ÇÃó¡ÃÃÁàÂÒǪ¹¾¹Œ× ºÒŒ ¹ ÀÒ¤à˹Í× ÍÍŒ ÁÅÍŒ ÁµÍ‹ Á¤Ó ภเรา่อื พงปอรระพกินอบลอืทพรงันชธยั สมปรารถนา
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ ว ร ร ณ ก ร ร ม เ ย า ว ช น พ้ื น บ้ า น ภ า ค เ ห นื อ อ้อมลอ้ มต่อมคำ เรื่องโดย อรพนิ ลอื พนั ธ ์ ภาพโดย ทรงชัย สมปรารถนา
ออ้ มลอ้ มต่อมคำ ออ้ มล้อมตอ่ มคำ เลขมาตรฐานสากลประจำหนงั สือ 978-974-287-817-7 ผเู้ ชี่ยวชาญที่ปรึกษาคณะบรรณาธกิ าร รศ.ทรงศกั ด์ ิ ปรางคว์ ัฒนากลุ นายเจริญ มาลาโรจน์ คณะบรรณาธกิ ารอำนวยการ นางทัศนัย วงศพ์ เิ ศษกุล นางสาวเฉียดฉัตรโฉม ปริพนธ์พจนพิสทุ ธ์ิ นายวัฒนชัย วินจิ จะกูล นางสาวนนั ธนา เจรญิ ภกั ดี คณะบรรณาธกิ ารดำเนนิ งาน รศ.สกุ ญั ญา สุจฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส ์ วงษป์ ระเสริฐ นายเรอื งศักด์ ิ ป่ินประทีป นายณัฐพร ศรมี ุกด์ เร่ือง อรพิน ลือพันธ์ ภาพ ทรงชยั สมปรารถนา พิสูจน์อกั ษร นันทธ์ นัตถ์ จิตประภสั สร อารณี ะ วรี ะวฒั น ์ พมิ พค์ ร้ังท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2551 จำนวนพิมพ ์ 3,000 เล่ม ราคา 130 บาท เจ้าของโครงการและดำเนนิ การจดั พมิ พ์ สำนักงานอทุ ยานการเรยี นรู้ สำนกั งานบริหารและพฒั นาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน) สงั กดั สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนบรกิ าร อาคารเซ็นทรัลเวลิ ด์ ชัน้ 8 Dazzle Zone โทรศพั ท์ 0-2257-4300 โทรสาร ตอ่ 125 สว่ นสำนกั งาน 999/9 อาคารสำนกั งานเซ็นทรลั เวลิ ด์ ช้นั 17 ถนนพระราม 1 โทรศพั ท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนินการจัดทำตน้ ฉบับ มูลนิธิหนงั สอื เพ่อื เด็ก โทรศพั ท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรูปเลม่ จดั พิมพ์ และจัดจำหน่าย บรษิ ทั แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกดั โทรศัพท์ 0-2591-8033 www.planforkids.com เหมาะสำหรับเด็กอายุ X ปี
อ้อมอ้ มตอ่ มคำ คำนำ ในการจัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ภูมิภาคต้นแบบแต่ละภาคน้ัน สำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (TK park) ได้มีการเตรียมการคู่ขนานกันไปทั้งด้านกายภาพ และเนื้อหาสาระ กล่าวคือในระหว่างที่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกำลังปรับปรุง หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนกั งานอทุ ยานการเรยี นรกู้ ป็ ระชมุ หารอื กบั บคุ ลากรในทอ้ งถน่ิ และรว่ มกนั คดั เลอื ก หนังสือ ดนตรี และกจิ กรรมตา่ งๆ ไปพร้อมกนั เพื่อเตรียมการดา้ นหนังสือและสอื่ ต่างๆ ซึ่งถอื เสมอื นเปน็ จติ วญิ ญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพื้นบ้านเป็นส่วนหน่ึงของการเตรียมการทางด้านเนื้อหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชนมีท้ังสาระ ความสนุกสนาน และจินตนาการ สืบทอดกันมาจากภูมิปัญญาท้องถ่ินอันล้ำลึก มีความหมายต่อการเชื่อมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับ แม้จะเป็นเร่ืองเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพ้ืนท่ี แต่สาระที่แฝงอยู่ในเน้ือหาเรื่องราวของ นทิ านน้นั คือคตสิ อนใจ ซ่ึงเปน็ ความรู้สากลท่ีสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ทกุ หนแหง่ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กเป็นผู้ดำเนิน การประสานงานกับปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันคัดเลือก นิทานเร่ืองเล่าพ้ืนบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการของเยาวชน ในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบข้ึนใหม่ เพ่ือจัดพิมพ์ เป็นหนังสือที่มุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและเพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็น สื่อจูงใจให้เด็กและเยาวชนท่ัวไปสนใจและรกั การอ่านมากยิ่งข้ึน ท้ังยังสามารถนำไป ประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ใหค้ งอย่สู บื ไป หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ ว่า นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผ้จู ดุ ประกายแนวคิดห้อง สมุดมีชีวิตในประเทศไทย ให้เป็นพื้นท่ีแสวงหาความรู้ในบรรยากาศการเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะได้ทำหน้าท่ีปลูกฝัง และส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพื้นฐานของความเคารพและ ภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถ่ิน เสริมสร้างการยอมรับความแตกต่างหลาก หลายและใชส้ ตปิ ญั ญาแกไ้ ขปัญหา อนั จะนำไปสู่สงั คมสันติสมานฉันทใ์ นที่สุด สำนักงานอทุ ยานการเรียนรู้
อ้อมลอ้ มต่อมคำ สารบญั หน่ึง หา้ กำเนดิ ตอ่ มคำ 7 ต่อมคำเผยตัว 53 สอง หก เกาะมหศั จรรย ์ 23 ปรศิ นา 65 พระอินทร์ สาม เจ็ด 79 กลับบ้านเรา 33 แก้ปริศนา 95 ส ่ี 43 แปด ส สะะพพาานนเทงอนิ ง ชขอัยชงตนอ่ะ มคำ
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ
ออ้ มล้อมตอ่ มคำ เกรด็ ความรู้ ในวรรณกรรมเยาวชนภาคเหนือ จะใช้ตัวเลขข้ึนต้นแต่ละบทเป็น ตัวเลขในภาษาล้านนา เรยี กวา่ เลขโหรา ภาษาล้านนา หรอื คำเมือง เป็นภาษาประจำราชอาณาจักรล้านนาที่สันนิษฐานว่าเกิดข้ึนมา นานนับพันปี ใช้กันในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เรียกว่า “ดินแดนล้านนา” หมายถึง 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ นา่ น และแม่ฮ่องสอน ตัวเลขในภาษาล้านนามี 2 แบบ คือ เลขในธรรม หรือเลขใน ใชใ้ นการเขยี นเรือ่ งราวเกี่ยวกบั ภาษา และวรรณกรรมทางศาสนา มักเขียน บนใบลาน อีกแบบหนึ่งคือ เลขโหรา ใช้เขียนบอกจำนวนทั่วไปและการ คำนวณโหราศาสตร ์ เลขโหรา ๙ ๐ เลขในธรรม เทียบตวั เลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ หน่ึง กำเนดิ ตอ่ มคำ
อ้อมลอ้ มต่อมคำ
อ้อม้อมตอ่ มคำ กำเนิดตอ่ มคำ ณ เมืองพาราณสี ยังมีครอบครัวผัวเมียยากจนคู่หนึ่ง ปลูกบ้านอยู่ ท้ายเมอื ง “อยกู่ ับพี่ ลำบากหนอ่ ยนะจนั ทร์ พ่ีไม่ใชค่ นมั่งมเี หมอื นผูอ้ นื่ ” ผผู้ ัว เอ่ยข้นึ ขณะเตรียมดนิ ปลกู พืช “ไม่เป็นไรดอกพี่ ฉันทนได้ ขอเพียงให้พ่ีรักฉันจริง” นางจันทร์ ผู้ เมยี กลา่ วตอบ แล้วพูดตอ่ ไปอีกว่า “หากเราทั้งสองขยันทำนาทำสวน สักวันเราคงลืมตาอ้าปากได้เป็น แน่” “พ่ีก็หวังเช่นนน้ั ” สองผัวเมียช่วยกันทำนาและปลูกพืชผักด้วยความอดทนและขยัน ขันแขง็ ประพฤติตนอย่ใู นศีลในธรรม มจี ติ ใจเมตตา ไม่ฆา่ สตั วต์ ดั ชีวติ “ปนี ีข้ ้าวเรางามให้ผลดี ถ้าขายเราคงไดก้ ำไรนกั ” ผ้เู ป็นผัวพดู ขน้ึ เม่ือ เห็นข้าวดกออกรวงมากมาย
10 ออ้ มล้อมตอ่ มคำ “จริงอย่างท่ีพ่ีว่า เราจะได้มีเงินมากๆ ไปทำบุญทำทานกัน” นาง กล่าวตอบดว้ ยน้ำเสียงดีใจ “แล้วเราก็จะได้มีเงินเก็บ เผื่อวันหนึ่งลูกเราเกิดมา เราจะได้เล้ียงดู ไดด้ ”ี คนื วนั หนึ่ง ขณะทนี่ างจันทร์กำลังนอนหลบั สนิท ได้ฝนั เห็นกบน้อย ตวั หน่งึ กำลงั กระโดดกระด๋ึงกระดงึ๋ อยูบ่ นพื้นหญา้ แต่เพียงพริบตา เจ้ากบนนั้ กลบั ดีดขา ถีบตัวขน้ึ อยา่ งแรง แล้วเหาะ เรว็ ปานจรวด พุ่งพรวดไปที่ดวงจนั ทร์กลมโต แล้วเจ้ากบน้อยก็ค่อยๆ กัดกินขอบดวงจันทร์ไปทีละนิด ทีละนิด นางจนั ทรไ์ ด้แตพ่ นิ ิจดดู ว้ ยความอัศจรรย์ใจ ยังไม่ทันท่ีนางจะคิดเห็นประการใด เจ้ากบกินจันทร์ตัวนั้นได้ก็หล่น ตบุ้ มาฟุบท่ียอดอกนาง “ว๊าย...กร๊ีดดดดดดด...” นางจนั ทร์หวดี ร้องเสยี งดงั สะดุง้ ตนื่ ใจเต้น ตมู ตาม “จันทร์เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ผู้ผัวถามอย่างห่วงใย นางจึงเล่า ความฝนั ดังกล่าวใหผ้ ัวรกั ฟงั เจ้าผู้ผัวได้ยินเชน่ นัน้ ก็กล่าวข้นึ วา่ “จนั ทร์ไม่ต้องกังวลไป ถ้าฝนั เช่นนี้ พ่วี ่ามันเปน็ เรือ่ งดนี ะ จนั ทรอ์ าจ จะโชคดกี ไ็ ด้ ใจเย็นๆ เถอะ” ถัดจากความฝันดังกล่าวไม่นานนัก นางจันทร์ก็ตั้งท้อง สองผัวเมีย ดีใจยง่ิ นัก เพราะเขาทงั้ สองอยูก่ นิ กันมานานแตย่ ังไมม่ ลี ูก “ไชโย...เรากำลังจะมีลกู แลว้ จันทรอ์ ยากได้ลูกสาวหรอื ลูกชาย” “อยา่ งไรกไ็ ด้ ไมว่ า่ ลกู เราจะเกดิ มาเปน็ เพศใด รปู จะดจี ะงามมากนอ้ ย
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ 11 เพียงใด ฉนั ก็รกั ลกู ฉนั ” “จริงอย่างที่จันทร์พูด ขอให้ลูกเราเกิดมาแข็งแรง ปลอดภัย ว่าแต ่ ตอ่ ไปน้ี จนั ทร์ไม่ตอ้ งออกไปทำงานหนักๆ แลว้ นะ และถ้าจันทร์อยากกนิ อะไรกบ็ อกพี่ พจี่ ะไปหามาให”้ ผัวบอกนางด้วยความหว่ งใย นับแต่นางจนั ทรต์ ง้ั ท้อง ผวั ของนางยิง่ ขยันทำนาทำไร่มากข้นึ ท้ังยงั หม่ันเสาะหาของดีของถูกปากมาให้กิน แต่นางกินได้เพียงผลไม้หวาน เทา่ นัน้ “ชะรอย ลกู เราน้คี งเปน็ ผมู้ บี ุญมาเกิดเป็นแนแ่ ท้ จนั ทรจ์ งึ ไมก่ นิ เนอ้ื สัตว์” ผผู้ วั คิดคำนงึ ในใจ แต่แล้ววันหน่ึงขณะท่ีผู้ผัวเดินกลับบ้าน งูร้ายตัวหน่ึงกำลังเล้ือยอย ู ่ รมิ คนั นา และดว้ ยความรบี เพ่อื ให้ถงึ บ้านโดยไว เท้าของเขาเหยยี บถกู หางงู ตวั นน้ั “เฮ้ย!!!...!!!..” เขาร้องได้คำเดียว ก็ทรุดลง งูฉกกัดที่ขา พิษร้าย แผซ่ ่านอยา่ งรวดเรว็ ทำใหเ้ ขาขาดใจตาย ณ ที่แหง่ นัน้ “จันทร์ จนั ทร์ จันทร์อยู่ไหม” เสยี งเพ่ือนบ้านร้องเรยี ก ขณะท่ีนาง จันทรก์ ำลังทำกับขา้ วเย็นรอทา่ ผวั รัก “อยู่จา้ ...มอี ะไรหรือ รอ้ งเรียกเสยี งดงั มาแตไ่ กล” “กผ็ ัวเจ้าน่ะสิ....เอ่อ...เอ่อ...” “อะไรล่ะ มัวเอ่อๆๆ อยู่นั่นแหละ ผัวของข้าทำไมหรือ” จันทร์ ใครร่ ้เู ต็มแก ่ “ผัวของเจา้ ...ตายแล้ว” “เจ้าวา่ อะไรนะ...ไมจ่ รงิ ใช่ไหม ตอบข้าสิ วา่ ข้าฟงั ผดิ ”
12 ออ้ มลอ้ มต่อมคำ “ถูกต้องแล้วจันทร์...เจ้าฟังไม่ผิดดอก ผัวเจ้าถูกงูกัดตาย จงทำใจให้ เข้มแข็งเถดิ ” เม่ือรู้ว่าผัวตายแน่แท้แล้ว จันทร์จึงเศร้าโศกเสียใจ แทบไม่เป็นอัน ทำสง่ิ ใด กระนนั้ ก็พยายามฝนื ใจ อดทนต่อไปเพ่อื ลกู รกั ท่ีกำลงั จะถือกำเนิด มาในไมช่ ้า “เศรา้ เอยเศร้าใจ แมน้ ตายตามได ้ นอ้ งก็จกั ไป ไม่อยู่แลว้ นา นงั่ คดิ นอนคดิ คดิ ถึงลูกยา เจา้ ถือเกดิ มา ไมเ่ ห็นหนา้ พอ่ เอาเถอะลกู รกั แมจ่ กั อยรู่ อ สองเรานีห้ นอ จะอยู่เคยี งกนั คดิ ได้ปลงได้ ทุกข์ใจหายพลัน เปน็ ไงเป็นกนั เพ่อื ลูกเกิดมา” ฝ่ายทารกน้อยท่ีอยู่ในครรภ์นางจันทร์ เป็นผู้มีบุญมาเกิด รู้ได้ด้วย ญานว่าพ่อตายไปแล้ว จึงไม่อยากให้แม่ผู้ซึ่งยากจนอยู่แล้วต้องลำบาก เล้ียงดู จงึ ตั้งจิตอธษิ ฐาน ขอใหต้ นเกิดมามีแต่หัว ร่างกายสว่ นอน่ื ๆ กย็ ่อ เลก็ ลง ซุกเขา้ ไปอยู่ในหัวของตัวเอง เวลาผ่านพน้ ไปไดเ้ กา้ เดอื น นางจนั ทรค์ ลอดลกู ออกมาอย่างง่ายดาย เม่ือเพ่ือนบ้านรู้ข่าวต่างพากันแวะมาเย่ียมเยียน แต่ทั้งหมดต้อง ตกตะลึงท่ีเห็นลูกของนางจันทร์คนนี้มีแต่หัว รูปร่างช่างอัปลักษณ์ผิดจาก คนทั่วไปเป็นอันมาก
ออ้ มอ้ มต่อมคำ 13 “พุทโธ ธมั โม สงั โฆ! โอยหนอ...จันทร์เอ๋ย...เจา้ ช่างทำบาปทำกรรม อะไรไว้ ลูกเจ้าจึงเกิดมามีแต่หัวกลมๆ มนๆ และยังมีตุ่มๆ ลายๆ น่า อะไรเช่นนี.้ ..” “ผัวกต็ าย ซำ้ ร้ายได้ลูกรปู ร่างตวั กลมเป็นลกู แตงโม” เสยี งเพ่อื นบ้าน รำพงึ รำพนั
14 ออ้ มล้อมต่อมคำ “จรงิ ๆ จรงิ ด้วย ตัวกลมๆ หัวกลมๆ เหมือนแตงโม” “อยุ๊ ๆ ดูนั่นสิ มีหู มีปาก มตี าโผล่มานดิ ๆ กับเขาด้วย” เพอ่ื นบา้ น คนหนง่ึ ท่ีช่างสังเกตเอ่ยปากช้ชี วน “อืมๆ ๆ ใชๆ่ เอาเถอะ อยา่ งใดเขากเ็ กดิ มาแล้ว” “จันทร์เอย เจ้าจงเลี้ยงเขาดีๆ ต่อไปเจ้าและลูกเจ้าอาจจะมั่งม ี ศรีสุขก็เป็นได้นะ ดูท่าจะเลี้ยงง่ายด้วย ดูทีรึ ยังไม่ได้ยินเสียงร้องกวนสัก แอะเลย” เพื่อนบ้านผู้อาวโุ สมองโลกในแง่ดี พดู จาปลอบนางจนั ทร ์ นับแต่วันแรกเกิดจนถึงวันท่ีเจ็ดตุ่มเล็กๆ สีอ่อนๆ ที่ปรากฏบนผิว ของทารกแตงโมลูกนางจันทร์ ค่อยๆ มีสีท่ีเห็นชัดข้ึนจากสีเนื้อน้ำตาล อ่อนๆ กลายเปน็ สเี หลอื งทองสุกใส เปน็ จดุ ประๆ ๆ ทัว่ ตวั “โธ่...ลกู แม.่ ..ทำไมเจ้าไมเ่ หมือนเด็กคนอื่นนะ แม่จะเรยี กเจา้ ว่าอะไร ดลี ่ะ” จันทร์มองหนา้ ลกู น้อย นิง่ คิดเรือ่ งชอ่ื ลูก “รูปร่างหน้าตาเจ้าก็เป็นเช่นนี้ เจ้ามีจุดสีทอง ง้ันแม่เรียกเจ้าว่า “ต่อมคำ” ก็แลว้ กนั แลว้ ตวั เจ้ากอ็ ้อมล้อมกลมๆ ปอ้ มๆ แมจ่ ะเรียกเจ้า “อ้อมล้อมตอ่ มคำ” จำงา่ ยดี เจา้ คงไมโ่ กรธนะ” ละอ่อนน้อยต่อมคำเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เชื่อฟังคำแม่ หากแม่จันทร ์ จบั วางทีใ่ ดกอ็ ยทู่ นี่ ่ัน ไมก่ ระดกุ กระดกิ กล้งิ ไปกลิง้ มาใหแ้ มใ่ จหายใจคว่ำเลน่ “ลูกแม่เอ๋ย...เจา้ ชา่ งเลี้ยงงา่ ยเลยี้ งดายเสียจรงิ บญุ ของแมจ่ ริงๆ” “ถึงเจ้าจะไมง่ าม ไม่เหมือนใครยังไงก็ตาม แตแ่ ม่ก็รกั เจ้านะต่อมคำ” พูดพลางโอบกอดลูกนอ้ ยไวใ้ นอ้อมแขน
ออ้ มอ้ มต่อมคำ 15 “แมต่ อ้ งออกไปนาแลว้ นะ เราจะได้มขี า้ วกนิ กัน” เม่ือนางจันทร์ออกจากบ้านไปเลี้ยงควาย ทำนา เด็กน้อยต่อมคำ จะมองซ้ายมองขวา เมอ่ื เหน็ ว่าไมม่ ีใคร กจ็ ะแอบออกมาจากเปลอื กทีห่ ้มุ แล้วกลายร่างมาเป็นมนุษย์เด็กร่างเล็กตามวัย ออกมาหยิบจับ ปัดกวาด ถูเรือน และทำอาหารง่ายๆ เช่น หุงข้าว ต้มผัก ป้ิงปลา ไว้ คอยท่าแม่ เม่ือนางจันทร์กลับจากนา นางได้แต่พิศวงสงสัยว่า เหตุใดบ้านช่อง จึงสะอาดสะอ้าน ข้าวของจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ซ้ำกับข้าวกับปลาก็ทำ เสรจ็ สรรพเรียบรอ้ ย
16 ออ้ มล้อมตอ่ มคำ “เอะ๊ ...ใครกัน มากวาดบา้ นถบู า้ น ทำกับข้าวไวใ้ หเ้ รา” “หรือว่าจะเป็นนางเอ้ือยที่อยู่บ้านใกล้ๆ” จันทร์คิดเอาว่าเป็นเพ่ือน ของเธอมาทำ “สงสยั วนั น้ีเอ้ือยมนั คงไม่ไดไ้ ปทำนา เลยแวะมาช่วยทำให้เรา” เปน็ เช่นนอ้ี ยหู่ ลายวนั กระทง่ั วันหน่ึง นางจนั ทรก์ ลบั จากนามา เห็น ขา้ วปลาจัดวางไว้ในสำรบั เหมือนเช่นทกุ วัน แตเ่ ม่อื ตอนบ่าย จันทร์ไดพ้ บและพูดคุยกบั นางเอื้อยแลว้ ซึ่งนางไม่รู้ เรื่องใดๆ เลย นางจึงงนุ งงสงสัยมาก เมือ่ มาถงึ บา้ นเหน็ วา่ เปน็ เช่นเดมิ อีก
ออ้ ม้อมต่อมคำ 17 “ถา้ ไม่ใช่เออื้ ย แลว้ จะเป็นใครกันนะที่มาทำให้” นางสงสยั มาก จึงถามต่อมคำว่า มีใครมาท่ีบ้านบ้างไหม แต่ต่อมคำบอกไม่มีใคร มาเลย เชา้ วันตอ่ มา จันทร์ออกไปทำนาทำไร่เช่นเคย... แต่วันน้ีนางกลับบ้านให้เร็วกว่าทุกวัน ครั้นเดินมาใกล้จะถึงบ้าน นางค่อยๆ หาท่ีซ่อนตัวเพ่ือซุ่มดูว่า น่าจะมีใครสักคนลงมาจากเรือนของ นาง “เราตอ้ งรูใ้ ห้ไดว้ ่าใครกนั ทแี่ อบมาทำงานบา้ นใหเ้ รา” จนั ทร์ครุ่นคดิ นางซุ่มดูอยู่นาน จนได้เวลาปกติที่นางเคยกลับ ก็ยังไม่เห็นมีใคร ลงมาจากเรอื น เม่อื เป็นเชน่ น้ี นางยิง่ อยากรู้มากขึน้ ๆ แต่ยงั ทำอะไรตอ่ ไปไมไ่ ด้ ได้ แต่เดินตรงขึน้ บา้ นไป ที่บนบ้าน มีสำรับอาหารเย็นวางเตรียมไว้ แต่นางทำเป็นไม่เห็น ไมก่ นิ อาหารทีส่ ำรบั นัน้ นางกลบั เขา้ ไปในครวั หุงข้าว ตม้ ผกั กินเอง อ้อมล้อมต่อมคำเห็นดังน้ัน มิอาจจะน่ิงเฉยได้อีกต่อไป จึงกล่าว กับแมจ่ นั ทร์ว่า “แมจ่ า๋ ...ทำไมแม่...ไมก่ ินข้าว...ทวี่ างไว้...เล่าจ๊ะ” จนั ทร์นัง่ นงิ่ เงยี บ ไมต่ อบ ต่อมคำใจคอไมด่ แี ละรู้สกึ ผดิ พดู ตอ่ ไปว่า “ถา้ แม่...อยากรู้จรงิ ๆ...หนูจะ...บอกแมเ่ ดีย๋ วน”้ี จันทร์ได้ยิน แอบซ่อนยิ้ม แล้วทำทีไม่สนใจ ตักข้าวใส่ปากเคี้ยว เอื่อยๆ
18 ออ้ มล้อมตอ่ มคำ ต่อมคำจึงค่อยๆ เลา่ ความจริงไปตามประสาเดก็ ครั้นจันทร์ฟังจบ นางเอาแต่เพ่งมองต่อมคำ เหมือนไม่เช่ือเร่ืองท่ี ตอ่ มคำพดู และพดู ว่า “จะให้แมเ่ ช่อื เร่อื งที่เจ้าเลา่ มาไดอ้ ย่างไร” ต่อมคำได้ยินดังนั้น จึงค่อยๆ ย่ืนแขน เหยียดขา ยืดตัว ออกมา เปลอื ก ให้แมจ่ ันทรเ์ ห็นเตม็ ๆ ตวั “...ตะ...ตะ...ตอ่ มๆๆๆ...ตอ่ มคำ...ลูก..ลกู ...นี่ลูกแม่จริงๆๆ หรือ...” จันทร์ทงั้ ดใี จ ท้ังตกตะลึง แล้วสองแม่ลูกก็โผเข้ากอดกันกลม จันทร์ลูบเส้นผมต่อมคำด้วย รักและเอน็ ดูยงิ่ นัก ต่อมคำขอร้องแม่ ไม่ให้บอกเร่ืองน้ีแก่ใคร และจะกลับไปเป็น เหมือนเดิม “ทำไมเลา่ ลูก มแี ตใ่ ครๆ เขาอยากมีรปู รา่ งปกตสิ มบรู ณ”์ “แต่หนูยงั ไม่อยากบอกใครนจ่ี ๊ะ” “ก็ได้ ถ้าเจ้ายังไมพ่ รอ้ มจะใหใ้ ครๆ รู้ แมจ่ ะไมพ่ ูดไม่บอกใคร” ถัดมาอกี ๒-๓ ปี ตอ่ มคำโตพอจะไปช่วยแมท่ ำนาทำไร่ไดแ้ ลว้ จึง ตดิ ตามแม่ไปทงุ่ ดว้ ย โดยบอกกับแม่ว่า “แมจ่ ๋า ...ต่อไปนี้แมไ่ มต่ อ้ งลำบากออกไปทำนา เล้ยี งควายอกี แลว้ ” “แลว้ เราจะอยู่ยงั ไงเลา่ ลกู ถ้าไมท่ ำมาหากนิ ” “หนจู ะชว่ ยงานทกุ อยา่ ง หนจู ะเลยี้ งควาย ดำนา ปลกู ผกั ปลกู ขา้ ว แทนแม่” “แลว้ เจ้าจะไหวหรอื ลกู ” จนั ทร์ถามอยา่ งเปน็ ห่วง เกรงลูกจะลำบาก
อ้อมอ้ มต่อมคำ 19 “ไหวสิจะ๊ หนูทำได”้ ตอ่ มคำยนื ยนั หนักแนน่ “ถ้าไม่ไหวก็หยุดพกั นะลกู เด๋ยี วจะเจ็บไข้ไม่สบายได้” “แม่ไม่ตอ้ งหว่ ง หนทู ำไดจ้ ริงๆ” นับตัง้ แต่ตอ่ มคำออกไปทำงานแทนแม่ ขา้ วกล้าในนา รวมทั้งพชื ผล ในไร่ในสวน ล้วนเติบโตงอกงาม ออกรวงออกผลเต็มที่ ท่ีสำคัญแมลง ศัตรูพชื ต่างๆ ไมม่ ากดั กนิ เปน็ ท่นี า่ อศั จรรยใ์ จยง่ิ “โอ้โฮ้!!!...นี่เจ้าทำได้อย่างไรลูก ต้ังแต่แม่ทำมา ยังไม่เคยได้ผลด ี เทา่ น้ีเลย...” จนั ทรอ์ ุทาน ร้องถามทนั ทเี ม่ือมาเหน็ ไรน่ าท่งุ สวนของนาง ตอ่ มคำเอาแตอ่ มยิ้มไม่พูด พอใจท่ีแมช่ ่ืนชม “เก่งจรงิ เกง่ แท้ๆ เชยี วลกู แม”่ “แมเ่ ชอื่ เจ้าแล้ว วา่ เจ้าทำได้จริงๆ” “เห็นแล้วให้นึกถึงก่อนที่เจ้าจะเกิด ตอนน้ันปลูกอะไรก็ข้ึนดี ขาย ยงั มเี งนิ เหลือเก็บ ทำบุญทำทานได้ด้วย” จนั ทรเ์ ลา่ ถงึ ความหลงั เมอื่ ครงั้ ทผ่ี วั นางยงั มชี วี ติ และชว่ ยกนั ทำมาหากนิ เย็นวันหนึ่ง...ขณะท่ีสองแม่ลูกกำลังกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่อมคำพดู ขึ้นมาว่า “เพ่ือนบอกฉันว่า วันพรุ่งน้ีมีจะมีพ่อค้าเร่มาซื้อขายพืชผัก ข้าวของ ตา่ งๆ ท่เี มืองเรา” “อ๋อ พวกพอ่ ค้าเรือสำเภานนั่ หรือ” จนั ทร์พดู เสริม “ใชๆ่ ๆ จะ้ แม่ เขาจะมาเทยี บท่า” “เจ้าอยากไดอ้ ะไรหรอื ” จนั ทร์เข้าใจวา่ ตอ่ มคำอยากซ้อื ของจากพ่อค้า
