ประไพ : เอาละ เอาละ แม่จะจดั ให้ เจ้าไปผลัดเคร่ือง แตง่ ตัวเสียกอ่ นแลว้ กลบั มาคุยใหม่ ๒. เมอ่ื นางประไพกบั ลกู กนิ อาหารเยน็ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ จึงพากันมาน่ังอยู่ที่ระเบียงเรือน แล้วนางประไพจึงถามลูกทั้งสอง ถงึ เรือ่ งการบ้าน เมอ่ื ทราบวา่ ลกู ทง้ั สองท�ำ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ พดู กบั ลกู วา่ ดใี จจงั จะได้มเี สอ้ื ผา้ เมื่อตอนเยน็ เจ้าพดู ถงึ เรื่อง ไวเ้ ปลยี่ นแลว้ การบรจิ าคเงนิ ทองเพ่ือ ชว่ ยเหลือผู้ทตี่ ้องวาตภยั ในภาคใตน้ ัน้ แมก่ พ็ ลอยยินดีดว้ ย ยงิ่ รู้ว่าพระเจา้ อยูห่ ัว ทา่ นทรงชักนำ�ให้พวกเรา ช่วยกนั เช่นนี้ แม่กย็ ิง่ ช่ืนใจมาก แม่ตั้งใจอยู่เหมือนกันจะบอกลูกให้ออกเงินช่วยเหลือ รว่ มกบั เขาอยเู่ หมอื นกนั แมไ่ ดย้ นิ วทิ ยปุ ระกาศเรอ่ื งการสงเคราะหก์ นั มากขน้ึ แมก่ พ็ ลอยยนิ ดมี าก แมไ่ ดค้ วามอนุ่ ใจวา่ ถา้ หากเราจะตอ้ ง ประสบภัยเช่นน้ันบ้าง เราก็คงได้รับการช่วยเหลือเช่นน้ันบ้าง เหมอื นกนั เออนี่แนแ่ ตล่ ูกแมอ่ ย่าลมื เกบ็ ฝากออมสนิ ดว้ ยนะ 49
พัฒนา : คะ่ หนูไมล่ ืมดอกค่ะ คุณแม่ สวุ ัฒน์ : ผมก็ไม่ลืมเหมือนกนั ครับ คณุ แม่ ๓. ประไพ : เออดีแล้ว เมอ่ื พูดถงึ เรื่องน้ีแล้ว แมก่ อ็ ยาก จะบอกให้ลูกรู้โดยตลอดเสียทีเดียว เร่ืองการบริจาคนี้มี ๒ อย่าง คือ ๑. ให้เพ่ือบูชา ๒. ให้เพ่ือสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน และเม่ือ กำ�หนดด้วยส่งิ ของท่ีจะให้ กม็ ี ๒ อย่างเหมือนกัน คือ ๑. ใหส้ ่ิงของ นีเ่ งนิ เดอื นผม พระท่านเรียกวา่ ครับแม่ ผมให้แม่ครับ อามสิ ทาน ๒. ใหว้ ชิ าความรู้ พระทา่ นเรยี กวา่ ธรรมทาน ที่ว่าใหเ้ พ่ือบูชานนั้ หมายความว่า ใหส้ งิ่ ของแกค่ น ท่มี คี ณุ แก่เรา เช่น พอ่ แม่ มคี ณุ แกล่ ูก ลูกต้องเล้ยี งพอ่ แม่ เมอ่ื แก่เฒา่ แล้ว 50
ครูอาจารย์มีคุณแก่ศิษย์ ลูกศิษย์ต้องให้ครูในคราวที่ควร ผู้ปกครองคือพระเจ้าแผ่นดินมคี ณุ แกร่ าษฎร ราษฎรต้องเสยี ภาษ-ี อากรตามทก่ี ฎหมายก�ำ หนด พระพทุ ธเจา้ มคี ณุ แกส่ าวก สาวกตอ้ ง บำ�รุงพระพุทธศาสนา การให้สิง่ ของแก่บคุ คลผมู้ ีคุณเหลา่ น้ี จัดวา่ ใหส้ ง่ิ ของเพอ่ื บชู า นางประไพพดู ตอ่ ไปอกี วา่ คนเราไมใ่ ชจ่ ะมสี ง่ิ ของ ไปทุกคน การท่ีเราจะให้สิ่งของได้ ก็ต้องมีส่ิงของเหลือพอที่จะ แบ่งได้ ถ้ามไี มพ่ อแบ่ง ขืนแบ่ง จะตอ้ งเดอื ดรอ้ น ถา้ เปน็ อยา่ งนเ้ี รา ก็ไม่ตอ้ งใหส้ ่งิ ของ เจริญ ๆ นะลกู นะ เมอ่ื เราไม่ตอ้ ง ใหส้ ิ่งของ เราก็ยงั มโี อกาส บชู าท่านได้ ด้วยการเคารพท่าน คอื ประพฤตติ น เปน็ คนดี ตามค�ำ สอนของท่าน การประพฤติตนเป็นคนดีน้ี ช่ือว่าได้บูชาพ่อแม่ บูชาครู อาจารย์ บชู าผปู้ กครอง บชู าพระพทุ ธเจา้ ไปพรอ้ มกนั ทเี ดยี ว เพราะ ท่านเหล่านก้ี ็ปรารถนาแตเ่ พยี งความประพฤตดิ ขี องเราเท่าน้ัน 51
๔. นางประไพพดู ตอ่ ไปอกี วา่ ลกู เอย๋ คนเรานม้ี คี วามสามารถ ไมเ่ ทา่ กนั แมจ้ ะดเู หมอื นเทา่ กนั แตค่ วามจรงิ กไ็ มเ่ ทา่ กนั ทง้ั รา่ งกาย และสติปัญญา ลูกแมก่ เ็ หน็ แล้วมิใช่หรือ คณุ สมบรู ณท์ ่อี ยใู่ กลบ้ า้ น เรานี้ ท่านมั่งมีศรีสุขมาก เรือนชานบ้านช่องใหญ่โต ทรัพย์สมบัติ ก็มาก แต่อีกคนหน่ึงคือ ตากำ�จัดแกต้องหาเช้ากินค่ำ� ต้องทำ�งาน ตรากตรำ�ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ก็ได้เพียงพอกินไปวันหน่ึง ๆ เท่านั้น บา้ นชอ่ งกไ็ มค่ อ่ ยจะพอกนั นอน ถงึ ครอบครวั เราน้ี กพ็ อท�ำ พอกนิ ไป จะเอาม่ังมีเหมือนกับคุณสมบูรณ์ก็ไม่ได้ แต่จะต้องถึงกับหาเช้า กนิ คำ�่ อย่างตากำ�จัดกไ็ ม่เป็น เหน็ ไหมลูก ! นก้ี เ็ พราะความสามารถ ของคนเราไมเ่ ทา่ กนั แท้ ๆ จงึ เปน็ อยา่ งน้ี เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ี คนเราทอ่ี ยู่ ร่วมกันเป็นสังคมเช่นนี้ จึงจำ�ต้องช่วยเหลือกันตามควร ดังที่เจ้า บอกกับแมเ่ ม่ือตอนเย็นน้ัน ๕. ลกู ของแมเ่ อย๋ ! ถา้ คนเราไมช่ ว่ ยเหลอื กนั แลว้ โลกเราน้ี มันจะไม่น่าอยู่เลยนะลูก แต่ที่โลกน้ีเป็นที่น่าอยู่ ก็เพราะคนเรายัง ชว่ ยเหลอื กนั ดงั จะเหน็ ได้ พวกเราชว่ ยกนั สละก�ำ ลงั กายก�ำ ลงั ทรพั ย์ สรา้ งวัดขนึ้ สร้างบ่อนำ�้ สระนำ้�ข้นึ สรา้ งสะพานข้นึ สรา้ งศาลาพักขนึ้ ใครมีมากก็ให้มาก มนี อ้ ยกใ็ ห้นอ้ ย ไม่มีกช็ ว่ ยดว้ ยกำ�ลงั กาย 52
เราจึงมีสถานที่สำ�หรับคนส่วนรวมใช้กันท่ัวไป ใคร ตกทุกข์ได้ยาก ก็ช่วยเหลือกัน การช่วยเหลือกันอย่างน้ีจะด้วย ส่ิงของก็ตาม ด้วยกำ�ลังกายก็ตาม ด้วยแนะนำ�สั่งสอนกันก็ตาม ท่านเรียกว่าให้เพื่อสงเคราะห์ คนที่รู้จักเสียสละอย่างนี้ ท่านว่า เปน็ คนตัง้ ตนไว้ชอบ ๖. นางประไพพดู ตอ่ ไปอกี วา่ นอกจากการใหก้ ารเสยี สละ ดังกล่าวแล้วน้ัน แมอ่ ยากจะบอกเจา้ ทั้งสองเพ่ิมเตมิ อีกสักเล็กนอ้ ย เพ่อื ใหล้ กู ของแมถ่ ือเปน็ หลักประจำ�ใจต่อไป ในเรอื่ งการเสยี สละนี้ พระท่านสอนว่าให้สละทรัพย์เพื่อรักษาร่างกาย ให้สละร่างกาย เพื่อรกั ษาชีวติ ให้สละท้งั ทรัพย์ท้งั