การเพาะและอนบุ าลลกู กงุ ทะเล ขอมูลโดย : ศนู ยส ารสนเทศ กรมสง เสริมการเกษตร กระทรงเกษตรและสหกรณการเกษตร จดั ทําเอกสารอิเล็กทรอนกิ สโดย : สํานักสง เสริมและฝกอบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร µ คาํ นาํ µ พนั ธุกุง µ ชีววิทยาบางประการของกุง กลุ าดาํ และกุงแชบวย µ การพฒั นารงั ไขข องกุงกลุ าดาํ และกุงแชบว ย µ การพฒั นาของรังไขไ ปเปน ตวั ออน µ การเตรยี มการกอนการเพาะและอนบุ าลลกู กงุ ทะเล µ การจดั การเพอื่ เพิม่ คุณภาพของลกู กงุ µ การอนุบาลลกู กงุ กุลาดํา และกุงแชบว ย µ การจัดการระหวา งการอนบุ าล µ แนวโนมการเพาะเลี้ยงกุงทะเล
การเพาะและอนบุ าลลูกกงุ ทะเล 2 2 คาํ นํา การเพาะและอนุบาลลูกกงุ ทะเลท่มี คี วามสําคญั ทางเศรษฐกจิ ในปจจบุ นั สามารถพฒั นาวธิ ีการและ เทคนคิ ในการเพาะพนั ธไุ ปสูร ูปแบบทีเ่ หมาะสมมากขน้ึ ทาํ ใหไดล ูกกงุ ท่แี ข็งแรง และมอี ตั ราการรอดตายสงู ลูกกงุ ทะเลท่ีมกี ารเพาะและอนุบาลกนั อยางแพรห ลาย ไดแ ก กุง กลุ าดาํ และกุงแชบว ย เปน ตน พนั ธกุ ุง 1. กุง กุลาดํา (Penaeus monodon) กุงกุลาดาํ (Penaeus monodon) เปนกุงทะเลทม่ี ขี นาดใหญท ่ีสดุ มีเปลอื กหวั เกลยี้ งไมมีขน ฟน กรี ดา นบน 7-8 ซ่ี ดา นลา ง 3 ซ่ี ชองขางกรที ้งั สองดานแคบและยาวไมถ ึงฟนกรสี ุดทา ย ลาํ ตวั มสี ีนา้ํ ตาลเขม และมีแถบ สเี ขม กับสีจางพาดขวางลาํ ตวั ถน่ิ อาศัยของกงุ กลุ าดาํ ไดแก นานนํ้าแถบใตฟ ล ปิ ปน ส อนิ โดนีเซีย มาเลเซีย และที่ พบมากไดแ ก ไทย อนิ เดยี และออสเตรเลยี กงุ ชนิดนอ้ี ยูใ นเขตรอ น สามารถทนอยูไ ดต ้งั แตค วามเค็มต่าํ ใกลศ นู ย ถงึ ความเค็มสงู สดุ เกอื บ 40 สวนในพัน 1. กงุ แชบว ย (Penaeus merguiensis) กงุ แชบวย (Penaeus merguiensis) มีสนั กรสี งู ปลายกรีแคบ สวนของกรีมีลักษณะเปน สามเหล่ยี มมสี ี น้าํ เงิน ฟน กรดี านบนมี 8-10 ซี่ ฟน กรีดา นลางมี 2-3 ซี่ รองขางกรแี ละรองบนกรตี นื้ ลําตวั มสี ขี าวครีม ถ่ินอาศยั จะ พบแพรก ระจายอยใู นเขตเวสตอ ินโดแปซฟิ ค ตัง้ แตอา วเปอรเซยี ปากีสถาน อินเดยี มาเลเซยี และไทย กงุ ชนดิ น้ี อยไู ดต งั้ แตช ายฝงทะเลถงึ ทะเลลึก พื้นทะเลเปน โคลนปนทราย อาศยั อยูใ นความเคม็ ระหวาง 10-35 สว นในพนั ชีววทิ ยาบางประการของกุง กุลาดําและกุงแชบวย เพศผูมีอวัยวะท่เี รียกวา Petasma ลักษณะเปน ตง่ิ อยรู ะหวา งโคนขาวายนา้ํ คทู ่ี 1 ซงึ่ เปน อวัยวะที่ชว ยใน การถา ยถงุ นา้ํ เชือ้ ไปใสใ นอวยั วะเพศเมีย การพัฒนารงั ไขของกงุ กลุ าดําและกุงแชบวย ระยะของรังไขก ุง กลุ าดาํ และกงุ แชบวย ภายหลงั ผสมพันธุสามารถมองเหน็ ไดจ ากดา นหลังของแมกงุ ซ่ึง ระยะของรังไขจ ะแบง ออกไดเ ปน 4 ระยะ ระยะท่ี 1 เปนระยะท่ไี ขย ังไมพ ัฒนา สขี องรังไขเม่ือมองจากดา นหลังจะเหน็ เพยี งเสนจาง ๆ ขนานไปกบั ลาํ ไส ระยะที่ 2 เปนระยะทไ่ี ขก าํ ลงั พัฒนา สีของไขจ ะเขม ขนึ้ มองเหน็ เปน แถบใหญข ึน้
การเพาะและอนบุ าลลกู กงุ ทะเล 3 3 ระยะที่ 3 ระยะไขเ กอื บแกห รือเกือบสกุ แถบของรงั ไขจ ะขยายใหญข น้ึ มองเห็นชดั เจน โดยเฉพาะที่ปลอ ง แรกของลําตัวเริ่มแผอ อก ระยะท่ี 4 ระยะไขแ กห รอื ไขส กุ รังไขจะขยายใหญข นึ้ โดยเฉพาะทีป่ ลองแรกของลาํ ตวั จะขยายแผล งถึง ดา นขางตวั สีของไขจะเขม ขนึ้ พรอ มท่จี ะวางไขในคืนนนั้ การวางไขของแมก ุงในบอ เพาะฟก แมกุง ไขแ กจ ะวางไขใ นเวลากลางคืน ระยะเวลาวางไขเริ่มตงั้ แต 20.00 น. - 04.00 น. โดยขณะทวี่ างไขแมก ุง จะวา ยนาํ้ วนไปรอบ ๆ บอ และทําการปลอ ยไขอ อกทางชอ งเปด บริเวณ โคนขาเดนิ คทู ี่ 3 ขณะเดยี วกนั น้าํ เชือ้ ของตัวผทู เ่ี ก็บไวท ่ี Thelycum กจ็ ะถกู ปลอ ยออกมาบรเิ วณโคนขาเดนิ คทู ่ี 4 การวางไขน จ้ี ะใชเ วลาประมาณ 3-5 นาที การพัฒนาของรังไขไปเปนตัวออน ไขก งุ มลี ักษณะกลม สีเหลอื งอมเขยี ว มขี นาดเสน ผา นศูนยก ลางประมาณ 0.30-0.32 มิลลิเมตร (300-320 ไมครอน) ไขท ี่ไดร ับการผสมจะเรมิ่ แบงเซลล และพัฒนาไปเปน ตัวออน หรือฟกออกเปนตัว โดยใชเ วลาประมาณ 12-14 ชว่ั โมง ขึ้นอยกู บั อุณหภูมแิ ละความเคม็ ลูกกุงวยั ออ นจะมกี ารพฒั นา และมกี ารเปลยี่ นแปลงรูปรา งไป จนกระทงั่ เหมอื นกับตัวเต็มวยั ซ่งึ สามารถแบงออกเปน ระยะตา ง ๆ ไดดังนี้ ตัวออ นระยะท่ี 1 (Nauplius) รปู รา งคลา ยแมงมมุ ยังไมกนิ อาหาร เนอ่ื งจากมถี งุ อาหาร (Yolk sac) ตดิ อยูกบั ตัว ตัวออ นระยะนจ้ี ะผา นการลอกคราบ 6 ครั้ง ใชเ วลาประมาณ 1.5-2 วนั ก็จะเขาสูตวั ออ น ตัวออ นระยะที่ 2 (Zoea) รปู รางลําตัวจะยาวขน้ึ เริ่มกนิ อาหาร ตวั ออ นระยะนี้ ลอกคราบ 3 คร้ัง มี 3 ระยะ ใชเวลา 3-5 วนั ถึงจะเขา สูตวั ออนระยะท่ี 3 ตวั ออ นระยะที่ 3 (Mysis) ตวั ออ นระยะนีแ้ ตกตา งจากระยะท่ี 2 อยา งชดั เจน ทั้งรปู ราง ทงั้ การเคลือ่ นไหว ตัวออ นระยะนลี้ อกคราบ 3 ครง้ั มี 3 ระยะ ใชเ วลาประมาณ 3-5 วัน จงึ เขา สตู วั ออนระยะสุดทา ย ตวั ออ นระยะสุดทา ย (Post larva) ลูกกงุ ระยะน้ีจะมีลกั ษณะเหมอื นกบั กงุ วัยรนุ มอี วัยวะตาง ๆ เกอื บ ครบทกุ สวน และจะพัฒนาการไปเรอ่ื ย ๆ เมอื่ เล้ยี งไปจนถงึ ชว ง Post larva 10-15 (P10-P15) กส็ ามารถทีจ่ ะปลอย ลงเลีย้ งในบอ ดนิ ได การเตรียมการกอนการเพาะและอนุบาลลูกกุง ทะเล 1. การเตรียมโรงเพาะฟก การทาํ ความสะอาดบอ และอปุ กรณ โดย 2. การเตรยี มน้ําและการตรวจสอบคณุ ภาพนํ้า การเตรยี มนํ้าทะเลทจี่ ะใชในการเพาะฟก และอนุบาลลูกกุงวยั ออน ควรเปนนา้ํ สะอาด โดยการนํานาํ้ ทะเลที่มคี วามเค็มระหวา ง 28-32 ppt มาพกั ใหต กตะกอน แลวน้ํามาฆา เช้อื โดยใสค ลอรนี 20-30 กรมั /นาํ้ ทะเล 1 ตนั (ppm) หรอื ในกรณที ีไ่ มม บี อ ตกตะกอน สามารถนํานา้ํ มาฆา เชอื้ โดยใสค ลอรีน 50-100 กรัม/นํา้ ทะเล 1 ตนั (ppm) ใหอ ากาศอยา งนอ ย 1 วนั แลวตรวจสอบนาํ้ วา มคี ลอรตี กคา งหรือไมด วยการหยดโพแทสเซยี มไอดอไดด
การเพาะและอนุบาลลูกกุง ทะเล 4 4 (KI) ลงไป ถา นํ้าใสไมเ กิดสี แสดงวา ไมมคี ลอรีนตกคา ง แตถ า น้ําเปล่ยี นเปนสเี หลอื ง แสดงวามีคลอรนี ตกคา งอยู ตอ งรอใหค ลอรนี ตกคาง แตถา นาํ้ เปล่ียนเปนสีเหลอื ง แสดงวามคี ลอรีนตกคางอยู ตองรอใหค ลอรีนสลายหมด กอ น หรอื จะกาํ จัดคลอรนี ทเี่ หลือดว ยโซเดยี มไธโอซลั เฟต (Na2S2O3 5-10 กรมั /นํ้าทะเล 1 ตัน ก็ได หลงั จากการ ตกตะกอนและฆาเช้ือนํ้าทะเลแลว ควรมกี ารตรวจสอบสภาพนํ้าหรอื คณุ สมบตั ิของนา้ํ วา เหมาะตอการเพาะและ อนุบาลลูกกงุ ทะเลหรอื ไม โดยคณุ สมบตั ขิ องนํา้ ทเ่ี หมาะสมตอการเพาะและอนุบาลลูกกงุ ทะเลมีดงั นี้ ความเค็ม 28-32 สวนในพัน (ppt) อณุ หภมู ิ 28-32 องศาเซลเซยี ส พเี อช (pH) 7.8-8.3 อัลคาไลน ไมค วรตาํ่ กวา 100 mg/1 as CaCO3 แอมโมเนยี ไมเ กนิ 0.4 มลิ ลกิ รมั /ลิตร ไนไตรท ไมเกนิ 1 มิลลิกรมั /ลิตร ถา คุณภาพนํา้ หรอื คณุ สมบตั ขิ องน้ําไมเ หมาะสมกจ็ ะมีผลตออตั ราการวางไขข องแมกงุ อัตราการฟกไข อตั ราการเจรญิ เตบิ โต และอัตราการรอดของลกู กงุ 3. การเตรยี มอาหารลกู กุงทะเลวัยออ น อาหารทเี่ หมาะสมสําหรบั การอนุบาลลูกกงุ ทะเลวัยออนชว งแรก ไดแ ก แพลงกตอนพืชในกลมุ ได อะตอม เชน Chaetoceros spp. หรือ Skeletonema sp. ซึ่งเปน ชนิดทเี่ หมาะสมทส่ี ุด อาหารสาํ หรบั ลกู กุงทะเลวยั ออนอีกชว งทค่ี วรเตรยี มไดแ ก แพลงกต อนสัตว พวกโรติเฟอร ไรนา้ํ กรอย ไรแดง เปน ตน 4. การเตรยี มลูกพันธุ นอกจากการเตรียมน้ํา เตรยี มบอ และเตรยี มอาหารแลว การเตรียมลกู พันธกุ เ็ ปนปจ จยั สําคญั ในการ อนุบาลลกู กงุ ใหป ระสบความสําเรจ็ เชน กนั เนอ่ื งจากถา ไดลกู พันธุทดี่ ี มคี ณุ ภาพกจ็ ะทําใหก ารอนบุ าลงายข้นึ ดังนน้ั ควรตอ งมีการจัดการตงั้ แตก ารเตยี มแมก ุง กอ นทจ่ี ะนาํ มาวางไขและการทาํ ความสะอาดไขห ลังแมก ุงวางไข ซงึ่ จะชวยเพิ่มอตั ราการฟก และเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพหรอื คณุ ภาพของลูกกุงได การจัดการเพอื่ เพม่ิ คณุ ภาพของลูกกงุ 1. การจัดการดา นแมกุง กอ นปลอ ยลงถงั วางไข ทาํ ไดโดยนาํ แมก งุ ไขแก (ระยะที่ 4) มาแชใ นฟอรมาลิน 100 ppm นาน 10 นาที เพื่อฆา เชื้อโรคและโปรโตซวั ทต่ี ิดมากบั แมกงุ หลงั จากแชฟ อรมาลนิ แลว นําแมกงุ มาแชยา ปฏชิ ีวนะออกซิเตตรา ไชคลนิ (Oxytetracyclin) 50 ppm นาน 2-3 ชัว่ โมง เพ่ือลดการตดิ เช้อื ของแมกงุ เพราะ บางคร้ังแมก ุงท่ไี ดมาอาจมรี ะยางคบางสว นฉีกขาด หรอื มีแผลตามตวั ซึ่งจะชว ยลดการติดเชือ้ ไปสูล ูกกุง ได หลงั จากน้ันนาํ แมกงุ ปลอยลงสูถังวางไข 2. การลา งไข โดยวิธีการลางไขก ุงมี 2 วิธคี อื ลางดว ยนาํ้ ทะเลสะอาด หรอื ลา งดว ยสารเคมี โดยใช ฟอรม าลิน 100 ppm วธิ กี ารลา งไขมีดังน้ี ในข้ันตอนการลา งไขก ระทําไดโ ดยเมือ่ แมกุงวางไขอ อกแลว ใหแ ยกแมกุงออกและดดู ไขอ อกจากถัง วางไข โดยการลักนํา้ ออกและใชสวิงท่มี ีขนาดตาเล็กกวา 250 ไมครอน รองรบั ไขกงุ โดยมีสวงิ ทมี่ ีขนาดตาใหญก วา
