ต้ังแต่นั้นมา คนทั้งหลายก็กลับเล่าลือกันว่า นางเวเทหิกา เป็นคนดรุ ้ายไม่สภุ าพเรยี บรอ้ ย ดงั นี้ ๘. เร่อื งน้ีสอนให้เรารูว้ ่า ความสุภาพเรียบรอ้ ยน้ันต้องทำ� ทงั้ กายและจิตตใ์ จ ถา้ ทำ�สุภาพแตภ่ ายนอก สว่ นภายในน้นั เสียกใ็ ช้ ไมไ่ ด้ ยง่ิ กวา่ นน้ั ถา้ จะเปรยี บกบั คนทม่ี ลี กั ษณะดงั เชน่ ทท่ี า่ นกลา่ ววา่ รูปช่ัวตัวดำ� แต่น้ำ�ใจดี หรือว่าปากร้ายใจดี แล้วก็สู้คนเช่นน้ีไม่ได้ คนท่ีมีลักษณะเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือนั้นเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจเลย และเปน็ คนทนี่ า่ กลัวทสี่ ดุ ดํำ�นอก ผ่องในนะครับ ส่วนคนที่รปู ชัว่ ตัวด�ำ แต่น�ำ้ ใจดี หรือคนปากร้ายใจดีนัน้ เป็นคนท่ไี วใ้ จได้ หรอื นา่ เคารพนับถอื กว่า คนทป่ี ากร้ายและใจไมด่ ี เพราะคนเชน่ นไ้ี มท่ ำ�ตน ให้มีเวรมีภยั กบั ใคร ๆ เลย ๙. ความสงบเสงี่ยมนี้เป็นคุณธรรมอันสำ�คัญท่ีทำ�ให้คน เป็นคนงดงามได้อย่างแทจ้ รงิ แต่ตอ้ งเกิดด้วยน�ำ้ ใสใจจริง และเป็น คุณธรรมท่ีเกิดต่อเนื่องจากความอดทน หรือความอดใจในเมื่อ 49
ประสพ๑๓กบั อารมณเ์ หลา่ นน้ั การทท่ี �ำ ไดเ้ ชน่ นย้ี อ่ มเปน็ ความงดงาม ด้วยกันทง้ั สองฝา่ ย คอื ท้ังตนเองและคนอ่นื พึงเหน็ ดังเรื่องต่อไปนี้ เรอื่ ง ทฆี าวกุ มุ าร ๑๐. มีเรื่องเล่าว่า มีเด็กคนหน่ึงช่ือทีฆาวุกุมาร เป็นโอรส ของพระเจ้าแผ่นดินแควน้ โกศล ครงั้ หน่งึ พระเจา้ พรหมทัตต์ พระเจา้ แผ่นดิน แคว้นพาราณสยี กทัพมารบ จับพระเจ้าโกศล กับพระอคั รมเหสี ซงึ่ เป็นพระชนกชนนี ของทฆี าวุกมุ ารได้ แต่ทฆี าวกุ มุ าร หลบหนีไปได้ ไม่มใี ครจำ�ได้ ๑๓ ประสบ 50
โธ่..! เสดจ็ พ่อเสด็จแม่ วันหน่ึงเขาจะ ประหารชนกชนนี ทฆี าวกุ ุมารกม็ า ชุมนมุ ดใู นหม่คู น พระชนกและชนนกี ็เห็น ทีฆาวกุ ุมารกเ็ หน็ แต่ต่างคนตา่ งไมแ่ สดง ใหใ้ ครรู้เพราะเกรง จะถูกจบั ประหารดว้ ย ก่อนท่ีจะถูกประหาร อย่าเหน็ ยาวดีกวา่ สนั้ ... พระชนกจึงรอ้ ง เสด็จพอ่ จะบอกอะไรแกเ่ รานะ ออกมาลอย ๆ ว่า อยา่ เหน็ ยาวดกี วา่ สั้น อยา่ เหน็ ส้นั ดีกวา่ ยาว เวรยอ่ มไมร่ ะงับด้วยเวร เวรยอ่ มระงบั ด้วยความไมม่ ีเวร 51