20 อ้อมลอ้ มตอ่ มคำ “ฉันไม่อยากไดอ้ ะไรหรอกจ้ะ” “หรือว่าเจ้าอยากจะขายข้าว ขายผักของเราให้เจ้าพวกพ่อค้าน่ัน” จนั ทร์สงสยั “ไมใ่ ชอ่ ีกแหละจะ้ คอื ...ฉันอยากติดตามพอ่ ค้าเรอื เร่ไปคา้ ขายด้วย” ต่อมคำใหค้ ำตอบท่อี ยูใ่ นใจ “แล้วเจ้าจะไปทำไม ไร่นาเรือกสวนของเรา ล้วนอุดมสมบูรณ์” จันทรซ์ ักตอ่ “ฉันจะลองไปคา้ ขาย หาลู่ทางเพ่อื ขายของดูบ้าง” ให้คำตอบกบั แม่แล้ว กพ็ ดู ขึ้นอีกว่า “แม่ไม่ต้องห่วงเร่ืองไร่นา เพราะฉันจะเพาะกล้าต้นเล็กๆ ไว้ให้แม่ เพยี งแมแ่ ยกปลกู ลงนาลงสวน ตน้ มนั กจ็ ะโตใหญ่ งอกงามขน้ึ ได้เอง” “แลว้ เจา้ จะไปนานแคไ่ หน” “ฉนั ตง้ั ใจจะกลับพร้อมพวกพอ่ ค้าเร่เหลา่ นนั้ แหละจ้ะ” “กห็ ลายเดอื นอยนู่ ะ” จนั ทรค์ าดคะเน ต่อมคำกลัวแมจ่ ะเสียใจทีต่ นทำเหมอื นทอดท้งิ แม่ไป จงึ กล่าวว่า “วนั เวลาผ่านไปไวนะแม่ ฉันไปครัง้ เดยี วเทา่ นั้น” “ถ้ามีลู่ทางทำมาค้าคล่องอย่างไร ต่อไปฉันและแม่ จะได้มีกินมีใช ้ ไปตลอด แม่เองจะได้ไมต่ อ้ งทำงานหนกั ไงล่ะจ้ะ” “ถ้าเช่นน้ันก็สุดแท้แต่ใจเจ้าเถิด” จันทร์เข้าใจความคิดของต่อมคำ จึงยนิ ยอมใหไ้ ป เชา้ วนั ตอ่ มา จนั ทรก์ บั ตอ่ มคำไปพบพ่อคา้ ทีท่ ่าเรือ
ออ้ มอ้ มต่อมคำ 21 “ท่านๆๆ ถัดจากเมืองเราแล้ว ท่านจะพากันไปค้าขายที่ไหนต่อ” จนั ทรร์ อ้ งถาม ขณะทพ่ี วกพอ่ คา้ กำลงั ขายของอยู่ “เราจะไปเมืองรตั นา ทอ่ี ยู่อีกฝัง่ หนึ่ง” พอ่ คา้ คนหนง่ึ กล่าวตอบ “เจ้าถามทำไมหรือ” พอ่ คา้ ย้อนถาม “ข้าอยากจะฝากลูกของข้า รว่ มเดินทางไปกับพวกท่านด้วย” จนั ทร์ตอบ พรอ้ มกับชีม้ อื มาทต่ี อ่ มคำ พวกพ่อค้าเห็นรปู ร่างของตอ่ มคำ ก็ตกใจ จันทร์จึงเล่าให้พ่อค้าฟัง และบอกว่าการที่ต่อมคำมีแต่หัว ย่อมไม่ สร้างความลำบากใดๆ ให้เม่ือตอ้ งเดนิ ทางไกล เมื่อพอจะเข้าใจเรอ่ื งลูกของนางจนั ทร์ พ่อค้าจงึ ถามถึงเหตุผล “ลกู เจา้ ต้องการไปกบั พวกเราดว้ ยเหตอุ ันใด” “เรามีกันอยู่สองคนแม่ลูก นับวันตัวข้าก็แก่เฒ่าลง ลูกข้าเลยอยาก คา้ ขายต่างบา้ นต่างเมอื งดูบ้าง เผอื่ โชคเขา้ ข้าง เราแมล่ ูกจะได้สุขสบายขน้ึ ” หมู่พ่อค้าหันหน้ามาปรึกษากันในกลุ่ม เมอ่ื ได้คำตอบแล้วหวั หน้าพ่อค้าจงึ กลา่ วว่า “พวกเรารู้สึกดี ทล่ี ูกเจ้าเปน็ คนกตัญญู คิดอ่านทำมาหากินเพื่อช่วย แม่ ถงึ แม้จะมีรปู รา่ งไมเ่ หมือนคนทั่วไปกต็ าม” “ดังนัน้ พวกเรายินดที จ่ี ะใหต้ อ่ มคำเดนิ ทางไปกบั พวกเราด้วย” “โอ ขอบคณุ ทพี่ วกท่านเมตตาลูกของขา้ ” จันทรก์ ล่าวอย่างซาบซง้ึ “ขอบคณุ พวกท่านยิง่ นัก” ตอ่ มคำบอกขอบคุณ “เจ้าไมต่ ้องห่วงต่อมคำนะ เราไปเทยี่ วนจ้ี ะรบี กลบั มายังเมืองของเจา้ ให้เร็วกวา่ ทุกครัง้ ” หวั หนา้ พ่อค้าบอกใหจ้ นั ทร์สบายใจ
22 ออ้ มลอ้ มตอ่ มคำ “ข้าขอฝากลูกข้าดว้ ยนะ” “วางใจเถิด ในอีกสองวันข้างหน้า เราจะออกเดินทางกัน เจ้าไป เตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมเถดิ ตอ่ มคำ” พอ่ ค้าบอกสองคนแม่ลูก เมื่อถึงกำหนดเดินทางออกจากท่าเรือ จันทร์มาส่งต่อมคำพร้อม ฝากฝังต่อมคำกับกลุ่มพ่อค้าอีกครั้ง นี่เป็นคร้ังแรกในชีวิตท่ีอ้อมล้อมต่อม ต้องออกไปเผชญิ ชะตา ยงั ไม่รวู้ า่ วันขา้ งหนา้ ชีวติ จะเปน็ เชน่ ไร
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ 23 สอง เกาะมหัศจรรย์
24 อ้อมลอ้ มตอ่ มคำ
ออ้ ม้อมตอ่ มคำ 25 เกาะมหัศจรรย์ เรือสำเภาลอยลำออกจากท่ามาไกลโข บัดนี้ต่อมคำหนุ่มน้อยต้อง เดินทางร่วมกับพ่อค้าท้ังเจ็ด ซึ่งทุกคนล้วนมีมิตรไมตรีท่ีดี ให้ความอาร ี แก่ตอ่ มคำดจุ ดังลูกหลาน จนล่วงเข้าวันท่ีห้า เกิดพายุฝนมาห่าใหญ่ เรือสำเภามิอาจต้านแรง พายุได ้ หัวหนา้ พ่อค้าจึงส่ังใหน้ ำเรอื เทยี บฝง่ั ยงั เกาะที่อยู่ข้างหน้า “เราคงตอ้ งหยุดพกั และคา้ งแรมที่เกาะน้ี จะดีกวา่ ตา้ นพายอุ อกไป” “ขา้ กค็ ดิ เชน่ เดียวกับทา่ น” เพอ่ื นพ่อคา้ ดว้ ยกันกลา่ วเสริม ท้ังหมดจงึ ลงจากเรอื มาหาทพี่ กั ผอ่ นนอนหลบั กันบนเกาะ เมื่อหาทเ่ี หมาะๆ ได้แล้ว บา้ งกเ็ อกเขนกนอนเลน่ สดู ลมทะเล บา้ งก็ ลอยตวั วา่ ยน้ำเลน่ ไปมาอยา่ งสำราญใจ ส่วนตอ่ มคำ แยกตัวออกมาจากหมู่พ่อคา้ สอดสา่ ยสายตาไปรอบๆ เกาะแลว้ กลิ้งไปตรงนน้ั ทีตรงนที้ ี วนไปวนมาจนรอบทศิ
26 ออ้ มลอ้ มตอ่ มคำ พลันความคดิ บางอย่างกว็ าบเข้ามาในหวั พดู เบาๆ กับตัวเองว่า “ท่นี ี่เหมาะนัก เราจะอยทู่ ีเ่ กาะแห่งนี้” คิดไดด้ ังนั้น ในเชา้ วนั ต่อมา ขณะท่ีทุกคนเตรยี มตัวจะออกเดินทางไปยงั เมืองรตั นา ตอ่ มคำได้พดู กบั หม่พู อ่ คา้ วา่ “ท่เี กาะแหง่ นี้ อากาศกด็ ี ทงั้ ยงั มดี นิ มีน้ำ อุดมสมบูรณ์ เราคิดว่าที่ เปน็ ท่ีท่ีเหมาะกับเรา” “เจา้ หมายความว่าอยา่ งไร” พ่อค้าคนหนง่ึ ถาม “เราจะไมเ่ ดนิ ทางตอ่ แล้ว เราปรารถนาจะทำไร่ทำสวนอย่ทู ีน่ ”่ี “หา...” พ่อค้าทง้ั หมดอุทานข้ึนพร้อมกัน แลว้ ถามตอ่ “เจา้ จะอย่บู นเกาะน้เี พยี งลำพงั อยา่ งน้ันร”ึ “ใช่ เราจะอาศัยอยูท่ ี่น่ี เราอยไู่ ด”้ “เจา้ แนใ่ จนะ เกาะนไี้ มม่ ใี ครอยสู่ กั คน ซำ้ ยงั หา่ งจากแผน่ ดนิ มากดว้ ย” หวั หนา้ พ่อค้ายังเป็นหว่ งตอ่ มคำ ต่อมคำขอบคณุ ในความหว่ งใยของหมพู่ อ่ ค้า แตย่ ังยืนยันท่จี ะอยู่บน พวกพอ่ คา้ จึงจำใจเดินทางต่อไปยงั เมอื งอ่ืน ทนั ทที ี่พ่อคา้ เหล่านนั้ แลน่ เรอื ออกไป ต่อมคำกย็ ืดตัว กลายรา่ งเป็น เหมือนคนปกติ แล้วออกเดินสำรวจไปรอบๆ เกาะอกี คร้งั จากนัน้ จงึ ลงมือหกั ร้างถางพง เตรยี มดินเพือ่ การเพาะปลกู “บนเกาะแห่งนี้ไม่เหมาะแก่การทำนา เราจะปลูกผัก ทำไร่ไปก่อน” ต่อมคำคดิ อยูใ่ นใจ