ร่างกายทงั้ ชีวติ เพือ่ รกั ษาธรรมะ พัฒนา : หมายความว่าอย่างไรคะ คณุ แม่ ประไพ : อย่างนซ้ี ลิ ูก คอื เมอื่ ยงั ปรกตอิ ยู่ เราตอ้ งขยันหาทรัพย์ สำ�หรบั เลยี้ งตัว และครอบครวั ได้มาแล้วกใ็ ชจ้ ่าย แตพ่ อเหมาะพอควร ต้องเหลอื ไวบ้ า้ ง เก็บเองไมไ่ ด้เกรงจะมีอนั ตราย กเ็ อาไปฝากออมสนิ ไว้ เอา ไว้ใช้เมือ่ คราวจ�ำ เปน็ เชน่ เจ็บไข้ 53
ดังนั้น คา่ ยาทั้งหมด เมือ่ ถึงคราวเจบ็ ไข้ ๓๐๐ บาทค่ะ เราต้องยอมเสียทรพั ย์ เพ่ือเป็นคา่ หมอค่ายา นเี้ รียกวา่ สละทรพั ย์ เพ่ือรกั ษาร่างกาย ขาท่อนลา่ งซ้ายของคุณ คราวนีถ้ า้ รา่ งกาย มีปญั หาเราจ�ํำ เป็นต้อง ส่วนใดส่วนหน่ึง ตัดขาคุณเพื่อรักษาชวี ติ ไว้ เช่นขาเจ็บ จำ�ต้องตัด ถ้าไมต่ ดั กจ็ ะตาย เม่ือจำ�เปน็ อยา่ งนี้ เราตอ้ งยอม ให้หมอตดั ขา เพอื่ รักษาชีวติ ไว้ และเราต้องยอมสละทรัพย์ สละร่างกาย สละชีวิต เพ่ือ รักษาธรรมะ ๗. สวุ ฒั น์ : หมายความอยา่ งไร ครบั คณุ แม่ ประไพ : ธรรมะ หมายความว่า ความถูกความชอบ เจา้ คงเคยไดย้ นิ ค�ำ วา่ “เสยี ชพี อยา่ เสยี สตั ย”์ ทเ่ี ขาใชเ้ ปน็ เครอ่ื งหมาย หน้าหมวกลูกเสือ หรือคำ�ว่า “สละชีพเพื่อชาติ” ท่ีเขาใช้เป็น 54
เครอ่ื งหมายหนา้ หมวกทหาร แลว้ มใิ ชห่ รอื นน่ั แหละในทน่ี น้ั ธรรมะ หมายเอาความสัตย์ หรือธรรมะหมายเอาชาติก็ได้ หมายความว่า ถงึ จะต้องเสยี ชวี ติ กต็ อ้ งยอม แตอ่ ยา่ ใหเ้ สียสัตย์ ถึงจะต้องเสยี ชีวติ ก็ต้องยอม แต่อย่าให้เสียชาติ ซ่ึงบางทีท่านว่า “พลีชีพเพ่ือชาติ” กม็ ี กห็ มายอย่างเดียวกัน แต่แม่อยากจะให้ลูกของแม่กำ�หนดง่าย ๆ อย่างน้ีว่า ธรรมะ คอื ความดี ความดนี เ้ี ราตอ้ งท�ำ เอง และตอ้ งท�ำ สะสมไวม้ าก ๆ และให้ถือเป็นสำ�คัญที่สุดในชีวิตของเรา เราต้องทำ�ดี ถ้าใครจะมา ใหเ้ ราท�ำ ชว่ั เรากต็ ายเสยี ดกี วา่ หรอื เราเอง ถา้ เกดิ จะคดิ ท�ำ ชว่ั ขน้ึ มา เราก็ไม่ควรจะเป็นอยู่ เหตุนี้ แม่ขอให้ลูกแม่ท้ังสองถือเอาความดี เปน็ มิง่ ขวัญชวี ิตของเจ้าตลอดไป เราไปยงิ นกกันเถอะ ไมล่ ะ่ มนั บาป 55
คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. วิธใี ห้มเี ทา่ ไร อะไรบา้ ง ? ๒. ๓. การให้ก�ำ หนดด้วย เพราะเหตไุ ร เราจงึ ตอ้ งให้ ? สงิ่ ของมีเท่าไร อะไรบ้าง ? ๔. ๕. ทำ�ไมจึงต้อง เพือ่ รักษาธรรมะ ใหพ้ อ่ แม่ ? ตอ้ งสละอะไรบ้าง ? 56