ทีฆาวุกุมารได้ยินคำ�สอนนั้นกำ�หนดใจไว้ได้แม่นยำ� คิดจะ แก้แค้นแทนชนกชนนีอยู่ตลอดเวลา จึงไปสมัครอยู่กับควาญช้าง ของพระเจา้ พาราณสี ทฆี าวุมีศิลปะทางดดี พณิ พระเจ้าพรหมทตั ตไ์ ด้ทรงสดบั โปรดใหเ้ ขา้ ไปอยูใ่ นราชสำ�นกั ทีฆาวกุ มุ ารตง้ั ใจ ปฏิบตั ริ าชการ มีความดคี วามชอบ จนได้รับความไวว้ างใจ โปรดใหเ้ ป็นตำ�แหน่งสารถี ตอ้ งออกไปจากขบวน วันหนงึ่ พระเจา้ พรหมทัตต์ ใหไ้ ดว้ นั น้ี ทรงรถพระทน่ี ั่ง มีทฆี าวเุ ปน็ สารถี เสดจ็ ประพาสปา่ ล่าเนอ้ื ทีฆาวุเหน็ เป็นช่องทจี่ ะ แก้แคน้ แทนชนกชนนไี ด้ จึงแกลง้ ขับรถพระทนี่ ง่ั หลกี จากหมู่อำ�มาตย์ ไปตามลำ�พงั 52
จนพระเจ้าพรหมทัตต์ทรงเหน่ือยอ่อน จึงโปรดให้พักร้อนใต้ร่มไม้ กลางปา่ บรรทมหลับทต่ี กั ทฆี าวกุ ุมาร ตายเสียเถอะ ทฆี าวุเหน็ ไดช้ ่อง จึงชักพระขรรคอ์ อกจากฝัก เง้อื ข้นึ จะแทงพระศอ พระเจา้ พรหมทัตต์ พอนกึ ถงึ คำ�สอนของ พระชนกชนนีได้ กร็ ะงับไวส้ อดเขา้ ฝักเสียตามเดมิ คดิ แคน้ ขน้ึ มาอกี กช็ กั ออกเงอ้ื ขน้ึ อกี พอนกึ ถงึ ค�ำ สอนของพระชนก- ชนนไี ด้ก็ระงบั ไว้อีก ท�ำ อยอู่ ยา่ งน้ตี ้งั สองครัง้ สามครง้ั จนพระเจา้ พรหมทตั ต์ ถ้าเจ้าไวช้ ีวติ เรา เราจะยก ตื่นบรรทมทอดพระเนตร พระธิดาพร้อมกบั แควน้ โกศล เห็นดงั น้ันกต็ กพระทัย จึงทรงซกั ถาม คืนใหเ้ จา้ ทรงทราบวา่ ทีฆาวุเป็นราชศตั รู คดิ แก้แค้น แทนพระชนกชนนี 53
ตรสั ขอชีวิตไว้ ตา่ งใหส้ ตั ยปฏญิ าณ๑๔ตอ่ กนั แลว้ ทฆี าวจุ งึ น�ำ เสดจ็ กลบั พระนคร พระเจ้าพรหมทัตต์ พระราชทานแควน้ โกศล คืนใหค้ รอบครอง และพระราชทาน ราชธดิ าให้ด้วย ภายหลัง เมอื่ พระเจา้ พรหมทตั ต์ เสด็จสวรรคตแลว้ ทีฆาวกุ ็ไดค้ รอบครอง แคว้นพาราณสอี ีก ทฆี าวไุ ด้พระมเหสี ทง้ั แคว้นโกศล และพาราณสี ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินของแคว้นทั้งสอง เพราะอดใจไว้ได้ ไมผ่ ลุนผลนั แสดงอาการสภุ าพเรียบร้อยเป็นปรกติ ดงั กลา่ วมานี้ ๑๔ สตั ยป์ ฏญิ าณ 54
๑๑. เด็ก ๆ จงดูทีฆาวุกุมารเป็นตัวอย่างเถิด แม้มีความ แค้นอย่างแสนสาหัสกย็ ังอดใจไวไ้ ด้ ซ�ำ้ ยังให้อภยั แก่ศตั รอู ีก เพราะ อดใจไว้ได้และให้อภัยแก่ศัตรูนั่นเอง จึงได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินถึง สองแคว้น จงดูเถิด ความอดทนและความสงบเสง่ียมดีอย่างน้ี เด็ก ๆ จงพยายามฝึกหัดตัวให้เป็นคนมีความอดทนและมีความ สงบเสง่ียม จะได้เปน็ คนงามต่อไป อยากเป็นคนงามนอกงามใน ต้องใชข้ นั ตแิ ละโสรัจจะเขา้ ชว่ ยนะ 55