อ้อมอ้ มต่อมคำ 27 แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงควักเอาห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาคลี่ มันคือเมล็ดพันธุ์พืชช้ันดีชนิดต่างๆ ท่ีต่อมคำตั้งใจจะนำไปขายยังต่างเมือง หรือถา้ เจอที่ดินเหมาะๆ จะเพาะปลูกเพอ่ื ขายผลผลติ ต่อไป นับแต่วันแรกที่ต่อมคำลงมือทำการเพาะปลูก บัดนี้เป็นเวลาสอง เดือนกว่าแล้ว พืชผักในไร่ต่างงอกงามสะพรั่ง แพร่พันธ์ุขยายไปทั่วเกาะ ด้วยบุญบารมีแต่ครั้งอดีตชาติและความกตัญญูต่อมารดาในชาติน้ีของ ต่อมคำ จงึ ทำให้ทำส่งิ ใดก็ไดร้ ับผลสำเร็จดว้ ยดี เช้าวันหน่ึง ต่อมคำออกมาเพาะปลูก ดูแลพืชผักตามปกติ พลันหู ได้ยินเสียงครืนๆ จึงหันไปตามท่ีมาของเสียง แลเห็นฟองน้ำเซ็นกระสาย แตกฟูเ่ ป็นหยอ่ มๆ อยู่กลางทะเลมาแต่ไกลๆ “เอ๊ะ นั่นอะไรกัน” ต่อมคำประหลาดใจนัก เพราะอยู่มาร่วมสาม ยังไมเ่ คยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มากอ่ น คิดแล้วตัดสินใจกลับไปเป็นรูปกายเหมือนแตงโมดังเดิม โดยหยุดนิ่ง อยใู่ กล้ๆ กับเถาแตงโมท่เี ล้ือยระดิน “ฮิๆ ฮิๆ ฮะๆ” “ฮา่ ๆ ฮา่ ๆ ฮะๆ” เสยี งหวั เราะเรงิ รา่ ได้ยนิ ชัดขึ้น เม่อื กลุม่ ฟองนำ้ มว้ นเกลียวเคลอ่ื นเข้า สูช่ ายฝั่งมาใกล้ๆ “อยุ๊ ...” เสียงอทุ านแบบสาวนอ้ ยดงั ขนึ้ ต่อมคำขมวดควิ้ คดิ ในใจ “เสยี งผ้หู ญงิ นี่ มาจากไหนกนั ” แล้วแอบมองตอ่ ไป “ไม่ได้มาตง้ั นาน ทำไมมีต้นผกั ต้นพชื เหล่านข้ี น้ึ มาละ่ พี่” คะเนว่าคงเป็นเสยี งนอ้ งสาวถามพสี่ าว
28 ออ้ มลอ้ มต่อมคำ “จริงด้วย พี่เองก็สงสัย ว่าทำไมบนเกาะมีแต่พืชผักพืชไร่ข้ึนเต็ม ไปหมด” พสี่ าวตอบ “แปลกใจจรงิ ” “ตอนท่นี อ้ งเดนิ ขึน้ มายังถูกใบอ้อยบาดเลย เจบ้ ...เจบ็ ” สงสัยเสียง “อยุ๊ ” เม่อื ครู่ ทา่ จะเปน็ เสียงของแม่สาวคนน้ี ตอ่ มคำคดิ สาวน้อยสองคนต่างพากันประหลาดใจ เพราะเดิมทีบนเกาะแห่งน้ี มีแต่วชั พืช ไมร้ กไมร้ า้ งระเกะระกะทั้งเกาะ บัดนก้ี ลบั มพี ืชผกั ตา่ งๆ ขึ้นงอกงามน่าดู จึงพากันเทยี่ วเลน่ เดนิ ชม ไปเรื่อยๆ “แหมพี่ ดตู น้ ผกั กาดกอน้สี ิ ใบอวบขาวน่ากินจงั ” “ผกั บ้งุ กแ็ ตกยอดงามเชียว” “บวบกบั ถ่ัวฝกั ยาวกส็ มบรู ณ”์ “อยากรู้จริง พวกพืชเหล่านมี้ นั ขน้ึ ได้ยังไง” น้องสาวสงสยั พส่ี าวตอบกลบั ว่า “จะข้นึ ได้ยงั ไงก็ช่าง ถ้าไม่มีคนอยู่กแ็ สดงวา่ มันคง ขึ้นเองนั่นแหละ” ท้ังสองจึงเลิกสงสัยงงงวย แล้วพากันเดินนวยนาด เหมือนกำลังชม อทุ ยานสวนผักอยู่ แต่ดูไม่ดูเปล่า กลับมือ เด็ดท้ึงต้นเล็กต้นน้อย ดึงใบบ้าง เด็ดยอด ออ่ นหรือผลออ่ นๆ งามๆ บ้าง ปลิดเอามาหกั มาทบุ เล่น ไลต่ ไี ล่ฟาดใสก่ ัน อย่างสนุกสนาน สง่ เสียงหวั เราะเบิกบานดังไปท้ังเกาะ ตอ่ มคำได้แตแ่ อบดู ทำตาปรบิ ๆ มองแมส่ าวสองนาง และคิดว่าจะ ทำอยา่ งไรกบั นางทั้งคดู่ ี
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ 29 พลันสายตาก็แลเห็นสาวน้อยคนหนึง่ ในมอื ถอื ยอดถัว่ มองตามตวั มียอดฟกั แฟงแตงนำ้ เตา้ พนั ไขว้ไปมา กำลังวิ่งไลห่ ยอกล้ออกี คน แลว้ กระโจนลงทะเล ดำผดุ ดำวา่ ยไปมา “ทำไมนางถงึ วา่ ยน้ำกันได้เร็ว และเกง่ เหมือนปลา” ตอ่ มคำคดิ “เอ๊ะนั่น แสงอะไรแวบ้ แว้บ” ต่อมคำแสบตา ทำตาขยบิ ๆ แลว้ เพ่ง มองตอ่ “อา้ ว” ตอ่ มคำตกใจซำ้ “แล้วนางหายไปไหนกนั แล้ว” ตอ่ มคำสงสยั มากข้ึนๆ ใจจริงแล้ว ต่อมคำอยากกลิ้งขยับเข้าไปดูให้เห็นชัดกว่าน้ี แต่เกรง จะสังเกตเหน็ จึงต้องหยดุ อยเู่ ฉยๆ ไว้ก่อน เมอ่ื มองอย่างเต็มตาอกี ครั้งจนเห็นชัดขึน้ “ฟบ่ึ ๆๆๆ” มเี สยี งแปลกๆ ดงั มาจากทอ้ งทะเล “โอ.้ ..” ต่อมคำตาโต อทุ านอยา่ งตนื่ ตะลึง ภาพท่เี หน็ เบอ้ื งหนา้ นัน้ คอื “พญานาค” คหู่ นง่ึ ลำตวั มสี ีเหลือบรงุ้ งดงาม กำลังโต้คลื่น สะบัดหาง ทำท่าม้วนไปม้วนมา แล้วกระโจนโถมใส่ หัวนาคพันเกี่ยวนัวเนียนงุ นงั ที่คอนาคมีหงอนสีรุ้งมันวาว เมื่อเกิดแสงสะท้อน สีมันละเล่ือมระ ระยบั เกล็ดสีงามวาว วะวบั เปลง่ ประกายระยบิ ระยับ “สวย...สวยเหลอื เกนิ มนิ ่าเราถงึ แสบๆ ตา เพราะแสงจากเกลด็ บน ตัวนาคน่เี อง” ต่อมคำพดู รำพันกับตัวเอง แลว้ มองนาคเลน่ นำ้ ดว้ ยความสนใจ
30 อ้อมลอ้ มตอ่ มคำ นาคตัวหนึ่งมยี อดผักยอดพืชเกีย่ วตดิ หนวดติดหงอนอย ู่ “อะๆๆๆ เอ๊ะๆๆ...” ตอ่ มคำเรมิ่ เอะใจ เพราะเม่ือแรกเห็นแม่สาวท้ังสองมาวิ่งเล่นทำลายพืชผักในไร่ก็แปลก ประหลาดใจมากอยู่แลว้ วา่ มาจากไหน มาไดอ้ ยา่ งไร คร้ันมาเห็นนาคน้อยสองตัวน้ีก็ยิ่งสงสัยหนักข้ึนอีกว่า ทำไมนาคมา ลอยคออยแู่ ถวนี้ และมาอะไรกัน แต่...ตอนนี้...บัดน้ี ต่อมคำพอจะเขา้ ใจ “อะไรๆ” ข้ึนมาบ้างแล้ว “ทแ่ี ท้สาวสองคนน้นั คือนาคสาวแปลงกายมานี่เอง” คิดแลว้ นึกยอ้ นมาทีต่ วั เอง เพราะตนก็ซ่อนรูปอยู่เชน่ กัน นาคสาวคนู่ ั้นเลน่ นำ้ กันอยูพ่ กั หนงึ่ กเ็ ลอื้ ยตวั มานอนผ่งึ แดดบนเกาะ โดยนอนแหมะทับบนแปลงผัก เพราะเกล็ดจะได้ไม่ติดทราย เลอะเนื้อ เลอะตัว ส่วนอีกตัวนอนเอาหางไขว้ตัวแรกเล่น จนท้ังสองหางสะบัดไป กระแทกพืชผักพืชไร่ที่อยู่ใกล้ๆ และยังเกลือกกล้ิงตัว ถูไปไถมาจนเคลื่อน เข้าใกลต้ ้นแตงทต่ี อ่ มคำหยุดอยู่ “หยุดเดยี๋ วนน้ี ะ” ต่อมคำทนดูตอ่ ไปไม่ได้แล้ว นาคตัวพ่ีมสี ตกิ ่อน ร้องถามกลบั ว่า “น่ันใคร ใครกนั แนจ่ ริงออกมาใหเ้ ราเหน็ สิ” นาคตวั นอ้ งเรม่ิ ตง้ั สตไิ ด้ ชคู อชหู งอน เอยี งซา้ ยเอยี งขวาหาทมี่ าของ “แถวนีม้ ีคนอาศัยอยู่ดว้ ยหรือเน่ยี ” นาคน้องถามนาคพ่ ี “แต่เรากว็ นดกู ันแลว้ นะ ไมเ่ ห็นมีใครสักคน” นาคตวั พ่ีตอบ “มีส”ิ “เสียงใคร” นาคประสานเสียงถามพร้อมกนั