ส่งบททา้ ย สรปุ ความ ๑. หลังจากวันน้ันมาหลายวัน พอดีโรงเรียนปิดภาคเรียน กลางปี นางประไพจึงขอโอกาสนายประหยัด พัฒนาทร ผู้สามี พาลกู ทง้ั สองของตนไปเทย่ี วตามสถานทต่ี า่ ง ๆ เชน่ สวนสาธารณะ บ้าง สวนสัตว์บ้าง วัดพระแก้วบ้าง พิพิธภัณฑสถานบ้าง โรงงาน อตุ สาหกรรมบางแหง่ บา้ ง เมอ่ื ไปถงึ ทใ่ี ดกเ็ ลา่ เรอ่ื งความเปน็ มาของ สถานที่น้นั ๆ บางคร้ังกพ็ าไปจนถงึ พระปฐมเจดีย์ บางคร้งั ก็พาไป ถึงกรุงเก่า บางคร้ังก็พาไปถึงจังหวัดลพบุรี ไปเห็นสถานที่ต่าง ๆ 57
ในเมืองนั้น ๆ ก็เล่าความเป็นมาของสถานที่น้ัน ๆ ให้ลูกทั้งสอง ของตนฟัง ในระหว่างท่ี นน่ั อะไรครบั กำ�ลงั เลา่ อยู่นนั้ คณุ แม่ ? บางทีเดก็ ชายสวุ ฒั น์ กซ็ กั ถาม นอี่ ะไรคะ บางคร้ังเดก็ หญงิ พัฒนา คุณแม่ ? ก็ซกั ถาม ต่างผลัดกันซัก กันถามอยเู่ ช่นนี้ ทำ�ให้สนกุ สนานยิ่งขึน้ ท�ำ ใหเ้ ดก็ ทง้ั สองไดเ้ หน็ ไดร้ เู้ รอ่ื ง และรวู้ า่ สง่ิ เหลา่ นน้ั ทง้ั ของเกา่ ของใหม่ ท้ังหมดล้วนเป็นสมบัติของชาติ จนทำ�ให้เด็กท้ังสองรู้ว่า สมบัติของชาตนิ น่ั แหละทีแ่ ทก้ ค็ อื ชาติน่ันเอง ทำ�ใหเ้ ด็กทั้งสองเกดิ ความกระตือรือร้นท่ีจะเห็นสิ่งอ่ืนต่อไป ทำ�ให้รักส่ิงที่ตนมีอยู่นั่น ถึงเกิดความคิดจะรักษาสงิ่ เหล่านัน้ ไว้ให้คนทเี่ กดิ ทหี ลงั ไดด้ ูไดเ้ หน็ ตอ่ ไป ๒. สวุ ฒั น์ : หยดุ ส้ินปี คณุ แมจ่ ะพาไปไหนอีกครับ ประไพ : แมก่ ็อยากจะพาไปเรื่อย ๆ อยา่ งน้ีแหละ แต่ จะให้บ่อยนักไม่ได้ แม่ไม่ค่อยจะมีเงินเหลือมากนัก แต่แม่ก็จะ 58
พยายาม แม่คิดว่าสิ้นปีนี้ แม่ต้ังใจว่าจะพาเจ้าทั้งสองไปพิษณุโลก สโุ ขทัย พัฒนา : ไปทางไหนคะ คุณแม่ ประไพ : เออ ! น่ยี ังไงกนั เหน็ พูดถงึ เมืองต่างประเทศ เปน็ ฉากไปนนี่ า อย่างไรมาจนแตม้ เอาทเ่ี มืองเราไดเ้ ลา่ พฒั นา : กห็ นไู ม่รจู้ รงิ ๆ น่คี ะ คุณแม่ ประไพลุกไปหยิบ สมดุ แผนที่ภูมิศาสตร์ ของประเทศไทย มาคลี่ออกช้ใี ห้ลกู ดู เดก็ ทั้งสอง กต็ า่ งคนต่างดกู ัน อยา่ งสนกุ สนาน แลว้ นางประไพก็ถามวา่ คราวน้รี ูห้ รือยังเลา่ พัฒนา : ร้แู ล้วคะ่ คุณแม่ สุวัฒน์ : ผมก็พลอยรู้อย่างอ่ืนไปด้วยครับ คุณแม่ ขอบคณุ คุณแม่ม้ากมากนะครบั ๓. ประไพ : พอแล้ว ! พอแล้ว ! ไม่ต้องถึงกับขอบบุญ ขอบคุณอะไรแม่นักดอก แต่ที่แม่อยากจะถามเจ้าบ้างว่า ที่แม่พูด 59