ค�ำ ถาม ประ จ�ำ บท ๑. โสรจั จะ แปลว่ากะไร ? ๒. ๓. เดก็ ท่มี าโรงเรียนทกุ วนั เด็กทกี่ ลัวถูกท�ำ โทษแลว้ แต่นง่ั หลบั เช่นนี้เรยี กวา่ ทนเลา่ เรียนด้วยความฝนื ใจ มีความอดทนเลา่ เรียน เรียกวา่ มีความสงบเสง่ียม ไดห้ รือไม่ ? ได้หรือไม่ ? ๔. ๕. คนอยา่ งไรเรยี กวา่ คนอยา่ งไรเรยี กว่า “หน้าเน้อื ใจเสอื ” ? “ปากรา้ ยใจดี” ? 56
สง่ บทท้าย คนงามและคนไม่งาม มีอยู่ ๔ ประเภทนะครับ ๑. เด็ก ๆ ไดอ้ ่านเรื่องนี้มาตลอดแลว้ คงจะเห็นไดว้ า่ คนที่ จะเป็นคนงามได้น้ัน จะตอ้ งงามท้ังนอกทัง้ ใน งามทง้ั ตามธรรมชาติ และท้ังปรุงแต่งจึงจะจัดว่าเป็นคนงามอันแท้จริง และเมื่อกำ�หนด ลกั ษณะของความงามโดยวธิ นี ้ี กจ็ ะแบง่ คนทง่ี ามและไมง่ ามออกได้ เปน็ ๔ ประเภท คอื 57
๑. งามภายนอก ภายในไมง่ าม ๒. ภายนอกไม่งาม ภายในงาม ๓. ภายนอกไม่งาม ภายในไม่งาม ๔. ภายนอกงาม ภายในงาม ๒. คนบางคนมีรูปร่างงดงามถูกส่วน เจ้าของยังตกแต่ง ประดับประดาด้วยเครื่องประดับตามควรแก่เพศและวัย อาศัย การฝึกหัดกิริยามรรยาทสุภาพเรียบร้อย เป็นท่ีต้องตาต้องใจของ คนท้ังหลาย แต่จิตต์ของคนคนนั้นเสีย คิดแต่อาฆาตมาดร้ายเขา ไมเ่ หน็ อกคนอน่ื เอาแตจ่ ะไดเ้ ขา้ วา่ ใครจะทกุ ขย์ ากอยา่ งไรไมน่ �ำ พา หาทางยำ่�ยีคนท้ังหลายให้เดือดร้อน คนเช่นน้ีมีลักษณะดังท่ีท่าน กลา่ ววา่ หนา้ เนอ้ื ใจเสอื จดั เขา้ ในประเภททว่ี า่ งามภายนอก ภายใน ไม่งาม งามกาย ไม่งามใจ 58
๓. คนบางคนมีรปู รา่ งข้ีเหร่ ไมส่ มประกอบ ดอ้ ยรูปกาย แตใ่ จงาม ไม่เป็นท่ีต้องตาต้องใจ ของคนท้ังหลาย แต่จติ ต์ใจงดงาม มีศลี มธี รรม มีความเมตตากรณุ า ต่อคนทงั้ หลาย ช่วยทุกข์บำ�รุงสุขของคนทั้งหลายไม่เลือกหน้า คนเช่นนี้ มีลักษณะดังที่ท่านกล่าวว่ารูปชั่วตัวดำ�แต่นำ้�ใจดี หรือว่าปากร้าย ใจดี จัดเข้าในประเภททว่ี า่ ภายนอกไมง่ าม ภายในงาม ๔. คนบางคนมีรูปร่างไม่งาม กิริยาท่าทางก็เกะกะตึงตัง ปากก็รา้ ย ใจคอก็เห้ยี มโหด ไมเ่ ป็นทตี่ ้องตาต้องใจของคนท้งั หลาย ประพฤตติ นเป็นพาลเกเร เท่ียวเกะกะระราน ทำ�ความรำ�คาญเดือดร้อน ใหแ้ ก่คนทง้ั หลาย คนเชน่ น้ี จัดเข้าในประเภทที่วา่ ภายนอกก็ไม่งาม รูปกายกไ็ มไ่ ด้ความ ใจยังทรามอีก ภายในกไ็ ม่งาม 59