ออ้ ม้อมต่อมคำ 31 “เราเอง...เราอยูต่ รงน้ี” นาคทงั้ คู่มองไปตามทมี่ าของเสยี งก็ยังไมเ่ หน็ ใคร จงึ ถามวา่ “อยูต่ รงไหน” “ใกล้ๆ ตน้ แตงโมนไ่ี ง กม้ ดูที่เถามนั สิ แล้วจะเห็นเรา” นาคสองตวั ก้มดูโดยพรอ้ มเพรยี งกัน “อะ...อะ..อะไร..ตัวอะไร ทำไมมีแต่หัวกลมๆ กลิ้งไปกล้ิงมาได้” นาคสาวเสยี งส่ัน ต่อมคำจึงเล่าความจริงทุกอย่างให้นาคฟัง รวมท้ังเรื่องที่มาทำไร ่ ปลกู พชื ปลูกผักบนเกาะน้ีด้วย นาคท้ังสองต่างเศร้าสลดและรู้สึกผิดท่ีมาเล่นสนุก จนพืชผักของ ตอ่ มคำเสียหาย และตายไปหลายแปลง นาคพก่ี ล่าวแทนนาคน้องว่า “เรารู้สึกผิดและเสียใจท่ีทำให้พืชผักของเจ้าตาย เพราะความคึก คะนองของพวกเรา” “เรากับน้องจึงอยากชดใช้ความผิดท่ีก่อขึ้น โดยมีของบางอย่างจะ มอบใหเ้ จ้า” “ขอบคณุ มาก แต่เราไม่ได้โกรธพวกทา่ นหรอก” ตอ่ มคำพูดจากใจ “ถ้าอย่างนัน้ ก็รออยู่ทนี่ ่ีนะ ตอนเย็นๆ เราจะกลับมากันอกี คร้ัง” นาคสาวกลา่ วจบก็กระโจนดำลงทะเลไปทีละตวั ทลี ะตวั กระทงั่ ตกเย็น ต่อมคำต้องตาเบิกโพลง เพราะภาพที่เห็นในขณะน้ีคือ ขบวน พญานาคเปน็ สิบๆ ตัว กำลงั แบกหบี แบกกำปนั่ นำมาวางบนเกาะ
32 อ้อมลอ้ มต่อมคำ พญานาคตวั หนงึ่ หนา้ ตาใจดพี ดู กับตอ่ มคำว่า “เราคือพ่อของนาคท้ังสอง ลูกเราทำผิด เราจึงขอมอบทรัพย์สิน เหลา่ น้ีชดใช้ใหเ้ จา้ ” ตอ่ มคำตกตะลงึ “โอ้ ท่านคือพญานาคแห่งเมืองบาดาล” พูดจบก็แสดงความเคารพ แลว้ กลา่ วขอบคุณ “ขอบคณุ ท่านมาก อันที่จริงทา่ นไมต่ ้องใหเ้ รามากถงึ เพียงนีก้ ไ็ ด”้ “ไม่เป็นไร เจ้าจงรับไว้เถิด เพราะความดีของเจ้านั่นแหละ เราจึง เตม็ ใจให้เจ้า” จากน้นั ขบวนพญานาคก็พากนั กลบั ไป เวลาผ่านไปไม่นาน หมู่พ่อค้าเรือสำเภาได้เดินทางกลับจากเมือง รตั นา กำลังจะไปเมอื งพาราณสี จึงมาแวะเยี่ยมตอ่ มคำทีเ่ กาะ เมื่อต่อมคำพบกับพ่อค้าจึงเล่าเรื่องท้ังหมดให้ฟัง และแบ่งทรัพย์สิน จำนวนหนึ่งให้แก่พ่อค้า พ่อค้าซาบซึ้งในน้ำใจของต่อมคำเป็นอย่างมาก ท่ีไม่ลมื พวกตน “ตอนน้ีเรามีทรัพย์สมบัติมากมายพอจะอยู่ได้อย่างสบายๆ เราคิด จะกลับไปหาแม่เรา” ตอ่ มคำบอก “โอ...เจ้าคิดถูกแล้ว แม่ของเจ้าคงคิดถึงเจ้าเช่นกัน ดีแล้ว ดีแล้ว” พ่อค้าเหน็ ดว้ ย และท้งั หมดกล็ ่องเรอื สำเภามงุ่ หน้าสู่เมืองพาราณส ี
ออ้ มอ้ มตอ่ มคำ 33 สาม กลบั บา้ นเรา
34 อ้อมลอ้ มตอ่ มคำ
ออ้ ม้อมตอ่ มคำ 35 กลบั บ้านเรา เรือสำเภายิ่งแล่นเข้าใกล้ท่าน้ำแห่งเมืองพาราณสีมากเท่าใด ตอ่ มคำ กย็ ิ่งต่ืนเต้นที่จะได้เห็นหนา้ แมม่ ากขน้ึ เท่านน้ั “อีกไกลไหมทา่ นจึงจะถึงบ้านเรา” ต่อมคำถามพอ่ คา้ “ไมไ่ กลดอกตอ่ มคำ อกี เพยี งสองวนั เรอื กจ็ ะเทยี บทา่ ทเ่ี มอื งเจา้ แลว้ ” “ไง...คดิ ถึงแมล่ ่ะสิ” พ่อค้าพดู เล่นดว้ ยความเอ็นดู “ไมร่ ้แู มจ่ ะเป็นอย่างไรบ้าง” “คงคิดถึงเจา้ ไมน่ ้อยเชน่ กนั ” “ถ้าเจ้ากลับไปอยู่กับแม่ ก็คงไม่ต้องออกมาเผชิญโชค ลำบาก ตรากตรำอะไรแลว้ สินะ” พ่อค้าอีกคนถาม “ใช่จ้ะ...เพราะตอนน้ีฉันมีทรัพย์สินเพียงพอให้แม่ได้อยู่อย่างสุข สบายแลว้ ” “เอ๊ะ...เอ๊ะ ในเมื่อเจ้ามีฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว ใจคอไม่คิดจะ หาใครมาเปน็ คชู่ วี ติ ดว้ ยหรอื ” พอ่ ค้าพดู กระเซ้าเยา้ เลน่ ๆ
36 ออ้ มลอ้ มต่อมคำ ต่อมคำฟังแล้วก็อายม้วนต้วน แต่ไม่รู้จะม้วนท่าไหน เพราะตัว ก็กลมๆ อยู่แล้ว เลยได้แต่ยิ้มและน่ิงเฉยไม่ตอบ แต่ใจนึกไปถึงเจ้าของ พวงแกม้ อ่มิ ๆ มีลักยิ้มบ๋มุ ๆ ผมยาวคนหน่งึ แต่เธอสูงศักดเ์ิ หลือเกิน!... ข้างนางจันทร์เอง ก็ตื่นเต้นดีใจไม่น้อย เม่ือรู้ข่าวจากพวกท่ีไปหา เม่ือสองสามวันก่อน ว่าเรือสำเภาท่ีมีต่อมคำร่วมเดินทางไปด้วย กำลังจะ แล่นเข้ามาเทียบทา่ ในไมช่ า้ “จรงิ ๆ หรือ พวกเจ้ารมู้ าไมผ่ ดิ นะ” จนั ทร์ถามยำ้ พวกชาวประมง “ไมใ่ ชแ่ คร่ ู้ แตพ่ วกขา้ เน่ยี เหน็ กบั ตาเล้ย” “ใช่ๆ ๆ พวกข้าจำได้ เรือสำเภาใหญ่ๆ แบบนี้มีอยู่ไม่กี่ลำหรอก” ชาวประมงอีกคนพดู สนบั สนุน นางจึงไปดกั รอพบลูกทท่ี ่าเรือทกุ วนั วนั นี้ก็เชน่ กนั เมอื่ เรอื เทยี บทา่ ปบุ๊ จนั ทรไ์ มร่ อชา้ เดนิ จำ้ ไปทเี่ รอื ทนั ที แลว้ รอ้ งเรยี ก “ต่อมคำ ต่อมคำ” หัวหนา้ พ่อค้าจำจนั ทรไ์ ด้ จงึ บอกว่า “ใจเยน็ ๆ ลกู เจา้ อย่ใู นเรือนี่ ไมก่ ลิง้ ตกน้ำหายไปไหนหรอก” “แหมทา่ นก็...แลว้ ไหนล่ะลูกข้า” “อยนู่ ่ันไง” จันทร์มองตาม ทันทีที่จันทร์เห็นหน้าต่อมคำ นางโผเข้ากอดลูก ดว้ ยความรักและคดิ ถงึ จริงๆ “เจา้ จากแม่ไปนานหลายเดอื น เป็นอย่างไรบา้ ง” “ฉนั สบายดี แลว้ แมล่ ่ะจะ๊ ” “แม่สบายดี ไมเ่ จ็บไม่ไข”้
อ้อมอ้ มตอ่ มคำ 37 พูดตอบแล้ว จันทร์เหลือบตาเห็นคนงานและลูกเรือกำลังช่วยกัน แบกหีบใบใหญ่ลงจากลำเรอื “อุ๊ย..น่ันพวกเขาแบกอะไร และจะเอาไปไหนกัน” “เป็นทรัพย์สมบัติของฉันเองจ้ะ เขากำลังขนเอาไปไว้ท่ีบ้านเรา” ตอ่ มคำบอกแมใ่ ห้เขา้ ใจ แลว้ เล่าตอ่ ไปวา่ “ตอนอย่ทู ่เี กาะ ฉนั เจอเร่อื งประหลาด แลว้ กลายเป็นเร่อื งโชคด”ี “เรือ่ งมนั เปน็ ยงั ไง แล้วเจา้ โชคดีเรือ่ งใด” จนั ทรส์ งสัย ต่อมคำจึงเลา่ เรือ่ งทงั้ หมดใหแ้ ม่ฟัง “มิน่าล่ะ เจ้าถึงกลับมาได้ไว แม่กลัวเจ้าจะเพลินกับการแสวงโชค จนลมื แม่ไปเสียแลว้ ” “ฉันไมล่ มื หรอก ฉนั คิดถึงแม่ทุกคนื ทุกวัน” “ถา้ อยา่ งนนั้ เราสองคนแมล่ กู คงไมต่ อ้ งจากกนั ไปนานๆ อกี แลว้ นะ” “ใช่จ้ะ” รับปากแล้ว ตอ่ มคำก็เงยี บไปอึดใจหนงึ่ เหมือนนกึ อะไรบางอย่างได้ จึงพดู ว่า “แม่ ฉนั มีเร่ืองขอให้แม่ช่วยฉันหนอ่ ยจ้ะ” “ว่ามาสิ“ “เมื่อตอนทีฉ่ นั เดินทางไปกับหมู่พ่อค้า” “อมื ” “ฉันได้ยินพวกลูกเรือขับซอถึงความดี และความงามของพระธิดา องค์เล็ก” “อ๋อ พระธิดาคันธาน่ะหรือ แล้วอย่างไร” แม่จันทร์ซักต่อ เพราะ อยากรู้