ให้ฟังถึงวิธีการต้ังตนหรือวิธีการวางตัว หรือการปรับตัวให้เข้า สงั คมนั้น เจ้ายังจำ�ได้หรือ สุวฒั น์ : ไดค้ รับ พฒั นา : ได้คะ่ หนูยังจำ�ได้ค่ะ คณุ แม่ ประไพ : ถ้าอย่างน้ันก็ดีแล้ว แม่อยากจะพูดย่อ ๆ ให้ฟังอีกสักหนนะลูก พระท่านสอนว่า คนท่ีไม่มีความเช่ือ คนท่ี ไมม่ ศี ลี คนทไ่ี มย่ อมเสยี สละ เปน็ คนตง้ั ตนผดิ หรอื วางตวั ไมเ่ หมาะ หรือปรับตัวให้เข้ากับสังคมไม่ได้ และพระท่านก็สอนให้เรารู้อีกว่า คนที่มีความเชื่อ มีศีล มีทาน เป็นคนตั้งตนไว้ชอบ หลักธรรม ๓ ข้อนี้ ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเช่นน้ันได้เลย แต่เม่ือได้พิจารณาโดย รอบคอบแล้ว ก็เหน็ จรงิ อย่างท่านวา่ นน้ั จรงิ ๆ ๔. ลกู แมจ่ งฟงั ใหด้ นี ะ ความเชอ่ื ขอ้ ตน้ นน่ั นะ่ เปน็ ส�ำ คญั ทส่ี ดุ สำ�หรบั ขั้นต้นแท้ ๆ ทีเดียวลูก เม่ือลกู โตพอเดนิ ได้ พอพดู ได้ รูเ้ ท่า ท่ีส่ิงแวดลอ้ มตวั ปรากฏอยเู่ ท่านน้ั อย่างท่เี จ้าสุวฒั น์ เคยบอกกับแม่ว่า ฟากภูเขาทมี่ องเห็น อย่ทู างหลงั บ้านเราน้ี เปน็ ตนี ฟา้ เสียแล้ว น่ันก็เพราะ รูเ้ ทา่ นนั้ รู้เท่าน้ี 60
ท่านว่ายังไม่รู้อะไร กำ�ลังกายก็ยังอ่อนแอ กำ�ลังใจก็ยัง อ่อนแอ เอาอะไรสักอย่างยังไม่ได้ ในข้ันน้ีต้องอาศัยพ่อแม่ชักนำ� พ่อแม่จะชักนำ�ได้เจ้าก็ต้องเชื่อแม่ เจ้าไม่มีความรู้ เจ้าก็ต้องเรียน ในสำ�นักครู เจา้ ก็ต้องเช่ือครู ครูจึงจะสอนใหเ้ จ้ารไู้ ด้ เราอยูร่ วมกนั เปน็ หมเู่ ปน็ กลมุ่ เปน็ กอ้ น มากดว้ ยกนั รจู้ กั คนไมห่ มด และคนเราเลา่ ดกี ็มี ช่ัวก็มี ปะปนกนั อยูไ่ ม่รู้วา่ ใครเปน็ ใคร เหตุการณข์ องโลกเล่า ดีก็มี ไม่ดีก็มี เร่ืองเหล่าน้ีเราต้องเชื่อผู้ปกครอง เพราะผู้ปกครอง ย่อมจะคอยสอดส่องรู้ผิดรู้ถูกอยู่ เราจะรู้จริงหรือไม่จริง เราก็ต้อง อาศัยผปู้ กครอง คนทเ่ี รียกวา่ เปน็ คน กเ็ พราะมีธรรมะ ธรรมะเปน็ หลกั ของศาสนา ศาสนาก็มี ศาสดาเป็นผสู้ อน คนทกุ คนตอ้ ง ยึดเอาธรรมะ ของศาสนาเป็นหลักใจ เราจะประพฤตติ ามธรรมะได้ เราตอ้ งเชอ่ื ศาสดา กลา่ วเฉพาะ พุทธศาสนา ชาวพุทธ ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า คนอ่ืนถึงจะรักเรา 61
เท่าไรก็ไม่เท่าเรารักตัวเราเอง เม่ือเรารักตัวก็ต้องรักษาตัว การท่ี จะรกั ษาตัวได้กต็ อ้ งเชือ่ ตัว โอย๊ ..! เจ็บจังเลย การเช่ือตวั ก็คอื เชอ่ื กรรม คือเชื่อว่าทำ�ดีได้ดี ทำ�ชั่วไดช้ ว่ั ดชี วั่ ตวั ต้องท�ำ เอง ทำ�ใหก้ ันไม่ได้ เพราะเหตุนี้เราจึงต้องเชื่อตัวเองด้วย ความเชื่อดังกล่าวนี้ จำ�เป็นแท้ ถ้าไม่มีความเชื่อเป็นพ้ืนฐานก่อนแล้วทำ�อะไรไม่ได้เลย ต้องปลูกความเชื่อให้มั่นก่อน ความเช่ือจึงเป็นคุณให้ตั้งตนไว้ชอบ อย่าง ๑ ๕. อกี ขอ้ ๑ คอื ศลี ศลี เปน็ หลกั การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงั คม ได้อย่างดีอีกข้อ ๑ คนเราโดยปรกติไม่เสมอกัน