หนา้ ตาดแี ถมมีจติ ใจงาม ๕. คนบางคนมรี ปู พรรณสณั ฐานงดงามสมสว่ น ทง้ั ตกแตง่ ประดับประดาด้วยเครื่องประดับสมแก่เพศและวัย กิริยามรรยาท ก็สภุ าพราบเรยี บ พูดจากไ็ พเราะอ่อนหวานนิม่ นวล ล้วนแต่ตอ้ งตา ตอ้ งใจของคนทงั้ หลาย จติ ตใ์ จกม็ ีเมตตาปราณี๑๕มแี ตค่ อยชว่ ยทกุ ข์ บ�ำ รงุ สขุ ของคนทง้ั หลายไมเ่ ลอื กหนา้ หาอบุ ายแตจ่ ะใหเ้ ปน็ ประโยชน์ แกค่ นทง้ั หลาย คนเชน่ นจ้ี ดั เขา้ ในประเภททว่ี า่ ภายนอกงาม ภายในงาม ๖. คนซึ่งมีลักษณะดังกล่าวมาน้ี ประเภทที่ ๑ และที่ ๓ ไมน่ บั วา่ เปน็ คนดี คนงามประเภทท่ี ๒ จดั วา่ เปน็ คนงามได้ ประเภท ที่ ๔ จดั วา่ เปน็ คนงามทสี่ ุด เด็ก ๆ รูอ้ ยา่ งนแี้ ล้ว จงพยายามฝึกหัดตนดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ ดงั กล่าวมาแล้ว ๑๕ ปรานี 60
ดีครบั อดทนทำํ�กายภาพ วนั น้ีดขี ้ึนเยอะเลยครับ อกี นิดกด็ ีข้นึ คณุ หมอ เชน่ ในเวลาปว่ ยไข้ กห็ ดั อดทน ตอ่ ความปว่ ยไข้ ไม่ทำ�ตนให้เปน็ ที่หนกั ใจ ของหมอและผพู้ ยาบาล บอกอาการตามเป็นจริง เจบ็ น้อยก็ว่าเจ็บน้อย เจบ็ มากก็วา่ เจบ็ มาก เทา่ ท่ตี นเองมคี วามรสู้ ึก ทำ�ได้ดังน้ีก็เป็นเหตุให้หมอประกอบยาได้ถูกต้องตรงกับ อาการของโรค ความปว่ ยไขก้ ็หายได้เรว็ ไม่ตอ้ งทนทรมานอยูน่ าน อาการอยา่ งน้ีกน็ ับเปน็ ความงามประการหนง่ึ ๗. ในเวลาเมอ่ื ตอ้ งท�ำ การงานตามหนา้ ทต่ี งั้ ตน้ แตเ่ ลา่ เรยี น ศึกษา ก็พยายามฝึกหัดตนให้อดทนความขดั ขอ้ งตา่ ง ๆ อดทนตอ่ คำ�ส่ังสอน ทำ�ตามบทเรียนที่ครูอาจารย์ส่ังสอนอบรม ไม่เห็นแก่ ความหวิ ระหาย๑๖รอ้ นเยน็ เห็นแกก่ ารงานเป็นเบอ้ื งหน้า พยายาม อดทนไปจนกว่าการงานนั้น ๆ จะสำ�เร็จ เมื่ออดทนได้เช่นนี้ การ เล่าเรยี นก็ส�ำ เร็จได้วชิ าความรู้มาเปน็ สมบัติของตน เม่ือโตข้นึ กเ็ ป็น คนมคี วามรู้ ใชค้ วามรนู้ น้ั ประกอบการงานหาเลย้ี งตนและครอบครวั ของตนต่อไป อาการอยา่ งนีก้ ็นบั วา่ เปน็ ความงามอยา่ งหนึ่ง ๑๖ หิวกระหาย 61
๘. ในเวลาเม่อื เราอยู่รว่ มกนั ความกะทบกะท่งั ในระหว่าง กันกอ็ าจมีขึ้นได้ไม่ทางใดกท็ างหน่ึง ต้งั ต้นแตอ่ ยใู่ นบา้ น อดทนไว้ ไม่เกดิ เรอ่ื ง ร่วมพ่รี ่วมน้องกนั มาอยโู่ รงเรยี น รว่ มเล่าเรยี นรว่ มเลน่ กัน เมอื่ ประกอบการงาน ร่วมเพื่อนกนั เมอ่ื ถูกกะทบกะทง่ั เชน่ นัน้ กจ็ �ำ ตอ้ งอดทน ถึงใจจะโกรธบ้าง กค็ วรยับยงั้ อย่าทำ�ตอบ แม้เพียงเท่าน้ีก็สามารถระงับการทะเลาะวิวาทแตกร้าวไว้ เมอ่ื ท�ำ ไดด้ งั นแ้ี ลว้ พงึ พยายามท�ำ กริ ยิ า กาย วาจา ใหส้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย ทำ�ได้ดังน้ีก็เป็นการเพ่ิมความสามัคคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นี้จัดเป็น ความงดงามอย่างยอดเยย่ี ม ๙. เดก็ ๆ จงพยายามฝึกหัดตัวให้เปน็ คนงามตง้ั แต่ทเ่ี ป็น เดก็ อยเู่ ชน่ น้ี เมอ่ื เปน็ ผใู้ หญจ่ ะเปน็ คนงาม คนทง้ั หลายมคี วามงดงาม เปน็ สมบตั แิ ลว้ เกิดในสกุลใด ก็ท�ำ ใหส้ กลุ น้ันงดงาม เกิดในบา้ นใด กท็ �ำ ใหบ้ า้ นนน้ั งาม เกดิ ในเมอื งใดกท็ �ำ เมอื งนน้ั ใหง้ าม เกดิ ในชาตใิ ด 62
ก็ทำ�ชาตนิ นั้ ให้งาม เกิดในประเทศใด กท็ �ำ ประเทศนั้นให้งาม เกดิ มาในโลกใด ก็ทำ�โลกนั้นใหง้ าม ความงามต่างอย่างน้ีเกิดข้ึนได้ เพราะอาศัยคุณธรรมสอง ประการ คอื ๑. ขนั ติ ความอดทน ๒. โสรัจจะ ความสงบเสง่ียม ท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ซ่งึ ได้กล่าวมาแล้วแล เยน็ กาย เยน็ ใจ เพราะใชข้ นั ตกิ ับโสรจั จะ ในชวี ติ ประจำ�ํ วนั 63
คำ� ถาม ประ จำ� บท ๑. คนอยา่ งไรเรยี กวา่ งามนอก ในไมง่ าม ? ๒. ๓. คนอยา่ งไรเรยี กว่า คนอยา่ งไรเรยี กวา่ ไมง่ ามทง้ั นอกทั้งใน ? ไมง่ ามนอก แตง่ ามใน ? ๕. ท�ำ อยา่ งไรจงึ จะ ๔. เป็นคนงามได้ ? คนอย่างไรเรยี กว่า งามท้ังนอกท้ังใน ? 64
ภาคผนวก ธรรม๒อันอทยํำ่า�ใงหง้ าม หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก นายเกษม บุญศรี เปรยี ญ แต่งทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้พิมพ์พระราชทาน เน่อื งในงานพระราชพิธีวศิ าขบูชา พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๐
(ส�ำ เนา) ที่ ๕๓๕/๒๔๙๐ ส�ำ นกั งานราชเลขานุการในพระองค์ ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๙๐ เรือ่ ง การประกวดแตง่ หนังสอื สอนพระพทุ ธศาสนาแก่เดก็ จาก ราชเลขานกุ ารในพระองค์ ถงึ นายกราชบัณฑติ ยสถาน หนังสอื ท่ี ๑๙๙/๒๔๙๐ ลงวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๔๙๐ ว่า การประกวดแตง่ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก เพ่อื รับพระ- ราชทานรางวลั และพมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชพธิ วี ศิ าขบชู า ประจำ�พุทธศักราช ๒๔๙๐ ราชบัณฑิตยสถานได้ประกาศให้แต่ง ประกวดตามหวั ขอ้ ธรรมเรอ่ื ง “ธรรมอนั ท�ำ ใหง้ าม ๒ อยา่ ง” มผี แู้ ตง่ ส่งเข้าประกวด ๓ ราย ราชบัณฑิตยสถานได้ตั้งให้พระพิมลธรรม เปน็ กรรมการตรวจในทางหลกั ธรรม