38 อ้อมล้อมตอ่ มคำ “ฉันอยากให้แม่ไปสู่ขอพระธิดาใหแ้ กฉ่ ันจะ้ ” ต่อมคำพดู หน้าตาซื่อ “ฮ้า สู่ขอพระธิดา” จนั ทร์ตกใจทำหนา้ ไม่ถูก “ถูกตอ้ งแล้วจะ้ ฉนั ตอ้ งการแตง่ งานกบั พระธดิ าคนั ธา” ต่อมคำย้ำ “ทง้ั ทเ่ี จ้ายังไมเ่ คยเห็นหนา้ พระธดิ ามาก่อนนะ” “เคยเหน็ แล้วจ้ะ ฉันเหน็ จากรูปวาดทพ่ี วกชา่ งซอเขามกี นั แลว้ เขามา ซอพรรณนาใหฟ้ ังน่แี หละ” “ออ๋ ...เจา้ ถึงไดป้ ระทับใจพระธดิ า” “แล้วเจ้าไม่กลัวถูกลงพระอาญาจากองค์เหนือหัว พ่อของพระธิดา หรอื ” จนั ทรเ์ ป็นห่วง “ไมห่ รอกจะ้ ฉนั บริสุทธ์ิใจ”
อ้อม้อมต่อมคำ 39 ด้วยบพุ เพสันนวิ าสทจ่ี ะไดค้ รองคูก่ ัน จึงทำให้ตอ่ มคำม่ันใจ และกลา้ ที่จะให้แม่ไปสู่ขอพระธิดาคันธา ฉะน้ัน ถึงแม้ว่าจันทร์จะไม่ค่อยเห็นด้วย ต่อมคำนกั แต่ดว้ ยความรกั ลกู จันทร์จึงทำตามท่ีต่อมคำขอรอ้ ง จันทร์ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงเขตพระราชฐาน จึงพูดทักทาย ทหารทีเ่ ฝา้ ประตวู ัง “สวัสดจี ้า...พ่อทหารจ๋า” “สวัสดจี ะ้ ปา้ มีเรอื่ งอนั ใดหรือ” “ฉนั จะขอเขา้ เฝา้ พระราชาหนอ่ ยจ้ะ” “ถ้าจะมาร้องทกุ ข์ ตอ้ งกลับไปก่อน” “เพราะวันนี้เป็นวันที่พระองค์ออกเสด็จว่าราชการเรื่องการบ้าน การเมอื ง ไมใ่ ชว่ นั ใหร้ าษฎรมารอ้ งทุกข”์ ทหารยามบอกใหเ้ ข้าใจ “เปลา่ จ้ะ ไมม่ ีเรื่องรอ้ งทุกข์หรอก ฉนั สบายด”ี “อา้ ว แลว้ มาทำไมกัน” ทหารงง จันทรบ์ อกสั้นๆ เพียงวา่ “ฉนั มีเร่ืองสำคญั จะกราบทูลใหพ้ ระราชาทรงทราบจะ้ ” ทหารผู้เฝ้าวังเห็นว่าจันทร์เป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา ไม่น่ามีพิษ มีภัยอะไร จึงยอมใหเ้ ขา้ ไป โดยใหท้ หารอกี สองคนพาไปเขา้ เฝา้ พระราชา “ไปถึงแล้ว ป้าต้องถวายบังคมพระองค์ท่านก่อนนะ แล้วกราบทูล ไปเลย ไมต่ อ้ งกงั วล พระองค์มีพระทยั เมตตา” ทหารวงั แนะนำ ขณะน้ันพญาพรหมทัต ผู้เป็นพระราชาแห่งเมืองพาราณสีกำลังว่า ราชการอยใู่ นทอ้ งพระโรงอนั โอโ่ ถง
40 อ้อมลอ้ มต่อมคำ ทหารทีน่ ำจนั ทร์มาเขา้ เฝ้าได้กราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ “พระอาญามิพ้นเกล้า หญิงผู้น้ีชื่อนางจันทร์ มีเรื่องสำคัญจะ กราบทลู พ่ะยะ่ คะ่ ” พระราชาจงึ ตรัสถาม “เจ้ามีเร่อื งอะไรจะบอกกับเราหรอื นางจันทร์” จนั ทร์ใจคอไมส่ ูด้ ี กล้าๆ กลัวๆ “เอา้ มีอะไรก็ว่ามาเลยสิ ทำไมน่ิงเงยี บ” พระราชาทรงถามซำ้ จนั ทร์ค่อยๆ ต้ังสติ แล้วกราบทลู ไปว่า “หม่อมฉันมีลกู ชายอยู่คนเดยี วชอ่ื ‘ออ้ มล้อมตอ่ มคำ’ เพคะ” “อ๊ะ ชื่อแปลกดีลูกเจ้าคงตัวกลมๆ ละสิ” พระราชาเห็นเป็นเร่ือง ขันๆ เมื่อนกึ ถงึ รปู รา่ งลกู นางจนั ทร ์ “ลูกชายเจ้าเป็นอะไร ต้องการจะให้เราช่วยอะไร” ทรงเมตตา ซกั ถามตอ่ “คือ...เออ้ ..คือ...” จนั ทรอ์ ้ำๆ อง้ึ ๆ พูดไม่ออก “คอื อะไร” “คอื ลกู ของหม่อมฉนั ทำมาหากิน จนโชคดมี ีฐานะร่ำรวย แต่ยังไมไ่ ด้ แต่งงานเพคะ” “อ้อ...เจ้าก็เลยมาขอให้เราช่วยหาให้ อย่างน้ันใช่ไหม” พระราชา คาดเดา “ไมใ่ ชเ่ สียทีเดยี วหรอกเพคะ” จนั ทรป์ ฏเิ สธ แลว้ กราบทลู ตอ่ “คือว่าต่อมคำหลงรักพระธิดา จึงให้หม่อมฉันมาสู่ขอพระธิดาคันธา เพ...เพคะ” จันทรพ์ ูดเสยี งสน่ั รวั เพราะกลัวพระราชอาญา พระราชาทรงตกตะลงึ ไปครใู่ หญ่ กอ่ นตรสั ดว้ ยนำ้ เสยี งโมโหโกรธายง่ิ นกั
อ้อมอ้ มตอ่ มคำ 41 “นเ่ี จา้ ” พระองค์ทรงชนี้ วิ้ มอื ท่ีสน่ั ใส่จันทรด์ ว้ ยความโกรธ “เจ้าและลกู ช่างไม่กลัวหัวขาดเอาเสียเลย กล้าดีอย่างไรมาพูดเยี่ยงน้ี กบั เรา” “หม่อมฉันไตร่ตรองดีแล้วเพคะ” จันทร์รวบรวมความกล้า นึกในใจ ว่ายอมตายเพือ่ ลูก “ได้...ได้...ได้...” พระราชาเข่นเข้ียว และคิดจะลงโทษสองแม่ลูกให้ สาสม จึงตรสั ตอ่ วา่ “ถ้าเจา้ ทำในสงิ่ ทีเ่ ราตอ้ งการไดท้ ันเวลาเราจะยกลกู สาวให้ หึๆ” ทรง พระสรวลอยา่ งมเี ลศนัย “ขอพระองคท์ รงบอกมาเถดิ เพคะ ว่าพระองค์ประสงคส์ ่ิงใด” “เราอยากให้ลูกของเจ้า สร้างสะพานเงินและสะพานทอง คู่ขนาน จากบันไดบ้านเจ้า ทอดยาวมาถึงบันไดวังของเรา ก่อนพระอาทิตย์ข้ึนใน วันพรุ่งน้”ี ตรสั แล้วทรงสรวลเสยี งดงั และถามต่อ “เจ้าทำได้ไหมเล่า ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าและลูกต้องถูกประหารชีวิต ทนั ที” “พะ..พะ..เพคะ” จันทร์รับคำด้วยความกลัวตัวส่ันเทา แล้วรีบกลับ มายังบา้ นตน เมื่อมาถึงบา้ น จันทรจ์ ึงเลา่ เรอื่ งทัง้ หมดใหต้ อ่ มคำฟัง ต่อมคำฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำได้สำเร็จทัน เวลาหรอื ไม่ คิดแลว้ จึงกลง้ิ ลงเรือน ปลีกตัวไปอยเู่ งียบๆ ในวันน้ัน พอตะวันลับขอบฟ้า ต่อมคำจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อ เทพยดาทัง้ หลายทงั้ ปวงว่า “ถ้าแม้นลูกได้สร้างบุญบารมีร่วมกับพระธิดาคันธาในชาติปางก่อน
42 อ้อมลอ้ มต่อมคำ ขอให้ลูกสร้างสะพานเงิน สะพานทองได้เสร็จทันเวลา ก่อนเช้าวันพรุ่งน ้ี ดว้ ยเถิด สาธุ ๆ ๆ” ส้ินคำอธิษฐาน ฟ้าเบ้ืองบนคำรามกึกก้อง เหมือนรับรู้ในคำร้องขอ ของตอ่ มคำ
อ้อม้อมตอ่ มคำ 43 สี ่ สะพานเงนิ สะพานทอง
44 อ้อมลอ้ มตอ่ มคำ
ออ้ มอ้ มต่อมคำ 45 สะพานเงนิ สะพานทอง ขณะน้ันพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในเมืองสวรรค์ เมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง เสียงสน่ัน พร้อมกับแท่นบัณฑุกัมพล แข็งกระด้างข้ึนในฉับพลัน ถงึ กับสะดงุ้ !!... “เกดิ อะไรขนึ้ เนย่ี หรอื วา่ ผู้มีบุญเดือดร้อน” คิดแลว้ ท่านจงึ สอ่ งแว่นทพิ ย์เล็งมายงั โลกมนษุ ย์ “เอ๊าะอ๋อ เจ้าอ้อมล้อมต่อมคำน่ีเอง ท่ีเป็นผู้อธิษฐานและกำลัง เดอื ดร้อน” พระอินทรท์ รงหยง่ั รู้ได้ถึงอดีตชาติของตอ่ มคำ เมอื่ เห็นว่าตอ่ มคำนน้ั คือพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิด พระองค์จึงทรงคิดช่วยเหลือ โดยบอกแก่ นางฟ้าว่า “นางเทพอปั สร เจา้ จงไปเชิญองค์ทา้ ววิษณุกรรม มาพบเราที เรามี การสำคญั จะให้ชว่ ย” “เจ้าค่ะ” นางฟ้าเทพอัปสรรับคำ แล้วรีบนำความไปแจ้งแก่ท้าววิษณุกรรม เทพผู้ปรชี าในเชิงชา่ ง