บางคนเกิดใน ตระกูลสูง บางคนเกิดในตระกูลตำ่� บางคนมั่งมี บางคนยากจน บางคนรปู รา่ งหนา้ ตาเหมาะเจาะ บางคนกข็ เ้ี หร่ ดงั นเ้ี ปน็ ตน้ แตเ่ มอ่ื คนเหลา่ นน้ั มศี ลี คอื ประพฤตดิ เี ปน็ อยา่ งเดยี วกนั แลว้ กจ็ ดั วา่ เสมอกนั เจ้าจงดูนักเรียนในช้ันเรียนของเจ้าก็แล้วกัน เม่ือเข้าช้ันแล้วต้อง ประพฤติตามระเบียบเหมือนกันหมดครูก็สอนเท่ากันหมด เหตุน้ี 62
ศลี จงึ เปน็ หลกั เสมอกนั ปรบั สงั คมใหเ้ สมอกนั หรอื ปรบั คนใหเ้ สมอกนั ดว้ ยเหตนุ พ้ี ระทา่ นจงึ สอนวา่ คนมศี ลี เปน็ คนตง้ั ตนไวช้ อบอกี อยา่ ง ๑ ๖. อกี ขอ้ ๑ จาคะ การเสยี สละ เพราะเหตทุ ค่ี นเรามคี วาม สามารถไมเ่ ทา่ กนั จงึ ตอ้ งชว่ ยเหลอื กนั ถา้ ไมช่ ว่ ยเหลอื กนั จะอยกู่ นั อยา่ งไรได้ เราอย่ใู นหมู่เดียวกัน คนหนง่ึ ตกทกุ ขไ์ ด้ยาก อีกคนหนึ่ง จะนั่งดูเฉย ๆ จะอยู่ได้หรือ จะทนดูได้หรือ ถ้าใครทนดูได้โดย ไม่ชว่ ยเหลอื กนั คนนน้ั กช็ อ่ื วา่ วางตวั ไมเ่ หมาะแน่ เราอยรู่ วมกนั เรา ต้องช่วยเหลือกัน คนท่ชี ่วยเหลือกัน พระท่านจึงว่า เป็นคนต้งั ตน ไว้ชอบ คนท่ีมีความเช่ือ มีศีล มีทานท่านว่าเป็นคนต้ังตนไว้ชอบ คนทต่ี ง้ั ตนไวช้ อบ เปน็ คนมมี งคลประจ�ำ ตวั คนมมี งคลเปน็ คนเจรญิ ทง้ั คดโี ลกคดีธรรม นางประไพพูดว่า แม่อยากให้ลูกของแม่เป็นคนตั้งตน ไว้ชอบ แม่มีข้อเตือนสุดท้ายอีกอย่างหน่ึงว่าโบราณท่านสอนว่า “เป็นผู้ใหญ่ต้องโอบอ้อมอารี เป็นผู้น้อยต้องเจียมตัว” เอาละ พอที แม่พดู มามากแล้วขอให้ลกู ของแม่จงท�ำ ตามเถดิ 63
คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. รกั ชาติ ต้องทำ�อย่างไรบ้าง ? ๒. ๓. อะไรเปน็ สมบตั ิ จะรักษา สมบัติของชาติ ของชาติ ? ได้อย่างไร ? ๔. ๕. เปน็ ผู้ใหญ่ เป็นผ้นู อ้ ย ตอ้ งประพฤติ ต้องประพฤติ อยา่ งไร ? อยา่ งไร ? 64
ภาคผนวก ก การตัง้ ตนไว้ชอบ หนังสือสอนพระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ นายเกษม บุญศรี เปรียญ แตง่ ไดร้ บั พระราชทานรางวลั ชน้ั ท่ี ๑ ในการประกวดประจำ�พทุ ธศักราช ๒๕๐๗ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้พมิ พ์พระราชทาน เน่ืองในงานพระราชพิธวี ศิ าขบูชา พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๗