ซ่งึ เป็นการตรวจช้ันต้น พระ- พมิ ลธรรมตรวจคดั เลอื กแลว้ เสนอความเหน็ วา่ ฉะบบั ทแ่ี ตง่ ถกู ตอ้ ง ทางหลกั ธรรมอยา่ งบรบิ รู ณ์ ซง่ึ ควรไดร้ บั การพจิ ารณาตอ่ ไปมเี พยี ง ฉะบบั เดยี ว คอื ฉะบบั หมายเลขท่ี ๓ ราชบณั ฑติ ยสถานไดส้ ง่ หนงั สอื ฉะบับหมายเลขที่ ๓ ให้สำ�นักศิลปกรรมตรวจในเชิงวรรณคดี อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเสนอความเห็นว่า ในเชิงวรรณคดีใช้ได้ ควรได้รับ
พระราชทานรางวลั ความเหน็ ของส�ำ นกั ศลิ ปกรรมน้ี ราชบณั ฑติ ย- สถานเห็นพ้องด้วย จึงให้นายเจริญ อินทรเกษตร ผู้ช่วยหัวหน้า สำ�นักงานฝ่ายวิชาการเปิดชื่อผู้แต่ง ปรากฏว่านายเกษม บุญศรี เปน็ ผแู้ ตง่ และผแู้ ตง่ ไดแ้ สดงความจ�ำ นงไวด้ ว้ ยวา่ หากหนงั สอื ส�ำ นวน ของตนเขา้ เกณฑไ์ ดร้ บั พระราชทานรางวลั กข็ อพระราชทานทลู เกลา้ ฯ ถวายเปน็ ส่วนช่วยในพระราชกศุ ลโดยไมข่ อรับพระราชทานรางวัล ดงั ส�ำ เนาหนงั สือฉะบับหมายเลขที่ ๓ ทสี่ ง่ ไป นนั้ ไดน้ �ำ ความเสนอคณะผสู้ �ำ เรจ็ ราชการแทนพระองคพ์ จิ ารณา แล้ว ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงมติเห็นชอบด้วยที่ ให้ส�ำ นวนหมายเลขที่ ๓ ของนายเกษม บญุ ศรี เปน็ ฉะบบั ที่ไดร้ บั พระราชทานรางวลั และขออนโุ มทนาในการทผ่ี แู้ ตง่ ขอพระราชทาน อุทิศรางวัลที่ได้รับพระราชทานถวายเป็นส่วนช่วยในพระราชกุศล น้ันด้วย จงึ เรยี นมาเพือ่ ทราบ นิกรเทวญั เทวกลุ (หม่อมเจา้ นกิ รเทวัญ เทวกุล)
(ส�ำ เนา) ดว่ น ราชบณั ฑติ ยสภา ท่ี ๑๙๙/๒๔๙๐ ๒ พฤษภาคม ๒๔๙๐ เร่ือง การประกวดแตง่ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ ขอประทานกราบทลู พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ ชยั นาท- นเรนทร ประธานคณะผู้สำ�เร็จราชการแทนพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานกราบทูลรายงานการประกวด แตง่ หนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ เพอ่ื รบั พระราชทานรางวลั และพมิ พพ์ ระราชทานในงานพระราชพธิ วี ศิ าขบชู า ประจ�ำ พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๐ ด่ังต่อไปน้ี การประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ประจ�ำ ปนี ้ี ราชบณั ฑติ ยสถานไดป้ ระกาศใหแ้ ตง่ ประกวดตามหวั ขอ้ ธรรมเรื่อง “ธรรมอันท�ำ ใหง้ าม ๒ อยา่ ง” มผี แู้ ตง่ สง่ เข้าประกวด ๓ ราย เป็นคฤหัสถ์ชายทั้ง ๓ ราย ราชบัณฑิตยสถานได้ตั้งให้ พระพมิ ลธรรมเปน็ กรรมการตรวจในทางหลกั ธรรม ซง่ึ เปน็ การตรวจ ชั้นต้น พระพิมลธรรมตรวจคัดเลือกแล้วเสนอความเหน็ ว่า ฉะบบั