การเพาะและอนบุ าลลกู กงุ ทะเล 5 5 350 ไมครอน อยขู า งบน เพ่ือรองรับคราบไขมันและขีก้ งุ ไมใ หป ะปนมากับไขกงุ (ไขก งุ กลุ าดาํ มีขนาดประมาณ 300-320 ไมครอน) จากนั้นนําไขก งุ มาลา งทาํ ความสะอาดเม่อื ลกู กุง ฟก ออกเปนตัวแลวกอ นการลําเลยี งลกู กงุ ระยะแรก (Nauplius) ลงสบู ออนุบาล ควรทาํ การคัดคุณภาพลูกกุงกอน หลักการพิจารณาคณุ ภาพของลกู กุง ระยะแรก (Nauplius) มดี ังนี้ 1. ลาํ ตวั มีสเี ขม สีจะออกสนี าํ้ ตาลออน ลาํ ตวั สะอาด ไมม เี มือกเกาะ ลกู กุงทอี่ อ นแอ สขี องลําตวั จะออกสี ขาวขนุ ลําตัวไมสะอาด มเี มอื กเกาะ 2. เมอ่ื มแี สงสอง ลูกกุงทแ่ี ข็งแรงจะเคลือ่ นท่ีเขาหาแสง สวนลูกกงุ ที่ออนแอจะจมอยบู รเิ วณถังฟก ไข ถงั ฟกไขท่ีเหมาะสมควรมีขนาดความจนุ ํ้า 200-500 ลิตร ในกรณีของกงุ แชบวย สว นถังฟก ไขท ีเ่ หมาะสมของกุง กลุ าดาํ ควรมขี นาด 500 ลติ ร และถงั ฟก ไขท ่ีดคี วรเปน ถงั สดี ํา เพราะจะสะดวกในการรวบรวมลกู กงุ และสะดวกตอ การตรวจสอบคุณภาพของลูกกุง การอนุบาลลกู กุงกุลาดํา และกงุ แชบว ย เม่ือแมก ุง วางไขแลว ประมาณ 12-14 ชว่ั โมง ก็จะฟกเปน ตวั ออนระยะแรก (Nauplius) ซ่งึ ระยะนย้ี ังไมกิน อาหาร เตรียมยา ยลกู กุงลงบอ อนุบาล โดยควรปลอยทอ่ี ตั ราความหนาแนน ประมาณ 100,000 ตวั /นา้ํ 1 ตนั หลังจากน้นั กอ นที่ลกุ กงุ จะเขา สตู วั ออ นระยะท่ี 2 (Zoea) ซ่งึ เปน ระยะท่เี ร่มิ กินอาหารควรใสแ พลงกตอนพืชกลมุ ได อะตอม ไดแก Chaetoceros spp. หรอื Skeletonema sp. ใหเปนอาหาร ควรใหอ าหารทกุ ๆ 4-6 ช่ัวโมงตอครั้ง ลูก กุงระยะนีจ้ ะใชเวลาประมาณ 3-5 วัน ก็จะเขา สรู ะยะท่ี 3 (Mysis) ลกู กุงระยะนี้ยังคงใหแ พลงกตอนพชื อยูแตจ ะเสรมิ แพลงกต อนสตั วลงไปดว ย แพลงกตอนสตั วท ใ่ี หใ นระยะนี้ไดแก โรตเิ ฟอร อารท ีเมยี แรกฟก แตท เี่ หมาะสมทส่ี ุดคือ โรติเฟอร (ธดิ า, 2543) ลูกกงุ ระยะนจ้ี ะใชเ วลาประมาณ 3-5 วัน กจ็ ะเขา สรู ะยะสดุ ทา ย (Post larva) ลกู กุง ระยะน้ี จะกนิ แพลงกต อนสัตวเ ปน หลกั ไดแ ก อารท ีเมยี โคพพี อด ไรนาํ้ กรอย ไรแดง เปน ตน ลูกกุงระยะน้จี ะทาํ การ อนุบาลประมาณ 15 วนั (Post larva 15 หรือ P15) กจ็ ะนาํ ไปเลี้ยงตอ ในบอดนิ เพ่ือจําหนายตอ ไป