ก ท่ี รล. ๐๐๐๒/๑๒๓๗ สำ�นักราชเลขาธิการ ๑๐ เมษายน ๒๕๐๗ เรอื่ ง การประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาสำ�หรับ สอนเดก็ เรียน เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี อา้ งถงึ หนงั สือท่ี สร. ๐๕๐๑/๕๓๓๗ ลงวันที่ ๒๓ มนี าคม ๒๕๐๗ ตามทแ่ี จง้ รายงานของราชบณั ฑติ ยสถาน เรอ่ื งการประกวด แต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนาสำ�หรับสอนเด็กตามหัวข้อธรรม เรื่อง “การตั้งตนไว้ชอบ” เพื่อรับพระราชทานรางวัลและพิมพ์ พระราชทานในงานพระราชพิธีทรงบำ�เพ็ญกุศลวิศาขบูชา ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ว่า ราชบัณฑิตยสถานได้ดำ�เนินการและตรวจ คดั เลอื กเสรจ็ แลว้ ฉบบั หมายเลข ๖ ของนายเกษม บญุ ศรี เปรยี ญ เปน็ ผแู้ ตง่ สมควรไดร้ บั พระราชทานรางวลั ดงั ส�ำ เนาตน้ ฉบบั ทส่ี ง่ ไป ซ่งึ สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำ�เสนอท่านรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทนท่านนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงขอให้นำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณาเรียนพระราชปฏิบตั ิน้ัน
ได้นำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลี- พระบาทแลว้ โปรดเกลา้ ฯ ใหฉ้ บบั หมายเลข ๖ ไดร้ บั พระราชทาน รางวลั (ลงพระนาม) วงศานุวตั ร (หม่อมเจา้ วงศานุวตั ร เทวกุล) ราชเลขาธิการ กองการในพระองค์
ข - สำ�เนา - ด่วน ส�ำ นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ท่ี สร. ๐๕๐๑/๕๓๓๗ ๒๓ มนี าคม ๒๕๐๗ เรือ่ ง การประกวดแต่งหนังสือแสดงพระพุทธศาสนา ส�ำ หรับสอนเด็ก ทูล ราชเลขาธิการ สงิ่ ท่ีส่งมาดว้ ย ส�ำ เนาหนงั สือแสดงพระพทุ ธศาสนา เรอ่ื ง “การ ตัง้ ตนไวช้ อบ” ดว้ ยราชบณั ฑติ ยสถานรายงานวา่ ในการประกวดแตง่ หนงั สอื แสดงพระพุทธศาสนาสำ�หรับสอนเด็ก เพื่อรับพระราชทานรางวัล และพมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชพธิ ที รงบ�ำ เพญ็ กศุ ลวศิ าขบชู า ประจ�ำ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ราชบณั ฑติ ยสถานไดด้ �ำ เนนิ การเสรจ็ เรยี บรอ้ ย แล้ว จึงได้เสนอรายงานมา คือ การแต่งประกวดประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ นี้ ราชบณั ฑิตยสถานไดป้ ระกาศใหแ้ ตง่ ประกวดตามหวั ข้อ ธรรม เรอ่ื ง “การตง้ั ตนไวช้ อบ” ตามหวั ขอ้ ธรรมในมงคลสตู ร มผี แู้ ตง่ ส่งเข้าประกวดทงั้ สน้ิ ๗ ราย เป็นพระภกิ ษุ ๒ ราย คฤหสั ถช์ าย ๔ ราย และหญิง ๑ ราย ราชบณั ฑิตยสถานได้อาราธนาให้พระ-