ที่แต่งถูกต้องทางหลักธรรมอย่างบริบูรณ์ซ่ึงควรได้รับการพิจารณา ต่อไปมีเพียงฉะบบั เดียว คอื ฉะบับหมายเลขที่ ๓ ราชบัณฑิตยสถานได้ส่งหนังสือฉะบับหมายเลขที่ ๓ นั้น ใหส้ �ำ นกั ศลิ ปกรรมตรวจในเชงิ วรรณคดอี กี ชน้ั หนง่ึ ส�ำ นกั ศลิ ปกรรม ตรวจแล้วเสนอความเห็นว่าในเชิงวรรณคดีใช้ได้ ควรได้รับพระ- ราชทานรางวลั ความเหน็ ของส�ำ นกั ศลิ ปกรรมน้ี ราชบณั ฑติ ยสถาน เหน็ พอ้ งดว้ ย จงึ ใหน้ ายเจรญิ อนิ ทรเกษตร ผชู้ ว่ ยหวั หนา้ ส�ำ นกั งาน ฝ่ายวิชาการ เปิดชือ่ ผูแ้ ตง่ ปรากฏวา่ นายเกษม บุญศรี เปรยี ญ เป็นผู้แต่ง และผแู้ ต่งได้แสดงความจำ�นงไวด้ ว้ ยว่า ถา้ หากหนงั สือ ส�ำ นวนของตนเขา้ เกณฑไ์ ดร้ บั พระราชทานรางวลั กข็ อพระราชทาน ทูลเกล้า ฯ ถวายเป็นส่วนช่วยในพระราชกุศลไม่รับพระราชทาน รางวัล ข้าพระพุทธเจ้าไดถ้ วายสำ�เนาหนังสอื ฉะบับหมายเลขท่ี ๓ น้ัน มาพร้อมกบั หนงั สอื นแ้ี ลว้ ควรมิควรแลว้ แตจ่ ะโปรดเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจา้ พระยาอนุมานราชธน (พระยาอนุมานราชธน) อปุ นายกราชบณั ฑิตยสถาน ลงนามแทนนายกราชบัณฑิตยสถาน
นายเกษม บุญศรี เปรยี ญ
ธรรมอันท�ำ ให้งาม ๒ อย่าง หนงั สอื สอนพระพุทธศาสนาแก่เดก็ ISBN : 978-616-7975-08-5 แต่งโดย นายเกษม บุญศรี เปรยี ญ แต่งทลู เกลา้ ถวาย ฯ ในการประกวดหนงั สือสอนพระพุทธศาสนาแกเ่ ด็กประจำ�ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๙๐ พิมพค์ ร้ังที่ ๒ (ปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๕๙ จำ�นวน ๓,๐๐๐ เลม่ จัดพิมพโ์ ดย ส�ำ นักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี สวนจิตรลดา พระราชวังดสุ ติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๓ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๘๒ ๖๕๑๑ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๓๙๒๓ ออกแบบปก/รปู เล่ม/และภาพประกอบโดย ไพยนต์ กาสี เสาวณีย์ เทยี่ งตรง และ อนนั ต์ กิตติกนกกุล พมิ พ์ท่ี หจก. แอลซีพี ฐิตพิ รการพมิ พ์ ๑๐๕/๖๖-๖๗ ถนนประชาอทุ ิศ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐
Search