม่ใช่เพยี ง เรอื่ งของมนษุ ย์เทา่ นน้ั เพราะเราคอื สว่ นหนึ่งของข่ายใยชีวติ ในระบบนิเวศ และเพราะเราเปน็ ส่วนหน่งึ สุขภาพ ของขา่ ยใยชวี ติ จงึ หมายถึงสขุ ภาพของเราด้วย ทุกอยา่ งเชือ่ มโยงสัมพันธ์กนั น่คี อื โลกาธปิ ไตย โลกนีไ้ มใ่ ชแ่ ค่ ของมนษุ ย์ มนษุ ย์ตอ้ งเคารพส่ิงอื่นด้วย เราต้องต่อสูเ้ พอ่ื ให้แน่ใจว่าไมม่ ีเมล็ดพันธจ์ุ เี อม็ โออยใู่ นไร่นาของเรา และอยูใ่ นอาหารท่ีเรากนิ เพราะจีเอม็ โอไมเ่ พียงทำ�ลายความหลากหลายทางชีวภาพแตย่ งั ท�ำ ลายความมน่ั คง ทางอาหารและเศรษฐกิจของชุมชนด้วย เราตอ้ งสูเ้ พื่อใหผ้ ูค้ นมีเสรภี าพในการท�ำ มาหากนิ และผลติ สิง่ ที่จ�ำ เป็น ต้องใช้