ธรรมโกศาจารย์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ เป็นกรรมการตรวจ ในทางหลักธรรม ซึ่งเป็นการตรวจขั้นต้น พระธรรมโกศาจารย์ได้ พิจารณาตรวจคัดเลือกแล้วเสนอความเห็นว่า ฉบับที่แต่งถูกต้อง หลักธรรมที่สมควรได้รับการพิจารณาต่อไปมีเพียงฉบับเดียว คือ ฉบับหมายเลข ๖ ราชบัณฑิตยสถานจึงได้เสนอหนงั สอื ดงั กล่าวให้ สำ�นักศิลปกรรมตรวจในเชิงวรรณคดีอีกขั้นหนึ่ง สำ�นักศิลปกรรม ตรวจแล้วเสนอความเห็นว่า หนังสือฉบับหมายเลข ๖ สำ�นวน เรยี งความภาษาไทยเรยี บรอ้ ย อา่ นงา่ ยและเดก็ สามารถอ่านเข้าใจ ไดด้ ี ความเหน็ ของส�ำ นกั ศลิ ปกรรมน้ี ราชบณั ฑติ ยสถานไดพ้ จิ ารณา แลว้ เหน็ ชอบดว้ ย จงึ ไดเ้ ปดิ รายชอ่ื ผแู้ ตง่ ปรากฏวา่ นายเกษม บญุ ศรี เปรยี ญ เปน็ ผแู้ ตง่ และไดส้ ง่ ส�ำ เนาจากตน้ ฉบบั ส�ำ นวนหมายเลข ๖ มา ดงั ไดแ้ นบมาพรอ้ มกบั หนงั สอื น้ี จงึ ขอใหน้ �ำ ความกราบบงั คมทลู ฯ ตอ่ ไป และส�ำ นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรไี ดน้ �ำ เสนอทา่ นรองนายก- รฐั มนตรี ซง่ึ ไดร้ บั มอบหมายใหป้ ฏบิ ตั ริ าชการแทนทา่ นนายกรฐั มนตรี พจิ ารณาแลว้ ขอใหน้ ำ�ความกราบบังคมทลู ฯ ตอ่ ไปได้ จึงทูลมาเพ่ือขอได้โปรดนำ�ความกราบบังคมทูลพระกรุณา เรียนพระราชปฏิบัติ การจะควรประการใดก็สุดแล้วแต่จะทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แล้วแต่จะโปรด (ลงนาม) มนูญ บริสทุ ธ์ิ (นายมนญู บรสิ ุทธ)ิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
นายเกษม บุญศรี เปรยี ญ
การต้งั ตนไวช้ อบ หนงั สือสอนพระพทุ ธศาสนาแก่เด็ก ISBN : 978-616-7975-10-8 แตง่ โดย นายเกษม บุญศรี เปรียญ แตง่ ทูลเกล้าถวาย ฯ ในการประกวดหนังสอื สอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ดก็ ประจำ�ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ พมิ พค์ ร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๐๗ พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒ (ปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๙ จ�ำ นวน ๓,๐๐๐ เล่ม จดั พิมพ์โดย สำ�นกั งานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจติ รลดา พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รปู เลม่ /และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี เสาวณยี ์ เท่ยี งตรง และ เทิดเกยี รติ์ ปลกู ปานย้อย พิมพ์ท่ี หจก. แอลซพี ี ฐิติพรการพิมพ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตท่งุ ครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐
Search