46 ออ้ มล้อมตอ่ มคำ ท้าววิษณุกรรม ขณะนนั้ กำลังพักผ่อนอยู่ เมอ่ื ทราบเรอื่ งจากนางฟา้ เทพอปั สร กร็ บี มาเข้าเฝ้าพระอินทร์ในทนั ที “ท่านองคอ์ มั รนิ ทร์ มเี รอ่ื งใดจะวานเรา จงบอกมาเถิด” พระอินทรจ์ ึงทรงมบี ัญชาวา่ “ขอเชิญท่านท้าววิษณุช่วยควบคุมหมู่เทวดา ให้พากันลงไปสร้าง สะพานเงนิ สะพานทองให้แกพ่ ระโพธิสัตว์ต่อมคำหนอ่ ยเถอะ” “เรื่องเท่าน้ีไม่ยากเลย แล้วท่านจะให้เสร็จส้ินในเพลาไหน” ท้าว วษิ ณุกรรมถาม พระอนิ ทรต์ อบวา่ “ถ้าไม่ยากเกนิ ไปก็ขอให้เสรจ็ ทันเวลากอ่ นฟา้ สาง พอจะได้ไหม” “โอ้...ยอ่ มได้ เสรจ็ ทนั แน่นอน ท่านองคอ์ นิ ทร์ไม่ตอ้ งหว่ ง” ทา่ นทา้ ววษิ ณกุ รรมนอ้ มรบั แลว้ กร็ บี ทลู ลาเพอื่ ไปปฏบิ ตั ภิ ารกจิ นนั้ โดยไว ในคืนเดียวกันน้ีเอง หมู่เทวดาท้ังหลายท้ังปวง เม่ือได้รับคำสั่งจาก พระอนิ ทร์ และทา่ นทา้ ววิษณุกรรม ต่างเหาะลงมาจากทพิ ย์วมิ าน “ไหน ไหน...ไปทางทิศไหน เมืองไหนกัน” เทวดาหน้าใหม่ ถาม เทวดาผ้ใู หญ่ “นั่นไง เมืองพาราณสีทอี่ ยู่ทางทิศเหนอื เหน็ หรอื ยงั ” “ออ๋ เมอื งทพี่ ระธาตุเจดยี แ์ หลมๆ สงู ๆ สีทอง นน่ั ใชไ่ หม” “ถกู ต้องแล้ว เจา้ รีบเหาะลงไปเถิด เด๋ยี วไมท่ นั เวลา” ฝ่ายตอ่ มคำ ตอนนก้ี ำลงั เรง่ คนงานให้ขนเอาแทง่ ทองคำและกอ้ นเงิน ออกมาจากกำปัน่ เพื่อจะนำมาสรา้ งเปน็ สะพาน แต่นา่ พศิ วงย่งิ นัก เพราะ เม่ือขนทองคำและกอ้ นเงนิ ออกจากหีบหรอื กำปัน่ ไปเทา่ ไหร่ กจ็ ะกลบั มที อง และเงนิ กอ้ นใหม่เข้ามาแทนที่เทา่ นน้ั ขณะนี้เพื่อนบ้านและคนงานมากมายกำลังช่วยกันทำเสาสะพานอยู่ โดยทุกคนตา่ งมีความหวังวา่ นา่ จะเสรจ็ ทันเวลา
ออ้ ม้อมต่อมคำ 47 แต่เมื่อเหล่าเทวดามาเห็นเข้า รู้ได้โดยพลันว่าไม่ทันเวลาแน่ๆ จึง แปลงกายเป็นหนุ่มน้อยคนหนง่ึ เดนิ เข้าไปคุยกบั ตอ่ มคำวา่ “เจ้าชือ่ อ้อมลอ้ มต่อมคำใช่ไหม” “ใช่” ตอบแล้วมองหนา้ ผถู้ ามในเชิงสงสัย “เจา้ กำลงั สรา้ งสะพานเพอื่ ใหไ้ ดแ้ ตง่ งานกบั พระธดิ าแหง่ เมอื งพาราณสี ใชไ่ หม” “ใช”่ “แลว้ เจา้ ตอ้ งการให้เสร็จทันเวลาดว้ ยใชไ่ หม” “ใช่” ต่อมคำไดแ้ ต่ตอบรับ จงึ ถามกลับไปบ้าง “แลว้ เจา้ รู้เรอื่ งของเราไดอ้ ย่างไร” “รู้ก็แลว้ กัน” เทวดาจำแลงแกล้งทำเสยี งยียวน ทำเปน็ ไม่บอก แล้วพูดตอ่ ไปวา่ “เราวา่ นะ อย่างไรคนื นท้ี ง้ั คืน เจา้ และพรรคพวกไมม่ ที างทำทนั เวลา แน่ เชอ่ื เราสิ” ต่อมคำขมวดคิว้ มองหน้าหน่มุ น้อย เทวดาหนมุ่ จึงบอกวา่ “ถ้าเจ้าต้องการให้สะพานนี้เสร็จทันเวลา ก็จงกลับไปพักผ่อนนอน หลบั ให้สบายกายสบายใจเถดิ ” ตอ่ มคำงง เทวดาแปลงกายจงึ ขยายความตอ่ “ไม่ต้องทำหน้างุนงงสงสัยใดๆ หรอก เราและพวกพ้องของเราจะ ช่วยทำสะพานให้” เมอื่ เห็นตอ่ มคำยังยนื น่ิงอยู่ กพ็ ูดเร่งตอ่ มคำ “ไปเถอะ บอกให้กลับเขา้ บ้านไปนอนเสีย ถ้าขนื มวั โอเ้ ออ้ ยู่ เราอาจ เปล่ียนใจไดน้ ะ” ในที่สุด ตอ่ มคำก็ทำตามคำบอกของหนมุ่ นอ้ ยแปลกหนา้ คนนัน้
48 ออ้ มล้อมต่อมคำ เมอื่ ตอ่ มคำและคนอน่ื ๆ กลบั ไปหมดแลว้ เทวดาทง้ั หลายจงึ ไดป้ รกึ ษา “เราตอ้ งทำใหเ้ สรจ็ ทนั กอ่ นรงุ่ สาง มิฉะนน้ั พระโพธิสัตว์ตอ่ มคำจะถกู ประหาร” “ถ้าเชน่ นน้ั เราแยกยา้ ยกนั ไปทำเปน็ อยา่ งๆ เถิด สะพานจะได้ออก มาสวย ไม่เสียชอ่ื เทวดามาเนรมิต” “เห็นดว้ ยๆ ถูกต้องๆ” ว่าดังน้ันแล้ว มวลหมู่เทวดาต่างพากันแข่งขันเนรมิตสะพานให้ออก มาดเี ลศิ งามลำ้ เกนิ กว่าฝีมอื มนษุ ย์ทั่วไปจะรังสรรคไ์ ด้ กระท่ังเช้าวันรุ่งข้ึน พญาพรหมทัตและพระนางสิริพิมพาผู้เป็นมเหสี มีอันต้องลุกจากแท่นบรรทม ไม่สามารถหลับต่อไปได้ ด้วยเหตุท่ีลำแสง สีเงนิ สีทองสะทอ้ นเข้ามาทางหน้าตา่ ง “น่ันแสงอะไรเพคะ เสดจ็ พ”่ี พระนางสริ ิพิมพาทรงขยตี้ าถาม “อืม...แสงประหลาดน้ีมาได้อยา่ งไร” พญาพรหมทัตทรงกล่าว แล้วทอดพระเนตรหาทมี่ าของแสงน้นั เม่ือท้ังสองพระองค์สรงน้ำและแต่งองค์ทรงเคร่ืองอย่างกษัตริย์เสร็จ ก็เสด็จไปยังท้องพระโรงทันที ณ ที่แห่งนี้อำมาตย์น้อยใหญ่ต่างมารอเข้า กันอยู่แลว้ ไม่รอชา้ พญาพรหมทตั ทรงถามไถ่บรรดาเสนาอามาตย์ ในเรอ่ื งแสง สีเงินสีทองท่สี อ่ งเขา้ มาถงึ ในพระราชวัง ซง่ึ อำมาตย์ผู้หนึ่งไดก้ ราบทลู วา่ “ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรวจดูแล้ว พบว่าลำแสงนี้เกิดจากสะพานเงิน และสะพานทองทีท่ อดมายงั บันไดวังหลวงพะ่ ยะ่ ค่ะ” พญาพรหมทัตได้ฟังดังน้ัน ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบเสด็จไปให้เห็น ด้วยพระเนตรพระองค์เอง
อ้อม้อมตอ่ มคำ 49 เม่อื พระองคไ์ ดเ้ ห็น ทรงเผลออทุ านวา่ “สวยมาก แลดูวิจิตรบรรจงอะไรเชน่ นี้” “น้องไม่เคยเห็นสะพานท่ีสวยเท่านี้มาก่อนเลย” มเหสีสิริพิมพา ทรงชืน่ ชม และกล่าวต่อไปวา่ “ดเู หมอื นสะพานคู่น้ีจะทอดยาวไปไกลนะเพคะ” “เราจะบอกใหท้ หารไปตรวจดู วา่ สะพานคู่น้ที อดยาวไปถึงที่ใด” “น้องเองกอ็ ยากร้เู พคะ ว่าใครกนั ทที่ ำแบบนไ้ี ด”้ เมอ่ื พระมเหสพี ูดจบ พญาพรหมทตั ทรงระลกึ นึกไดท้ นั ท ี “คงไม่ต้องไปสบื อะไรแลว้ ล่ะ” พญาพรหมทตั ตรสั บอก “อ้าว ทำไมล่ะเพคะ เสด็จพ่ีไม่อยากรู้แล้วหรือ” มเหสีประหลาด “เรารแู้ ลว้ นกึ ออกแลว้ ” ตรสั ได้เพยี งนี้ ก็รีบผลนุ ผลันไปยงั แทน่ พลับพลาท่ีอยหู่ น้าบันไดวัง “ทหาร... ทหาร” ทรงเรยี กดว้ ยพระสุรเสยี งอันดงั ทหารรบี มาหมอบกราบเขา้ เฝ้า “เจ้าจงไปนำตัวนางจันทร์ และเจ้าอ้อมล้อมต่อมคำมาพบเราที่นี่ เดี๋ยวน!้ี ” “พ่ะยะ่ ค่ะ” เม่อื ทหารไปแลว้ พระนางสริ ิพมิ พาไดถ้ ามต่อ “พระองค์ทรงหมายความว่า เจ้าต่อมคำลูกของหญิงชาวบ้านที่มา เฝา้ เมอื่ วาน เป็นผู้ทำสะพานนี้หรอื เพคะ” พญาพรหมทตั ทรงตอบว่า “เราเองกไ็ มแ่ นใ่ จนกั แต่ถา้ ไมใ่ ชเ่ จา้ น่นั แล้วจะเป็นใครกัน ท่ที ำตาม คำของเรา”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106