การเพาะและอนบุ าลลกู กงุ ทะเล 6 6 การจดั การระหวา งการอนุบาล 1. การจดั การดา นคณุ ภาพน้ํา การถายนํา้ จะสามารถทาํ ไดต ง้ั แตร ะยะไมชสี เพอ่ื ปองกนั การสะสมของ ของเสยี ในบอ การเปลยี่ นถายนํา้ ระยะนค้ี วรเปล่ยี นถายน้ําประมาณ 30% ของปรมิ าตรนาํ้ ที่มอี ยู เมอ่ื กงุ เขาสูระยะ Post larva ควรทาํ การถายนํา้ และดูดตะกอนของเสียทอี่ ยตู ามพ้นื บอ การเปลยี่ นถา ยน้ําจะอยใู นชวง 20-50% ของ ปรมิ าตรนาํ้ ทง้ั หมด ควรเปล่ียนนํ้าวนั เวน วันหรือทกุ วนั ข้นึ อยูก ับความเหมาะสม ซ่งึ จะชว ยลดการสะสมของของ เสียตา ง ๆ ซ่ึงเปนปจจัยทท่ี าํ ใหค ณุ ภาพน้าํ ในบอไมดี ถา สภาพนํา้ ในบอไมดี จะสง ผลโดยตรงตอการอนุบาลลกู กุง เปนผลใหกงุ เครยี ด กินอาหารไดน อ ยลง มผี ลตออตั ราการรอดของลกู กงุ และอาจทาํ ใหเ กดิ โรคแทรกซอ นไดง าย เพราะสาเหตขุ องการเกดิ โรคจะมาจาก 1.1 สิ่งแวดลอม 1.2 ตัวสัตวน า้ํ 1.3 ตวั เชอื้ โรค สิ่งแวดลอมในทนี่ ีห้ มายถงึ สภาพน้ํา ถาสภาพน้ําแย ไมเหมาะสมตอ การอนบุ าล ลกุ กงุ ก็จะออ นแอ โอกาสเกดิ โรคมีสงู แตถามกี ารจดั การคณุ ภาพน้ําทด่ี ี ลูกกงุ กจ็ ะแข็งแรง กนิ อาหารไดดี โอกาสในการเกดิ โรคจะ ลดลง 2. การจัดการดา นอาหาร ควรใหอ าหารเพียงพอและเหมาะสมตอลกู กงุ เพราะจะชวยใหล กุ กุง มีสุขภาพ แขง็ แรง การเจริญเตบิ โตดี และมอี ัตราการรอดดี โอกาสในการเกิดโรคแทรกซอนก็จะมนี อ ยลง แนวโนมการเพาะเล้ียงกงุ ทะเล กุงทะเลเปน สัตวนํา้ ทม่ี ีคณุ คา ทางเศรษฐกจิ ชนดิ หน่ึง ประชาชนนยิ มบรโิ ภคกันอยา งแพรหลาย โดยเฉพาะกงุ กลุ าดาํ และกงุ แชบว ย จัดไดว าเปนสัตวน้าํ ทม่ี ตี ลาดการจาํ หนา ยท้งั ภายในและภายนอกประเทศมาก ทส่ี ดุ และมีราคาซื้อขายในตลาดท่คี อ นขา งสงู ทําใหม ผี นู ิยมเลี้ยงกนั อยางแพรหลาย ซงึ่ ลูกพันธุท ่ไี ดจะมาจากโรง เพาะฟก ทง้ั หมด การเพาะและอนุบาลลูกกุงทะเลทอี่ าศยั หลกั การทางวชิ าการ ควรมกี ารสงเสรมิ มากยง่ิ ข้ึน เพอ่ื ประโยชนแ กเ กษตรกรทเี่ พาะและอนบุ าลลูกกุงทะเล และเพอ่ื เปน การเพิม่ ศกั ยภาพของผูทีส่ นใจทจ่ี ะทาํ ธุรกจิ เพาะ และอนุบาลลูกกงุ ทะเล ซ่ึงถา นาํ หลกั การทางวิชาการเขา มาประยุกตผสมผสานกบั ประสบการณทีม่ อี ยจู ะทําให อัตราการรอดตายของลกู กุงสงู ย่งิ ขึน้ และไดลกุ กุง ทดี่ ีออกสูต ลาด เหมาะสาํ หรบั เกษตรกรผทู จ่ี ะนําไปเลยี้ งจากกุง วยั ออนเปนกุง โตเพ่อื จาํ หนา ยใหก บั ตลาดท่ีตองการตอ ไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: